ความคิดเห็นที่ 1 :) เหนื่อยทั้งคุณพี่คุณน้อง เถียงมาระดับนี้น้องคุณจะมีรายได้มากมายด้วยกำไรปันจาก Amway ซึ่งมาจากเงินคนในครอบครัว และเพื่อนๆ จากคุณ : IRQ5 เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 02:13:08

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องนี้มันอยู่ที่ความคิดของแต่ละคนครับ  เราไม่สามารถไปทำให้เขาเปลี่ยนความคิดได้  "เจไดหนุ่ม" ว่าวิธีที่ดีที่สุดถ้าคุณจขกท.ไม่อยากใช้ของ "Amway" ก็คือการบอกเขาไปตรงๆเลยว่าสินค้าพวกนี้มันไม่เหมาะกับเราดังนั้นเขาจึงควรนำมันไปขายคนอื่นดีกว่า  เขาจะได้ไม่ต้องมาตื๊อเราเพราะรู้ว่าตื๊อไปก็ขายไม่ได้  ดีกว่ามาอ้ำๆอึ้งๆไปเรื่อยๆคนขายก็อาจจะคิดว่าเรายังโลเลเลยมาตื๊ออยู่บ่อยๆ และจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมนั้น  มีความคิดเห็นเกี่ยวกับ "Amway" ดังนี้ - ผลิตภัณท์หลายตัวของเขาใช้ได้ดีจริงๆเช่นพวกน้ำยาล้างรถ ล้างจาน เครื่องกรองน้ำ ฯลฯ  แต่ราคานั้นค่อนข้างจะสูงเกินความจำเป็นสำหรับคนทั่วไป - ยุทธวิธีการขายแลระบบการฝึกฝนสมาชิกทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทดูเหมือนองค์กรช๊อคเกอร์ล้างสมองชาวโลก  ทั้งๆที่จริงมันไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าระบบขายตรงทั่วๆไปนั่นแหละ-_-" - รูปแบบการทดลองผลิตภัณท์หลายตัวนั้นไม่ตรงกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ครับ เช่นการทดสอบพวกวิตามินอัดเม็ดชนิดต่างๆ สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก ซึ่งคนทำจะมีทริคเล็กๆน้อยๆมาตบตาคนดู  ซึ่งสมาชิกแอมเวย์ทุกคนที่สมัครเข้าไปก็จะถูกสอนทริคต่างๆเหล่านี้โดยเชื่ออย่างสนิทใจว่ามันเป็นเรื่องจริง (เช่นเอาวิธีการทดสอบวิตามินซีมาแสดงสรรพคุณของยาเม็ดตัวหนึ่ง) - Amway ไม่ใช่บริษัทต้มตุ๋นผู้บริโภค!  เนื่องจากเคยลองใช้ผลิตภัณท์มาหลายชนิดแล้วและส่วนตัวมีคนที่รู้จักทำอยู่  อีกทั้ง "เจไดหนุ่ม" ยังเคยถูกลากไปสัมนาที่พัทยาแลฟังบรรยายหลายต่อหลายครั้(ที่ไปเพราะจะหาทางจับไต๋ต่างๆ)  ทำให้พบว่าแม้ทางบริษัทจะเอาทริปการท่องเที่ยวแลของรางวัลอะไรต่อมิอะไรมาหลอกล่อก็ตาม  แต่รางวัลเหล่านั้นก็มีการแจกจริงๆและคนที่ได้ไปก็คือคนที่ขยันขาย(และใช้ด้วย) จริงๆ - เวลาฟังแผนของธุรกิจจำพวกนี้อย่าไปสนใจเรื่องเที่ยวเมืองนอกเมืองนาคนนู้นมีบ้านคนนี้มีรถอะไรเทือกนั้น  แต่ให้สนว่ามันสามารถให้อะไรแก่เราได้มากแค่ไหน  อย่างผมตอนโดนลากไปฟังนี่ไม่เคยสนใจเลยว่าถ้าทำเท่านี้ๆแล้วจะได้ไปอลาสก้านะ  แต่ผมฟังถึงรายได้แลผลตอบแทนที่มันจะย้อนกลับมาหาเรามากกว่า  โดยถ้าคิดว่ามันไม่เหมาะกับตัวเราก็บอกลาแล้วไปหาอย่างอื่นทำโดยไม่ต้องไปสนใจอะไรอีกให้รกสมองเราครับ   ป.ล. ปัจจุบันผมก็ยังไม่ได้สมัครเป็นนักธุรกิจแอมเวย์ครับ  แม้จะโดนคนรู้จักคะยั้นคะยอลากไปฟังกี่หนต่อกี่หน  ดังนั้นจึงไม่ใช่หน้าม้ามาพูดเข้าข้างบริษัทแน่นอน (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 52 02:38:15 จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 02:36:45

ความคิดเห็นที่ 3 อื้ม....ท่าจะยาว จากคุณ : pipek (yukraider) เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 03:04:13

