 |
ความคิดเห็นที่ 9 |
ถ้าคุณยึดตามบทนิยามที่ว่า ฐานนิยมคือข้อมูลที่มีความถี่สูงสุด ฐานนิยมจึงมีมากกว่า 1 ค่าได้ครับ การจะรู้ว่าที่สุดหรือไม่ ต้องมีข้อมูลให้เปรียบเทียบ
ดังนั้นอย่างข้อมูลที่ความถี่เท่ากันหมด การเปรียบเทียบว่าใครมากกว่าใครจึงไม่เกิดขึ้น ข้อมูลเช่น 2, 3, 5 หรือ 1, 1, 3, 3, 7, 7 จึงชัดเจนว่าไม่มีฐานนิยม เพราะความถี่ 2 = 2 = 2
แต่ถ้าเป็น 1, 1, 3, 3, 7, 7, 8 แบบนี้มีฐานนิยมคือ 1, 3, 7 (ความถี่ 2 = 2 = 2 > 1)
แต่เนื่องจากว่าวัตถุประสงค์เบื้องต้นของฐานนิยมนั้นใช้กับข้อมูลเชิงคุณภาพ คือดูว่าใครที่สุด เช่นชอบอะไรมากที่สุด การที่มีฐานนิยม 1 ค่า ย่อมไม่เกิดปัญหาแต่อย่างใดและไม่ขัดแย้งกับความรู้สึก
ถ้ามี 2 ค่าก็พอกล้อมแกล้มยอมรับได้ว่ามี 2 ค่า (bimodal) แต่ถ้ามี 3 ค่า (trimodal) ขึ้นไปแล้วเราจะเริ่มเกิดความรู้สึกแล้วว่าฐานนิยมแต่ละค่าดูจะไม่ที่สุดเท่าไร ดังนั้นในตำราบางเล่ม จึงอาจจะเขียนบอกว่าถ้าฐานนิยมมีมากกว่า 2 ค่าขึ้นไปอาจจะถือว่าไม่มีฐานนิยมก็ได้ เช่นในแบบเรียนมัธยมของบ้านเรา
แต่ทั้งนี้คณิตศาสตร์ขึ้นอยู่กับบทนิยามซึ่งเป็นข้อตกลงเป็นหลัก ดังนั้นถ้าคุณยึดนิยามข้างต้น ก็ต้องตอบว่ามี 3 ค่าได้ครับ เว้นเสียแต่ว่าครูของคุณหรือในหนังสือที่คุณใช้ตกลงว่าถ้า 3 ค่าขึ้นไปถือว่าไม่นับนั่นก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่สำหรับผมแล้วปัญหาข้อนี้ถ้าเป็นผมจะตอบว่ามี 3 ค่าครับ
จากคุณ |
:
mrgon
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ต.ค. 52 00:26:50
|
|
|
|
 |