ความคิดเห็นที่ 1 คิดว่าไม่น่าจะเป็นโรคน้าคับ น่าจะเป็นพฤติกรรม หรือความชอบ ส่วนตัวมากกว่า แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 52 15:54:30 จากคุณ : ~@ GoMaMoN @~ เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 15:54:06

ความคิดเห็นที่ 2   น่าจะเป็น รสนิยม ส่วนตัว จากคุณ : chinwarodom เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 16:05:25

ความคิดเห็นที่ 3 อีกแล้ว ทำไมช่วงนี้บ่อยจังง่ะ กระทู้ทำนองนี้ ประมาณความเบี่ยงเบนทางเพศเป็นโรคไหม รักษาได้หรือเปล่าประมาณนี้อ่ะ สงสัยจริงๆนะไม่ได้ประชด จากคุณ : Ponyo เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 16:08:37

ความคิดเห็นที่ 4 อาจจะทำให้อาการนั้นๆ อ่อนกำลังลงไปนะ ลดความร่านได้พอประมาณ น่าทดลองนะ จากคุณ : leetaesok เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 16:10:42

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่หายครับฮอร์โมนเพศชายที่พวกทอมกิน/ฉีดนั้น ทำให้รูปร่างหน้าตาเสียงฯเหมือนผู้ชายน่ะเอง(เหมือนโครตๆจริงๆ!) ลองสังเกตุนักยกน้ำหนักหญิงครับเค้าจะฉีดฮอร์โมนเพศชายกันแต่ไม่ฉีดทุกวัน เพื่อให้ฮอร์โมนสร้างกล้ามเนื้อแบบผู้ชายจะได้มีแรงยกเหล็กได้มากๆครับ กระเทยกินมีแต่จะถึกขึ้น....มั้ง จากคุณ : chanwitpop เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 16:11:39

ความคิดเห็นที่ 6 ตอบคำถาม พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น สภาพแวดล้อม วัยเด็ก ความผิดปกติในยีน ถามว่าเป็นโรคหรือเปล่า ถ้าตามนิยามทางการแพทย์คือไม่ใช่ ทั้งโรคทางกาย ทั้งโรคทางจิต homosexual จัดเป็นรสนิยมทางเพศ ไม่จัดเป็นความผิดปกติทางจิต ส่วนการที่กินยาฮอร์โมนนั้น ผู้ทานไม่ได้กินเพื่อจะได้มีจิตใจเป็นชายมากขึ้น แต่กินเพื่อจะได้มีร่างกายสมชายมากขึ้น เช่นมีกล้ามเนื้อมากขึ้น มีขนตามร่างกายเยอะขึ้น ถ้าในกรณีของกะเทย เขากินฮอร์โมนเพศหญิงเพื่อจะได้มีหน้าอก มีโค้งมีเว้ามากขึ้น ดังนั้นให้กินฮอร์โมนแก้พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศไม่ได้หรอกค่ะ จากคุณ : Ponyo เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 16:15:39

ความคิดเห็นที่ 7 เท่าที่ผมเคยอ่านมา มันเป็นเรื่องของยีนเลยนะครับ ยีนกระเทยบวกกับสิ่งแวดล้อมด้วย จากคุณ : captainnova เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 16:24:24

ความคิดเห็นที่ 8   เมื่อวานซืนผมยังเห็นทอมหลอกกินเบียร์เี่สี่ยข้างร้านเลยแถมทอมยังมีเมียแล้วด้วย แบบว่างงมากมาย จากคุณ : คนขายข้าว เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 16:27:32

ความคิดเห็นที่ 9   พ่อแม่ที่ไม่มีเวลาให้ลูกตอนเด็ก ๆ ลูกโตขึ้นจะเป้นเกย์ครับ สังคมสมัยใหม่จึงมีเกย์มากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคนสมัยใหม่งานยุ่ง  ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก และสังเกตว่าเกย์จะเกิดขึ้นในสังคมเมืองมากกว่าชนบท(ซึ่งคนที่เบี่ยงเบนจะเป็นตุ๊ดไปเลย) แต่บางครั้งสิ่งแวดล้อมตอนโตก็มีผล ชายคนหนึ่งใช้ชีวิคธรรมดามา 4 - 5 0 ปี  พอดีไปราชการต่างจังหวัดต้องพักห้องเดียวกับเพื่อนชาย  เลยลองมีอะไรกันขำ ๆ  แล้วก็ได้ค้นพบตัวเอง  เป็นเกย์ตั้งแต่นั้น การเป็นเกย์จึงเป็นไ้ด้หลายสาเหตุมาก  แต่ผู้ดป็นจะโทษยีนส์เสมอ  เพื่อไม่ต้องรู้สึกผิดกับพฤติกรรมที่ตัวเองทำไป แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 52 16:56:26 จากคุณ : ตีสี่ เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 16:53:06

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ แล้วยุคที่ร่วมเพศกันระหว่างชายและชาย ในชนชั้นสูงของ โรมันและกรีก ละ ? จะอธิบายพฤติกรรมความเป็นมาและเหตุผลยังไง จากคุณ : Calypsol_Red เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 17:00:28

