ความคิดเห็นที่ 1 บางคนฟังแล้วแยกออกนะครับว่าสายดีไม่ดี คุณฟังออกรึเปล่าละครับ? ฟังไม่ออกแล้วซื้อสายถูก => ใช้เงินคุ้มค่าครับ ฟังไม่ออกแล้วซื้อสายแพง => อย่างน้อยก็ความสุขทางใจ ถ้าไม่ต้องผันเงินไปใช้อย่างอื่นก็ตามสบายครับ ฟังออกแล้วซื้อสายถูก => กรณีนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณพบว่าคุณภาพที่ต่างกันไม่คุ้มกับผลต่างของราคา ฟังออกแล้วซื้อสายแพง => ก็ซื้อของให้ตรงกับความต้องการตัวเอง ส่วนตัวผมเองผมว่ามันมีความแตกต่างกันบ้างครับเรียกว่าเป็นบุคลิกของสายดีกว่าซึ่งอาจจะไม่ได้แปรผันตามราคาสายครับ จากคุณ : มอนตะทาโร่ เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 00:39:23

ความคิดเห็นที่ 2 ผมไม่ใช่พวกหูเทพ หูทอง หูเทวดา หรืออะไรทั้งสิ้นนะครับ เพียงแต่เป็นคนที่ชอบฟังเพลงก็เท่านั้น ความรู้สึกส่วนตัว(ย้ำนะครับว่าความรู้สึกส่วนตัว) รู้สึกว่ามันไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่นะครับ เอาไว้รอฟังความเห็นท่านอื่นๆด้วยดีกว่านะครับ จากคุณ : heynong1 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 00:40:43

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ใช่หูทองเช่นกัน แต่ฟังเพลง ที่เสียงเพราะๆ มันสุขนักแล แต่..... ผมแยกไม่ออกระหว่าง สายถูกๆ กับสายแพงๆครับ (แยกด้วยหูตัวเองนะ) จากคุณ : ginosty เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 00:45:05

ความคิดเห็นที่ 4 ตามนั้น ถ้าแยกออกแล้วคิดว่าคุ้มก็จัดการเลยครับ จากคุณ : เชื่อผมเหอะ แล้วดีเอง เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 01:02:27

ความคิดเห็นที่ 5 hdmi ยังไงก็ไม่ต่างครับ แต่ถ้าเป็นสายสัญญาณอนาล๊อก ให้เลือกคุณภาพกลางๆ สายถูกกับกลางๆ  เทียบง่ายๆก็คุณภาพ 50กับ85   ราคาต่างกันไม่มากมาย พอรับได้ ส่วนสายกลางๆกับแพงๆ    คุณภาพ 85กับ95-100    แต่ราคาต่างกันมหาศาล จากคุณ : ร้อยละสิบสลึง เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 01:28:06

ความคิดเห็นที่ 6 โดยปกติแล้ว การส่งข้อมูลผ่านสายไฟ โดยข้อมูลที่ส่งนั้น ส่งในรูปของแรงดันไฟฟ้า (ไม่ใช่การส่งผ่านสาย optical) จะทำให้ข้อมูลที่ส่งไปมีความเพี้ยนอยู่แล้วครับ เพราะในสายแต่ละเส้น จะมีความเป็น L กับ C ทำให้รูปสัญญาณเพี้ยนไป สำหรับ hdmi หรือ coaxial มันส่งข้อมูลเป็น digital   โดยทฤษฎีแล้วสายถูกกับแพง ไม่ต่างกันมาก เพราะไม่ว่าสัญญาณจะเพี้ยนแค่ไหน แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่สามารถแยกออกว่าเป็น logic high หรือ logic low ได้อยู่ดี และสำหรับสายถูกกับสายแพง ส่วนที่แตกต่างกันคือเรื่องของ jitter (ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก google นะครับ หน้าเว็ปภาษาไทยเว็ปแรกเลย) แต่สายลำโพงมันส่งสัญญาณเป็น analog ครับ ทางทฤษฎีแล้ว เมื่อสัญญาณไปถึงปลายทาง จะเข้าสู่ภาคขยายสัญญาณ แล้วส่งออกทางลำโพงเลย ดังนั้นถ้าสัญญาณที่ปลายทางเพี้ยน เมื่อเข้าภาคขยายสัญญาณแล้ว สัญญาณที่ขยายออกมาได้ก็ต้องเพี้ยนไปด้วย และเมื่อส่งออกลำโพงแล้ว จึงทำให้เสียงเพี้ยนไปจากต้นทาง ถ้าใช้ oscilloscope จับสัญญาณเทียบ ระหว่าง source กับ destination จะเห็นความแตกต่างแน่ๆครับ แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า หูคุณไม่ใช่ oscilloscope จะแยกออกแค่ไหนก็อยู่ที่ตัวคุณ ดังนั้น แนะนำว่าให้ไปลองฟังที่ร้านเลยครับ ลองฟังจนพอใจเลย ไม่ต้องเกรงใจร้านนะครับ เขายินดีอยู่แล้ว ถ้าฟังออกก็ซื้อ ฟังไม่ออกก็ไม่ต้องซื้่อครับ เอาเงินที่เหลือไปลงส่วนอื่นๆดีกว่าครับ ปล. สำหรับผม สายเส้นละ 60 บาท กับสายฟุตละ 3000 ผมแยกออกนะครับ  ฟังที่เสียงสูงดูก็รู้เลย   เส้น 60 บาท รู้สึกว่าเสียงสูงมันยังขึ้นไปไม่สุด รู้สึกอึดอัดยังไงบอกไม่ถูกครับ จากคุณ : ฉันมีค่าแค่ไหน เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 02:28:33

