ความคิดเห็นที่ 1 ตัวอย่างสุดคลาสสิคของฆาตกรอีกตัวอย่างค่ะ "Hannibal Lector" (เพลงเร้าใจมากมาย~*) จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 16:57:28

ความคิดเห็นที่ 2 ฆาตกรรมต่อเนื่อง (Serial murder) คือ อะไร? ฆาตกรรมต่อเนื่อง (Serial murder) คือ การฆ่าต่อเนื่องกัน 2 ครั้ง หรือมากกว่านั้น โดยเป็นเหตุการณ์ที่แยกกัน ส่วนมาก แต่ไม่เสมอไป ที่ฆาตกรจะประกอบเหตุคนเดียว (a series of 2 or more murders, committed as separate events, usually, but not always, by one offender acting alone) คำนี้ถูกใช้ครั้งแรกโดยนักเขียนชาวอังกฤษ John Brody เมื่อปี 1966 ต่อมาคำนี้ถูกบัญญัติโดย The National Institute of Justice เมื่อปี 1988 Steve Egger ตีความว่าฆาตกรรมต่อเนื่องมีลักษณะ 6 ประการคือ 1) มีเหยื่อมากกว่า 2 ศพ 2) ฆาตกร และเหยื่อไม่รู้จักกัน   3) การเกิดเหตุฆาตกรรมไม่เกี่ยวข้องกันโดยตรง (no direct connection to each other) และเกิดต่างเวลา   4) ฆาตกรมักเลือกสถานที่ก่อเหตุไม่ซ้ำกัน   5) เหยื่ออาจมีลักษณะคล้ายกับเหยื่อที่ถูกฆ่าก่อนหน้านี้ หรือเหยื่อทีจะถูกฆ่ารายถัดมา 6) ฆาตกรไม่ได้ทำเพื่ออามิตสินจ้าง แต่ทำเพื่อสนองความพอใจตามจินตนาการของตน (the murders are not committed for material gain but for gratification based on fantasies) จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:00:20

ความคิดเห็นที่ 3 ลักษณะของฆาตกรต่อเนื่อง Holmes typology (Ronald M. และ Stephen T. Holmes) แบ่งลักษณะของฆาตกรต่อเนื่อง (Serial Killer) ตามแรงจูงใจเป็น 2 แบบ 1. Act-focused (ฆ่าเร็ว) แบ่งเป็น 1.1 The visionary murders   ... ฆาตกรได้ยิน หรือเห็นภาพที่ชี้นำให้เกิดการฆ่า 1.2 The missionary murders ... ฆาตกรเชื่อว่าตนมีภารกิจต้องกำจัดเหยื่อ 2. Process-focused (ฆ่าช้า) ฆาตกรกลุ่มนี้จะหาความเพลิดเพลินกับการฆ่า โดยการทรมานเหยื่อ และฆ่าให้ตายอย่างช้าๆ  ความรู้สึกเป็นสุขจากการฆ่าเกิดจาก - ความต้องการทางเพศ (Lust) - ความตื่นเต้นเร้าใจ (Thrill) - การได้มาซึ่งอำนาจ (Gain) ภาพประกอบ Ed Gein ฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นแรงบันดาลใจให้โธมัส แฮร์ริส สร้างนักฆ่าแห่ง Buffalo Bill ใน "The Silence of the Lambs" (รูปอยูคคห.ต่อไปค่ะ) แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 17:07:00 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:06:04

ความคิดเห็นที่ 4 Ed Gein ประวัติภาคไทยตามนี้ค่ะ http://atcloud.com/stories/15340 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:09:00

ความคิดเห็นที่ 6 มาจองที่ก่อน แฮ่~* จากคุณ : คุณซัมซุง เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:10:54

ความคิดเห็นที่ 7 ปาดซ้ายขวาหน้าหลัง~ ดีมากๆครับพี่ที่เขียนกระทู้นี้ขึ้นมา เพราะคนส่วนใหญ่มีความเข้าใจผิดรวมถึงมีมายาคติเกี่ยวกับอาชญากรมากถึงมากที่สุดเลยล่ะครับ ขอบุ๊คมาร์คไว้ก่อน กลับบ้านไปเตรียมสอนต่อ/รอดูชิงชัง จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:15:52

ความคิดเห็นที่ 8 ป๊อกแปด จากคุณ : Mr.june เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:17:15

ความคิดเห็นที่ 9 จากสถิติแล้วพบว่า - อายุฆาตกรที่เริ่มฆ่าศพแรก ประมาณ 27.5 ปี - เป็นชาย 95 % โดย 73 % ของฆาตกรชายเป็นคนขาว - อายุเฉลี่ยของฆาตกร ประมาณ 25-34  ปี - จบปริญญาตรี และส่วนมากมีงานดีๆทำ -  เหยื่อมักมีลักษณะซ้ำกัน ลักษณะของเหยื่อ 67 % เป็นผู้หญิง เด็ก ผู้หญิงขายบริการและคนชรา และที่น่าสนใจคือ 20 % เป็นผู้ชายที่ถูกฆ่า รวมทั้งมีหลักฐานว่าถูกข่มขืนโดยฆาตกรด้วย - มักใช้อาวุธประชิดตัวในการก่อเหตุ (hands-on weapons) เช่น มักใช้มีดมากกว่าปืน - มักเป็นลูกนอกสมรส - มีความบกพร่องทางกายภาพ (physical) ทางเพศ (sexual) หรือทางอารมณ์(emotional) เมื่อสืบประวัติย้อนหลัง พบว่าฆาตกรต่อเนื่องมักมีลักษณะแบบ MacDonald triad ในวัยเด็ก ได้แก่: - ปัสสาวะรดที่นอนบ่อยๆ (bed-wetting) - ชอบเล่นไฟ หรือเคยมีประวัติวางเพลิง (arson) และ - ชอบทารุณสัตว์ (cruelty to animals) อ่านเพิ่มได้ที่นี่ค่ะ http://wapedia.mobi/en/Macdonald_triad รูปประกอบ Jeffrey Dahmer (1991) ฆาตกรต่อเนื่อง ฆ่าเด็กชาย และผู้ชาย อย่างน้อย 17 ราย มีประวัติชอบทารุณกรรมสัตว์ในวัยเด็ก จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:19:50

ความคิดเห็นที่ 10 มาติดตามอ่านครับ  เป็นเนื้อหาที่น่าสนใจมากๆนะครับนะ จากคุณ : ไม้ไผ่โย่ง เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:23:24

ความคิดเห็นที่ 11 ซีเรียลคิลเลอร์ครับ หุหุ (ps ไม่คิดว่าจะมีคนเล่นมุกนี้เยอะพอสมควร จากการค้นหาทาง google -0-) ผมพึ่งได้อ่านประวัติฆาตกรต่อเนื่องในบอร์ดของเวปบิทแห่งหนึ่ง รู้สึกสนใจในเรื่องจิตวิทยาของคนเหล่านี้เหมือนกันครับ ปูเสื่อรอครับผม ^^ จากคุณ : Chocolate`Browny (guta_me) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:25:37

ความคิดเห็นที่ 12 ทำใมอ่านแล้วนึกถึง series criminal mind ยังไงไม่รู้ จากคุณ : หัวหน้ามหาประลัย เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:33:11

ความคิดเห็นที่ 13 ผมโดนน้องๆแถวโรงแรมสยาม เชือด เป็นประจำ น้องๆพวกนั้นเข้าข่ายโรคจิตไหมครับ จากคุณ : โก๋ชานเมือง เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:36:06

