ความคิดเห็นที่ 1 ... เกร็ดน่ารู้ครับ - ปิโตรเลียม มาจากคำในภาษาละติน 2 คำ คือ เพตรา แปลว่า หิน และ โอเลียม ซึ่งแปลว่า น้ำมัน รวมความแล้ว หมายถึง น้ำมันที่ได้จากหิน (ผมเดาเอาเองว่า คำว่าโอเลียม น่าจะมาเป็นคำว่า ออยล์ - oil ในภาษาอังกฤษ) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:52:47

ความคิดเห็นที่ 2 อีกกี่ปีน้ำมันจะหมดโลก? ... เป็นคำถามยอดฮิตอันดับ 1 ที่โดนถามบ่อยที่สุด จำได้ว่าตอนผมยังเอ๊าะเข้าวงการใหม่ๆ เอกสารทางวิชาการและคำตอบที่แพร่สะพัดในวงการของหมู่เฮาคือ 50 ปี ตอนนี้ผมอยู่ในวงการมา 20 กว่าปี ใช้วิชาเลข ป1 คำนวน โดยคิดว่าถ้า 50 ปีเป็นคำตอบที่ถูกต้อง วันนี้ก็น่าจะเหลือน้ำมันให้หมู่เฮาใช้อีกสัก 30 ปี (ตูจะอยู่ถึงไหมเนี่ย ... คงมีหลายคนเริ่มคิด) แต่คำตอบของวันนี้ก็ยังเป็น 50 ปีเหมือนเดิม ... ไหงงั้นล่ะ ... จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:53:30

ความคิดเห็นที่ 3 ก่อนจะคุยต่อขอคั่นตรงนี้ไว้ก่อนว่า คำว่า "น้ำมัน" ที่จะพูดถึงต่อไปนี้ผมจะรวมๆไปถึงไฮโดรคาร์บอนจากใต้พื้นโลกทั้งหมด นั่นคือรวม ก๊าซธรรมชาติ และ กิ๊ก คือพวกกึ่งเพื่อนกึ่งแฟน เอ๊ย กึ่งก๊าซกึ่งน้ำมันที่เราเรียกว่าคอนเดนเสท condensate - แสลงเรียกว่า condy อ่านว่า คอนดี้ คือ ก๊าซก็ไม่ใช่น้ำมันก็ไม่เชิง เพราะมันเป็น "กิ๊ก" คือมากกว่าเพื่อนแต่น้อยกว่าแฟน แฮ่ๆ ผมหมายความว่า มันดันหนัก (specific gravity - ความหนาแน่นเมื่อเทียบกับความหนาแน่นของน้ำบริสุทธิ์) กว่าก๊าซแต่เบากว่าน้ำมัน จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:54:07

ความคิดเห็นที่ 4 มาว่ากันต่อ ... คำตอบของวันนี้ก็ยังเป็น 50 ปีเหมือนเดิม ... งง ล่ะซิ ... เฉลยครับ ... 1. เรามีการค้นพบแหล่งน้ำมันใหม่ๆอยู่เรื่อย แหล่งน้ำมันที่เราพบใหม่ๆ มันก็ชดเชยกับแหล่งเก่าที่หมดไป คำตอบที่ว่าราวๆ 50 ปี (เมื่อ 20 ปีก่อน) มันก็ถูก แต่ถ้าจะให้ถูกมันต้องตอบว่า ถ้าไม่พบแหล่งใหม่เลย เราจะมีใช้ไปอีกราวๆ 50 ปี อันนี้เข้าใจได้ง่ายๆ ไม่ซับซ้อนอะไร เบบี้ๆ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:54:42

ความคิดเห็นที่ 5 2. ต้นทุนในการนำน้ำมันขึ้นมาใช้มันเปลี่ยนไป อันนี้ซับซ้อนหน่อย และจะพยายามอธิบายให้ง่ายที่สุดก็แล้วกันครับ สมมุติว่า เมื่อ 20 ปีก่อน เรารู้ว่ามีแหล่งน้ำมันใต้ดินอยู่ทั่วโลก 100 ลิตร แต่ล่ะลิตร ต้นทุนที่จะเอาขึ้นมาผลิตขายแตกต่างกัน เพราะค่าสัมปทานฯแต่ล่ะประเทศ ค่าใต้โต๊ะนักกินเมือง (ค่าต่ง นั่นแหละครับ) ความตื้น ความลึก ความกันดาร และราคาขายน้ำมันสำเร็จรูป ฯลฯ สมมุติต่อง่ายๆว่า มี 50 ลิตร ต้นทุนลิตรล่ะ 1 บาท (แต่ถ้าที่ไหนมีแบบนี้จริงๆ บอกผมคนแรกเลยนะครับ ... และไปประมูลดูดมาจ๊วบๆ) มี 20 ลิตร ต้นทุนลิตรล่ะ 2 บาท อีก 30 ลิตรที่เหลือ ต้นทุนลิตรล่ะ 3 บาท (โอเค ครบ 100 ลิตรพอดีตามที่สมมุติไว้) นายทุนผู้ขูดรีด เอ๊ย ผู้ขุดน้ำมัน ดีดลูกคิดแล้วปรากฏว่า ต้นทุนที่คุ้มผลิตมาแล้วขายได้ อยู่ที่ไม่เกินลิตรล่ะ 2 บาท ดังนั้น มันก็มีน้ำมันให้เราใช้ไปอีก 50 ลิตร เท่านั้น (มี 50 ลิตร ที่ต้นทุนลิตรล่ะ 1 บาท) เพราะที่เหลือ (20 ลิตร ลิตรล่ะ 2 บาท กับ 30 ลิตร ลิตรล่ะ 3 บาท) ท่านนายทุนไม่(ลงทุน)เอาขึ้นมา ก็แปลว่าไม่มีให้คุณๆท่านๆใช้ สมมุติต่อว่าใช้กันปีล่ะ 1 ลิตร มันก็ใช้ไปได้ 50 ปี (ถ้าเรายืนอยู่ ณ. 20 ปีที่แล้วนะครับ) พอผ่านไป 20 ปี มาเป็นตอนปัจจุบัน สมมุติว่าไม่มีการสำรวจแหล่งใหม่เพิ่มและโครงสร้างต้นทุนผลิตไม่เปลี่ยน คือเหมือน 20 ปีที่แล้ว (โอ้ย สมมุติกันจัง) กล่าวคือ มี 30 ลิตร ต้นทุนลิตรล่ะ 1 บาท (ก็ผลิตขายไปแล้วไง 20 ปี ปีล่ะ 1 ลิตร เท่ากับขุดผลิตมาแล้ว 20 ลิตร ... 50 - 20 = 30 ) มี 20 ลิตร ต้นทุนลิตรล่ะ 2 บาท อีก 30 ลิตรที่เหลือ ต้นทุนลิตรล่ะ 3 บาท ดังนั้นเหลือทั้งหมด 30 + 20 + 30 = 80 ลิตร (ที่โครงสร้างต้นทุนเดิม - อะนะ จะชูจั๊กแร้เถียงซิครับว่าเท่าเดิมได้ไง เอาน่า เอาน่า สมมุติก่อนซิ พวกนักเศรษศาสตร์ PhD หลายท่านก็ชอบสมมุติๆงี้ แหละตอนทำวิทยานิพนธ์จบด๊อกฯกันมา - พอมาเจอโลกแห่งความเป็นจริงถึงได้กลิ้งโค่โล่ในตึกข้างเขาดินกันเพียบ ... ฮ่า - เคยได้ยินไหมว่าคนมีมือเดียวเป็นนักเศรษฐศาสตร์ไม่ได้ เพราะนักเศรษฐศาสตร์ชอบพูดว่า "on one hand ... but on the other hand ...." ... แฮะๆ โจ๊ก น่ะครับ หาได้ลบหลู่ล้อเลียนท่านใดที่จบเศรษฐศาสตร์ไม่) แต่คราวนี้ ราคาขายดันเปลี่ยน แบบว่าเอาง่ายๆ หมู่เฮาประชากรโลกปั๊บลูกเพิ่ม ประชาการเพิ่ม รถยนต์เพิ่ม ความต้องการใช้เพิ่ม ราคาเพิ่ม ... กลายเป็นว่าท่านนายทุนดีดลูกคิดใหม่ อาหย่าาา อั๊วว่าถ้าต้นทุนลิตรล่ะ 2 บาท อั๊วก็ยังกำไรนี่หว่า อย่ากระนั้นเลย ถ้าใครมาถามตูว่า อีกกี่ปีน้ำมันจะหมด ตูก็จะตอบว่า อีก 50 ปี เพราะ ตูผลิตได้ อีก 50 ลิตร (โดยตูไม่ขาดทุน ก็ 30 ลิตร ต้นทุนลิตรล่ะ 1 บาท กับอีก 20 ลิตร ต้นทุนลิตรล่ะ 2 บาท ... 30 + 20 = 50 ลิตร สมมุติฐานเดิมใช้ปีล่ะลิตร ก็ อีก 50 ปี) ไงล่ะ ... สรุปง่ายๆว่า คำตอบมันขึ้นกับราคาขายด้วย ถึงจะมีของ แต่ไม่มีคนขุดขึ้นมา (เพราะขาดทุน) มันก็เหมือนไม่มี ยังครับท่านผู้ชม ยังมีอีก (อย่างน้อย) 1 ปัจจัย จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:55:19

ความคิดเห็นที่ 6 --- แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 14:21:17 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:55:51

ความคิดเห็นที่ 7 ยังครับท่านผู้ชม ยังมีอีก (อย่างน้อย) 1 ปัจจัย 3. ราคาพลังงานทดแทน อันนี้ง่ายๆ ถ้าราคาพลังงานทดแทนถูกลง ราคาขายน้ำมันก็ต้องถูกลง ต้นทุนที่จะคุ้มมันก็ต้องถูกลงด้วย นั่นหมายความว่า น้ำมันที่เหลือที่จะขุดขึ้นมาได้(โดยคุ้มทุน)ก็เหลือน้อยลง มิพักต้องกล่าวถังบ.น้ำมันขาหญ่ายๆ (บางบ.)ที่ให้ทุนวิจัยพลังงานทดแทนกับมหาวิทยาลัยชั้นนำต่างๆ (บางม.)โดยตั้งเงื่อนไขว่าผลงานวิจัยเป็นของบ.ผู้ให้ทุน แล้วพี่ท่านก็เอางานวิจัยขึ้นหิ้ง ดองเค็มเป็นกิมจิซะงั้น ไม่ต่อยอดออกสู่ตลาด (เอ้า ก็ตูจะขายไก่ เรื่องอะไรเอาหมูราคาถูกกว่าออกมาขายล่ะ เดี๋ยวคนไปกินหมู ราคาไก่ตูก็ตกซิ) ผู้วิจัย (บางท่าน) ก็ได้ PhD ไป บ. น้ำมัน (บางบ.) ก็ได้ดองกิมจิศาสตร์พลังงานทดแทน สมประโยชน์ไป ... ไชโย ... (ตูจ่ายค่าน้ำมันแพงตามเคย ... ฮ่วย ... คิดแล้วยิ่งปวดกระเบนเหน็บเจ็บริดสีดวง) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:56:37

ความคิดเห็นที่ 8 สรุปรวบยอดไปเลย ให้มันง่ายๆคือ เพราะ 1 เราหาแหล่งใหม่ได้มากกว่าที่เราใช้ไป จำนวนปีที่น้ำมันจะหมดมันก็เพิ่มขึ้น 2 ราคาขายที่มันเพิ่มลบด้วยต้นทุนสุทธิในการขุดที่เพิ่มมันมากขึ้น (กำไรนั่นแหละ พูดง่ายๆ ขอพูดให้งงหน่อย เดี๋ยวจะว่าไม่มีภูมิ อิอิ)  ทำให้มันคุ้มที่จะขุดเอาขึ้นมา มันจึงเหมือนกับว่า จำนวนน้ำมันที่จะเอาขึ้นมาใช้ได้เพิ่ม และ 3 ราคาพลังงานทดแทนมันถูกลง อันนี้ส่งผลตรงกันข้าม เหมือน ไก่แพง ตูก็ไปซื้อหมูมากินก็ได้ งั้นสูก็เลิกเลี้ยงไก่ อะไรประมาณนี้ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:57:03

ความคิดเห็นที่ 9 นี่ยังไม่นับเรื่องประเทศที่คุณก็รู้ว่าใคร ชอบออกมาให้ข้อมูลบิดเบือนเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอีก เช่นเศรษฐกิจการเมืองบ้านตัวเองไม่ดี อยากให้ราคาน้ำมันลด ก็ออกมาป่าวประกาศ (โดยสำนักโพล์ สถาบันการศึกษา สำนักวิจัย การเงินการธนาคาร นักเศรษฐศาสตร์ ฯลฯ ... ที่เป็นเครื่องมือและที่ขาดจรรยาบรรณ) ว่า โอ้ย น้ำมันยังมีให้ใช้อีกหลายปี การเมืองมั่นคง แข็งปั๋ง (ยิ่งกว่าดวดยาดองตำหรับนารีตกเตียง) เร่งผลิตน้ำมันขึ้นมาเยอะแยะ สูเจ้าไม่ต้องรีบประหยัด รีบกักตุนหรอก ราคามันก็ตก อีกมือนึงก็ซื้อของถูกมาแล้วไปเก็บไว้ใต้ดิน เดี๋ยวนี้เขาไม่เก็บไว้ในถังกลมๆบนพื้นดิน ให้เครื่องบินสอดแหนม เอ๊ย สอดแนมมาบินถ่ายภาพนับกันเป็นถังๆกันแล้วครับ พี่ท่านเล่นป่ำปั๊บฉีดปู๊ดๆกลับเข้าแหล่งหินเดิมมันนั่นแหละ ลงใต้ดินเลย นับยังไงก็ไม่รู้ว่าพี่แก(ใครว่ะ)สำรองไว้เท่าไร แต่พอเศรษฐกิจบ้านตัวเองดี และจะไปตี(กระบาล)บ้านคนอื่น ก็บอกว่า เฮ้ยๆ น้ำมันเหลือน้อยแล้ว ตุนๆกันไว้ซะ แหม ก็(คาดว่า)ของน้อย ตุนกัน ราคามันก็ขึ้นซิ บ้านคนอื่นที่ว่าก็ ... โอ้ย ... พอๆ ... เฉียดคุกแล้ว ลูกยังเล็ก เมียยังสาว(สวยด้วย) พอก่อนดีกว่า ยังไม่อยากเข้าไปกินข้าวผัดกะโอเลี้ยงในลาดยาวรีสอร์ท ดิแกรนบางขวาง หรือ คลองเปรมคอนโดเทล จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:57:26

ความคิดเห็นที่ 10 มาสรุปแบบเป็นตรรกะเป็นวิชากามวิชาการหน่อยๆดีกว่า ... ก่อนเราจะบอกว่าอะไรมันจะหมดนั้น เราต้องรู้ก่อนว่า 1. จริงๆแล้วไอ้ที่มันจะหมดน่ะ มันมีอยู่เท่าไร โอ้ .. พระเจ้าจอร์จ ใครจะไปรู้ (ว่ะ) เรายังไม่ได้สำรวจทั่วทั้งโลกเลย (เสียงรำพังตามสายลมของเหล่านักเจาะเปลือกโลก) 2. ระหว่างที่ใช้ไป ... ไอ้ที่มันจะหมดน่ะ มันไม่ทะลึ่งเพิ่มขึ้นมานะ คำว่าเพิ่มมีได้ 2 ความหมาย ... 2.1 เกิดขึ้นมาเพิ่ม ข้อนี้โดนตีตกไป เพราะตามทฤษฎีการเกิดปิโตรฯที่แพร่หลายและยอมรับกันในปัจจุบัน บอกว่าปิโตรฯใช้เวลานานนนนนนนนมากกกกกกกกกในการเกิดแต่ล่ะติ๋งๆ (เสียงหยดน่ะครับ) ... 2.2 สำรวจแล้วเจอเพิ่ม อะ อะ อันนี้เป็นไปได้ ตามที่ยกตัวอย่างไว้แล้ว จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:57:57

ความคิดเห็นที่ 11 และ 3. ไอ้คำว่า "หมด" น่ะมันหมดแบบไหน ... 3.1 หมดจริงๆนะโว้ย (Intrinsically and physically finish - บัญญัติเอง อย่าเอาไปอ้างอิงนะครับ) คือไม่เหลือจริงๆสักหยด เป็นการหมดในอุดมคติ ... 3.2 หมดเท่าที่รู้ว่ามี (apparently finish - บัญญัติเองอีก) คือ ก็ตูรู้ว่ามีแค่นี้นี่นา มันก็หมดเท่าที่ตูรู้ว่ามันมี - ยกเว้นแกล้งโง่ (โดยคนที่คุณก็รู้ว่าใคร) ... 3.3 หมดเท่าที่มีปัญญาเอาขึ้นมาได้ (technically finish  - บัญญัติเอง) ก็ภูมิปัญญาความสามารถและเทคโนโลยีตูมีแค่นี้นี่หว่า ข้อนี้คนที่เกิดมาทันใช้ซิงเกิ้ลบอร์ดแซด80 (single board Z80) หรือ ทันได้ถือแผ่น floppy disk 9 นิ้ว (ไม่ได้พิมพ์ผิดครับ เก้านิ้วจริงๆ) เดินโชว์สาว (นึกว่าเท่) ว่าตู(มีปัญญา)เรียนคอมฯ คนรุ่นนั้นจะเข้าใจข้อนี้ดี ประมาณไอเดียซอฟแวร์บรรเจิด แต่พอไปดูฮาร์แวร์ ต้องรอไปอีก 10 กว่าปี ซอฟแวร์ที่ฝันถึงจะเป็นจริง ... เหมือนกันครับ รู้ๆอยู่ว่ามีน้ำมันเหลือตรงนั้นตรงนี้ แต่ไม่มีเทคโนโลยี ไม่มีปัญญาเอาขึ้นมา ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ เหมือนหมาเห็นปลากระป๋อง (เหมือนผมเห่า เอ๊ย เห็น ศรีริต้า เจนเซ่น) ... 3.4 หมดเท่าที่เอาขึ้นมาแล้วคุ้ม (economically finish - บัญญัติเองอีก) คือลงทุนเอาขึ้นมาแล้วขาดทุน ขายไม่ได้ ก็ไม่เอาขึ้นมาก็แปลว่าหมดแล้ว โดยปกติแล้วจำนวนปีของ 3.4 น้อยกว่า 3.3 น้อยกว่า 3.2 น้อยกว่า 3.1 (คิดเอาเอง อย่าเอาไปอ้างอิงนะครับ) แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 52 21:59:35 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 21:58:47

ความคิดเห็นที่ 12 ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้น ปริมาณปิโตรฯสำรองในทางวิชาการมันมีตั้ง 8 ประเภท ขึ้นกับว่าใครจะเอาเลขตัวไหนมาถกขนหน้าแข้ง (แล้วเอามาแยงจมูก ... ยี้) เถียงกัน 1. ปริมาณสำรองยังไม่ได้พิสูจน์ (Unproved Reserve) ... 1.1 ปริมาณสำรองที่น่าจะพบ (Possible Reserve) ... 1.2 ปริมาณสำรองที่คาดว่าจะพบ (Probable Reserve) ... อย่าถามผมนะว่าไอ้ 2 ตัวนี้ต่างกันยังไง .. สารภาพว่า "ไม่รู้กั๊บ" (จำมาไม่หมด โทษทีเพื่อนพ้อง) 2. ปริมาณสำรองพิสูจน์แล้ว (Proved Reserve) ... 2.1 ปริมาณสำรองพิสูจน์แล้วแต่รอการพัฒนา (Proved Undeveloped) ... 2.2 ปริมาณสำรองพิสูจน์และพัฒนาแล้ว (Proved Developed) ... 2.3 ปริมาณสำรองที่พัฒนาแล้วแต่ยังไม่ผลิต (Proved Developed Non Producing) ... 2.4 ปริมาณสำรองที่พัฒนาแล้วและกำลังผลิต (Proved Developed Producing) (อ้างอิงจาก http://www.energy.go.th/MOEN/KnowledgeDetail.aspx?id=77 อันนี้เอาไปอ้างอิงได้ เพราะที่มาเป็นของกรมพลังงาน ไม่ใช่ของผม เอิ๊กๆ) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:00:22

ความคิดเห็นที่ 14 ขั้นที่ 1 ปริมาณสำรองยังไม่ได้พิสูจน์ (Unproved Reserve) นั้น ใช้เทคโนโลยีทางอากาศ (ดาวเทียม - image) และ เทคโนโลยีทางผิวดิน (Seismic - คลื่นเสียงสั่นสะเทือน) และ ความรู้ทางธรณี ธรณีฟิสิกส์ (survey ฯลฯ) ฮวงจุ๊ย โหง้วเฮ้ง (คนสำรวจ .. ฮ่า) การคำนวน ฯลฯ ขั้นที่ 2 ปริมาณสำรองพิสูจน์แล้ว (Proved Reserve) ต้องมีการขุดเปลือกโลกลงไปจริงๆ ดูดจ๊วบๆขึ้นมา แล้วก็ทดสอบและผลิตถึงจะจัดพวกได้ว่าเป็นแบบไหนจาก 2.1 - 2.4 เห็นป่ะครับ แค่นี้ก็เจ้าเข้าของขึ้นตาลายเก๊ากำเริบแล้ว คราวนี้เวลาที่เราๆท่านๆเสพยาอี เอ๊ย เสพสื่อดูข่าวจากสำนักไทยชื่อเทศ สำนักเทศชื่อไทย (หรือนักการเมือง) ก็พึงกระตุกบริหารต่อมสงสัยไว้หน่อยว่า สื่อหมายถึงข้อไหนใน 6 ข้อ จ้างเราๆท่านๆ (และผมด้วย) ก็ไม่มีวันรู้ เพราะสื่อมักจะบอกด้วนๆว่า "ปริมาณสำรอง" ... ฮ่วย มันก็ขึ้นกับว่าเขาอยากให้โทนข่าวเขาออกไปในแนวไหน เขาก็เลือกตัวเลขที่เอื้อกับเนื้อข่าวมาใช้นั่นแหละครับ ถ้าเป็นท่านนัก(รัปทาน)การเมืองก็ให้เอื้อกับจุดซ่อนเร้น เอ๊ย วาระซ่อนเร้นของท่าน ประมาณว่า พูดอีกก็ถูกอีกนั่นแหละครับ (คนฟังเจือกกินแกลบตามตูไม่ทันเอง อิอิ) แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 07:57:53 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:01:33

ความคิดเห็นที่ 15 ท่านๆอาจจะว่ากระพ้มเป็นศรีธนชัย เพราะอัตราการสำรวจเจอเพิ่มมันก็มี (discovery rate) ของเก่ามันก็ทะยอยหมดไป (depletion rate) แล้วไอ้ที่เราใช้ไป อัตราการใช้มันก็เพิ่มทุกปี (consumption rate) ไหนจะต้นทุนการเอาดูดจ๊วบๆขึ้นมาก็เพิ่มขึ้น (exploration, development and production cost) และ ฯลฯ ไม่เห็นมีอะไรคงที่สักอย่าง จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:02:20

ความคิดเห็นที่ 16 แล้วอีกกี่ปีน้ำมันจะหมดโลก? ... ตอบอย่างที่ผมตอบตะกี้มันก็มั่วนุ่มนะซิย่ะหล่อน (มั่วนุ่มจะมั่วกว่ามั่วนิ่มครับ ... ปล. ผมบัญญัติเอง)... ครับกระพ้ม ยอมรับโดยดีและโดยดุษฎีว่าไม่ถูกต้องนัก ถ้าผมรู้แม่นๆ ผมก็เป็นเศรษฐีไปแล้วซิครับ แค่ขายข้อมูลให้รัฐ คอยดักซื้อ ดักขายหุ้น ก็รวยเละ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครรู้จริงรู้กันจั๊งๆหรอกครับ มีแต่ใช้ตัวแบบทางคณิตศาสตร์ทำนายกัน (เดาแบบมีหลักการนั่นแหละ) ตัวแบบทางคณิตศาสตร์ที่ใช้เดากันที่ขึ้นชื่อๆก็ มอนติคาโร (Monte Carlo method) คือ ข้อมูลที่ใช้ขาเข้าทุกตัวเป็นตัวแบบความน่าจะเป็น (probability function) เอามาบวกลบคูณหารต้มยำทำแกงอะไรก็ว่าไป ผลออกมามันก็เป็นฟังก์ชั่นของความน่าจะเป็น ถ้าอยากรู้ว่าผลที่ได้เป็นเท่าไรก็เสกลูกกรอก เอ๊ย ค่าสุ่มๆหลายๆตัว (random) หรือ ใส่เป็นฟังก์ชั่นค่าสุ่มลงไปเลย เสร็จแล้ว กดแป้น enter แล้วพากิ๊กไปดึกดึ๊ยที่พัทยาสัก 2-3 คืน ค่อยมาดูผล (ถ้าคุณใช้เครื่องคอมฯสเปกตลาดๆนะ ฮ่า) - ปล. ผมเล่าแบบบ้านๆนะครับ ให้คนที่รู้คณิตศาสตร์แบบบ้านๆพอเห็นภาพ อาจจะไม่ตรงตามวิชาการนักแต่เชื่อว่าใกล้เคียงเอาเรื่องอยู่ ถ้าท่านผู้รู้(จริง) จะช่วยขยายความก็นับว่าเป็นเกียรติครับ ดังนั้นพวกนักวิเคราะห์ทั้งหลายและทั้งพวกที่(ใครก็ไม่รู้สถาปนาว่า)เป็นg ูรู เวลาออกมา(จากรู)พูดออกมาวิเคราะห์ ขอให้ฟังหูไว้ 2-3 หูเลยทีเดียว (ฟังหูไว้หูเดียว ไม่พอ ฮ่าๆ) (ถ้าจะว่ากันตามชื่อหัวข้อกระทู้ ก็คงจะจบตรงนี้แล้วล่ะครับ ที่เหลือเป็นของแถมเรื่อยเปื่อยแล้ว อาจจะยากไปนิดก็คลิ๊กๆ scroll ๆ ข้ามๆไปก็ได้ครับ) แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 06:53:26 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:02:53

ความคิดเห็นที่ 17 ไหนๆก็พูดถึงเรื่องปริมาณสำรองแล้ว จะจากกันโดยไม่คลายข้อสงสัยสักนิดว่าเขาประมาณปริมาณสำรองปิโตรฯกันอย่างไร ก็เหมือนมีเมียแล้วไม่กล้ามีกิ๊กเนอะ(เกี่ยวกันตรงไหนหว่า) ผมก็เคยสงสัยมาก่อน พอได้ว่าง(หนีเมีย)ไปนั่งเรียนป.โท (แบบไม่เอาปริญญา) จึงได้ถึงบางอ้อว่ามันยากจริงๆ มาดูกันว่ายากแค่ไหนยังไง แต่ผมจะพยายามทำให้มันดูง่ายที่สุดก็แล้วกัน ก่อนอื่น มาดูนิยามของคำว่าปริมาณสำรองก่อน ... ที่นี่เซียนกันทุกคน ผมขออนุญาตไม่แปลนะครับ (จริงๆกลัวหน้าแตก แปลผิด ฮ่าๆ) แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 52 22:29:44 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:03:29

ความคิดเห็นที่ 18 วิธีที่ว่าเนี้ยเขาเรียกว่า volume metric ผมแปลของผมเองว่า วิธี "กว้างคูณยาวคูณสูง" ... หมูซะไม่มี จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:04:09

ความคิดเห็นที่ 19 คืองี้ครับ พอขุดหลุมสำรวจลงไปแล้ว หย่อนเครื่องมือลงไปสำรวจ พบว่ามีชั้นหินที่มีปิโตรฯอยู่หนาสัก h เมตร จากการขุดหลายๆหลุมอย่างมีหลักการก็สามารถประมาณได้ว่าไอ้ชั้นหินนั้นๆแผ่ขยายเป็นรูปทรงอย่างไร กินอาณาเขตพื้นที่เท่าไร อะ อะ สมมุติว่ากินอาณาเขา A ตารางเมตร แสดงว่ามีปริมาตร(volumn)ชั้นหินที่มีปิโตรฯอยู่ = A x h ... ทดตัวเลขนี้ไว้ก่อน (เอาปากกาจดไว้บนท้องน้อยกิ๊กคนที่ 1) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:04:49

ความคิดเห็นที่ 21 มาว่ากันต่อ ... สมมุติ(อีกแล้ว)ว่า ชั้นหินที่ว่า 1x1x1 เมตร (ลูกเต๋า) มีช่องว่าง (porosity) อยู่ phi % เช่น phi = 20% แปลว่าเป็นเนื้อหิน 80 ส่วน เป็นช่องว่าง 20 ส่วน (โดยปริมาตร) แล้วจะไปตรัสรู้ได้ไงว่า phi มันเท่าไร อะฮ่า กระทุ้งพุงกะทิเพื่อนรักเราซิครับ นักธรณีซิฟิลิส เอ๊ย นักธรณีฟิสิกส์ มีคำตอบ ก็เอามาจากเครื่องมือวัดที่หย่อนลงไปในหลุม (wireline) นั่นไงครับ ส่วนเครื่องมือมันทำงานยังไง ธุระไม่ใช่ เอ๊ย เอาไว้วันหลังจะเอามาแฉทีล่ะตัวๆ ดังนั้น ปริมาตรช่องว่างในชั้นหิน = A x h x phi ... ทดตัวเลขนี้ไว้ก่อน (เอา Ax h ที่ทดไว้บนท้องน้อยกิ๊กคนก่อนมาไง ... คูณด้วย phi เสร็จแล้ว ทดต่อไว้ที่ตะโพกอวบๆเนียนๆของกิ๊กคนที่สอง) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:06:08

ความคิดเห็นที่ 22 โดยธรรมชาติแล้ว ในช่องว่างมันไม่เป็นสูญญากาศหรอกครับ มันต้องมีอะไรสักอย่างน้อย 1 อย่างใน 3 อย่างนี้ คือ น้ำมัน ก๊าซ และ น้ำ อาจจะมี 2 อย่าง หรือ 3 อย่างครบเลยก็ได้ ส่วนจะปนเปแบบแยกชั้นหรือขลุกขลิกๆแบบก๋วยเตี๋ยวกึ่งแห้งกึ่งน้ำ นั่นเป็นศาสตร์ชั้นสูง เกินบริบทกระทู้ครับ ... เอาล่ะ เพื่อความง่าย(ของผมที่จะอธิบายต่อ) สมมุติว่าในช่องว่างนี้มี น้ำกับน้ำมัน แค่สองอย่าง และ แยกกันอยู่แยกเตียงนอนกันอย่างชัดเจน โดยมีอัตราส่วน "น้ำ" ต่อช่องว่างทั้งหมด = Sw (water saturation) หน่วยเป็น % ดังนั้น อัตราส่วน "น้ำมัน" ต่อช่องว่างทั้งหมด = 1-Sw หน่วยเป็น % อีกเหมือนเดิม ตั้งชื่อใหม่ให้ว่า So (Oil saturation) (อ้าว แล้ว Sw นี่ใครเสกมันขึ้นมาล่ะ เพื่อนเรานักธรณีฟิสิกส์เจ้าประจำครับ ส่งเครื่องมือ (wireline) ลงไปสำรวจตามเคย ส่วนเครื่องมือมันทำงานยังไง ธุระไม่ใช่ เอ๊ย เอาไว้วันหลังจะเอามาแฉต่อจาก Phi ตัวข้างบน) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:06:36

ความคิดเห็นที่ 23 อะ ฮ่า ... อะ ฮ่า ... งั้นหมูๆอู๊ดๆแล้วซิครับ ใครมีกล้วยมั่ง จะปอกเข้าปากให้ดู อิอิ ปริมาตรน้ำมันในชั้นหินก็ = A x h x phi x So ชิวๆ ไชโยๆ ... ตอนผมรู้ความลับนี้ครั้งแรก ผมอุทานออกมาว่า อะไรมันเบสิกจะขนาดนี้(ว่ะ) (เอา A x h x phi ที่ทดไว้ตะกี้ที่ตะโพกกิ๊กคนที่สอง เอามาคูณกับ So ก็เป็นอันเสร็จพิธี ไม่ต้องไปไปทดที่ไหนต่อ แต่จะจดไว้ที่ถุงกาแฟแม่อีหนูที่บ้านก็ได้ ไม่ว่ากัน เอิ๊กๆ) ดูซิกว่าจะเจอะน้ำมัน มอมไปเลย .... จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:07:05

ความคิดเห็นที่ 24 เดี๋ยวๆ ... ช้าก่อนโยม ... เพื่อไม่ให้วิชาชีพของวงการอาตมาโดนดูถูกว่าหมูๆอู๊ดๆ จะของเพิ่มตัวยุ่งลงไปอีก 2 ตัว ... แนะนำตัวแรกก่อนเลย (เพราะมันยุ่งน้อยกว่าตัวที่สอง) เราเรียกมันว่า FVF (formation volume factor) สุดปัญญาทึ่มๆของผมจะแปลให้ได้ความหมาย เอาเป็นว่า น้ำมันที่อุณหภูมิและความดันสูงที่ใต้ดิน พอเอาขึ้นมาบนอุณหภูมิและความดันบนผิวดินแล้ว จะเกิดเหตุการณ์ 2 อย่างนี้ขึ้น 1. ก๊าซที่ละลายอยู่ข้างในน้ำมันมันก็กลายเป็นไอออกมา(เหมือนฟองก๊าซออกมาจากเบียร์ตอนเปิดกระป๋องกินตอนรอเด็กมาเก็บค่าห้องนั่นแหละครับ) ปริมาณน้ำมันมันก็ลดลง และ 2. น้ำมัน(ด้วยตัวมันเอง) หดตัวลง เนื่องจากอุณหภูมิและความดันที่ลดลง ตามกฏ P1V1/T1 = P2V2/T2 (เอ้า ตัวใครตัวมัน นิมนต์ท่านพระครูเทอร์โมไดนามวยมาเข้าฝันเร็วเข้า) เช่น น้ำมันปริมาตร 125 หน่วยที่ใต้ดิน พอเอาขึ้นมาบนดินแล้วมีปริมาณแค่ 100 หน่วย FVF = 125/100 = 1.25 อย่าถามผมนะว่าทำไมไม่เป็น 100/125 = 0.8 คำตอบคือไม่รู้ว่ะ ไม่ได้เป็นคนต้นคิด (นี่หว่า) แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 52 22:33:16 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:07:43

ความคิดเห็นที่ 25 คราวนี้ปริมาณน้ำมันในชั้นหินที่เอาขึ้นมาบนผิวโลกแล้วก็เท่ากับ A x h x phi x So / FVF (แต่เดาได้ว่าจะเป็น 0.8 ก็ได้ แต่ต้องเอาไปคูณ ไม่ได้เอาไปหาร ฮ่าๆ) ถามว่า ไปเอา ค่า FVF มาจากไหน ก็เพื่อนเก่าเราอีก นักธรณีฟิสิกส์ ส่งเครื่องมือ (wireline เจ้าเก่า) ลงไปเก็บตัวอย่างน้ำมันขึ้นมา หรือ เปิดปากหลุมเก็บตัวอย่างมาขณะทดสอบกำลังการผลิต (well testing) แล้วเอาตัวอย่างน้ำมันที่ว่าไปเข้าห้องทดลอง ใส่ความร้อนอัดความดันเข้าไปให้เท่ากับที่ใต้พื้นโลก วัดปริมาตร ทดเลขไว้ (A) แล้วก็ปล่อยอุณหภูมิและความดันลงให้เย็นลงจนถึงอุณหภูมิและความดันห้อง วัดปริมาตรอีกที ทดเลขไว้ (B) ... FVF ก็ = A/B ชิวๆ ... ถามอีกซิว่า แล้วจะรู้ความดันและอุณหภูมิในชั้นหินจุดที่เก็บตัวอย่างได้ไง ตอบทื่อๆก็ หย่อนเครื่องมือลงหลุม (wireline) วัดเอา(ซิโว้ย) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:08:22

ความคิดเห็นที่ 27 ตัวยุ่งตัวต่อไป เขาตั้งชื่อให้ว่า RF ไม่ใช่ radio frequency นะครับ หมายถึง Rocovery Factor หมายความว่า มีน้ำมันปริมาตร 100 หน่วย มีปัญญาเอาขึ้นมาได้เท่าไร ค่า RF เป็นตัวเลขเศษส่วนน้อยกว่า 1 ครับ เช่น มี 100 หน่วย เอาขึ้นมาได้แค่ 20 หน่วย ค่านี้ตรัสรู้ได้ไง แล้วขึ้นกับอะไรบ้าง  ... งานนี้หันไปพึ่งเพื่อนกันที่เป็นซิฟิสิส เอ๊ย นักธรณีฟิสิกส์ไม่ได้ ตะแกส่ายหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ตอบ ... นั่งเทียนเอา เอ๊ย ขึ้นกับประสบการณ์ และ ประวัติการผลิต ครับ เช่นมันขึ้นกับ กลไกในการขับปิโตรฯขึ้นมา (Drive mechanism - ยุ่งชมัดเรื่องนี้ ช่างหัวมันไปก่อน) ชนิดของหินที่กักเก็บ (Reservoir type - ประสาทรัปทานพอกัน) คุณสมบัติของของเหลวในชั้นหิน (fluid properties - เรียนจนหัวหงอกก็ไม่จบ) แผนการพัฒนาแหล่งและผลิต (development and production plan - ถลุงผลิตเร็วมันก็ออกมาได้น้อย ทำนองเปิดก๊อกช้าๆมันก็ไหลได้นานๆนั่นแหละครับ) และ สภาพเศรษฐกิจ + นโยบายรัฐ แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 14:35:10 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:09:56

ความคิดเห็นที่ 28 เอ้า จบเสียที คราวนี้ปริมาณสำรอง(แบบหนึ่งที่ใช้กัน) = A x h x phi x So x Rf / FVF ว้าว มีตั้ง 6 ตัวแปร ดูไฮเทค ดูขลัง ขึ้นไหมครับ (จะได้เลิกโดนดูถูกวิชาชีพผมซะที อิอิ) ไอ้ 6 ตัวแปลนี่เป็นตัวแปลตามของอีกไม่รู้กี่สิบตัวแปลต้น ลองคิดดูนะครับว่า เอาตัวแปลต้นทั้งหมด เปลี่ยนเป็นฟังก์ชั่นความน่าจะเป็น แล้วใช้ ตัวแบบ มอนติคาโร (Monte Carlo method) ที่ว่าไว้ตอนต้น ... โอ้ พระเจ้าจอร์จ ... ซี๊ดบึ้ม ... ดูหรูหราไฮโซไฮซ้อขึ้นมาทันที จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:10:56

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้าจะจบตรงนี้โดยไม่ยกตัวอย่างเป็นน้ำสุกี้น้ำสลัด เอ๊ย น้ำจิ้ม สักหน่อย จะไม่เห็นภาพความอลังการ มาสมมุติกันดีกว่า บ้านคุณกี่ตรว.ไม่รู้ แต่บ้านผม 50 ตรว. ถ้า 1 วา ราวๆ 2 เมตร งั้น 50 ตรว.ก็ 200 ตรม. เนอะ (2 x 2 x 50) เอาเลขกลมๆว่า ใต้ถุนบ้านผมที่มีชั้นหินที่มีน้ำมันหนาเมตรเดียวพอ ... ปริมาตรหินก็ 200 ลบ.ม. กะว่าใน 200 ลบ.ม. มีที่ว่าง (porosity - phi) แบบเหนียมๆสัก 10% ดังนั้นมีที่ว่างทั้งหมด 200 x 10% = 20 ลบ.ม. เอาว่าในที่ว่างนั่นน่ะ เป็นน้ำซะ 40 น้ำมัน 60 งั้น So (Oil satuartion) ก็ 60% งั้นก็มีน้ำมันอยู่ใต้ถุนบ้านผมราวๆ 20 x 60% = 12 ลบ.ม. นั่งเทียนเข้าทรงได้ FVF formation volume factor ราวๆ 1.1 (อยู่ใต้ดิน 110 ลบ.ม. ดูดเอาขึ้นมาบนดินเหลือ 100 ลบ.ม.) ผีพรายกระซิบ RF Recovery Factor ว่าราวๆ 0.7 (ดูดให้ตายก็ดูดไม่เกลี้ยง มีใต้ดิน 100 ลบ.ม. ดูดสุดๆได้ขึ้นมาแค่ 70 ลบ.ม.) ตกลงผมเอาขึ้นมาจากใต้ถุนบ้าน เอามาใส่โอ่งได้ 12 x 0.7 / 1.10 = 7.6 ลบ.ม. จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:11:24

ความคิดเห็นที่ 30 ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอดูราคาน้ำมันหน่อย ... ดูซิว่าจะพอให้ทุนนักศึกษาฝึกงาน(สาว)ปี3ได้กี่คน WTI (West Texas Intermediate) ตกราวๆบาเรลล่ะ 81 เหรียญ ... เอาว่าเหรียญล่ะ 33 บาทล่ะกัน สมมุติว่าน้ำมันในโอ่งผม 7.6 ลบ.ม. เกรดดีได้มาตราฐาน WTI ก็มีค่าราวๆ (7.6 x 6.29) x 81 x 33 = 127,780 บาท (1 ลบ.ม. = 6.29 บาเรล) ว้าว ... เงินแสนชิวๆ จากที่แค่ 50 ตรว. ชั้นหินหนาแค่ 1 เมตร จริงๆมันไม่ง่ายแบบนี้นะครับ ผมสมมุติให้เข้าใจในหลักการเท่านั้น ถ้าเป็นก๊าซแบบอ่าวไทยเราการคำนวนก็จะซับซ้อนขึ้นไปอีก เพราะก๊าซมันดิ้นได้เยอะ (compressible) ปล.  รู้สึกว่ากฏหมายบ้านเราไม่เอาด้วยกับข้อสมมติที่ว่าน้ำมันใต้ถุนบ้านผมเป็นของผมนะครับ กฏหมายบ้านเราให้สิทธิ์บนและใต้โฉนดที่ดิน แต่ไม่รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติ และ สิทธิอย่างอื่น เช่น ใครมาขุดอุโมงค์รถไฟใต้ดินผ่านใต้โฉนดผมก็ไม่ต้องมาขออนุญาตผม ดังนั้นผมเก็บค่าต่งหรือเก็บค่าผ่านทางไม่ได้ หรือ ถ้ามีอุกกาบาตทองคำฝังเพชรหล่นปุ๊ลงมาหลังบ้านผม ก็ไม่ใช่ของผม (ยกเว้นผมไม่แจ้งกรมทรัพย์ฯ) เอาตัวอย่างไม่เว่อร์ก็ได้ ง่ายๆก็เครื่องบินผ่านหลังคาบ้านผม ผมก็เก็บค่าผ่านน่านฟ้าหลังคาบ้านผมไม่ได้ ... ถ้าผมเข้าใจผิดรบกวนแก้ไขด้วยครับ) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:11:50

ความคิดเห็นที่ 31 กลับมาที่ตัวอย่างเราต่อ ... ตีเป็นเลขกลมๆดีกว่า 50 ตรว. (200 ตรม.) ชั้นหินหนา 1 เมตร มีน้ำมันราคาราวๆ 130,000 บาท ชั้นหินที่มีน้ำมันในแหล่งหนึ่งๆ ปกติมันก็หนาตั้งแต่ไม่กี่เมตร ไปยัน เป็นร้อยๆเมตร พื้นที่คลุมกันว่าเป็นสิบๆตารางกิโลเมตร ดีดลูกคิดเอาก็แล้วกันพระเดชพระคุณ ดังนั้นหมู่เกาะบางหมู่เกาะที่ พี่ยุ่น พี่ตี๋ใหญ่ และ พี่โสมขาว โสมแดง ชักกะเย่อ โซ้ยกันไม่เลิก (ทั้งๆที่ขึ้นเครื่องบินดูแล้วมีแต่ขี้กับรังนกนางนวล) เหตุหนึ่งก็อีตรงนี้นี่แหละ ว่าแล้วก็นึกถึง ประเทศสารขัณฑ์ ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ไปเจรจากับเพื่อนบ้านรั้วติดกัน (ไม่ว่าทิศไหน) งอมพระรามกลับมาทุกที ไอ้ที่งอมพระรามน่ะ ผลประโยชน์ของประเทศน่ะที่งอม ส่วนท่านผู้หลักผู้ใหญ่กลับมาทีไร เห็นท่านพ่วงพีผิวขาวกระจ่างใสแถมอมชมพูระเรื่อๆ ให้แม่อีหนูอิจฉาทุกที (ฮ่า) ... ตอนออกมาให้ข่าวก็บอกว่า เราต้องคำนึงถึงผลประโยชน์โดยรวมของประเทศในทุกๆด้านเป็นสำคัญ (โดยเฉพาะเน้นด้านที่ตูถือหุ้นอยู่) ... ฮ่วย อ้าว ... นอกเรื่องอีกแล้ว ขอโทษอีกที อดไม่ได้จริงๆ คันริดสีดวง เอ๊ย คันปาก (ในฐานะที่รู้เบื้องหลังการถ่ายทำ) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:12:21

ความคิดเห็นที่ 32 แถมมันยุ่งอีรุงตุงนังอีตรงที่ 1. เจาะลงไปดูดตรงนี้ จะว่าของฉันมันก็ใช่ แต่มันดันเป็นแอ่งชั้นเดียวกับของเพื่อนบ้านรั้วติดกัน เอ็งดูดเร็วกว่าข้า ข้าดูดเร็วกว่าเอ็ง หลักธรรมชาติมันอยู่ที่ว่า ถ้าดูดเร็วจะดูดขึ้นมารวมๆแล้วได้น้อย พูดง่ายๆ ดูดเร็วได้น้อย ดูดช้าได้เยอะ ทำนอง ช้าๆได้พร้าเล่มงาม แต่คราวนี้มันดันเป็นแหล่งเดียวกัน ขืนช้าๆได้พร้าเล่มงาม ไอ้รั้วข้างๆติดกันมันก็ดูดเอาไปหมด มิหน่ำซ้ำดูดเร็วไว้ก่อน ตัวเลขสมัยตูดูดี มันจะหมดเร็วก็ช่าง ป่านนั้นตูก็ไปนั่งเก้าอี้ตัวอื่นแล้ว คำว่า ยั่งยืน (sustainability) ไม่เคยมีในพจนานุกรมของคนพวกนี้ เหมือนยอดปล่อยสินเชื่อเข้าเป้า แต่กว่าจะเห็นเป็นยอดหนี้เสียก็ตูก็ไปนั่งเป็นซีอีโอบ.อื่นแล้ว ทำนองนั้น (ไม่เหมือนทีเดียวแต่คล้ายกัน) 2. ถ้าติดตามกระทู้เก่าของผม จะพอทราบเลาๆว่า ด้วยเทคโนฯปัจจุบัน เราสามารถขุดหลุมเอียง หรือ แม้กระทั่งหลุมในแนวนอนได้ ดังนั้นการแอบดอดไปสะด๊วบจากใต้ถุนบ้านข้างเคียง ไม่ใช่เรื่องเกินจิตนาการแบบสตาร์แทรค ถ้าเราไปจ๊วบๆเขาได้ เขาก็มาจ๊วบๆเราได้เหมือนกัน จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:12:53

ความคิดเห็นที่ 33 อดไม่ได้ที่ต้องขยายความที่ว่า "ดูดเร็วได้น้อย ดูดช้าได้เยอะ" ครับ เพราะตอนยังละอ่อน ผมเคยเข้าใจผิดว่า ดูดเร็วดูดช้าน่าจะได้รวมสุทธิเท่ากัน เพราะน้ำมันมันก็อยู่ในแหล่งเดียวกัน ความดันสุทธิ(พลังขับ) มันก็เท่ากัน เรื่องของเรื่องมันเป็นจั๊งซี่ (ดูรูปประกอบ ดูเฉพาะรูปที่เป็นหลุมผลิต - producer well แล้วก็ทำเป็นมองไม่เห็นหลุมแบบอื่นซะ เดี๋ยวงง) ท่อกรุเหล็กที่เราร้อยลงไปนั้น ผ่านทั้งชั้นก๊าซ น้ำมัน และ น้ำ โดยมีชั้นหินที่แน่นปั๊กไม่มีความพรุน (near zero porosity) กักไว้บนสุด ตามด้วยชั้นก๊าซ น้ำมันอยู่ตรงกลาง น้ำอยู่ก้นบ่อ (เพราะก๊าซเบากว่าน้ำมัน น้ำมันเบากว่าน้ำ - โทษทีที่ต้องละเอียดนิดนึง เพราะพื้นฐานผู้อ่านไม่เท่ากัน ขอปูพื้นหน่อย) แล้วเราก็เจาะรูท่อกรุตรงชั้นน้ำมัน "ค่อยๆ" ลดความดันในท่อกรุลง(ลดยังไง แปะเอาไว้ก่อน) ก๊าซที่อยู่ข้างบนมันก็"ค่อยๆ" ขยายตัวบี้อัดน้ำมันให้เข้าไปในรูข้างท่อกรุ (gas drive) ส่วนน้ำข้างล่างซึ่งก็มีความดันของมันเอง(จากนน.หินที่กดลงมา) ก็ "ค่อยๆ" บี้อัดดันน้ำมันจากข้างล่าง (aquifer drive) น้ำมันก็จะ "ค่อยๆ" โดนรีดออกมาอย่างหมดจด จริงๆไม่หมดเสียทีเดียว เหลือค้างอยู่ที่ผลิตไม่ได้จริงๆไม่ว่าวิธีไหน เรียกว่า residual oil -- สังเกตุว่าผมเน้นคำว่า "ค่อยๆ" จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:13:20

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าวิศวกรตัวเล็กๆโดนสั่งจากเบื้องบน (คนที่คุณก็รู้ว่าใคร) ว่าเอาน้ำมันออกมาเร็วๆ"นะโว้ย" เพื่อไม่ให้ตกงาน เขาก็จะลดความดันในท่ออย่างเร็ว จะเกิดอะไรขึ้น ... ก๊าซหนืด(vicosity)น้อยกว่าน้ำ น้ำหนืดน้อยกว่าน้ำมัน ทั้งก๊าซและน้ำก็แย่งกันไหล แทรกน้ำมันเข้ามาในท่อกรุ (water cut / gas cut) ช่วงแรกๆน้ำมันรอบๆท่อกรุจะทะลักออกมาเร็วมาก (เสร็จสมอารมณ์หมายใครผู้นั้น) ดัชนีการผลิตพุ่งปรี๊ดๆ พอผ่านไปสักพัก(สักพักนั้นนานแค่ไหนก็เป็นเรื่องที่คำนวนได้ทางวิชาการ แต่ขอล่ะไว้ เกินบริบทกระทู้) ทั้งน้ำ ทั้งก๊าซมันก็ตัดผ่านทางที่น้ำมันเคยผ่าน โผล่มาในท่อแทน อ้าว แล้วลดความดันลง ภาพมันไม่กลับไปแบบเดิม คือ น้ำมันจะทะยอยกลับมาหรือ? ไม่หรอกครับ พอน้ำ หรือ ก๊าซ มันตัดผ่านออกมาแล้ว มันจะล้างชั้นหินที่เคยเป็นทางผ่านของน้ำมัน (เปลี่ยนคุณสมบัติของชั้นหินที่เคยเป็นทางผ่านน้ำมัน) ทำให้น้ำมันไม่สามารถเข้าไปแย่งทางผ่านตรงนั้นคืนได้ เนื่องจากคุณสมบัติเชิงกลและเคมีของน้ำมันที่ต่างจากก๊าซและน้ำ (viscosity, suface tension, wetability - ละไว้อีก ไม่อธิบายละเอียด ไม่ได้ดูถูกภูมิปัญญาเพื่อนนะครับ แต่เพราะเกินบริบทกระทู้ครับ) สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ในกรณีที่ความสูญเสียกินอณาเขตไม่กว้างขวางนัก ก็จะเกิดความสูญเสียอย่างถาวรหรือกึ่งฐานถาวรของหลุม  อันนี้ไม่เท่าไร เสียตังค์ย้ายแท่นไปขุดหลุมใหม่ให้ไกลออกจากพื้นที่ที่ถูกทำลายก็ยังพอผลิตต่อได้ แต่ถ้าถูกทำลายกินอณาเขตกว้างหรือแหล่งกักเก็บเล็ก (เช่นของสารขัณฑ์ประเทศ) แหล่งกักเก็บก็จะเสียไปเลยอย่างถาวร (รูปข้างล่างไม่เกี่ยวกับข้อความข้างบน แต่จะให้เห็นว่าเราขุดเลื้อยกันได้ไกลขนาดไหน คุ้นๆว่าที่เลื้อยกันไกลสุดตอนนี้ราวๆ 12 กิโลเมตรแล้วมังครับ) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:13:50

ความคิดเห็นที่ 35 นี่แค่เป็นสาเหตุเดียวนะครับ ยังมีสาเหตุอื่นที่ทำให้แหล่งกักเก็บถูกทำลายอย่างถาวรเนื่องจากการผลิตแบบโลภมาก เช่น แหล่งกักเก็บทรุดพัง คล้ายๆเราเจาะลูกโป่งน่ะครับ แทนที่มันจะค่อยๆแฟบถ้าค่อยๆปล่อยลมออก แต่มันจะทรุดฉีกขาดเป็นชิ้นๆไปเลย (กรณีสุดขั่ว - extreme) หรือเหมือนการลดนน.กระทันหันน่ะครับ เนื้อหนังย่นเหี่ยวเสียรูปไปเลย เพราะร่างกายมันรับไม่ได้ ปรับตัวไม่ทัน หรือไม่ก็เกิดการกร่อนไหลของชั้นหินทราย (sand flow) เนื่องจากการทรุด (collapse) ของแหล่งกักเก็บและจากการไหลของของไหลอย่างเร็วเกินว่าที่โครงสร้างหินจะรับได้ (erosion) ทำให้ทรายมาอุดตัดทางผ่านของน้ำมัน บางกรณีแก้ไขได้ บางกรณีแก้ไขไม่ได้ เจ๊งแล้วเจ๊งเลย นี่ผมนอกเรื่องไปถึงไหนแล้วนี่ ว่าจะไม่แวะเข้าเรื่องนี้แล้วนะ อดไม่ได้จริงๆซิ ผับผ่า จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:14:14

ความคิดเห็นที่ 36 แล้วนี่ก็สถาบันหรือหน่วยงานต่างๆที่กำหนดนิยามปริมาณสำรอง ใครจะอ้างอิงของใคร และมันต่างกันอย่างไร เทียบเคียงกันได้ไหมอย่างไร ก็ว่ากันไป (ตูไม่รู้) มันก็เหมือนสภาบันจัดอันดับ หรือมาตราฐานอื่นๆน่ะครับ เช่น เวทีนางงาม เข็มขัดมวยโลก มาตราฐานทางไฟฟ้า ก่อสร้าง ฯลฯ ที่ต่างคนก็ว่าของตนเองถูกต้องแม่นยำ ... อะนะ ก็ว่ากานปาย (ตูม่ายเกี่ยว) เป็นเรื่องของพวกพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ปิโตรฯ นักการเมือง และ นักฯลฯ จะเลือกใช้มาตราฐานใครเอามาอ้างอิงคำนวนเพื่อซื้อเพื่อขายพื้นที่สัมปทาน หรือเพื่อต่อรองค่าต่ง ค่าน้ำหมึกเซ็นต์ชื่อ ... (ตูขุดลูกเดียว) ม็อตโต สโลแกนผม การเมืองไม่ยุ่ง มุดมุ้ง เอ๊ย การมุ้ง(ดารา)อย่างเดียว (ซ้อเจ็ดจงเจริญ เฮ) เห็นแค่นี้ก็ยังเวียนหัว จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:14:38

ความคิดเห็นที่ 37 จะจากกันโดยไม่มีแผนที่รัปประทาน เอ๊ย แผนที่สัมปทานบ้านเรามาให้ดูเล่นก็ไม่สุดสวิงริงโก้ยังไงอยู่ ความละเอียดที่เอามาโพสต์ในนี้อาจจะจำกัด แต่ถ้าอยากได้แบบละเอียดๆ ขนาดเป้งๆ ติดฝาผนังได้ ดาวโหลดแผนที่ได้ที่นี่ครับ (ฟรี)http://www2.dmf.go.th/petro_focus/images/Concess220509.jpg (กรมเชื้อเพลิง) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:15:03

ความคิดเห็นที่ 38 เอาล่ะครับ ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา ข้องใจสงสัยประการใด ฝากไว้ที่นี่ หรือ อยากรู้อะไรเด็ดๆเผ็ดๆมันๆ เช่น ก๊าซในอ่าวไทยเมื่อไรหมด - ลานควาย เอ๊ยลาดกระบือเรามีอะไรให้ขุด - ต้องเรียนอะไร(หรือไม่ต้องเรียนอะไร ... ฮ่า) ถึงได้ทำงานแบบนี้(แบบที่ไม่ค่อยมีใครอยากจะทำเท่าไร ฮ่าอีก) - บ.ต่างๆในวงการฯแบ่งเป็นกี่ประเภท ทะเลาะกัน เอ๊ยทำงานกันยังไงมั่ง - ตรวจสอบความเหมาะสมและคุณสมบัติเบื้องต้นของคนทำงานนอกชายฝั่ง(แบบฮาๆ) - คำถามที่ถามบ่อย (FAQ) - ข้อที่แม่อีหนูควรระวังถ้าพ่อตัวดีไปทำงานนอกชายฝั่ง - คลิปลับ และ อีกมากมาย ฯลฯ เชิญที่ บล๊อกครับ ... บอกก่อนนะครับ ข้อมูลพวกนี้ - รวมถึงในบล๊อก - เป็นแบบ exclusive and off the record คือเฉพาะเจาะจง และเอาไปอ้างอิงไม่ได้ เอามาเล่าแบบไม่เป็นวิชาการ เล่าแบบจับเข่าคุยตบกระโหลกกัน แบบเพื่อนเล่าให้เพื่อนฟังในวงเมรัยคั่นเวลา(รอนางแบบเปลี่ยนชุด) อะไรประมาณนั้น จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:15:23

ความคิดเห็นที่ 39 และเช่นเคยครับ ... มีผิดพลาด มีตำหนิ ... ขอน้อมรับแต่ผู้เดียว มีประโยชน์ มีคำชม ... ค้อมใส่พานบูชาครู ... โดย อึ่งน้อย(พ่วงพี) ณ.อ่าวไทย จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:15:45

ความคิดเห็นที่ 40 พื้นที่นี้ของจอง เอาไว้แก้ผ้า เอ๊ย แก้ตัว กับ ตอบคำถามครับ - บุคคล อาชีพ และ สถานะ ที่ผมพาดพิงไปถึง เช่น นักการเมือง นางแบบ นักศึกษา ท่านผู้หลักผู้ใหญ่ แม่อีหนู กิ๊ก นักธรณี นักธรณีฟิสิกส์ นักเศรษฐศาสตร์ฯ เด็กเก็บตังค์ค่าห้อง หรือ แม้แต่ ประเทศสารขัณฑ์ นั้น  ผมก็ไม่ได้มีเจตตนาลบหลู่ท่านด้วยเช่นกัน มิได้เจาะจงว่าเป็นท่านใดโดยบริสุทธิ์ใจ แต่ถ้าขุ่นเคืองขัดอารมณ์กันจริงๆ ก็กระทุ้งสีข้างกันมาได้ ยินดีลบออกให้ครับ - สรุปกี่ปีหมด (ความเห็น 51) ... ความเห็นที่ 47 ตอบให้แล้วครับ - "คนที่คุณก็รู้ว่าใคร" ก็ ลอร์ด เวอร์เดอมอร์ (ตัวผู้ร้ายใน แฮรี่พอร์ตเตอร์) ไงครับ (ขืนบอกไปผมก็ย้ายสัมมะโนครัวไป "ลาดยาวคันทรีคลับ" ซิครับ อิอิ) - มุกแป๊ก ... แฮ่ๆ ขอกลับไปบริหารมุกมาใหม่ นะจ๊ะ ยอมรับโดยดี ว่าพักนี้ฝืด - "แว่วๆว่า แถวๆขั้วโลก ยังมีแหล่งน้ำมันสำรองที่หลายประเทศรองาบ" - ถูกต้องคร๊าบบบบ เพราะอย่าลืมว่าเมื่อหลายล้านปีก่อน บกเป็นทะเล ทะเลเป็นบก แผ่นดินแผ่นขั้วโลกก็เคยอยู่ที่เส้นศูนย์สูตร ปะปนมั่วตั้วกันไปหมด ยังมีที่เหลือให้พวกผมทำมาหารัปทานได้อีกเพียบ (อิอิ) ส่วนมหาอำนาจไหน จะงาบได้ตรงไหน ผมไม่เกี่ยง แต่อย่าลืมใช้บริการผมก็แล้วกัน  :) ปล. คิดไม่แพง - ขอบคุณ ความเห็นที่ 53 ครับ ผมเองก็ไม่ทราบกลไกอะไรละเอียดขนาดนั้นเหมือนกันครับ อย่างที่ออกตัวไว้นะครับว่า เรื่องอะไรรวมอะไรไม่รวมยังไงค่อนข้างนอกเหนือความรู้และประสบการณ์ผม ดีครับๆ ช่วยๆกันเสริม สังคมอุดมปัญญา ผมเองก็ใช่ว่ารู้เยอะ แค่ "รู้มาบ้าง" เท่านั้นแหละครับ - ขอบคุณความเห็นที่ 66 ครับ ผมก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า เบื้องหลังการถ่ายทำมันเป็นแบบนี้นี่เอง เพราะว่าผมคิดดุ่ยๆแบบวิศวกร แบบคณิตศาสตร์ ว่ามันก็เหมือนกันนี่หว่า อืม จริงๆอย่างที่คุณว่านั่นแหละ มันคิดกลับกันจริงๆ  ... ตาสว่างแล้วจ้า ... :) - ขอบคุณ คุณซีวิว ครับ (ท่าจะเป็นตัวจริงจากวงการพลังงาน) ดีครับ ผมก็แค่ได้ยินมาบ้าง ฟังผู้หลักผู้ใหญ่บ่น (นินทากันเอง ฮา) ในสนามกอล์ฟ อะไรพวกนี้มากกว่าจะเป็นวิชาการ ก็ได้แต่จุดประกายเอาไว้เล็กๆ ให้ผู้รู้จริงมาช่วยๆกันเติมช่วยกันต่อยอดกันไป - #67, #68 ขอบคุณครับสำหรับความคิดเห็น ยินดีนำไปปรับปรุงในโอกาสต่อไปครับ :) แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 11:00:43 แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 10:03:14 แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 23:00:41 แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 15:59:33 แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 15:54:51 แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 14:23:35 แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 06:46:52 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:16:18

ความคิดเห็นที่ 41 ติดตามครับ รูปประกอบจะ .....ไปไหน จากคุณ : ปัจเอนก เจกชน เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:17:00

ความคิดเห็นที่ 42 ผมเ้ข้ามาเพราะจำได้ว่า คุณคนนี้ที่ตั้งกระทู้ ชอบโพสรูปน่าดู ไม่ผิดหวังจริงๆ สวยมาก จากคุณ : Shineokung เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:28:51

ความคิดเห็นที่ 43 ทำไมขยันเยี่ยงนี้!!! จากคุณ : เทาทองวอร์ริเออร์ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:35:23

ความคิดเห็นที่ 44 เป็นหนึ่งในงานที่ฝันมาตลอดว่าจะได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งครับ...(และยังหวังต่อไป ฮา) ติดตามอ่านมาทุกกระทู้ ขอบคุณสำหรับความรู้เหล่านี้อีกครั้งครับ จากคุณ : yananisawa เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 22:37:18

ความคิดเห็นที่ 45   OMG ผมสับสนระหว่างน้ำมันกับน้ำนม *-* จากคุณ : ผ่านมา เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:05:49 A:118.173.63.60 X: TicketID:216827

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณที่ให้ความรู้ค่ะ จากคุณ : isiss12 เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:09:11

ความคิดเห็นที่ 47 ยังไม่ได้อ่านครับ แต่ขอตอบก่อนว่า ไม่มีวันหมด เพราะมันก็มีออกมาเรื่อยๆน่ะแหละ แต่คงจะน้อยกว่าเดิม จากคุณ : Baritoreca เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:11:34

ความคิดเห็นที่ 48 เนื้อหา ดีเยี่ยมเลยครับ แต่ผมว่าลด มุขตลก ลงไปหน่อยก็ดี เพราะบางที (ส่วนใหญ่) กลายเป็นไม่ฮา ไม่ขำ ไม่get - - ด้วยความนับถือ จากคุณ : DEXTERZ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:44:12

ความคิดเห็นที่ 49 คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ผมไม่รู้อ่ะ บอกหน่อยสิครับ แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 00:31:23 จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 00:31:03

ความคิดเห็นที่ 50 รอพักสายต่อ จากคุณ : IRQ5 เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 00:50:18

ความคิดเห็นที่ 51 สรุปพอใช้ได้กี่ปีอะ เยอะมากไม่ได้อ่านเลย ดูแต่รูปประกอบ อิอิ จากคุณ : โอพ่อพระ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 00:57:53

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณครับ ชอบที่เขียนครับ อ่านเข้าใจง่ายดีครับ แต่ยังอ่านไม่หมดนะครับ ว่างๆก่อง เจอสูตร สมการ แล้วปวดหัว เพราะนึกถึงอดีตวัยเรียนอันโหดร้ายย 555 จากคุณ : Culture เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 07:11:04

ความคิดเห็นที่ 53 เป็นเนื้อเรื่องที่ดี แต่มุขใช้มากเกินไปจนเนื้อหาขาดตอนครับ ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าการ Survey คำนวณเป็นมาอย่างไร และการเร่งสูบน้ำมันทำให้ปริมาณที่เอาออกมาได้น้อยลงเพราะบ่อพัง น่าสนใจทีเดียวครับ เพราะผมคิดว่าตัวเลขจากพวกกระทรวงพลังงาน ก็คงใช้ตัวเลขที่มากที่สุดคือตัวเลขคำนวณ และปริมาณพลังงานสำรองที่รายงานออกมาเป็นการตกแต่งให้ดูมีมากกว่าที่เป็นจริง ต้องขอบคุณ จขกท มากๆ เรื่องน้ำมันหมดโลก ถ้าพูดถึงพลังงานแค่เป็นน้ำมัน แม้ว่าจะรวม NG เข้าไปแล้ว แต่ก็ยังไม่รวมถ่านหิน และผมยังไม่แน่ใจว่าตัวนี้รวมพวกหินน้ำมันเข้าไปหรือยัง แต่ปัญหาของวงการพลังงานคือการคิดพลังงานแต่ละอย่างแยกออกจากกัน ผมยกตัวอย่าง การประเมินการใช้ก๊าซธรรมชาติ ใช้ได้ 50 ปี หมายความว่า ณ ปีที่ทำการประเมิน 2546, การใช้งาน ณ ขณะนั้น กับแหล่ง NG ที่มีพอใช้ได้ 50 ปี พอปี 2552 มีการเร่งใช้ก๊าซ NGV มากเข้า เอาตัวเลขปริมาณ NG สำรอง - การใช้งาน ก็ยังได้ 50 ปี เพราะเรานับเอาว่าที่ซื้อ NG จากเพื่อนบ้านเช่น พม่า เข้ามาเป็น reserve ด้วยการ เอาเฉพาะอัตราการลดของ NG ในประเทศ ถือเป็นอัตราใช้ นั่นคือ เวลาที่เราบอกน้ำมันมีใช้ได้ 50 ปี นั่นจะหมายถึงเฉพาะน้ำมันอย่างเดียว ถ้ามีการดึงแหล่งพลังงานอื่นมาใช้แทนเช่น ถ่านหิน ซึ่งสามารถทดแทนกันได้ทั้งหมด ตัวเลขนี้ก็จะปรับเด้งไปเรื่อย เวลาพูดถึงปริมาณพลังงานสำรอง จึงควรพูดในลักษณะหน่วยพลังงาน เป็น MTOE ไป จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 09:31:22

ความคิดเห็นที่ 54 เยี่ยมครับ ขอบคุณในความพยายาม จากคุณ : cassidy เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 13:05:29

ความคิดเห็นที่ 55 _ขอบคุณ ฮะ .... แต่อย่างว่าแหละครับ เรื่องนี้ มัน ต้อถาม พี่ใหญ่ เค้า อิอิ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 13:16:21

ความคิดเห็นที่ 56 โหวตไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยมาอ่าน ... ยาวจังวุ๊ย น่าจะมีใครประดิษฐ์เครื่องยัดความรู้เข้าสมองน๊า ... จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 13:21:32

ความคิดเห็นที่ 57 โหวต+เก็บเข้าคลังไว้ก่อนนะ . . . ยอมรับว่าตอนนี้ยังอ่านไม่หมดง่ะ ขอบคุณ จขกท นะครับ จากคุณ : หน้าบ่าแดง แฮงบ่ามี เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 14:59:29

ความคิดเห็นที่ 58 ยาวดีจัง ผมอ่านได้จนจบเพราะมุขคุณนั่นละครับ ลงเป็นวิชาการจ๋า  เนื้อหาล้วน ๆ แน่นปึ้ก ผมเผ่นไป ตั้งแต่ความเห็น 2-3 แล้วครับ จากคุณ : specimen เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 15:39:09

ความคิดเห็นที่ 59 แว่วๆว่า แถวๆขั้วโลก ยังมีแหล่งน้ำมันสำรองที่หลายประเทศรองาบ (ด้วยการอ้างสิทธิครอบครองพื้นน้ำชายฝั่ง) อีกเพียบ จากคุณ : หมอเถื่อน เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 15:47:29

ความคิดเห็นที่ 60 อัดเเน่นด้วยวิชาการเเละความรู้ ตกลงเอาเป็นว่าผมยังใช้น้ำมันได้อยู่ไปจนตายตราบใดที่ผมปีปัญญาจ่ายใช่ปะครับ ขอบคุณมากครับๆ จากคุณ : ArM-ApA เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 19:53:13

ความคิดเห็นที่ 61 ผมก็ชอบแบบนี้นะ ดูเป็นวิศวกรคุยกับลูกชายดีครับ จากคุณ : StoneHoof เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 20:07:23

ความคิดเห็นที่ 62 มาเซ็นต์ชื่อและโหวต ขอแปะไว้ก่อนเดี๋ยวว่างๆจะมาอ่านค่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 20:19:53

ความคิดเห็นที่ 63 มาลงชื่อค่ะ จากคุณ : env42_tay เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 20:52:16

ความคิดเห็นที่ 64 โอ้วนับถือๆๆ เยอะมากมาย เหนื่อยมั๊ยคะ เอาถูกใจกับ1โหวตไปซับเหงื่อเนาะ จากคุณ : ssgarden เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 21:20:44

ความคิดเห็นที่ 65 ^^ จากคุณ : เซ็งอูฐ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 22:00:32

ความคิดเห็นที่ 66 ^ ^ .24. Loss of production ครับจะคิดแบบกลับด้านเสมอ..(มาเพิ่มเติมให้ครับ) ปกติเราคิดว่า ถ้าเอา วัตถุดิบมา 100 หน่วย ผลิตเป็นสินค้าได้ 95 หน่วย แสดงว่ามีการสูญเสีย 5 หน่วย(แม่นบ่)... แต่ในการผลิตเพื่อสอดคล้องกับภาวะต้นทุน และสินค้าจริงที่ได้ เราจะคิดกลับ จากถ้าต้องการสินค้า 100 หน่วย..ต้องใช้วัตถุดิบป้อนเข้า ไปในระบบ กี่ หน่วย...?? .. (ยะ..ฮู้)... จึงเป็นที่มาในการคิดค่าความสูญเสียในการผลิตสินค้านั้นๆ ไงครับ.. (ปล..ถ้าคิดวิธีนี้..ค่าความสูญเสียจะไม่ใช่ 5 หน่วยแบบเดิมแล้วเด้อ.., อย่าหลงละ..) ^^' จากคุณ : nuynui เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 22:27:15

ความคิดเห็นที่ 68 ผมคิดว่าคำถามตามหัวข้อกระทู้น่าจะเป็นคนจากทาง ptit หรือไม่ก็กระทรวงพลังงาน มาตอบ น่าจะครอบคลุมมากกว่า การให้ offshore  มาเป็นคนตอบ offshore ควรจะเป็นคนให้ความรู้เรื่องชั้นหิน reservoir / drilling จะตรงกว่า จากคุณ : GSP1 เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 00:10:39

ความคิดเห็นที่ 69 มาลงชื่อบ้างงง หึหึ จากคุณ : kapom040 เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 00:45:58

ความคิดเห็นที่ 70 ชอบการพิมพ์ให้ความรู้แบบนี้ รู้สึกเป็นกันเอง และผู้อ่านอยากติดตาม ไม่รู้สึกเบื่อ ผู้ที่ไม่ใช่คนในวงการอ่านง่าย อ่านสนุก ไม่เป็นเหมือน Text Book ที่สักแต่จะให้ข้อมูลท่าเดียว เหมาะสำหรับวิทยาทานสำหรับผู้ที่ไม่รู้ ขอบคุณจขกทมากจ้า จากคุณ : มา-เบรค (ซ่อนนาม) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 01:09:51

ความคิดเห็นที่ 71 Thx for good article krabb จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 01:52:15

ความคิดเห็นที่ 72 คห. 67 อ่ะ พูดจา.... จากคุณ : Akatsuki7 เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 06:40:27

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณนะค๊าบ ให้ความรู้ดีจริงๆ... จากคุณ : โปติ่น เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 08:17:31

ความคิดเห็นที่ 74 ช่วยขยายความข้อ 2. เรื่องต้นทุนการนำน้ำมันขึ้นมาครับ ปัจจัยข้อนี้น่าจะมีบทบาทที่สุดกับปริมาณการผลิตน้ำมันของโลกปัจจุบัน (ภาพโดย บ. conocophillips) ตามภาพแหล่งน้ำมันที่มีต้นทุนถูกจะถูกนำขึ้นมาก่อน ไล่ไปทางขวาจะเป็นแหล่งที่มีราคาแพง เช่นที่กันดาร ใต้ทะเลลึก หรือ unconventional oil ที่นำวัตถุดิบจำพวก oil sand, oil shale, heavy oil ซึ่งต้องใช้กระบวนการกลั่นที่แตกต่างจากน้ำมันดิบทั่วๆไปขึ้นมา โดยเฉพาะสถานการณ์ที่ปริมาณการใช้พลังงาน เทียบเป็น million barrels of oil equivalent per day สูงขึ้นกว่า 80 MMbbl/day เช่นปัจจุบัน (แต่ก็มีพลังงานทดแทนและพลังงานอื่นเข้ามาชดเชยการผลิต) ส่วนข้อ 3. เรื่องพลังงานทดแทน หลายประเทศใช้การผลักดันจากภาครัฐบาลเพื่อสนับสนุนพลังงานทดแทนที่ปัจจุบันยังมีต้นทุนแพงกว่าน้ำมันด้วยซ้ำ (แต่ต้องสนับสนุนเพื่อใช้วัตถุดิบในประเทศหรือเตรียมรับมือการขาดแคลนพลังงาน) โดย subsidize เอาราคาน้ำมันไปชดเชยราคาพลังงานทดแทน (อาจมีมาตรการอื่นๆเสริมเช่น ลดภาษีรถยนต์ FFV หรือ HEV, การสนับสนุนการลงทุนโดยภาครัฐ, การให้ค่า adder กับพลังงานทดแทน, ฯลฯ) และ NOC (National Oil Company) จะมีบทบาทสำคัญในการสานต่อนโยบาย - ถึงไม่เต็มใจก็จะถูกภาครัฐที่ถือหุ้นส่วนใหญ่บังคับอยู่ดี ปัญหาข้อ 3. จะเกิดเฉพาะในประเทศที่ปล่อยให้ภาคเอกชนหรือต่างประเทศเข้ามาควบคุมกิจการพลังงานของประเทศ หรือไม่ก็ประเทศที่ผลิตน้ำมัน ปกติราคาน้ำมันต่างหากที่จะมีบทบาทต่อราคาและการพัฒนาพลังงานทดแทน ไม่ใช่ราคาพลังงานทดแทนส่งผลต่อราคาน้ำมันครับ แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 09:03:53 จากคุณ : ชีริว เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 08:50:08

ความคิดเห็นที่ 75 หมดอารมณ์ กับ ความเห็นที่ 67 มาก เขาตั้งใจจะเอนเตอเทน ไม่ให้เนื้อหาหนักไป ไม่เข้าใจหรือไง จากคุณ : palovema เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 13:13:09

ความคิดเห็นที่ 76   http://www.youtube.com/watch?v=rbqDJMlsa0Y จากคุณ : ทามาก็อดอุนจิ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 14:20:52

ความคิดเห็นที่ 77 ชอบครับชอบ ได้ความรู้ดีครับ จากคุณ : Brawo เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 15:39:26

ความคิดเห็นที่ 78 แหมมม~ ผมคิดตั้งแต่ก่อนอ่านจบ (จนแสบตา) แล้วว่า ถ้าเป็นการแสดงก็อยากจะ standing overtion ให้จริงๆ เพราะ จขกท.เขียนเรื่องราวที่น่าจะวิชาการมากๆ ๆ ให้น่าอ่าน คือ ผมเจอกระทู้วิชาการมาเยอะ ส่วนมากอ่านได้ไม่มาก ก็เพราะบางทีไม่เข้าใจ (เอาเสียเลย) บ้างก็รู้สึกว่าไกลตัว ทั้งๆ ที่ปกติเป็นคนสนใจแทบทุกเรื่องรอบตัว แต่ด้วยเพราะเนื้อหาหนัก ทำให้จำต้องอ่านได้แค่ข้ามๆ ไปกับหลายๆ กระทู้เชิงวชาการไปอย่างน่าเสียดาย แต่.. กับกระทู้นี้ไม่ใช่เลย ส่วนตัวผมแล้ว ผมเฮฮาและมีความสุขดีมากกับการอ่านกระทู้ของจขกท.ครับ ขอบคุณอีกครั้ง คนที่ธรรมดามากๆ ๆ ๆ และโง่มากๆ ๆ ๆ อย่างผม ก็ยังพอเข้าใจและทำให้ติดตามอ่านจนจบจนได้ คิดดูเอาก็แล้วกัน ก็ต้องขอบคุณสำนวนที่เขียนง่ายๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ให้ความรู้แบบไม่หนักเกินไป ไม่เร็วเกินไป (เหมือนการดูดน้ำมันนั่นแลนะ) คนเสพธรรมดาๆ อย่างผมเลยรับไหวและเอ็นจอยไปกับเนื้อหา แถมยังฮาเสียแทบแย่ในหลายๆ ครั้งอีกต่างหาก ถ้าจขกท.เป็นคนพูดเก่ง ก็น่าจะเป็นคนสอนคนที่ดีได้ในความคิดผมนะ นักเรียน หรือผู้รับสารทุกคน (อย่างผม) เข้ามาอ่านโดยรู้อยู่แล้วว่าผู้เขียนมีความรู้มากกว่า ดังนั้นสิ่งที่ต้องการจึงไม่ใช่ความรู้เต็มๆ อย่างเดียว แต่อยากเห็นวิธีการเอาใส่หัวพวกผมด้วย ขอบคุณครับ กระทู้ดี มีสาระ สนุก จากคุณ : art_sarawut เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 15:53:24

ความคิดเห็นที่ 79 ชอบครับ ขอบคุณมากๆๆๆๆ จากคุณ : nillazilf เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 18:37:14

ความคิดเห็นที่ 80 np faster คือคำตอบ.. แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 19:23:08 จากคุณ : lARtZnolASt เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 19:22:11

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณค่ะ อ่านสนุก ได้ความรู้ จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 21:31:14

ความคิดเห็นที่ 82 จากรูปคห.74 ใครพอจะทราบว่าค่าใช้จ่ายในการผลิตน้ำมันตามรูปเป็นของช่วงเวลาไหนครับ ถ้าคิดเป็นมูลค่าปัจจุบันต้องเพิ่มจากรูปมากแค่ไหน ที่สงสัยเพราะ Biofuels (Sugar Cane Based) ตามในรูปต้นทุน ไม่ถึง 60 เหรียญ    แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบ 80 เหรียญ แต่ต้นทุนแอลกอฮอลที่ผลิตได้ก็สูงกว่าน้ำมันกลั่นตลอด จากคุณ : กัมโม่ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 21:37:17

ความคิดเห็นที่ 83 ^ ข้อมูลจาก conocophillips ที่จ้าง booz and co. ทำเมื่อปี 2008 เป็นการประมาณการ cost of supply ของปี 2020 ตาม assumption ด้านล่างครับ (ไม่ใช่ราคาน้ำมันดิบที่ขายกันในตลาดโลก) เมื่อราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นจนคุ้มต้นทุนการผลิต แหล่งน้ำมันที่มีราคาแพงขึ้นทางด้านขวาก็จะถูกขุดขึ้นมา ราคาแอลกอฮอล์จากโมลาสบ้านเราตกประมาณ 20 บาท/ลิตร (ประมาณ 90 USD/bbl) ส่วนต้นทุนประมาณ 10 บาท/ลิตรขึ้นกับเทคโนโลยีและกำลังการผลิต ตอนนี้เอทานอลบ้านเราผลิตจากโมลาสและมันสำปะหลัง (มีโรงงานต้นแบบเซลลูโลสิคผลิตจากบากาสของไทยรุ่งเรือง 1 โรง) ผมไม่ได้ติดตามว่าตอนนี้เขาแก้กฎหมายคุ้มครองอ้อยและน้ำตาล ให้สามารถนำอ้อยไปเข้ากระบวนการผลิตเอทานอลได้หรือยัง จากคุณ : ชีริว เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 09:53:38

ความคิดเห็นที่ 84 นับถือสำนวนการเขียนครับ เขียนแบบนี้ยากนะครับ คนเขียนต้องเข้าใจเนื้อหาของตัวเองดีถึงดีมาก การใส่มุกจะได้ไม่มั่วซั่ว จากคุณ : PUFF เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 16:26:07

ความคิดเห็นที่ 85 เคยฝันอยากทำงานปิโตรเลียมกลางทะเล แต่แล้วก็สิ้นหวัง เมื่อได้เรียนม.ปลายสายวิทย์ นู๋ไม่ชอบ"เคมี"เอาซะเลย ชอบแต่ทดลองเนี่ยแหละ มันส์มากกกกกกกกก ตอนนี้ก็สาวvetปีหนึ่งไปซะแระ แต่ยังไงเคมีก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตการเรียนต่อไป ปล.รูปสวยมากค่ะ อยากจะไปซิ่วใหม่เหลือเกิน จากคุณ : allotment เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 22:02:53

ความคิดเห็นที่ 86 เขียนดี  อ่านง่าย ขอบคุณสำหรับความรู้จ้ะ จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 22:11:29

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : redpuma เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 02:52:29

ความคิดเห็นที่ 88 เขียนสนุก  เข้าใจง่าย ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Pooklook ~ all my heart เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 18:51:02

ความคิดเห็นที่ 89 เขียนสนุกดีครับ จากคุณ : สุดโหดโครตโรแมนติก เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 00:50:48

ความคิดเห็นที่ 90 ติดตามอ่านจนจบ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : SausageBunn เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 03:52:43

ความคิดเห็นที่ 91 อ่า ขอบคุณนะครับ ความรู้เยอะดี แต่มุกเยอะเกินไปจริงๆ ค่อยกลับมาอ่านแล้วแสดงความคิดเห็นใหม่ จากคุณ : int.anti เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 19:17:14

ความคิดเห็นที่ 92   อ่านจนตาลายไปหมดแล้ว ดีทั้งสาระทั้งมุขที่ท่วมจริงๆ ถ้าเป้นคนที่ไม่เร่งรีบอะไรนักคงจะจะอ่านแล้วมีความสุขมากๆเลย ^ ^ แต่ผมมีความรีบเร่งเล็กน้อยก็ทั้งอยากจะอ่านให้จบเร็วๆ จะอ่านข้ามก็กลัวพลาดเนื้หาที่ดีๆไป เดี๋ยวย้อนกลับไปอ่านที่ข้ามมาก่อน ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลที่แบ่งปันกันครับ จากคุณ : Aoitori เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 20:19:16

ความคิดเห็นที่ 93 เข้ามาเสพอะไรสนุกๆในสาระครับ ผมชอบคนประสบการณ์แบบนี้แหละ ใครจะว่าติดตลกมากไปก็ชัง น่าอ่านก็ตรงมุขนี่ละครับ  เพราะจะอ่านแบบเปเปอร์มันก็เครียดอะ  ผมอ่านของป๋ามาหลายๆกระทู้ก็เป็นอย่างงี้ มาให้กำลังใจป๋าครับ จากคุณ : หัวปลาทู เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 22:03:33

ความคิดเห็นที่ 94 .. ขนาดเค๊าแซวว่าเล่นมุขเยอะ .. ผมยังอ่านแล้วมึนสาระอยู่เลย จากคุณ : k.o.p เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 16:18:28

ความคิดเห็นที่ 95 อ่านแล้วสนุกดี มาลงชื่อว่าอ่านจบแล้ว จากคุณ : lizard8 เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 19:20:29

ความคิดเห็นที่ 96 ขอบคุณ จขกท ครับ สำหรับความรู้ที่มีประโยชน์และอ่านได้ง่ายๆ แบบนี้ ชอบมากๆ ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : Kamen Rider Agito เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 20:46:02

ความคิดเห็นที่ 97 เนื้อหาเข้าใจง่ายดีครับ เพิ่มเติม คคห.12 นะครับ ผมมิได้เกี่ยวข้องกับการขุดน้ำมันใดๆเลยนะครับ แต่จะขอช่วยระบุความหมาย(เท่าที่ทราบ)ของ 2 คำนี้หน่อยนะครับ Possible และ Possibly --> อาจเป็นไปได้ แต่ก็ไม่แน่ Probable และ Probably --> เป็นไปได้หากไม่มีอะไรผิดพลาด คือน้ำหนักของ Probably จะมีความเป็นไปได้สูงกว่า Possibly น่ะครับ จากคุณ : ผ่านมาเดา (Just love her) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 05:01:20

ความคิดเห็นที่ 98 อิจฉาน้องเฟิร์น มีพ่ออารมณ์ดี มีมุข และรู้รอบตัว ..แถมแม่สวยอีก (ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหากระทู้เล้ยยยย) จากคุณ : เครื่องทำน้ำขุ่น เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 16:18:23

ความคิดเห็นที่ 99 นำเสนอได้ดีครับ ถูกใจมาก จากคุณ : golf s. เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 22:03:04

ความคิดเห็นที่ 100 ผมเรียนจบด้านนี้มา  ชื่อสาขาก็ Petroleum Engineering อยากจะบอกว่า  ที่เรียนมาไม่ได้เรียนทางด้าน เคมี เยอะเลย เพราะถ้า เรียนเคมีเยอะจะเป็นสาย ปิโตรเคมี ซึ่งงานที่ทำสายตรงก็จะทำในโรงกลั่น ซึ่งน้อยมากที่จะได้ลงแท่นผลิต   สายที่ผมเรียนจะเน้นไปทางด้านคำนวณมากกว่า อาจเป็นเพราะ วิศวะ ด้วยเลยมีคำนวณเยอะ  สูตรคำนวณนี่เป็นบรรทัดถึงสองบรรทัดเลย เเล้วพวกงานด้าน geologist geophysicist reservoir ส่วนใหญ่พวกนี้จะทำในออฟฟิตเท่าที่เห็นนะ จากคุณ : Bach_Ho เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 19:20:48