ความคิดเห็นที่ 7 ผมว่าต่างนะครับ อย่างสายแจ๊คเบสผมเส้นละ100กับ500เอามาเล่นเทียบกันนี่ผมแยกได้ครับ จากคุณ : ฟอร์จุ๊น เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 02:32:25

ความคิดเห็นที่ 8 ต่างกันคับ... แต่ก็มีผลน้อยกว่าแอมป์หรือเครื่องเล่นซีดีอยู่แล้วนาคับ รู้สึกว่าสายสัญญาน (อะนาล๊อก) ยังจะมีผลมากกว่าอีกมั้ง เสียงจะต่างกันจิงๆแบบสังเกตุได้นี่ลองเปลี่ยนเป็นสายเงินดิคับ เปลี่ยนแล้วเสียงต่างจากสายทองแดงชัดเลย แต่ถ้าเล่นเครื่องเสียงจิงๆแล้วเค้าไม่แคร์ว่าสายจะเป็นสายเงินหรือสายทองแดงหรอกนะคับเค้าแคร์ว่าเสียงจะเป็นไงมากกว่า สายทองแดงเสียงจะอบอุ่นนุ่มนวลกว่าแต่สายเงินจะเสียงโปร่งเน้นรายละเอียดซึ่งก็ต้องดูว่าแอมป์คุณเสียงเป็นไงแล้วจะใช้สายอะไรถึงจะเข้าชุดกว่าน่ะคับ ถ้าสายสัญญานตอนนี้ผมใช้ cadas เส้น 4,000 อยู่คับ เสียงต่างจากสายสัญญานบ้านหม้อเส้น 50 บาทชัดเจนประมาณฟ้ากับเหวเลยคับ สาย cadas นี่เสียงจะนุ่มนวลลื่นไหลโปร่งมีรายละเอียดมีมิติพอสมควรสังเกตุเห็นได้ แต่สายบ้านหม้อนี่เสียงอั้นๆขาดๆเกินๆรายละเอียดหายไปเยอะพอสมควรเลยคับ แต่สายลำโพงนี่ไม่เคยใช้ของถูกแฮะ 5555 สายลำโพงผมเมตรละ 300 มั้งซื้อมา 4 เมตร ของถูกกว่านี้ยังไม่เคยลองแต่ถ้าสายเงินน่าจะแพงกว่านี้อีกคับ (แต่สายที่ร้านใช้ตอนผมลองลำโพงนี่สายทองแดงเมตรละหมื่น... แพงกว่าลำโพงผมอีก -"-) ถ้าชุดเครื่องเสียงที่คุณจะซื้อราคาอยู่ประมาณ 6 หมื่นผมว่ามันก็น่าจะระดับไฮเอนท์พอสมควร (อย่างน้อยก็หรูกว่าชุดผม^0^) ถ้าชุดหรูขนาดนั้นนี่ผมคิดว่าสายลำโพงน่าจะมีผลพอสมควร ก็น่าจะเลือกแบบที่ดีหน่อยน่ะคับลองถามที่ร้านเค้าก็ได้คับว่ามีเส้นไหนให้ลองมั่งเพราะเสียงแต่ละเส้นมันจะต่างกันก็ต้องลองดูว่าชอบแบบไหน จิงๆก็อยากแนะนำสายเงินเพราะเสียงจะโทนโปร่งเน้นรายละเอียดแบบแนวสมัยใหม่แต่ก็ไม่รู้ว่าจะ match กันป่าว ก็น่าจะต้องลองฟังเองแหล่ะคับ แต่คิดว่าน่าจะห่างชั้นจากเส้นที่ราคาถูกๆพอสมควร ไม่ต้องกลัวจะเป็นเหมือนสาย HDMI หรอกคับเพราะสาย HDMI มันส่งสัญญาณแบบดิจิตอล แต่สายลำโพงมันส่งสัญญาณแบบอนาล๊อคซึ่งคุณสมบัติของตัวส่งผ่านจะมีผลกับข้อมูลที่ส่งไปด้วย ดังนั้นเปลี่ยนสายลำโพงมันมีผลไม่เหมือนกับเปลี่ยนสาย HDMI ที่ส่งแบบดิจิตอลแน่นอน... แต่จะชอบแบบไหนก็ต้องลองแหล่ะคับ... แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 03:22:49 แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 03:17:46 จากคุณ : Catwater (Catwater) เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 02:48:50