ความคิดเห็นที่ 11 น่าจะเป้นความเชื่อ และประเพณี การแสดงออกซึ่งอำนาจ ประมาณนั้นครับ รอนักประวัตศาสตร์ ด้านโรมันวิทยา มาอธิบายนะครับ รอฟังๆ จากคุณ : arakball เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 17:07:28

ความคิดเห็นที่ 12 กรีก...ยุคเริ่มของชาวเกย์ “นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ” นักวิชาการศูนย์มานุษยวิทยาสิรนธรถ่ายทอดเรื่องราวผ่านการเสวนา เรื่อง “เกย์กับเรือนร่าง” ตั้งแต่ในยุคต้น ๆ ไว้อย่างละเอียดลออว่า “ความเป็นมาของผู้ชายรักร่วมเพศหรือที่เรียกจนติดปากว่าเกย์นั้น จริง ๆ แล้วคำว่า “เกย์”เริ่มใช้กันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 แต่รากเหง้าของเกย์คงต้องย้อนกลับไปในยุคกรีกโบราณ ในวรรณกรรมหรือภาพวาดของกรีกได้แอบแฝงความสัมพันธ์ของชายกับชายไว้อย่างหมดจด ขณะเดียวกัน ก็มีการบัญญัติศัพท์ขึ้นมาเพื่อสะท้อนการดำรงอยู่ของกลุ่มชายรักชายเอาไว้ อาทิ “Kalos” ซึ่งหมายถึงความสวยงามในเรือนร่างของเพศชาย นฤพนธ์ ยังเล่าถึงสถานที่แห่งหนึ่ง คือ Gymnasium ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ยากจะคาดเดาว่า ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ใช้ฝึกด้านกายภาพสำหรับผู้ชายสมัยกรีก โดยห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้าไป พวกเขาเปลือยกายฝึกทั้งกีฬา พละกำลัง ความรักระหว่างชายด้วยกันจึงเกิดขึ้น ความสัมพันธ์ของครูกับลูกศิษย์ ซึ่งเป็นความรักต่างวัย งอกงามขึ้นท่ามกลางความกระหายใคร่รู้ในวิทยาการ เขาเชื่อว่า น้ำอสุจิ เป็นแห่งพลังความรู้ เมื่อครูถ่ายทอดให้ศิษย์ ศิษย์ก็จะได้ภูมิความรู้นั้น ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เรื่องในลักษณะนี้ยังพบได้ในหลากหลายวัฒนธรรมอย่างชนเผ่าปาปัวนิวกินี เป็นต้น จากคุณ : taecu เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 18:33:06

ความคิดเห็นที่ 13 ตีสี่ดราม่าเรื่องนี้อีกแล้วครับ สัปดาห์ที่แล้วก็ทีนึงแล้ว --------------------------------------------------------------------------- ปัจจัยเรื่องยีนมีผลอย่างมากครับ หากท่านเสริ์จ pubmed ดู ท่านจะพบว่าความหลากหลายและการ mutate ของยีนบางยีนจะทำให้มีลักษณะเบี่ยงเบนทางเพศครับ ตัวอย่างง่ายๆ คือ Polymorphism บริเวณ Xq28 ที่เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่ามีผลอย่างมาก แลพบว่าจากการศึกษาคนที่ไม่ชอบพฤติกรรม homosexual จริงๆแล้วมักจะเป็นบุคคลที่ชอบ homosexual เสียเอง จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 18:39:21

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วนเรื่องฮอร์โมน TESTOSTERONE ต้องถูกสร้างก่อนครับจึงจะเป็น ESTROGEN ได้ ดังนั้นพวกตุ๊ดเขามีระดับ TESTOSTERONE ค่อนข้างปกติอยู่แล้วนะครับ แต่เขากิน ESTROGEN เพิ่มนั่นเอง ส่วนทอมที่กิน TESTOSTERONE เพิ่ม ผมเคยดู BBC เหมือนกันครับ แต่ต้องยอมรับว่า TESTOSTERONE ที่ทอมกินส่วนมากจะถูกเปลี่ยนเป็น ESTROGEN ด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 52 18:50:24 จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 18:49:15

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วเรื่องการเกิดในสังคมเมืองนี่ ในอังกฤษเขาทดลองมาหลายสิบปีแล้วครับ เขาพบว่าในแม่น้ำเทมส์ที่ค่อนข้างมีมลพิษกับส่วนที่ค่อนข้างสะอาด ปลาเพศผู้จะมีแนวโน้มที่จะไม่ชอบเพศเมียอยุ่มาก สัตว์หลายชนิดที่อยู่ในมลพิษเพศผู้จะมีการเบี่ยงเบนครับ Y chromosome เป็นโครโมโซมที่ค่อนข้างเปราะบางครับ ทั้งการเกิด Y chromosome ก็เกิดมาจากความเปราะบางของ chromosome X ที่มีทั้ง MIN และ CIN ทำให้เกิดการตัดการต่อจนได้ Y chromosome ปัจจุบัน ซึ่งยีนที่ทำให้ทารกเพศหญิงมีการพัฒนาการไปเป็นเพศชายก็คือยีน SRY ที่อยุ่บน Y chromosome นี่เอง ดังนั้น Y ที่ค่อนข้าง sensitive ต่อสิ่งแวดล้อมและความไม่เสถียรของ chromosome อยุ่แล้วจึงมีโอกาสกลายพันธุ์หรืออาจเกิด switch off ของยีนบนนั้นได้มากครับ นี่คือสาเหตุเรื่องที่ตุ๊ดและกระเทยมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมที่ค่อนข้างเจริญทางวัตถุและชุมชนเมือง ส่วนรักร่วมเพศนั้นผมถือว่าเป็นรสนิยมครับ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 19:05:35

ความคิดเห็นที่ 16 และเพิ่มเติมถ้าท่านไหนไม่กล้าหรือ ต่อต้านเรื่องการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เพราะกลัวว่ามันจะมีสาเหตุมาจากตัวท่าน ไม่ต้องกังวลครับ ความผิดปกติพวกนี้ส่วนใหญ่เป็น new mutation ของ germ cell หรือไม่ก็ตัว zygote เองครับ รวมทั้งอาจเกิดขึ้นตอนโตแล้วด้วย ดังนั้นยีนของท่านแทบไม่มีผลต่อลูกที่มีความเบี่ยงเบนแต่อย่างใดครับ จะมีก็แค่ท่านอาจมี microsatellite instability อยุ่บ้างแล้วแต่ยังไม่พอจะ switch off การทำงานของบางยีน จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 19:16:12

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่ใช่โรค ไม่ใช่ความผิด รักษาไม่ได้(เพราะไม่ใช่โรค) จากคุณ : Nameless Monster เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 20:12:38

ความคิดเห็นที่ 18   นั่นมันทางกายครับ ทางจิตใจคนละเรื่องกัน จากคุณ : วะว้าว (โอเอซิสแมน) เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 20:16:41

ความคิดเห็นที่ 19   พวกเขาเปลือยกายฝึกทั้งกีฬา พละกำลัง ความรักระหว่างชายด้วยกันจึงเกิดขึ้น ความสัมพันธ์ของครูกับลูกศิษย์ ซึ่งเป็นความรักต่างวัย งอกงามขึ้นท่ามกลางความกระหายใคร่รู้ในวิทยาการ เขาเชื่อว่า น้ำอสุจิ เป็นแห่งพลังความรู้ เมื่อครูถ่ายทอดให้ศิษย์ **************** นึกภาพตามแล้วสยิวไปหมดทั้งตัว จากคุณ : ตีสี่ เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 20:27:03

ความคิดเห็นที่ 20   ถ้างั้น ระยอง ก็ต้องมีเกย์มากที่สุดในประเทศไทยสิ  ใช่ไม่ใช่  งานศึกษาพวกนี้ยังต้องขัดเกลาถกเถียงกันอีกมาก จะว่าตีสี่ดราม่าไม่ได้  ตีสี่ ต้องพูดถูกบ้างล่ะน่า ส่วนเรื่องเกย์ในยุคโบราณ  เป็นเรื่องธรรมชาติจริง ๆ  สมัยก่อนเดินทัพจับศึก  จะพาผู้หญิงออกเดินไปด้วยก็ไม่สะดวก  เดินทัพข้ามประเทศมีแต่ผู้ชายด้วยกัน   ก็ช่วยกันปลดปล่อยกัน   กลับบ้านก็ไปมีอะไรกะเมียตามปกติ   ส่วนคนที่ติดใจมาก ๆ ก็เป็นเกย์โดยสมบูรณ์ไป  เป็นเรื่องรสนิยมตามธรรมชาติ แต่สมัยนี้เรื่องค่านิยมมองว่าการรักร่วมเพศนั้นผิด  ก็เลยต้องยกเรื่องยีนส์มาอ้างไงครับ แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 52 20:33:46 จากคุณ : ตีสี่ เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 20:31:57

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ ถูกต้องครับตีสี่ ที่พูดมาถูกต้อง แต่สำเนียงที่ตีสี่พิมพ์ก่อนหน้านี้เหมือนกับเหวี่ยงแหว่าคนส่วนใหญ่ที่เบี่ยงเบนเขาต้องการเรียกร้องความสนใจไงครับ ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ครับ ถ้าตีสี่เพิ่มคำว่า "ส่วนหนึ่ง" เข้าไปในประโยคมันจะดีกว่าครับ ปล. ผมไม่เบี่ยงเบนนะเอ้อ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 20:46:36

ความคิดเห็นที่ 22 >>>แต่สมัยนี้เรื่องค่านิยมมองว่าการรักร่วมเพศนั้นผิด  ก็เลยต้องยกเรื่องยีนส์มาอ้างไงครับ<<< >>>ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม   คนที่เป็นจะอ้าง  genetic เสมอครับ  เพื่อไม่ต้องรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองเป็น<<< >>>การอ้าง genetic เป็นสิ่งที่ทำให้ตนเองไม่ต้องรับผิดชอบกันสิ่งที่เกิดขึ้นไงครับ   ตัวเองก็ไม่ต้องรู้สึกว่าทำอะไรผิดหรือคิดอะไรผิด<<< (2อันหลังอ้างอิงจากกระทู้X8420440) คือถ้ามีคำอธิบายเรื่องความเบี่ยงเบนให้เพศที่3แล้วตีสี่ไม่พอใจว่างั้น? ต้องให้ชาวโลกปฏิบัติกะเพศที่3เหมือนตัวประหลาดถึงจะสาแก่ใจของตีสี่ว่างั้น? ตีสี่ไม่คิดว่าตัวเองยึดติดกะเรื่องเพศไปหน่อยเหรอ? เป็นคนต้องมีแต่หญิงกับชายเท่านั้น ไม่ใช่หญิง ไม่ใช่ชาย ก็คือไม่ใช่คน ว่างั้น? ถามตีสี่หน่อยว่าทำไมถึงคิดว่าความเบี่ยงเบนทางเพศเป็นเรื่องผิด? วานชี้แจงแถลงไข? อ้อ ขอถามเรื่องส่วนตัวอีกเรื่อง ตีสี่รู้สึกยังไงที่เรื่องของตัวเองติดเว็บดราม่า2ครั้งแล้ว? แล้วรู้มั้ยว่าคนในเว็บดราม่าพูดถึงตีสี่ว่ายังไงกันบ้าง? ถ้ารู้ตีสี่คิดอย่างไร? และถ้าเรื่องของตีสี่ได้ขึ้นเว็บดราม่าอีกรอบตีสี่จะรู้สึกอย่างไร? ^ ^ อันนี้ความสงสัยส่วนตัว ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร แต่อยากให้ตีสี่ตอบมากๆเลยว่าทำไมถึงคิดว่าความเบี่ยงเบนทางเพศเป็นเรื่องผิด นะ...อยากรู้ความคิดของตีสี่มากๆเลย จากคุณ : Ponyo เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 23:36:34

ความคิดเห็นที่ 23   ผมไม่ได้บอกว่าเบี่ยงเบนเป็นเรื่องผิด  แต่หมายถึง คนที่เป็นเกย์น่าจะรู้สึกผิด  มันเป็นเรื่องไม่ปกตินี่ครับ  ก็ถ้าใครเป็นขึ้นมาก็ต้องมีปัญหากับชีวิตแน่นอนครับ  ถ้าเลือกได้คงไม่มีใครอยากเป็นหรอกครับ   บาง คคห. ผมถึงประชดว่า  ถ้าคิดว่าเป็นเกย์แล้วคิดว่าไม่มีปัญหา ไม่รู้สึกผิด ไม่คิดอะไรเลย  ก็ขอให้เป็นทุกชาติไป (ก็มีความสุขกะชีวิตดีนี่) แต่ถ้าเป็นไปแล้ว ก็ต้องเชื่อว่าตัวเองเป็นเพราะยีนส์ทั้งนั้นแหละครับ  เป็นเรื่องจริง แต่ด้วยคนเราเบี่่ยงเบนได้หลายสาเหตุ   สาเหตุที่ไม่ชอบมาก ๆ คือ  พวกจิตอ่อน  ตามกระแส  ตามแฟชั่น  ยิ่งพวกเด็กทอม ที่เป็นไปเพื่อเท่ ๆ ไปยังงั้นยิ่งเกลียดมาก ๆ คือ  ผมเชื่อว่าไม่มีใครยอมรับว่าเป็นเกย์เพราะสิ่งแวดล้อมแน่ ๆ ครับ   การเป็นเกย์เพราะสิ่งแวดล้อมน่าจะเป็นเหมือนกับบาดแผลในชีวิตที่ไม่มีใครอยากพูด  เหมือน เด็ก ๆ ที่เคยโดนปู่หรือตาลวนลาม   ถ้าเป็นเกย์ไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไปสืบสาวว่าเป็นเกย์เพราะอะไร   จึงเชื่อว่าเป็นเพราะยีนส์ไว้ก่อน  เพื่อจะได้ไม่ต้องไปคิดให้มากความว่าชีวิตตัวเองมีอะไรบกพร่องมั้ย เหมือนผู้หญิงอ้วนที่มักเชื่อว่าตัวเองอ้วนเพราะ ยีนส์ เสมอ  เพื่อจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดหรือน้อยใจที่ตัวเองดูไม่ดีไงครับ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 00:02:45 แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 00:01:24 จากคุณ : ตีสี่ เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 23:53:53

ความคิดเห็นที่ 24   อ้อ ขอถามเรื่องส่วนตัวอีกเรื่อง ตีสี่รู้สึกยังไงที่เรื่องของตัวเองติดเว็บดราม่า2ครั้งแล้ว? แล้วรู้มั้ยว่าคนในเว็บดราม่าพูดถึงตีสี่ว่ายังไงกันบ้าง? ถ้ารู้ตีสี่คิดอย่างไร? และถ้าเรื่องของตีสี่ได้ขึ้นเว็บดราม่าอีกรอบตีสี่จะรู้สึกอย่างไร? ******** ก็ไม่รู้จักรู้เรื่องเวบดราม่าอะไรเลยครับ  ไม่รู้จะว่าไงเหมือนกัน ส่วนที่คนอื่นจะคิดยังไง  ก็ไม่รู้สึกอะไรนะครับ  ผมเป็นมืออาชีพพอ  ผมเชื่อว่าการซื่อสัตย์กับความคิดตัวเองสำคัญกว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีใด ๆ ทั้งมวลครับ     แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 52 23:59:21 จากคุณ : ตีสี่ เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 23:56:46

ความคิดเห็นที่ 25 ก็แล้วทำไมจะต้องรู้สึกผิดล่ะ? >>>บาง คคห. ผมถึงประชดว่า  ถ้าคิดว่าเป็นเกย์แล้วคิดว่าไม่มีปัญหา ไม่รู้สึกผิด ไม่คิดอะไรเลย  ก็ขอให้เป็นทุกชาติไป (ก็มีความสุขกะชีวิตดีนี่)<<< ยังไม่ทันพูดถึงคห.นั้นเลย ตีสี่ร้อนตัวเหรอ >>>เหมือนผู้หญิงอ้วนที่มักเชื่อว่าตัวเองอ้วนเพราะ ยีนส์ เสมอ  เพื่อจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดหรือน้อยใจที่ตัวเองดูไม่ดีไงครับ<<< มั่วนิ่มแล้วนะตีสี่ 1.ไม่เคยได้ยินเรื่องยีนอ้วน หรือใครที่อ้างเรื่องตัวเองมียีนอ้วน 2.ต่อให้มีคนเชื่อผิดๆว่ามียีนอ้วนจริงหรือยีนอ้วนไม่มีจริง ก็ไม่ได้แปลว่ายีนความผิดปกติทางเพศจะไม่มีจริง มันคนละเรื่องกันจ้ะตีสี่ ตีสี่อ่านปากโปเนียวนะ มัน คน ละ เรื่อง กัน 3.คนที่ออกมาบอกว่ามียีนที่บ่งชี้ถึงความผิดปกติทางเพศ คือนักวิทยาศาสตร์ที่เขาทำวิจัยเรื่องนี้ ไม่ใช่คนที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศ เพราะฉะนั้นข้อกล่าวหาของตีสี่ที่ว่าเป็นข้อแก้ตัวให้ตัวเองรู้สึกสบายใจเป็นอันตกไปนะจ้ะ ทีนี้กลับมาที่คำถามแรก เพราะตีสี่ยังตอบไม่เคลียร์ ทำไมตีสี่ถึงคิดว่าคนที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศควรจะรู้สึกผิด? เขาทำอะไรผิดเหรอถึงควรจะรู้สึกผิด? ความเบี่ยงเบนทางเพศผิดยังไง? หวังว่าคราวนี้คำถามจะชัดเจนแล้ว ซึ่งควรจะหวังได้ว่าจะทำให้ได้คำตอบที่ชัดเจนมากกว่าคำตอบแรกนะ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 00:43:56 จากคุณ : Ponyo เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 00:41:16

ความคิดเห็นที่ 26 >>>>>>>>>>>> ก็ไม่รู้จักรู้เรื่องเวบดราม่าอะไรเลยครับ  ไม่รู้จะว่าไงเหมือนกัน ส่วนที่คนอื่นจะคิดยังไง  ก็ไม่รู้สึกอะไรนะครับ  ผมเป็นมืออาชีพพอ  ผมเชื่อว่าการซื่อสัตย์กับความคิดตัวเองสำคัญกว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีใด ๆ ทั้งมวลครับ   <<<<<<<<<<<< -ผมเป็นมืออาชีพพอ<<<<มืออาชีพ!? มืออาชีพอะไร!? -ความคิดตัวเองสำคัญกว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีใดๆทั้งมวล?!? กล้าพูดเว้ย!!! สุดยิดเรยอ่า ความคิดตัวเองสำคัญกว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดี...กล้าประกาศว่าตัวเองโยนศีลธรรมทิ้งกันซะงั้นเลยง่ะ = = ไม่รู้สึกว่าศูนย์กลางระบบสุริยะไปหน่อยเหรอ ตีสี่นี่มั่นดีเนอะ ...อ้าวว่าแต่ถ้ายังงั้นแล้วตีสี่ไม่คิดว่ามันขัดกะคำพูดตัวเองที่ว่าเพศที่3ควรจะรู้สึกผิดกะสภาพของตัวเองเรอะ!? ในเมื่อทีตัวตีสี่เองยังไม่รู้สึกผิดอะไร เพราะความคิดตัวเองสำคัญกว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอ่ะ คำถามสุดท้าย ตีสี่เป็นอะไรมากไหม = = *แก้ไขโค้ดผิดพลาดนิดหน่อย แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 00:57:43 จากคุณ : Ponyo เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 00:55:25

ความคิดเห็นที่ 27 เข้ามาบอกเวปดราม่า ดราม่า-เสพย์ติด ดอทคอม จากคุณ : PanJ เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 03:02:22

ความคิดเห็นที่ 28 นอนไม่หลับ เข้ามาเสพย์ดราม่าก่อนไปทำงาน ฮ้าาาาาา......... สดชื่น...... จากคุณ : Psycho poet เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 04:17:33

ความคิดเห็นที่ 29 ผมว่าใช่ sense เอาก็ตอบได้แล้วนะว่ามันกินเพื่อผลทางร่างกาย เหมือนสาวประเภทสองที่กินเพื่อให้นมโต ทอมกินก็คงหวังเพื่ออกผายไหล่ผึ่ง ถ้าคิดไม่ได้ลองถามคนรู้จักหรือว่าญาติที่เป็นก็ได้ คนอื่นเค้าจะได้ไม่รู้ว่า... จากคุณ : m_icehoc เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 09:44:52

ความคิดเห็นที่ 30   ก็แล้วทำไมจะต้องรู้สึกผิดล่ะ? ***** เป็นเกย์ก็ต้องรู้สึกผิดสิครับ  อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้พ่อแม่ คนรอบตัวผิดหวัง  จะมีพ่อแม่ซักกี่คนครับที่รู้ว่าลูกเป็นเกย์แล้่วไม่รู้สึกอะไรน่ะ  เลือกได้ใครอยากมีลูกเบี่ยงเบน     คนเบี่ยงเบนทางเพศส่วนใหญ่ก็เคยแอ๊ปทั้งนั้น    มีคนเบี่ยงเบนบางคนบอกว่า  เหมือนถูกสาปครับ  ก็ต้องรู้สึกผิดที่เป็นแบบนี้แหละครับ ยิ่งกระเทยบางคนถึงขั้นบ้านแตกสาแหรกขาด  พ่อแม่ไล่เหมือนหมูหมา   หนีออกจากบ้านเสียผู้เสียคน  คิดว่าเขาจะรู้สึกยังไงล่ะ *************** .ไม่เคยได้ยินเรื่องยีนอ้วน หรือใครที่อ้างเรื่องตัวเองมียีนอ้วน ***ก็เคยอ่านเจอมาสิิบกว่าปีแล้วครับ เรื่องยีนส์อ้วนน่ะ  แต่ประเด้นคือ  ความอ้วนเกิดจากหลายสาเหตุ   บางคนใช้ความพยายามก็ลดได้ บางคนก็ลดไม่ได้จริง ๆ อันนั้นเำพราะยีนส์ก็ไม่ว่าอะไร  แต่ผมไม่คิดว่าจะมีเปอร์เซนต์ที่มากมายนักของคนอ้วนทั้งหมด บางคนที่เผาผลาญไม่ดีก็ต้องควบคุมตัวเองใช่ปะครับ   แต่บางคนเผาผลาญไม่ดีแล้วยังไม่ควบคุมเรื่องการกินการอยู่  มันก็เลยอ้วน  ทีนี้ก็รู้สึกไม่ดีกะตัวเอง  ก็เลยต้องเชื่อไว้ก่อนว่าตัวเองอ้วนเพราะยีนส์ จากคุณ : ตีสี่ เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 12:31:43

ความคิดเห็นที่ 31   ผมเป็นมืออาชีพพอ<<<<มืออาชีพ!? มืออาชีพอะไร!? ****มืออาชีพด้านการแสดงความคิดเห็นในเวบบอร์ดน่ะครับ  ผมจะทำให้แฟนคลัปผิดหวังไม่ได้ครับ  (แฟนคลัปจะส่งแมสเซสให้กำลังใจทางหลังไมค์เสมอครับ  ผมจึงต้องสู้ต่อไป) ************** -ความคิดตัวเองสำคัญกว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีใดๆทั้งมวล?!? กล้าพูดเว้ย!!! สุดยิดเรยอ่า ความคิดตัวเองสำคัญกว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดี...กล้าประกาศว่าตัวเองโยนศีลธรรมทิ้งกันซะงั้นเลยง่ะ = = ******* *****   ถ้าไม่โยนศีลธรรมทั้งหมดทิ้ง  จะเกิดความคิดเห็นที่บริสุทธิื์ไม่ได้ครับ  เพราะคนเรามีอีโก้  ที่จะต้องปรุงแต่งตัวเองให้ดูดี  สังคมยอมรับอยู่เสมอ ความคิดที่คนทั่วไปแสดงออก  จึงไม่ใช่ความคิดที่แท้จริง  เพราะต้องผ่านกระบวนการทางสังคมกรองไว้   ความคิดเห็นที่ได้จึงไม่บริสุทธิ์ เพราะไม่ใช่ตัวตนของตนเอง  แต่เป็นตัวตนที่สังคมยอมรับ บางท่านแนะนำผมว่า  คิดอะำไรไม่ต้องพูดหมดก็ได้  นั่นคือ  ความคิดไม่สำคัญเท่าการแสดงออกทางสังคม แต่ตีสี่โยนทุกสิ่งทิ้งทั้งหมด  เพื่อให้เกิดความคิดที่บริสุทธิ์สดใส  เหมือนแก้วคริสตัลเจียรไน   ตัวตนที่แสดงออกในสังคม  จึงไม่มีความหมายเท่ากับสิ่งที่ตัวเองเป็นจริง ๆ   ************** ไม่รู้สึกว่าศูนย์กลางระบบสุริยะไปหน่อยเหรอ ตีสี่นี่มั่นดีเนอะ *******นี่คือการโยนอัตตาทั้งหมดทิ้ง  เพื่อข้ามขั้นไปสู่ความเป็น "อภิอัตตา" จากคุณ : ตีสี่ เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 12:42:05

ความคิดเห็นที่ 32 คุณคิดแทนเกย์หมดทุกคนเลยหรอว่าจะต้องรู้สึกผิดที่เป็นเกย์ คนไม่รู้สึกผิดก็มีนะ ทำไมต้องใช้คำว่า"ต้อง"ด้วย มันเป็นการสรุปแบบฟันธง ที่ไม่มีเหตุผลรองรับเลย ความหมายอีกแบบนึงที่อ่านได้ก็คือ เป็นเกย์ก็ควร"ต้อง"รู้สึกผิดนะ ...อะไรประมาณนี้ เราว่าไม่ใช่นะ จากคุณ : โค้กใส่น้ำแข็ง เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 14:00:32

ความคิดเห็นที่ 33 "อภิอัตตา" นี่น่าสนใจ คิดว่าตีสี่คงมี AT field ที่แข็งแกร่งใช้ได้เลยทีเดียว สนใจร่วมงานกับ NERV มั้ย เราว่าคุณไปได้ไกลแน่ จากคุณ : Psycho poet เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 16:07:56

ความคิดเห็นที่ 34 เป็นเกย์ต้องรู้สึกผิด หุหุ ปญอ คนที่ควรจะรู้สึกผิดคือพวกที่รังเกียจมากกว่า ทำตัวเป็นพระเจ้า ถ้าเราเป็นพระเจ้าเราคงเกลียดพวกนี้มากกว่าชอบมาตัดสินไรแทนตรูอยู่เรื่อย -  -" จากคุณ : Nameless Monster เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 20:32:00

ความคิดเห็นที่ 35 555+ จากคุณ : Ponyo เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 20:46:18

ความคิดเห็นที่ 36   เกย์คือบาปเคราะห์ การมีความรู้สึกผิดย่อมเป็นเรื่องธรรมดา จากคุณ : ประสาท เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 08:30:19 A:125.27.31.101 X: TicketID:229629

ความคิดเห็นที่ 37 อ้างชาติก่อนเพื่อให้รู้สึกผิด? จากคุณ : แกน่ะแหละบ้ารึเปล่า? (Ponyo) เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 09:07:29

ความคิดเห็นที่ 38 ทำที่จำความได้ผมรู้สึกชอบผู้ชายตั้งแต่ 5 ขวบแล้วครับ มั่นใจว่าตัวเองเป็นเกย์จริงๆตอน 17 คิดว่าการเลี้ยงดูอาจจะไม่เกี่ยว แฟนผมพี่ชายเขาก็เป็นเกย์นะ ครอบครัวก็อบอุ่นดี เคยคุยกันว่ารู้สึกตัวเองว่าเป็นเกย์ตอนไหน เขาก็บอกเหมือนกันว่ารู้สึกว่าชอบผู้ชายมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว อีกเคสหนึ่งเพื่อนผมเองครอบครัวนี้มีลูกชาย 5 คน รวมเพื่อนผมด้วย ทุกคนเป็นเกย์หมด อันนี้ฟังแล้วตกใจมากนึกว่ามันเล่นมุก ผมได้เจอกับพี่น้องมันทุกคนแล้วเกย์หมดทุกคนเลยจริงๆ คนเป็นเกย์ส่วนมาก ไม่รู้สึกว่าตัวเองผิดปกติเลยสักนิด แต่เพราะเกย์เป็นคนกลุ่มน้อยจึงถูกตัดสินว่าผิดปกติไปซะงั้น แปลกดีที่คนที่ไม่ได้เป็นเกย์มักคิดว่าตัวเองรู้ดีกว่าเกย์เสมอ จากคุณ : Desolation Angel เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 23:51:18

ความคิดเห็นที่ 39   ลูกชายเป็นเกย์ทั้ง 5 คนเนี่ย   โลกันตมหานรกของพ่อแม่เลยนะครับนั่น   สยองแทน จากคุณ : ตีสี่ เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 08:30:04

ความคิดเห็นที่ 40 ไม่รู้นะ รู้แต่ว่า เอะอะๆ จะโทษเวรกรรมอย่างเดียวไม่ได้หรอกค่ะ มันไม่ใช่วิถีของ "นักวิทยาศาสตร์" หรือแม้กระทั่ง นักวิจัย เพราะถ้าใช้วิถีของนักวิทยาศาสตร์จริง ต้องหาเหตุและผล ต้องทำความเข้าใจ ต้องทำการศึกษา จนกว่าจะได้คำตอบซึ่งชัดเจนให้มากที่สุด ไม่ใช่ "อคติ" แม้นพระพุทธเจ้า ยังให้คิดดูด้วย เหตุ และ ผล กรรม อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผล "แต่" ชีวิตคนเราไม่มีความจำเป็นใดใดที่ต้องรับผลกรรมไปทั้งชาติ เพราะ กรรมดีชาตินี้ยังมี และ ไม่ควร อ้าง เวรกรรม เพื่อทำให้ผู้ผิดเพศ และ เบี่งเบนทางเพศ ต้อง "เจ็บช้ำ" ไปตลอดชีวิต เพราะ: 1. มันไร้มนุษยธรรม 2. เข้าข่ายเป็นอคติมีเจตนาทำลายผู้อื่น 3. มันไม่ใช่วิถีของนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย คนเกิดเป็นเพศไหน ถ้าเลือกได้ก็อยากมีความสุขกับทุกวันในสิ่งที่กำหนดให้เป็น วันที่คนรอบข้าง เช่น พ่อแม่เข้าใจ พวกเขาได้ศึกษาเรื่องนี้มากพอ พวกเขาก็ไม่เสียใจ แน่นอน เพราะคนจะเป็นแบบนี้น่ะ มันต้องมี "เค้าโครง" ว่าจะเป็นอยู่แล้ว ถึงทำใจได้ และเขาสามารถ ภูมิใจในตัวลูกคนนั้นได้เช่นกัน ในเรื่องอื่นที่มีอีกมากๆๆๆๆๆๆ มาย จากคุณ : PPP (PondzChwia) เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 19:40:28

ความคิดเห็นที่ 41 ขอตอบ จขกท. คร่าวๆ นะคะ เฉพาะเรื่อง สาวประเภทสอง (เรื่องอื่นไม่รู้) Tranfemale เป็น โรค ที่ต้องบำบัดค่ะ เล่าเฉพาะเท่าที่จำได้นะคะ -_-" ในอนาคต คงจะมีบทความให้อ่านมากกว่านี้ มี 4 ประเภทด้วยกัน 1. จำชื่อไม่ได้ค่ะ เป็นโรคจิตที่ต้องแก้ที่จิต 2. จำชื่อไม่ได้ค่ะ เป็นโรคจิตที่ต้องแก้ที่จิต 3. Tranvestism บุคคลผู้ซึ่งพึงใจต่อการแต่งการเป็นหญิง ถ้าได้แต่งชุดผู้หญิง ก็มีความสุขสนองต่อความต้องการของจิตใร้สำนึกได้แล้ว นั่นหมายความว่า กลุ่มนี้ ไม่ต้องการแปลงเพศ และ มีหน้าอก โรคนี้จะได้รับการรักษา เมื่อได้ "แต่งกาย" ตามต้องการแล้ว 4. Transexuallism บุคคลผู้ซึ่งผิดเพศในหลากหลายด้าน มีจิตไร้สำนึกที่ต้องการเป็นเพศตรงข้ามกับเพศสภาพอย่างชัดเจน ต้องการขจัดสิ่งซึ่งตรงข้ามกับ เพศสภาวะ (เพศในใจ) ต้องการใช้ชีวิตอย่างเพศตรงข้ามของตน   กลุ่มนี้.. คือ กลุ่มที่ต้องการ แปลงเพศ ต้องการมีหน้าอก หากใส่แรงเสริมให้ทำตามเพศสภาพของตน เช่น แต่งชุดชาย บังคับให้ทานฮอร์โมนเพศชาย เล่นกล้าม เล่นอะไรๆ ที่ผู้ชายเขาเล่นกัน จะ เป็นการรักษาที่ "ผิดวิธี" ทำให้ self-esteem ของเขายิ่งต่ำลง และส่งผลให้ ศักยภาพ ความสามารถหลายอย่างด้อยลงไปได้ ทั้งๆ ที่ ในฐานะพลเมืองคนหนึ่ง เขาสามารถช่วยพัฒนาประเทศได้ ไม่แพ้ เพศหญิงทั่วไป ชายทั่วไป จาก 2 ประเภทนี้ จะช่วย ตอบปัญหาข้องใจ ทำไม? กะเทยบางคนยังมีไอ้นั้นได้ (ซึ่งเราก็รับไม่ได้ น่าขยะแขยงเหมือนกันนะ) เพียงแต่งกายเป็น หญิง ก็สุขแล้ว ทำไม? กะเทยบางคน ยอมรับไม่ได้เลยที่ต้องมีความเป็นเพศชายอยู่ หากได้รับการแปลงเพศ มีหน้าอกแล้ว ถือว่า บรรลุการรักษาแล้ว หากสนใจข้อมูลเพิ่มเติม คงต้องรอ บทความนี้ ตีพิมพ์ลงอินเตอร์เน็ตค่ะ จากคุณ : P (PondzChwia) เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 20:00:54