ความคิดเห็นที่ 1 ทุกอย่างน้ำหนัก 9 เท่าก็ขณะเดียวกัน  เจ้าปอด ของเราก็หนัก 9 เท่าไปด้วยคับ การหายใจเพื่อขยายปอดหนัก 9 เท่าก็  ทำให้ ยากลำบากขึ้นคับผม จากคุณ : ชลน่าน เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 07:03:16

ความคิดเห็นที่ 2 วาฬ ที่มาเกยตื้น ตายก็เพราะหายใจลำบาก ไม่ใช่เพราะขาดน้ำแต่เพราะ น้ำหนักตัวกดปอดทำให้หายใจไม่ออกตาย ไม่เหมือนกับตอนอยู่ในน้ำที่มีน้ำคอยพยุงน้ำหนักตัวให้  ถ้าเป็นปลาทั่วไปคอยฉีดน้ำให้ก็รอดแล้ว จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 07:56:00

ความคิดเห็นที่ 3 #2 งั้นเอา NPFaster ไปเสียบปากวาฬมันก็จะรอดใช่มั้ยครับ เพราะวาฬจะเบาขึ้น XD จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 09:58:11

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่ได้ครับ วาฬมันไม่มีช่องที่จุดบุหรี่ จากคุณ : ksk เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 10:09:01

ความคิดเห็นที่ 5 งั้นก็ต้องไปร้านประดับยนต์เพื่อติดที่จุดบุหรี่ก่อน จากคุณ : UNSOURCE เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 11:42:47

ความคิดเห็นที่ 6 จากวีดีโอ ถ้าขึ้นไปถึง 12 G ตาน่าจะหลุดออกจากเบ้า... จากคุณ : mermanoid เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 12:48:02

ความคิดเห็นที่ 7 ผมว่า เราได้วิธีทรมานคนอีกวิธีแล้วครับ 555+ จากคุณ : Culture เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 13:08:03

ความคิดเห็นที่ 8 ถาม : ทำไมแรง G สูงๆ ถึงหายใจได้ลำบากครับ ตอบ : ผลจากอัตราเร่ง (EFFECTS OF ACCELERATION)         พัฒนาการของอากาศยานเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มีกำลังขับเคลื่อนมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำหนักของอากาศยาน ดังนั้นเครื่องบินจึงสามารถทำความเร็วได้มากขึ้นและมีความคล่องตัวในการเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ไปพร้อมๆ กัน นั่นคือ การเกิดอัตราเร่งขึ้นกับอากาศยานซึ่งจะมีผลกระทบกับนักบิน ซึ่งเป็นผู้บังคับอากาศยานโดยตรงด้วย ด้วยเหตุที่ความทนทานของมนุษย์ต่ออัตราเร่งที่มากระทำนี้มีขีดจำกัด จึงจำเป็นต้องศึกษาถึงผลที่เกิดขึ้นเหล่านี้เพื่อป้องกันและแก้ไขให้เกิดความปลอดภัยในการบินในที่สุด          อัตราเร่ง (Acceleration)  คือ การเปลี่ยนแปลงความเร็วที่มีทิศทางต่อหน่วยเวลา มีหน่วยเป็นฟุต/วินาที๒ หรือเมตร/วินาที๒ อัตราเร่งที่เราเคยชินคือ  แรงโน้มถ่วงของโลก (Gravity) ซึ่งใช้อักษรย่อ G มีค่าคงที่เท่ากับ ๓๒.๒ ฟุต/วินาที๒หรือ ๙.๘ เมตร/วินาที๒ ดังนั้นจึงกำหนดขนาดของแรงที่ทำให้วัตถุเกิดอัตราเร่ง ๓๒ ฟุต/ วินาที๒ ให้มีค่าเท่ากับ ๑ G ขอเอาเรื่องราวเหตุการณ์ ของ Thunderbirds มาประกอบน่ะครับ และรูปต่างๆเข้ามาเสริมเพื่อความเข้าใจเรื่องแรง G ใน Clip นี้คุณ ฐาปนีย์ เอียดศรีไชย  ผู้หญิงคนแรกของไทยที่ได้ขึ้นบินกับ Thunderbirds  กับลังเจอกับอาการ EFFECTS OF ACCELERATION จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 15:11:39

