ความคิดเห็นที่ 1 ป.1 ผมเพิ่งบวกเลขสองหลักเป็นเองมั้ง จากคุณ : ERWA เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 12:10:13

ความคิดเห็นที่ 2 ป.1 ผมลบเลขได้แล้วนะ จากคุณ : Mr.pokpak เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 12:32:30

ความคิดเห็นที่ 3 ป.1 ผมเริ่มฟันสาวแล้วนะ ตอนเล่นต่อสู้ด้วยดาบพลาสติก จากคุณ : natureza เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 12:38:14

ความคิดเห็นที่ 4 หึหึหึ...คห.1,2 คือผมพยายามใช้สำนวนเปรียบเทียบว่า...คิดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่รู้ งงๆ ไม่แน่นอน อะไรทำนองนี้ครับ!!! แต่อันนี้มันผ่านไปนานแล้วครับสมัยยังละอ่อนอยู่ คือเล่าความหลังให้ฟังอ่ะครับ...อิอิอิ จากคุณ : สายเมฆ เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 12:40:29

ความคิดเห็นที่ 5 เรื่องบางอย่างก็จิตนาการไม่ออกเหมือนกัน เช่น มิติเป็นทศนิยม ดังนั้นในการเสาะหาองค์ความรู้ พวกจึงมีเครื่องมือ(Tools)ต่างๆมาช่วยไง จากคุณ : KL เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 12:46:57

ความคิดเห็นที่ 6 แน่ใจเหรอว่าคิดไม่ออกแล้วลงแบบนั้นดื้อๆ ถ้าสรุปแบบดื้อๆ โดนไม่มีการคำนวณอะไรมายืนยัน แบบจำลองอะตอมแบบนั้นคงไม่ใครใช้หรอกครับ แถมพอเอาใช้แล้วดันอธิบายสมบัติของอะตอมได้ดีอีกแหนะ จากคุณ : หมั่นไส้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 13:04:28

ความคิดเห็นที่ 7   ไม่แปลกนะ ที่คุณจะเป็นโรคเดียวกับไอซไตน์ ไอซไตน์เองก็ปฏิเสธทฤษฏีความไม่แน่นอน และควอนตัมฟิสิกส์อยู่เรื่อยมา เนื่องจากเขามั่นใจว่า พระเจ้าจะต้องกำหนดทุกอย่างด้วยความแน่นอน จากคุณ : Black-White&Gray เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 13:12:14

ความคิดเห็นที่ 8 กลับเข้าเนื้อหากระทู้ คิดเหมือนผมเลยครับ ตอนเรียนเคมีสมัย ม.6 และ General Chem ตอนปี2 (แต่ผมเรียนเศรษฐศาสตร์) ตอนแรกเรียนทฤษีการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน ที่มันต้องรับ-คายพลังก่อนจึงจะเปลี่ยนชั้นได้ s p d f ผมว่ามันก็โอเคเลย เรียนแล้วเข้าใจพฤติกรรมของเจ้าอิเล็กตรอนตัวยุ่งนี้ได้ ดีเลยทีเดียว แต่พอมาเจอทฤษฎีกลุ่มหมอกของอีตานี่ ก็เป็นแบบ จขกท. เลยครับ ความรู้สึกประมาณว่า "เอากันดื้อๆแบบนี้เลยเหรอ" แต่ก็สนุกดีครับพวกเคมี ฟิสิกส์ เนี่ย จากคุณ : natureza เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 13:18:20

ความคิดเห็นที่ 9 อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ   พระพุทธเจ้านี่แหละ ที่กำหนดกฏแห่งวามไม่แน่นอน ท่านบอกว่า อนาคตมีความแปรปรวนไปเสมอ ไม่แน่ไม่นอน สิ่งต่างๆ ก็เหมือนกัน แปรๆ ปรวนๆ ทั้งนั้นครับ ^^ หวังว่าคงไม่ถูกตำหนินะ หุหุ จากคุณ : HANDYHUNG เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 13:20:10

