ความคิดเห็นที่ 1 ได้หมดครับ ขึ้นกับตัวแม่ว่าจะเอาอะไรมาลง อย่าง HDD ก็ผลิตตัว TOP ได้อยู่ ุ จากคุณ : ตาแป๊ะหวานเย็น เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 07:20:50

ความคิดเห็นที่ 2 คนไทยมีความสามารถ ทำไมยอมไปเป็นลูกน้องเค้า ทำไม่ไม่ผลิตผลิตภัณฑ์ของตัวเองขึ้นมา จากคุณ : นายสาระแน เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 07:35:40

ความคิดเห็นที่ 3 คงไม่มีเงินทุนทำหละมั้งครับ ทำแล้วก็สู้พวก Research หนักๆอย่าง Intel AMD ได้อะครับ ของเขาเงินทุนสูงจริงๆอะ จากคุณ : IsaKlui เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 07:48:01

ความคิดเห็นที่ 4 ยังไงก็ฝากโครงการนี้ไว้ด้วยแล้วกันครับ http://www.tidi.nectec.or.th/ จากคุณ : TSY เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 07:51:22

ความคิดเห็นที่ 5   เพราะว่า มันทำไปก็สู้ ไม่ทัน ... จริงๆ เราต้องมีอุตสาหกรรมต้นน้ำครับ สำหรับกรณีนี้คือ wafer fabrication กับโรงถลุง silicon เพราะตอนนี้ต่อให้ออกแบบได้ sim ได้ ก็จะไปติดตอนเข้าคิวรอ fab ครับ อีกทั้งถ้าเทียบกับประเทศที่มีโรง fabricate เป็นของตัวเองแล้ว ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเค้าจะถูกกว่าเยอะ ที่สำคัญการที่มีโรง fab ของตัวเองทำให้ คนออกแบบสามารถ เข้าไปล้วงลูก ... ไม่ใช่ เข้าไปปรับเปลี่ยนขบวนการได้ตามใจชอบครับ เพราะกันเองมากกว่า อย่างตอนนี้ แค่เอาว่าเมืองไทยทำแผ่นปริ้น 4 layer ได้ในราคาถูกก็พอแล้วครับ pcb หรือ แผ่นปริ้น 4 layer(ขึ้นไป) หรือแผ่นวงจรพิมพ์ สีเขียวๆ ที่ใช้ทำเมนบอร์ดครับ ... คอนนี้ถ้าเราทำแบบ 2 layer เมืองไทยถือว่าไม่แพง คือสมมุติว่ามีงาน prototype ต้นแบบ ... ค่าของการทำ pcb จะอยู่ที่ประมาณ 3000-5000 แต่ถ้าเป็น 4 layer ขึ้น จะไปอยู่ที่ 28000 ซึ่งถามว่าทำไมราคากระโดด ... แม้ว่าเราจะมีศูนย์ PCBTEC ซึ่งเป็นของ สวทชที่รับทำ pcb หลายๆ layer แต่เนื่องจาก ค่าต้นทุน initial ที่สุดและจำนวนการสั่งงานที่น้อย ทำให้ ในการทำแต่ละครั้งต้องมีค่าเริ่มต้นที่สูง ถ้าเทียบกับประเทศอย่างจีน ที่มีการผลิตจำนวนมาก มีการทำ prototype อยู่ตลอด ทำให้สามารถเกิดการรวม order งาน คล้ายๆกับการรวม plate ... ซึ่งแทนที่ผู้พัฒนาคนเดียวจะต้องแบกรับต้นทุน ค่าเริ่มต้น 28000 บาท แบบในไทย เค้าก็สามารถรวมเอางานของผู้พัฒนาหลายๆ รายเข้ด้วยกัน ทำให้แต่ละรายรับผิดชอบค่าเบื้องต้นไปคลละส่วน ทำให้ต้นทุนลดลงไป โมเดลธุรกิจนี้ ก็เหมือนกับการทำ microchip ครับ การที่มีจำนวนการทำ prototype เรื่อยๆ มีโรงงานที่รับ order จากในและต่างประเทศ ทำให้ วิศวกรในประเทศนั้น ได้มีโอกาส ลอง มีโอกาสวิจัยที่มากกว่า ด้วยต้นทุนที่ถูกกว่า สรุป ถ้าอยากให้ประเทศพันาทางเทคโนโลยีใหน ต้อง ทุ่มเงิน เพื่อวางโครงสร้างพื้นฐาน (แม้มันจะดูไม่กำไร) และกระตุ้นให้เกิดการว่าจ้างภายในประเทศก่อน จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 07:58:54 A:124.121.210.227 X: TicketID:205742

