ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าตัดเรื่องเส้น เรื่องสี เรื่อง bias ในการรับคนเข้าทำงาน ที่บางคนไม่ชอบ นักศึกษาเกรดไม่ดี บางคนก็ไม่ชอบนักศึกษาได้เกียรตินิยม ด้วยเหตุผล ประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกันไปของคนสัมภาษณ์ เช่น คิดว่าคนได้เกรด ไม่ดีต้องมีนิสัยแย่ หรือคนที่ได้เกรดดีต้องเห็นแก่ตัว หรือมีความสะใจที่ได้ ปฏิเสธคนได้เกรดเกียรตินิยม ออกไปแล้ว ถ้าได้เกรดเฉลี่ยสัก 3.0 พร้อม บุคลิกภาพ ทัศนคติการทำงาน และประสบ การณ์ในชีวิตที่ดี โอกาสได้งานสูงทั้งในและต่างประเทศ แต่ก็ไม่ได้หมาย ความว่าถ้าไปสมัครงานที่บริษัท A แล้วจะได้งานแน่นอน เพราะยังขึ้นอยู่ กับอีกหลายปัจจัย เช่น คู่แข่งคนอื่นที่มาสัมภาษณ์ ถ้าเขามีประสบการณ์ การทำงานมาก่อน ก็เสียเปรียบไปหลายขุม โชคก็มีส่วนสำคัญเช่นกันครับ จากคุณ : Practical x 2 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 08:43:57

ความคิดเห็นที่ 2   เกรดออกมาดี : คำชม เรียนเก่งมากเลย ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่นๆละ หางานก็ง่าย ถ้ามีผู้สมัครหลายคนเค้าต้องพิจารณาเราเป็นคนแรกๆ แน่ๆ เกรดออกมาไม่ดี : คำปลอบใจ ไม่เป็นไร เค้าไม่ได้ดูที่เกรดอย่างเดียว เค้าดูที่ประสบการณ์ ทักษะ บุคลิกภาพด้วย หลายอย่าง จากคุณ : ชีวิตยังอยู่จงสู้ต่อไป เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 08:45:00

ความคิดเห็นที่ 3 แต่ถ้าได้ GPA ไม่ค่อยดี ก็ต้องมีเหตุผลอธิบายได้ หรือมีคุณลักษณะที่ พึงประสงค์ต่อการรับเข้าทำงาน นักศึกษาหลายคนในบ้านเรา GPA ห่วย โดยไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่ไม่ต้องทำงานส่งตัวเองเรียน ประสบการณ์อะไร เพิ่มเติมก็ไม่มี ที่ไหนจะรับเล่าครับ? จากคุณ : Practical x 2 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 08:52:22

ความคิดเห็นที่ 4 เกรดไม่ดี ประสบการณ์ไม่มี แถมไม่มีความกระตือรือร้น ก็ยังพอมีหวัง เพราะสิ่งที่ต้องดูต่อไปคือ นามสกุลอะไร แล้วใครฝากมา จากคุณ : pisake เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 08:55:06

ความคิดเห็นที่ 5 เท่าที่เห็นของนักศึกษาวิทยาศาสตร์ ผมมองว่าเกรดมันสะท้อนการจัดการเวลาหรือการใส่ใจได้ครับ จากคุณ : KL เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 08:57:08

ความคิดเห็นที่ 6 #4 อันนี้ โอกาสได้งานสูงที่สุดครับ จากคุณ : katasaro เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 08:58:07

ความคิดเห็นที่ 7 คคห 4 ผมว่าดูว่าใครฝากมาก่อน จากนั้นดูนามสกุล แล้วจึงค่อยเรื่องเกรด ประสบการณ์ถัดมาครับ ตามที่ระบุไว้ใน คคห 1 จากคุณ : Practical x 2 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 08:58:48

ความคิดเห็นที่ 8 ดูตัวอย่างจากกระทู้ของคุณช่างเหล็กก็ได้ครับ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8520572/X8520572.html "ที่ต่างประเทศไม่เห็นเขากำหนดอะไรขนาดนี้ ขอเพียงคุณมี ประสปการณ์ ตรงตามที่เขาต้องการ ผ่านการสอบข้อเขียน และปฏิบัติ ตามที่เขาบังคับ และผ่านสอบสัมภาษณ์ คุณก็ เป็นคนที่เขาต้องการแล้ว..." อ่านดูเผินๆ เหมือนง่าย แต่จริงๆ แล้วเกณฑ์การรับโหดที่สุด เพราะอิงหลักความจริงครับ เกรดอะไรไม่มีความหมายเลย เพราะสถาบันที่นักศึกษานั้นๆ จบมาอาจปล่อยเกรดก็ได้ ได้เกรดดีแล้วเทอมต่อมาความรู้ส่งคืนอาจารย์หมดก็ได้ ทดสอบกันที่หน้างานเดี๋ยวนั้นเลย ได้ของจริงแท้แน่นอน ของปลอมหลุดหมด แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 09:07:00 จากคุณ : Practical x 2 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 09:03:14