ความคิดเห็นที่ 10   มันก็เหมือนกับ ดู ASTV แหละ เปิดมามาเจอแล้วก็โอ้ยยยอ่ะไรเนี่ย ปิดหนีเลย 555+ กร๊ากกๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : อ้าย เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 14:14:21 A:117.47.135.241 X:

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับไอเซนเบิร์ก สิ่งที่คุณควรทำในฐานะนักวิทยาศาสตร์คือการพิสูจน์ให้ได้ว่าทฤษฎีของไอเซนเบิร์กนั้นผิด ไม่ใช่ด้วยการบอกว่าทฤษฎีของไอเซนเบิร์กนั้นง่าย คิดไม่ออกก็มั่วไป เด็กป.1ก็คิดได้ แบบนี้เด็กป.1ก็ทำได้เหมือนกัน จากคุณ : Ponyo เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 14:17:28

ความคิดเห็นที่ 12 หลักความไม่แน่นอนของไอเซนเบิร์ก นี่ระดับความยากในการล้มล้าง เท่าๆกับ การล้มกฏเทอร์โมไดนามิคเลยน่ะครับ การที่รับไม่สามารถหาตำแหน่งและโมเมนตัมที่แน่นอนของอิเล็คตรอนได้พร้อมกัน หลักมันง่ายชะมัด เพราะ ถ้าเราทำการวัดอย่างใดอย่างหนึ่ง จะทำให้เกิดการรบกวนระบบ ให้อีกอย่างเปลี่ยนไป เลยเกิดความไม่แน่นอนขึ้น ถ้าจะเพิ่มดีกรีความหรรษาคูณสอง ต้องมีของคู่กันครับ ไอเซนเบิร์ก ต้องมาคู่ โชดริงเจอร์ lol ผู้เรียนถ้า math ไม่แน่น ทฤษฏีไม่ปึก ก็ดับอนาถ -__-" (ผมก็ดับอนาถมาแล้ว) จากคุณ : kanoomtan เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 14:17:55

ความคิดเห็นที่ 13 สมมติว่าเรากำลังศึกษาเรื่อง หมอก อยู่ โดยที่หมอกมีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา ถามว่า เราจะหาตำแหน่งที่แน่นอน ของ อนุภาคหนึ่งในกลุ่มหมอกที่เราสนใจได้หรือไม่ จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 14:44:30

ความคิดเห็นที่ 14 ทำไมข้าเจ้ารู้สึกตรงข้ามเลยอะ ... ข้าเจ้ากลับรู้สึกว่าทฤษฎีความไม่แน่นอนคือสิ่งที่อธิบายธรรมชาติได้ใกล้เคียงความจริงที่สุด... ชอบด้วย เพราะตอนสอบเรื่องนี้มีสูตรให้จำไม่ยาก ใช้ง่าย เห็นภาพเป็นมิติดี... ช่วยได้มากในวิชา Eng. Measurement เลย... อาจารย์ก็สอนซะเห็นภาพเหมือนดูโดเรมอนด้วย จากคุณ : _K_F_C_ เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 15:09:24

ความคิดเห็นที่ 15 จำได้ว่า มีการทดลอง ที่ อิเล็กตรอน หรือ อนุภาค อะไรซักอย่าง วิ่งทะลุ กำแพงที่ทำจากโลหะได้  ถ้า กำแพงบาง พอ ข้อสันนิฐานก็คือ อนุภาคนั้น ตั้งอยู่ ณ บริเวณ นั้น ไม่ได้คงที่ มันมีอยู่ หายไปและ กลับมามีใหม่ ในบริเวณนั้น และเมื่อมีแรงมาเคลื่อนมันเข้าใกล้ กำแพง จนบริเวณ ที่มันปรากฏตัวขึ้นได้นั้น ทาบผ่านกำแพงไป อนุภาคนั้น ก็จะสามารถ ปรากฏขึ้น ได้ ณ ทั้ง 2 ฝั่งของกำแพง (และสามารถเคลื่อนที่ผ่านกำแพงไปได้หากมีแรงมากระทำต่อ) จากคุณ : Humandroy เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 16:12:05