ความคิดเห็นที่ 4 เคยเป็นสมาชิกแอมเวย์ ทึ่งมาก ชอบ แล้วก็เฉยๆ และก็กลายมาเป็นรังเกียจพวกชอบขาย ผ่านมาเกือบ20ปี ตอนนี้ต้องใช้แอมเวย์หลายตัว เช่นผงซักฟอก เพราะแพ้ผงซักฟอกที่ใช้อยู่ เปลี่ยนหลายตัว จนต้องใช้แอมเวย์ก็หาย(แต่ไม่ซื้อกับพวกสมาชิกนะ ไปสมัครเป็น ผู้ซื้อแล้วซื้อเองสบายใจกว่า) จากคุณ : lantern เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 03:12:17

ความคิดเห็นที่ 5 Amway ก็อาชีพนึงครับ ลองปล่อยน้องทำดู เค้าอาจจะได้ดีก็ได้ ถ้าน้องคะยั้นคะยอให้สมัครก็สมัครไปเถอะครับ พี่น้องกัน ถือว่าให้กำลังใจน้อง แต่ต้องกำชับน้องนิดนึงว่า เราอยากมุ่งมั่นทำอาชีพของเรา ขอคอยให้กำลังใจละกัน แต่ยังไม่อยากทำตอนนี้ ยังไงปีหน้าลองชวนอีกทีละกัน จะได้ไม่ทะเลาะกันครับ จากคุณ : ariyanamvong เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 03:12:29

ความคิดเห็นที่ 6 เม็ดละสิบบาท  กินไม่อิ่ม จากคุณ : @jirayu (wsteven) เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 03:36:42

ความคิดเห็นที่ 7   ต้องใช้ข้อมูลมากกว่านี้ ผมจำได้ว่ายังมีอีกหลายกระทู้แฉที่ขึ้นต้นหัวกระทู้ว่า Amway ลองค้นดู จากคุณ : สู้เพื่อน้อง เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 04:08:29 A:118.173.67.226 X: TicketID:216827

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ไปกู้หนี้ยืมสินใครเค้ามาทำก็ปล่อยไปเถอะครับ ถ้าเค้าทำแล้วรู้สึกมันไม่รอด หรือมันไม่ก้าวหน้าก็ค่อยบอกให้เค้าลองหางานอื่นทำก็ไม่สายหรอกครับ เรื่องของคุณภาพน่ะ ผมว่ามันก็ดีจริง จะแพงไปหรือยังไงก็แล้วแต่คนอยากจะจ่ายเถอะครับ เอาไว้ถ้าใช้(ถูกวิธี)ไปแล้วมันอันตรายต่อสุขภาพหรือผลเสียอย่างไรค่อยว่ากันอีกทีละกันครับ เวลาผมซื้อแก้วน้ำผมยังเลือกอันที่แพงกว่าเพียงเพราะว่ามันสวยกว่าแค่นั้นเอง ทั้งๆที่มันก็เอาไว้ใส่น้ำเพื่อมาดื่มเหมือนๆกัน ปล.เอาไว้ไปเป็นพวกสาวกการเมืองเมื่อไหร่ค่อยเป็นห่วงเถอะครับ แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 52 04:47:39 จากคุณ : Iamgrey เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 04:47:15

ความคิดเห็นที่ 9 ของบางอย่างมัน Placebo Effect ด้วยอะค่ะ (กรณีอาหารเสริมล่ะมั้ง...) แม่เค้าว่า กินน้ำคลอโรฟีลด์แล้วลดพุงได้จริงๆนะเธอออ~ ดูสิ กินแล้วมันเห็นผลจริงๆ เนี่ย เพิ่งกินไปไม่กี่วันเอง เรา : มาม้า เราเป็นมนุษย์นะ จะเอาคลอโรฟีลด์ไปทำไม แม่ : แหม ไม่รู้สิ แต่พุงมันยุบจริงๆนะ เอาเป็นว่า ชั้นจะชงให้เธอกิน เรา (เค้าชงมาก็กินไปสิ...ทั้งๆที่ในใจอยากจะเปิดเว็บนี้ให้แม่ดู) แต่ด้วยสายตาและน้ำเสียงที่แฮปปี้และทึ่งกับเจ้าน้ำเขียวรสฝาดนี่จริงๆ แถมเค้ายังเชื่อของเค้าว่าพุงยุบ (เราก็ไม่กล้ายืนยันด้วยสายวัดซะด้วย) เราก็เลยเออๆออๆไปน่ะค่ะ =w='' จากคุณ : SICKHEART เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 07:27:10

ความคิดเห็นที่ 10 เอาเถอะครับ ผมไม่ชอบเหมือนกัน เซ็งเลยด้วยซ้ำที่โดนหลอก ให้ไปฟัง กรณีนี้ ติดตามดูสักพักครับ ให้น้องได้เห็นด้วยตัวเองก่อน บางทีจะเข้าใจระบบหรือหลักของแอมเวย์มากขึ้น แล้วอาจจะถอยออกมาเอง เล่นกับความเชื่อมันยากนิดนึง จากคุณ : ปัจเอนก เจกชน เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 08:39:20

