ความคิดเห็นที่ 1 9. โดนัท - โดยเฉลี่ยแล้ว จะให้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่ - ในโดนัทหนึ่งชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตอยู่มากกว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน - มีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ - โดนัทนั้นทอดในน้ำมันที่มีการออกซิไดซ์ และในแต่ละครั้งน้ำมันนั้น ใช้ทอดกันหลายรอบนานหลายสัปดาห์ - ดังกิ้นโดนัทเปลี่ยนน้ำมันใช้ทอดทุกครั้งเมื่อทอดโดนัทครบ 3,600 ชิ้น - น้ำมันในอุณหภูมิที่สูงจะทำให้มีกลิ่นหืนและมีสารอนุมูลอิสระเกิดขึ้น ทำให้เกิดสารพิษ และทำให้ร่างกายเมตะโบลิสซึมช้าลงเป็นการคุกคามต่อสุขภาพที่ดีของท่าน - มีน้ำตาลอยู่สูง ทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น จากคุณ : ~@ GoMaMoN @~ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 19:39:49

ความคิดเห็นที่ 2 8. ไอศกรีม - มีไขมันอยู่สูงมาก (ขนาดปกติ 4 ออนซ์) มีไขมันเกินกว่า 50% ของไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน - มีคาร์โบไฮเดรตอยู่มาก เกือบ 40% ของคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน - มีน้ำตาลอยู่มาก ทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น - เต็มไปด้วยไขมันไฮโดรจีเน็ตและไขมันที่แปรเปลี่ยน(Transfat) ไปจากธรรมชาติและ 1. ช่วยเพิ่มพูนโคเลสเตอรัล 2. ทำให้เส้นเลือดแดงใหญ่อุดตัน 3. ทำให้มีสารอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากยิ่งขึ้น(เป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคมะเร็ง) - ฮอร์โมนที่ฉีดให้กับวัวเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำนม จะลดการเมตะโบลิสซึมของร่างกายให้ลดน้อยลงทำให้เกิดเนื้องอก ซีสต์และมะเร็งที่ทรวงอกและรังไข่ จากคุณ : ~@ GoMaMoN @~ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 19:40:26

ความคิดเห็นที่ 3 7. ชิ้นไก่ทอดเนื้อนุ่มไร้กระดูก - ทำมาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ไม่ใช้แล้ว น้อยมากที่จะทำมาจากเนื้อขาวจริงๆ - การรับประทานต่อครั้งโดยทั่วไป จะให้พลังงาน 340 แคลอรี่ 50% เป็นไขมัน - มีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก จึงมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูง - มีการเติมสารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ MSG เป็นสารเคมีที่ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้นในห้องปฏิบัติการทดลอง และท้ายที่สุดก็ทำให้ท่านอ้วนขึ้นได้ - มีสารฟอสเฟตประกอบอยู่ด้วย ทำให้ร่างกายเกิดเป็นกรด เป็นการยากที่จะทำให้มันเผาไหม้ไขมันได้อย่างเหมาะสมถูกต้อง จึงถูกสะสม และยากที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้ - นัคเก็ตชิคเก้นบางอัน (ของแม็คโดนัล) จะมีสารอะลูมิเนียมด้วย ซึ่งเป็นสารพิษที่มีอันตรายต่อสมอง และเป็นอันตรายต่อการเมตะโบลิสซึมของร่างกายด้วย - น้ำมันที่ใช้ในการทอดมันฝรั่งในแต่ละครั้งจะเกิดการออกซิไดซ์ และใช้ทอดกันหลายรอบนานหลายสัปดาห์ จากคุณ : ~@ GoMaMoN @~ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 19:40:52

ความคิดเห็นที่ 4 6. น้ำอัดลม - สารตัวสำคัญที่มีอยู่ในโค้กก็คือกรดกำมะถัน (Phosphoric acid) ในด้านความเป็นกรดด่าง มันมีความเป็นกรดอยู่สูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน - กรดที่สะสมอยู่ในร่างกาย ทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้ - น้ำโซดาจะเป็นตัวชะล้างแคลเซียมออกจากกระดูกของท่าน ช่วยทำเกิดโรคกระดูกพรุน - ในน้ำอัดลมหนึ่งกระป๋อง จะมีน้ำตาลที่ไม่ให้พลังงานอยู่ประมาณ 12 ช้อนชา - ในน้ำอัดลมที่ช่วยลดน้ำหนักตัว (Diet soda) ที่ใช้น้ำตาลเทียมสังเคราะห์ (Artificial sweetener) เพิ่มความหวาน จะทำให้ร่างกายของท่านกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เพราะว่า น้ำตาลสังเคราะห์เหล่านี้มีความหวานมากกว่าน้ำตาลธรรมดามาก - สีที่ใช้เติมในน้ำอัดลม เป็นสารเคมีก่อมะเร็ง - เราเรียกน้ำอัดลมนี้ว่า น้ำตาลเหลว เพราะมันมีน้ำตาลประกอบอยู่สูง การดื่มน้ำอัดลม ก็เสมือนกับการกินแท่งช็อกโกเล็ตน้ำตาลเหลว - ส่วนประกอบสำคัญในน้ำอัดลมก็คือ น้ำเชื่อมฟรัคโต๊สที่ได้มาจากข้าวโพด จากคุณ : ~@ GoMaMoN @~ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 19:41:13

ความคิดเห็นที่ 5 5. พิซซ่า - พิซซ่าในเชิงทางการค้าจะประกอบไปด้วยอาหารที่มาจากการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม 5 ชนิด 1. เนยแท้ (cheese) เพียง 10% เท่านั้นที่ไม่ควรจะเรียกว่าเนยแท้ได้เลย 2. แป้งที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ได้ทำการฟอกสี ทำให้วิตามินและเกลือแร่ออกไปแล้ว แต่ได้ทำการเติมเกลือแร่สังเคราะห์ตามจำนวนโมเลกุลที่มันเคยมีอยู่เข้าไปใหม่ 3. ซอสมะเขือเทศ ทำด้วยสารที่คล้ายมะเขือเทศที่สร้างยาฆ่าแมลงของมันขึ้นมาได้เอง ในร่างกายของท่าน 4. แป้งสาลีที่นำมาใช้เป็นแป้งชนิดที่มีการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม 5. มีน้ำมันฝ้ายประกอบอยู่ด้วย ฝ้ายไม่ได้จัดเป็นพืชพวกอาหาร มันผ่านการสเปรย์ด้วยยาฆ่าแมลงที่ชาวไร่ใช้ ในฝ้ายเมล็ดจะเป็นตัวดูดเอาสารพิษต่างๆเอาไว้ได้มากที่สุด กระทรวงเกษตรและกระทรวงสาธารณะสุขต่างก็ไม่ให้ความร่วมมือซึ่งกันและกันที่จะรับรองว่า มันปลอดภัยต่อการบริโภคได้หรือไม่มันไม่ได้ช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้น แต่มันเป็นน้ำมันไฮโดรจีเนตและมีอันตรายต่อสุขภาพของท่านเป็นอย่างยิ่ง - ผิวหน้าแป้งพิซซ่าที่อบปิ้งในอุณหภูมิสูง อาจจะมีสารเคมีอะคริลิไมด์ (Acrylimides) เกิดขึ้น ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาทได้ - การเพิ่มหน้าพิซซ่า เพ็พเปอโรนิหรือเพิ่มหน้าไส้กรอกทำให้มีความเสี่ยงสูงจากไนไตรต์ สารกันบูดและสารเคมีอื่นๆ รวมทั้งไขมันอิ่มตัวที่มีการเติมเข้าไปจากโรงงาน จากคุณ : ~@ GoMaMoN @~ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 19:41:29

ความคิดเห็นที่ 6 4. ออริโอ คุ๊กกี้ คุ๊กกี้ที่ขายดีอันดับหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา (ขนาด 6 ชิ้น = ขนาดในการบริโภคต่อครั้ง) - ที่เด่นชัดมากก็คือ สัดส่วนของน้ำตาลมีอยู่สูงถึง 23 กรัมเลยทีเดียว - ช็อกโกเล็ตนั้นเป็นสารอาหารรายการสุดท้าย นั่นหมายความว่า มีช็อคโกเล็ตประกอบอยู่น้อยมาก - พลังงาน 370 แคลอรี่ที่แทบจะไม่มีสารประกอบ ของอาหารที่ให้พลังงานอยู่เลย แคลอรี่เทียบได้เท่ากับการรับประทานเนื้ออกของไก่ 2 ชิ้น - คุกกี้ 6 ชิ้น จะมีไขมันอยู่ 12 กรัม ไขมันอิ่มตัว 2.5 กรัม คาร์โบไฮเดรต 40 ---หมายถึง คุ๊กกี้แค่ 6 ชิ้น มี จำนวนคาร์โบเดรตอยู่มากกว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อวันเสียอีก - ออริโอคุกกี้จะเพิ่มความกระหายน้ำตาลให้ท่านได้มากยิ่งขึ้นภายใน 3 ชั่วโมงเท่านั้น - กลิ่นรสธรรมชาติที่ระบุไว้นั้น เป็นสารเคมีจากทางโรงงานที่ทำให้ออริโอมีรสชาติยังกับคุกกี้ช็อกโกเล็ตจากกระบวนการผลิตชั้นสูง ที่ทำให้ออริโอคุกกี้ได้กลิ่นรสที่ไม่ได้เป็นมาจากธรรมชาติ เหล่านั้นที่ไม่มีอะไรเลย นอกจากสารเคมีที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง - บริษัท นาบิสโก ได้ปฏิเสธที่จะเปิดเผยจำนวนไขมันที่แปรเปลี่ยน (Transfats) ว่า มีอยู่เป็นจำนวนเท่าไหร่ เพียงแต่บอกว่า มีอยู่ในปริมาณที่ยอมรับได้สำหรับอาหารในประเภทนี้ - น้ำตาลปริมาณสูง ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นและเกิดริ้วรอยได้เร็วยิ่งขึ้น จากคุณ : ~@ GoMaMoN @~ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 19:41:53