ความคิดเห็นที่ 14 เง้อออ.. Cereal Killer.. .................................................................... แล้วขณะฆ่า ฆาตกรคิดอะไรอยู่ ? The Psychological Phases of Serial Killers ปี 1988 นักจิตวิทยา Joel Norris สัมภาษณ์ผู้ที่ถูกตัดสินแล้วว่าเป็นฆาตกรจากมลรัฐจอร์เจีย จำนวน 500 ครั้ง และสรุประบบความคิดของฆาตกรต่อเนื่องได้ 7 ช่วง ได้แก่ 1. Aura phase - ฆาตกรเริ่มหลุดออกจากโลกแห่งความเป็นจริง เข้าสู่โลกแห่งความเพ้อฝัน - ระยะนี้อาจเกิดในช่วงสั้นๆ หรือนานเป็นปี ฆาตกรอาจพยายามใช้ยาเสพติด หรือเหล้าเพื่อบรรเทาอาการเหล่านี้ 2. The trolling phase - ฆาตกรเริ่มมองหา และสะกดรอยตามเหยื่อ 3. The wooing phase (หรือ Seduction phase) - ฆาตกรทำให้เหยื่อเชื่อใจได้แล้ว ก่อนที่จะลวงเหยื่อไปสู่กับดัก 4. The capture phase - ฆาตกรลวงเหยื่อไปกักขังได้สำเร็จ 5. The murder phase - เกิดเหตุฆาตกรรม ลักษณะการฆ่ามักเป็นไปตามปมที่อยู่ในใจของฆาตกร และประสบการณ์ในวัยเด็ก 6. The totem phase - ฆาตกรรู้สึกถึงชัยชนะที่ได้จากการฆ่า บางคนจึงเก็บสิ่งที่ระลึก เช่น ชิ้นหน้าหนังสือพิมพ์ หรือหนังสือที่ถูกตัดออกมา รูปถ่าย ชิ้นส่วนศพ หรือกินชิ้นส่วนของศพ สวมใส่ผิวหนังของศพ หรือ โชว์ชิ้นส่วนของศพกับเหยื่อรายใหม่ 7. The depression phase   - ฆาตกรมักจมอยู่กับความหดหู่ใจหลังการฆ่า (post-homicidal depression) ความรู้สึกหดหู่ที่เกิดจะกระตุ้นให้ฆาตกรก่อเหตุขึ้นใหม่ จึงเป็นสาเหตุให้ฆาตกรต่อเนื่องไม่สามารถหยุดการฆ่าได้ วงจรความคิดของฆาตกรต่อเนื่อง จาก http://www.albany.edu/scj/jcjpc/vol10is1/picart.html แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 17:37:56 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:36:56

ความคิดเห็นที่ 15 ง่ะ...โดนแซว สีตกเรยยย.. --------------------------------------------------------------------- ยอดชายนักฆ่า เท็ด บันดี (Ted Bundy; Theodore Robert Bundy) ด้วยบุคลิกหน้าตาดี และดูมีการศึกษาสูงทำให้สามารถลวงเหยื่อไป ข่มขืน ฆ่าได้ง่าย โดยออกอุบายว่าได้รับบาดเจ็บที่แขน ให้เหยื่อเข้ามาใกล้ แล้วจึงฟาดหัวเหยื่อให้สสบก่อนพาไปฆ่า ว่ากันว่า โธมัส แฮรริส เอาบุคลิกดูมีการศึกษาของพ่อคนนี้ไปสร้างป๋าฮันนิบาลค่ะ (ประวัติอ่านเพิ่มได้ที่นี่ค่ะ http://foia.fbi.gov/foiaindex/bundy.htm) แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 17:44:20 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:43:15

ความคิดเห็นที่ 16 แล้วสมองของฆาตกรเหล่านี้ต่างกับคนปรกติไหม? จะขอยกงานวิจัยสุดคลาสสิคที่ทำเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ของโปรเฟสเซอร์ Adrian Raine โปรเฟสเซอร์คนนี้ทำการสแกนดูการทำงานของสมองฆาตกร โดยเครื่อง PET (positron emission tomography) scan ก่อนอื่นมาดูก่อนว่า PET scan ทำงานอย่างไร? การตรวจด้วย PET scan คือ การตรวจวัดกระบวนการทางชีวภาพของเซลล์ และจะให้ภาพแสดงกระบวนการทางเคมี (metabolism) ของเซลล์ในแต่ละบริเวณของอวัยวะ การตรวจการทำงานของสมองมีหลักการ คือ สมองใช้พลังงานจากกลูโคส  เมื่อติดสารรังสี  (radioactive isotope) กับโมเลกุลของกลูโคส (analogue of glucose-2deoxyglucose) แล้วฉีดให้ผู้เข้ารับการตรวจหลังจากที่ผู้เข้ารับการตรวจเริ่มทำการทดสอบเพื่อกระตุ้นการทำงานของสมองส่วนที่ต้องการตรวจสอบ สมองที่ถูกใช้งานมากจะใช้กลูโคสซึ่งเป็นแหล่งพลังงานมาก ดังนั้นจึงแสดงผลออกมามากกว่าสมองส่วนที่มีการทำงานน้อย เรื่องของ PET scan อ่านเพิ่มที่นี่ค่ะhttp://www.csulb.edu/~cwallis/482/petscan/pet_lab.html จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:47:58

ความคิดเห็นที่ 17 ดร. Adrian Raine ทดลองโดยสแกนดูการทำงานของสมองฆาตกร เทียบกับคนปรกติ (ถ้าจำไม่ผิด n = 22 ในงานชิ้นแรก งานชิ้นที่ 2 n = 40 ค่ะ Ref. จะอยู่คคห.หลังๆ) สแกนแล้วพบอะไรบ้าง? 1. ฆาตกรมีการทำงานของสมองส่วน Prefrontal cortex น้อยกว่าคนปรกติ ซึ่งสมองส่วนนี้ทำหน้าที่ควบคุมสมองส่วนดึกดำบรรพ์ เช่น สมองส่วน Amygdala ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับความก้าวร้าวด้วย  เมื่อตัวเบรคอย่าง Prefrontal cortex ทำงานน้อย หรือเสียไปจึงไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมก้าวร้าวได้ ภาพที่ได้จากการสแกน - ภาพตัดขวางของสมองเปรียบเทียบระหว่างสมองของคนปรกติ (ซ้าย) และฆาตกร (ขวา) - พบว่าสมองของฆาตกรส่วน prefrontal cortex มีการทำงานน้อยกว่าคนปรกติ โดยจะเห็นว่าบริเวณ prefrontal อยู่ที่ส่วนยอดของภาพ PET scan - สีแดง และเหลือง แสดงส่วนที่สมองถูกกระตุ้นมาก สีเขียวและฟ้า แสดงส่วนที่สมองถูกกระตุ้นน้อย แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 19:09:26 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:54:23

ความคิดเห็นที่ 18 2. ฆาตกรมีการทำงานของสมองส่วน  Angular gyrus  น้อยกว่าคนปรกติ - สมองส่วนนี้เกี่ยวข้องกับความสามารถทางภาษา (Verbal Ability) การอ่าน และการคำนวน จึงมีแนวโน้มว่าฆาตกรมักเรียนไม่เก่ง หรือมีปัญหาด้านการแสดงออก (ไม่เสมอไป) 3. การเชื่อมกันระหว่างสมอง 2 ซีก ต่ำกว่าปรกติ (Corpus collosum ไม่ค่อยแอคทีฟ) ทำให้สมองซีกขวาซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดอารมณ์รุนแรง ถูกควบคุมโดยสมองซีกซ้ายน้อยลง 4. พบความผิดปรกติของสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความก้าวร้าว และความกลัว ได้แก่ Amygdala, Hippocampus และ Thalamus   ทำให้ฆาตกรมักมีความผิดปรกติในการควบคุมความก้าวร้าว และความกลัว จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:58:59

ความคิดเห็นที่ 19 โปรเฟสเซอร์ Adrian Raine จึงเสนอ ลักษณะเฉพาะของสมองฆาตกร (unique PET “signature” of the brains of some murderers) โดยจะพบความผิดปรกติที่ - Prefrontal cortex - Corpus callosum - Angular gyrus, Amygdala - Hippocampus และ - Thalamus ที่มาของภาพ http://people.howstuffworks.com/serial-killer.htm/printable จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 18:01:38