ความคิดเห็นที่ 16 ปรากฏการณ์ ที่มองเห็นได้ ดูคล้ายกัน นะครับ (แค่ดูคล้ายเท่านั่น ไม่ได้เหมือน) เอาแก้วน้ำ ปากแก้วกลม  มา 1 ใบ ใส่น้ำให้ เกือบเต็ม รอจนน้ำนิ่ง แล้วเอา นิ้วจิ้มผิวน้ำ 1 ที่ ณ จุด ที่ ไม่ใช่ กึงกลางแก้ว แล้วนั่งมองการเกิดคลื่น บนผิวน้ำ เราจะพบ ว่า ยอดคลื่น ณ. จุดสูงสุด ก่อตัวขึ้น แล้ว หายไป แล้วก่อตัวใหม่ เกิดขึ้นในบริเวณที่เรา คาดล่วงหน้าได้โดยประมาณ จากคุณ : Humandroy เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 16:17:29

ความคิดเห็นที่ 17   ตอบ #9 ครับ พระพุทธเจ้า ไม่ได้เป็นผู้กำหนดกฏแห่งความไม่แน่นอนครับ แค่เอาความเป็นจริงที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ  ที่ท่านเห็น มาบอก ----------------------------------------------------------------------- กฏไอเซนเบิร์ก นี่จำไม่ได้แล้ว - -" ....แหะๆ       มาอ่าน กระทู้เอาความรู้ครับ จากคุณ : Pier Gerlofs Donia เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 16:52:28

ความคิดเห็นที่ 18 ป1 ชอบดูหนังจีนมาก มันจะมีการขโมยวิชาคือแอบดูอาจาร์ยสอนลูกสาวตัวเอง ผมก็เลยแอบไปดูเด็ก ป3 ท่องสูตรคูณทุกวันตอนเย็นที่เขาเรียนพิเศษกัน แต่ผมท่องมั่วนะเอาเท่ๆ เอาทำนองเฉยๆ 216 225 245 625 215 ไรเงี้ย จากคุณ : น้องเจสซี่ เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 16:56:25

ความคิดเห็นที่ 19 ไอน์สไตน์พยายามอย่างมาก เป็นบ้าเป็นบอ แทบตายเพื่อจะล้มล้างหลักความไม่แน่นอนของไฮน์เซนเบิร์กให้ได้ อยากรู้เพิ่มเติมลองอ่านในหนังสือ ทอถักจักรวาล ปล. หลักความไม่แน่นอนของไฮน์เซนเบิร์กมันไม่เกี่ยวกับ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของพระพุทธเจ้านะ ข้าพเจ้างงเป็นอย่างยิ่ง แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 52 17:06:43 จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 17:04:53

ความคิดเห็นที่ 20 #9 จะเข้ามาตำหนิพอดี หลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบอร์ก ไม่ได้บอกว่าทุกอย่างไม่แน่นอน แต่เขาบอกความสัมพันธ์ระหว่างความแน่นอนในการวัดค่าตัวแปรสองตัว เช่น ตำแหน่ง & โมเมนตัม หรือ พลังงาน & เวลา เขาไม่ได้บอกว่า ค่าทุกค่าไม่สามารถวัดได้อย่างแม่นยำ แต่เขาบอกว่า ถ้าวัดค่าใดค่าหนึ่งได้แม่นยำ อีกค่าจะไม่สามารถวัดได้แม่นยำ กฏข้อนี้ไม่สามารถ derive จากหลัก อนิจจัง ได้ จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 17:06:31