ความคิดเห็นที่ 11   จะไปต่อสู้กับอะไรเหรอครับ เสียเวลาไปคัดง้างเรื่องไร้สาระเปล่าๆ ถ้าหวังดีกับเขาจริงๆ แค่เตือนว่าให้มีสติ อย่าหน้ามืดตามัว ระวังอย่าไปทุ่มเงินกับมันมากจนเกินไปก็พอ ธุรกิจอะไรก็ตาม ถ้าทำโดยขาดสติ ไม่ศึกษาให้ดี ทำตามเพื่อน ก็เจ๊งทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องแอมเวย์หรอกครับ คุณเองก็ยังเข้าใจอะไรผิดๆ อยู่เลยนี่ครับ ผงซักฟอกไม่ว่ายี่ห้ออะไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องมีฟองก็ล้างได้สะอาด เท่าๆกับมีฟองอยู่แล้ว ฟองที่เห็นเกิดจากสารสร้างฟองที่ใส่ลงไปเพื่อให้เกิดฟองอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ ไม่มี ส่วนช่วยเรื่องการซักล้างเลย เรื่องเครื่องกรองน้ำก็ไม่ต้องไปเถียงกับเขาหรอกครับ มันจะดีที่สุดในโลกจริงหรือไม่ไม่เห็นจะสำคัญตรงไหน แต่มันสำคัญตรงที่ เครื่องกรองน้ำเป็นสินค้าที่ขายได้กำไรเยอะที่สุดเท่านั้นเองครับ อะไรที่คนขายขายได้กำไรเยอะๆ คนขายเขาก็ต้องว่าดีกันทั้งนั้น ไม่แต่แอมเวย์หรอก สินค้าอื่นๆที่โฆษณาทางทีวี และพวกเราก็เป็น "สาวก" ก้มหน้า ก้มตาซื้อใช้กันอยู่ ก็โฆษณาแบบเดียวกันนั่นแล สิ่งที่เค้าทำกันมันไม่ถึงกับเป็น "กลโกง" หรอกครับ มันก็เป็นแค่เทคนิคการโฆษณาอย่างหนึ่ง ใช้เกลือบ้าง ใช้ไอโอดีนบ้าง เพื่อให้เห็นภาพง่ายๆ ทีในทีวีมันยังเอายาสีฟันไปแปรงเปลือกหอยเลย ไร้สาระกว่ากันตั้งแยะ แล้วไปเถียงอะไรกับเรื่องน้ำยาล้างจานผสมน้ำ? ผมดูๆ แล้วไม่เห็นประเด็นเลยว่าคุณต้องการอะไร ผมว่ากลับเป็น คุณเสียอีกที่เลี่ยงไปเลี่ยงมา เหมือนกับแค่ต้องการจะเอาชนะเล็กๆ น้อยๆ แค่นั้น ตกลงที่คุณต้องการจะ "ต่อสู้" นั้นเพื่อน้องของคุณหรือเพื่อตัวคุณเองครับ? ผมไม่ได้ขายแอมเวย์นะ และไม่เคยทำขายตรงอะไรมาก่อนด้วย แต่อยากจะแนะนำคุณว่า ปล่อยน้องคุณเขาทำไป เถอะครับ ไม่ต้องไปจับผิดเขา ถ้าตัวเองไม่ชอบก็ไม่ต้องไปยัดเยียดให้คนอื่นไม่ชอบไปด้วย ถ้าเขาตื๊อนักก็ซื้อมาใช้ แล้วก็ส่งคืนเอาเงินคืน บอกไม่พอใจคุณภาพของสินค้า ก็แค่นั้นจบ ไม่เห็นจำเป็นต้องไปวุ่นวายอะไรกับเขาเลย แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 52 09:27:56 จากคุณ : ปลากวน เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 09:26:54

ความคิดเห็นที่ 12 เม็ดละ 10 บาทแล้ว ได้  รสชาติของการ กินน้ำไหม หาย คอแห้ไหม   ดับกระหายไม่ได้    อร่อยก็ไม่อร่อย ทำให้สดชื่น ป่าว ผงซํกฟอกผมมไ่อยาก สนใจเรื่องฟองไม่มีฟองแต่ สงสัยว่า   ราคา  100 บาทเท่ากัน    อันไหน ซักผ้าได้ มากกว่ากัน กับอันไหน ซักผ้าสอาดกว่า กัน จากคุณ : i-sho เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 10:23:13

ความคิดเห็นที่ 13 สิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยและต่อต้านอย่างแรง คือ ทาสเอ็มเวร มันบอกว่า สินค้าของมัน ดีที่สุด ในโลก ผมถามว่า มันเคยไปดูสินค้าอื่นๆทั่วโลกแล้วหรือ ?? แล้ว ถามต่อไปว่า มันรู้ไหม ทั่วโลกมีสินค้าตัวนี้ กี่ตัว ??? ถามง่ายๆ แค่นี้ จะเป็นเครื่องยืนยันว่า พวกเวร นี่โกหก มันผู้ใดก็ตามที่เริ่มต้น โกหก พรรคพวก เพื่อนฝูง รวมทั้งญาติผู้ใหญ่ของมัน เพียงเพื่อจะได้ผลประโยชน์ มันผู้นั้น ไม่ควรจะคบหา ฝากให้แอ็มเวร เร่งปรับปรุงกลยุทธการขาย เลิกเสียทีที่จะแฝงโกหกคำโต โฆษณาสินค้าเกินจริง มันกำลังดูถูกคนไทย ทั้งชาติ นะ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 10:23:27