ความคิดเห็นที่ 20 ฆาตกรเลือดเย็น ทำไมฆาตกรถึงไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือนกับการฆ่า ? ดร. Adrian Raine เชื่อว่า ฆาตกรที่ไม่สะทกสะท้านต่อการฆ่า (Predatory killers) และวางแผนฆ่ามาเป็นอย่างดี จะมีการทำงานของสมองส่วน Prefrontal cortex ดีกว่า หรือมีการทำงานปรกติ เมื่อเทียบกับฆาตกรที่ฆ่าเพราะอารมณ์หรือขาดสติ  อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบการทำงานของสมองจองฆาตกรกลุ่มนี้อย่างแน่ชัด ทำไมฆาตกรถึงรับมือกับความเครียดที่เกิดขึ้นได้ยังไม่ทราบกลไกแน่นอน แต่ เรื่องความเครียดกับพฤติกรรมก้าวร้าวนั้น จากการทดลองในสัตว์ทดลอง  พบว่า พฤติกรรมการขู่ ก่อนเข้าโจมตี (Threat) กับการล่าโดยไม่มีการขู่ (Predator) ใช้สมองคนละส่วนกัน   รูปนี้หาได้ในหนังสือเกือบทุกเล่มที่กล่าวถึงสมองและพฤติกรรมความก้าวร้าว  ได้จากการทดลองฟังอิเลกโทรดเข้าไปกระตุ้นสมองแมวพบว่าเมื่อกระตุ้นสมองที่เกี่ยวกับพฤติกรรมก้าวร้าวต่างบริเวณกัน จะพบการตอบสนอง 2 แบบ คือ - แสดงการขู่ แต่ไม่โจมตี และเกิดการกระตุ้นให้สัตว์มีความเครียด (stress) (รูป Defensive rage) - โจมตี โดยไม่ขู่ (รูป Predatory behavior) (ที่มารูปของคคห.นี้ และกลไกอยู่ที่คคห.ล่าง จาก http://www.colorado.edu/intphys/Class/IPHY3730/12aggression.html ) (เข้ามาเพิ่มลิงค์ และอธิบายเพิ่มค่ะ) แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 20:13:03 แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 18:57:25 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 18:07:13

ความคิดเห็นที่ 21 บริเวณของสมองที่ถูกกระตุ้นแล้วได้ปฎิกิริยาต่างกัน บางทีอาจจะเอากลไกนี้มาอธิบายฆาตกรที่ไม่สะทกสะท้านต่อการฆ่า (Predatory killers) ได้ (แต่ยังไม่ทราบว่าสมองของคนพวกนี้ทำงานอย่างไร) แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 18:12:05 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 18:11:03

ความคิดเห็นที่ 22 สนุกๆ >< ขอบคุณมากครับ จากคุณ : atthaphong เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 18:15:42

ความคิดเห็นที่ 23 เด็กบ้านแตก และแนวโน้มการเป็นฆาตกร อิทธิพลจากครอบครัวมีผลต่อการเติบโตสู่ความเป็นฆาตกรจริงหรือ? ดร. Adrian Raine สแกนสมอง เปรียบเทียบระหว่าง คนปรกติ (ซ้าย) ฆาตกรที่มาจากครอบครัวแตกแยก เช่น มีประวัติถูกล่วงละเมิดทางร่างกาย หรือทางเพศ (กลาง) และ ฆาตกรที่มีครอบครัวปรกติ (ขวา) - พบว่าฆาตกรที่มีครอบครัวปรกติ มีสมองส่วน Prefrontal cortex ทำงานผิดปรกติมากกว่า เมื่อเทียบกับอีก 2 กลุ่ม  แสดงให้เห็นว่าความอบอุ่นในครอบครัวสำคัญต่อการป้องกันการเกิดฆาตกร - คนที่มีครอบครัวปรกติคนหนึ่ง ต้องเกิดความผิดปรกติทางชีวภาพจริงๆ จึงจะกลายเป็นฆาตกรได้ - ครอบครัวมีอิทธิพลอย่ามากในการผลักดันคนปรกติ หรือเกือบจะคล้ายคนปรกติ ให้เขาเหล่านั้นกลายเป็นฆาตกร แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 19:21:41 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 18:16:38

ความคิดเห็นที่ 24 อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถบอกได้ว่าควรจะตีความว่าฆาตกรต่อเนื่องเป็นผู้ป่วยทางจิตได้ บทความนี้นำเสนอแค่งานของคนเพียงคนเดียวเท่านั้ ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายที่ผลักดันให้เกิดฆาตกรขึ้นมาสักคนหนึ่ง การที่ดิฉันยกงานของดร. Adrian Raine ขึ้นมาเนื่องจากเป็นงานที่เห็นผลอย่างชัดเจน เข้าใจง่าย และส่งผลกระทบต่อสังคม ปัจจบันงานวิจัยเกี่ยวกับความก้าวร้าว ณ ขณะนี้ยังทำอยู่อย่างต่อเนื่อง และต่อยอดไป เช่น หายีนที่เกี่ยวข้องกับการเกิด และกาควบคุมพฤติกรรมนี้ สารสื่อประสาท และสารที่มีผลควบคุมพฤติกรรม รวมทั้งต่อยอดไปเป็นส่วนหนึ่งของประสาทวิทยาศาสตร์แขนงใหม่คือ Neurosociology ด้วย เรื่องงานของ Dr.  Adrian Raine เอามาจากเว็บนี้ค่ะ Murderous Minds จากการสัมภาษณ์ Dr.  Adrian Raine http://www.dana.org/news/cerebrum/detail.aspx?id=3066 เอาที่อยู่มาฝากค่ะ เผื่อใครสนใจอยากไปเป็นลูกศิษย์.. Adrian Raine นักวิจัยกลุ่มแรกๆที่ริเริ่มงานด้านประสาทอาชญวิทยา (Neurocriminology)   Chair, Department of Criminology Richard Perry University Professor, Departments of Criminology, Psychiatry, and Psychology, University of Pennsylvania ตอนนี้ท่านยังใช้เทคนิค PET scan อยู่ค่ะ แตไปศึกษาพฤติกรรมก้าวร้าวแล้ว ตามไปดูที่เว็บนี้ค่ะ http://www.crim.upenn.edu/faculty/profiles/raine.html (ดูยังหนุ่มอยู่เลยนะ ตอนเเรกนึกว่าจะอายุมากกว่านี้) //me โค้งคำนับ รับรังสีมหาเทพ ชาบู ชาบู ราอู อูรา ~* แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 19:01:31 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 18:28:50

ความคิดเห็นที่ 25 งานวิจัยที่ใช้ Pet Scan กับสมองฆาตกร (Raine A. คือ Adrian Raine ค่ะ) 1. Kalbe E, et al. Neuropsychological and neural correlates of autobiographical deficits in a mother who killed her children. Neurocase. 2008;14(1):15-28 2. Gatzke-Kopp LM, et al.Temporal lobe deficits in murderers: EEG findings undetected by PET. J Neuropsychiatry Clin Neurosci. 2001 Fall;13(4):486-91 3. Raine A, et al. Reduced prefrontal and increased subcortical brain functioning assessed using positron emission tomography in predatory and affective murderers. Behav Sci Law. 1998 Summer;16(3):319-32 4. Raine A, Buchsbaum M, LaCasse L. Brain abnormalities in murderers indicated by positron emission tomography. Biol Psychiatry. 1997 Sep 15;42(6):495-508 5. Relkin N, et al. Impulsive Homicide Associated With an Arachnoid Cyst and Unilateral Frontotemporal Cerebral Dysfunction. Semin Clin Neuropsychiatry. 1996 Jul;1(3):172-183 6. Raine A, et al. Selective reductions in prefrontal glucose metabolism in murderers. Biol Psychiatry. 1994 Sep 15;36(6):365-73 (ไม่ค่อยเกี่ยวกัน แต่เพลงฟังแล้วหลอนดี .. ) จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 18:33:02

ความคิดเห็นที่ 26 ที่มาค่ะ เรื่องงานของ Dr.  Adrian Raine และเรื่องความก้าวร้าว 1. Murderous Minds จากการสัมภาษณ์ Dr.  Adrian Raine  http://www.dana.org/news/cerebrum/detail.aspx?id=3066 2. Pet Scan  http://www.csulb.edu/~cwallis/482/petscan/pet_lab.html 3. Siever LJ. Neurobiology of aggression and violence. Am J Psychiatry. 2008 Apr;165(4):429-42. Epub 2008 Mar 17  http://ajp.psychiatryonline.org/cgi/content/full/165/4/429 เรื่องของ Serial Killer 4. Encyclopedia of Death and Dying  http://www.deathreference.com/Py-Se/Serial-Killers.html 5. http://www.fbi.gov/publications/serial_murder.htm#one 6. How Serial Killers Work http://people.howstuffworks.com/serial-killer.htm/printable 7. What factors contribute to serial homicide?  http://www.fsc.yorku.ca/york/rsheese/psyc1010/wiki/index.php/WHAT_FACTORS_CONTRIBUTE_TO_SERIAL_HOMICIDE%3F 8. Picart C J. and Greek C. The compulsion of real/reel serial killers and vampires: toward a gothic criminology. J of Criminal Justice and Popular Culture, 10 (1) (2003) 39-68  http://www.albany.edu/scj/jcjpc/vol10is1/picart.html 9. http://en.wikipedia.org/wiki/Serial_killer 10. http://www.casebook.org/dissertations/ripperoo-serial.html 11. http://en.wikipedia.org/wiki/Macdonald_triad 12. TIMES: The Top 25 Crimes of The Century http://www.time.com/time/2007/crimes/16.html --------------------------------------------------------------------- ผิดพลาดประการใดรบกวนชี้แนะด้วยนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาชมค่ะ .. จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 18:38:37

