ความคิดเห็นที่ 1 เคยคุยกับเพื่อนอินเดีย ทำงานอยู่ EXXON กับ SAUDI ARAMCO เขายังงง เลยประเทศยู มีแบบนี้ด้วยเหรอ..... จากคุณ : ช่างเหล็ก เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 20:41:55

ความคิดเห็นที่ 2 ผมต้องตกงานหรือนี่ : O จากคุณ : SuicideJumper เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 20:49:18

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วตอนนี้ไปทำอยู่ที่ไหนคะเนี่ย จากคุณ : Biozaaa เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 20:50:29

ความคิดเห็นที่ 4 บ้านเรา ค่าตัวถูกครับ แต่ออปชั่นที่ต้องการเยอะ เลยต้องเอาค่า SKILL เยอะๆไว้ ~Demand น้อย แต่ Supply เยอะ เลือกของดีๆได้เยอะในวงเงินที่ถูก จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 20:53:00

ความคิดเห็นที่ 5   เป็นเรื่องงี่เง่าคับ ไปทำงานต่างประเทศก็ดีแล้วคับ อย่าไปสนใจเลย แห่กันไปทำงานต่างประเทศกันเยอะๆดีกว่า จากคุณ : tunnie555 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 21:29:36

ความคิดเห็นที่ 6   ที่นี่ประเทศไทย ตปท.เค้าสนใจแค่ว่า มีความสามารถรึปล่าว แต่ไทยเค้าสนใจกระดาษใบเดียว ความสามารถไม่มีไม่สน เจอมาแล้วกับตัว (หลายๆคนก็คงเคยเจอ) จบ ปวช. แต่ประสบการทำงานร่วม 10 ปี มันให้เงินเดือน 7500 พ่อเอ็งตายไอ้หะจวก มาทำงานของตัวเองดีกว่า ไม่เป็นลูกจ้างใคร สบายใจ นั่งคลิกเม้าไม่ถึง ชม.ได้ 4พัน จากคุณ : echo "Platalay"; เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 21:36:01

ความคิดเห็นที่ 7 เจอมาแล้วกับตัว (หลายๆคนก็คงเคยเจอ) จบ ปวช. แต่ประสบการทำงานร่วม 10 ปี มันให้เงินเดือน 7500 จากคุณ : echo "Platalay"; อันนี้ เรื่องจริงที่ปวดใจ จากคุณ : katasaro เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 21:38:43

ความคิดเห็นที่ 8 ลุงเล่าให้ฟังว่า เยอรมันเขาจะให้เรียนกันถึงประมาณเกรด 12 จากนั้นก็จะให้ลองไปทำงานตามที่ตนเองต้องการ เพื่อค้นหาความชอบให้เจอเสียก่อน ถ้าใครติดใจและไปได้ดีกับงานเขาก็จะทำงานเลยไม่เรียนต่อ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั้น ทีนี้ในระดับอุดมศึกษาของเขา ก็จะมีผู้ใหญ่เรียนกันเยอะกว่าวัยรุ่น เพราะส่วนใหญ่ก็แค่ต้องการหาความรู้เพิ่มเติมเท่านั้น เราฟังจบก็อยากให้ประเทศไทยเราเป็นแบบนี้จังเลย ตอนนั้นเราน่าจะตัดสินใจไปเรียนที่นู่นลองดู คิดตอนนี้มันช้าไปแล้วล่ะ - -" จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 21:40:53

ความคิดเห็นที่ 9   จดจำไว้เป็นข้อคิดและประสบการณ์ครับ พอคุณใหญ่โต มีคนเชื่อถือมากมาย ขอให้คุณกลับมาเปลี่ยนแปลงความคิดของคนส่วนใหญ่ในบ้านเกิดครับ จากคุณ : โจนintania82 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 21:42:57

ความคิดเห็นที่ 10 #3 ตอนนี้อยู่ KNPC (Kuwait National Petroleum Company) ครับ. คนทำงานที่นี่ส่วนมาก 80 % เป็นคนอินเดียครับ Engineer อินเดียเก่งมากโดยเฉพาะ Computer กับ Automation System. คนไทย ต้องทดลองงานสามเดือนเพื่อปรับภูมิความรู้ และภาษา ครับ....ผมตกประเมินภาษา... แต่อาศัยลุยงาน..เรียนรู้ดะ..เขาเลยให้ผ่านแบบเฉียดฉิว..ทำงัยได้..ภาษาอังกฤษเวอชั่นอินเดีย..สุดย้อดมากน่ะนาย..จ๋านฟังไม่ทัน...หุหุ จากคุณ : ช่างเหล็ก เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 21:45:01

ความคิดเห็นที่ 11   demand supply อย่างว่า บ้านเรา สส.หัวคะแนน เอะอะก็หาเสียงให้ตั้งมหาลัย ป.ตรีเลือยมีกลาดเกลื่อน ถ้าไม่ตั้งเกณฑ์แบบนี้คัดให้มันน้อยลงจะทำไง ผมแนะนำให้จัดสอบวิชาวิศวฯแข่ง แต่เค้าคงไม่เอา เพราะมันเปลืองค่าใช้จ่าย แต่ก็เป็นวิธีที่แฟร์ที่สุด ถึงยังงั้นเด็กฝากเด็กเส้นก็ยังมีเดินขวักไขว่ในที่นั่น ตั้งแต่วิทลัยครู ยัยเอกชน จากคุณ : สมน้ำสมเนื้อ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 21:57:21 A:210.246.64.53 X: TicketID:052378

