ความคิดเห็นที่ 1 พยายามไปสู่จุดมุ่งหมายคือไม่ต้องออกแรงทำงาน ให้ใช้เงินทำงาน --------------------------------------------------------------- ตัวของผมเองจุดมุ่งหมายคือปล่อยให้เงินทำงานเพื่อให้ได้เงิน ส่วนตัวเองจะได้มีเวลาทำงานที่ชอบได้เต็มที่ ตอนนี้ผมเรียน ป.เอก ผมเอาเงินทุนที่ได้มาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และกองทุนรวม โดยถือว่าถ้าไม่ได้กำไรจะไม่เอาเงินมาใช้ครับ แล้วทุกๆ ปีผมจะซื้อ RMF โดยที่ไม่สนเรื่องการลดหย่อนภาษีเพราะผมยังไม่ได้เงินได้ ปีละ 2000 ถือว่าเป็นเงินเก็บ พอ 55 ก็จะมีเงินเก็บประมาณ 2000 x 35 = 70000 จากการลงทุน RMF นอกจากนี้ก็จะทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพด้วยครับ ปล. เงินฝากธนาคารไม่ฝากครับ เก็บไว้ที่บ้านดีกว่าหรือไม่ก็ซื้อกองทุนตราสารหนี้เก็บไว้ ----------------------------------------------------------------- ดังนั้นหากรูปแบบโอเคแล้วจะสามารถทำงานที่ชอบได้ตามสบาย โดยไม่ต้องกังวลว่าเงินไม่พอ แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 52 21:43:23 จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 52 21:42:07

ความคิดเห็นที่ 2 งานก็คือชีวิต จากคุณ : blueocynia เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 52 21:42:24

ความคิดเห็นที่ 3 ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร ปล. โดยเฉพาะในประเทศไทย จากคุณ : axquest เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 52 21:46:33

ความคิดเห็นที่ 4 พยายามให้ดีที่สุด เรื่องอะไรไม่ดีพยายามปรับปรุง ปรับปรุงไม่ได้ก็ทนไปเรื่อยๆ ทนไม่ไหวก็ลาออก... จากคุณ : vandalism เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 52 21:57:32

ความคิดเห็นที่ 5 ทำให้ดีที่สุดครับ ทำให้ดีไปเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาแก้ทีหลัง ทำงานให้เต็มที่ครับ ทำให้เต็มที่ไปเลยจะได้ไม่ต้องมาค้างคาใจทีหลัง ทำงานเพื่อเติมเต็มความต้องการของตัวเองให้ตัวเองพอใจไม่ต้องคิดว่าจะต้องทำให้ใครพอใจ แต่อย่าบ้างานมาก ถึงเวลาพักควรจะพักครับ จากคุณ : มอนตะทาโร่ เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 52 22:01:16

ความคิดเห็นที่ 7 ทำให้ดีที่สุด ไม่เอาเปรียบใครและไม่ให้ใครเอาเปรียบด้วย คือไม่อ่อนเกินและไม่แข็งเกิน ทำงานด้วยความสุข สุขที่จะทำ ^ ^ จากคุณ : env42_tay เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 52 22:22:24

ความคิดเห็นที่ 8 ทำแล้วมีความสุข จากคุณ : PUFF เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 52 22:23:02

ความคิดเห็นที่ 9 สิ่งที่ทำยาก มักเป็นสิ่งที่ควรทำเสมอ... จากคุณ : นายอุดม เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 52 22:32:30

ความคิดเห็นที่ 10 ทำสิ่งที่ต้องทำ ครับ ^^ จากคุณ : nutxnut เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 52 22:38:41