ความคิดเห็นที่ 9   เด็กนอนดึกขึ้น ติดอินเตอร์เน็ตเพื่อความบันเทิงมากขึ้น มาเรียนไม่กินข้าวเช้า   ผมว่าส่วนใหญ่ ก็เรียนไม่ดีเท่าคนนอนพอเพียง และได้กินข้าวเช้า จากคุณ : Spirited Away เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 09:10:14

ความคิดเห็นที่ 10 อ. แพรกพูดถูกใจ เกรดไม่ดี ก็ต้องมีอย่างอื่นมาทดแทน เช่น ประสบการณ์ กิจกรรม ความขยัน ทัศนคติต่องาน หรือความสามารถอื่นที่โดดเด่น (ไม่ต้องโดดเด่นมาก เอาแค่ให้เข้าตากรรมการสัมภาษณ์ก็ละกัน) แต่เด็กบางคนก็เป็นงี้จริง ๆ นะ เรียนก็ไม่เรียน เอาแต่สบาย ถือคติว่าการเสียเวลาไปเข้าเรียน ทำให้เขาขาดทุนเวลาที่จะเอาไปทำเรื่องอย่างอื่น (ที่ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็มองว่ามันไร้สาระ แต่เขามองว่ามันสำคัญมากกกกกกก) พอสอบก็จะเอาเปรียบเพื่อนทุกวิถีทาง ทุจริตบ้างล่ะ ลอกเพื่อน เตรียมโพย ฯลฯ เรียกว่า เรียนโดยไม่ลงทุน (เวลาและความพยายาม) แต่อยากได้เกรดดี ๆ กิจกรรมงานชมรม ฯลฯ ก็ไม่เคยทำ ความสามารถพิเศษมีแต่เรื่องของการทำตัวดุจดั่งศิลปิน แต่งหล่อแต่งสวยไปวัน ๆ ใช้ของแบรนด์เนม เที่ยวกลางคืน.... เด็กบางคน เราก็ให้จบ ๆ ไป เพราะรู้ว่า เขาไม่ทำงานในสายหรอก บ้านเขารวย แต่บางคนก็... เอาชื่อเสียงสถาบันไปขายแท้ ๆ เข้าทำงานกับบริษัท โดยที่เขาอุตส่าห์รับทั้งที่เกรดไม่ดี แล้วยังไม่ขยันทำงานอีก จนไม่ผ่านประเมิน.... เฮ้อ อย่างนี้ก็เข็นไม่ขึ้นนะครับเนี่ย -"- ปล. คนแก่บ่นครับ ฟังได้ก็ฟัง ฟังไม่ได้ก็ทำหูทวนลมไปเถอะ น้อง ๆ (หลาน ๆ?) จากคุณ : star_seeker เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 09:14:07

ความคิดเห็นที่ 11 โอ้ ยอมรับเลยครับว่า ในตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างนี้จริงๆ ถึงจะไม่รู้ว่ายุคก่อนๆ ดีกว่านี้ หรือเป็นแบบนี้รึเปล่า แต่ตอนนี้เด็กขี้เกียจมีมากจริงๆครับ ลงทุนให้น้อย แต่อยากได้มาก (เรียนน้อย จะเอาเกรดมาก ความรู้ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่) แต่ผมก็ยังเชื่อว่านะ พอถึงภาวะวิกฤตจริงๆ เตะฝุ่นจริงๆ ไม่มีงาน โดนไล่ออก ประเมินไม่ผ่าน ก็ยังน่าจะฮึดสู้ขึ้นมาได้นะ เพราะถึงขั้นนั้นก็คือไม่มีอะไรจะกิน ไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ไม่เห็นจะต้องไปห่วงอะไรแทนเลยครับ ผู้ใหญ่ยุคนี้ก็ตั้งใจทำงานกันต่อไป พอขึ้นยุคใหม่ ยุคที่เด็กสมัยนี้เป็นผู้ใหญ่ เดี๋ยวเค้าก็จัดการกันเองครับ (อาจจะลดมาตรฐานการทำงาน เปลี่ยนนโยบายองค์กรเป็นทำงานสามวัน พักสี่วัน ก็ได้ ใครจะรู้) ป.ล. ช่วงนี้รู้สึกว่าอาจารย์แพรคฮาร์ดคอร์ขึ้นนะครับ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 09:32:22 จากคุณ : Tidal เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 09:25:12