ความคิดเห็นที่ 12 เป็นคนไทยอยู่ที่ไหนก็ตาม ก็อย่าลืม ยกมือไหว้สวัสดีครับ คนอินเดียชอบคนที่ไหว้เป็น ผมจะสวัสดีทักทายท่านอื่นๆทุกเช้า และอีกอย่างวิศวกรอินเดียทีนี่ค่อนข้างมีอายุทังนั้นครับ 50 up เลยไหว้ได้สนิทใจ....ถ้าเป็นคนศรีลังกาด้วยแล้วเขาจะรีบเอามือมารับมือที่เราไหว้..แล้วไหว้ตอบ..เขาบอกว่ายู่ที่นี่ 15 ปียังไม่เคยมีใครมาสวัสดีด้วยการไหว้เลย..เขาดีใจมาก..ตอนนี้รู้สึกดีครับ หลายคนพูดว่า Mr.Thailand very nice man. ....ไม่รู้อะไร ไหว้ๆ ยิ้มๆ....เดี๋ยวเขาสอนให้เองครับ....หุหุ จากคุณ : ช่างเหล็ก เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 22:01:57

ความคิดเห็นที่ 13   ค่านิยมบ้านเรา บ้า ปริญญา นิครับ ถึงได้จบมาเกลื่อนเมือง แต่ไร้คุณภาพเยอะแยะ จากคุณ : ผ่านไป เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 22:04:02 A:58.9.248.74 X: TicketID:234487

ความคิดเห็นที่ 14   จริงคับ ไทยออยล์เนี่ยจะต้องจุฬ่าเ่ท่านั้นไม่ก็เกียรตินิยม พ่อผมบ่นแทบทุกวันว่าอยากให้เข้าจุฬาจะได้เข้าไทยออยล์ง่ายๆ ทั่งที่ผมเรียนแค่งูๆปลาๆ และไม่เคยคิดจะเรียนจุฬาเลย เหอๆ จากคุณ : Rie-Saruwatari เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 22:08:37

ความคิดเห็นที่ 15 เคยอยู่บริษัทยาข้ามชาติ MD คนปัจจุบันก็เป็นคนรัสเซียจบแค่ระดับ ปวส. ไม่มีปริญญา  แต่คงวัดกันที่ความสามารถมั้งครับ ปล. แต่ MD คนก่อนๆ 2 คน ก็จบระดับ Phd อะครับ จากคุณ : OSK29560 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 22:14:30

ความคิดเห็นที่ 16   ผมเคยทำแต่บริษัทต่างชาติในไทยที่นึง มีเพื่อนร่วมงานเป็นคนเดนมาร์กคุยกันไปคุยกันมา  รวมทั้งทำงานร่วมกัน  มันเก่งมาก  พวกโฟร์แมนเฮ้ยวๆ นี่ศิโรราบมันหมดเลย เขาเล่าให้ฟัง ว่าเขาเคยไปทำงานเกี่ยวกับด้าน insulation ที่ north pole เงินเดือนตั้ง 7000USD แต่เขาจบ มอ หก แค่นั้นนะ แต่มีประสบการณ์ด้านงาน insulation มาแปดปี   ปล.แล้วที่ต้องมาทำงานที่ไทย   เงินเดือนเหลือแค่ไม่ถึงครึ่ง  เพราะดันมาเทียวพัทยาแล้วดันมาเจ๊อะเสน่ห์สาวไทยเข้าให้ 555    จอดคาที่เลย จากคุณ : Pier Gerlofs Donia เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 22:14:56

ความคิดเห็นที่ 17 ค่านิยมเราเป็นแบบนี้ครับ บูชาด็กเรียนเก่ง ทั้งๆที่มันทำอะไรไม่เป็นซักกะอย่าง ไปทำงานต่างประเทศดีกว่าสบายใจ ตอนนี้เนื้อสมองดีๆมีประสบการณ์ของเราก็ไหลไปประเทศอื่น เหลือแต่เืนื้อสมองเน่าๆที่สังคมชอบและบูชา ผมว่าอย่าไปบูชาพวกเด็กเรียนเก่งพวกนี้มากเลย เคยดูเด็กวิศวะทำงานกัน บางคนก็เชื่อมเหล็กบ้าง ประกอบงานบ้าง แต่มีอยู่คนนึงเดินไปเดินมาไม่ได้ทำอะไร ถามว่า ทำไมไม่เชื่อมเหล็กหรืออะไรบ้างหรือ เค้าตอบว่าทำไม่เป็นครับ อ้าวแล้วทำไมคนนี้ทำเป็น อ้อ เค้าเรียนสายอาชีพมา ส่วนผม จบม.6 แล้วมาต่อที่นี่เลย สรุปใครทำอะไรได้มากกว่ากันครับ เด็กเรียนเก่ง - เด็กมีประสปการณ์ จากคุณ : E29AJP (tery_haha) เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 22:18:33

ความคิดเห็นที่ 18 ทำงานต่างประเทศ (และอยู่บริษัทต่างประเทศ) ก็ดีไปอย่าง ว่ากันด้วยความสามารถล้วนๆ การเมืองแทบไม่มี ผิดก็ใส่กันตรงๆ ไม่ต้องอิดออด จากคุณ : ปลัดหน่อง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 22:24:13

ความคิดเห็นที่ 19 โรงปูน  การบินไทย  ปตท. เขาดูด้วยนะว่า   "สี"  เหมือนกันหรือเปล่า? จากคุณ : แจนนิเฟอร์ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 22:32:03