ความคิดเห็นที่ 6   เพิ่มเติม ... สำหรับกรณีนี้เราเสียดายโครงการ อัลฟ่าเทคครับ โดยพิษ 40 ไป .... ไม่งั้นยังพอเทียบกับเกาหลีครับ จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 07:59:53 A:124.121.210.227 X: TicketID:205742

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าดูภาพรวมผมว่าไม่จำเป็นที่ประเทศหนึ่ง ต้องไปแข่งขันผลิตสิ่งใดสิ่งหนึ่งกับประเทศอื่นในบางสถานการณ์นะครับ ความสำเร็จหนึ่งของทาง NECTEC คือได้ทำ Microcontroller ที่ Compatible กับ 8051 ได้แล้วนะครับ http://www1.stkc.go.th/stportal.php?app=stportalDetail.php&id=7242 จากคุณ : TSY เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 08:00:35

ความคิดเห็นที่ 8 8051 -_-"..... จากคุณ : 50 51 80 86 88 286 386 486 (Humandroy) เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 08:43:15

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าจะเริ่มต้นทำอะไร หลังจาก ที่ คนอื่นเขาทำไปไกลแล้ว เราต้องทุ่มทุน มากมาย ยิ่งกกว่าเขา ถึงจะตามทัน (หรื่อไม่ก้ต้องชาตินิยมมากพอที่ หล่อเลี้ยง บ. ของชาติเราให้เติบโตได้) หรือไม่ก็ต้อง ทำอะไร ที่ ยังไม่ค่อยมีใครประสบความสำเร็จ เช่น แทนที่ จะ สร้าง CPU แรงสุด + Core  มากสุด เราอาจจะสร้าง Mainboard + OS ที่ เอา CPU ราคาถูก + Power มารวม เป็น Box จากนั้น นำ หลายๆ Box มาต่อขนานกันได้   โดยมาก งานทั่วไป ก็ไม่พ้นเป็น DB , WEB , File งานพวกนี้ สามารถ ทำขนานกัน บนหลาย CPU หลาย HD ได้ การ สร้าง Box ให้มีราคาถูก และต่อขนานได้ จะเป็นเหมือน Computer ขนาดใหญ่ ที่ อัพเกรดได้เรื่อยๆ ในราคาการอัพเกรดที่ไม่แพง จากคุณ : Humandroy เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 08:55:08

ความคิดเห็นที่ 10 ผลิตนี่หมายถึงสร้างตามแปลนที่มีอยู่แล้ว หรือ คิดเองสร้างเอง ละ ครับ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 09:08:08

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าคิดสร้างเอง ไม่มีทางตามเค้าทัน จากคุณ : (-_-") เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 09:15:27