ความคิดเห็นที่ 11 เอาเป็น "ทัศนคติ ตอน เรียน" แทนได้มั๊ยครับ ผมคิดว่า "การเรียน เหมือนการ เดินเที่ยวป่า ขึ้นเขา" ครับ สมมติ คะแนนคือความสูงของยอดเขา (คะแนนมาก คือเราพิชิตยอดเขาได้สูงมาก) เวลาเราเดินเขา เราเร่งฝีเท้าให้รีบไปถึงยอดเขาเร็วๆ รึปล่าว? น้อยคนที่จะทำเพราะว่า การเดินเขา มีป่า มีพง มีไม้ เป็นอุปสรรคขวางอยู่เป็นจำนวนมาก แต่อย่าลืม ระหว่างทางที่ผ่านป่าเหล่านั้น เราก็จะได้ผ่านธรรมชาติที่งดงามด้วย ไม้สวยหลากหลายพันธุ์ ระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ที่ซ่อนอยู่ อดีตของป่า เรื่องราวของผู้คนที่ปกป้องป่า บทบาทของป่า ที่ยังรักษาโลกใบนี้ไว้ ป่าที่ไม่เคยทวงบุญคุณจากใคร ฯลฯ สิ่งเหล่านี้คือความงามที่เราจะไม่ได้มันมาถ้าเรารีบจ้ำอ้าวไปให้ถึงยอดเพียงอย่างเดียว เหมือนกัน การสอบ เราจะเร่งทำคะแนนให้ได้ดี เราต้องผ่านอุปสรรคไปเพื่อไปพิชิตยอดเขาให้ได้ แต่ละคนก็จะพิชิตยอดเขาได้สูงไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่า เราฝ่าอุปสรรคไปได้มากแค่ไหน เมื่อพิชิตยอดเขา จงดีใจกับอากาศที่บริสุทธิ์บนยอดเขา แต่อย่าลืม ที่จะมองลงดูความงามที่เราสัมผัสระหว่างทาง  บางคนอาจจะหลงทาง เดินไกลมากกว่าคนอื่น ทั้งที่ไปถึงยอดได้เท่าคนอื่น อาจจะบาดเจ็บระหว่างทาง แต่นั่นเท่ากับว่า เราได้อะไรที่มีค่ามากกว่าที่คนอื่นได้ ไม่ใช่เหรอ... โดยสรุปคือ คุณค่า ที่ได้จากการฝ่าฟันความยากลำบาก มีค่า มากกว่า การได้รางวัลเมื่อไปถึงจุดหมายครับ... จากคุณ : dip kid เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 52 22:39:55

ความคิดเห็นที่ 12 ทำเหมือนช้างม้าวัวควายครับ ช้าง = งานใหญ่แค่ไหนก็สู้ ม้า = ถึงเวลาเร่งก็ต้องทำให้เร็ว วัว = งานเยอะแค่ไหนก็รับ ควาย = โง่บ้าง ยอมฟังชาวบ้านเค้าบ้าง จากคุณ : k3v1n เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 52 22:49:54

ความคิดเห็นที่ 13 ทำงานด้วยใจ  ไม่ใช่ทำลวกๆ ไม่ใช่ทำให้เสร็จ ทำแล้ว ให้ คนอื่นมองว่า มันเจ๋งอะ มันเท่อะ สุดยอดอ่ะ นี่หละ งานของเรา ภูมิใจ ^^ แล้วสิ่งต่างๆ นอกเหนือจากนั้น ถือว่าเป็นของแถม แค่ได้ทำก็มีความสุขแล้ว จากคุณ : mint_la เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 52 23:02:39

ความคิดเห็นที่ 14 งานบางงาน ถ้ามันไม่ใช่ ความสามารถเราไม่ถึงแม้ทำเต็มที่แล้วก็อย่าฝืนทำเลย จากคุณ : อิฐมอญ เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 52 23:27:46

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่ทำจะเอาอะไรยัด... จากคุณ : อาฉีโหดกระโดดเตะ เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 00:34:20

ความคิดเห็นที่ 16   ทำในสิ่งที่เป็นความหมายของชีวิต... และทำในสิ่งที่เคารพต่อแก่นสารภายในของตนเองครับ เงินเป็นประเด็นรอง ขอให้แค่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต สร้างสุข เว้นทุกข์ ถ้าจับจ่ายตามฟังชั่นการใช้งานของเรา โดยปราศจากการซื้อเผื่อคนอื่น เช่น ซื้อรถที่วิ่งได้ เพื่อเดินทางไม่ใช่ ยอมจ่ายส่วนต่างที่แพงให้คนอื่นมอง      ซื้อที่อยู่ที่ปลอดภัย กันแดดกันฝน ไม่ใช่ซื้อให้คนอื่น อิจฉา      ล้างหน้าให้สะอาดถูกสุขลักษณะ ไม่ใช่แต่งสวยไว้ให้คนอื่นมอง รับรองว่าจะเหลือเวลาไปทำสิ่งที่เรียกว่าอุดมการณ์กันทุกคนครับ ไม่ใช่เครื่องจักรในการทำงานให้ใครก็ไม่รู้ ชอบหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่รู้ว่าเงินดี เวลามองไปข้างหน้ามันนานนะครับ แต่ถ้ามองย้อนกลับมันจะสั้นและเสียดาย... ถามตัวคุณเองตอนอายุหกสิบ ว่าเมื่อก่อนเราเสียเวลาทำอะไรที่ไม่สำคัญเลยกับเราบ้าง... จากคุณ : plotinus เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 01:48:43