ความคิดเห็นที่ 9 ก่อนจะเล่นสายแพง ต้องดูด้วยนะครับว่ามันทำจากอะไร เป็นสายเงินหรือทองแดง หัวแจ็คเป็นอย่างไร บัดกรี หรือทำหัวแบบไหน (อาจเสียเิงินแล้วไม่คุ้ม) ถ้ามีเงินเหลือก็เล่นสายแพงครับ เรื่องเสียงต้องฟังมากๆ ครับ ตอนเริ่มต้นหูจะแยกไม่ค่อยออกครับ แต่ถ้าเราฟังเครื่องเสียงเราจนชินแล้ว ในเพลงที่เราชอบ พอไปได้ยินที่เครื่องเสียงอื่น เราจะรู้ทันทีว่าเครื่องเสียงที่เรามีมันใช่หรือยัง จากคุณ : worker (คนงานต่างแดน) เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 03:59:33

ความคิดเห็นที่ 10 ก็ขึ้นอยู่กับว่าฟังออกมั้ยแหละครับ ถ้าแยกไม่ออกก็เอาถูกๆหน่อยก็ได้ สายสัญญานอย่าซื้อที่ถูกมากๆ นะครับอย่างน้อยก็ใช้สายมีคุณภาพซักนิด สัญญานดิจิตอลเดินมาแทบไม่ต่างกันก็จริงแต่ความทนทานต่างกันแน่นอน อีกนิด ที่คุณภาพพอๆกัน สายลำโพงสำหรับงานกลางแจ้งจะถูกกว่าของเครื่องเสียงบ้าน พอสมควร จากคุณ : หวาก เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 04:01:46

ความคิดเห็นที่ 11   อยากเห็น spectum analyser ของสายถูก สายแพง ในย่านความถี่ 20hz - 20khz จัง จากคุณ : Spirited Away เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 04:12:26

ความคิดเห็นที่ 12 ไปซื้อที่ปิยะนัสซิ จะรู้ว่าแพงมากมาย - -* เคยซื้อ แจคเครื่องเล่นดีวีดีมากอันหนึ่งเพราะเสีย ป๊าด 3 พัน T_T จากคุณ : หัวปลาทู เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 04:19:54

ความคิดเห็นที่ 13 ผมซื้อตามราคาของเครื่องเสียงครับ ถ้าซื้อเครื่องเสียงมาราคาถูก จะใช้สายราคาแพง คุณภาพเสียงยิ่งห่วยแตกครับ เพราะมันจะได้เสียงที่แท้จริงออกมา.. จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 04:27:58

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าสายลำโพงละก็ต่างนะ เพราะมันเป็นทางเดินของเสียงโดยตรง ความแตกต่างของการเดินทางของสัญญาณไฟฟ้า ส่งผลของเสียงโดยตรง ถ้าแบบถูกๆ กับแบบกลางๆ ถ้าหูไม่ถั่ว ลำโพงไม่กระป๋อง ก็น่าจะฟังออกนะ แต่ถ้าแบบแพงๆ สัญญาณมันต่างแน่ แต่หูคุณฟังออกหรือเปล่า นั่นอีกเรื่อง ต่างกับสาย HDMI ที่มันเป็นสัญญาณดิจิตอล ส่งแค่สัญญาณ 0101 แค่นั้นไม่ใช้สัญญาณเสียงโดยตรงสักหน่อย ปล. ใครมีลิงค์ Blind Test ระหว่างสายมอนสเตอร์สุดหรู กับไม้แขวนเสื้อ เอามาแปะหน่อยสิ จากคุณ : Nibiru เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 05:26:31

ความคิดเห็นที่ 15 ต่างนะสมัยที่ยังเล่นดนตรีอยู่  สายสัญญาญ ที่ต่อเข้า amp เส้นกับjackถูกๆ ร้อยกว่าบาท กับเส้นเป็นพัน นี้ต่างกันเห็นๆเลย จากคุณ : กรุณาเก็บให้พ้นมือเด็ก เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 06:25:23

ความคิดเห็นที่ 16 สายอนาลอก ต่างครับ.... จากคุณ : ZorRor เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 07:15:50

ความคิดเห็นที่ 17 เคยลองสายแปลงหูฟัง ของจีนในกระบะขายสายละสิบกว่าบาท กับสายละร้อย มันต่างกันจริงๆครับ จากคุณ : bbiggy เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 07:51:01

ความคิดเห็นที่ 18 ต่างครับ เพราะผมหูเทพ ทดสอบได้หมดอ่ะจะกี่ร้อยสายก็จะแยกให้ดู จากคุณ : yugioh2500 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 09:01:33

ความคิดเห็นที่ 19 ต่างครับ คุณภาพของเสียง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับลำโพงอย่างเดียว แต่ยังมีค่า lost ของสายอีก ซึ่งสายราคาถูกๆจากจีน (จิงๆสายแพงๆมันก้อทำในจีน) จะมี lost ค่อนข้างสูง จึงทำให้คุณภาพเสียงแย่ ประมาณเคาะปี๊บก้อยังเพราะกว่า จากคุณ : Meow-Meow (piggy_and_kitty) เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 09:14:00

ความคิดเห็นที่ 20 ต่างแน่นอน จากคุณ : internetsmile เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 09:15:21

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าเป็นสาย Digital คงไม่ต่างแต่ถ้าเป็น Analog ต่างกันแน่นอน จากคุณ : ZGMF-X10A เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 09:19:00