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนผมสอบเข้าป.โท กรรมการถามว่า คุณไม่คิดว่าเกรดคุณน้อยไปหน่อยหรือที่คิดจะมาเรียนที่นี่ ผมก็ตอบไปว่าตอนปี 1-2 ผมชอบเที่ยวมาก ชอบเที่ยวป่า เกรดก็เลยน้อยไปนิด แต่พอขึ้นป.3-4 เข้าตัวคณะผมก็ตั้งใจเรียนเพิ่มขึ้น เกรดปี 3-4 ก็ดีขึ้น เกรดที่ว่าน้อยนั่นก็ประมาณ 2.93 หรือ 2.97 อะไรประมาณเนี้ย แต่พอเรียนจบปีแรก ผมได้เกรดมากที่สุดใน class ได้ทุนค่าลงทะเบียนปีถัดไป แล้วก็ทำ thesis กับอ.ท่านนั้นแหละ ที่ว่าปี 3-4 ตั้งใจเรียนขึ้นน่ะ คือ ปี 1-2 นี่ผมไม่ค่อยเข้าเรียน อาศัยอ่านเอาเอง ส่วนปี 3-4 เข้าห้องเรียนตลอด (ไปนั่งหลับ) พออยู่ป.โท อ่านหนังสือถึง 5 ทุ่มมันเกือบทุกวัน ตอนทำ thesis ก็อ่าน paper หนังสือ เพิ่มพูนความรู้ ไม่ได้ดีก็ให้มันรู้ไป อ้อเล่าเพิ่มอีกนิด เรื่องถามว่าเกรดน้อนเนี่ยเพื่อนผมก้โดน แต่เพื่อนผมมันของขึ้น ผมก็เลยไม่ติด แต่ตอนหลังมาเรียนโทที่ มช. ก็ได้ top ตลอด เกรดไม่สำคัญ class สำคัญกว่า จากคุณ : Ronachai (amscmu) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 09:34:42

ความคิดเห็นที่ 13 ครับ ใกล้จบแล้วครับ เกรดก็ไม่ค่อยจะดี แต่เทียบกับคนอื่นๆ ก็ระดับกลางๆ เรื่องงาน เข้าใจว่า เรียกสัมพาสตามเกรด และคงไม่เรียกสัมพาสทั้งหมด อนาคตข้างหน้า คงเหนื่อยแน่ๆหละครับ เรียนคณะทีคนนิยมเรียนซะด้วย จากคุณ : Sympho เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 09:42:16

ความคิดเห็นที่ 14 ผมหวังว่าจะเป็นแบบที่พี่ Practical x 2 พูดครับ คือเกรดไม่ดีแต่ถ้ามีประสปการณ์ก็จะมีงานทำ และสังคมยอมรับ ผมเป็นหนึ่งในคนที่เรียนไม่เก่งจริงๆแต่พูดได้เต็มปากว่ามีประสปการณ์ในงานที่ทำมากกว่าเด็กรุ่นเดียวกันมากพอสมควร เคยพัฒนาจอสัมผัสราคาถูกที่ทำได้เพียงจอละ 300 บาท แต่กลับสอบตกวิชาคอมพิวเตอร์ ผลคือสังคมไม่ได้ยอมรับความสามารถหรอกนะครับ มีแต่คำดูถูก เวลาผมเขียน Proposal ร่างว่าเดี๋ยวผมจะทำแบบนี้แบบนู้น ก็จะมีแต่คำดูถูก ว่าเกรดแบบนี้หน่ะหรอ จะทำได้ ผมยังว่าเลยว่าแบบผมนี่จะเข้าหมาลัยที่ไหนเค้าจะรับเกรดแค่นี้ ถึงว่าผ่านงานมาเยอะแค่ไหน ก็คงไม่มีประโยชน์ เพราะมันไม่มีโควต้าสำหรับคนกลุ่มผมหรอกครับ คิดแล้วก็เศร้าใจ จากคุณ : E29AJP (tery_haha) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 10:09:16

ความคิดเห็นที่ 15 GPA ไม่ดี ก็ต้องมีคุณสมบัติอย่างอื่นทดแทน เช่น ประสบการณ์การทำงาน กิจกรรมที่ทำในสมัยเรียน หรือคุณสมบัติส่วนตัว (เช่น ชาติตระกูล วงศาคณาญาติ สถาบัน) ควรเลือกนำเสนอกิจกรรมที่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรนั้น การอ้างกิจกรรมออกค่าย กีฬา ร้องเพลงหรือกิจกรรมเชียร์ เพื่อใช้เป็นตัวคัดเลือกให้เขารับเราสมัครงาน ต้องพิจารณาให้ดีว่าจะส่งผลดีหรือเป็นประโยชน์ต่อองค์กรของเขาหรือไม่ เพราะถ้าที่ทำงานของคุณเป็นกิจการที่แสวงหาผลกำไรเป็นหลัก เขาก็อาจจะเมินความสามารถนี้ของคุณ แต่ถ้าที่ทำงานของคุณทำงานด้านสาธารณกุศล หรือกิจกรรมบันเทิงเป็นหลัก อันนี้ผ่านแน่นอน คุณควรเลือกนำเสนอกิจกรรมบางอย่าง เช่น กิจกรรมค้าขายในระหว่างเรียน กิจกรรมใดก็ตามที่นำไปสู่รายได้ (เช่น รับจ้างออกแบบ การเป็นที่ปรึกษา  เป็นต้น) ประสบการณ์ด้านคอมพิวเตอร์ ประสบการณ์ด้านภาษาต่างประเทศ การฝึกอบรมจากสถาบันต่าง ๆ (เก็บพวกประกาศนียบัตร วุฒิต่าง ๆ เอาไว้)  การฝึกงานในสถานที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับงานสายนี้ จะช่วยให้คุณมีโอกาสได้งานทำมากขึ้น ที่ทำงานที่ดี เดี๋ยวนี้มักจะมีคำถามที่ให้เราแสดงวิสัยทัศน์ในทำนองว่า เราเข้ามาแล้วจะทำอะไรให้องค์กรได้บ้าง หรือจะแก้ไขปัญหาขององค์กรได้อย่างไร ถ้าเขาไม่ถาม เราก็ต้องนำเสนอเอง หวังว่าคงจะช่วยในการตัดสินใจ หรือการเตรียมตัวเข้าทำงานได้ หากยังหาไม่ได้อ่านใหม่อีกรอบ และทำให้ครบ (^ ^) แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 10:14:10 จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 10:12:28