ความคิดเห็นที่ 27 เอา Quiz เกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องมาให้เล่นขำๆด้วยค่ะ 1. http://www.okcupid.com/tests/take?testid=13762272565827620018 2. http://www.cavernsofblood.com/we'll_be_the_judge_of_that/serial_killer.html 3. http://www.youthink.com/quiz.cfm?action=go_detail&sub_action=take&obj_id=92&take_again=yes เพลงเดียวกับคคห. บน แต่.. (เอามาให้ล้างตาค่ะ..ถือเป็นพริตตี้กระทู้แล้วกันเนอะ .. ^^) แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 19:49:03 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 18:45:22

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณมาก จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 18:45:49

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณมากค่ะ  เราก็เป็นฆาตกรค่ะ  เราวางแผนฆ่าอย่างต่อเนื่องค่ะ  จำพวก ยุง  แมลงสาบ  หนู  และเชื้อโรคต่างๆค่ะ   แฮ่ะ  แฮ่ะ จากคุณ : usbankusa เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 19:41:45

ความคิดเห็นที่ 30 จริงๆผมคิดว่าคนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่น่าสงสารนะครับ เป็นผลิตผลที่เกิดจากภาชนะบรรจุที่ไม่ดี เพราะคนเหล่านี้หลายๆคนมีชะตากรรมในวัยเด็กที่ทารุณโหดร้าย ทำให้ภาวะการมองโลกของคนเหล่านี้ผิดไปจากคนปกติ และการศึกษาและตัดสินคนเหล่านี้โดยคนปกติจึงอาจจะมองข้ามในบางมุมไป บางคนถูกพ่อแม่ทารุณแต่เด็ก บางคนถูกทำร้ายทุบตี บางคนถูกแม่สั่งสอนให้เชื่อแบบผิดๆ เค้าจึงรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนสมควรที่จะเกิดขึ้น (ส่วนหนึ่งเกิดจากที่เด็กคิดเอง แต่ส่วนใหญ่เกิดจากผู้ใหญ่กระทำต่อเด็ก) ตอนนี้ผมนึกถึงทฤษฎีของฟรอยด์อยู่น่ะ จากคุณ : Chocolate`Browny (guta_me) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 19:43:58

ความคิดเห็นที่ 31   อ่านแล้วนึกถึงเพลงนี้ จากคุณ : devil amature2 เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 20:17:20

ความคิดเห็นที่ 32 มาปาดไม่ทัน :)) จากคุณ : StoneHoof เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 21:58:27

ความคิดเห็นที่ 33 ชอบดนตรีใน hannibal lector  จริงๆ จากคุณ : หยดฟ้า เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 22:59:15

ความคิดเห็นที่ 34 สนุกมากค่ะ แถมเข้าใจง่ายด้วย ขอบคุณคุณโอ้ละหนอมากๆ ค่ะ จากคุณ : รองเท้ากับนาฬิกา เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 00:59:15

ความคิดเห็นที่ 35 คห.๒๖ ผมโคตรชอบเพลงนี้เลย ~~ จากคุณ : ถั่วงอกเป็นฆาตกร เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 01:18:54

ความคิดเห็นที่ 36 กำลังติด dextor เช่นเดียวกันครับ จากคุณ : pinhead เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 01:40:18

ความคิดเห็นที่ 37 ชวนให้นึกถึงตาเอ๊ด ตะหงิดๆ  แหะ /แล้วการที่คอย อดคิดบ่อยๆหรือเสมอๆ ไม่ได้ว่า เกิดวันนึง ที่หนีเหตุแห่งการต่อสู้ไม่ได้ แล้วต้องเข้าสู่สถานการ์ณที่ต้องใช้กำลัง และ คู่กรณีเป็น ไทป์ที่รู้สึกว่าเป็นภัยอย่างยิ่ง  ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ จะต้องทำการหยุดยั้ง ด้วยของใกล้ตัวที่มั่นใจได้ว่า สามารถจัดการคู่กรณีได้  และจะจัดการคู่กรณี อย่างรวดเร็วและด้วยวิธีระมัดระวังที่จะเป็นการสาวมาถึงตัวให้อย่างรอบครอบที่สุด และในขณะที่จัดการคู่กรณี ก็จะตั้งใจไว้ว่าจะฮัมเพลงที่ชอบไปด้วย + กับยิ้มอย่างมีความสุข และค่อยๆจัดการอย่างระเมียดระไม  แล้วก็วิธีการจัดเก็บที่เรียบร้อย     ถือว่ามีแนวโน้มที่จะไปจัดอยู่ในเคส พวกนี้ด้วยหรือเปล่า ^^ จากคุณ : himajin006 เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 02:00:03

ความคิดเห็นที่ 38 อ่านแล้วคิดถึงเรื่องฆาตกรกราดยิงเด็กแว๊นที่หลายคนชื่นชมกันในห้องเฉลิมไทย ถ้ามันก่อคดีอีก ก็คงจัดเป็น serial killer ได้มังครับ? จากคุณ : AUDAC!TY เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 03:56:26

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านไปด้วยเปิดเพลง ดร. ฮันนิบาลไปด้วย..ได้บรรยากาศมากมากค่ะ.. ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีนะคะ.. จากคุณ : primjang เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 08:34:23

ความคิดเห็นที่ 40 อ่านไปตื่นเต้นไป ขอบคุณครับที่หาเรื่องตื่นเต้นมาให้อ่านแต่เช้า จากคุณ : HonLin เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 08:45:20

ความคิดเห็นที่ 41   มีคำถามค่ะ อ่าน คห 23 รู้สึกงงๆ อ่ะค่ะ "พบว่าฆาตกรที่มีครอบครัวปรกติ มีสมองส่วน Prefrontal cortex ทำงานผิดปรกติมากกว่า เมื่อเทียบกับอีก 2 กลุ่ม แสดงให้เห็นว่าความอบอุ่นในครอบครัวสำคัญต่อการป้องกันการเกิดฆาตกร"  หลักการมันขัดกับที่พูดใน คห 17 หรือเปล่าคะ ? ตกลงว่า Prefrontal cortex มีการทำงานน้อยมันทำให้แนวโน้มการฆ่าสูงขึ้นหรือเปล่า ? จากคุณ : Black-White&Gray เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 09:49:36

ความคิดเห็นที่ 42 อ่านจบแล้วครับ Neurocriminology นี่น่าสนใจดีนะ แต่ถ้าให้เลือกเรียนก็คงไม่เอา - -" แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 11:29:40 จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 10:56:16

ความคิดเห็นที่ 43 ตอบคุณ Black-White&Gray สมองส่วน Prefrontal cortex เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มสมองที่ทำงานคล้ายตัวเบรคอารมณ์ดิบ และความก้าวร้าวค่ะ (ตล้ายกับเป็นสมองส่วนศีลธรรมหน่อยๆนะ) จากการทดลองคราวแรกที่เอาสมองฆาตกรมาเทียบกับคนปรกติแล้วพบว่า  Prefrontal cortex ของฆาตกรทำงานน้อยกว่าคนธรรมดานั้นตรงตามที่ดร. Adrian ตั้งสมติฐานไว้ จึงเกิดการทดลองอื่นๆตามมา.. ส่วนการทดลองเรื่องเด็กบ้านแตกนั้น ดร. Adrian สรุปออกมาว่า .. At first, these fndings seemed unexpected, but from another perspective they made sense. If a seriously violent offender comes from a bad home, it is plausible to seek the causes of his violence there. If he comes from a good home, however, environmental causes seem less plausible. Biological defcits become a more likely explanation... จากบทความ http://www.dana.org/news/cerebrum/detail.aspx?id=3066 อย่าลืมว่าการจะเกิดฆาตกรได้นั้น ต้องที่หลายปัจจัยมาประกอบ ฆาตกรบางคนอาจฆ่าคนจากธรรมชาติสมอง+ปัจจัยผลักดันอื่น หรืออาจมีสมองปรกติ แต่โดนทารุณกรรมอย่างหนักมาก็ได้ การทดลองเกี่ยวกับเด็กบ้านแตกแสดงถึง ปัจจัยจากอิทธิพลของครอบครัวในการผลักดันคนให้กลายเป็นฆาตกร  คนปรกติที่มีครอบครัวไม่ดีก็อาจจะเป็นฆาตกรได้ ส่วนคนที่มาจากครอบครัวปรกติ ถ้ามีความผิดปรกติทางชีวภาพ (+ แรงผลักดันอื่นๆ) ก็อาจกลายเป็นฆาตกรได้ .. ขอบคุณที่ถามนะคะ .. แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 11:25:30 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 11:20:41

ความคิดเห็นที่ 44 อยากจะบอกว่า กำลังคิดจะตั้งกระทู้ ว่ามีใครเคยอยากจะเป็น serial killer บ้างไหม -"- เราอยากนะ แต่กำลังร่างกายและสมองมีไม่พอ ถ้าทุกอย่างเอื้อแบบเด๊กซเตอร์ได้ก็อาจจะเป็น ก๊ากกกกกกกก จากคุณ : PADAPA--DOO เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 11:23:54

ความคิดเห็นที่ 45 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 11:35:38

ความคิดเห็นที่ 46 คิดถึง Criminal Minds เหมือนคุณหัวหน้ามหาประลัยเปี๊ยบ คุณโอ้ละหนอน่าจะเป็น Profiler ใน BAU ได้เลยนะเนี่ย จากคุณ : Norchideen เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 11:39:06

ความคิดเห็นที่ 47 ขอถามเพิ่มเติม จขกท.พอจะทราบเหตุผลเชิงประสาทวิทยา/สังคมวิทยาบ้างไหมครับ ว่าทำไมประเทศไทยจึงไม่ค่อยมี serial killers เหมือนฝั่งยุโรป? จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 11:48:13

ความคิดเห็นที่ 48 ถ้าเมืองไทยมี ให้ไปเชือดพวกเด็กแว๊นซ์ ได้มะครับ - -* อย่าด่านู๋ นะ เหอๆ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 11:56:14

ความคิดเห็นที่ 49 ตอบคุณ Cryptomnesia สถิติหรืองานวิจัยในไทยเคยหาแล้วยังไม่เจอค่ะ อาจจะมีแล้วดิฉันหาไม่เจอก็ได้ รอคนรู้จริงมาคุยดีกว่าเนอะ.. ใช่ว่าเมืองไทย เมืองพุทธไม่มีฆาตกรต่อเนื่องนะเออ.. ลองใช้คีย์เวิรด์ "ฆาตกรต่อเนื่อง" หาดูสิคะ ดิฉันว่าที่เมืองไทยไม่ฮือฮามากเพราะสื่อเอามาเล่นไม่ต่อเนื่องหรือเปล่า ทีเห็นต่อเนื่องจริงก็ซีอุยนี่แหล่ะ แต่เซ็งอยู่อย่างนะ อ่านข่าวของฆาตกรต่อเนื่องฆ่าหมอนวด "สมคิด พุ่มพวง" จากนี่ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1250826127&grpid=04&catid=17 แล้วเจอนี่ "... แต่จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน ขณะที่ทางนำสืบในชั้นพิจารณาคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์อยู่บ้าง จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยตลอดชีวิต..." ... (= =') ... (โอ้..อนิจจา... อ่านแล้วอยากให้เมืองไทยมีคนอย่าง Dexter ซัก  3 คน คนนึงเป็นนิติเวช คนนึงเป็นพัสดี คนนึงเป็นนักการเมือง จะได้ครอบคลุม..) จากเว็บของกองปรามค่ะ น่าอ่านดี .. การวิเคราะห์พฤติกรรมศาสตร์สู่การจับกุม "สมคิด พุ่มพวง" ฆาตกรฆ่าต่อเนื่อง http://www.csd.go.th/scoop/behaviour/ แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 12:40:18 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 12:20:28

ความคิดเห็นที่ 50 ตอบคุณ Norchideen เกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญวิทยาโดยตรง มีความหวังว่าเราจะมีผู้เชี่ยวชาญมากขึ้นเพราะคณะวิทย์ม.มหิดลเพิ่งเปิดหลักสูตรป.โท Forensic science ขึ้นมาค่ะ เป็นหลักสูตรป.โท อินเตอร์ฯ เรียนเพียงปีครึ่ง หรือ 2 ปีนี่แหล่ะ บริหารหลักสูตรโดยอาจารย์ที่เป็นทีมงานของหมอพรทิพย์ค่ะ (อาจารย์น่ารักมาก) อีกทั้งมีการให้ทุนบุคลากรจากกรมตำรวจโดยเฉพาะด้วย (ดิฉันไปงาน open house มาค่ะ) เผื่อมีคนสนใจ http://www.forensic.sc.mahidol.ac.th/ นอกจากที่นี่แล้วยังมีหลักสูตรเกี่ยวกับนิติเวชวิทยา และ อาชญวิทยาในอีกหลายมหาวิทยาลัยค่ะ.. จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 12:30:39

ความคิดเห็นที่ 51 ต้องคนนี้ครับ "อเล็กซานเดอร์ พิชุสกิน"(alexander pichushkin) http://tnews.teenee.com/crime/16179.html ไม่มีประวัติครอบครัวเหลวแหลก ไม่มีเหตุจูงใจอื่น ฆ่าคนเพราะสนุก สารภาพว่า ฆ่า 61 คน มีหลักฐาน 48 คน เกื่อบทั้งหมด คนร้ายชี้เบาะแสเอง จิตแพทย์ลงความเห็นว่า ปกติดี ด้วย เหยื่อคนแรกคือเพื่อนสนิท ที่ชวนฆ่าคนด้วยกันแล้วเพื่อนไม่เล่นด้วย หมอนี่เลยฆ่าเพื่อนเป็นคนแรกเลย แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 13:54:51 แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 13:52:40 จากคุณ : Humandroy เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 13:48:44

ความคิดเห็นที่ 52   ขอบคุณค่ะ อ่านแล้วเพลินมาก นึกถึงพวกนิยายไครม์แอนด์มิสทรีค่ะ บางทีก็คิดนะว่า พวกนักเขียนพวกนี้อาจจะเป็นฆาตกรรมต่อเนื่องด้วยก็ได้ จากคุณ : ศกุนตลา เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 14:06:30

ความคิดเห็นที่ 53   #49 ทำไมเซ็งล่ะครับ โทษความผิดแค่ไหนถึงจะพอกันครับ ก็ตัดเขาออกจากสังคมด้วยการจำคุกตลอดชีวิตก็ ok แล้วหนิครับ คนอันตรายต่อสังคมแบบนั้นให้เข้าข่ายมาตรา 65 ได้ไง แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 14:11:18 จากคุณ : อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 14:11:04

ความคิดเห็นที่ 54 - ฆาตกรมักจมอยู่กับความหดหู่ใจหลังการฆ่า (post-homicidal depression) ความรู้สึกหดหู่ที่เกิดจะกระตุ้นให้ฆาตกรก่อเหตุขึ้นใหม่ จึงเป็นสาเหตุให้ฆาตกรต่อเนื่องไม่สามารถหยุดการฆ่าได้ ขนาดหดหู่ยังต้องฆ่าอีกด้วยหรอ งือๆ กลัว จากคุณ : moshita เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 15:53:50

ความคิดเห็นที่ 55 ตอบคุณ อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ ขออภัยหากความคิดเห็นของดิฉันจะเหมือนเป็นการดูหมิ่นระบบยุติธรรมนะคะ.. 1. ดิฉันทราบว่าศาลเองท่านก็ตัดสินไปตามหลักฐานและกฎหมาย แต่ในอนาคตเมื่อทุกคนลืมเรื่องนี้หมดแล้ว จะรับประกันได้อย่างไรคะว่านักโทษคนนี้จะไม่ถูกปล่อยออกมา? ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ทราบเกี่ยวกับระบบการตัดสิน แต่เทียบกับคดีอื่นอย่างคดีนวลฉวี หมออธิปติดคุกแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น เลยคิดเหมาเอาว่ากรณีนี้มันน่าจะมีโอกาสเป็นไปได้ค่ะ (เคยได้ยินมาว่าหมออธิปติดคุกปีกว่า แต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษและพ่อแม่วิ่งต้น http://atcloud.com/stories/33823) 2. ในกรณีอื่น เช่นตำรวจจับฆาตกรที่เพิ่งฆ่า หรือเพิ่งข่มขืน เพียง 1 ราย แต่ผู้ต้องหารับสารภาพ+ให้การเป็นประโยชน์ในชั้นศาล+ประพฤติตัวดีในคุก ---ศาลสั่งปล่อยก่อนกำหนด มองในแง่ดี --- นักโทษไม่ได้เลวโดยนิสัย แต่ทำไปเพราะปัจจัยบางอย่าง และสำนึกผิดแล้ว --- เราได้คนดีเพิ่มมา 1 คน มองในแง่ร้าย --- นักโทษมีความผิดปรกติทางชีวภาพ (อย่างที่แสดงในบทความนี้) และ/หรือ ผิตปรกติทางจิต ไม่สำนึกผิด หรือสำนึกผิดแล้ว แต่ออกไปกลับคุมอารมณ์ดิบตัวเองไม่ได้ ------- สังคมได้ฆาตกรเพิ่มขึ้น 1 คน ถามว่า โทษความผิดแค่ไหนถึงจะพอ ที่จะต้องฆ่าใครสักคน ต้องขังใครสักคนตลอดชีวิต หรืออภัยให้ใครสักคน นั้น ไม่สามารถตอบได้ค่ะ ไม่มีเกณฑ์ไหนมาวัด วิทยาศาสตร์รับใช้สังคมได้แค่ป้องกัน  วัดความผิดปรกติ และหาทางรักษาเท่านั้นเอง สุดท้ายก็ต้องให้มนุษย์มาตัดสินอยู่ดี.. นักโทษก็คน เหยื่อก็คน ชีวิตนักโทษมีค่า แล้วชีวิตของว่าที่เหยื่อในอนาคตล่ะ? ด้วยเหตุนี้อาจทำให้คนอย่างเด๊กซเตอร์กลายเป็นพระเอกขึ้นมาได้นะ ... ขอบคุณที่มาอ่านและเปิดประเด็นค่ะ.. แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 16:05:07 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 16:01:20

ความคิดเห็นที่ 56 http://writer.dek-d.com/Writer/story/view.php?id=205702? ประวัติฆาตกร บทความของคุณcammyจากเวปเด็กดีครับ จากคุณ : Alive Axis เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 17:48:22

ความคิดเห็นที่ 57 ดร.ฮันนิบาล นี่ ถ้าตัดเรื่องฆาตกรออกไป จัดเป็นนายในดวงใจเลยนะ สุภาพบุรุษ ฉลาดหาตัวจับยาก ปล.เคยคุยเรื่องนี้กับเพื่อน เพื่อนสรุปว่า เพราะฆาตกรต่อเนื่องบ้านเรา ไม่ฉลาด/ได้รับการศึกษาสูงเหมือนต่างประเทศ เลยกลายเป็นเด็กแว๊น และอีกสารพัด ส่วนใหญ่จึงโดนจับหรือโดนยิงทิ้งไปเสียก่อน จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 17:50:38

ความคิดเห็นที่ 58 ทำให้ผมนึกถึงคนนี้มาได้ครับ jack the ripper จากคุณ : MzZzZzZ (tstevy1a) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 19:46:01

ความคิดเห็นที่ 59 ชอบค่ะ อ่านเพลินดี เข้าใจง่าย ขอบคุณนะคะ ^^ จากคุณ : B*wiki เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 23:37:20

ความคิดเห็นที่ 60 อยากดู Dexter season 4 แล้วครับ จากคุณ : Multiverse เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 23:41:03

ความคิดเห็นที่ 61 ........ ถูกใจมากมาย  ^.^ ขอบคุณมากๆ ค่ะ ........ จากคุณ : +SayuriMysterious~* เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 05:04:42

ความคิดเห็นที่ 62 #60 ออกได้ 5 episode แล้วครับ จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 09:48:25

ความคิดเห็นที่ 63 ตอบคุณ Cryptomnesia #47 ที่ถามว่าทำไมในไทยไม่ค่อยพบฆาตกรต่อเนื่อง ผู้กระทำความผิด(อะไรแล้วก็แล้วแต่) มีแรงขับดันจาก 2 แหล่ง แบ่งเป็น 3 รูปแบบ 1. แรงขับภายนอก ประมาณว่าสภาพสังคมบีบให้ทำ เช่น ความยากจนขัดสน การเอาชีวิตรอด รูปแบบมันจะออกมาประมาณว่าปล้นเงินเพื่อเอาเงินไปใช้จ่ายประทังชีวิต ฆ่าคนเพราะผลประโยชน์ เป็นต้น 2. แรงผลักดันภายใน ความผิดปกติของสมองฮอร์โมน (บทความในกระทู้นี้) ผู้ที่มีความผิดปกติของร่างกายบางอย่างจะควบคุมความอยากบางอย่างไม่ได้ เช่น คนที่เป็นโรคชอบลักขโมยหรือชอบวางเพลิง ที่ทำไปเพราะมี "ความอยาก" มาจากข้างใน แล้วระงับไม่ได้ด้วยพลังของตน(เพราะสมองมีความผิดปกติ) 3. แรงขับจากทั้งสองปัจจัย เช่น สมองผิดปกติเป็นทุนอยู่แล้ว และสภาพแวดล้อมบีบอีก ฆาตกรต่อเนื่องนั้นน่าจะเป็นแบบที่ 2 คือไม่ได้เอาทรัพย์สินเงินทองแต่ฆ่าเพราะ "ความอยาก" เป็นความอยากที่ระงับไม่ได้ ทำไมในไทยถึงไม่ค่อยพบ เหตุผลนั้นยากที่จะบอก แต่ถ้าให้วิเคราะห์จะได้ดังนี้(ความคิดเห็นส่วนตัวของผม) 1. ระบาดวิทยาของอาการนี้ จากข้างบนบอกว่าส่วนใหญ่เป็นคนขาวถึง 70 กว่า % อาจพบอาการนี้ได้น้อยในคนเอเชีย 2. การฆ่าแบบต่อเนื่องในลักษณะนี้จะเกิดแบบต่างกรรมต่างวาระกัน เวลาที่ใช้จึงยาวนาน ในระยะเวลาก่อนที่จะเกิดฆาตรกรรมครั้งต่อไปฆาตกรอาจจะโดนจับไปแล้ว(เพราะเป็นคดีสะเทือนขวัญตำรวจจะเร่งคดีทันที ยิ่งออกทีวีไม่กี่วันก็จับได้แล้ว) เลยกลายเป็นฆาตกรธรรมดาไปซะก่อน ไปไม่ถึงขั้นฆาตกรต่อเนื่อง 3. ฆาตกรฉลาดๆ ก็ไม่ฉลาดสู้ตำรวจ(ตำรวจไทยเก่งนะครับ ถ้าเอาจริง) 4. คนไทยไม่ค่อยรู้จักอะไรแบบนี้ เลยไม่เกิดการเลียนแบบ(ดีจัง) 5. จริงๆอาจมีเยอะแต่เค้าอาจยังนวลอยู่ในสังคมโดยที่ไม่มีใครรู้ก็ได้.....(บรึ๋ย~~) จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 12:02:01

ความคิดเห็นที่ 64 Thanks for sharing naka ^_^ จากคุณ : ชั้นไม่มีอนาคตกับผู้ชายคออ่อน เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 13:48:11

ความคิดเห็นที่ 65 555 จากคุณ : -APEM เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 14:34:54

ความคิดเห็นที่ 66 เข้ามาอ่านนะคะ พลาได้งัยกระทู้นี้ เหอะๆ ชอบนักชอบแล ช๊อบชอบ แต่ยังไม่มีเวลาอ่านจนจบเลยค่ะ คั่นหน้าไว้่่ก่อนนะ จากคุณ : Choco-Mix เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 15:39:32

ความคิดเห็นที่ 67 เป็นเรื่องที่น่านใจคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : MzChewiize เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 16:23:02

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณครับ จากคุณ : monixe เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 17:45:41

ความคิดเห็นที่ 69 เมื่อสืบประวัติย้อนหลัง พบว่าฆาตกรต่อเนื่องมักมีลักษณะแบบ MacDonald triad ในวัยเด็ก ได้แก่: - ปัสสาวะรดที่นอนบ่อยๆ (bed-wetting) - ชอบเล่นไฟ หรือเคยมีประวัติวางเพลิง (arson) และ - ชอบทารุณสัตว์ (cruelty to animals) ไม่จริงน่ะครับ ไม่จริงๆๆๆๆๆๆ     ผมไม่ใช่ฆาตกร  555+ จากคุณ : สหายกุนเชียง เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 22:28:02

ความคิดเห็นที่ 70 ฆาตกรต่อเนื่องที่ผมชอบๆอยู่ 2 แนวนะครับ 1. สะกดรอยเหยื่อ  สืบประวัติ วางแผนก่อนลงมือ ไม่ลงมือเอง จากเรื่อง kiss the girl ดูแล้วโดนมาก 2. รูปร่างหน้าตาบุคลิคดี  เป็นคนน่าเชื่อถือ เข้าได้กับทุกคน  ลงมือโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน แม้แต่ตอนโดนจับยังไม่มีคนอยากเชื่อ จาก 2 คนที่ว่านี้คุณว่าใครน่าจะโดนจับเร็วที่สุด^^ ปล. ฆตรากรทุกคนยอมมีปูมหลังทางด้านจิตใจหมด(ส่วนมากวัยเด็ก) จากคุณ : Baby in Car เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 00:37:55

ความคิดเห็นที่ 71 นึกถึงคนนี้ ถึงร้าย...แต่ก็รักนะ จากคุณ : แก้วตาขาร็อค เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 14:32:02

ความคิดเห็นที่ 72 สะดุดใจเรื่องที่ฆาตกรต่อเนื่อง 95%เป็นชาย และ73%จากในนั้นเป็นคนขาว แบบนี้จะเป็นไปได้หรือไม่คะ ที่อาจมีความผิดปกติในระดับยีน คืออาจเป็นยีนด้อยที่แสดงตัวได้ง่ายในชายผิวขาว ซึ่งยีนนั้นอาจทำให้เกิดความผิดปกติทางสมอง ทำนองเดียวกับ ยีนหัวล้าน-ที่มักแสดงออกในเพศชาย (ถ้าจำไม่ผิดก็เป็นยีนด้อยเหมือนกันนะ) หรือผมบลอนด์-ที่เป็นยีนด้อยแต่แสดงออกมากในคนขาว แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 52 16:00:34 แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 52 15:59:21 จากคุณ : Ponyo เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 15:53:04

ความคิดเห็นที่ 73 มองอีกแง่นึง ฆาตกรต่อเนื่องก็เป็นผลตกผลึกจากความผิดปกตินะ กรณีแรกคือ เป็นความผิดปกติของร่างกายของเจ้าตัวเอง เป็นเรื่องทางกายภาพเพียวๆ เช่น พิชุสกิน ในคห.ข้างบนๆ เป็นตัวอย่าง กรณีที่สองคือ เป็นการตกผลึกของความผิดปกติจากคนหลายรุ่น ที่คุณจขกท.อ้างถึงเรื่องความอบอุ่นในครอบครัวอ่ะค่ะ ใครบ้างไม่อยากเกิดในครอบครัวที่อบอุ่น? ทั้งที่ทุกคนก็อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ทุกคนที่จะสร้างครอบครัวอบอุ่นได้ ส่วนมากแล้วความผิดปกติทางบุคลิกภาพก็มักเป็นเรื่องส่งต่อจากพ่อถึงลูกซะด้วย เช่น คนที่พ่อเจ้าชู้โตขึ้นกลับรับถ่ายทอดบุคลิกของพ่อมาด้วยตามทฤษฎีของฟรอยด์น่ะค่ะ แบบนี้จะเป็นไปได้หรือไม่ว่ามียีนที่เมื่อแสดงตัวออกจะทำให้เกิดความผิดปกติทางกายภาพ ซึ่งทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดความผิดปกติทางบุคลิกภาพ ความผิดปกติทางบุคลิกภาพ(ที่อาจจะสะสมมาหลายรุ่น เช่นพ่อที่เคยโดนย่าทารุณกรรมก็มาทารุณกรรมลูกชายอีกต่อ) +ความผิดปกติทางกายภาพ ->serial killer? ปล.เห็นกระทู้นี้หลายวันแล้ว แต่ที่ไม่เข้ามาดูแต่แรกเพราะกลัวค่ะ เห็นพูดถึงเรื่องสมอง เลยนึกว่าจะมีสมองดองมาโชว์แบบกระทู้พาทัวร์รพ.บ้านสมเด็จฯ - -* จากคุณ : Ponyo เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 16:35:01

ความคิดเห็นที่ 74 ตอบคุณ Baby in Car จากที่ดูหนังมา น่าจะพอๆกันทั้ง 2 กลุ่ม หากหลงตัวเอง อีโก้สูง จนสะเพร่าค่ะ .. ^^ ตอบคุณ Ponyo ฆาตกรต่อเนื่อง 95%เป็นชาย และ73%จากในนั้นเป็นคนขาว --- ขึ้นอยู่กับว่าไปสำรวจกันจากประชากรกลุ่มใดค่ะ จากข้อมูลการสำรวจที่ได้ ทำในฝั่งอเมริกา และทำมานานแล้วด้วย ถ้ามาสำรวจที่เอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป ฯลฯ อาจจะได้ข้อมูลใหม่ๆค่ะ เรื่องพันธุกรรม ตอนนีกำลังศึกษายีนที่เกี่ยวข้องกับความก้าวร้าวอยู่ค่ะ ได้ความว่าอย่างไร เอาไว้ดิฉันจะเรียบเรียงมาเสนออีกทีค่ะ จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 17:04:31

ความคิดเห็นที่ 75   ผมมี คุณสมบัติเป็น ฆาตกรต่อเนื่อง เกือบครบเลยนะครับ - ปัสสาวะรดที่นอนบ่อยๆ (bed-wetting) - ชอบเล่นไฟ หรือเคยมีประวัติวางเพลิง (arson) และ - ครอบครัวแตกแยก แต่สิ่งเดียวที่ผมควบคุมไม่ได้คือ ปัญหาการใช่เงินครับ ที่เหลือไม่เป็นปัญหากับผมเลย(ถึงบางอารมณ์ อยาก วางแผนปล้นธนาคาร เหมือนกัน) จากคุณ : Dr.Answer เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 23:33:46

ความคิดเห็นที่ 76 gooooooooooooooooooooooooooooooood จากคุณ : ฮักเมาน้องหล้า เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 01:52:56

ความคิดเห็นที่ 77 เห็นด้วยกับ #74 ครับ ผมคิดว่าถึงแม้ทาง Asia จะรู้จักการจดบันทึกมาเป็นเวลานาน แต่การศึกษาเรื่องด้านนี้อย่างจริงจังทางตะวันตกน่าจะทำได้ดีกว่า มีการศึกษาวิเคราะห์และจดบันทึก จึงมีข้อมูลมากกว่า ไม่แน่ว่าสมัยที่สยามยังขี่ความขี่ม้าจับปลาผ่าฟืนนั้น อาจจะมีฆาตกรต่อเนื่องที่น่ากลัวกว่า JTR ก็ได้ ^^ จากคุณ : Chocolate`Browny (guta_me) เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 02:41:45

ความคิดเห็นที่ 78 นึกถึงหนังสือเรื่อง "ผ่าสมองคนต้องฆ่า" เลยค่ะ จากคุณ : kee20th เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 11:03:11

ความคิดเห็นที่ 79 กำลังดู Dexter Morgan อยู่เหมือนกันเลยครับ แหะๆ มันส์ดี แนะนำให้ จขกท ดู Tenderness ไม่ทราบว่าจะเคยดูหรือยัง เกี่ยวกับฆาตกรที่หลงใหลในความนิ่มนวลของการฆ่า รัซเซล โครว์ เป็นตำรวจจ จากคุณ : P Lloyd เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 16:11:46

ความคิดเห็นที่ 80   โหดดีแต่ว่า จากคุณ : 102 เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 23:07:20 A:180.183.86.165 X: TicketID:157263

ความคิดเห็นที่ 81   ให้ข้อมูลบ้างก็ได้ ผมไม่ได้อ่านอันที่เป้นภาษาอังกฤษนะครับ อ่านแต่ที่เป้ปนไทย ผมเกิดมาก็เริ่มเรียนรู้เรื่องเพศตั้งแต่เด็กเลยครับ เด็กมากๆสองสามสี่ขวบนั่นล่ะ แล้วก็จะสัมพันธ์กับการฆ่าทั้งสิ้น จินตาการ ความสุขทางเพศจะเกี่ยวกับการฆ่าและทรมานครับ แรกๆฆ่าเฉยๆ สักพักก็จะเริ่มฆ่าแบบช้าๆและทรมานๆ จากคิดกับสัตว์ก็มาเป็นคนในตอนวัยรุ่น คือถ้าไม่ได้ฆ่า ไม่ได้เห็นสิ่งที่ชอบเจ็บปวด ทรมาน หวาดกลัวตายกลัวเจ็บปวด หรรือไม่ได้ปลิดชีพเขาช้าๆแบบทรมานสุดๆทั้งที่เขากลัวอยู่ ผมจะไม่แฮปปี้มั้ง ตอนนี้เป็นวัยรุ่นตอนปลายก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ มีปัญหาด้านการสื่อสารจริงๆอย่างที่งานวิจัยนี่บอกแหละ ไม่พุด เก็บตัว แยกตัวจากสังคม(ทั้งที่ไม่อยาก) สันโดษ พูดไม่เก่ง พุดไม่ได้ ไม่รู้ทำไมมันพูดไม่ได้ทั้งที่ก็ไม่ได้เป็นใบ้ อึดอัดก็อึดอัดมาก แต่มันก็พูดไม่ได้จริงๆแหละ แล้วก็มีความคิดประหลาดๆ ลักษณะที่ว่ามาทั้งหมด ไม่ได้อยากเป็น แต่มันก้เป็นของมันไปเอง อยากพูดก็พูดไม่ได้โดยเฉพาะกับคนที่ชอบ(เลยเหมือนบางทีคิดว่า ย่องไปจับมันโปะยา ลากมาทารุณ ทำให้กลัวให้เจ็บและแล่เนื้อทั้งเป้นช้าๆให้มันเจ้บจนตายเล่นดีกว่า ง่ายกว่าเยอะ อะไรที่เหยื่อกลัว ไม่อยากได้จะเอามาใช้ทารุณเขาใหหมด และอะไรที่เขาอยากจะได้อยากจะมีจะเอามาจากเขาซะ เช่น ชีวิต) มีปัญหาทางกายภาพจริงๆหละ อย่างข้อมูลในกระทู้นี้บอก มีปัญหาที่ร่างกายโดยรวม ใบหน้าและอย่างยิ่งก็อวัยวะเพศ วัยเด้กก็มีปมจริงๆ ทั้งแง่ถุกใช้ความรุนแรง แจากครอบครัว เพื่อน สังคม แง่ความรัก คือเหมือนถูกทำร้าย กับ ทอดทิ้งโดดเดี่ยตลอด ประมาณนั้น ชอบเล่นไฟ และปัสสาวะรดที่นอนบ่อยจริง แล้วไม่ว่าจะรู้สึกแย่ขนาดไหน จะไม่แสดงออกมา ไม่พุด เหยื่อที่อยากได้ ไม่รุ้จักกันก็ใช่ แต่ที่รู้จักบางทีก็อยากได้ แต่ชอบแบบไม่รู้จักและเขาไม่เคยทำร้ายเราและไม่มีอะไรผิดมากกว่า เวลาเอามาลงโทษหนักๆมันสะใจ ประมาณนัน้ แต่ยังไม่เคยฆ่าคนจริงๆนะ ที่ผ่านๆมา ไม่เคย เพราะยังเด็ก จากคุณ : 102 เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 23:33:20 A:180.183.86.165 X: TicketID:157263

ความคิดเห็นที่ 82   อาวุธที่ใช้ ต้องเป็นมีด หรือของมีคม เท่านั้น ไม่ชอบปืน มันตายเร็วไป และไม่เจ็บเท่าไร ไม่น่ากลัว จากคุณ : 102 เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 23:34:36 A:180.183.86.165 X: TicketID:157263

ความคิดเห็นที่ 83 ป่วยอย่างแรง คุณ 102 พูดจริงหรือนั่น ถ้าเป็นเรื่องจริงควรพบจิตแพทบำบัดด่วน จากคุณ : ท่านชายทัด เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 16:30:56

ความคิดเห็นที่ 84 อ่านทู้นี้แล้ว อยากดูฮันนีบาลเลยอ่ะ แว้บบบ.. ไปดูดีกั่ว จากคุณ : ยายกินลำไยน้ำลายยายไหล เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 20:35:48

ความคิดเห็นที่ 85 ^ ^ เพิ่งดูจบ.. เง้ออ.. Hannibal (2001) จากคุณ : ยายกินลำไยน้ำลายยายไหล เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 22:55:43

ความคิดเห็นที่ 86   ก็ใครว่าล้อเล่นละครับ เหอ ก็เป็นแบบนี้แหละ จริงๆ แต่ว่า มาให้ข้อมูลไง ว่าสมมติฐาน ทฤษฎีที่ตั้งกัน ก็มีส่วนถูกนะ อะไรแบบนั้น เห็นเลือด เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ความกลัว แววตาที่กลัวตายแล้้วมีความสุข หุหุ จากคุณ : 102 เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 23:26:14 A:180.183.86.165 X: TicketID:157263

ความคิดเห็นที่ 87   หมอก็รักษาผมไม่ได้หรอกมั้ง เหอๆๆๆๆ แย่จังที่เป็นแบบนี้ โตขึ้นคงไม่กำเริบขึ้นเรื่อยๆนะครับ หวังว่า จากคุณ : 102 เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 23:43:33 A:180.183.86.165 X: TicketID:157263

ความคิดเห็นที่ 88   สงสัยผมโรคจิตกว่า เพราะผมจะรู้สึกสนุกตื่นเต้น สะใจ เวลาเห็นไอ้คนที่ทำอะไรคนอื่นเค้ายังงั้น แล้วโดนบ้าง ดิ้นทุรนทุราย ขอชีวิตแฮะ มันสะใจแบบบอกไม่ถูก จากผู้ล่าตกเป็นเหยื่อซะเอง มันรู้สึกดีมากๆเลยล่ะ เหอๆ จากคุณ : วัตถุคล้ายรถ... เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 02:31:20 A:110.164.27.174 X: TicketID:202002

ความคิดเห็นที่ 89   ถึง 102 ใครจะบอกได้ว่ากำเริบหรือไม่กำเริบ??? ไม่มีหรอกนะ แม้แต่หมอก็บอกไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น ไปหาหมอเถอะนะ ขอร้อง จากคุณ : canon เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 04:01:15 A:88.217.6.229 X: TicketID:056401

ความคิดเห็นที่ 90   ผมกลัวหมออะครับ จากคุณ : 102 เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 06:19:18 A:180.183.86.165 X: TicketID:157263

ความคิดเห็นที่ 91 ชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชช เลย จากคุณ : จักรพรรดิแดนรักทหารErosPhoenix เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 16:13:05

ความคิดเห็นที่ 92 อ่านของคุณ 102 แล้วขนลุกอ่ะ จากคุณ : ตะเกียบไม้ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 19:11:54

ความคิดเห็นที่ 93 ขอบคุณมากค่ะ ให้ความรู้และอ่านเพลินดีมาก คิดถึงฮันนิบาล~ (โอ้ แอนโทนีย์ ฮอบกินส์ สุดยอดพระเอกในใจฉ๊าน) ปล. ชอบเพลงคห.25 ด้วย :) จากคุณ : Zatampza เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 20:30:44

ความคิดเห็นที่ 94 ทฤษฎีในการระวังฆาตกรโรคจิตในกระทู้นี้ ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันของเราไหมครับ จากคุณ : จักรพรรดิแดนรักทหารErosPhoenix เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 52 06:13:09