ความคิดเห็นที่ 14 ปล่อยไปครับ อาชีพสุจริต ผมเองก็เคยทำ ถ้าไม่ถูกจริตแบบผม ก็ถอยออกมาเองครับ  แต่ถ้าน้องคุณเห็นกระทู้ แล้วคิดปรับปรุงวิธีการสาธิตให้ถูกต้องตามหลักวิทย์ ได้ ก็จะดีมากครับ แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 52 10:26:17 จากคุณ : perspeceviT เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 10:24:45

ความคิดเห็นที่ 15 คห 12 ครับ โฟกัสคนละอบ่างแล้ว อเซโรล่า ไม่ได้ขายความอร่อยครับ เขาขายสารอาหาร ปล. ผมไม่ได้ทำแอมเวย์เน่อ ----------------------------------------------- เรื่องแผนการตลาด แอมเวย์ ยังเป็นแผนเดิมที่ใช้เวลานานมากกว่าจะประสบความสำเร็จ และแผนยังเป็นแผนเรื่องของงานขายมากกว่าเครือข่ายผู้บริโภค ทำให้เกษียนจากธุรกิจได้ช้า และยาก จากคุณ : กระต๊อบน้อย เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 10:27:58

ความคิดเห็นที่ 16 #15   ก็ จขกท เล่าว่า   ผม " อืม วันนึงกินน้ำผลไม้ 2 กล่องก็ครบแล้ว" น้อง "อะเซโรล่า เม็ดละ 10 บาท ถูกกว่าเห็นๆ" ถ้ามันถูกกว่าเห็นต้องถามว่า  มันคุ้มกว่าด้วยไหม 10 ได้ สารอาหารครบ แต่เพิ่มอีก  สิบบาท  อร่อยแก้กระหาย เรียกคงวามสดชื่นได้ด้วย จากคุณ : i-sho เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 10:38:24

ความคิดเห็นที่ 17   ทำแอมเวย์ มีอยู่ สาเหตุเดียว อยากรวย จากคุณ : ผ่านไป เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 11:13:49 A:58.181.157.122 X: TicketID:234487