ความคิดเห็นที่ 16 เกรดมีผลในขั้นคัดใบสมัครครับ หลายๆที่มีการกำหดค่าขั้นต่ำเอาไว้ ถ้าได้ไม่ถึง ไม่เรียกสัมภาษณ์เลย แต่ถ้าหลุดมาถึงขั้นสัมภาษณ์แล้วเกรดแทบไม่มีผลแล้วครับ ประวัติการทำกิจกรรมจะมีผลมากกว่ามากๆ แต่เกรดไม่มี กิจกรรมไม่ปรากฎ อธิบายชีวิตตัวเองไม่ได้ บริษัทไหนจะรับ โดยเฉพาะปัจจุบันมีคนเข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวเลือกที่ไม่โดดเด่นย่อมจะถูดคัดทีหลังนะครับ จากคุณ : sleeper_j เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 10:15:01

ความคิดเห็นที่ 17 เกรดใช้วัดความสามารถของคนได้ส่วนนึง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่บริษัทใหญ่ๆดีๆ ส่วนใหญ่นิยมใช้เกรดเป็นตัวคัดกรองเบื้องต้น ถ้าเกรดไม่มีผลจริงๆ ทำไมบริษํทส่วนใหญ่ถึงใช้ ? จากคุณ : maxijojo123 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 10:18:05

ความคิดเห็นที่ 18 #14 ทางแก้คืออาจไปทำงานในบริษัทหรือองค์กรที่ไม่ค่อย picky เรื่อง เกรดก่อน เพื่อให้ได้ประสบการณ์ (ดีไม่ดีอาจกลายเป็นว่าช่วยพัฒนา องค์กรนั้นให้รุ่งไปเลยก็ได้) จากนั้นจึงค่อยลาออกมาสมัครงานในบริษัท ที่วาดฝันไว้ครับ สิ่งสำคัญคืออย่าเพิ่งหมดหวังหรือกำลังใจต้องตั้งใจพัฒนา ตัวเองต่อไป จากคุณ : Practical x 2 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 10:30:26

ความคิดเห็นที่ 19 งี้แหละครับสังคมไทย กำลังปรัดดดตะนาาา หาเรื่องกีดกัน กันไปเรื่อย สังคมระบบอุปถัมภ์ ลูกท่านหลานเธอ ประเทศ ที่เจริญแล้ว degree มันยังไม่สนเลย เอา exp อย่างเดียว portfolio มาเปิด ป๊าดดๆๆๆ รับเลย เด็กสมัยนี้ ที่รับๆ มา เกรดสวยๆ ทำงาน ถื่อเป็นท่อนไม้ ห่วยแตกเยอะไป พลิกแพลงไม่เป็นกันเลย เพราะ มาจาก เรียนมาก รอ อาจาร์ยป้อน แล้วไปท่องจำมาสอบ ทั้งนั้น จากคุณ : NightWolf เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 11:08:25

ความคิดเห็นที่ 20   ผมเนี่ย GPA ไม่ดีงั้นจะให้เหตุผลของความห่วยละกัน 1.ที่บ้านบังคับเรียนบัญชีและการเรียนบัญชีต้องขยันเรียน ขยันทำงานส่ง คะแนนสอบส่วนใหญ่จะเป็น สอบ 70-90% ที่เหลือคะแนนเก็บ (แต่ถ้าเป็นพวกมหาวิทยาลัยราชภัฎจะเป็นสอบ 50-50 ซะส่วนใหญ่ อันนี้ถามเพื่อนมาจากหลายที่) 2.คิดว่าถ้าตอนเลือกเรียนได้เรียนทางด้านคอมอาจจะดีกว่าเนื่องจากคลุกคลีกับคอมพิวเตอร์บ่อยๆเป็นคนเรียนไม่เก่ง ไม่ชอบนั่งเรียนในห้องเรียน แต่ก็ไม่ได้ทำตัวเสเพลจนกระทบการเรียน ไม่ได้ออกเที่ยวกินเหล้าอะไรบ่อยๆ ชอบอยู่บ้านเล่นเน็ต ฟังเพลง ไปออกกำลังกาย คิดบทภาพยนต์ไปเรื่อยคิดอะไรเด็ดๆก็จดไว้ในหัว ตอนนี้คิดออกมาได้ละเคยตั้งกระทู้เฉลิมไทยเกี่ยวกับการส่งบทภาพยนต์แต่คือต้องเขียนบทพูดด้วย เลยยังไม่ได้เริ่ม ปล.จากที่เคยสัมภาษณ์งานมาบ้างช่วงที่คิดจะเรียนไปทำงานไปและเจอคนรู้จักใหม่ๆเค้าบอกดูผมไม่ได้เรียนบัญชี น่าเรียนทางนิเทศศาสตร์หรือศิลปกรรมซะมากกว่า เทอมนี้ก็จบแล้วเลยคิดว่าจะหันเหชีวิตไปอีกด้านเลยดีมั้ย .. จากคุณ : doralie6e เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 11:12:17