ความคิดเห็นที่ 9 ชนิดของอัตราเร่งมี 3 รูปแบบดังนี้ ๑. อัตราเร่งที่เป็นเส้นตรง (Linear Acceleration)           ๒. อัตราเร่งที่เกิดจากการเลี้ยวในแนวโค้ง (Radial Acceleration)             ๓. อัตราเร่งที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงความเร็วและทิศทางการเลี้ยว (Angular Acceleration) --------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 15:32:09

ความคิดเห็นที่ 10 ๑. อัตราเร่งที่เป็นเส้นตรง (Linear Acceleration) คือ การเปลี่ยนแปลงความเร็วที่ไม่มีการเปลี่ยนทิศทาง เช่น การวิ่งขึ้นจากสนามบินของเครื่องบิน การลงสนามบินของเครื่องบินหรือการดีดตัวออกจากเครื่องบินของเก้าอี้ดีด เป็นต้น จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 15:33:27

ความคิดเห็นที่ 11 ๒. อัตราเร่งที่เกิดจากการเลี้ยวในแนวโค้ง (Radial Acceleration)คือ การเปลี่ยนทิศทาง โดยมีความเร็วคงที่ ทำให้เกิดแรงหนีศูนย์กลาง (Centrifugal Force) เช่น การเลี้ยวด้วยความเร็วคงที่ของเครื่องบิน เป็นต้น จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 15:37:57

ความคิดเห็นที่ 12 ๓. อัตราเร่งที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงความเร็วและทิศทางการเลี้ยว (Angular Acceleration) คือ การเลี้ยวของเครื่องบินที่เปลี่ยนแปลงทั้งความเร็วและทิศทาง แรง G ที่เกิดขึ้นเป็นผลรวมของอัตราเร่งชนิดแรกและชนิดที่สองรวมกันการบินในท่าวงกลมทางตั้ง (loop) เป็นต้น จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 15:46:02

ความคิดเห็นที่ 13 ลักษณะของอัตราเร่งที่กระทำต่อร่างกาย  [u]จำแนกเป็นแบบต่างๆ ตามทิศทางที่กระทำต่อร่างกายดังนี้ คือ/[u]          ๑. อัตราเร่งในแนว + Gz คือ แรงที่กระทำในทิศทางจากศีรษะไปส่วนล่างของร่างกาย เช่น แรงที่กระทำในขณะเครื่องบินดำลงทิ้งระเบิดแล้วเงยหัวขึ้น หรือขณะเครื่องบินเข้าวงเลี้ยว เป็นต้น          ๒. อัตราเร่งในแนว - Gz คือ แรงที่กระทำในทิศทางจากเท้าขึ้นไปทางศีรษะ เช่น แรงที่กระทำในขณะเครื่องบินทำการบินในท่าวงกลมทางตั้งแบบกลับหัวออก (Outside loop) เป็นต้น          ๓. อัตราเร่งในแนว + Gx คือ แรงที่กระทำในทิศทางจากด้านหน้าไปทางด้านหลังเช่น แรงที่กระทำในขณะเครื่องบินกำลังวิ่งขึ้นจากสนามบิน ดันให้ตัวไปชิดกับพนักพิงหลัง เป็นต้น          ๔. อัตราเร่งในแนว - Gx คือ แรงที่กระทำในทิศทางจากด้านหลังไปทางด้านหน้า เช่น แรงที่กระทำในขณะเครื่องบินลดความเร็วในทันทีทันใดทำให้ตัวคะมำไปด้านหน้า เป็นต้น          ๕. อัตราเร่งในแนว + Gy คือ แรงที่กระทำในทิศทางจากด้านขวาไปทางซ้าย เช่นแรงที่กระทำในขณะเครื่องบินมีอาการควงสว่านไปทางด้านขวา เป็นต้น          ๖. อัตราเร่งในแนว - Gy คือ แรงที่กระทำในทิศทางจากด้านซ้ายไปทางขวา เช่นแรงที่กระทำในขณะเครื่องบินมีอาการควงสว่านไปทางด้านซ้าย เป็นต้น จากรูปอธิบายถึง G-forces can affect the body in three axes: Gx, Gy, and Gz. แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 52 15:54:23 จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 15:50:35