ความคิดเห็นที่ 12   อึม... ผมพูดถึงโครงการ อัลฟ่าเทคเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วครับ ตอนนั้นไต้หวันกับเกาหลีก็พึ่งกำลังเริ่มพัฒนาเหมือนกัน ตอนนั้นเราสู้เค้าได้ครับ จำได้มั้ยครับ เราเคยมี บริษัทชื่อ ถาวร คอมพิวเตอร์ที่ผลิตเมนบอร์ดขึ้นเอง ผมยังจำได้ว่าตอนนั้น เค้าไปออกงานที่กรมพานิชสัมพันธ์ แล้วเค้าเอาเครื่อง 386DX ที่ใช้ สายไฟต่อ (ไม่มีแผงวงจร) รวมกันเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วก็เจ้งไป .... เรื่อง pcb เป็นตัวอย่างหนึ่งครับว่าทำไมถึงเจ้ง จริงๆ ยังมีเรื่องเล่าของtv ธานิน อีก ว่าทำไมถึงแพ้ sony ทั้งที่เริ่มมาพร้อมๆกัน ก็เพราะธานินท์ ไม่สามารถพัฒนาระบบ microprocessor tunning หรือระบบเลือกช่องแบบไมโครได้ คือทำได้แค่ระบบมือหมุน ... ที่ทำไมได้เพราะไม่สามารถหาอุปกรณ์ หนึ่งที่เรียกว่า วาริแคปได้ เพราะต่างชาติไม่ยอมขายเนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ ตรงนี้เป็นจุดขายหนึ่งของ sony trinitron เลยครับ เรื่องการจูนโดยไมโคร ...ธานินท์เลยเจ้งไป แนวคิดในการพัฒนา ของโดยใชมูลค่าเพิ่ม เป็นแนวคิดที่ถูกครับ แต่เราก็ต้องมองด้วยว่า initial ของมันต้องมีงบที่ เกินพอ อยู่ในระดับนึง ... เพราะในทางปฏิบัติ มันไม่ได้ง่าย ต่อให้ไม่มีคู่แช่ง ความเสี่ยงต่างๆ ก็ยังมีอยู่ จะบอกว่า งบเริ่มต้นน้อย ... มันเป็นแค่ทฤษฏีที่ เกิดได้เองยาก ที่สำคัญ การมองต้นทุน มันมีหลายตัว ... ต้นทุนเงิน ต้นทุนทางความรู้ ต้นทุนทางสังคม ประเด็นในตอนนี้คือ ในทางเทคโนโลยี ต้นทุนเงินสามารถ "ซื้อ" ทุกอย่างได้หมด ... ส่วนที่ nectec ทำ c'51 ถ้าเป็น 10 ปีที่แล้วถือว่าเจ๋งมากครับ (จำได้ว่าตอนนั้นมีหลายๆ ม.เอามาโชว์) แต่ถ้าณ. วันนี้ เด็กป.ตรีทุกคน ที่เรียน computer hardware ควรจะทำได้ เพราะใช้ vhdl-verilog เขียนไม่ควรเกิน 1 เดือน... ส่วน m/b อยากที่ได้ยกตัวอย่างของถาวรคอมพิวเตอร์ไป ถ้าตอนนี้จะทำก็ไม่ได้ยากครับ เพราะ chipset เค้ามีวงจรมาให้เสร็จสรรพ์ bios ก็จ้าง customized ที่ต้องทำคือ PCB อย่างเดียว ซึ่่งจะใช้ได้ดี เร็วไม่เร็วอยู่ที่ลายทองแดงตรงนี้ ... ซึ่งก็ไม่ได้ยากมาก ใช้วิศวกรกับเทคนิคสัก 10 คนก็น่าจะเหลือเฟือ แตกประเด็นนิดนึง cluster ที่คห. 9 พูดถึง มันทำกันอยู่แล้วครับ แต่เพียงว่า ในการทำงานใดๆ การแตกงาน ออกเป็นงานย่อยๆ ยังจำเป็นที่จะต้องใช้ cpu ขั้นต่ำและ memory ขั้นต่ำอยู่ ขั้นหนึ่ง เพราะความล่าช้าและสูญเสียจากการส่งข้อมูลภายในเครื่องมีน้อยกว่าการส่งภายนอกมากๆๆ ครับ overhead ในการรับสุ่งข้อมูลตรงนี้ไม่น้อยน่ะครับ อย่าง ethernet ที่ไม่ต่ำกว่า 10% หรือแม้กระทั่งเรื่องของพลังงาน จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 09:34:42 A:124.121.210.227 X: TicketID:205742

