 |
ความคิดเห็นที่ 44 |
ตอบ คห..42 ครับ
นี่คือภาพต่อหัวเสือครับ
ต่อหัวเสือเป็นแมลงชื่อ Vespa cincta - Paper wasp อยู่ในวงศ์ Vespidae จัดอยู่ใน Class Insecta, Order Hymenoptera ลักษณะของลำตัวมี สีดำ ปีกสีน้ำตาล ท้องมีแถบสีส้มปนเหลือง จนเห็นได้ชัดเจน มีขนาดลำตัวยาว 3.00-3.50 เซนติเมตร
...ตัวต่อหัวเสือมีอยู่หลายชนิดเช่น Vespa basalis มี หัวและอกสีเหลือง มีแผ่นรูปสามเหลี่ยม สีน้ำตาลปน ดำ ขาสีเหลืองแก่ ลำตัวสีเหลืองปนน้ำตาลหรือสีดำคล้ายเสือ
Vespa bicolor มี หัวและหนวดสีดำ อกสีเหลือง มีแผ่นสามเหลี่ยมสีดำ สันหลัง อกและท้องสีเหลืองแก่ กับอีกชนิดหนึ่งคือ Vespa auraria หัวและขาสีเหลืองแก่ ตาสีน้ำตาลแก่ อกสีเหลืองปนดำ มีแผ่นสามเหลี่ยมสันหลังสีน้ำตาลแก่ปนดำ...และ มีแถบเหลืองพาดขวาง 3 แถบที่ท้องคล้ายลายเสือด้วย...
ต่อหัวเสือ...ในบ้านเราพบได้ทั่วไปทุกภาค...อีสานเรียกว่า ต่อนอนเว็น หรือ ต่อนอนวัน เพราะอุปนิสัยที่ชอบซ่อนตัวอยู่ในรังเพื่อ...หลับนอนเวลากลางวัน (ชาวอีสานเรียกกลางเว็น) และออกหากินในเวลากลางคืนนั่นเอง
ส่วนทางใต้เรียก ต่อรัดพัดผ้าแดง อาจจะมาจากรูปร่างสีสันในตัวของมัน...นั่นเอง
จัดเป็นแมลงที่มีพิษมีอันตราย เนาองจากมีเหล็กใน (sting) เหล็กในคือส่วนที่อยู่ตรงปลายสุดของลำตัว มีลักษณะคล้ายเข็มฉีดยา เนื่องจากต่อหัวเสือมีลักษณะการต่อยคือ เมื่อต่อยลงบนผิวหนังแล้วจะถอนเหล็กในออกได้อย่างรวดเร็ว และต่อยซ้ำๆ กันได้หลายๆ ครั้งติดต่อกัน ซึ่งต่างจากผึ้งจะต่อยได้แค่ครั้งเดียวแล้วก็ฝังเหล็กในไว้บนผิวหนังและตัวมันเองก็ตาย สำหรับอาการของผู้ที่ได้รับพิษจากต่อก็จะมีความแตกต่างกันไป ตั้งแต่คันตรงบริเวณผิวหนังที่ถูกพิษ ไปจนถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งอาการเหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของต่อที่ต่อย ปริมาณพิษที่ได้รับ และจำนวนครั้งที่โดนต่อต่อย รวมถึงปฏิกิริยาของผู้ที่ถูกต่อยด้วยว่าแพ้หรือไม่
สำหรับผู้ที่ไม่แพ้แมลง (non-allergic) หลังจากถูกต่อต่อย อาจรู้สึกเจ็บและบวมเพียงเล็กน้อย ต่อมาจะหายเองได้
ในรายที่มีปฏิกิริยาปานกลาง หรือรุนแรง จะปวดมากบริเวณที่ถูกต่อต่อย มีอาการหน้ามืด และเป็นลมได้ บางรายเหงื่อออกมาก ตัวสั่น หาวบ่อยครั้ง อาจมีลมพิษทั่วตัว คัน เจ็บและมีไข้ ผมจะหงอกเป็นสีขาวในบางราย
รายที่เกิดปฏิกิริยาอย่างรุนแรง ผู้ป่วยจะหายใจลำบาก เขียวคล้ำ ความดันโลหิตต่ำจนช็อกเกิดภาวะการไหลเวียนของโลหิตล้มเหลว และจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ถูกตัวต่อต่อยก็จะเป็นลักษณะการถูกรุมต่อยโดยต่อหลายๆ ตัว ซึ่งก็จะยิ่งเพิ่มปริมาณพิษให้กับผู้ถูกต่อย โอกาสที่ผู้ถูกต่อต่อยจะเสียชีวิตก็จะมีมากขึ้น อาการเมื่อถูกต่อต่อยก็จะแสดงออกได้ 2 ลักษณะ คือ