ความคิดเห็นที่ 21 สวัสดีครับอาจารย์ จากคุณ : 1812Overtureyoot เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 11:58:04

ความคิดเห็นที่ 22 พออ่านกระทู้นี้แล้วเริ่มคิดได้ว่า ตัวผมเหมือนยังไม่มีประสบกาณ์อะไรเลย ประมาณว่า เพื่อนเยอะ แต่กิจกรรม(ที่เป็นงานเป็นการ)ไม่ค่อยทำ ประสบกาณ์ ที่ว่า หมายถึงอะไรได้บ้างครับ -การทำงานของคณะ -การแข่งขันระดับ ภายในมหาวิทยาลัย นอกมหาวิทยาลัย ระดับประเทศ -การทำงานพาร์ทไทม์ หรือ work&travel ฯ -ภาษา ขอบคุณครับ จากคุณ : ไม่หล่อ ไม่ดี ไม่มีอะไรเลย เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 12:06:37

ความคิดเห็นที่ 23 #21 สวัสดีครับ :D #22 งานที่เกี่ยวข้องน่าจะมี เรื่องของการเป็นผู้นำ งานในลักษณะของการ ประสานงาน อาสาสมัคร งานพาร์ทไทม์ที่ทำอยู่ในตำแหน่งไหน? เป็นแค่ พนักงานระดับต่ำสุด เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ หรือเป็นผู้จัดการในร้าน สมัยผม เรียนปริญญาตรีปีที่ 2 เพื่อนผมที่เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย เขาได้เป็น ผู้จัดการร้าน McDonald แล้ว แต่นั่นเป็นเพราะทำงานเช่นนี้ติดต่อกันมา กว่า 5 - 6 ปีตั้งแต่สมัยมัธยม แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 12:22:45 แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 12:22:16 จากคุณ : Practical x 2 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 12:15:43

ความคิดเห็นที่ 24 ผมเคยถามช่างเทคนิคในภาควิชาฯ สมัยที่ไปเรียนต่างประเทศ ว่าช่วงหยุด พักร้อนเขาไปทำอะไร คำตอบคือ ไปเป็นไกด์พาคนเที่ยวขึ้นเทือกเขาหิมา- ลัย และทำมานานแล้วด้วย O_o แค่นี้ก็อึ้งแล้วครับ จากคุณ : Practical x 2 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 12:21:43

ความคิดเห็นที่ 25   คุณลักษณะของเด็กเรียนกับเด็กเล่นมันชัดเจนอยู่แล้ว  โอกาสได้งานมันก็อยู่ที่ลักษณะงานด้วยมองกลางๆเกรดไม่ได้สำคัญอะไรมากในการหางาน   ยกตัวอย่างที่ผมเคยเจอ  จบวารสารแม่โดมเกียรตินิยมทำงานเก่งขยันมาก  แต่แค่ขึ้นไปรับรางวัลบนเวทีในงานเลี้ยงบริษัทก็สั่นไม่กล้าแล้วไม่ต้องพูดถึงไปพรีเซนต์งาน  ในขณะที่อีกคนจบม.กุงเกรดจัดว่าห่วยโดดงานประจำ  แต่มันไปฟรีเซนต์งานทีไรได้ลูกค้าทุกที   ยิ่งงานเซลล์นี่ชัดเจนมากจบเกรดสูงไม่ว่าสถาบันไหนมักทำสู้พวกเกรดเรี่ยดินไม่ได้   พวกติวเตอร์นี่ก็ใช่เรียนเก่งมักสอนไม่เก่งที่สอนเก่งสอนจนรวยบางทีเรียนไม่จบ   มันจะเป็นประมาณนี้แหละ จากคุณ : JohnnyNahe เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 12:32:34

ความคิดเห็นที่ 26 ขี้เกียจนี่ปัญหาใหญ่กว่า GPA ห่วยอีกนะ   นี่ก็ปัญหาใหญ่ของเราเลย จากคุณ : aonton เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 14:38:13

ความคิดเห็นที่ 27 ถ้ายังพอคิดได้ สำนึกได้ ก็ยังไม่สายเกินไป ปัญหาของคนเหล่านี้ก็คือ โทษแต่คนอื่น จากคุณ : dhiti เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 15:53:12

ความคิดเห็นที่ 28 #24 ใครน่ะ Rus เหรอ หรือว่ามัลคอม จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 16:43:56

ความคิดเห็นที่ 29 มัลคอมครับ หนึ่งในสุดยอดมนุษย์จริงๆ จากคุณ : Practical x 2 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 16:48:38