ความคิดเห็นที่ 13   เรื่องของ อัลฟ่าเทค (ตอนปี 36) http://www.gotomanager.com/news/printnews.aspx?id=8699 (ปี 2002) http://www.businessthai.co.th/bt/content.php?data=403921_MVP (ปี 2549) http://www.bangkokbiznews.com/2006/05/27/news_20729200.php?news_id=20729200 จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 09:40:48 A:124.121.210.227 X: TicketID:205742

ความคิดเห็นที่ 14   ถาวรคอมพิวเตอร์... http://www.gotomanager.com/news/printnews.aspx?id=9265 จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 09:46:38 A:124.121.210.227 X: TicketID:205742

ความคิดเห็นที่ 15   ไปอ่านเจอพื้นฐานคนไทยที่ฝรั่งบันทึกไว้ เมื่อร้อยกว่าปีก่อนก็ไม่ต่างกันนัก คือ การทำงานแบบทีมเวิร์กไม่ค่อยได้ จะคอยขัดแข้งขัดขาอิจฉากันเสียดสีกัน เลยเกิดเป็นประเภทวันแมนโชว์เสียมากกว่า ที่เก่งคือเก่งไปเลย ญี่ปุ่นจะกลับกันประเภทวันแมนโชว์จะเกิดยาก แม้ไม่เก่งแต่ร่วมทีมเวิร์กได้แข็งและต่อเนื่องได้ งานเขาจึงเดินพัฒนาได้ตลอด . ฟิลด์ที่เหลือพื้นที่ให้คนไทย ต่อไปจะบีบวงอยู่แต่ด้านบริการการท่องเที่ยวและด้านอาหารเป็นหลัก จากคุณ : ภูริ เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 09:46:58 A:67.228.166.109 X: TicketID:215661

ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อสิบเจ็ดปีก่อนผมฝึกงานกับ บริษัทฯในเมืองไทย ตอนนั้นยังผลิด CPU ตั้งแต่เกรด ธรรมดา จนถึง เกรดทหารเลยนะครับ จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 09:56:07

ความคิดเห็นที่ 17 ลืมอ่านความเห็นที่ 12  ผมฝึกงานที่อัลฟาเทค นั้นแหละครับ จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 09:57:17

ความคิดเห็นที่ 18 อ่อนประชาสัมพันธ์ครับ เลยหาพวกเดียวกันไม่ค่อยเจอ งานไม่ค่อยเข้า จากคุณ : อั๋น ทรงวุฒิ เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 10:19:09

ความคิดเห็นที่ 19 ทุน ครับ ทุน จากคุณ : สุดโหดโคตรโรแมนติค เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 10:47:32

ความคิดเห็นที่ 20 CPU ใน OpenCores Community (http://www.opencores.org) และ OpenSparc จาก Sun Microsystems ถูกประกาศออกมาเป็น GPL หลายตัว แล้ว ดังนั้นถ้าจะเอาผลิตเองคงไม่ผิดอะไร (ก็คือต้องไม่ผิดเงื่อนไข GPL) ที่ต้องการกันคงเป็นแบบ Project ด้านล่างนี้ http://zet.aluzina.org/index.php/Zet_processor คือ การที่เอามาใช้กับ Platform ที่ถูกใช้อย่างแพร่หลาย ถ้าพูดถึง ISA ก็คงจะเป็น X86 ถ้าพูดถึง OS ก็คงเป็น Linux กับ Windows เท่าที่ผมศึกษามา OpenSparc เป็น Open source CPU ที่น่าสนใจตัวหนึ่งที่แจก Verilog code ให้ไปพัฒนากันได้บน FPGA หรือจะเอาไปทำเป็น ASIC ก็ตาม ที่เหลือคือ การสร้างให้เป็นระบบเหมือนที่อยู่บน Mainboard ทั่วๆไป อยู่ที่ว่า สังคม Open source จะร่วมมือกันแค่ไหน จากคุณ : TSY เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 10:58:23