ความคิดเห็นที่ 14 รูปบน : IMPACT DIRECTION The direction from which a prolonged accelerative force acts on the body also determines the physiological effects that occur. The body does not tolerate a force applied to the long axis of the body (Gz) as well as it does a force applied to the Gx axis รูปกลาง : Negative Acceleration รูปล่าง :   Positive Acceleration อ้างอิงจาก: เรื่อง Gravitational Forces http://www.cavalrypilot.com/fm1-301/ch4.htm จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 16:02:27

ความคิดเห็นที่ 15 ผลกระทบของอัตราเร่งที่มีต่อร่างกาย          ๑. การเคลื่อนไหวของร่างกาย (Mobility effect) อัตราเร่งทำให้ร่างกายถูกดึงหรือดันไปตามแรงที่เกิดขึ้น และทำให้เสมือนร่างกายมีน้ำหนักมากขึ้น เช่น น้ำหนักตัว ๕๐ กิโลกรัมจะกลายเป็น ๒๕๐ กิโลกรัม เมื่อได้รับอัตราเร่งในขนาด + ๕ Gz ทำให้การขยับแขน ขา เป็นไปด้วยความยากลำบาก เป็นต้น          ๒. การหายใจ (Respiratory effect)[/u] อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบการหายใจในทรวงอก เช่น ปอด หัวใจ กะบังลม จะเคลื่อนไหวด้วยความยากลำบาก ทำให้การทำงานของระบบการหายใจมีประสิทธิภาพลดลง          [b]๓. การไหลเวียนของกระแสโลหิต (Cardiovascular effect) เนื่องจากเลือดซึ่งเป็นของเหลวจึงถูกแรงที่มากระทำจากอัตราเร่งดึงให้ไหลตามไปในทิศทางที่มากระทำได้ง่ายกว่าอวัยวะส่วนอื่นๆ เช่น +Gz ทำให้เลือดถูกดึงไปคั่งอยู่ที่บริเวณส่วนล่างของร่างกายคือช่องท้องและขา ส่วน -Gz ทำให้เลือดถูกดันขึ้นไปคั่งอยู่บริเวณลำคอและศีรษะ เป็นต้น          ๔. การมองเห็น (Visual effect)เนื่องจากเลือดถูกดึงไปที่ส่วนล่างของร่างกายในกรณีของ +Gz จึงมีเลือดไปสู่ดวงตาและสมองลดลงทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลงเป็นสัดส่วนกับขนาดของอัตราเร่งที่มากระทำ นอกจากนี้อัตราเร่งยังอาจทำให้เลนส์เคลื่อนที่ซึ่งจะมีผลให้ภาพที่มองเห็นผิดปกติไปได้          ๕. การรับรู้การทรงตัวของร่างกาย (Vestibular effect)  แรงจากอัตราเร่งทำให้ขนอ่อนซึ่งอยู่ในอวัยวะรับรู้การทรงตัวในหูชั้นในเคลื่อนไหวไปตามแรงที่มากระทำ ปรากฏการณ์เช่นนี้ทำให้การแปลผลในสมองผิดพลาดไปจากความเป็นจริง ดังกล่าวมาแล้วในเรื่องของการหลงสภาพการบิน คำตอบของกระทู้นี้อยุ่ในข้อ (1) (2) ครับ ปัจจัยเหล่าทำให้เกิดอุบัติเหตุที่เกิเกิดจากตัวนักบิน ต่อผลกระทบจากสาเหตุ Gravitational Forces จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 16:24:21