1.อาการเฉพาะที่ ได้แก่ ปวด บวม แดง ร้อน หรือเป็นผื่นแพ้ ลมพิษตรงบริเวณที่ถูกต่อย ในคนที่ได้รับอยู่บ่อยๆ พิษจะไปกระตุ้นการหลั่งฮีสตามีนจากเนื้อเยื่อ ทำให้บริเวณที่ถูกต่อยเกิดรอยไหม้ ในกรณีที่ถูกตาอาจมีอาการมากกว่าปกติได้
2.พิษที่ไปตามกระแสโลหิต ทำให้เกิดอาการทั่วร่างกาย เช่น คัน ลมพิษ หลอมลมบวม หายใจขัด ความดันโลหิตต่ำ และท้องบวม
บางรายอาจมีอาการหน้ามืดเป็นลม มีเหงื่อออกมาก ตัวสั่น หาวบ่อย ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการช็อกนั่นเอง บางรายอาจมีอาการมีลมพิษขึ้นตามตัว คัน เจ็บ และมีไข้ ส่วนในรายที่เกิดปฏิกิริยาอย่างรุนแรง ผู้ป่วยจะมีอาการหายใจลำบาก เขียวคล้ำ ความดันโลหิตต่ำจนช็อก เกิดภาวการณ์ไหวเวียนของโลหิตล้มเหลวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
วิธีการหากินของตัวต่อจะเข้าไปต่อยตัวหนอนให้ สลบแล้วจึงอุ้มตัวหนอนนั้นมาวางไว้ตามช่องภายในรังเพื่อเป็น อาหารลูกอ่อนของตัวต่อที่จะเกิดขึ้นมา... อาหารของต่อส่วนใหญ่จะเป็นพวกเนื้อสัตว์ แต่มันก็ยังกินน้ำหวานเพิ่มเติมด้วยเพื่อใช้ในการเผาผลาญให้เกิดพลังงานแก่ร่างกาย แหล่งที่เป็นพลังงานสำคัญของต่อคือ น้ำหวานจากผลไม้สุกและเกสรดอกไม้ ในการกินเกสรดอกไม้ของต่อหรือผึ้งก็จะเป็นประโยชน์กับต้นไม้ เพราะเป็นการช่วยผสมเกสรให้ดอกไม้ไปในตัว
อย่างไรก็ตาม ต่อก็จัดเป็นแมลงที่ช่วยทำประโยชน์ให้กับมนุษย์ได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ในการกินซากเนื้อสัตว์ของต่อก็เป็นการสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศน์ ส่วนในภาคการเกษตรกรรม ต่อเป็นประโยชน์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องจากมันช่วยเกษตรกรในการกำจัดศัตรูของพืชผักที่ปลูก เช่น หนอนผีเสื้อ ตัวอ่อนตั๊กแตน และเพลี้ยอ่อน โดยมันจะจับแมลงเหล่านี้กินเป็นอาหารและยังขนกลับไปกินที่รัง แต่มันจะไม่มีพฤติกรรมการสะสมอาหาร เนื่องจากอาหารที่กินส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อสัตว์ ก็จะทำให้เกิดการเน่าเสียขึ้นในรังได้
การป้องกันกำจัดต่อเสือ สามารถทำได้โดยใช้สารเคมีบางชนิด เช่น bendiocarb, carbaryl, diazinon, DDVP หรือ malathion ฉีดพ่นเข้าไปในรัง การทำลายรังต่อเสือจึงต้องกระทำอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ ต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ วิธีที่ปลอดภัยมากที่สุดในการทำลายรังต่อเสือ จะกระทำในเวลากลางคืน เมื่อตัวต่อทุกตัวอยู่ภายในรัง รังของต่อเสือจะสร้างทางเข้าออกเพียงทางเดียวมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-3 นิ้วต่อเสือทำรังโดยการใช้ใบพืชที่เคี้ยวกับน้ำลายจนเหนียวแล้ว จึงปั้นเป็นแผ่นบางๆ...คล้ายกระดาษเรียงเป็นชั้นๆ...ๆ...ๆ