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าอธิบายได้อย่างมีเหตุผลว่าเกรดไม่ดีเพราะอะไร ก็ไม่มีปัญหาค่ะ ไม่ใช่ว่าเกรดไม่ดีแล้วโทษโน่น โทษนี่ไปเีรื่อยแล้วไม่ขวนขวายเอาเอง ถือว่าตัวเองไม่ผิด  อันนี้ก็ไม่ไหวค่ะ คนตกงานเป็นร้อย มีให้เลือกเยอะแยะ จากคุณ : ซูเฟล่เนยแข็ง กับซอสปู เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 16:53:41

ความคิดเห็นที่ 31 เสริมนะครับตอนสัมภาทย์ เวลาเขาถามทำกิจกรรมไรมาบ้างโม้ไปก็ได้ครับ บอกว่าไปออกค่ายกับสาขา หรือคณะ ก็ว่าไป เพราะผมก็โม้ ตอนเรียนก็ยัดแต่เหล้า ผมตอนป.ตรี ยัดแต่เหล้าอย่างเดียว แต่เกรดไม่เลวร้าย 2.70-3.10 เฉลี่ยตอนจบได้ 2.92 ตอนนั่นมี บ.เกษตรรายใหญ่ของประเทศ ไปสัมภาทย์ นศ.ใกล้จบถึงที่ มหาลัย เนื่องจากคนเยอะเขาเลยสัมพาทย์รวม เรียก นศ.เข้าไปเลย 4 คน กรรมการ 4 คน กรรมกาารมาจากแผนก HR หมด ชุดผมโชคดีมากมาย นั่งเรียงกันไม่พอ เกรดยังเรียงกันด้วย คนแรก เกรดนิยมอันดับหนึ่ง 3.60 คนที่สอง 3.20 ผม 2.90 เพื่อนคนสุดท้าย 2.45 สรุปคือ ผมกะเพื่อนที่ได้เกรด สองกว่าเขาไม่สนเลยครับ มันไม่ถามอะไรเลย ถามแต่สามกว่า ผมออกห้องมาเซ็งชีวิต แบบว่ากรูไม่มีค่าเลยใช่ไหมนิ เลยไปต่อโท เสียเวลาไป 3 ปีครึ่ง ตอนหางานทำตอนจบโท ผมก็โดนสัมพาทย์แบบนี้แหละครับ ก่อนมานี่เคยทำงานที่ไหน มีกิจกกรมไรทำบ้าง เคยทำกิจกกรมไรบ้าง ตอนเรียนผมเรียนเกษตรแต่เคยไปทำงานด้าน IT ที่ศูนย์สารสนเทศของ ม. เลยตัดต่อ วิดิโอ แต่งรูปพอเป็นบ้าง กิจกรรมผมไม่เคยทำนอกจากออกงานสังคมกินเหล้า แต่โม้ไปว่าเคยออกค่าย จุดประสงค์ของคำถามนี้เขาแค่อยากประเมินว่าคุณเป็นคนเข้ากับคนอื่นบ้างไหม แต่ทุกวันนี้ผมยอมรับว่าตัดสินใจผิดพลาดที่ไปเรียนโท เพราะทุกวันนี้เพื่อนที่จบรุ่นเดียวกัน ในเวลาสามปีที่ผมเรียน พวกหาเงินได้เป็นล้านกันแล้ว ผมเพิ่งทำงานได้แค่ปีเดียว ยังต๊อกต๋อยอยู่ เพื่อนผมทั้งสาขา ผู้ชายเกือบ 80% ไปทำงานเซลล์เคมีเกษตรกันหมด แค่เบี้ยเลี้ยงออกทริปทำงานรายวันก็ได้เยอะกว่าเงินเดือนผมทั้งเดือนแล้ว ไหนจะค่าคอมอีก ค่าโบนัสอีก คิดแล้วเสียดายตอนนั้นน่าจะไปเป็นเซลล์เคมีเกษตร จากคุณ : sayanjo65 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 17:15:15

ความคิดเห็นที่ 32 เรื่องโม้ตอนสัมภาษณ์แล้วทำได้ตามที่บอกไว้ ไม่มีปัญหาเลยครับ การเป็นเซลส์ ถ้าถนัดงานด้านนี้ นอกจากจะสนุกแล้วยังได้เงินอีก ลูกศิษย์ผมคนหนึ่ง สมัยเรียนก็เกรดระดับกลาง แต่ชอบสังสรรค์ มนุษยสัมพันธ์ดี เข้ากับคนง่าย และยังขยันและรับผิดชอบ พอได้ ทำงานที่ชอบ บอกว่าชีวิตมีความสุขมากๆ บริษัทให้เงินค่าน้ำมันรถ ให้รถขับ พาลูกค้าไปให้การต้อนรับ แล้วขายของได้เงินทะลุเป้า ทุกเดือน ที่ต้องระวังก็มีแต่อย่าพาลูกค้าไปเที่ยวสนุกจนประมาท "ในหลายๆ เรื่อง" แล้วเดือดร้อนภายหลังเท่านั้นเอง จากคุณ : Practical x 2 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 17:35:37