ความคิดเห็นที่ 16 Human Centrifuge for Acceleration Testing ถ้าจะเป็นนักบินอย่างน้อยๆก็ต้องผ่านเจ้าเครื่องทดสอบแรงเหวี่ยงหนีศุนย์ แรง G นี้แหละครับ ในเมืองไทยก็มีเอาไว้ทดสอบนักบิน หรือศิษย์การบินทั้งทหารและพลเรือน ถ้าใครเคยดูกบนอกกระลา ตอนนักบินรบ ลงจากเครื่องแต่ละคน ไปไม่เป็นทั้งนั้นครับ หนักหน่อยก็อ้วกกันไปเลย คุณสมบัติของเครื่อง Performance Capabilities •Acceleration capability: +1 to +30 G •Onset rate: 0.1 to 6.0 g/s Facility/Equipment Description •Radius: 6.1 m •Gondola volume: 7.2 m3 •Payload: 680 kg •Peak power: 1.5 MW •Operating mode: Programmed or piloted Physiological & Experimental Measurements •ECG, EOG, EMG, EEG, blood pressure, field of view, and video images •Acceleration, breathing system pressures, and flows จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 16:29:06

ความคิดเห็นที่ 17 ผลกระทบของอัตราเร่งที่มีต่อร่างกายตามระบบต่างๆ ดังกล่าวมานี้ จะเกิดขึ้นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการดังต่อไปนี้ คือ          ก. ขนาดของแรงที่เกิดขึ้นจากอัตราเร่ง (Magnitude)ขนาดของอัตราเร่งที่มีค่ามากจะมีผลต่อการทำงานของร่างกายมากขึ้นเป็นลำดับ          ข. ระยะเวลาที่มีแรงกระทำต่อร่างกาย (Duration)  แรงที่มากระทำในช่วงระยะสั้นๆจะมีผลต่อร่างกายน้อยกว่าแรงที่มากระทำเป็นระยะเวลานาน โดยทั่วไปแล้วถือว่าถ้ามีแรงมากระทำนานมากกว่า ๑ วินาที ถือว่ามีอัตราเร่งต่อร่างกายนาน (Prolong Acceleration) หากระยะเวลาที่มีแรงมากระทำน้อยกว่า ๑ วินาที ถือว่ามีอัตราเร่งทันทีทันใด (Impact Acceleration)          ค. ความเร่งในการเปลี่ยนค่าของอัตราเร่ง (Rate of Application) คือการเปลี่ยนอัตราเร่งต่อหนึ่งหน่วยเวลา ถ้ามีค่าสูงจะเป็นอันตรายต่อร่างกายมาก          ง. พื้นผิวและส่วนต่างๆ ของร่างกาย (Surface Area and Body Region) แรงที่กระทำต่อพื้นผิวที่มีพื้นที่มากจะมีผลกระทบต่อร่างกายน้อยกว่าแรงขนาดเดียวกันที่กระทำต่อพื้นผิวที่มีพื้นที่น้อย และยังขึ้นอยู่กับบริเวณต่างๆ ของร่างกายที่แรงมากระทำอีกด้วย เช่น ร่างกายสามารถทนต่อแรงขนาด ๒๐ กิโลกรัม ซึ่งกระทำบนหน้าอกได้ แต่ไม่สามารถทนต่อแรงขนาดเดียวกันที่กระทำบนปลายนิ้วได้ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 16:32:17

ความคิดเห็นที่ 18 จ. ทิศทางของแรงที่กระทำต่อร่างกาย (Direction)             แรงจากอัตราเร่งที่กระทำต่อร่างกายทั้ง ๓ ทิศทาง คือ X,Y,Z ดังกล่าวมาแล้วนั้น +Gz เป็นทิศทางของแรงที่มีผลกระทบต่อร่างกาย มากที่สุด ส่วน +Gx เป็นทิศทางที่ร่างกายสามารถทนทานได้ดีที่สุด โดยสามารถทนได้ถึง + ๑๕ Gx            แรง + Gz นิยมเรียกสั้นๆ ว่า แรงจีบวก (Positive G) หรือแรง G โดยมีความหมายถึง แรงจากอัตราเร่งซึ่งกระทำในทิศทางจากศีรษะไปส่วนล่างของร่างกาย ประมาณว่าทุก + ๑ Gz ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้แรงดันโลหิตลดลงประมาณ ๒๒ มิลลิเมตรปรอท หากเกิดแรงประมาณ + ๓ ถึง +๔ Gz จะทำให้เกิดอาการทางสายตา คือ การ มองเห็นมัวลง (Gray out) และลานสายตาแคบลง (Tunnel vision) ถ้าแรงดังกล่าวยังมีอยู่อีกต่อไปจะทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ (Black out) ซึ่งจะเกิดขึ้นที่ประมาณ + ๔.๕ Gz แรงที่เกิดขึ้นมากกว่า + ๕ Gz จะทำให้หมดสติได้ (G-Induce Loss of Conciousness หรือ G-LOC) ทั้งนี้ถ้าหากแรงที่เกิดขึ้นมีขนาดสูงในระยะเวลาอันรวดเร็วและต่อเนื่องแล้ว จะทำให้หมดสติได้โดยไม่เกิดอาการทางสายตาเลยก็ได้          ในทางตรงกันข้าม -Gz มีผลทำให้เลือดไปคั่งที่ส่วนลำคอและศีรษะ  แรงในขนาด -๑ ถึง -๒ Gz จะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ มึนงง และมองเห็นเป็นแสงสว่างสีแดงเต็มไปหมด (Red out) เนื่องจากมีเลือดไปคั่งในลูกตาจำนวนมากและอาจจะมีเส้นเลือดฝอยในลูกตาหรือในสมองแตกได้  เชื่อว่ามนุษย์สามารถทนแรงจากอัตราเร่งในทิศทางนี้ได้ไม่เกิน -๓ Gz รูปซ้าย ; แสดงทิศทางของอัตราเร่งที่กระทำต่อร่างกาย รูปขวา ; Human-Tolerance Limits to Whole-Body Impact (Duration 0.1 Second) จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 16:39:00

ความคิดเห็นที่ 19 ปาดหรือเปล่า ขอถามต่อ ถ้าเราสามารถเดินทางได้ด้วยความเร็วแสง เราจะโดนแรงG ขนาดไหน แล้วจะทนอยู่ได้มั้ย จากคุณ : G.ShamanCrazy เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 16:46:13

ความคิดเห็นที่ 20 Typical examples of g-force ลองดูตารางตัวอย่างที่เกิดจากแรง g-force จากระดับ G ต่ำไปจนถึงแรง G สูงๆ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง 9-12 G Typical max. turn in an aerobatic plane or fighter jet จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 16:51:48

ความคิดเห็นที่ 21 จากความเร็วระดับหนึ่ง เร่งขึ้นไประดับความเร็วเหนือเสียง จะเจอแรง G ขนาดไหนครับ จากคุณ : G.ShamanCrazy เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 16:55:00

ความคิดเห็นที่ 22 การป้องกัน การบรรเทา และการเพิ่มความทนต่อแรงจี 1.ชุดต้านแรงจีต้องกระชับและแน่นพอดี โดยเฉพาะที่หน้าท้องที่ส่วนใหญ่มักปล่อยให้หลวม 2เก้าอี้เอนหลัง ( tilt back seat ) การศึกษาใน Centrifuge พบว่าเก้าอี้เอนหลัง 30 องศาแบบที่ให้ใน F-16 จะเพิ่มความทนต่อแรงจีประมาณ 0.8 จี 3.ที่สำคัญที่สุดก็คือการเกร็งกล้ามเนื้อและการเบ่งทรวงอก ซึ่งวิธีดังนี้ 3.1เกร็งกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย ทั้งแขน ท้อง เพื่อกันไม่ให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ และไล่เลือดออกจากกล้ามเนื้อประมาณ 30 % ของร่างกาย กลับสู่หัวใจการเกร็งต้องเกร็งไว้ตลอดเวลาที่เกิดแรงจี 3.2การเบ่งทรวงอก ประกอบด้วย การหายใจออก-เข้าอย่างรวดเร็ว แล้วเบ่งลมหายใจออกโดยที่ปิดบริเวณคอไว้ไม่ให้ลมออก นาน 3 วินาที และ สูดหายใจเข้าอย่างเร็ว ข้อสำคัญ ช่วงการเบ่งต้องใช้เวลา 3 วินาทีพอดี อย่าสั้นหรือนานกว่านั้นถ้าเบ่งสั้นไป เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ถ้าเบ่งนานไป เลือดเข้าหัวใจไม่พอ ทำให้เลือดไปเลี้ยงไม่พอเช่นกัน              โดยก่อนเกิดแรงให้สูดหายใจเข้าก่อน และเบ่งทรวงอกทันที ให้พิจารณาตามแรงจีที่เกิดขึ้นว่าต้องเบ่งแรงขนาดไหน ไม่ควรเบ่งแรงเกินความจำเป็น เพราะจะเสียพลังงานมาก ทำให้อ่อนแรงในช่วงท้ายๆของการบิน เพราะการหมดสติเนื่องจากแรงจี มักเกิดในช่วงท้ายของการบิน เครดิตคุณ Tracer   Thai Flight อ้างอิงมาจาก หนังสือเวชศาสตร์การบิน ทหารเรือ ถ้าเข้าไปดู Clip จากกระทู้เรื่อง นักบินของ thunderbirds เค้าไม่ใส่ชุด G suit หรือครับ?   http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8418212/X8418212.html นักบินเขาจะมีเทคนิคบอกให้ผู้ที่ขึ้นบินซึ่งเป็นประชาชนขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต ปฏิบัติตาม เช่นให้ร้องเสียง อิ๊กๆๆๆๆๆๆๆ นักบินจะถาม Check  ตลอดเวลาเลย เพื่อดูว่ารับแรง G ได้มั้ย บางรายถึงขั้นหมดสติไปชั่วขณะสำหรับการขึ้นบิน   Blue Angels  ผมว่านักบินเขาโหดดีครับ ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ก่อนขึ้นบิน โดนหมดครับขึ้นอยู่ที่สภาพร่างกายใครจะทนไว้ แต่ถ้าขึ้นบินกับ thunderbirds ดูสุภาพเรียบร้อย นักบินจะชวนคุย บอกเสมอว่าถึงไหน ท่าไหน แล้วพร้อมหรือยังกับ แรง G ที่จะเกิดขึ้น Clip Blue Angels & Thunderbirds  ถ้าเป็นคุณจะไหวมั้ยครับ? จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 17:16:21

ความคิดเห็นที่ 23 หวังว่าคงได้คำตอบและหายสงสัยเกี่ยวกับ g-force เครดิตข้อมูลจาก http://guru.sanook.com/encyclopedia/ผลจากอัตราเร่ง_(EFFECTS_OF_ACCELERATION)/#สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 20 http://www.cavalrypilot.com/fm1-301/ch4.htm http://en.wikipedia.org/wiki/G-force หนังสือเวชศาสตร์การบิน ทหารเรือ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 17:18:55

ความคิดเห็นที่ 24 อยากขึ้นไปมั่งจัง T______T จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 22:59:19