ก่อนฉีดสารเคมีเข้าไปในรังต่อ จำเป็นต้องอุดทางเข้าออกของรังต่อด้วยสำลี อุดที่รู ตัวต่อจะไม่สามารถหนีออกจากรังได้ จึงใช้สารเคมีชนิดบรรจุกระป๋องอัดก๊าซชนิดที่ปลายหัวฉีดมีท่อยาวเล็ก ๆ สวมบนหัวฉีด พยายามใช้หัวฉีดเจาะบริเวณข้าง ๆ ของรังต่อแล้วฉีดพ่นสารเคมีเข้าไปภายในรัง ทำเช่นนี้จนรอบรังต่อ จะทำให้ต่อในรังตายทั้งหมด หากจำเป็นต้องกำจัดรังต่อในเวลากลางวันต้องสวมใส่เสื้อผ้าหนาหรือหลายชั้นเพื่อป้องกันต่อต่อยและต้องสวมถุงมือที่หนา รองเท้าบู้ท และสวมหมวกเพื่อป้องกันต่อรุมต่อย
แต่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรไปทำลาย หากมีความจำเป็นต้องกำจัดก็ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ
ข้อควรปฏิบัติเมื่อถูกแมลงที่มีพิษต่อย
1.เมื่อถูกแมลงเหล่านี้ต่อย ควรรีบเขี่ยออกทันทีก็จะช่วยลดปริมาณพิษลง และยังป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงได้ 2.อย่าแหย่หรือทำลายรังของแมลง เพราะจะเป็นการเสี่ยงต่อการถูกต่อย โดยแมลงทีละจำนวนมากๆ เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง หรืออาจทำได้โดยผู้ที่มีความชำนาญ
การรักษาเมื่อได้รับพิษจากแมลงกัดต่อย หากพิษไม่มีความรุนแรง เช่น มีอาการผื่นคัน มีตุ่มน้ำ เป็นจุดแดงๆ เล็กๆ หรือมีอาการคัน ก็อาจใช้สมุนไพรบรรเทาอาการได้ แต่ก็ไม่ควรใช้สมุนไพรอย่างเดียวในการรักษา สมุนไพรที่นำมาใช้ เช่น
ขมิ้นชัน โดยนำเหง้ายาวประมาณ 2 นิ้ว ฝนกับน้ำต้มสุกทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ผงขมิ้นโรยบริเวณที่มีอาการแพ้อักเสบ
ตำลึง นำใบสดประมาณ 1 กำมือ ตำคั้นน้ำและนำน้ำมาทาบริเวณที่มีอาการปวดแสบปวดร้อนและคัน เมื่อแห้งแล้วให้ทาซ้ำอีกจนกว่าจะหาย
ผักบุ้งทะเล นำใบและเถาสดต้มน้ำอาบแก้อาการคันและบวม
พญายอ นำใบสด 10-15 ใบ ตำให้ละเอียด เติมเหล้าขาวพอชุ่มยา แล้วนำมาพอกบริเวณที่มีอาการปวด บวม แดง ร้อน และทาซ้ำบ่อยๆ จนกว่าจะหาย ในการรักษาด้วยพญายอนั้นต้องมีความแน่ใจว่าผู้ถูกพิษไม่มีอาการไข้
เสลดพังพอน นำใบ 1 กำมือ ตำให้ละเอียด คั้นเอาน้ำทาบริเวณที่มีอาการแพ้อักเสบ ในรายที่ได้รับพิษแล้วมีอาการแพ้อย่างรุนแรงนั้น ไม่แนะนำให้ใช้สมุนไพรมารักษา เนื่องจากมีความเสี่ยงเกินไป และทางที่ดีที่สุดคือ ให้รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นแล้วผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้
ที่มาของภาพ.....http://www.malaeng.com/blog/tmp/2009/05/v-affinis3.jpg ที่มาของเนื้อหา....http://thaigoodview.com/node/5153
จากคุณ |
:
~@ GoMaMoN @~
|
เขียนเมื่อ |
:
15 พ.ย. 52 17:51:34
|
|
|
|
 |