ความคิดเห็นที่ 21 ผลิตคงไม่ยาก เพราะอย่าลืมว่า Intel ยุคแรกๆก็ outsource จนตัวเองพร้อมตั้งโรงงานของตัวเอง เมืองไทยก็ถนัดการรับจ้างผลิตอยู่แล้ว แต่การออกแบบผมว่าเมืองไทยยังทำไม่ได้ เพราะนอกจากออกแบบแล้ว ยังต้องคิดพวกชุดคำสั่งด้วย HDD ทุกวันนี้ก็รับจ้างผลิต การออกแบบหัวอ่าน และค่า factor ต่างๆ มาจาก USA ทั้งนั้น yield ก็พอแข่งขันได้ จากคุณ : ascertain เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 11:19:14

ความคิดเห็นที่ 22 #12 เรือง Varicap จริงๆ เอา TR ธรรมดาๆ มาใช้แทนก็ได้ ไม่ต้องซื้อเขาหนิ แต่ ค่าอาจจะไม่สามารถคุมให้เท่ากันเป๊ะๆ ทุกตัวได้  แต่ถ้าทำดีๆ น่าจะสามารถทำได้โดยไม่ต้องง้อ Varicap ที่เจ๊ง ผมว่าไม่ใช่เพราะระบบจูนช่องนะ ผมว่าเป็นเพราะการตลาด และนิสัยคนไทยไม่นิยมไทยมากกว่า จากคุณ : NaCl เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 11:49:27

ความคิดเห็นที่ 23   อึม... คุณ NaCl ช่วยขยายเรื่อง TR หน่อยครับ.. พอดีผมไม่เคยลองเหมือนกัน พึ่งรู้ว่าค่าเบี่ยงเบนของคาปาซิเตนท์ของ junction มันกว้างพอด้วย... จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 12:04:43 A:124.121.210.227 X: TicketID:205742

ความคิดเห็นที่ 24   แต่เรื่องค่านิยมผมก็ไม่ปฏิเสธน่ะครับ ... เพียงไม่อยากยกมาคิด.. จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 12:11:50 A:124.121.210.227 X: TicketID:205742

ความคิดเห็นที่ 25 กระทู้นี้ สาระคับกระทู้เลย ชอบอ่าน :D จากคุณ : PanJ เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 12:28:50

ความคิดเห็นที่ 26 จะเอาผลิต  หรือ พัฒนาเอง ถ้ารับผลิต  เราทำได้มานานแล้ว แต่ถ้าพัฒนาเอง  มันต้องใช้งบมหาศาล ทั้งพัฒนาให้ดีกว่าเก่า ทั้งสงครามทางการตลาด จะเอาเงินที่ไหนมาทำ ระดับแสนล้านนี่ ยังแค่เด็กๆ เลยนะ ธุรกิจด้านนี้  จะไหวเหรอ จากคุณ : ARMS STRONG เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 13:33:16