ความคิดเห็นที่ 7 3. เฟร้นช์ฟราย มันฝรั่งทอด - เป็นอาหารที่มี ความเป็นพิษสูง - การทอดเฟร้นช์ฟราย จะทอดกันที่อุณหภูมิสูง ทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์ (Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็ง และทำลายประสาท - น้ำมันที่ใช้ในการทอดมันฝรั่งใน แต่ละครั้งจะเกิดการออกซิไดซ์ และใช้ทอดกันหลายรอบนานหลายสัปดาห์ - มันฝรั่งมีดรรชนี กลีซิมิค (Glycemic) อยู่สูงมาก นั่นหมายถึง มันเปลี่ยนให้กลายเป็นน้ำตาลภายในร่างกายได้เร็วมาก การรับประทานมันฝรั่งปิ้งหนึ่งหัว (หรือเฟร้นช์ฟรายในปริมาณเทียบเท่ากัน) จะมีประมาณน้ำตาลเท่ากับรับประทานเค้กช็อคโกเล็ตชิ้นโต ๆ ทีเดียว จากคุณ : ~@ GoMaMoN @~ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 19:42:11

ความคิดเห็นที่ 8 2. ฮอทด็อก - จัดเป็นอาหารประเภทที่ มีความเสี่ยงสูง เพราะมีมาตรฐานทางด้านสุขภาพต่ำ จากการที่มีการทำกันมาขายเป็นอุตสาหกรรม - เวลาที่สูญเสียไปในระหว่างรอกระบวนการนำเนื้อมาใช้ปรุง ทำให้มีแบคทีเรียเกิดขึ้นได้สูง ทำให้จำเป็นต้องมีการใช้สารเคมีมาช่วยกำจัด - ฮอทด็อก ทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์ เนื้อส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น และนำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก สันจมูก หู เล็บและส่วนอื่นๆของมัน - เพราะว่าฮอทด็อกทั้งหมดทำมาจากสัตว์ จึงสามารถขึ้นป้ายว่า เนื้อวัวแท้ (Pure beef) หรือ ทำจากไก่งวงแท้ 100% - ฮอทด็อกทั้งหมดจะใส่สารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะ และเกิดอาการแพ้ MSG เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้น และท้ายที่สุดก็ทำให้ท่านอ้วนขึ้นด้วย - ฮอทด็อกจะใส่สารไนไตรท์ ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นสารที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร มะเร็งในเม็ดเลือด เนื้องอกในสมอง และมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ - สารเติมช่วยทำให้เนื้อยึดตัว และช่วยเติมไส้กรอกให้เต็ม อาจเป็นจำพวกธัญญาหาร อาจเป็นนมผงพร่องมันเนย ถั่วเหลืองหรือสารอย่างอื่นก็ได้ ทำให้เพิ่มจำนวนคาร์โบไฮเดรต และกระบวนการในการผลิตด้วย - ถุงหลอดที่ใช้บรรจุฮอทด็อก ทำจากคอลลาเจนสังเคราะห์ ที่เป็นสารก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้สูง - มีไขมันที่เป็นสารประกอบไม่เปิดเผยอยู่ประมาณ 40% - เมื่อนำไปปิ้งย่าง มันจะให้สารพิษร้ายแรงที่เรียกว่า อะคริลิไมด์ (Acrylimides) ออกมาซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อมะเร็ง และทำลายประสาท จากคุณ : ~@ GoMaMoN @~ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 19:42:30

ความคิดเห็นที่ 11 1. แฮมเบอร์เกอร์ - จัดเป็นอาหารประเภทที่ มีความเสี่ยงสูง เพราะมีมาตรฐานทางด้านสุขภาพต่ำ จากการที่มีการ ทำกันมาขายเป็นอุตสาหกรรม - เวลาที่สูญเสียไปในระหว่างรอกระบวนการนำเนื้อมาใช้ปรุง ทำให้มีแบคทีเรียเกิดขึ้นได้สูงทำให้จำเป็นต้องมีการใช้สารเคมีมาช่วยกำจัด - เนื้อที่กำลังจะเน่าเสีย ทำให้เนื้อแดงเปลี่ยนเป็นเขียว การใช้สารเคมีสีแดงย้อมทำให้เนื้อดูสดแฮมเบอร์เกอร์ส่วนใหญ่จะย้อมด้วยสารเคมีสีแดง ยกเว้นแต่จะทำด้วยกรรมวิธีอื่นๆ - แฮมเบอร์เกอร์ทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์ เนื้อส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น และนำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก หูและส่วนอื่นๆของมัน - เพราะว่าเบอร์เกอร์ทั้งหมดทำมาจากสัตว์ จึงสามารถขึ้นป้ายว่า เนื้อวัวแท้ (Pure beef) - แฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมดจะใส่สารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะ และเกิดอาการแพ้ MSG เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้น และท้ายที่สุดก็ทำให้ท่านอ้วนขึ้นด้วย - อุตสาหกรรมปศุสัตว์ เป็นผู้ใช้ยาปฏิชีวนะมากที่สุดในโลก เพื่อใช้ในการหักล้างแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในเนื้อ นี่คือสาเหตุว่าทำไมคนอเมริกันถึงได้ดื้อต่อยาปฏิชีวนะ - เนื้อบด เป็นเสมือนกับอาหารของคนลี้ภัย อาหารเบอร์เกอร์ทำให้เกิดโรค E-coli ที่ต้องทำการรักษา มากกว่าโรคที่เกิดจากอาหารชนิดอื่น - แฮมเบอร์เกอร์เป็นอาหารยิ่งใหญ่ รายการเดียวที่ทำให้เกิดความเสียหาย และก่อความทุกข์ให้กับอาหารของอเมริกัน... บริการอาหารได้นับพันล้านชุด... ค่าหมอ และค่าโรงพยาบาลรักษานับพันล้านเหรียญ... - ฮอร์โมนที่ใช้ฉีดวัวควาย ทำให้ท่านอ้วนขึ้นได้ หากท่านบริโภคเนื้อเหล่านั้น - ชีสเบอร์เกอร์ ประกอบด้วยไขมันทั้งหมด เกินกว่า 100% ของอาหารไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน - เบอร์เกอร์คิง ซ้อนหลายชั้นชุดพิเศษ จะให้พลังงาน 1.150 แคลอรี่ และไขมันรวม 76 กรัม เป็นไขมันอิ่มตัว 33 กรัม และเกลือโซเดียมอีก 1,530 ม.ก. - เครื่องปรุงรสของเบอร์เกอร์ พริก กะหล่ำปลี มะเขือเทศ ล้วนใช้สารก่อมะเร็ง จากเกลือเคมีกำมะถันเพื่อควบคุมความสดของผัก - เบอร์เกอร์ส่วนใหญ่จะมีเกลือโซเดียมอยู่ 1,090 ม.ก. (เท่ากับ 45% ของปริมาณที่กำหนดให้ใช้ใน แต่ละวัน) ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ ***แหล่งที่มาของข้อมูลและรูปภาพ*** http://b-rabbit.exteen.com/20070829/entry http://www.virginmedia.com/images/burger.jpg http://www.google.co.th/ ปล.. นี่เป็นข้อมูลจากการ " Forword mail " ฉะนั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ   แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 52 21:58:21 แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 52 20:44:35 จากคุณ : ~@ GoMaMoN @~ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 19:56:01

ความคิดเห็นที่ 12 สรุป ชีวิตนี้ไม่ต้อง กินอะไรสักอย่างเลยดีไหม ถ้า เป็นแบบนี้ - - จากคุณ : ken_tempon เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:02:25

ความคิดเห็นที่ 13 นั่น ปาดไม่ทัน แปะไว้ก่อน เดี๋ยวกลับมาอ่านนะ จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:02:31

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ แต่ ของโปรดทุกอย่างเลยอ่า ช่วงนี้ไม่กิน โดนัทกับมันฝรั่งแล้ว แต่พิซซ่า กับไก่ทอดนี่ ขอเดือนละครั้ง ให้รางวัลตัวเอง หุหุ จากคุณ : ยำยำรสหอยลายผัดฉ่า เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:03:17

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านแล้วก็หิว ว่าแต่ " มันสำปะหลัง 4 ปอนด์ ใช้ทำโปเตโต้ชิพได้เพียง 1 ปอนด์" Potato  นี่มัน มันสำปะหลัง??? จากคุณ : CandyBee เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:04:16

ความคิดเห็นที่ 16 ส่วนมากเป็นอาหารฝรั่งทั้งนั้น จากคุณ : ashura_chan เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:04:42

ความคิดเห็นที่ 17 ง่าส์ ทั้งหมดนี้ทานทั้งหมดเลย  (-_-) จากคุณ : บราวนี่ชีสเค้กท็อปปิ้งวิคครีม เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:05:05

ความคิดเห็นที่ 18 ยังไม่ค่อยปักใจเชื่อเท่าไหร่ครับ เพราะไปตามดูที่มาของข้อมูล มากจาก FW Mail กลัวว่าจะเป็นการ discredit กันมากกว่า จากคุณ : Look-Sky-Walker เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:06:34

ความคิดเห็นที่ 19 นั้นนะสิ  ผมเห็นว่า  ห้ามกินโน้นกินนี้ไปซะทุกรายการ จะอยู่ไปทำแมวอะไร ชีวิตไร้รสชาด แต่ผมไม่กินอาหารเดิม ๆ ทุก ๆ วันนะ  กินเวียนให้ครบทุกประเภท จากคุณ : apollo14 เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:06:52

ความคิดเห็นที่ 20 ส่วนมากมีแต่ junk food ทั้งนั้นเลย จากคุณ : vivian_c เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:11:22

ความคิดเห็นที่ 21 ใครจะกินเป็นอาหารหลักทุกวันล่ะ ทั้งหมดนั่นน่ะ จากคุณ : คห.ล่างผมรักคุณนะ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:13:21

ความคิดเห็นที่ 22 อืม อืม เราไม่ได้กินแฮมเบอร์เกอร์  มันฝรั่งทอด  พิซซ่า โดนัท กันทุกวันนี่นะ  ถ้ากินให้หลากหลายก็คงโอเคแล้วล่ะ จากคุณ : nuch_tiew เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:20:46

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้อต้องตัดซักอย่างในนี้ออกไปจากชีวิตผม ผมยอมตายยยย ~~ จากคุณ : ถั่วงอกเป็นฆาตกร เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:22:38

ความคิดเห็นที่ 24 เข้าใจว่าเจตนาดี แต่อย่างงี้เหมือนรู้มากยากนานอะนะ อย่าลืม กล้วยทอด ไข่เจียว ข้าวผัด หมูปิ้ง บะหมี่หมูแดง น้ำปั่น ถ้าคอนเซิร์นกันขนาดนี้ ก็กินไม่ได้ซักอย่างแหละค่ะ สรุปว่า อดตาย จากคุณ : Fear eats the Soul (ม่อนกลางกรุง) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:23:12