ความคิดเห็นที่ 17 ทำๆไปเหอะ... ดีกว่าไม่มีให้ทำ... จากคุณ : i_teep เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 03:01:02

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่สนว่างานอะไร ได้เงินแค่ไหน ให้เป็นงาน เข้าไปลอง ชอบ ทำต่อ ไม่ชอบ เลิกซะ ขอให้สุจริตเป็นพอ ได้เงิน ลงทุนทำเอง เครียด เลิก รับจ้างต่อไป กับงานที่ชอบ ชอบงานไหนก็ทำต่อไป หรือเลือกงานที่น่าสนใจ งานนึงเหมือนอ่านหนังสือ อ่านพื้นฐานจบ สนใจ หาอ่านบทต่อไป และต่อไป...ๆ....ๆ เหมือนงานที่ทำทุกวันนี้ ตอนแรกแค่เบื่อสายงานที่จบ ไม่รู้ใครตั้งบรรทัดฐาน คุณจบสายนี้ก็ทำงานสายนี้ มันบีบบังคับตีกรอบเกินไป อึดอัด ไม่ชอบ ไปทำงานเหมือนเข้าไปตอกบัตร ทำให้จบๆงาน เลิกงานกินข้าวกับเพื่อนคุยเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องงาน แยกย้ายกลับบ้าน ไม่สนุกเลยเพราะชีวิต อยู่กับงานมากกว่า เลยเปลี่ยนงาน ตั้งเป้าว่า จะหาเงินต่อโท ต้องฝึกภาษาเพิ่ม เพราะฉะนั้นงานที่ได้จะต้องค่อนข้างได้เงินดีหน่อยกับได้พบชาวต่างชาติ สุดท้ายลงตัวที่งานนี้ แต่ปัจจุบัน 8 ปี ยังไม่อยากเลิกไปต่อโทเลย ไม่รู้จบโทจะได้เงินเท่านี้มั๊ย จะรักงานนั้นเท่างานนี้มั๊ย ยิ่งทำยิ่งได้เงิน ตื่นเช้ามาเหมือนมีคนมารอให้ไปทำเพื่อเขา วันๆจบไปไวมาก เลิกงานยังชอบแฮงก์อยู่ที่ทำงานจนนายไล่ประจำ ขี้เกียจจ่ายโอ ไปให้พ้นเลยแก!  ฮิๆๆๆ จากคุณ : ค (นั่นน่ะซิ) เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 03:07:58

ความคิดเห็นที่ 19 ในความเห็นผม งานเป็นสิ่งที่ต้องทำ และ เป็นส่วนหนึ่งของการมีชีวิต ... 4 สิ่ง ในชีวิต ที่เราควรคำนึงถึง คือ (1) งาน (2) ครอบครัว (3) สุขภาพ และ (4) ความมุ่งหมายในชีวิต งานที่เหมาะกับเรา คือ - งานที่ครอบครัวเราเห็นชอบด้วย - งานที่เข้ากันได้กับสุขภาพ(ร่างกาย)ของเรา - และ เกี้อหนุนให้เราทำความมุ่งหมายในชีวิตเราให้สำเร็จได้ จากคุณ : nonlocality เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 05:02:14