ความคิดเห็นที่ 22   ถ้ามือใหม่ก็เลือกสายเมตรละ300-500ใช้ไปก่อนครับ แพงไปแยกไม่ออกก็เสียดายตังค์ ไว้ฟังกันคุ้นหูแล้วลองซื้อสายถูกๆบ้านหม้อมาซักเส้นฟังเทียบกันแล้วคุณจะเข้าใจ เรื่องนี้ฟังคนอื่นวิจารณ์ยังไงก็ไม่เข้าใจหรอกครับ มันถือได้ว่าเป็นปัจจัจตังต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง จากคุณ : ลิงจุ่น เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 09:19:09

ความคิดเห็นที่ 23 ต่างกันแต่ไม่คุ้มค่าเงิน เล่นแค่สายกลางๆก็พอแล้ว จากคุณ : popktb เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 09:36:12

ความคิดเห็นที่ 24 ^ ^  ผมใช้สายโทรศัพท์ อยู่เลย จากคุณ : IRQ5 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 09:45:17

ความคิดเห็นที่ 25   ต่างกันแน่ครับ แต่คุ้มไหมคงอยู่ที่คนฟังว่ามันติดใจไหม ฟังออกไหมแนะนำให้ไปลองฟังแล้วเลือกเอาดีกว่า ใช้หูเราวัดดีกว่าเอาเงินหรือหลักการมาวัด หูคนไม่เหมือนกันคงจะยาก จากคุณ : ravasear เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 10:07:33

ความคิดเห็นที่ 26 ต่างกันครับ แต่ไม่จำเป็นว่าเราต้องถูกบังคับให้ชอบเสียงจากสายแพงเสมอไป ถ้าสายถูก ทำให้เสียงออกจากลำโพงได้ "ถูกหู" ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อสายแพงแล้วเสียงไม่ถูกหูหรอกครับ ดูท่าน IRQ5 เป็นตัวอย่าง อิ อิ จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 10:10:47

ความคิดเห็นที่ 27 ผมว่าดูสิ่งแวดล้อมที่บ้านก่อนดีไหมครับ ถึงซื้อชุดเทพมา แต่ข้างบ้านตอกตะปูโป๊กๆ มีรถขายข้าวมาป่วน หมาเห่าตลอด ห้องมีสิ่งสะท้อนเสียงไปมา ซื้อชุดเทพมาก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้หูเทวดาฟังยังไงก็ไม่ได้ดี ถ้าห้องที่ใช้ฟัง เก็บเสียงอย่างดี มีช่างมาวางตำแหน่งลำโพงให้ ก็ซื้อเลยครับชุดเทพ ถึงหูไม่ได้เทพแต่ก็เห็นความแตกต่างแน่นอน ขอเชียร์ จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 10:48:11