ความคิดเห็นที่ 33 ไม่มีใครอยากเป็น( ^o^ )เค้าไปตลอดชีวิตหรอก บางคนความสำเร็จชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องเงินทองแต่เพียงอย่างเดียว จากคุณ : วันดีวันร้าย เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 17:41:06

ความคิดเห็นที่ 34 เอ้ะ เหมือนโดนตบหน้า T_T จากคุณ : เทาทองวอร์ริเออร์ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 18:29:27

ความคิดเห็นที่ 35   สร้างประสบการณ์ในวัยเรียนให้เยอะๆ เน้นไปทางงานที่เราจะทำในอนาคต สร้างคุณค่าให้กับตัวเอง ใช้เวลาว่างเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ข้อเปรียบเทียบเวลาคุณจบไป เขาจะพิจารณาตรงนี้ จากคุณ : PMC K.SRI เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 19:20:08

ความคิดเห็นที่ 36 เกรดไม่สำคัญ  มันเป็นแค่คำปลอบใจครับ ปกติ  คนสัมภาษณ์  เขาไม่เคยรู้ประวัติเทือกเถาเหล่ากอคุณ เขาจะวัดอะไรคุณได้ละครับ  นอกจากเกรด ซึ่งมันบอกได้ว่าคุณรับผิดชอบในการเรียนจนผ่านมาด้วยเกรดเท่านี้ แต่ถ้าคุณทำเกรดไม่ดี  เขาก็ไม่ได้ตามไปดูที่บ้านคุณ ว่าคุณทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียน  จนแทบไม่มีเวลาอ่านหนังสือ คนสัมภาษณ์  ถ้าคุณเจอคนดี ๆ ซักถามเยอะ ๆ เปิดภูมิหลังความจำเป็นในชีวิตคุณ  จนเขาเข้าใจ  และเลือกคุณ แต่แบบนี้  หายาก สิ่งแรกที่จะมอง  เขามองเกรดคุณก่อนครับ ผมเอง  จบมาด้วยเกรดที่ไม่สวยเท่าไหร่ เพราะไม่ชอบระบบการเรียนแบบท่องจำเข้าไปสอบ ตอนเรียนก็เลยเรื่อย ๆ โชคดี  ที่ตอนทำงานที่แรก  เขาไม่ได้ดูเกรด ย้ำว่าโชคดีเท่านั้น  และอีกอย่าง  เรื่องของสีสถาบัน  ก็มีส่วน เขาเลือกเข้าไป  เพราะเหตุนั้นจริง ๆ เขาเชื่อในสถาบันที่เราจบ  และระบบ entrance ในเวลานั้น และก็โชคดี  ที่ผมไม่ได้ทำตัวให้ผิดหวัง  เพราะผมทำได้จริง ๆ ทุกวันนี้  ผมไม่ต้องอาศัยเกรดแล้วละครับ ความสามารถ  และประสบการณ์ที่ผ่านมา  มันมากกว่าเกรดเยอะครับ งานใหม่ทุกครั้ง  ที่สมัคร  เขารับเพราะว่าเป็นตัวผม  ไม่ได้รับเพราะเกรด หลายปีที่ผ่านมา  ความรู้ที่หาเอาเอง  ชื่อเสียงที่สร้างเพิ่ม  มันมีมากกว่าเกรดครับ ทุกวันนี้ เวลาผมสัมภาษณ์เด็ก  ผมไม่สนใจเกรด ถ้าเห็นเกรดต่ำ  ก็แค่ถามว่าทำไม  แต่ไม่ได้เอามาพิจารณา ผมมองเห็นจากตัวผมเอง  ว่าเกรด  มันไม่ได้วัดอะไร ทุกวันนี้  ผมทำได้ดีกว่าเด็กจบเกียรตินิยมด้วยซ้ำ แต่ไม่ใช่  คนสัมภาษณ์ทุกคน  เขาจะคิดแบบผม และอีกอย่าง  ระบบวัดคนเข้ามหาวิทยาลัยในปัจจุบัน มันล้มเหลว เรื่องของสีของสถาบัน  มันวัดอะไรไม่ได้แล้วครับ เขาก็คงต้องเอาเรื่องเกรดมาพิจารณาก่อน  เพราะเขาไม่รู้จักคุณ จากคุณ : specimen เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 19:23:28

ความคิดเห็นที่ 37 ยอมรับว่าตัวเองเรียนไม่เก่ง ที่จบออกมาได้เพราะเอาตัวรอดเป็น ตอนเรียนโทจะสอบทีเพื่อนมันอ่านหนังสือเป็นเดือน ผมรอใกล้สอบหนึ่งอาทิตย์ ไปถามพวกที่ลงเรียนไปก่อนว่าออกแนวไหน ถามๆมาสักสองสามคน กะว่าถ้ามันออกสิบข้อขอเก็งๆสักหกข้อพอ ก็ผ่านมาแบบฉิวเฉียด แต่ไม่ใช่ขนาดว่าไม่มีความรู้อะไรติดตัวมาเลย ก็พอมีบ้าง ทีเหลือพอทำงานก็เก็บประสบการณ์จากพวกพี่ๆที่เขาทำมาก่อนไป จากคุณ : sayanjo65 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 19:38:33

ความคิดเห็นที่ 38 จะดูเกรดหรือไม มันก็ขึ้นกับงานที่คุณทำด้วยนะแหละครับ ว่าตรงสายที่เรียนมามากน้อยแค่ไหน อย่างวิศวกรสายออกแบบ ลองจบมาเกรด 2 นิดๆ กิจกรรมสุงๆ เป็นประธานค่ายต่างๆนาๆ ถามว่า เขาจะรับคุณเหรอ แต่ถ้าสายที่ต้อง เอ็นเตอร์เทนลูกค้า เขาจะเอาคน 3.8-4 ไปทำไมละครับ ดังนั้นต้องถามว่า คุณจะจบไปทำงานสายไหนต่างหาก จากคุณ : วัยละอ่อน เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 22:47:10

ความคิดเห็นที่ 39 เกรดไม่ค่อยสำคัญ                         ในกรณีที่เกรดของคุณ อยู่ที่ระดับ 3 กว่าๆ ไปแล้ว เห็นด้วยกับข้างบนทุกประการ จากคุณ : หวาก เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 23:04:21

ความคิดเห็นที่ 40 เรียนเก่งทั้งนั้นเลยอ่ะ ....ผมจบมาแค่ 2.02 มีใบ กว. ก็เอามาทำไม้บรรทัด ฮา....เขียนใบสมัครงานส่งไปบริษัทที่เพื่อนทำงานอยู่ เพื่อนผมมันบอกว่าเขาดูเกรดมรึงแล้วโยนลงตะกร้า 55 ก็ดีแล้วที่ไม่มีใครรับ... จากคุณ : คาวบอยหลังเขา เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 02:44:40

ความคิดเห็นที่ 41 เห็นด้วยกับจขกท.ค่ะ ข้อแนะนำสำหรับน้องๆสาย IT (ในความเห็นพี่นะคะ) เกรดเฉลี่ยโดยรวมมันจะสะดุดตากรณีที่ออกมาดี เกรดเฉลี่่ยกลางๆ ก็จะต้องพิจารณาที่รายวิชาในสาย IT ถ้ามันไม่ดีโอกาสสัมภาษณ์น้อยมาก บางบริษัทใหญ่ จะให้มีสอบเพื่อนำมาพิจารณาและวัดผลให้ได้ตามความต้องการของบริษัทนั้นๆด้วย เกรดแม้มันไม่ใช่ทั้งหมด แต่ไม่ใช่ว่าไม่สำคัญ จากคุณ : setsu-chin เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 10:12:24

ความคิดเห็นที่ 42   ผมเวลาดู เกรด คนสมัครงานจะ เลือกดูเฉพาะวิชาที่เกี่ยวกับงาน หรือวิชาหลัก อย่างอื่น F ก้ไม่สน GPA เลยไม่สำคัญมาก แต่หากเกรดวิชาหลักมันห่วย ดันดีแต่วิชาเสริมก็ทำใจ จากคุณ : ravasear เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 10:48:41

ความคิดเห็นที่ 43 ไม่สนครับ ถ้าใครเกรดดีมาแต่ทำตัวแอ๊ก ผมตัดทิ้งเลย ทำงานเข้ากันไม่ได้แน่นอน แต่คงไม่เลือกคนห่วยๆ มาร่วมงานด้วยอยู่แล้ว เพราะถ้าหัวหน้าถามว่าทำไมงานไม่เดิน ... อ๋อ ลูกน้องผมเค้าทำไม่ค่อยคล่องครับ ... อ้าว แล้วใครรับเข้ามา ... จบเลย *-* จากคุณ : nisas เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 14:46:41

ความคิดเห็นที่ 44 คุณภาพเด็กที่เข้าศึกษาเท่าเดิม แต่ โอกาสทางการศึกษาที่มันง่ายขึ้น หรือเปล่า? จากคุณ : nanthachai เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 21:59:06

ความคิดเห็นที่ 45   scg ฝึกงานวิศว ยังต้องใช้2ตั้ง.7 เห้อ จะถึงมั้ยเนี่ยยย อยากเข้าบ้างอะไรบ้าง จากคุณ : ice overslept เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 52 23:45:21

ความคิดเห็นที่ 46   *ขอแก้ไขเป็น 2.7 นะคะพิมพ์ผิด จากคุณ : ไอซ์ (ice overslept) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 52 23:46:08

ความคิดเห็นที่ 47 เรียนดี ได้เกรดดี ไม่ได้แสดงว่าต้องเก่งงานเสมอไปนะครับ ต้องใช้เวลาในตอนเริ่มงานสักพักหนึ่ง ถึงจะแสดงออกว่าจะเอาแก๊ส เอาถ่านขนาดไหน และปรับตัวเข้ากับชีวิตการงานได้หรือไม่ ? เพื่อนรุ่นน้องผม เรียนจบวิศวกรรมโยธา แต่ไม่ได้นำมาประกอบอาชีพเลย กลับไปเอาดีด้าน IT จนเรียนจบปริญญาโทนั่นแหละ เอ...เกี่ยวกันไหมนี่ ? จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 52 10:33:17