ความคิดเห็นที่ 27   ที่ธานินทร์ เจ๊ง นี่ส่วนหนึ่งเพราะว่า ขาย ของแพง อะไหล่ก็ขายแพง ครับ เพื่อนผมซ่อม ทีวี เมื่อก่อน ไปซื้ออะไหล่ที่ บริษัท ธานินทร์ ที่บางนา หรือไง นี่ เขาอเล่าว่าไปหาซื้อ if มาใส่ใน ทีวี เพราะว่า if เสีย รับภาพไม่ฃัด เขาเข้าไปซื้อแค่อะไหล่ ตัวนี้ อยู่บางแค ต้องวิ่งไปซื้อที่บางนา ไม่สามารถหาซื้อที่บ้านหม้อได้ เพราะว่าธานินทร์ ไปปล่อย อะไหล่ออกมา ทำให้ช่าง ซ่อม ยาก หาอะไหล่ยาก และอะไหล่มีราคาแพงไป กับ ไม่เปิดเผยความรู้ให้ช่างซ่อมที่วี ธานินทร์ได้ง่ายๆ เลยทำให้ ช่างไม่เชีย ลูกค้า ซื้อไปแล้ว ซ่อมยาก ซ่อมแพง อะไหล่ หายาก ต้องเรียก ช่าง บริษัทอย่างเดียว เลยเป็นส่วนนึงที่เจ๊ง เล่าเลย ไป เพื่อนบอกว่า แค่ ซื้ออะไหล่ ถามทีแผนก นี้ บอกให้ไปที่แผนกนั้น ไปที่แผนกนั้น ก็บอกว่าไปทางนัี้น ไปทางนี้ สุดท้าย เพื่อนบอกว่า จะให้ผมไปซื้อกับใครก็บอกว่า นี่ จะครึ่งวันแล้ว ยังหาอะไหล่ไม่ได้เลย ทาง ธานินทร์ ถึง ขายกระป๋อง if ให้ แต่คิดราคาแพงมาก เพื่อนบอกเข๊ดเลย สงสัย จะให้ลูกค้าส่งเครื่องมาให้ บริษัทซ่อมไม่ยอมให้ช่างทั่วไปซ่อม เลยเจ๊ง หรืออีกอย่าง ic ของพวก วิทยุ ธรรมดา ก็ไปลบเบอร์ออกแลย สกรีน เบอร์ใหม่ เวลา เสีย จะซ่อม ต้องมาซื้อกับ ธานินทร์ อย่างเดียว แล้วก็ขายแพง ด้วย อันนี้ก็ส่วนนึงที่ทำให้ ธานินทร์ เจ๊ง ครับ รวมทั้งไม่พัฒนา วงจรทีวี เลยไปหาดูวงจรที่วี ธานินนทร์ ได้ช่างที่ยังไม่เจ๊ง ซื้อ วงจรและเทคโนมาจาก บลาวฟุ้งมั๋ง วงจรที่วี มีแบบเดียวไม่เคยเปลี่ยน ไปหาวงจรทีวี เก่าๆธานินทร์ ดูได้ครับ จากคุณ : 55 เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 13:33:43 A:124.122.220.151 X: TicketID:174227

ความคิดเห็นที่ 28 เห็นด้วยกะความเห็นที่ 5-6 ของคุณ ฟหกด  ครับ (อยากให้ give จัง แต่หมดแล้ว T.T)  คิดถึงโครงการของอัลฟ่าเท็ค จริง  ๆ เสียดายที่ไม่ได้เกิด ที่สำคัญ ตอนนั้น ผมซื้อที่ 370 ( ว่าถูกแล้วนะ ) แต่มาขายทันตอน 120  (โชคดีที่โดน call margin จนต้องยอมขาย ไม่งั้นไปใกลกว่านี้แล้ว ) จำมาจนทุกวันนี้เลยครับ อุ้ย ลืมไป นี่หว้ากอ ไม่ใช่สินธร แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 52 13:47:56 จากคุณ : ckman เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 13:46:27