ความคิดเห็นที่ 20 ทัศนะคติ ผมตอบในฐานะนักวิจัยคนนึง คำตอบข้างล่างนี้เป็นของผมคนเดียว ไม่สามารถใช้แทนนักวิจัยคนอื่นๆได้ "money is real GOD" เงินมางานเดินครับ สำหรับผม และทุกๆงานมีความสำัคัญเท่ากันหมด ทำเต็มที่ทุกงาน ให้คุ้มค่าเงินที่เค้าจ้าง เพราะนายจ้างคือผู้มีพระคุณ ถ้าเค้าไม่จ้าง ก็ไม่มีเงิน มีงาน มีเงิน มีกิน จากคุณ : kanoomtan เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 06:41:36

ความคิดเห็นที่ 21 ทำงานอย่างเต็มความสามารถ ในทุกงานที่ได้รับมอบหมาย จากคุณ : Practical x 2 เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 06:56:42

ความคิดเห็นที่ 22 ส่วนเรื่องการบริหารจัดการเงินนั้น ผมจะเก็บออมเงินที่หามาได้ในอัตรา 40% ต่อเดือน ให้เงินคุณพ่อคุณแม่เดือนละ 5,000 บาท และพาท่านไป กินข้าวนอกบ้านตามร้านที่ท่านอยากไป เดือนละ 3-4 ครั้ง ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในบ้าน 45-50% ช่วยค่าบ้าน 2 แสน เงินเดือนไม่มากก็ช่วยได้เท่านี้ครับ ไม่เหมือนน้องคนกลาง มีธุรกิจส่วนตัว ที่ช่วยได้เกือบ 2 ล้าน เงินสะสมตอนเกษียณที่ต้นสังกัดจะทบให้อีกเท่าหนึ่ง นั่นจ่ายทุกเดือนอยู่แล้ว เดือนละพันกว่าบาท ประกันสังคม อีกเดือนละ 750 บาท เงินฝากบัญชีสะสมทรัพย์อีกเดือนละ 6,000 บาท กองทุนรวมใจ กองทุนฌาปนกิจ ตอนเป็นอะไรไปทางบ้าน ก็ไม่เดือดร้อน ได้เงินไม่ต่ำกว่า 150,000 บาท กองทุน LTF คงได้ซื้อแน่ในปีนี้ และคงได้ซื้อเป็นแสน กองทุน RMF กว่าจะได้คืนอายุ 55 ปี ผมว่านานไปหน่อย และจากการสอบถามผู้ที่นำเงินไปลงทุน LTF ดูเหมือนจะ ได้ return สูงกว่า RMF ประกันชีวิตที่มีรวมประกันค่ารักษาพยาบาล 3 ใบแล้ว ทั้งของ New York Life, AIA และ GSB-Life ผลตอบแทนกลับคืนถ้า เป็นอะไรไป คงประมาณล้านกว่าๆ ประกันอุบัติเหตุ cover 3 ปี ก็มีไว้แล้ว และจะซื้อต่อทุกๆ 3 ปี ลองคำนวณดูแล้วตอนเกษียณน่าจะมีเงินเก็บ (ไม่รวมเงินคืน จากประกันชีวิต) อย่างต่ำราวๆ 7-8 ล้านบาท สมมติใช้เงิน เดือนละ 30,000 บาทก็คงพอถึงอายุ 82 ปี เดือนละ 20,000 บาทก็คงพอถึงอายุ 93 ปี แต่อยู่ได้ถึงอายุ 70 - 75 ปี ก็ดีใจแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 52 08:42:00 แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 52 07:31:52 แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 52 07:18:42 แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 52 07:16:36 แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 52 07:07:50 จากคุณ : Practical x 2 เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 07:06:54

ความคิดเห็นที่ 23 ส่วนเรื่องลูก เคยคุยกับแฟนที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัดแล้ว (เอ้ย ไม่ใช่ ที่ทำงาน อยู่กรุงเทพฯ ผมต่างหากที่อยู่ต่างจังหวัด) คิดว่าแต่ละคนต่างดูแลพ่อแม่ ของแต่ละฝ่ายไปดีกว่า เมื่อมีเวลาในแต่ละปีจึงค่อยพบกัน แต่ยินดีรับเลี้ยง หลานจากญาติพี่น้องให้เป็นครั้งคราว ด้วยนิสัยการทำงานของผมเอง ที่ทำงานติดต่อไปได้เรื่อยๆ บางทีกว่าจะ กลับบ้านก็สองทุ่ม สามทุ่ม เสาร์อาทิตย์ก็ทำงาน ย่อมไม่เหมาะที่จะมีลูก เพราะ "แต่งกับงาน" ถ้าผมมีครอบครัว ก็คงเอาใจใส่ดูแลนักศึกษาในระดับที่ทำอยู่อย่างปัจจุบัน นี้ไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 52 08:56:39 จากคุณ : Practical x 2 เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 07:37:18