ความคิดเห็นที่ 25 ได้ข่าวว่ากินเกือบทุกวัน จากคุณ : kiky_why (kiky_why) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:24:29

ความคิดเห็นที่ 26 ทำไมอ่านกระทู้นี้แล้วหิวอย่างเดียวไม่ได้ทำให้อยากเลิกกินเลย... รูปประกอบนี่ ผิดจุดประสงค์ไปหน่อยนะเนี่ย จากคุณ : น้องแพรจ้ะ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:25:17

ความคิดเห็นที่ 27 แปลได้เศร้าใจมาก จากคุณ : atheist เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:26:00

ความคิดเห็นที่ 28 โรคอ้วนนี่ส่วนใหญ่ เป็นในประเทศที่เจริญแล้วรึเปล่า . . ประเทศโลกที่3คงไม่ต้องห่วงมั้ง ห่วงแค่ว่าคนในประเทศจะไม่อดตาย ก้น่าจะพอ จากคุณ : กร๊องงง เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:28:23

ความคิดเห็นที่ 29 เติมแต่งเกินจริง  อย่าง น้ำอัดลมนี่ก็เว่อร์เหลือเกิน ละลายตะปู  งี้คนเรากินตะปูเข้าไปก็ย่อยได้เลยสินะครับ  เพราะกรดในกระเพาะ ph 1.8 - 2  ในขณะที่ coke ph อยู่ที่ 2.5+ จากคุณ : กรุณาเก็บให้พ้นมือเด็ก เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:30:22

ความคิดเห็นที่ 30   โปเตโต้ชิพเป็นมันฝรั่ง  ไม่ใช่มันสำปะหลัง  แปลมั่วซั่ว  คนแปลไม่เคยทำอาหารล่ะสิ ตัวมันฝัร่งมันมีประโยชน์สูงมาก   แต่อันตรายที่น้ำมันอิ่มตัวเท่านั้นเอง   ข้าวแกงข้างถนนส่วนใหญ่ก็ใส่น้ำปลาเยอะ ๆ ใส่น้ำมันเยอะ ๆ เหมือนกันนั่นแหละ  ปลาทอดหมูทอก็มันเหมือนกัน  เกลือเยอะเหมือนกัน  ผงชูรสเยอะอีก  อันตรายไม่ต่างกันหรอก จากคุณ : ตีสี่ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:32:17

ความคิดเห็นที่ 31 โชคดีจัง อยู่หลังเขาไม่เคยกินของแบบนั้น....รอดไป จากคุณ : เบิ้มบ้านเพื่อน เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:35:41

ความคิดเห็นที่ 32 แค่โอริโอ้ กะ ไอศครีม ก็กินเยอะไม่ได้เหรอ = ="a เซงชีวิตขึ้นมาทันใด แล้วจะเหลือของหวานอะไรในชีวิตที่กินได้มั่งเนี่ย จากคุณ : บ่าวจ่อย เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:37:06

ความคิดเห็นที่ 33   9. โดนัท - โดยเฉลี่ยแล้ว จะให้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่ - ในโดนัทหนึ่งชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตอยู่มากกว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน - มีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ - โดนัทนั้นทอดในน้ำมันที่มีการออกซิไดซ์ และในแต่ละครั้งน้ำมันนั้น ใช้ทอดกันหลายรอบนานหลายสัปดาห์ - ดังกิ้นโดนัทเปลี่ยนน้ำมันใช้ทอดทุกครั้งเมื่อทอดโดนัทครบ 3,600 ชิ้น - น้ำมันในอุณหภูมิที่สูงจะทำให้มีกลิ่นหืนและมีสารอนุมูลอิสระเกิดขึ้น ทำให้เกิดสารพิษ และทำให้ร่างกายเมตะโบลิสซึมช้าลงเป็นการคุกคามต่อสุขภาพที่ดีของท่าน - มีน้ำตาลอยู่สูง ทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่ ************* ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับน้ำมันที่ใช้ทอดก็คือ สำหรับการทอดแบบไม่ต้องหยุด   ตัวอาหารมันจะดูดน้ำมันเข้าไป  ทำให้ต้องเติมน้ำมันใหม่ลงไปตลอดเวลาอยู่แล้ว  ทำให้น้ำมันใส  ไม่ดำ  สารพิษก็เจือจางลงไปตลอดเวลา อย่างพวกโรงงานมาม่า  เขาไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันทอดเส้นเลย  เพราะเส้นมันดูดน้ำมันเข้าอยู่แล้ว   คอยเติมน้ำมันใหม่ลงไปเรื่อย ๆ ก้พอ หรือน้ำมันทอดกล้วยแขกข้างถนนก็เหมือนกัน  สังเกตดู  น้ำมันจะใสทั้งนั้น  เำพราะกล้วยมันดูดน้ำมันขึ้นไปตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้น ที่ว่านาน ๆ เปลี่ยนน้ำมันทีนึง  ก็ถูกต้องแล้ว  ไม่ได้ทำให้อันตรายแต่อย่างใด   ตั้งใจเขียนให้คนไม่รู้กลัวเฉย ๆ ส่วนเรื่องมีน้ำตาล  ยิ่งไร้สาระ  ขนมอะไร ๆ ก็น้ำตาลสูงทั้งนั้น  ไม่เห็นต้องโทษโดนัท จากคุณ : ตีสี่ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:38:24

ความคิดเห็นที่ 34 อาจจะมีคนยอมตายก็ได้นะ 555 ปล. ของชอบทั้งนั้นเลย จากคุณ : โทโมกะ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:39:01

ความคิดเห็นที่ 35 ผมว่าขนมไทยบางอย่างก็เอามาเขียนให้น่ากลัวได้นะ อย่าง ทองหยิบ ทองหยอด นี่ น้ำตาลไม่รู้เท่าไหร่ แต่โดยปกติแล้ว อาหารอย่างว่าก็ไม่ค่อยมีใครกินเป็นอาหารหลัก จากคุณ : Look-Sky-Walker เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:39:54

ความคิดเห็นที่ 36 แลดูมั่วๆ จากคุณ : bankpakim เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:40:35

ความคิดเห็นที่ 37 ร้านอาหารตามสั่งบ้านเรา ใส่ผงชูรส (ต่อจาน) เยอะกว่ามันฝรั่งทอด 1 ถุงแน่ๆ ค่ะ กินๆ ไปเหอะค่ะ ยังไงก็ตายอยู่แล้วเหมือนกัน จากคุณ : Phagus เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:40:49

ความคิดเห็นที่ 38 มาจาก FWD Mail แหงๆ ผมว่ามันเวอร์ไปหน่อยนึง แต่ผมกินทุกอย่างเลยอ่ะ ถ้ามีโอกาสนะ ฮ่าๆ จากคุณ : Steyr Commando เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:41:54

ความคิดเห็นที่ 39 มีแต่ของชอบๆทั้งนั้นเลย 55 จากคุณ : จอมโจร1412 เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:41:56

ความคิดเห็นที่ 40   ไอศกรีม - มีไขมันอยู่สูงมาก (ขนาดปกติ 4 ออนซ์) มีไขมันเกินกว่า 50% ของไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน - มีคาร์โบไฮเดรตอยู่มาก เกือบ 40% ของคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน - มีน้ำตาลอยู่มาก ทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น - เต็มไปด้วยไขมันไฮโดรจีเน็ตและไขมันที่แปรเปลี่ยน(Transfat) ไปจากธรรมชาติและ 1. ช่วยเพิ่มพูนโคเลสเตอรัล 2. ทำให้เส้นเลือดแดงใหญ่อุดตัน 3. ทำให้มีสารอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากยิ่งขึ้น(เป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคมะเร็ง) - ฮอร์โมนที่ฉีดให้กับวัวเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำนม จะลดการเมตะโบลิสซึมของร่างกายให้ลดน้อยลงทำให้เกิดเนื้องอก ซีสต์และมะเร็งที่ทรวงอกและรังไข่ *********** *********** อันนี้ก็หยับเอาเฉพาะอันตายของไขมันนม  กับ น้ำตาลมาพูด   อย่างเรื่องน้ำตาลนั่นก็เหมือนเป็นงานวิจัยของพวกคลั่งแนว ๆ ทางเลือกมากกว่า   ส่วนเรื่องไขมันนมก็มีอยู่ในอาหารทั่วไป จากคุณ : ตีสี่ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:41:58

ความคิดเห็นที่ 41   ส่วนอันอื่น ๆ ก็เหมือนกัน   หลายอันก็ว่าลอย ๆ เช่น มีสารก่อมะเร็ง  แต่ไม่ได้บอกว่าก่อได้อย่างไร  ก่อจริงหรือ   บางอันบอกว่าอันตรายเพราะมีผงชูรส   เกี๋ยวเตี๋ยวข้าวผัดร้านไหนไม่ใส่ผงชูรสหรือ ส่วนใหญ่จะไปเอาแนวคิดของพวกการแพทย์ทางเลือก ที่ชอบอ้างลอย ๆ แนว ๆ ลำไส้คนมีขี้อุดตันเป็นหิน อะไรทำนองนั้นแหละครับ จากคุณ : ตีสี่ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:47:55

ความคิดเห็นที่ 42 เดี๋ยวตั้ง 10 อันดับ Fw Mail ลวงโลก 10 อันดับกระทู้ซ้ำสะท้านโลก 10 อันดับกระทู้ขาดแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ มั้งดีกว่า หาข้อมูลแปบ จากคุณ : kodindy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:48:32

ความคิดเห็นที่ 43 ถ้ากระทู้นี้ทำให้กระเพาะอาหารของสมาชิกทุกท่านไม่พอใจ กระผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูงครับ จากคุณ : ~@ GoMaMoN @~ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:48:40

ความคิดเห็นที่ 44 รายงานมั่วมาก พิซซ่าในเชิงทางการค้าจะประกอบไปด้วยอาหารที่มาจากการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม 5 ชนิด . . แล้วไง? ทำให้สังเคราะห์แสงได้? จากคุณ : yugioh2500 เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 20:51:40

ความคิดเห็นที่ 45   ถ้าว่าแบบนี้ทุกอย่างก็อันตรายไปหมดนะแหละครับ ก๋วยเตี๋ยวบ้านผม ใส่ผงชูรสเยอะว่านี้อีก จากคุณ : อ้าย เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:04:44 A:222.123.228.175 X:

ความคิดเห็นที่ 46 น้ำอัดลม "มันมีความเป็นกรดอยู่สูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน" ??????????????????????????????????????????????? จากคุณ : jubchay เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:06:11

ความคิดเห็นที่ 47 ทำกินเองไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำมัน แต่ทำไมมีแต่ของท่ีกินทั้งัน้นเลยฟะ....อดหมดนี่ตายดีกว่า จากคุณ : ผืนแผ่นดิน เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:07:11

ความคิดเห็นที่ 48 ตลกละ จขกท โปรดอ้างอิง paper ดีกว่าเว็บ blog ทั้งหลายนะครับ ผมอ่านไป2อย่าง รู้ละว่า FW mail แน่ๆ จากคุณ : Shineokung เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:11:57

ความคิดเห็นที่ 49 กินของไทยดีที่สุด จากคุณ : น้าวัชร-จัดให้ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:26:05

ความคิดเห็นที่ 50   แต่ผมว่ากล้วยทอดบางร้าน น้ำมันสุดยอดแห่งควมดำเลยนะครับ เหอะั ๆ จากคุณ : tanakornnay เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:34:45

ความคิดเห็นที่ 51 "น้ำโซดาจะเป็นตัวชะล้างแคลเซียมออกจากกระดูกของท่าน ช่วยทำเกิดโรคกระดูกพรุน" จริงหรือ? ฟันธง FW mail แน่นอน จากคุณ : satitpor เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:35:41

ความคิดเห็นที่ 52 กินให้พอดี ถ้าท้องไม่เสีย แสดงว่าไม่มีพิษ อ่านะ จากคุณ : อีคิวศูนย์ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:37:28

ความคิดเห็นที่ 53 กล้วยแขก ปาท่องโก๋ จะติดอันดับกับเค้าด้วยมั๊ยเนี่ย เคยเห็นโฆษณาทางทีวี เค้าว่าเป็นอาหารอันตรายเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 52 21:40:55 จากคุณ : ZigmAnia เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:40:24

ความคิดเห็นที่ 54   มันฝรั่งทอด แบบแผ่น มันจะมี สองแบบนะครับ แบบแรก คือ เอาหัวมันฝรั่งสด มาฝานเป็นแว่น แล้วทอดในน้ำมัน แบบสอง คือ เอาแป้งมันฝรั่งที่ ที่ได้จากหัวมัน ที่ถูกทำเป็นผงแป้ง มาเข้าส่วนผสม ตามสูตร จากนั้น ขึ้นรูป ตามแบบที่ต้องการ แล้วนำมาทอดในน้ำมัน แยก มันทอด สองชนิดนี้ ด้วยตาเปล่า ได้อย่างไร แบบแรก จะมีขนาดไม่เท่ากัน มีแว่นเล็ก แว่นใหญ่ แบบสอง จะมีขนาด เท่ากัน ทรงเดียวกัน เหมือนฝาแฝด --- ผมเคยไปฝึกงาน ในโรงงานผลิตขนมขบเคี้ยว รายใหญ่ ที่ผลิตมันฝรั่งทอด ที่ทำจาก หัวมันสด ปรากฏว่า เมื่อใดก็ตาม ที่ไลน์ผลิต มีปัญหา ต้องซ่อมบำรุง นอกเหนือ ตารางการซ่อมปกติ การผลิตทั้งสาย จะมีการดีเลย์ หัวมันบด ที่มาเป็นคอนเทนเนอร์ วางอยู่ในลาน จะถูกทิ้งไว้ บางทีหลายวัน บางผล จะเริ่มเน่า หยดเป็นน้ำติ๋งๆ แต่ทั้งหมด จะเข้าสู่กระบวนการผลิต ปอกเปลือก ฝานเป็นแว่น ทอดในน้ำมัน โปรยส่วนผสมเครื่องปรุงรส บรรจุใส่ซอง ลงกล่อง ออกจำหน่าย ข้อสังเกต หากท่าน ทานมันฝรั่งทอดประเภทนี้ แล้วมีวงสีดำคล้ำ คล้ายตาปลา หรือ ส่วนหนึ่งของตาปลา อย่าได้นึกว่า นั่นคือ ส่วนที่ของแผ่นมัน ที่ทอดจนเกรียมหรือไหม้ แต่นั่น คือ ส่วนของ หัวมันสด ที่เริ่มเน่า-เน่าแล้ว กลายเป็นสีน้ำตาลคล้ำ - ดำ ...นั่นเอง... จากคุณ : ด้วยรักและผ่านมาก่อน เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:40:50 A:61.90.101.149 X: TicketID:127369

ความคิดเห็นที่ 55   เช่นเดียว กับเฟรนฟรายส์ ขอให้ท่านแยกแยะให้ดี ว่าสีน้ำตาไหม้ คล้ำดำ มาจากการทอด หรือ เป็นส่วนหนึ่ง ของผลมันที่เน่า ..เราเตือนท่านแล้ว... จากคุณ : ด้วยรักและผ่านมาก่อน เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:43:31 A:61.90.101.149 X: TicketID:127369

ความคิดเห็นที่ 56   เจอยังงี้ก็ยอมตาย จากคุณ : -*- เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:51:22 A:58.9.111.13 X: TicketID:214406

ความคิดเห็นที่ 57 เย้ๆ สงสัยพวกป๋มจะอายุยืน เพราะไม่เคยกินของพวกนี้เลย จากคุณ : nisas เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:57:54

ความคิดเห็นที่ 58 ทนอ่านมาถึงอันดับ1 ทำให้ผมทนไม่ได้ ผมเลยต้องออกไปข้างนอกเพื่อซื้อข้อ 1 เห็นภาพแล้วน้ำลายใหล จากคุณ : l_and_r1948 เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:59:20

ความคิดเห็นที่ 59 ตรงไอศครีม >>> ไขมันที่แปรเปลี่ยน(Transfat) Trans fat น่าจะหมายถึงไขมันที่มีพันธะคู่แบบ Tran นะครับ ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยปกติในธรรมชาติจะเป็นแบบ Cis แล้วก็ >> กรดกำมะถัน (Phosphoric acid) ไม่น่าใช่กรดกำมะถันนะครับ !!! แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 52 22:12:06 แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 52 22:08:52 จากคุณ : Meta-Anima เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:07:12

ความคิดเห็นที่ 60 โปเตโต้ชิพ ก็ทอดแบบเดียวกับมาม่าตาม คห.33 บอกไว้ ที่ว่าน้ำมันใช้หลายรอบ หลายสัปดาห์ ไม่จริงครับ เพี้ยนตั้งแต่ต้นเลยพาลไม่เชื่อไปหมด จากคุณ : อุตสา เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:08:50

ความคิดเห็นที่ 61 บริโภคได้ แต่ให้น้อยๆ กินผักผลไม้ให้มากขึ้นกันดีกว่าครับ จากคุณ : Practical x 2 เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:14:42

ความคิดเห็นที่ 62 อ่านแล้วสะเทือนใจ... แล้วก็จกพิซซ่าต่อไป เอิ๊กๆ จากคุณ : แมวโบราณ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:18:59

ความคิดเห็นที่ 63 ไม่มีอันไหนที่ไม่กิน -.,- จากคุณ : ElinTyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:25:32

ความคิดเห็นที่ 64 โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน ทานในปริมาณที่เหมาะสมเถอะครับ อย่าให้มันกดดันจนไม่มีความสุขในการใช้ชีวิต จากคุณ : ปัจเอนก เจกชน เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:25:54

ความคิดเห็นที่ 65 เย้! ไก่ทอดผู้พันไม่อยู่ในรายการ อย่างน้อยเราก็ไม่มีความเสี่ยง อิอิ (ที่จริงก็ชอบทุกอย่างที่ว่ามาน่ะนะ) จากคุณ : yananisawa เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:30:15

ความคิดเห็นที่ 66   คห.30 มันทำจากมันสำปะลังเป็นส่วนมากครับ เคยมีคดีอะไรสักอย่างเกิดกับพริงเกิลล์นี่แหละ เรื่องเกี่ยวกับมันฝรั่ง แต่พริงเกิลล์รอดพ้น เพราะว่า ปริมาณมันฝรั่งไม่ถึง แต่มันมันสำปะลังเป็นส่วนมาก แต่ก็ต้องระวัง!!! จากคุณ : INFINITE ONE เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:41:38

ความคิดเห็นที่ 67 การใช้น้ำมันทอด เอามาวัดไม่ได้หรอกครับ น้องผมเคยทำพิซซ๋า  ทอดเฟรนฟราย กับ หอมทอด น้ำมันเปลี่ยนทุกๆ 2 วัน วันแรกพักน้ำมันเสียส่วนหนึ่งทิ้ง อีกส่วนเก็บแล้วเติมน้ำมันใหม่เข้าไป ดังนั้นการทอดน้ำมันซ้ำๆ ตามที่เห็นใน FWM อ้างอืงไว้ จึงใช้เป็นค่าที่แน่นอนไม่ได้ ส่วนอาหารอื่นๆ เฉยๆ ครับ บางอย่างจำเป็นต้องกินเอาแคลโลลี่ แล้วเอาไปเผาจากการออกกำลังกายแทนก็ช่วยได้อยู่ ล่าสุดตรวจสุขภาพไม่มีอะไรครับ ปกติซัด ฮอทดอก โอรีโอ้ แฮมเบอร์เกอร์ กับยัดไอติม เป็นประจำ เมล์นี้จึงจริงส่วนหนึ่งคือ ถ้ากินแล้วไม่ทำอะไร นั่งกินนอนกิน ยังไงก็อ้วน นั่นล่ะจริงแท้แน่นอน จากคุณ : อาจจะแก่ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:46:31

ความคิดเห็นที่ 68 FWD mailสุขภาพ ฉบับพัฒนา มีรูปภาพประกอบ เลยทำให้ดูน่าเชื่อถือขึ้น จริงๆ FWD mail ตัวนี้เก่ามาก เนื้อหา เอาเรื่องจริงบ้างเท็จบ้าง บอกไม่หมดบ้าง ตีไข่ใส่สีเกินจริง เดิมๆ คือไม่ต้องมาดิสเครดิตจังก์ฟู้ด น้ำอัดลม ใครๆก็รู้ว่ากินแล้วอ้วน ไม่ควรกินเยอะ แต่เอามาใส่ไข่เพิ่ม ตามฉบับ FWD mail จริงๆถ้าเมลล์นี้ ไม่มีรูปประกอบ มันจะเปนแค่ FWDmail ระดับกระจอกๆ ที่ดดนหว้ากอชำแหละจนเละไปหลายปีแล้วด้วยซ้ำครับ จากคุณ : Sial เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:52:53

ความคิดเห็นที่ 69 ข้อมูลไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย อ้างความจริงนิดๆหน่อย แล้วอ้างมั่วๆอีกเพียบ ------------------------------ 1. แฮมเบอร์เกอร์ - จัดเป็นอาหารประเภทที่ มีความเสี่ยงสูง เพราะมีมาตรฐานทางด้านสุขภาพต่ำ จากการที่มีการ ทำกันมาขายเป็นอุตสาหกรรม >>>> ทำเป็นอุตสาหกรรม ทำให้มีมาตรฐานด้านสุขภาพต่ำ? มันไม่เกี่ยวกันเลย - เวลาที่สูญเสียไปในระหว่างรอกระบวนการนำเนื้อมาใช้ปรุง ทำให้มีแบคทีเรียเกิดขึ้นได้สูงทำให้จำเป็นต้องมีการใช้สารเคมีมาช่วยกำจัด >>>> สารกันบูดนั่นเอง (คิดว่าจริง) - เนื้อที่กำลังจะเน่าเสีย ทำให้เนื้อแดงเปลี่ยนเป็นเขียว การใช้สารเคมีสีแดงย้อมทำให้เนื้อดูสดแฮมเบอร์เกอร์ส่วนใหญ่จะย้อมด้วยสารเคมีสีแดง ยกเว้นแต่จะทำด้วยกรรมวิธีอื่นๆ >>>>ไม่มีความจำเป็นต้องทำเลยซักนิด เพราะเนื้อจะถูกฟรีซแข็ง แล้วส่งไปยังร้านอาหาร สีเนื้อจะออกน้ำตาลหน่อยๆ - แฮมเบอร์เกอร์ทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์ เนื้อส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น และนำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก หูและส่วนอื่นๆของมัน >>>>ม่ัวโคตรๆ แค่ตรรกะก็ผิดแล้ว - เพราะว่าเบอร์เกอร์ทั้งหมดทำมาจากสัตว์ จึงสามารถขึ้นป้ายว่า เนื้อวัวแท้ (Pure beef) >>>> ???? ขนเขียนไปอยู่ไหนมานะ มันมีทั้ง ไก่ ปลา หมู เนื้อ - แฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมดจะใส่สารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะ และเกิดอาการแพ้ MSG เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้น และท้ายที่สุดก็ทำให้ท่านอ้วนขึ้นด้วย >>>>MSGมีผลต่อคนที่แพ้จริงๆ แต่ไม่ได้ทำให้สัตว์อ้วนขึ้น ที่อ้วนเพราะกินจุต่างหาก!! - อุตสาหกรรมปศุสัตว์ เป็นผู้ใช้ยาปฏิชีวนะมากที่สุดในโลก เพื่อใช้ในการหักล้างแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในเนื้อ นี่คือสาเหตุว่าทำไมคนอเมริกันถึงได้ดื้อต่อยาปฏิชีวนะ >>>> ไม่มีมูลความจริงเลย - เนื้อบด เป็นเสมือนกับอาหารของคนลี้ภัย อาหารเบอร์เกอร์ทำให้เกิดโรค E-coli ที่ต้องทำการรักษา มากกว่าโรคที่เกิดจากอาหารชนิดอื่น >>>>เออดี ผมพึ่งรู้ว่าตัวเองเป็นผู้ลี้ภัยจากการกินหมูบดและหมูสับ - แฮมเบอร์เกอร์เป็นอาหารยิ่งใหญ่ รายการเดียวที่ทำให้เกิดความเสียหาย และก่อความทุกข์ให้กับอาหารของอเมริกัน... บริการอาหารได้นับพันล้านชุด... ค่าหมอ และค่าโรงพยาบาลรักษานับพันล้านเหรียญ... >>>>กินอย่างพอดีก็ไม่เป็นหรอก!! - ฮอร์โมนที่ใช้ฉีดวัวควาย ทำให้ท่านอ้วนขึ้นได้ หากท่านบริโภคเนื้อเหล่านั้น >>>>ข้อนี้เป็นความเชื่อ - ชีสเบอร์เกอร์ ประกอบด้วยไขมันทั้งหมด เกินกว่า 100% ของอาหารไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน >>>>ไม่จริง!! - เบอร์เกอร์คิง ซ้อนหลายชั้นชุดพิเศษ จะให้พลังงาน 1.150 แคลอรี่ และไขมันรวม 76 กรัม เป็นไขมันอิ่มตัว 33 กรัม และเกลือโซเดียมอีก 1,530 ม.ก. >>>>จริง (น้ำปลา1ช้อนให้โซเดียมพอๆกัน) - เครื่องปรุงรสของเบอร์เกอร์ พริก กะหล่ำปลี มะเขือเทศ ล้วนใช้สารก่อมะเร็ง จากเกลือเคมีกำมะถันเพื่อควบคุมความสดของผัก >>>> เขาแช่เย็นมาครับ ส่วนเรื่องมะเร็งยังไม่มีข้อมูล - เบอร์เกอร์ส่วนใหญ่จะมีเกลือโซเดียมอยู่ 1,090 ม.ก. (เท่ากับ 45% ของปริมาณที่กำหนดให้ใช้ใน แต่ละวัน) ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ >>>>จริง --------------------------------- เห็นได้ชัดว่าFWD ไม่มีความน่าเชื่อถือแม้แต่น้อย ขอฝากให้ทุกคน "กินอย่างพอดี และหมั่นออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ"นะครับ จากคุณ : HWalker เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:52:58

ความคิดเห็นที่ 70 ไปดู รายการอาหาร แต่ละวันของ ไมเคิล เฟล สิ - -* จากคุณ : ซายูบิ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:54:13

ความคิดเห็นที่ 71 เรียบร้อยโรงเรียน FW Mail ทำให้ จขกท โดนยำไปอีกรายแล้ว จากคุณ : HotSmile เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:00:12

ความคิดเห็นที่ 72 แย้งเรื่อง glycemic index อย่างเดียวครับ ถ้าค่านี้มีค่าสูงหมายถึงถูกย่อยและดูดซึมเร็วทำให้ blood glucose สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าค่านี้ต่ำหมายถึงถูกย่อยและดูดซึมช้า (ค่อยๆ ถูกดูดซึม) blood glucose จะค่อยๆ เพิ่ม ดังนั้นถ้าได้พลังงาน 100 Kcal เหมือนกัน ตัวที่ G.I สูงก็ให้ 100 Kcal เท่าเดิมแต่จะย่อยไว blood glucose ขึ้นไว หิวไว ตัวที่ G.I ต่ำก็ให้ 100 Kcal เหมือนกันแต่จะอยู่ท้องมากกว่า จะกินคาร์โบไฮเดรตประเภทไหนก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ครับ ถ้าเล่นกีฬามาเหนื่อยๆ หรือหน้ามืดก็ควรกินแบบ G.I สูง แต่มื้ออาหารธรรมดาควรกินแบบ G.I ต่ำ ยิ่งพวกอยากลดน้ำหนักควรกินแบบนี้ครับ จากคุณ : มอนตะทาโร่ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:39:31

ความคิดเห็นที่ 73 ตกลงน้ำอัดลมมันละลายตะปูยังไง ตะปูตัวแค่ไหน น้ำอัดลมต้องเปิดฝารึเปล่า มีอากาศเท่าไหร่ ????? จากคุณ : Baritoreca เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:42:12

ความคิดเห็นที่ 74   ดีนะที่ไม่มีเบียร์ จากคุณ : JohnnyNahe เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:51:43

ความคิดเห็นที่ 75 - สารตัวสำคัญที่มีอยู่ในโค้กก็คือกรดกำมะถัน (Phosphoric acid) ในด้านความเป็นกรดด่าง มันมีความเป็นกรดอยู่สูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน ข้อมูลมั่วพอควร น้ำโค๊กอ่ะใครบอกว่า แช่ ตะปู 4 วันแล้วละลายอ่ะครับ ผมเคยทำแล้วแช่ 1 อาทิตย์แค่เป็นสนิมบางๆอ่ะครับ อาทิตย์ที่ 2 ก็สนิมคล้ายๆเดิมอ่ะ โม้เกินไปไหม จากคุณ : Tears เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:55:37

ความคิดเห็นที่ 76 กินอะไรก็ตายทั้งนั้นแหละครับ จากคุณ : @jirayu (wsteven) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 00:02:32

ความคิดเห็นที่ 77 คห.4 - สีที่ใช้เติมในน้ำอัดลม เป็นสารเคมีก่อมะเร็ง ^ ^ ^ สีผสมอาหารจากธรรมชาติมิใช่ฤา      ถ้าสีพวกนี้ก่อมะเร็งได้    ก็เลิกกินขนมไทยๆที่มีสีสรรพ์ได้แล้ว จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 00:06:01

ความคิดเห็นที่ 78 -ฮอทด็อก ทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์ เนื้อส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น และนำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก สันจมูก หู เล็บและส่วนอื่นๆของมัน- ม่ายจริงมั้งครับ เพราะวันนั้นผมดูรายการกบนอกกะลาอยู๋ เค้าใช้เนื้อเป็รก้อนๆๆๆเลย จากคุณ : MzZzZzZ (tstevy1a) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 00:15:40

ความคิดเห็นที่ 80   ผมว่าที่ละลายตะปูได้คงไม่จริง แต่ในน้ำอัดลม มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อยู่มาก จึงทำปฎิกิริยา ต่อธาตุที่เป็นโลหะ จึงทำให้โลหะเกิดการกัดกร่อน อาจจะขาวขึ้นเป็นต้น แต่ถึงกับละลายคงไม่ใช่แน่ จากคุณ : ขอมีส่วน เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 03:26:16 A:110.164.142.173 X:

ความคิดเห็นที่ 81 6. น้ำอัดลม - สารตัวสำคัญที่มีอยู่ในโค้กก็คือกรด Carbonic (Carbonic acid) ในด้านความเป็นกรดด่าง มันมีความเป็นกรดอยู่ต่ำมากไม่สามารถที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน ต่อให้ เจ็ดปียังไม่ได้เลยครับ เพราะมันจะไม่เป็นกรด ภายในไม่ถึงชม. มันคือ คาร์บอนิค มันจะกลายเป็น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่ต้องไปทำฟอร์เวิร์ดเมลต่อนะว่า มันบลาๆๆๆๆๆๆๆๆ ต่อให้เก็บใส่โหลดองกับ น้ำอัดลม มันก็ไม่ ละลายตะปูได้แน่นอน เพราะ ความเป็นกรดของ คาร์บอนิค มันต่ำมากๆๆ ไม่เชื่อก็ตามใจครับ อ่อนเพลียจะพูด - กรดที่สะสมอยู่ในร่างกาย ไม่เกี่ยวใดๆ เลยที่จะทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้ แล้วมันสะสมไม่ได้ด้วย ร่างกายคน มีสมดุลทางกรด เบส ตามปกติ อยู่แล้้วครับ - น้ำโซดาจไม่เป็นตัวชะล้างแคลเซียมออกจากกระดูกของท่าน ช่วยทำเกิดโรคกระดูกพรุน มันจะได้ยังไง ในเมื่อมันไหลลงกระเพาะ ไปเจอยิ่งกว่า กรดคาร์บอนิค ขอองไอ้น้ำโซดาบ้าๆๆๆๆ ทีว่าว่าไป ยังไม่ทันย่อยเลย ก็ว่ากันไป - ในน้ำอัดลมหนึ่งกระป๋อง จะมีน้ำตาลที่ให้พลังงานอยู่ประมาณ 12 ช้อนชา ไม่มี น้ำตาลที่ไหนไม่ให้พลังงานครับ - ในน้ำอัดลมที่ช่วยลดน้ำหนักตัว (Diet soda) ที่ใช้น้ำตาลเทียมสังเคราะห์ (Artificial sweetener) เพิ่มความหวาน จะทำให้ร่างกายของท่านกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เพราะว่า น้ำตาลสังเคราะห์เหล่านี้มีความหวานมากกว่าน้ำตาลธรรมดามาก เค้าปรับความหวานให้มันเท่ากันแล้วครับไม่งั้นจะไปขายแมวที่ไหนละครับ เรื่องขาดน้ำตาล ไม่ทราบครับ รอท่านผู้รู้ - สีที่ใช้เติมในน้ำอัดลม เป็นสารเคมีก่อมะเร็ง ก็ว่ากันไป - เราเรียกน้ำอัดลมนี้ว่า น้ำตาลเหลว เพราะมันมีน้ำตาลประกอบอยู่สูง การดื่มน้ำอัดลม ก็เสมือนกับการกินแท่งช็อกโกเล็ตน้ำตาลเหลว ก็ว่ากันไป อ่อนเพลียจะพูด - ส่วนประกอบสำคัญในน้ำอัดลมก็คือ น้ำเชื่อมฟรัคโต๊สที่ได้มาจากข้าวโพด จากคุณ : เป็ดตุ๋น เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 03:37:07

ความคิดเห็นที่ 82 เหมือนจะเจตนาดีแต่ ให้ข้อมูลไม่เป็นกลาง ข้อมูลบางอย่างเกินจริง บางอย่างมั่วด้วยซ้ำ ขอรับไว้แต่เจตนาที่ดีก็แล้วกัน ส่วนข้อมูลที่มั่วๆ ไม่ขอรับไว้นะครับ จากคุณ : Generals เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 07:47:35

ความคิดเห็นที่ 83 เจอข้าวเหนียว หมูปิ้่งบ้านเราเข้าไป    มีทั้งสารก่อมะเร็ง  คาร์บอน  ไขมัน  น้ำตาล  หุๆ จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 08:04:41

ความคิดเห็นที่ 84 อ่านแล้วสรุปได้ว่ามั่วมากมายครับ อย่าไปเชื่อหมด เชื่อได้เพียงบางส่วนเท่านั้น จากคุณ : axquest เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 08:12:42

ความคิดเห็นที่ 85 เห็นด้วยกับ คห81. กินน้ำอัดลมลงคอไปลำใส้ เข้ากระเพาะผ่านไปไต กรองเป็นฉี่..... มันไปผ่านกระดูกกันตอนใหนฟระ...... จากคุณ : Sakurachan (Tomoeda) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 08:24:30

ความคิดเห็นที่ 86 งี๊ อาหารไทย ก็ตายดิ่ ขนาดวันนั้นพวกคั่วพริก ยังแตกตื่นบอกว่ามีผู้ก่อการร้ายรมแก๊ซพิษ (จำไม่ได้ว่าประเทศอะไร) คือถ้ามองในมุมร้ายๆ มันก็ร้ายๆนะ ไม่เห็นเสนอมุมดีๆบ้างเลย จากคุณ : หน้าไม้ใจเย็นยิ่ง เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 08:51:31

ความคิดเห็นที่ 87 ผมว่าถ้าตัดเรื่อง FWD ออกไป ที่จะดูเป็นจริงได้ ก็คือ "ร้านอาหารทั่วไปในสหรัฐฯ" นะครับ ที่ไม่ใช่แบรนด์ ที่ีมีการควบคุมไลน์การผลิต ประหนึ่งว่า ร้าน ลุง Rod's Hamburger (นามสมมติื) เข้าไปปั๊บ เจอเคาท์เตอร์ ร้านโล่งๆ โต๊ะไม้ มีคุณลุงโผล่มาจากเคาท์เตอร์ถามว่า "เอาอะไร" ตอบไปว่า "เบอร์เกอร์เนื้อ" ลุงแกก็เดินเข้าไปสั่ง พอมาแปะที่จานก็เป็นเบอเกอร์ใหญ่ๆ เนื้อมันเยิ้มๆ เคียงมากับเฟรนช์ฟรายทำเอง อะไรแบบนั้นอะครับ จากคุณ : เครื่องทำน้ำขุ่น เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 09:03:47

ความคิดเห็นที่ 88 ต้องโทษคนทำ fw mail ฉบับนี้ขึ้น ข้อมูลมั่วมาก ไอศครีม ก็จัดเข้าอยู่ในหมวดอาหารอันตรายเนี่ยนะ ตลกสิ้นดี แต่เราไม่โทษ จขกท นะ   เอาเป็นว่า ไม่เชื่อก็ละกัน จากคุณ : Choco-Mix เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 09:30:11

ความคิดเห็นที่ 89   ปล.. นี่เป็นข้อมูลจากการ " Forword mail " ฉะนั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ จากคุณ : รองเท้าขาว เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 09:31:54

ความคิดเห็นที่ 90 ถ้างั้นคนอเมริกันคงอายุสั้นที่สุดในโลกแหงๆเลยครับ จากคุณ : ไอ้หนุ่มโรงงาน เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 09:40:25

ความคิดเห็นที่ 91 ทำไม ไม่พูดถึงอันตรายที่มากที่สุดที่มาจากอาหารสำคัญของชาวไทย ข้าวครับข้าว ข้าวขาว สีแล้ว .. อันตรายที่สุด 1. อาชญากร นักโทษฆ่า ขมขืน กากเดนสังคม ฯลฯ กินข้าวขาวสีแล้วทุกวัน จึงก่ออาชญากรรมอย่างอำมะหิต แต่เมื่อติดคุก กินแต่ข้าวแดงที่ไม่ได้สี ปรากฏว่า ไม่ก่ออาชญากรรมใดๆขึ้นมาอีก เหตุผลยืนยันเพิ่มเติมคือ นักโทษบางราย ประำพฤติดีจนได้รับการปล่อยตัวกลับสู่สังคมก่อนกำหนด แต่พอออกมาสู่สังคมภายนอก กินข้าวขาวขัดสีแล้ว กลับไปประพฤติผิดเช่นเดิมอีก 2. เมื่อสำรวจบรรดานักโทษจำนวนมากกว่า 10,000 cases โดยสุ่มจากเรือนจำทั่วประเทศ พบว่า มีนักโทษที่กินขนมปังเป็นอาหารหลัก น้อยมากๆๆ (p < 0.001. Hoax et al., TIFM vol.13 pp.69-96)  นักโทษแทบทุกราย มีประวัติว่า กินข้าวขาวขัดสีแล้ว เป็นอาหารเช้าทั้งสิ้น (Hoax et al., TIFM vol.21 pp. 108-1009) 3. มีผลงานวิจัยจำนวนมาก ชี้ชัดว่า คนที่กินแต่ข้าวขาวขัดสีแล้วอย่างเดียว กับน้ำเปล่า เสียชีวิตเร็วกว่าคนกินข้าวขาวขัดสีแล้ว กับกับข้าวหลายอย่าง (Idio T., TIFM vol.42, pp.1-15; Mo, Ron et al, Am J of FHM vol.1 pp 69) ผลวิจัยบางฉบับ ชี้ชัดว่า คนที่กินแต่ข้าวขาวขัดสีอย่างเดียว ไม่กินกับเพิ่มเติม อาจเสียชีวิตได้ในเวลาไม่เกินสามเดือน ใครที่มีหลักฐานดีๆ เอาออกมายันกันได้เลย จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 09:43:57

ความคิดเห็นที่ 92 ผมรู้แค่ว่า ผมกินไอ้ที่ จขกท เอามาลงติดๆกันเกือบเดือน น้ำหนักผมพุ่งไปเกือบสิบโล ... ตอนนั้นบ้าของกินพวกนี้มาก ตอนนี้ไม่เอาแล้ว หุ่นอ้วนเกิน ไม่เร้าใจสาวๆ ... จากคุณ : นายอึเหม็น เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 10:26:08

ความคิดเห็นที่ 93   อ่าน ๆ ดูรู้เลยว่ามาจาก FW ... เพราะอะไรถึงรู้ ... ก็อีตรงน้ำมันทอดที่บอกว่านาน ๆ เปลี่ยนที ... กะอีเรื่องละลายตะปู ... คนเขียนมั่วบรม ... ร้าน fastfood มีมาตรฐานกำหนดครับ ว่าทอดได้แค่ 2 ครั้ง (หรือสามหว่า?) แล้วต้องเปลี่ยนน้ำมัน แล้วร้าน inter เนี่ย เขาเปลี่ยนอย่างนั้นจริง ๆ ... ในเมืองไทยเองก็เถอะ แล้วในไทยก็ขายน้ำมันที่หมดมาตรฐานนั้นให้กับแม่ค้าข้างถนนเอาไปใช้ต่อ!!! นี่คือเรื่องจริง เพราะแฟนผมเคยทำงานตรวจมาตรฐานร้าน fastfood พวกนี้ เอาเป็นว่า ... กิน ๆ มันไปเถอะ มัวแต่กลัวตายก็อดอร่อยอะดิ เพียงแต่กินแบบพอดี ๆ ก็พอ จากคุณ : เศียรนาคา ... (Eumentis) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 10:31:40

ความคิดเห็นที่ 94 ก็ดี เอามาให้ถูกชำแหละ fw เมล์มั่วๆแบบนี้เมื่อไรจะหายไปจากสังคมหนอ (เสียงที่ไหนไม่รู้ตอบมาว่า...ไม่มีทาง) ขำคุณเหมียว ดูแต่ละชื่อคนวิจัย จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 10:32:35

ความคิดเห็นที่ 95 เข้ามาให้กำลังใจ จขกท. ครับ ทำการบ้านเพิ่มหน่อย แปลบทความอย่างรอบคอบ อย่าเพิ่งท้อล่ะครับ จะคอยดูการจัดอันดับเรื่องต่อไปอยู่นะ จากคุณ : T7Promoter เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 10:36:22

ความคิดเห็นที่ 96   เรากินเกือบทุกอย่างเลยอ่าTTOTTของโปรดด้วย จากคุณ : จันทร์สีซีด เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 10:53:16 A:112.142.11.102 X: TicketID:213494

ความคิดเห็นที่ 97   แปลกดี... ที่"เหล้า" ไม่ยักจะรวมอยู่ในนี้ จากคุณ : ari เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 10:58:15 A:125.24.131.77 X: TicketID:102543

ความคิดเห็นที่ 98 - รักโดนัท (อยากจะบอกว่าซื้อมิตเตอร์โดนัท ฮันนี่ดิฟ  วันละ โหล เกือบทุกวัน กินล้างผลาญมาก) - รักไอติม (คอฟฟี่โอริโอ้ เพิ่มอัลมอนด์ ถ้วยกลาง) - รักเบอร์เกอร์ (ไก่เปปเปอร์เพิ่มชีส ไม่ผัก) ขาดเธอ ขาดใจ >_< ปอลิง: กินยังงี้ นน.ไม่ขึ้นเลยอ่ะ คลอเลส ไตรกลี ปกติสุดๆ แง่ว จากคุณ : มามั่ว เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 11:01:30

ความคิดเห็นที่ 99 ถ้าต้องให้งดของพวกนี้ สู้เอาเงินไปทุ่มกับฟิกเกอร์ดีกว่า เอ๊ะ ยังไง ? จากคุณ : lizard8 เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 11:08:56

ความคิดเห็นที่ 100 ข้าวขาวนี่ มีผลการทดลองว่าออกฤทธิ์เหมือนยาเสพติดด้วยนะครับ โดยหลังจากทดลองให้กลุ่มตัวอย่างที่บริโภคข้าวขาวเป็นประจำ อดข้าวดู แค่5-6ชั่วโมง ก็เกิดอาการ หงุดหงิด ตาขวาง พอพ้น 12 ชั่วโมง ก็เกิดอาการกระสับกระส่าย ทุรนทุราย เหงื่อออก หูอื้อ ตาลาย เลย 24 ชั่วโมง พบว่าสติสัมปะชัญญะลดลง พูดจาไม่รู้เรื่อง หลังจากเลย 36 ชั่วโมง กลุ่มตัวอย่างที่ยังไม่หมดสติไปก่อนก็มีอาการฟูมฟาย ร้องไห้ขอกินข้าวอย่างหน้าไม่อาย อันตรายจริงๆ ช่วยๆกัน FWD ต่อด้วยนะ จากคุณ : Sial เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 11:30:11

ความคิดเห็นที่ 101 ไม่มีปลาปักเป้าเหรอ เห็นกินแล้วตายบ่อย เร็วกว่ากินอาหาร 10 อันดับบนอีกน่ะ จากคุณ : Tears เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 11:31:12

ความคิดเห็นที่ 102 #91, 100 อันตรายมากครับ มีงานวิจัยว่า หากนำข้าวขาวดิบขีดเดียว (ประมาณเพียง 0.1 กก) ยัดให้หนูทดลองกิน หนูจะทุรนทุรายและตายภายใน 5 นาที (จุกตาย) จากคุณ : ahblur เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 12:12:58

ความคิดเห็นที่ 103 ความคิดเห็นที่ 4 6. น้ำอัดลม - สารตัวสำคัญที่มีอยู่ในโค้กก็คือกรดกำมะถัน (Phosphoric acid) ในด้านความเป็นกรดด่าง มันมีความเป็นกรดอยู่สูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน ............................................................................................. # ข้อนี้มั่วซั่วสุดๆ  ในโค๊กจะมีกรด 2 ชนิด คือกรด Carbonic และ Phosphoric (ภาษาไทยเรียกกรดไรหว่า) ไม่ใช่กรดกำมะถัน (H2SO4)   รู้ได้งัยว่ามีกรด Phosphoric ...   ง่ายก็กลิ่นครับ  ผมทำงานกะกรด Phosphoric หลายปีมันมีกลิ่นเฉพาะตัว ไม่เหมือนกรดอื่นๆแน่ๆ   pH ของโค๊กอยู่ที่ราวๆ 3 เท่านั้น และความเป็น กรดลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อ Carbonic สลายไป กรดในกระเพาะยังแรงกว่านี้ อีก (pH =1) ---------------------------------------------------------------------------- - กรดที่สะสมอยู่ในร่างกาย ทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้ # มันจะไปสะสมตรงไหนอะ งง ... ในระบบเลือดมี buffer ช่วยปรับสมดุล ของกรด-เบสได้ในตัวเองอยู่แล้ว pH ของเืลือดจึงคงที่ ---------------------------------------------------------------------------- - น้ำโซดาจะเป็นตัวชะล้างแคลเซียมออกจากกระดูกของท่าน ช่วยทำเกิดโรคกระดูกพรุน # แล้วเวลาดื่มน้ำโซดา มันลงไปตามทางเดือนอาหารนะ ไม่ได้ซึมเข้า กระดูก  แล้วโซดาจะไปล้างแคลเซียมตรงไหนเนี่ย เจ้าคนเขียนมันตก ชีววิทยาแต่พอเอาอ่าวได้กะเคมีเคมีชัวร์   ไม่ไหวจะเคลียร์ ---------------------------------------------------------------------------- - ในน้ำอัดลมหนึ่งกระป๋อง จะมีน้ำตาลที่ไม่ให้พลังงานอยู่ประมาณ 12 ช้อนชา - ในน้ำอัดลมที่ช่วยลดน้ำหนักตัว (Diet soda) ที่ใช้น้ำตาลเทียมสังเคราะห์ (Artificial sweetener) เพิ่มความหวาน จะทำให้ร่างกายของท่านกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เพราะว่า น้ำตาลสังเคราะห์เหล่านี้มีความหวานมากกว่าน้ำตาลธรรมดามาก - สีที่ใช้เติมในน้ำอัดลม เป็นสารเคมีก่อมะเร็ง - เราเรียกน้ำอัดลมนี้ว่า น้ำตาลเหลว เพราะมันมีน้ำตาลประกอบอยู่สูง การดื่มน้ำอัดลม ก็เสมือนกับการกินแท่งช็อกโกเล็ตน้ำตาลเหลว - ส่วนประกอบสำคัญในน้ำอัดลมก็คือ น้ำเชื่อมฟรัคโต๊สที่ได้มาจากข้าวโพด จากคุณ : Dare More เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 12:54:40

ความคิดเห็นที่ 104 ข้อมูจริงพอมีอยู่มั่ง ... แต่ข้อมูลมั่วนี่เพียบบ จากคุณ : DOS Shell เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 13:40:49

ความคิดเห็นที่ 105 คุณ ahblur  .. คุณกำลังทำความผิดหลายอย่างเชียวนะ อย่างแรกคือ คุณนำความลับทางทหาร เรื่องอาวุธชีวภาพอันมีพิษร้ายแรง ออกมาเปิดเผยต่อสังคม อย่างที่สองคือ หากเยาวชนที่อ่านอะไรแบบผ่านๆ จำข้อมูลที่ได้จา่กคุณ แล้วเอาไปทำการฆาตกรรมคนอื่นด้วยวิธีนี้ .. คุณต้องรับผิดชอบ! จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 15:47:22

ความคิดเห็นที่ 106 อ่านกระทู้นี้เสร็จ  เครียดเลย เรามีโดนัทอยู่ในตู้เย็น 2 ชิ้นนี่หว่า ต้องรีบไปทำลาย ว่าแล้วก็ไปจัดการทิ้ง ลงกระเพาะ จากคุณ : specimen เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:01:58

ความคิดเห็นที่ 107 เอามั่ง หุหุ 5. พิซซ่า - พิซซ่าในเชิงทางการค้าจะประกอบไปด้วยอาหารที่มาจากการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม 5 ชนิด 1. เนยแท้ (cheese) เพียง 10% เท่านั้นที่ไม่ควรจะเรียกว่าเนยแท้ได้เลย .........อันนี้พอจะมีมูล พิซ่าราคาประหยัด มักจะใส่มาการีนแทนครับผม แต่สูตรแท้ๆต้องใช้เนยนะ มิใช่มาการีน 2. แป้งที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ได้ทำการฟอกสี ทำให้วิตามินและเกลือแร่ออกไปแล้ว แต่ได้ทำการเติมเกลือแร่สังเคราะห์ตามจำนวนโมเลกุลที่มันเคยมีอยู่เข้าไปใหม่ .........ไม่มีใครทำแบบนั้นหรอกครับ ลำบากเปล่าๆ แป้งสาลีขัดขาวก็คือแป้งสาลีขัดขาว ไม่ต้อ เติมอะไร..... 3. ซอสมะเขือเทศ ทำด้วยสารที่คล้ายมะเขือเทศที่สร้างยาฆ่าแมลงของมันขึ้นมาได้เอง ในร่างกายของท่าน .........ไม่มีรายงานว่าเป็นจริง ไม่เช่นนัิื้้น เขาคงยกเลิกการผลิตซอสมะเขือเทศไปแล้ว.... 4. แป้งสาลีที่นำมาใช้เป็นแป้งชนิดที่มีการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม .........รายงานเรื่องภัยทางด้านโภชนาการจากพืช GMO ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ครับ แต่ถึงคุณจะไม่ได้ทานแป้งสาลีที่ได้จากข้าวสาลี GMO ในพิซซ่า แต่คุณก็มีสิทธิได้รับจากแหล่งอาหารอื่นๆอยู่ดี ยกเว้นจะไปบริโภคลูกเดือยหรือเม็ดเกาเหลียงแทน... 5. มีน้ำมันฝ้ายประกอบอยู่ด้วย ฝ้ายไม่ได้จัดเป็นพืชพวกอาหาร มันผ่านการสเปรย์ด้วยยาฆ่าแมลงที่ชาวไร่ใช้ ในฝ้ายเมล็ดจะเป็นตัวดูดเอาสารพิษต่างๆเอาไว้ได้มากที่สุด กระทรวงเกษตรและกระทรวงสาธารณะสุขต่างก็ไม่ให้ความร่วมมือซึ่งกันและกันที่จะรับรองว่า มันปลอดภัยต่อการบริโภคได้หรือไม่มันไม่ได้ช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้น แต่มันเป็นน้ำมันไฮโดรจีเนตและมีอันตรายต่อสุขภาพของท่านเป็นอย่างยิ่ง .......น้ำมันเมล็ดฝ้ายเป็นแหล่งของกรดไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ประกอบด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว (MUFA) กลุ่มโอเมก้า-9 (กรดโอเลอิค) และกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (PUFA) ที่ดี ช่วยยับยั้งการเพิ่มคอเลสเตอรอลในเลือดของคนที่มีร่างกายแข็งแรง และช่วยลดคอเลสเตอรอลในคนที่มีคอเลสเตอรอลสูงได้ นอกจากนี้ยังมีวิตามิน หรือโทโคฟิรอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง และลดภาวะเสี่ยงจากมะเร็ง หากต้องการจะปรุงอาหารประเภททอดที่ใช้น้ำมันมากและใช้ความร้อนสูงเป็นเวลานาน ควรเลือกใช้น้ำมันเมล็ดฝ้าย เพราะทนความร้อนสูง (จุดเกิดควันประมาณ 230 องศา ) ช่วยให้อาหารกรอบอร่อยอยู่ได้นาน...... ......อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช้หรอกครับ น้ำมันเมล็ดฝ้าย ใช้น้ำมันพืชธรรมดาๆนี้แล ผสมในแป้งเอา...... - ผิวหน้าแป้งพิซซ่าที่อบปิ้งในอุณหภูมิสูง อาจจะมีสารเคมีอะคริลิไมด์ (Acrylimides) เกิดขึ้น ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาทได้ ..........จุดที่ไหม้ อาจจะมีครับ เราไม่ควรกินเนื้อสัตว์ที่ไหม้จนดำอยู่แล้ว...... - การเพิ่มหน้าพิซซ่า เพ็พเปอโรนิหรือเพิ่มหน้าไส้กรอกทำให้มีความเสี่ยงสูงจากไนไตรต์ สารกันบูดและสารเคมีอื่นๆ รวมทั้งไขมันอิ่มตัวที่มีการเติมเข้าไปจากโรงงาน ..........จริงๆพวก ไส้กรอก ทานมากๆก็ใช่ว่าจะดี แต่ถ้าเราเลือกไส้กรอกที่ใส่สารกันบูดไม่มากเกินปริมาณแนะนำหรือไม่ใส่เลยก็จะดีกว่า เป็นการยกความจริงเพียงเสี้ยวเดียวมาขยายความ.... จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 18:44:45

ความคิดเห็นที่ 108 #91, 100  5555555+ จากคุณ : รองเท้ากับนาฬิกา เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 19:10:48

ความคิดเห็นที่ 109 เราเข้าใจว่าจขกท.หวังดีอยากให้ข้อมูลด้านสุขภาพ แต่แหล่งข้อมูลที่เอามามันไม่น่าเชื่อถือ (มั่วคอดๆ) แต่เราจะสรุปจาก 10 ข้อของ จขกท. แบบกลางๆ (แบบไม่มั่ว) ให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้ 1. ของหวาน ขนมหวาน ไม่ว่าจะเป็น โดนัท(มนัสนันท์) แพนเค้ก(เขมนิจ) ทองหยิบ ทองหยอด ใดๆก็ตาม มีน้ำตาลมาก ถ้ากินเยอะๆ ไม่ออกกำลังกาย น้ำตาลจะเปลี่ยนเป็นแป้งและเปลี่ยนเป็นไขมันสะสม ทำให้เรา "อ้วน" และการทานหวานยังทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานนะจ๊ะ 2. ของทอด ของมัน ไม่ว่าจะเป็น potatochip เฟรชฟราย กล้วยทอด มีน้ำมันเยอะ พิซซ่าหนักชีส ฯลฯ กินมากๆ ก็อ้วน ไขมันที่กินเข้าไปมากๆ ก็ทำให้เกิดไขมันในเลือดสูงได้ ไขมันก็จะไปเกาะตามผนังหลอดเลือด เกิดภาวะหลอดเลือดแข็งตัว(ชาวบ้านอาจเรียกไขมันอุดตันในเส้นเลือด แต่จริงๆ มีทั้งลิ่มเลือดทั้งไขมัน) เกิดเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดอื่นๆ ตามมา 3. ของปิ้งย่าง ไม่ว่าจะ hotdog hotcat(บรึ๋ย O_o) หมูปิ้ง เวลาเนื้อสัตว์หรือไขมันสัตว์มันไหม้ ทำให้เกิดเป็นสารอนุมูลอิสระ รับเข้าไปมากๆ อาจก่อให้เกิดมะเร็ง 4. ผงชูรส ไม่ว่าจะอยู่ในมันฝรั่งทอด ในก๋วยเตี๋ยวปากซอย ในร้านอาหารจีน มันก็คือ monosodium glutamate หรือที่ย่อว่า MSG กินมากๆ ทำให้โซเดี่ยมในเลือดมาก ร่างกายก็ปรับตัวให้เราหิวน้ำ บางคนที่แพ้ก็จะมีอาการปวดหัว เวียนหัว แสบลิ้นฯลฯ แต่คนไม่แพ้ก็ไม่เป็นไร แต่เลี่ยงได้ก็ดี การมีโซเดียมในเลือดสูงก็เป็นเหตุให้ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงมีความดันสูงขึ้น ดังจะเห็นว่าหมอจะสั่งว่าคนเป็นความดันห้ามกินเค็มนั่นเอง (ในเกลือก็มีโซเดียมในรูปโซเดียมคลอไรด์) กินอะไรก็กินไปเถอะให้ชีวิตมีรสชาติ แต่ก็กินแต่พอดีไม่งั้นโรคก็ถามหา สุดท้ายเราก็ยังยืนยันจะกินน้ำอัดลมต่อไป แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 20:04:37 จากคุณ : doraemomo เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 19:21:26

ความคิดเห็นที่ 110 เสร็จชาวหว้ากอไปอีก 1 ฉบับ หุหุ แต่ก็เคยมีคนพิสูจน์แล้วนี่นาเนอะ ว่าระหว่าง FWD mail ต้นฉบับ กับ FWD mail ชี้แจงข้อเท็จจริง อันแรกจะดังกว่า -*- ผมอ่านไปได้ 1-2 ข้อแล้วผมนึกถึง FWD mail อันนี้ขึ้นมาทันทีครับ คนก็เชื่อเนอะ ^^ว **จาก Fwd Mail ... ทำไมคนญี่ปุ่นถึงไม่ดื่มชาเขียวเย็น** http://www.gamer-gate.net/index.php?a=bbs&b=view&id=20121&p=2 10 อันดับ FWD เมลล์ที่น่ารำคาญที่สุดในโลก http://th.uncyclopedia.info/wiki/10_%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A_FWD_%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%8D%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81 จากคุณ : Chocolate`Browny (guta_me) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 23:45:59

ความคิดเห็นที่ 111 เพ้อเจ้อ ไร้สาระ หาความจริงไม่ได้ จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 05:28:20

ความคิดเห็นที่ 112 แบบนี้คงต้องกิน ข้าว กะ ผักต้ม ไก่ต้ม ไข่ต้ม ทุกวัน ผักสดๆ ปลูกเองหลังบ้าน ไก่ก็เลี้ยงเอง ห้ามทานของแปรรูปใดๆ เพราะมีสารก่อมะเร็ง ของหวาน ของทอด ห้ามแตะ แต่จริงๆ ทำได้แบบนี้ก็ดีครับ แ่ต่คงจะยากมาก จากคุณ : KennyK เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 12:05:37

ความคิดเห็นที่ 113   โอยยยย ถ้าจะให้เลิกหมดผมยอมกระโดดลงจากชั้น19แล้วให้นกบินมาจับขาผมเหวี่ยงฟาดกับขอบตึกตายดีกว่า รู้นะว่ากินแล้วอ้วน แต่ก็ยังจะกินอยู่นั่นแหละ เลิกไม่ได้ซะที เฮ้อออ ว่าแล้วก็ลงไปหามาซัดซักอันดีกว่า ก่อนไปผมมีอะไรจะเล่าให้ฟัง นายเอเป็นคนไม่เคยรักษาสุขภาพ กินแต่ของไร้ประโยชน์ วันหนึ่งเขาเดินออกไปที่ปากซอย แล้วก็ถูกรถชนตาย มาดูทีนายบี นายบีเป็นคนรักษาสุกภาพมาก ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่กินแป้ง กินแต่ผัก นม ไข่ เท่านั้น วันหนึ่งเขาเดินออกไปปากซอย แล้วก็ถูกรถชน ก็ตายเหมือนกัน เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า กรุณามองซ้ายมองขวาก่อนจะข้ามถนน จากคุณ : Sleeper MoNKeY เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 16:31:55

ความคิดเห็นที่ 114 เข้ามาเห็นด้วยนะคะ อ่านดูแต่ละรายการ ก็ไม่ใช่อาหารสร้างเสริมสุขภาพอยู่แล้ว แต่ว่ามันอร่อยแหละ อิอิ จากคุณ : พีนัตบัทเตอร์ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 18:06:04

ความคิดเห็นที่ 115 หากไม่ถึง คราวตาย วายชีวาฒม์ ใครพิฆาต เข่นฆ่า ไม่อาสัญ แต่พอถึง ตราวตาย วายชีวัน ไม้จิ้มฟัน ทิ่มเหงือก ก็เจือกตาย กินๆไปเหอะครับ -*- จากคุณ : Darth Aiglatson เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 18:20:34