ความคิดเห็นที่ 21 "สรรพสิ่งทั้งปวงล้วนไม่เที่ยง" ไม่ทราบว่าคุณสายเมฆพอจะเคยได้ยินบ้างไม๊? แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 52 17:54:01 จากคุณ : Generals เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 17:52:57

ความคิดเห็นที่ 22   ทุกอย่างมันมีเหตุ แต่เหตุมันมากเหลือเกิน จนจับมาคิดได้ไม่หมด จากคุณ : แขม่ว เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 18:46:03 A:202.44.8.100 X: TicketID:218644

ความคิดเห็นที่ 23   ลองศึกษาตำราคัมภีร์อภิธรรม ดู อาจจะหนุกหนานเมามันยิ่ง ๆ ขึ้น จากคุณ : ผัก เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 00:39:11 A:118.172.95.146 X: TicketID:121602

ความคิดเห็นที่ 24 เรื่องนั้นผมอ่านตอนม.4 จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 00:41:25

ความคิดเห็นที่ 25 เข้าใจว่า  จขกท  จินตนาการ อนุภาคต่างๆ ให้เป็นเม็ดๆ มีตัวตนชัดเจน ถ้ายอมรับ ทฤษฎีความไม่แน่นอน  แค่เพียงว่า มันอธิบายปรากฏการณ์บางอย่างได้ แล้วจะต่อยอดความเข้าใจได้อย่างไร? ลองคิดใหม่   อนุภาค มัน มีรูปแบบอื่นได้ไหม อนุภาค เป็นรูปปรากฏ ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ความถี่สูงมากๆ  ได้ไหม จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 00:52:58

ความคิดเห็นที่ 26   เห็นด้วยกับ คห 12 นะครับ หลักความไม่แน่นอนนี้ระดับเดียวกับ การทำลายความสัมบูรณ์ของกาล อวกาศเลยนะครับ ทำลาย determinism ขีดเส้นแบ่ง โลกควอนตัม ทำให้ทฤษฎีสัมพัทธภาพ ที่ไอสไตน์ว่าสวยงาบถึงขีดจำกัดในขนาดที่เล็กกว่าอะตอม และยังเป็นพื้นฐานของการเกิดทุกสรรพสิ่งอีก เหมือนสั้นๆ ง่ายๆ แต่ลองดูแนวคิดจริงๆและการนำไปใช้นี่ ลึกซึ้งนะครับผมว่า สุดยอดเลยล่ะ จากคุณ : mm เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 01:30:34 A:180.183.3.248 X: TicketID:207667

ความคิดเห็นที่ 27 ขอนอกเรื่องนิดหนึ่ง ไม่เข้าใจว่าพูดเรื่องนี้ทีไร จะต้องมีการวกมาเรื่องพระเจ้า พระพุทธเจ้าทุกที ไม่เข้าใจ ----------------------------------- ผมจำได้เลาๆ ว่าความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์กมีสมการด้วยนี่ครับ ถ้ามีสมการ ก็แสดงว่า proof มาจาก math. และแสดงว่ามีการคิดมาอย่างดี ไม่ได้เพียงแค่นึกเฉยๆ แน่นอนครับ อาจจะดูเหมือนง่าย แต่ผมว่ายากน่าดู จากคุณ : ปั๊ปโปะจัง เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 14:06:03

ความคิดเห็นที่ 28 ป1 ผมยังเล่นเจี๊ยวอยู่เลยครับ จากคุณ : Santa_Baby เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 16:11:12

ความคิดเห็นที่ 29 ผมชอบกระทุ็นี้มากเลยครับ สาระ + ตลก 5555 จากคุณ : Fatalbringer เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 15:07:16

ความคิดเห็นที่ 30 ความไม่แน่นอน นั้นก็อาจจะมีความแน่นอน ความแน่นอน ก็อาจจะมีความไม่แน่นอน จากคุณ : ป๊อปปูล่า เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 15:22:09