ความคิดเห็นที่ 28   เรือ่งสายลำโพงนี้ เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์นะครับ สายลำโพงราคาแพงนั้น จากที่เคยเล่นเครื่องเสียงมาพอสมควร ขอฟันธงว่าเสียงดีขึ้นแน่นอน แต่ ควรจะต้องใช้ให้เหมาะกับชุดเครื่องเสียงของเราด้วย มีผู้กล่าวว่า ให้พิจารณาสายราคาเป็น 10% ของราคา system ซึ่งก็หมายความว่า 10% นี้เป็นแนวทางที่เหมาะสมสำหรับการตั้งราคาสายครับ สายลำโพงที่ดี จะช่วย "เป็นทางผ่าน" ให้สัญญานเสียงจาก Amp เข้าสู่ลำโพงได้ถูกต้อง โดยไม่มีการผิดเพี้ยน หรือ loss ,สายลำโพงชั้นดีจะมีการวิจัยตั้งแต่ตัวนำ , connector , ฉนวน เพื่อให้สามารถประกอบกันและส่งผ่านสัญญานได้ดีที่สุดครับ บ. ผู้ผลิตสายเค้ามีการวิจัยและทดลอง "ฟังจริง" ถึงตัวแปรต่าง ๆ ของสาย เช่น การถักเกลียว การเคลือบผิว การกลับทิศทางตัวนำ ขนาดของตัวนำ .... เรื่องพวกนี้ เค้าทดลองกันมาหมดครับ เพื่อให้สายสามารถกำเนิด "บุคลิกเสียง" เฉพาะตัวได้ คำว่าบุคลิกของเสียง มิใช่การปรุงแต่ง หรือ error ใด ๆ แต่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของสายนั้น ๆ ซึ่งให้เสียงแบบที่จะอธิบายได้ง่าย ๆ คือ "รักพี่เสียดายน้อง" มิใช่ "ได้อย่างเสียอย่าง" ซึ่ง ก็หมายความว่า สายต่าง ๆ ทุกยี่ห้อ (มาตรฐาน) จะให้เสียงดีในลักษณะแตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น .... Van den hul จะมีบุคลิกเสียงที่โปร่ง ใส ละเอียด Nordost จะให้เสียงที่ speed ละเอียด บาง Audioquest ให้เสียงธรรมชาติ เสียงกลางเนียน ลื่นไหล เบสเร็วกระชับ Kimber Kable โทนเสียงที่อบอุ่นนุ่มนวล เสียงกลางกับเสียงแหลมชัดเจน จะแจ้งเต็มไปด้วยรายละเอียด เอิ่ม....อ่านแล้วบางท่านอาจจะหมั่นใส้นะครับ แต่สายชั้นดีมันมีบุคลิกแตกต่างอย่างนี้จริง ๆ ผิดกับสายธรรมดาราคาเมตรละร้อยกว่า ๆ หรือสายแบบผลิตมาโดยขายรูปลักษณ์ภายนอก แต่ภายใน ตัวนำเป็นแบบธรรมดาไม่ต่างจากทองแดงทั่วไป สายแบบนั้นจะให้เสียงที่จัดจ้าน สากหู ถึงแม้จะให้พลังได้ดีอย่างสายราคาแพง แต่หาความนุ่มนวล และปลายเสียงที่หยุมหยิมไม่ได้เลยครับ เนื่องจากสายชั้นดีต่าง ๆ มีบุคลิกตามที่กล่าวไป การเลือกสายจึงจำเป็นต้อง Match กับ system ของเราด้วยครับ เราต้องพิจารณาว่า system ของเรา "ทั้งหมด" ให้เสียงไปในแนวใด บุคลิกใด แล้วก็เลือกสายที่จะทำหน้าที่ "เสริม" หรือ "Balance" กับ system ของเรา แต่คงไม่มีใครเลือกสายมาเพื่อ "เสริม" มั้งครับ เพระว่าเสียงโดยรวมจะจัดจ้านเกินพอดี ทุกคนจะเลือกสายมาเพื่อ "Balance" กับ system อยู่แล้วเพื่อให้เสียงออกมาพอดี อันนี้ขอเรียนว่าตอบไม่ได้เลยครับ เพราะว่า system ต่าง ๆ (Player + Amp + ลำโพง) มันหลากหลายมาก เราจะจับคู่เพื่อ match กับ system อย่างไรนั้น ต้องพิจารณาเองจาก style เสียงที่อยากได้ครับ System ของ จขกท. ราคาระดับนั้น ผมแนะนำว่าลองพิจารณาสาย Hi end ได้แล้วแหละครับ ระดับ 60,000 บาท นั้น ถือว่าเป็นชุดที่ดีพอแล้ว ชุดนี้สามารถ "แสดงบุคลิก" ออกมาได้แล้ว และยัง "ไว" ต่อสายมากขึ้น หาก จขกท. เอาสายธรรมดาใส่ไป system จะฟ้องออกมาทันทีแม้ยังไม่พ้น burn แนะนำว่าตั้งงบประมาณสายลำโพงใว้ซัก 5-6,000 บาท แล้วไปปรึกษาที่ร้านดูครับ ว่าแนวเสียงที่เราต้องการจะ ควรเลือกสายใด จากคุณ : James Cook เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 10:53:15

ความคิดเห็นที่ 29 เอาสายในกระบะ กับสายแบ่งขายฟุตละหลายพันมาเทียบกันสิ ต่างกันเห็นๆ จากคุณ : ผีฟรีคิก เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 10:53:42

ความคิดเห็นที่ 30 ต่างครับ และ อุปกรณ์ของคุณต้องดีพอที่จะแสดงความสามารถของสายนั้นๆด้วย ตาม คคห 28 นั่นแล จากคุณ : เหม็น เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:08:41

ความคิดเห็นที่ 31 ถามว่าต่างไหม ผมว่าต่างนะครับ สายที่ระดับราคาใกล้ ๆ กันจะแยกไม่ค่อยออกครับ แต่ที่ระดับราคาต่างกันมาก อย่างเช่นหลักร้อยกับหลักหมื่น อันนี้พอต่างครับ แต่มันไม่ได้ต่างชนิดผันแปรตามราคานะครับ แพงขึ้นเยอะจริง แต่อาจไม่ได้ต่างอะไรมากอย่างที่หวัง แต่ถ้าเป็นหูทองจริง ๆ สายแต่ละยี่ห้อก็ให้บุคลิกเสียงที่ต่างออกไปอีก ก็ต้องเลือกให้เข้าชุดกับเครื่องเสียง แต่บรรดาเกจิเครื่องเสียงก็บอกอย่าไปเครียดมาก สายนำสัญญาณทั้งหลายให้ตั้งงบประมาณร้อยละสิบถึงยี่สิบของราคาชุดเครื่องเสียงก็พอครับ จากคุณ : นักล่าภาพ เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:15:59

ความคิดเห็นที่ 32 สาย HDMI มันจะต่างก็ต่อเมื่อเกิน 3 m ขึ้นไป มันจะมี noise เข้ามาครับ digital มันทางอุดมคติต้องไม่มีอะไรมาทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยนได้ แต่ทางปฏิบัติมันมี rf มี emi กวนได้อยุ่ดี ใครอยุ่ lab น่าจะพอเข้าใจว่าเครื่องมือวัดเนี่ยตัวดีเลย ไฟไม่นิ่งวัดค่าไม่ตรงเลยด้วยซ้ำ จากคุณ : Night_Angel เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:16:22