ความคิดเห็นที่ 29 ผลิตCPUได้ ถ้าตปท.เขาขนเทคโนโลยีมาตั้งฐานผลิตในไทย แต่ถ้าถามว่าคนไทยจะผลิตเองได้ไหม บอกว่ายากมากๆ เพราะเราไม่มีองค์ความรู้เลย มีแค่ผลิตขนาดเท่ากับเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว อันนี้ว่าจากที่ไปดูงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงเลยนะครับ อย่าง Harddisk เราเป็นฐานการผลิตใหญ่เป็นอันดับต้นๆของโลก รุ่น top ก็ผลิตในไทย แต่จะบอกว่า เรานำเข้าวัตถุดิบ 100% ชิ้นส่วนสำคัญและเทคโนโลยีสูงที่สุด อย่างหัวอ่านถูกผลิตทีโรงงาน wafer fabricationที่อเมริกา แล้วถูกส่งทั้งแผ่น wafer มาตัดเมืองไทยหรือตัดจากที่นู่นแล้วแต่กรณี ขนาดแผ่น media ยังผลิตจากสิงคโปร์/มาเลเซีย ไม่มีต้ีนน้ำจากไทยเลย  งานหลักของคนไทยก็คือ ประกอบชิ้นส่วนต่างๆที่ำนำเข้ามาจากหลายๆประเทศ เข้าเป็นชิ้นงานเท่านั้นแหละครับ เรียกว่าใช้เทคโนโลยีปลายแถว(แต่ก็หรูหรากว่าโรงงานอื่นๆในไทยด้วยกัน เพราะมีการใช้หุ่นยนต์จับชิ้นงานที่ใช้ระบบ image processingด้วย) หรือมองอีกแง่ เป็นงานฝีมือมากกว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีด้วยซ้ำ เพราะคุณภาพและผลผลิตจากโรงงานประเทศไทยแรงงานไทยเรีัยกว่าดีที่สุดในโลกเลยจริงๆ ย้ำว่าเราทำแต่งานประกอบ ไม่ใช่งานผลิตต้นน้ำอย่าเข้าใจผิดไปว่าเรามีเทคโนโลยีของตัวเองจริงๆนะครับ คนละเรื่องกันเลยทีเดียว ไม่ใช่ว่าคนไทยไม่เก่งนะครับ ผมรู้จักคนไทยที่เป็นระดับหัวหน้าแผนก research ของโรงงานพวกนี้ที่อเมริกา เก่งชนิดเขาแย่งกันให้ใบเขียวเลยล่ะ เป็นคนที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงหลายๆตัว แต่น่าเสียดาย ที่เรามีคนเก่งๆแบบนี้กระจัดกระจาย และไม่มีภาครัฐที่สนใจจะดึงตัวกลับมาสร้างองค์ความรู้จริงๆจังๆเลยสักที บอกว่าเขาสมองไหลหนีจากไทย แล้วถามกลับว่า บ้านเรามีที่ยืนให้คนเก่งๆแบบนี้บ้างไหมล่ะ? จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 21:58:02

ความคิดเห็นที่ 30   ^ ^ ไม่ใช่ครับคุณ 4 จุด ตอน alpha tech ตอนนั้น ยังพึ่งเกิด asustek ซึ่งเรายังสามารถพอที่จะสู้ได้ครับ โดยเป็นการสู้ในระดับ เทคโนโลยีด้วย แต่ถ้าจะสู้กับ intel หรือ nec อันนั้นคงจะยาก อย่างไรก็ดี ในภายหลัง คนที่เค้าเริ่มพร้อมเราเช่น asus / acer เค้าก็โตครับ ดังนั้นจึงเป็นที่น่าเสียดาย จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 22:27:35 A:124.121.210.227 X: TicketID:205742