ความคิดเห็นที่ 20 อันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะโทษใคร เห็นมันเป็นแบบนี้มานานแล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนแปลง ขึ้นหรือลงอย่างไร ผมเองก็เคยโดนผลกระทบ จากข้อกำหนดต่างๆเหล่านั้นเหมือนกัน สู้ๆครับ ถ้าเรามีความสามารถ เชื่อว่าต้องมีคนเห็นและให้โอกาสแน่นนอนครับ จากคุณ : MangoTike เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 22:33:10

ความคิดเห็นที่ 21 บริษัทเองก็เล่นเส้นสายเหมือนกับระบบราชการ ต่อไปก็เลิกบ่นเรื่องเส้นสายในราชการนะคับ ว่าแต่ว่าสถาบันไหน  ชอบเส้นสาย จากคุณ : apollo14 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 22:54:39

ความคิดเห็นที่ 22   จริงๆเรื่องเส้นสายและเรื่องสีเป็นเรื่องที่ห้ามกันลำบาก มันฝังรากจนกลายเป็นวัฒนธรรมไปเสียแล้ว การจะก้าวข้ามเรื่องบ้าๆบอๆพวกนั้นได้คุณต้องเป็นคนที่มีความสามารถสูงลิบจริงๆ และปัญหาคือคนที่มีความสามารถสูงลิบที่ว่านั้นมันไม่ค่อยจะมี และปัญหาที่ตามมาอีกก็คือไอ้คนที่ไม่ค่อยจะมีนั่นก็ไม่ค่อยจะทน สมองมันเลยไหลไปต่างประเทศหมด และภายในประเทศก็จึงต้องวนเวียนกับวงจรอุบาทว์นี้ต่อไป จากคุณ : VeryBadman...Begins (คามิยามะมาเยือน!!!) เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 23:44:40

ความคิดเห็นที่ 23 ตามความเห็นที่ #19 ได้ไปรู้ไปเห็นมาจริงๆ หรือเปล่า คือ พักนี้ผมเห็นความเห็นเหน็บปูนใหญ่แบบนี้บ่อยๆ  เริ่มเบื่อ กลัวคนส่วนใหญ่จะเข้าใจไปแบบนั้น สมัย 10 ปีที่แล้ว ก็ไม่มีหรอกครับว่ารับแต่สีชมพู ทุกวันนี้ยิ่งคิดว่าไม่ใช่เลย ผมก็พูดในฐานะที่เคยไปร่วมงานในนั้นมาแหล่ะครับ ส่วนความเห็นที่ว่าเมืองไทย รับคน ไม่ได้ดูที่ประสบการณ์อะไรแบบนั้น ผมว่ามันอยู่ที่ตัวบริษัท และตำแหน่งที่รับสมัครเองด้วย เพราะตำแหน่งสูงๆ เค้าก็ดูประสบการณ์กันทั้งนั้น และเชื่อว่าก็คงมีบริษัทอีกหลายๆ ที่ ที่เอาประสบการณ์มาเป็นเกณฑ์รับคนเข้าทำงาน คือ บริษัทแบบที่ว่าอ่ะ ในเมืองไทยมันก็พอมีครับ ฝรั่งดีๆ บางทีก็งี่เง่าครับ ต้องดูตามสถานการณ์ไป นายฝรั่งผมบางทีก็น่าชื่นชม เก่ง เร็ว บางทีน่าปวดหัว ยังเคยด่าๆ ไปว่า ที่พูดไปอ่ะเข้าใจป่าว (Did you get it !?!? - แหะๆ แต่อย่าทำตามหล่ะ เดี๋ยวตกงาน แย่เลย ^^" ) จากคุณ : กะต่อ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 23:45:59

ความคิดเห็นที่ 24 มีเพื่อนเป็นคน(เกรียน?)เยอรมันครับ จบสายอาชีพถ้าเทียบบ้านเราก็พวกเด็กช่าง(บางพวก)ที่ไล่ยิงกันนั่นแหละครับ รูปร่างหน้าตานี่มหาโจรชัด ๆ เจาะ สัก เต็มตัว แต่แกทำงานเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ในโรงงานอุตสาหกรรมครับ ถ้าเป็นประเทศเรา รับรองว่าไอ้เกรียนฝรั่งนี่(นิสัยมันเกรียนจริง ๆ ครับ ขอยืนยัน) ไม่มีทางได้ทำงานในตำแหน่งนั้นเด็ดขาด (เผลอ ๆ ไม่มีใครรับด้วยซ้ำ) จากคุณ : Roh_Z เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 00:14:30