ความคิดเห็นที่ 18   #13 แหม่.. ใครขายอะไรเค้าก็ต้องว่าสินค้าของตัวเองดีที่สุดทั้งนั้นแหละครับ ถ้าบอกว่าสินค้าอย่างอื่นดีกว่าสิแปลก พูดถึงเรื่องประสิทธิภาพ ซักล้างมากน้อยกว่ากัน เพื่อนผมเปิดร้านซักผ้าหยอดเหรียญ มันเรียกลูกค้าด้วยการแถม ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มฟรี ตอนแรกๆก็ซื้อผงซักฟอกกับน้ำยาปรับผ้านุ่มทั่วไปมาใส่ถ้วยเล็กๆ วางไว้ให้ ลูกค้ายิบใช้ แต่เนื่องจากไม่มีคนเฝ้าร้านก็เลยวางไว้ให้ข้างๆ เครื่อง หลายๆ ถ้วย หมดก็มาเติมทีนึง ต่อมาค่าผงซักฟอกชักสูง เพราะลูกค้าเล่นใส่ทีละสองสามถ้วย เลยไปซื้อหัวเชื้อมาผสมเอง ผสมอย่างเข้มข้น ใส่ขวดร้อยซีซีอย่างละขวด ซักผ้าหนึ่งถังได้สะอาดพอดี ปรากฏว่าโดนหยิบใส่ทีละสองสามขวดอีก น้ำข้นคลั่ก ล้างไม่หมด ลูกค้าอ้างว่าเห็นมันไม่ค่อยมีฟอง กลัวไม่สะอาดเลยใส่ไปอย่างละสองขวด เลยซื้อผงฟองมาผสมให้มีฟอง (ตอนแรกไม่ใส่เลยเพราะรู้ว่าไม่จำเป็น) แต่ก็ยังโดนหยิบใส่ทีละสองขวดอีก คราวนี้ฟองล้นเครื่องเลย มันก็มานั่งคิด แล้วก็สรุปได้ว่า ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ประสิทธิภาพ ไม่ได้อยู่ที่ความโลภของลูกค้า แต่มันอยู่ที่ "ปริมาณ" ที่มันดูน้อยเลยเหมือนจะไม่สะอาด มันก็เลยแก้ปัญหาง่ายๆ โดยผสมน้ำเป็นสองเท่า แล้วใส่ขวดวางไว้ ให้ใช้ตามปกติ ปรากฏว่าลูกค้าก็หยิบใส่ทีละสองขวดเหมือนเดิม แต่ไม่มีใครบ่นสักคำว่าซักไม่สะอาด ทั้งๆ ที่จริงๆแล้วใส่น้อยกว่า ที่เคยใส่ครึ่งหนึ่ง เห็นอย่างนี้แล้วพอนึกอะไรออกมั้ยครับ ผมไม่เข้าข้างแอมเวย์นะ แต่คนไทยเราน่ะ "โดนหลอก" จากสินค้าทั่วไป ที่เราเห็นว่าราคาถูก ได้ปริมาณเยอะ ใช้ซักล้างได้มากกว่าอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว น้ำยาปรับผ้านุ่มขวดเล็กๆ ที่โฆษณา ว่าใช้ครึ่งฝาก็หอมนุ่มเท่ากับที่ขายเป็นถุงเติมนั้น ประเมินความต้องการของคนไทยผิดไปอย่างร้ายแรง คนไทย ไม่ได้ต้องการ "ประสิทธิภาพ" แต่ต้องการ "ปริมาณ" ต่างหากล่ะครับ ทำแบบเข้มข้น เค้าจะหาว่าแพง แต่ผสมน้ำลงไปครึ่งหนึ่ง แล้วลดราคาลงครึ่งหนึ่ง จะไม่บ่นว่าแพงกันเลยสักคน แต่ยังไงก็ตาม ถ้าแอมเวย์เค้าบอกว่าเข้มข้นแต่ขายแพงแล้วเราไม่ชอบแบบนั้น เราก็เลือกใช้อันที่เราคิดว่า "เข้มข้น" แต่ราคาถูกของเราต่อไปก็ได้นี่ครับ ใครว่าไงก็ช่างหัวมันซี๊ ก็ยังยืนยันคำเดิมอยู่ว่า วิธีรับมือง่ายๆ กับแอมเวย์ ใครจะมาสาธิตก็บอกไม่ต้อง พี่จะซื้อเลย เท่านี้ก็ตัดความรำคาญ จากการสาธิตสินค้าแบบปัญญาอ่อนไปได้แล้ว ก็ซื้อแล้วนี่จะมาสาธิตอะไรอีก ผมจำได้ว่าแอมเวย์เคยบอกถ้าไม่พอใจขอเงินคืนได้ แต่รู้สึกจะมีเงื่อนไขว่าต้องเหลืออยู่กี่ส่วนๆ ก็ว่าไป ก็คาดคั้นไว้ ให้ดีว่าต้องคืนได้นะ แล้วเราก็เอาไปใช้หน่อยนึง (หรือถ้ารังเกียจมากนักจะรินทิ้งก็ได้) แล้วก็วอกหน้าซื่อบอกว่า ไม่เห็นสะอาดเลย ขอเงินคืนด้วย มันขายตัวอื่นมาอีกวันหลังก็คืนอีก ให้มันรู้กันไปว่าใครจะด้านกว่ากัน ก็แค่นี้... มันมีปัญหาตรงไหน? ไม่เห็นจะต้องไปเถียงเอาชนะคะคานอะไรกับเขาเลย เถียงจนขนะแล้วจะได้อะไร? จากคุณ : ปลากวน เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 11:27:38