ความคิดเห็นที่ 31 #30 Alphatec มันก็เืกือบยี่สิบปีที่แล้วน่ะสิครับ ถ้าเรามีองค์ความรู้อะไร ตอนนี้ก็ยังค้างแค่นั้่นนั่นแหละ มันคือเรื่องในอดีตจริงๆ ไ่ม่กี่ปีก่อนไปดูหน่วยงานระดับสูงของไทยที่มีหน้าที่โดยตรง เขาบอกตรงๆว่ามีความสามารถทำfab chip ต้นแบบที่ระดับ ไมโครเมตร เท่่านั้น(จำตัวเลขไม่ได้แต่สูงอยู่) ในขณะที่ main stream เขาไปถึงระดับนาโนเมตรกันนานแล้ว แถมคลีนรูม level ก็แย่กว่าโรงงานประกอบอิเล็คทรอนิกส์หลายๆแห่งของนอกที่ตั้งในไทยเองเสียอีก ไม่อยากพูดชื่อหน่วยงานนะ แต่ได้ยินแบบนั้นก็คิดว่า เออ เรายังไม่พัฒนาอะไรเพิ่มเลยจากเมื่อ ยี่สิบปีที่แล้วเลยนี่นา ระดับสถาบันที่ต้องต่อยอดทางความรู้ยังทำไม่ได้ แล้วระดับอุตสาหกรรมใช้งานจริงมันจะทำได้ยังไง? ไม่ได้บอกให้พัฒนาเองทั้งหมด เราซื้อก็ได้ครับ ซื้อคน ซื้อเทคโนโลยี แต่ซื้อมาแล้วต้องพัฒนาต่อได้เอง ไม่ใช้่แค่ซื้อสิทธิ์ในการใช้หรือจ้างคนอื่นผลิตไปเรื่อยๆ องค์ความรู้มันก็ไม่มีวันเกิด เราไม่ได้ต้องการผลิต CPU ไปแข่งกับใคร(เพราะคงไม่มีทางแข่งได้) แต่องค์ความรู้ที่ได้จากการทำ wafer fabrication ระดับสูง นั้นต่อยอดอุตสาหกรรมอีกหลายร้อยหลายพันอย่างได้แน่นอน จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 23:01:19

ความคิดเห็นที่ 32   ^ ^ อ้อ ครับ... สำหรับผมมันจบไปพร้อม alpha tech แล้วครับ ตอนนี้เราจบไปแล้วจริงๆ ตอบจขกทที่ว่า ทำชิปได้มั้ย ... จึงขอตอบว่า เราเคยทำ และทำได้ดี แต่มันจบไปแล้ว การที่ตอนนี้จะพัฒนา คงจะเป็นไปไม่ได้ และไม่รู้จะทำไปทำไม ... สู้เราหันไปพัฒนาในสิ่งที่เราพอจะวัดดวงกันได้ แล้วเมื่อตังเหลือ (แบบเกาหลี) ค่อยกลับมาอุดช่องว่างก็ยังทัน ปล หน่วยที่ว่านั้น รู้สึกตอนหลังจะโดนผลักไปทางด้าน nano- bio กับ nano-mtec มากกว่า nano-nectec อ่ะครับ ... เพราะคิดแล้วคงไม่คุ้ม จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 23:24:15 A:124.121.210.227 X: TicketID:205742

ความคิดเห็นที่ 33 ทุนทำต้นแบบก็พอจะมีนะครับ แต่ค่าการตลาดมันเยอะเอาเรื่อง แล้วต้องใช้เวลาให้แบรนด์ติดตลาด เพราะถ้าทำแล้วขายไม่ได้ก็ไม่คุ้ม ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เผลอๆเยอะกว่าค่าวิจัยอีกนะ จากคุณ : CuteCool เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 05:41:46

ความคิดเห็นที่ 34 เอเอ็มดีไทยก็มีนะครับ แต่ไม่ได้ทำซีพียูมั้ง จากคุณ : jesdath เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 52 02:53:43

ความคิดเห็นที่ 35 ^ ^ ถ้าจำไม่ผิด โรงงาน AMD ของไทยเคยประกอบ  NOR Flash Memory  ครับไ่ม่ได้ทำ CPU แต่เมื่อไม่กี่ปีก่อนเขาขายโรงงานให้ฟูจิตซึและเปลี่ยนชื่อเป็น spansion ไปแล้ว จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 02:24:08