ความคิดเห็นที่ 33   ฟังออกแล้วซื้อสายถูก อาจเป็นเพราะสายถูกเสียงดีกว่าก็ได้ครับ คือมันเหมาะกับระบบของเรามากกว่า จากคุณ : PV เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:34:20 A:124.122.247.40 X: TicketID:102349

ความคิดเห็นที่ 34   ถ้าสายห่วยมากก็ต่างครับ เช่นมีเปิดมามีทองแดงอยู่ สองเส้น มันก็จะแย่กว่า จะว่าไป ผมใช้สายไฟบ้าน แบบ 2.5mm ต่อลำโพงได้น่ะ ไม่มีปัญหา เสียงพอๆ กับสายแพงๆ ส่วนสาย hdmi แม้ว่าจะเป็น digital แต่ถ้าส่งแล้วสัญญาณไม่ดี ฝั่งรับก็จะทำการ reject ข้อมูลที่คิดว่าผิดออกไป แล้วกลไกภายใน tv จะทำการเดาว่าข้อมูลนั้นน่าจะเป็นอะไร ซึ่งจะทำให้ภาพที่ได้คุณภาพตกลง จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:43:50 A:124.120.222.136 X: TicketID:205742

ความคิดเห็นที่ 35 ของแบบนี้ต้องลองฟังครับ ตามสไตล์ที่ตัวเองชอบ ผมไม่ทราบว่าคุณซื้อเครื่องเสียงมาหรือยัง ถ้ายังไม่ได้ซื้อมาคุณก้อลองต่อฟังในร้านนั่นเลย แต่มันจะลำบาก ยากสักหน่อย บางร้านไม่ให้ลองเพราะไม่อยากตัดสาย บางร้านขายเครื่องเสียงอย่างเดียว ไม่ขายสายสัญญาณ หรือขายก็ขายมีให้เลือกไม่เยอะ คนที่นั่งทำงานข้าง ๆ นี่ก้อขอลองฟังเลยครับ พวกหูทอง ไปที่ร้านขายเมตรละพัน - สองพัน นี่ต้องลองได้ครับ ร้านเค้ายินดีให้ลองอยู่แล้ว ซื้อทีก้อ หลายเมตร เป็นหมื่นเลยน่ะ ไม่ให้ลองก็เกินไปครับ จากคุณ : วิลลี่ มักกล้วยทอช (EddyFusher) เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:45:26

ความคิดเห็นที่ 36   "สายลำโพง" เสียงต่างกันแบบฟังออกได้ไม่ยาก แต่ยิ่งราคาสูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งแยกออกได้ยากขึ้นเท่านั้น ก็เป็นตามหลักเศรษฐศาสตร์ทั่วๆ ไป จุดคุ้มค่าจะอยู่ที่ ราคาระดับกลางๆ นะแหละครับ 666 จากคุณ : monsungja เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 12:11:46

ความคิดเห็นที่ 37   อยากลองของถูก เล่นสาย lan ครับ... จับเส้นสี สี่เว้นรวมกันเป็น + จับเส้นขาว รวมกับเอามาทำเป็นเส้น - บัดกรีสายดีๆ รอให้ร้อยแล้วค่อยใส่ตะกั่วให้มันวิ่งสวยๆ ดีพอๆกับสายเส้นแพงๆล่ะครับ ถ้าใช้กับเครื่องที่ watt สูงๆ อาจจะขนานเป็นสองเส้น สามเส้นก็ได้ตามความบ้า...   แต่ผมใช้ปรกติก็ใช้ประมาณ นี้ละครับ ใช้งานส่วนตัวในบ้าน... ในรถ จากคุณ : ephedrine เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 12:33:13

ความคิดเห็นที่ 38 สำหรับผม เส้นละ ไม่ถึง 100 กับ เส้นละ 2-500 นี่แยก ออก นะครับ แต่ ราคาเกิน   500++ ไป แยกไม่ออกละฮะ - -* เหมือน mp3 ที่ 98kb-198kb ยังแยกออกว่า อันไหนดีอันไหนห่วย แต่เกิน 198kb++ ไป แยกไม่ออก - -* สพหรับ จขกท. ก้อแล้วแต่ ความชอบดีกว่าครับ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 13:43:08

ความคิดเห็นที่ 39 อิๆ ว่าแล้วก้อลองสายแลนมั่งดีกว่า ..อิๆ จากคุณ : Meow-Meow (piggy_and_kitty) เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 14:24:45

ความคิดเห็นที่ 40 อ่านแล้ว มึนนนนนน คงต้องแล้วแต่ รสนิยม ความชอบส่วนตัวด้วยอะ บางคนชอบเสียงใสๆ บางคนชอบ มนๆหนักๆ ผมหูไม่เทพทอง แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว ผม ชอบเสียงจากเครื่องเสียงรุ่นที่ราคาถูก(ตัวเก่า) มากกว่าตัวปัจจุบัน ที่ราคาแพงกว่า เสียดายตังค์อะ..... จากคุณ : อาท (chan ty) เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 15:25:42