ความคิดเห็นที่ 19 ผมว่าสินค้าแอมเวย์บางอย่างมันก็โอเคนะครับ แต่บางอย่างก็ออกดูโอเวอร์ไปหน่อย แต่ที่สำคัญ การนำเสนอของคนขายนั่นแหละที่ไปทำลายภาพลักษ์ของสินค้าให้ดูติดลบไป จนทำให้บางครั้ง คนที่คิดจะซื้อเกิดความระแวง ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีอคติใดๆ กับตัวสินค้าเลย คนขายบางคนพยายามกดดันลูกค้าเพื่อให้ได้มาซึ่งยอดขาย โดยยัดเยียดสินค้าต่างๆ นาๆ โดยไม่ได้สนใจเลยว่า สินค้าเหล่านั้นมันจำเป็นหรือเหมาะสมกับผู้บริโภครายนั้นๆ มากน้อยเพียงใด ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผู้บริโภคแต่ละรายย่อมมีศักยภาพในการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคที่แตกต่างกัน ไม่ยังงั้นบริษัทผู้ผลิตสินค้า เขาจำทำสินค้าออกมาหลายๆ เกรดหรือ นั้นก็แสดงให้เห็นว่าเขายังต้องแคร์เรื่องรายได้และค่าใช้จ่ายของคนซื้อ สินค้าของเขาด้วยให้มันสมเหตุสมผล แต่สิ่งที่ถูกนำเสนอจากคนขายแอมเวย์ เท่าที่เห็นก็คือคำว่า "คุณภาพ" เท่านั้น แน่นอนครับมันเป็นจุดขายที่ทุกคน ยึดถือเป็นเสมือนคัมภีร์ ที่สั่งสอนต่อๆ กันมาจากรุ่นสู่รุ่น และยังคงใช้ได้ดีเสมอมา และคำพูดอีกอย่างหนึ่งที่ได้ยิน สม่ำเสมอก็คือ "แอมเวย์มีสินค้าทุกอย่างที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันที่ทุกคนจำเป็นต้องใช้ และใช้แล้วหมดไป" เพราะฉะนั้นคนขายจึงขายได้เรื่อยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่คนขายแอมเวย์ละเลยและไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันเลยก็คือ สินค้าที่เหมาะสมกับค่าครองชีพและความจำเป็น ของผู้บริโภค ซึ่งผมมองว่ามันสำคัญกว่าเรื่องของคุณภาพเป็นไหนๆ เพราะก่อนอื่นคนเราต้องมองที่เรื่องของความจำ เป็นขั้นพื้นฐานก่อน ก่อนที่จะไปให้ความสำคัญกับเรื่องของมโนทัศน์ที่มองเห็นหรือจับต้องได้ยากอย่างเรื่องของคุณภาพ และที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือการที่แอมเวย์มีสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันแทบจะทุกเซคชั่นของการใช้ชีวิตประจำวัน มันเลยทำ ให้คนขายก็พยายามขายสินค้าหลายๆ อย่างไปพร้อมๆ กันไป มันไม่ใช่เรื่องผิดหรอกครับในการนำเสนอ แต่คนซื้อเขาก็มี ศักยภาพได้ในระดับหนึ่ง เขาอาจจะใช้สินค้าราคาแพงได้เป็นบางชนิด แต่ไม่ทุกอย่างเพราะมันไปกระทบกับค่าครองชีพของเขา ซึ่งก็เป็นที่ทราบๆ กันอยู่แล้วว่าสินค้าส่วนใหญ่ของแอมเวย์มักจะมีราคาสูงกว่าสินค้าทั่วๆ ไปที่ขายตามท้องตลาดอยู่มากเหมือนกัน และคนที่ซื้อส่วนหนึ่ง(หรืออาจจะส่วนมาก) ที่ซื้อมาด้วยความเกรงใจเนื่องจากคนขายเป็นเพื่อน เป็นญาติ หรือคนรู้จักมักคุ้นกัน โดยที่ไม่ได้ใส่ใจกับตัวสินค้ามากมายนัก แต่เนื่องจากสินค้าแอมเวย์ใช้แล้วหมดไป มันเลยทำให้คนขายพยายามแวะเวียนกลับมา ขายให้กับลูกค้าเก่าๆ ที่เคยซื้อไปแล้ว ไม่ว่าจะเคยไปซื้อด้วยความเต็มใจหรือไม่ก็แล้วแต่ มันเลยทำให้คนที่เคยซื้อไป เหมือนถูกกดดันจากคนขาย บางคนก็พยามหนีไม่พบหน้าหรืออาจจะด้วยวิธีการปฏิเสธด้วยวิธีการใดๆ ก็แล้วแต่ ก็เลยทำให้ คนเหล่านั้นเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีกับตัวสินค้าไปด้วย **สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะฝากไปยังผู้ที่ขายแอมเวย์*** ผมไม่ได้แอนตี้ผลิตภัณฑ์แอมเวย์หรอกครับ แต่ผมไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับวิธีการนำเสนอเท่านั้นเอง นักขายที่ดีเขามักจะขายอะไรก็ได้ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นผมเชื่อว่าการที่ลูกค้าจะยอมรับในตัวสินค้า ต้องเปิดช่องให้เขาด้วย แต่เท่าที่ผ่านมาผมแทบจะไม่เห็นคนขายคนไหน เปิดโอกาสให้คนลูกค้าเลย มักจะเอาการทดลองหลักวิชาการต่างๆ มาเสนอ หักล้างลูกค้า และจะเอาชนะคะคาน เพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบ สุดท้ายที่ว่า ของแอมเวย์ คุณภาพดีกว่า  จนบางทีมันทำให้คนซื้อรู้สึกอึดอัดเหมือนกับต้องยอมจำนน แต่จริงๆ แล้ว นักขายที่เก่งๆ บางคนเขาขายได้ตั้งแต่เขายังไม่ได้นำเสนอสินค้าเลย คือเขาสามารถเปิดใจลูกค้าให้ยอม รับในตัวเขาให้ได้ก่อน ความเป็นมิตร การยอมที่จะให้ลูกค้าเป็นฝ่ายชนะในบางเรื่อง มันก็ขายได้แล้ว ผมว่าคนขายแอมเวย์ในปัจจุบัน นี้ไม่ได้มีจิตวิญญาณของนักขายที่ดี เพียงแต่ไปนั่งฟังคนที่เขามีความเป็นมืออาชีพพูดถึงประสบการณ์ของเขา คนเหล่านั้น ก็คิดว่ามันต้องทำได้เหมือนกัน จะสังเกตุได้ว่าการพูดและวิธีการนำเสนอต่างๆ แทบจะลอกกันมาเป็นไดอะล็อกเลยก็ว่าได้ หาความเป็นธรรมชาติ ไม่เจอเลย จริงๆ แล้วมันควรจะเป็นสิ่งที่ออกมาจากบุคลภาพของแต่ละคนมากกว่า แต่กลับกลายเป็นว่าพอใครไปขายแอมเวย์แล้ว บุคคลิคเปลี่ยนไปไม่ใช่คนๆ เดิมอย่างที่ควรจะเป็น จากคุณ : vars เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 11:29:14