ความคิดเห็นที่ 24 การทำงานให้ได้มีประสิทธิภาพสูงสุด ต้องมีร่างกายที่แข็งแรง จึงต้อง ออกกำลังกายทุกวัน ไม่ใช่อยากไปเป็นนักกีฬาที่ไหน แต่พิสูจน์มาด้วย ตัวเองแล้วว่า ถ้าอยากจะทำงานให้ปริมาณงานมากที่สุด ได้ดีที่สุด ได้ เวลานานที่สุด จะต้องวิ่งวันละ 1 ชั่วโมง ระยะทาง 7 กิโลเมตร เดินอีก 1.5 กิโลเมตร เพราะถ้าไม่ออกกำลังกายเลย จะทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย เจ็บหลัง ปวดคอ นอนไม่หลับ ต้องพัก ท้ายที่สุดก็เสียเวลาทำงานไป จากคุณ : Practical x 2 เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 07:41:18

ความคิดเห็นที่ 25 ส่วนเรื่องตัวอย่างคนที่ทำงานอย่างหนักประเภทไม่เคยออกกำลังกายใดๆ ไม่เคยจัดตารางเวลาพักผ่อนร่างกายเพื่อให้ใช้งานในระยะยาว อย่างเหมาะ สม แล้วมานึกเสียใจภายหลังว่าตัวเองเป็นมะเร็งและอื่นๆ จนกลายเป็นข้อ อ้างให้คนขี้เกียจกัน ผมว่าไม่ถูก เพราะในภาพรวมถือว่าจัดแบ่งบริหารเวลา ไม่เหมาะสม มีปัญหาแล้วไม่แก้ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายภายหลัง เมื่อถวายชีวิตให้กับงานแล้ว ต้องไม่มีการมองย้อนกลับครับ ไม่มีคำว่า เสียใจ และเราได้ทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ทำงานได้มากที่สุดแล้ว ตายเป็น ตายเพราะอย่างไรก็ตายอยู่แล้ว มีแต่พุ่งไปข้างหน้าเท่านั้น เปรียบเหมือน เรือที่แล่นไปข้างหน้าสู่ดินแดนที่ไม่เห็นฝั่ง แม้รู้ว่าจุดสุดท้ายคือต้องจมลง ไปสู่กลางเวิ้งน้ำ เราก็จะไป หมายเหตุ: การตรวจสุขภาพประจำปีอย่าลืมตรวจ Tumor Marker กันด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 52 09:24:13 จากคุณ : Practical x 2 เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 07:52:59

ความคิดเห็นที่ 26 เงิน ไม่ใช่พระเจ้า ... แม้จะจำเป็น แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต ิิความสุขแท้จริงที่เราสัมผัสได้ มีค่ามากกว่า เงิน หลายเท่านัก เงินไม่ได้เปลี่ยนอะไรๆให้มาเป็นความสุข ... ความสุขที่แท้จริง เกิดขึ้นจาก การเข้าใจความต้องการของจิตใจของตัวเราเอง จากคุณ : ๛แบกเป้...ไปส่องโลก๛ เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 09:15:28

ความคิดเห็นที่ 27 ใช้เงินทำงานแทน เอาเวลาไปท่องเที่ยว อยุ่อย่างพอเพียง เหลือเก็บมากกว่าจ่าย... สบาย จากคุณ : คาวบอยหลังเขา เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 12:41:27