ความคิดเห็นที่ 41 อ่านหัวข้อทู้ปุ๊บ เลื่อนลงมาจะบอกว่าสาย LAN โดนน้า ephedrine ตอบไปละ จะให้กีบน้า ephedrine ก็ไม่ได้ เสริมอีกนิดว่าสายโทรศัพท์จากหน้าบ้านเข้า router ผมก็ใช้สาย LAN นะงับ :P จากคุณ : หน้าบ่าแดง แฮงบ่ามี เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 15:58:23

ความคิดเห็นที่ 42 องค์ประกอบหลักของการฟังเพลงให้เสียงดีคือ แหล่งเสียงดี ซิสเต็มดี สุดท้ายคือหูดี ถามว่ามันต่างกันมั้ย ต่างกันแน่นอนครับ แต่อยู่ที่ว่า คุณรับรู้ถึงความต่างได้มั้ย ถ้ารับรู้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องลงทุนซื้อของแพงหรอกครับ (แต่เท่าที่เห็นก็ลงทุนกับเครื่องเสียงไปไม่น้อย ถ้าหูฟังไม่ออกก็ .... ไม่น่าเลย -_-) จากคุณ : งั่ม เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 16:01:26

ความคิดเห็นที่ 43 ส่วนตัวแยกออกระดับหนึ่ง จากคุณ : Mr.Ti เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 17:07:05

ความคิดเห็นที่ 44   ต่างกันอยู่แล้วครับ ไม่ต้องอะไรมาก ลองฟังเทียบระหว่างเส้นดำแดงที่แถมมา กับพวกเมตรละ 80 บาท ก็เห็นชัดๆแล้ว จากคุณ : Spirited Away G เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 17:41:55

ความคิดเห็นที่ 45   ผมเคยทดสอบสายนำสันญาณมาแล้วด้วยเครื่อง Audio Precision ในระบบ  bal นะครับ ใช้สายสันญาณของนอกอย่างดี เทียบกับสาย  AWG(สายไฟชุบดีบุก) มาถักเกลียวธรรมดา ปรากฎว่า THD+N ของสาย AWG ต่ำกว่าสายนอก แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 19:49:20 จากคุณ : datasim เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 19:21:16

ความคิดเห็นที่ 46 เรื่องสายสัญญาณ analog ไม่พูดถึง เพราะน่าจะมีความรู้เบื้องต้นกันบ้างอยู่แล้ว พูดถึงแต่สาย digital ล้วนๆแบบ HDMI กันดีกว่า เพราะเห็นมีคนพยายามเผยแพร่บทความเรื่องสาย HDMI ถูกกับแพงต่างกันอย่างไรในเวบขายของหลายๆเวบ Jitter ในสาย HDMI ?!?!?!? ผมเคยเจอกับการอ่านจากแผ่นCD ที่เขียนมาไม่ดี จนอ่านค่าผิดพลาด อันนี้น่าเชื่อ เพราะมันใช้เลเซอร์ยิงแสงสะท้อนจากแผ่น โอกาสผิดพลาดจนแก้ไขค่าไม่ได้น่ะมีไม่น้อย แต่กับการส่งสัญญาณlogic 0 1 โดย cut off voltage สูงๆแบบสัญญาณdigital ในสายdigitalตามปกติ มันยากนะครับที่จะอ่านค่าผิดพลาดจนเป็น jitter ใน streaming ได้! สาย 3 เมตรของจีนที่วางขายเส้นละ 300 ผมยังไม่เคยเจอว่ามันจะห่วยจนส่งสัญญาณผิดพลาดในระยะสั้นๆได้เลยนะครับ ถึงมันจะห่วยจนอาจส่งระยะไกลๆไม่ไหว แต่ระยะสั้นๆนี่ส่วนตัวยังไม่เคยเจอจริงๆ  ซึ่งอาการส่งสัญญาณไม่ถึงกรณีใช้สายยาวๆ ก็จะเกิดการดับของภาพไปเลยหรือกระพริบ หรือการ drop ของสัญญาณ (เช่นจาก 1080p เหลือแค่ 720p) หรือเลวร้ายก็ snow (เกิดจากวงจรของทีวีมันโง่ไปหน่อย) แต่ไม่เจอหรอก แบบสีอิ่มกว่า ขอบภาพจะแจ้ง ขนตาเห็นชัด แบบที่ร้่านขายสายHDMIแพงๆมันโม้กัน กล้ายืนยัน สาย HDMI เส้นละ 300 ในระยะ 3 เมตรที่ใช้สายตัวนำตามมาตรฐานขั้นต่ำ เทียบกับเส้นละ 3พันจนเป็นหลักหมื่น ไม่มีทางต่างกันเลย ถ้าใครว่าต่าง ช่วยหาข้อมูลจริงที่ไม่ใช่บทวิจารณ์เวบขายของมายืนยันด้วยแล้วกัน ผมจะได้ฉีกตำรา digital เก่าๆของผมทิ้งไปซะ! ป.ล. แอบย้อนเรื่องสาย analog นิดนึง ถ้าบอกว่าเครื่องเสียง+สายแต่ละชุด ให้บุคลิกไม่เหมือนกัน นั่นแสดงว่าเราชอบเสียงที่ผ่านการปรุงแต่งแบบต่างๆ(ตามบุคลิกของเครื่องเล่น+สาย) มากกว่าเสียงที่ใกล้เคียงต้นฉบับที่สุดน่ะซี?!?!?!?! จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 21:42:00

ความคิดเห็นที่ 47   ต่างกันครับ ผมฟังออก แต่จะให้ซื้อสายราคาหลายพันแบบนั้น ผมไม่ซื้อหรอกครับมันไม่คุ้ม แค่สายระดับต่ำถึงปานกลางก็พอเหลือแหล่แล้วครับ แม้จะใช้สายห่วยๆ ผมก็ appreciate กับดนตรีได้ ผมฟังแล้วแยกแยะเสียงประสานของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นได้ชัดเจนแม้จะใช้แค่สายราคาถูก ในขณะที่หลายคนใช้่สายราคาแพงไป หูเทพฟังออกว่าเสียงมันเพราะ แต่ผมว่ามีความสุขกับดนตรีไม่ถึงที่สุด เพราะหูทางดนตรี(musical ear) ไม่ดีก็มีเยอะ จากคุณ : civillian เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 03:27:07 A:202.12.97.122 X: TicketID:236858

ความคิดเห็นที่ 48 อยากรู้ด้วยคน จากคุณ : เฮียมี่ เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 15:48:46

ความคิดเห็นที่ 49   จะบอกว่า เราก็ไม่ใช่พวกหูทอง หูเทพเหมือนกัน แต่ที่สังเกตุมา ของที่มียี่ห้อ ส่วนมากจะแพง กว่าที่ไม่มียี่ห้อแต่ถูกใช่มั้ยล่ะ แต่คุณภาพอ่ะ ต่างกันเห็นๆเลย เราวัดด้วยคุณภาพเสียงก็ .. อาจจะแตกต่างกันนิดหนึ่ง ก็อย่างที่บอกไม่ใช่หูทอง แต่คุณภาพของสินค้า ก็แตกต่างกันพอตัว หรือเป็นเพราะว่าเราไม่รักษาของก็ไม่รู้นะ จากคุณ : หมอกขาว เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 02:06:19 A:58.9.108.201 X: TicketID:236905

ความคิดเห็นที่ 50 การนำสัญญาณ การป้องกันสัญญาณรบกวนดีกว่าแน่นอนครับ ส่วนสายที่มีมาตรฐานกับสายที่เหนือมาตรฐาน ความแตกต่างไม่ได้ต่างกันมากมากตามราคา หน้าที่ของสายลำโพงก็คือนำสัญญาณไฟฟ้าไปป้อนขดลวด ให้ถูกต้องเหมือนกับที่ออกมาจากเอ้าท์พุทของแอมป์มากที่สุด หากจะว่าถึงแนวเสียงของระบบโดยรวม แอมป์ กับ ลำโพง มีผลมากที่สุด เพราะฉะนั้น เลือกแอมป์ กับลำโพง ให้ได้แบบที่ชอบเสียก่อน เอามาใช้กับสายที่มีคุณภาพมาตรฐานก่อน สายที่ราคาเกินมาตรฐานเป็นแค่เครื่องปรุง ระบบของ จขกท น่าจะเป็น โฮมเธียเตอร์มากกว่าที่จะเป็น 2 ชาแนล ไม่ได้เน้นฟังเพลง ออดิโอไฟล์ สาย OFC ตีเกลียว อย่าง Canare เมตรละ ร้อยกว่าบาท ก็ดีมากแล้วสำหรับการเริ่มต้น ส่วนเรื่องบุคลิคสาย ยี่ห้อนั้น อิ่มหวาน ยี่ห้อนี้ บาง ละเอียด ยี่ห้อนั่น สด กระชับ มันก็คือการปรุงแต่งของแต่ละยี่ห้อ ผมไม่เข้าใจ เวลาฟังไม่ให้ปรับ EQ เพราะอยากฟังเสียงที่ไม่มีการปรุงแต่ง แต่มาปรับที่สายและเครื่องเคียงอื่นๆ แทนให้เสียเงินเสียทอง อย่างว่านะ ของบางอย่างการตลาดมันนำหน้า ทั้งๆ ที่โรงงานผู้ผลิต หาทางลดต้นทุนลดคุณภาพทุกทาง สายไฟ สายสัญญาณ ช่องต่อสัญญาณ ที่ใช้ในเครื่อง ก็เลือกที่ราคาถูกที่สูดที่คุณภาพได้มาตรฐาน ถ้าอยากศึกษาเอง อยากรู้ลึกรู้จริง ลองใช้ Digital Signal Processor ดีกว่าครับ อยากได้เสียงแบบไหน หวาน สด บาง แบน แห้ง อิ่ม อืด กระชับ ปรับได้หมด จากคุณ : Tread'em all เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 52 01:49:11

ความคิดเห็นที่ 51 ^ น่าจะศึกษาเพิ่มเกี่ยวกับการชดเชยเสียง(เสียงหลอก) กับการเข้าถึงความสมบูรณ์ของเสียง นะครับ จากคุณ : งั่ม เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 52 17:02:36