ความคิดเห็นที่ 20 ข้อที่ 4 ไปซื้อวิตามินซี มา10 บาท ที่ร้านขายยา ได้ตั้งเยอะ จากคุณ : Pandat (pandat) เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 12:09:48

ความคิดเห็นที่ 21   เปิดไอ้นี่ให้เขาดู http://www.youtube.com/watch?v=ot31XhgE_XE คลิปรายการ Date line ที่อเมริกา สรุปได้เลยว่าต้มชัวร์ จากคุณ : เกลียดเข้าใส้ เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 14:21:39 A:118.173.97.152 X: TicketID:153009

ความคิดเห็นที่ 22 อยู่ที่มุมมอง เช่น 1. ความคุ้มค่า ต่อราคา ไม่ใช่ดีกว่า 10% แต่ราคาแพงกว่า 100% 2. ประโยชน์ ที่ได้รับ กินเม็ดเดียว 10 บาท แต่ไม่อิ่ม ก็ต้องไปกินอย่างอื่นให้อิ่ม สรุปเสีย 2 เด้ง เพราะมีประโยชน์ทางเดียว อาหารอื่นมีประโยชน์หลายทาง 3. ความพอใจ ชอบใช้แบบมีฟอง ไม่มีฟอง ไม่ชอบมีอะไรไหม - ผงซักฟอก เขาเจตนา ใส่สารให้มีฟองลงไป ไม่เกี่ยวกับการสกัดออกเลย ไม่ให้มีฟอง ทำไม่ยากหรอก แต่เข้าใจว่ามีผลกับความสะอาดของการซักด้วย - น้ำยาล้างจาน คำนวนง่ายๆ ตกจานละกี่บาท อันไหนถูกเอาอันนั้น - สบู่ ไม่รู้ เอาง่ายๆ ชอบกินนกแก้ว มากกว่า จะทำไม หากินนกแก้ว มาขายราคาเท่ากันจะซื้อ บอกไปแบบนี้เลย - เครื่องกรองน้ำ ใช้แบบธรรมดาก็ได้ ราคา 2-3000 บาท ให้มันเหลือเชื้อโรคไว้บ้าง ร่างกาย จะได้รู้จักกันไว้ กินสะอาดเกิน เดี๋ยวพอเจอเชื้อโรคจะแย่เอานะ ใครมาขายเครื่องกรองน้ำ ผมบอกไปเลย เหลือ 2500 จะซื้อ เพราะว่า  ของราคาเท่ากัน แต่ประสิทธิภาพดีกว่า ก็เอาที่ประสิทธิภาพดีกว่าอยู่แล้ว ไม่ใช่ ดีกว่า 20% แต่ขายแพงกว่า 1000% ทำไปได้ - อาหารเสริม ผมไม่นิยม อยู่แล้ว ไม่อร่อย ไร้รสชาติ นิยมกินอาหารหลากหลายมากกว่า คนสมัยโบราญอายุยืน ก็ไม่เห็นจะมีอาหารเสริมให้กินกันเท่าไร กินเม็ดละ 10 บาท ผมกินมาม่า ได้รสชาติกว่าเยอะเลย มีเงิน 10 บาท ผมเลือก มาม่า เหลือ เงินอีกนิดหน่อยด้วย คุณจะไปเรียกว่ากลโกงก็ไม่ถูก มันเป็นวัฒนธรรมการขาย การทำตลาดของเขา ผู้บริโภคย่อมมีสิทธิเลือก เอาง่ายๆ ก็ต่อราคาไปเลย ให้เท่ากับสินค้ายี่ห้ออื่นที่ขายกัน ถ้าไม่ลด ก็ไม่ต้องซื้อ เพราะผลประโยชน์ไม่ลงตัว ใครมาเสนอขายอะไรผม ถ้าไม่มีความจำเป็นต้องใช้ผมปฏิเศษไปเลย ถ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใช้บอกราคามา ผมต่อทันที ถ้าได้ราคาที่ พอใจ ก็จะซื้อ จากคุณ : อิทธิพงษ์ เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 15:30:59

ความคิดเห็นที่ 23 นานมาแล้วแม่โทรมาบอกว่าคนที่มาชวนให้ซื้ออาหารเสริมแอมเวย์ที่บ้านที่เค้าบอกเค้ากินทุกวันน่ะตายไปแล้วนะ จากคุณ : PattyPukes เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 18:05:21

ความคิดเห็นที่ 24 ได้ข้อมูลเพียบเลยครับ จากคุณ : massacre เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 22:38:54

ความคิดเห็นที่ 25 ผมเบื่อพวกธุรกิจขายตรงพวกนี้จริงๆ หลังๆมีเยอะเหลือเกิน น่าเบื่อ จากคุณ : LAPD21 เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 52 11:39:02