ความคิดเห็นที่ 25 ...อยากให้กำลังใจทุกท่านครับ...น้องๆที่กำลังเรียนอยู่  หรือทำงานแล้ว...ขอให้ทุกคนอย่าหยุดยั้งการพัฒนาตัว..กฏเกณฑ์อื่นๆของสังคม เราทำอะไรไม่ได้..แต่การพัฒนาตัวเองเพื่อก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้น เรากำหนดได้เอง....ข้าพเจ้ามิบังอาจที่จะนำเสนอแนวทาง แต่ถ้าหากพอเป็นประโยชน์บ้าง ก็ขอชี้เเนะ ดังนี้ เริ่มเเต่ตอนนี้ยังไม่สาย...  1.ภาษาอังกฤษ ต้องได้ (พอสมควร-ดี) เริ่มจากหาซื้อdic ดีๆ เล่มเล็กๆ พกพาได้สะดวก (แนะนำของ อ.Loy ) เปิดอ่านวันละหน้า ซ้าย-ขวา คำไหนเรารู้แล้วขีดไฮไลด์ไว้ และดูว่าในหน้านั้น คำไหนที่ควรจะรู้ก็ท่องไว้ แล้วก็ขีดไฮไลด์ ทำอย่างนี้ทุกวัน วันไหนว่างก็อาจหลายหน้าหน่อย แล้วดูตัวอย่างประโยคประกอป ฟังจากบทเรียนใน youtube มีหลายแบบ แนะนำ Mr.Duncan in England ครับ  2.เรียนรู้จากที่ทำงานให้มากที่สุด spec เหล็ก ตาม ASTM ,ASME หรือ JIS การใช้งานต่างๆ code งานเชื่อม AWS ,Boiler and Vessel ตาม API,NDT-ANSI เรียนรู้ให้รู้กว่าที่ทำ ผมจบโลหะฯครับ สาขาอื่นผมไม่แน่ใจ...  3.หาโอกาส อบรม คอร์สเฉพาะทาง ที่เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ เเละเทคCertificate ให้ได้เช่น        - NDT- UT,RT,MT,ET อะไรก็ได้ซักอย่าง ให้ได้อย่างต่ำ Level II ใน    เมืองไทยมีทีสอบครับ         - CSWIP 3.1 การ Inspection งานเชื่อม ตอนนี้มาแรง         -API Boiler and Pressure Vessel Inspector         - NACE (National Association Corrosion Engineer)ผมมาเมนนี้เป็นหลักครับ มีหลายคอร์ส ครับเยี่ยมชมที่ www.nace.org ...เลือกเอาซักอย่างติดตัวไว้..อย่าเพิ่งรีบออกรถ มาอวดสาว เพราะความรู้อยู่กับเราตลอดไป...  4.อย่าทำงานสาย QA/QC นานเกินไป เอาแค่พอรู้ SPC , CPk ,6Sixma และโปรแกรม SSPC พอ เพราะถ้าอยู่นานระบบจะกลืนคุณ ความรู้ทางวิศวรรมอื่นๆจะหายไป พยายามอยู่สายผลิตหรือซ่อมบำรุง จะมีงานให้คิด ให้ทำทุกวัน  5.สำคัญใบผ่านงาน ใบรับรองต่างๆเก็บให้ดี ทั้งเป็นกระดาษและแสกนเก็บไว้ ไรท์ลง CD ของผมน้ำท่วมบ้านหายหมด โชคที่ทำงานใหม่ไม่เคยถามถึงเลย... ..........................ซักวันหนึ่ง จะเป็นวันของคุณครับ ..ผมเริ่มอาชีพวิศวกรปี2540 คาบเกี่ยว 2541 ช่วงเศรษฐกิจดิ่งเหว เงินเดือน 8000 ...ต้องดูเเลพ่อ-แม่น้อง  ....ก็เดินเก็บผักบุ้ง..ตามทางแถวนิคมบางปู มาผัดกินทุกวัน.....คิดแล้วก็สนุกดี..................เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ...........                                                               จาก มนึ ซาเราะกราว จากคุณ : ช่างเหล็ก เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 00:59:57

ความคิดเห็นที่ 26 ช่วยไม่ได้ครับ มีสิทธืเลือกก็ต้องเลือก ลองคิดเล่นๆนะครับ ว่าถ้าไม่ได้ตั้งเกณฑ์ขั้นต่ำแบบนี้ไว้ วันหนึ่งๆ ใบสมัครจะมากองอยู่ในออฟฟิศมากขนาดไหน โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ ที่พวกท่านเอ่ยถึงมาในข้างต้น ต้องใช้เวลาแค่ไหนในการ Screen ใบสมัคร หรือจะให้เรียกสัมภาษณ์ทุกคนครับถึงจะพอใจ บางครั้ง เค้ามีไว้แค่เืพืิ่อ SCREEN ใบสมัครที่จะเข้ามา เพื่อให้ได้ใบสมัครที่คิดว่ามีคุณภาพมากที่สุด (จริงๆนะเออ) ส่วนที่เมืองนอก เค้าเน้นเรื่อง Skill มากกว่าเรื่องของเกรด หรือสถาบันนั้น มันมีหลายมุมมองครับ มุมมองแรกเป็นเรื่องของการขาดแคลนแรงงานในบางวิชาชีพ เช่น IT ในสหรัฐ ที่ต้อง Import จาก ตปท.เข้าไปเยอะๆ (แต่ไม่ค่อยมีคนในสารขัณฑ์ประเทศแฮะ) ส่วนที่ 2 เป็นเรื่องของโครงสร้างการศึกษาครับ ทำให้เกิดการว่างงานเชิงโครงสร้าง พูดง่ายๆ ผลิตคนไม่ค่อยตรงกับที่ต้องการจริงๆ เช่น สายวิชาชีพ มีน้อยมั่กๆ แต่สายสามัญ วุฒิปริญญาตรีนี่เยอะจริงๆ โดยเฉพาะสายสังคม ทำให้เวลา่มีอัตราว่างที่จำกัด คนก็จะแห่กันมาสมัครมืดฟ้ามัวดิน ทำให้ต้องหาวิธีการในการ Screen ให้มันน้อยๆลงหน่อย เท่านั้นเองครับ ไม่ได้คิดอะไรจริงๆ จากคุณ : Boysicky เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 01:00:20

ความคิดเห็นที่ 27   คนอื่นยังงัยไม่รู้ รู้แต่ของผมจบแค่ ปวส. แต่ลุยไปรับงาน Biogas Power plant ต่างประเทศมาหลายโปรเจคแล้วว่ะ วิศวะอะไรผมไม่สนใจ ผมจ้างเด็ก ปวส.ล้วนๆ แต่มีประสบการณ์การทำงานมากๆไปเป็น site manager ครับ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 01:49:48 จากคุณ : อิ่มบุญครับ (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 01:47:58

ความคิดเห็นที่ 28 คุยกับพี่รหัสผม เค้าบอกว่าญาติเค้าจบวิศวะพระนครเหนือได้งานที่บริษัทน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งในนั้นมีแต่คนที่จบจากสีหวานมาเกือบบริษัท เลยต้องปรับตัวเพื่อใ้ห้เข้ากับคนในบริษัท เฮ้อ เมืองไทย จากคุณ : เดอะหลอน เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 02:27:36

ความคิดเห็นที่ 29 การต้องปรับตัวให้เข้ากับคนใน บ. นี่มันไม่ดียังไง? จากคุณ : Sial เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 02:45:48

ความคิดเห็นที่ 30 ปูนดี ดูที่ไหน? ดูที่สี ปูนดี สีอะไร? สีชมพูวววววววว จากคุณ : อย่ามาห้ามผม เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 02:53:53

ความคิดเห็นที่ 31 เป็นเหมือนกันค่ะ...มาเรียนต่างประเทศ เพื่อนถามว่า ทำไมคุณต้องขยันเรียนขนาดนี้.. แล้วทำไมคุณต้องเครียดถ้าไม่ได้เกินแปดสิบ (หรืออยากได้เอ ขนาดนี้..) อยากเกรดสวยไปทำไม..เราก็บอกอ้าว ที่บ้านคุณกับบ้านเราไม่เหมือนกันนะ.. เกรดมันต้องมาก่อน..เค้าจะดูคุณที่เกรดก่อน เกรดไม่ถึง เค้าก็ไม่สนคุณหรอก.. ไม่ว่าคุณจะจบจากที่ไหนก็ตาม.. เพื่อนๆๆก็งงแบบไม่เชื่อนะ.. เราบอกว่า เอ๊ยยย...จริงๆๆ.. ขนาดบางมหาลัย จะเรียนเอก เค้าจะดูคะแนนก่อน ด้วยนะ.. ทั้งๆๆที่เราเรียนอยู่นี่ ก็มหาลัยมีชื่อนะ (ในต่างประเทศ) ยังไม่ดูเกรดเลย.. ไม่รู้เงินเดือนจะถึงหมื่นรึเปล่าไม่รู้ กลับไป.... อิอิ จากคุณ : nuanapa เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 06:47:14

ความคิดเห็นที่ 32 ต่างประเทศหนักกว่าบ้านเราอีกนะครับ ผมเองก่อนๆ ก็คิดแบบนั้น แต่พอมาทำอะไร ตามทางของตัวเองมันก็รุ่งได้เหมือนกันแฮะ จากคุณ : นายสาระแน เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 07:25:08

ความคิดเห็นที่ 33   ที่บอกว่ามหาวิทยาลัยต่างประเทศ ไม่ดูเกรด เนี่ยไม่จริงทั้งหมดนะครับ มหาวิทยาลัยต่างประเทศ ดูเกรดครับ แต่เนื่องจากเขามีตัววัดอื่นๆ ด้วย เช่น GRE เขาเลยดูประกอบ เช่น ถ้าคุณเกรดไม่สูง แต่ GRE สูง เขาก็สนใจครับ ถ้าต่ำทั้ง GRE กับ เกรด อาจจะต้องพึ่งอย่างอื่น เช่ย recommend ส่วนเรื่องดูสีเป็นหลักในการรับทำงาน ก็จริงแค่บางส่วน เพราะนักศึกษาที่เรียนกับผม (ในมหาวิทยาลัยเอกชน) ก็เข้างานได้หลายที่ครับ แต่ถ้ามีคนรู้จักอยู่ข้างใน เข้างานง่ายกว่า ผมว่าเป็นเรื่องเส้นมากกว่าสี :) จากคุณ : สร้างวิศวกร เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 08:11:11 A:124.120.189.250 X: TicketID:191297

ความคิดเห็นที่ 34 เห็นด้วยกับ #33  สี สมัยนี้น้อยลงไปเยอะ เพราะระบบรุ่นพี่ รุ่นน้อง มันไม่แน่นแฟ้นเท่าเดิมแล้ว ส่วนเส้น มันก็ถือเป็นต้นทุนส่วนตัวทางนึง ความยุติธรรมใช้ไม่ได้กับทุกเรื่องหรอกค่ะ   ถ้าต้นทุนเรื่องนี้เราน้อยกว่า ก็ต้องไปเพิ่มส่วนอื่นให้แข่งกับเขาได้ ยิ่งบางสายงาน เส้นสายจะสำคัญกับบริษัทมาก เพราะสามารถนำไปซึ่งลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ   การเจรจาตกลงกัน สำเร็จได้ง่ายขึ้น จากคุณ : ด้วยดินสอและน้ำตา เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 08:52:16

ความคิดเห็นที่ 35 #8 เห็นด้วยกับการศึกษาเยอรมัน จากคุณ : @power เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 09:25:47

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณคุณช่างเหล็กที่มาแชร์ประสบการณ์ครับ แต่ขอทักท้วงนิดนึงนะ กลัวน้องๆ บางคนอ่านแบบไม่คิดตาม แล้วจะหลงนึกว่า ทำงานเมืองนอกง่ายกว่าทำงานเมืองไทย "ทำไมเขาต้องกำหนดกฏเกณฑ์สูงจังเน่อะ.....ที่ต่าง ประเทศไม่เห็นเขากำหนดอะไรขนาดนี้ ขอเพียงคุณมีประสปการณ์ ตรงตามที่เขาต้องการ ผ่านการสอบข้อเขียนและปฏิบัติ ตามที่เขาบังคับ และผ่านสอบสัมภาษณ์ คุณก็เป็นคนที่เขาต้องการแล้ว... " ครับ ถ้าคุณเกรดไม่ดีพอทำงานบ.ดัง ๆ ในไทย เช่น ป.... ไทยออ.... ฯลฯ คุณก็ต้อง ๑. มีประสบการณ์ ๒ ผ่านการสอบข้อเขียนและปฏิบัติ ๓. ผ่านการสอบสัมภาษณ์ (ที่ก็คงต้องดูคุณสมบัติคุณละเอียดยิบเลยล่ะ) ถึงจะได้เป็น "คนที่เขาต้องการ" นะครับ ไม่รู้สิ... ถ้าทำเกรดให้ได้ตามเกณฑ์ของบ. ในไทย อาจจะง่ายกว่ามั้ง? สำหรับประเด็นของการที่คนจบใหม่คนนึง จะหางานทำน่ะนะ งานง่าย สบาย เงินเดือนดี ไม่มีในโลกครับ <-- ประเด็นที่ต้องการทักท้วง ก็แค่นี้แหละ หึหึหึ จากคุณ : star_seeker เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 09:30:53

ความคิดเห็นที่ 37 ผมคิดว่า ที่พวกคุณเวลาสมัครงาน ยังเลือก บ. ดังๆ ใหญ่ๆ มีชื่อเสียง ให้เงินเดือนสูงๆ เลย บ. เหล่านั้น  จะเลือก แต่เด็กที่จบจาก สถาบัน ดังๆ ใหญ่ๆ มีชื่อเสียง มีเกรดสูงๆ เป็นส่วนใหญ่ บ้าง มันก็ไม่ต่างกันนะครับ ทางเลือก ลองดู บ. เล็กๆ บ. อื่นๆบ้าง หรือ ไม่ก็ตาม คห. 25 นี้ก็ดีนะครับ จากคุณ : mr.wisdom เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 11:27:29

ความคิดเห็นที่ 38 ที่ปูนใหญ่ ต้องพูดว่า ชาบูๆ บูชาสีชมพู  ..  ใช่ป่ะ จากคุณ : kekodes เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 13:59:22

ความคิดเห็นที่ 39   พวกเสือนอนกินบางองค์กรก็ไม่ต้องการคนเก่งนะครับ เขาต้องการแต่ "คนเชื่อง" จะได้ไม่มาล้มเขา จากคุณ : devil amature2 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 15:48:34

ความคิดเห็นที่ 40   39# แล้วคนได้เรียนเก่ง นี้ คงไม่ใช่คนเก่งเลยนะครับ ใช่มั้ย จากคุณ : ผ่านไป เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 18:23:41 A:58.9.127.105 X: TicketID:234487

ความคิดเห็นที่ 41   สรุปว่าเป็นการทะเลาะกันระหว่าง คนเรียนเก่ง กับคนลงมือทำมีประสบการณ์แล้วก็คิดว่าตัวเองก็มีดี จากคุณ : วนไปวนมา เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 19:17:13 A:210.246.64.66 X: TicketID:052378

ความคิดเห็นที่ 42 1.จบจากสถาบันของรัฐที่มีชื่อเสียง --> มันก็ปกตินะ ถ้าเรียนที่ไหนจบมาเหมือนกัน ตอนสอบเอ็นท์จะอดหลับอดนอนเพื่อสอบได้คะแนนเยอะๆ ทำไม 2.GPAX ต้องไม่ต่ำกว่า 3.00 --> เคยต้องสอนงานเด็กเกียรตินิยมฯ ถามเรื่องพื้นฐานก็ทำเบลอ แล้วถ้าไม่คัดกรองตรงนี้มาบ้าง รับไปทำงานไม่ปวดหัวหนักเหรอคะ (เราจบเกรด 2.27) 3. คะเเนนโทเฟิล 600 up --> ถ้าเค้ารับคุณไปทำงานที่ต้องสื่อสารกับต่างชาติ เรื่องภาษาสำคัญมากนะคะ บางคนเก่งโคดๆ แต่สื่อสารไม่ได้ จะเอาไปทำงานได้ยังไงไม่ทราบ 4........................Bla bla bla --> Ba Ba Blacksheep? ก่อนจะบ่นอะไรเนี่ย ลองมองในแง่กลับกันสิคะว่าถ้าเราเป็นเจ้าของกิจการ เราอยากได้คนแบบไหนมาร่วมงาน สมมุติคุณจะจ้างพนักงานคนนึง โดยจ่ายเงินเดือนให้เค้า 40000 บาท แต่ถ้าประสิทธิภาพการทำงานเค้าไม่ถึง คุณจะจ้างไว้ทำแมวอะไรไม่ทราบ ค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงาน ไม่ได้มีแค่เงินเดือน ไหนจะวันหยุด สวัสดิการ ฯลฯ ถ้าคุณจ้างเราไป เราทำงานที่ก่อรายได้ให้คุณประมาณ 35000 แต่คุณต้องจ่ายเรา 40000 เนี่ย เท่ากับว่าทุกเดือนคุณขาดทุนไปแล้วเดือนละ 5000 บาท (ไม่รวมสวัสดิการ ฯลฯ นะ) ถ้าเราเป็นนายจ้าง แล้วต้องจ้างพนักงานด้วยเงื่อนไขที่ขาดทุนทุกเดือน เรานอนกอดเงินอยู่ที่บ้านไม่ดีกว่าเหรอ จะเอาเงินมาลงทุนทำกิจการให้มีภาระ มีความเสี่ยงในการเจ๊งทำไม มองในอีกแง่.. ถ้าคุณทำเงินให้บริษัทเดือนละแสน แต่เค้าจ้างคุณแค่ห้าหมื่น สวัสดิการก็งั้นๆ คุณจะทนทำไปเพื่ออะไร ??? การเป็นลูกจ้างเค้า ผลตอบแทนกับงานมันต้องสมน้ำสมเนื้อกันในทุกแง่ บางคนทำงานราชการแล้วบ่นว่าได้เงินเดือนน้อย แต่ขอโทษเหอะ สวัสดิการของตัว ลูกเมีย (หรือสามี) พ่อแม่ สารพัด เราว่ามันก็คุ้มอยู่นะ อย่างเอกชนเงินเดือนมากกว่า แต่สวัสดิการสู้ของรัฐไม่ได้แน่นอน แล้วจะมาเรียกร้องให้เงินเดือนเท่ากันได้ไงไม่ทราบ ถ้าทำธุรกิจแล้วไม่ได้กำไร ขอแนะนำว่าไปเป็นองค์กรการกุศลยังดีกว่า อย่างน้อยก็ได้หน้า จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 19:34:54

ความคิดเห็นที่ 43   คนเรียนเก่ง ก็ไม่จำเป็น ต้องทำอะไรไม่เป็นนะครับ จากคุณ : เด็กวิดวะ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 20:05:22 A:61.90.78.116 X:

ความคิดเห็นที่ 44 ขอแบ่งปันประสบการณ์ของน้าชายนะคะ น้าเราเรียนจบป.4  สมัยนั้นยายไม่มีเงินให้เรียนต่อ  น้าไปเป็นลูกจ้างตามอู่   อยู่ตามโรงเหล็ก  หัดอ๊อก  หัดเชื่อม   อายุ 12 เจออุบัติเหตุแก๊สระเบิดระหว่างทำงาน  ถูกไฟคลอกทั้งหน้าทั้งแขน    ไม่กี่ปีต่อมาก็ถูกรถชนแขนขาหัก ตอนนั้นใคร ๆ คิดว่าน้าจะไม่รอดแล้ว น้าทำงานหนัก ขยันและฝีมือดี  สู้งาน  ไม่นานก็ได้เป็นหัวหน้า พออายุได้ยี่สิบกว่า  โรงเหล็กของเถ้าแก่มีต่างชาติมาร่วมทุน  ขยายเป็นบริษัทใหญ่   น้าได้เป็นหัวหน้า  ทำหน้าที่ฝึกสอนเด็ก ๆ พวกเด็กช่างกล  ปวช. ปวส. สมัยนั้น บริษัทรับงานโครงสร้างทั่วประเทศ   น้าฝึกภาษาอังกฤษ  จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ รอบตัว  จากที่เขียนได้แต่ชื่อนามสกุลตัวเอง  และรู้แต่วงศัพท์ที่ใช้ในงานประจำวัน ก็สามารถสื่อสารได้   และน้าก็เป็นเป็นตัวแทนบริษัทฯ เข้าร่วมประชุมกับชาวต่างชาติได้ ปัจจุบันน้าเป็นผู้จัดการอาวุโส  มีลูกน้องจบปริญญาโทจากต่างประเทศหลายคน   ด้วยวุฒิการศึกษาป.4  น้าเป็นแรงบันดาลใจ และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกหลานเสมอ จากคุณ : dreamin เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 22:35:27

ความคิดเห็นที่ 45 ขอแชร์ประสปการณ์ นะครับ ผมเป็นผู้่รับเหมาคนนหนึ่ง เมื่อสักปี 2547 ได้งานทำกับ บริษัทในเครือฯปูน มี้ครั้งหนึี่่ง นัดประชุม ผู้เข้าประชุม มี ผจก ในเครือฯ 4 ท่าน กับผู้รับเหมา 4 คนรวมผมด้วยเป็น 8 คน (ระดับ บ 4 - จ 2) บังเอิญผมไปทีหลังเพื่อน แล้วผมดันเป็นเลือดเหลืองแดง คนเดียวในห้องนั้น ผมเปิดประตูห้องประชุมไปนั่งทีหลัง(ก่อนเวลาประชุมเล็กน้อย) เลยแก้เกี้ยวว่า ขอประทานโทษนะครับพี่ๆ นี่งานคืนสู่เหย้าหรือเปล่าครับ สงสัยผมจะมาผิดห้อง ผจก คนที่เด็กสุด (สนิทกับผม เพราะรุ่นใกล้กัน) เลยตอบมาว่า "กำลังวางแผนเกี่ยวกับงานบอลประเพณี แล้วคุณมาทำไมเนี่ย" พี่ที่อาวุโสสุด (ระดับ จ 2) เลยพูดขึ้นมาว่า เออ!!! นั่นหนะสิ คือแก เพิ่งจะสังเกตุว่า ในห้องนั้น สีชมพูล้วนๆ แกบอกว่า ทำงานมาเกือบยี่สิบปี เพิ่งจะสังเกตว่า เพื่อนร่วมงานมีแต่ศิษย์เก่าสถาบันเดียวกัน ถ้าผมไม่ทัก แกก็ลืมและไม่ได้คิด ฯลฯ ก็เป็นอะไรที่ น่าคิดดีครับ ส่วนตัวผม ไม่ได้เก็บมาคิดหรอกครับ การที่ผมได้ไปเป็นผู้รับเหมาในเครือฯ บ่อยๆ หลายครั้งที่มีคนมาทักว่าผมเป็นศิษย์(นิสิต)เก่าฯ เสียด้วยซ้ำ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 23:14:55 จากคุณ : Diwali เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 23:14:27

ความคิดเห็นที่ 46 ความจริงบริษัทไทยจำเป็นต้องตั้งคุณสมบัติให้สูง เนื่องจากเชื่อว่าคุณภาพของสถาบันไม่เท่ากัน และเชื่อว่าถ้าได้เด็กมีคุณภาพที่ดีมาพัฒนาต่ิอ จะไปได้เร็วกว่า แต่ท้ายที่สุดแล้ว พนักงานจะก้าวหน้าหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับตัวพนักงานเองแหละครับว่าพัฒนาตัวเองได้แค่ไหน จากคุณ : I_Feel_Control เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 23:40:11

ความคิดเห็นที่ 47   พวกวิศวะ...ที่จบปวสแล้วต่อ...พระนครเหนือ วิศวะพวกนี้ทำงานเก่งกว่าวิศวะมหาลัยอันดับ1 อันดับ2 เย๊อะเลยครับ - คนที่เคยรับคนน่าจะรู้ดี จากคุณ : วมแย์ราจาอ เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 01:33:45 A:113.53.123.111 X: TicketID:199878

ความคิดเห็นที่ 48   วิธีคัดคนไม่น่ายาก - 1 ข้อสอบ IQ ที่เปลี่ยนข้อสอบทุกเดือน..............ถ้าต่ำมากก็คือโง่ อาจเอาไปทำตำแหน่งที่เหมาะสม บางทีโง่ก็ทำงานได้ดี 2 ข้อสอบวัดความสามารถในตำแหน่งงานนั่นๆ เขียนโดยพนักงานประสบการณ์5ปี ที่ทำตำแหน่งนั้นๆ 3 สัมภาษณ์ด้วยผู้จัดการแผนกนั้นๆ และพนักงานประสบการณ์สูงที่ทำตำแหน่งนั้นๆอยู่ - - แค่นี้ก็น่าจะคัดคนได้แน่นอน ไม่มีอะไรดีเท่าการนำคนเชี่ยวชาญในงานนั้นๆมาประเมินหรอกครับ เอาฝ่ายบุคคลคัด มันคงได้แต่คนที่เรียบร้อยๆไม่ดื้อๆถูกใจฝ่ายบุคคล จากคุณ : วมแย์ราจาอ เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 01:42:04 A:113.53.123.111 X: TicketID:199878

ความคิดเห็นที่ 49 งานเมืองไทยไล่ออกยากหรือเปล่า เขาเลยคัดหน่อย เมืองนอก ไม่ได้ผลงานเขาก็บ๊ายบาย จากคุณ : proudtobethai เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 09:38:34

ความคิดเห็นที่ 50 มีเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันเรียนไม่จบ แต่ปัจจุบันทำงานตามสายงานที่เคยเรียนมาได้เงินเดือนประมาณ 200k บาท มันเล่าให้ฟังว่าไปสมัครงานที่บริษัทคนไทยที่ไหนก็ไม่มีคนรับ เพราะไม่มีปริญญา มันเลยทำ Freelance เลี้ยงชีพ และทำตัวอย่างงานขั้นเทพใส่เพิ่มไปใน Portfolio ของตัวเอง จากนั้นก็ไปสมัครบริษัทต่างชาติที่มีสาขาที่ประเทศไทย เลือกที่มีคนบริหารเป็นต่างชาติ เอาตัวอย่างงานขั้นเทพของมันเนี่ยไป Present มันก็เลยเกิดมานับแต่บัดนั้น ปัจจุบันถูกส่งไปเป็นหัวหน้าที่สาขาประเทศอื่นแล้วครับ ฝากน้องๆ ที่ยังเรียนไม่จบ หรือกำลังหางานนะครับ Portfolio เนี่ย สำคัญนัก ไม่ใช่แค่เอาตัวอย่างงานที่ทำสมัยเรียนมาลงอย่างเดียว แต่ควรจะมี Master Piece ที่สามารถเอาไปอวดได้อยู่ด้วย ถ้าเราเกรดไม่สวย จบมหาลัยไม่ดัง Portfolio ช่วยท่านได้ครับ จากคุณ : KittyInLove เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 11:16:03

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณทุกท่านมากครับ ที่มาแชร์ประสปการณ์ดีๆ จากคุณ : ช่างเหล็ก เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 21:49:21

ความคิดเห็นที่ 52 บ. ที่ผมทำ   ใครจะได้ดี ต้องมาจาก "Top 5" ให้ทายเล่นๆ บ. ไรเอ่ยๆๆๆๆ จากคุณ : ชิปโป เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 22:38:09

ความคิดเห็นที่ 53   นี่ก้เป็นตัวอย่างที่ดีไงครับว่า ถ้าจบเกรดไม่สวย คะแนนภาษาอังกฤษไม่ดี ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตจะอับเฉา เพราะทักษะมันสามารถสร้างเพิ่มเติมได้ ปล ในที่สุด จขกทก็เข้าใจภาษาอังกฤษแบบคนอินเดียแล้วซินะครับ จากคุณ : Ter เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 03:07:34 A:85.154.38.170 X: TicketID:182506