ความคิดเห็นที่ 28 ตอนจบตรีใหม่ๆ ผมอายุ20ถ้วนๆเลยแหละ เพราะเกิดเดือนเมษายน ทำงานเพื่อเงินครับ ที่ไหนจ่ายแพง ที่นั่นมีผมครับ เพราะผมมีความคิดส่วนตัวว่า ไม่มีองค์กรเอกชนใด เลี้ยงจนแก่ตาย เอกชนไร้บำนาญ ไม่มีสวัสดิการรักษาฟรีจนตาย แก่ตัวและป่วยต้องใช้เงินตัวเอง บริษัทไม่มียอดขาย มีแต่เลย์ออฟ ไม่มีอุ้มจนผ่านวิกฤต ความภักดีในองค์กรเป็นเรื่องหลอกเด็กให้ทำงานหนัก ในเมื่อทำงาน=เกิด output บริษัทแปลง output->รายได้ นั่นคือส่วนหนึ่งเป็นผลกำไร เมื่อได้กำไร ต้องนำมาแบ่งปันอย่างเหมาะสมเป็นธรรม 08.00-17.00 คือเวลาทำงานที่เหมาจ่าย บริษัทซื้อไปแล้ว จะใช้ให้ทำอะไรก็ได้ในช่วงเวลาที่ได้จ่ายเงินไว้แล้ว และจะทำให้เต็มความสามารถด้วย แต่หลังเวลา 17.00 เป็นเวลาส่วนตัว ที่บริษัทยังไม่ได้ซื้อ มันเป็นของผม ถ้าบริษัทอยากให้ทำงาน ก็จ่ายเงินมา แต่ตอนนี้ ผมทำงานเพื่องาน ทำเพื่อให้มันออกมาดีครับ สอนหนังสือ ไม่มีสุกเอาเผากิน เข็นเด็กมันสุดความสามารถ ทำงานด้วยความสุข สุขใจที่ได้สอนคนรุ่นถัดไปครับ เพราะความต้องการของผม มันพ้นเรื่องปากท้องไปแล้ว ตามทฤษฏีความต้องการ 5 ขั้นของมาชโลว ผมพ้นระดับ 1-2 ไปหมดแล้ว จากคุณ : โลหการ4 เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 13:15:00

ความคิดเห็นที่ 29 นี่คืองานของเรา จากคุณ : Blackion เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 13:26:28

ความคิดเห็นที่ 30 หาเงินมาจ้างคน หาคนมาทำงาน หางานมาให้คนทำ แล้วคอยดูแลให้งานนั้นเป็นไปตามเป้าหมายครับ จากคุณ : บุญถิ่น เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 15:02:11

ความคิดเห็นที่ 31 คุณค่าของคนอยู่ที่การได้คิดและทำงาน ถ้าคนเราอยู่เฉยสมองมันก็จะเสื่อมลงเรื่อยๆ เราควรรักในงานที่ทำ ตั้งใจทุกครั้งที่ลงมือทำงาน แม้ว่างานมันจะออกมาไม่ดีที่สุด แต่มันก็ดีที่เราได้พยายามทำมันอย่างตั้งใจ สำหรับเราแล้ว งานที่ดีคืองานที่ทำให้เราได้ใช้สมองคิดและสร้างสรรค์ตลอดเวลา งานที่แย่คืองานที่ก้มหน้างกๆทำงานตามคำสั่งคนอื่นโดยไม่ได้ใช้สมองคิดอะไรเองเลย อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา คำสอนนี้ใช้ได้ดีเสมอ ทำงานและเก็บออมเงินไว้บ้าง ใช้จ่ายอย่างประหยัด อย่าบ้าช็อปปิ้ง ชีวิตนี้คุณก็อยู่ได้สบาย แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 52 17:30:55 จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 17:30:30

ความคิดเห็นที่ 32 เพื่อนๆ ห้องหว้ากอ มีทัศนะคติในการทำงานอย่างไรบ้างค่ะ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามสถานการณ์แวดล้อม ผมใกล้วัยเกษียร แต่งานที่ทำกลับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนงานกลายเป็นต้องเรียนรู้แทบทุกวัน ไม่น่าเบื่อ จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 21:54:50

ความคิดเห็นที่ 33   เชื่อในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่เชื่อ จากคุณ : Johnny Walker เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 00:53:31 A:125.24.100.82 X: TicketID:038839

ความคิดเห็นที่ 34 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 21:51:11

ความคิดเห็นที่ 35 มีอะไรให้ทำก็ทำ ไม่มีอะไรให้ทำ ก็พยายามหาให้มันมี... จากคุณ : เฮียมี่ เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 16:16:21