ความคิดเห็นที่ 26 เคยเจอรุ่นพี่มาขาย แล้วเครียดไปเลย...มาขายวิตามินซี วิธีการคือ 1. เอาแป้งมาผสมน้ำ แล้วบอกว่ามันคือสารอาหารในร่างกายเรา 2. หยอด ไอโอดีน ลงไป บอกว่า นี่คือสารพิษ ที่เราได้รับแต่ละวัน ผลคืออย่างที่รู้กัน แป้ง + ไอโอดีน ย่อมกลายเป็นสีน้ำเงิน ... จากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ป.4 แต่รุ่นพี่บอกว่า "เห็นมั๊ยว่า นี่คือสารพิษที่สะสมในร่างกายเรา !!!" - -" 3. เสนอขายวิตามินซี ให้เห็นสรรพคุณของมัน คือหยอดวิตามินซี ลงในแก้ว ที่มีแป้ง ผสม ไอโอดีน นั้น แม่เจ้าสิ่งมหัศจรรย์บังเกิด สีน้ำเงิน ในแก้วนั้นหายไป ... วิตามินซี ล้างพิษได้ !!!! ผมอึ้งไปเลยครับ ... ผมไม่คิดเลยว่า รุ่นพี่ผม จะทำอย่างนี้กับผม สงสัยคิดว่าผมโง่ หลอกง่าย.... ไม่คิดรึไงว่า ผม ไม่เคยเรียน วิทยาศาสตร์ ป.4 นี่มันวิธีการทดสอบ วิตามินซี ชัดๆๆ....(หวังว่าทุกท่านคงเข้าใจ) จากตอนแรกสนใจเครื่องกรองน้ำอยู่ เจอวิตามินซี นี้เข้าไป เลิกสนใจเลยครับ... จากคุณ : dip kid เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 52 12:56:18

ความคิดเห็นที่ 27 ช่วยน้องไปเถอะค้า เดี๋ยวเค้าก็รวย คนในสายงานเค้าก็รวย รวยจากเงินของคุณอ่ะค่ะ เผื่อน้องได้ ตำแหน่ง ขนเพชร มาประดับบารมี เป็น เกียรติ แก่ ตระกูล จากคุณ : nong_ao เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 00:37:00

ความคิดเห็นที่ 28   แทนที่จะหาทางเอาชนะน้องชายในแต่ละประเด็น ลองแนะนำให้เค้ารู้จักคิดไตร่ตรองในสิ่งที่ได้รับฟังมาอย่างมีสติดีกว่ามั้ยค่ะ เหมือนที่หลายคนบอก...สินค้าบางตัวของแอมเวย์คุณภาพดีจริง แต่...สิ่งที่หลายคนต่อต้าน คือ แนวทางในการสร้างพนักงานขาย และวิธีการขาย บางครั้งดูเหมือนกับคนเหล่านั้นถูกล้างสมอง หลายคนเข้ารับฟังบรร่ยาย แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่กลายเป็นสาวกแอมเวย์ไป เพราะคนเหล่านั้นมีสติ ลองนึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่สอนเราให้เชื่อในสิ่งที่ตัวเราเองได้ไตร่ตรองอย่างมีสติดีแล้วว่าควรเชื่อ อย่าเชื่อเพราะคนอื่นบอกมา ปัจจุบันคนเรามักเชื่อตามๆ กัน ปฎิบัติตามๆ กัน บางครั้งไม่แม้แต่พิจารณาว่าเหมาะสมกับตัวเรา เป็นความต้องการที่แท้จริงของตัวเองหรือไม่ แต่ทำเพราะคนอื่นเค้าทำกัน กลัวไม่ทันสมัย กลัวเชย ต้องพิจารณาดูแล้วล่ะคะ ว่าที่สังคมไทยเป็นอย่างนี้เพราะอะไร... ปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่ที่แอมเวย์พยายามหล่อหลอมพนักงานของเค้าหรอกค่ะ แต่อยู่ที่รูปแบบในการคิดของน้องคุณ หรือของคนไทยสมัยนี้ ถ้าคุณเปลี่ยนรูปแบบนั้นได้ ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถทำให้น้องคุณหลงตามอย่างไร้สติได้ รู้ว่ายากนะคะ แต่ลองพยายามดูค่ะ เพราะถ้าถามตัวเองแล้ว คิดว่าน่าจะต้องเริ่มจากการเลี้ยงดูแต่เด็กเลยค่ะ ที่สอนให้รู้จักภูมิใจในสิ่งทีตัวเองมี เชื่อมั่นในตัวเอง จากนั้นก็เสริมวิธีการคิดอย่างมีระบบ หรือที่เรียกว่าแบบวิทยาศาสตร์ คือ ต้องพิจารณาเริ่มจากเหตุ ไปจนถึงกระบวนการสุดท้ายที่เกิดผล แล้วก็สอนให้มีคุณธรรมด้วย สู้ สู้ นะคะ จากคุณ : miea_mya เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 01:51:38 A:58.8.226.135 X: