ความคิดเห็นที่ 1 สุดท้ายแล้วมันคือ การกีดกันทางวิชาชีพไงครับ แบบเขาขึ้นภาษีกีดกันทางการค้าเราไง เราก็เลยเอาเรื่องนั่นนี่มาอ้างขึ้นภาษีตอบโต้ ต่างประเทศเขาก็มี แต่ไม่ได้เอาคุณวุฒิเป็นตัวตั้ง ใครอยากได้ไปสอบเอา จากคุณ : NMT@STUT เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 52 22:16:31

ความคิดเห็นที่ 2 ปัญญาอ่อนครับ คุณเห็นวิศวะเดี๋ยวนี้มั๊ย ไม่มี กว. ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรควบคุม ก็ยังเป็นวิศวกรได้ เพราะ ด้วยเนื้องานมันจะมีหรือไม่มีใบ กว. มันไม่ต่างกัน ยกเว้นด้านบางงานเท่านั้น เช่น หม้อน้ำ และโยธา ใบอื่นๆนอกจากหน้อน้ำโยธา ไร้ค่าครับ จากคุณ : โลหการ4 เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 52 22:18:49

ความคิดเห็นที่ 3 เพิ่งรู้ว่ามีนะเนี่ย แล้วพอได้มาแล้วได้เงินเดือนเพิ่มรึเปล่าครับ จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 52 22:22:33

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนตัวผมคิดว่า ไม่น่าจะต้องมีเพราะ 1. เป็นวิชาที่ไม่มีความจำเพาะ เพราะถ้าคิดว่า วิชาวิทยาศาสตร์เป็นสาขาจำเพาะ งั้นคุณไม่ต้องมี research and development ครับ 2. ไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพ หรือ อันตรายต่อมนุษย์โดยตรง อย่างที่ผมเห็นเค้ามี 4 สาขา คร่าวๆ ก็คือ พลังงานนิวเคลียร์,สิ่งแวดล้อม,.. การเพาะเลี้ยงจุลชีพอันตราย คืองง มากครับ ว่าการเพาะเลี้ยงจุลชีพอันตรายนี่ ปกติคนที่จะเข้าไปทำ lab นั้นได้ไม่ต้องควบคุมอยู่แล้วเหรอครับ ? 3. ไม่ใช่ลักษณะที่ต้องใช้ความรู้ความชำนาญเป็นพิเศษ อันนี้ผมอธิบายไม่ถูก ยกตัวอย่างนะครับ เช่นผมเอง เทคนิคการแพทย์ต้องทำงานตรวจเลือดคนไข้ ตรวจดูลักษณะเม็ดเลือดแดง ทั้งปกติ และไม่ปกติ ถ้าใครไม่ได้เรียนมา เกิดดูเม็ดเลือดแดงปกติเป็นผิดปกติ แล้วรายงานแพทย์ แพทย์ก็รักษาคนไข้ ทั้งๆที่คนไข้ไม่ได้ป่วย แต่ลักษณะงานของนักวิทยาศาสตร์ เป็นงานด้านวิเคราะห์ วิจัย ที่ไม่ใช่ในมนุษย์ หรือแม้จะนำมาใช้ในมนุษย์ ก็ต้องถูกใช้โดยวิชาชีพอื่นๆ เช่นแพทย์ พยาบาลเป็นต้น เคยเห็นว่า สมาพันธ์วิชาชีพ (กลุ่มแพทย์ทั้งหมด + สภาวิศวกรรม และก็สาปัตฯ) ออกมาแย้งความเห็นนี้แล้วนี่ครับ ยังตั้งกันได้อีกเหรอ ? จากคุณ : tatatube เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 52 22:29:01

ความคิดเห็นที่ 5 จริงๆแล้วด้านการวิจัยและพัฒนา ผมว่าจำเป็นต้องมี ถ้าคิดว่าวิทยาศาสตร์เป็นอะไรง่ายๆ ไม่ต้องมีความรู้เฉพาะ ก็ผิดตั้งแต่คิดแล้วครับ  แล้วก็เป็นการดูถูกสาขาวิชาชีพอื่น โดยยกสาขาวิชาชีพตัวเองเป้นที่ตั้ง เหมือนหมอ ถามว่าหมอตี๋ขายยา ให้อากงอาม่ากินก็ไม่ตายเหมือนกันครับ นักวิทยาศาสตร์ก็เหมือนกัน  คุณไม่มีความรู้ความชำนาญ การวิเคราะห์วิจารณ์ผล ทำไม่เป็น สรุปผลไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์  ก็ไม่สามารถให้กำเนิดองค์ความรู้ที่ถูกต้องขึ้นมาได้หรอกครับ อย่าง ก.ว. มีนี่ผมว่าไว้คัดพวก วิศวกรปลอมออกจากระบบก็ได้  เคยถกกันมาหลายที ถึงคุณภาพของวิศวกรประเทศเราอยู่แล้วหนิครับ จากคุณ : oakemon เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 52 22:35:39

ความคิดเห็นที่ 6 มาคั่นรายการ แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 52 22:52:11 จากคุณ : Dung Fong Bat Bai เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 52 22:51:46

ความคิดเห็นที่ 7 อย่างงี้ ผมว่า คุณ oakemon น่าจะเข้าใจคำว่าวิชาชีพไม่ดีพอ 1. เรื่องขายยาแล้วไม่ตาย ทราบรึเปล่า ? ว่ายาที่ขายได้ แบบทั่วไปมีกี่ประเภท ยาแบบไหนที่ขายได้โดยไม่ต้องมีเภสัชกรควบคุม ยาแบบไหนที่ห้ามขาย แล้รู้รึเปล่าวว่าอ่ากง อาม่า ซื้อยาแบบไหน Loag เหรอ หรือว่าซื้อ 10% ฺBHA 2. เรื่องการวิเคราะห์วิจารณ์ผล เป็นส่วนท้ายสุดของการวิจัย ถ้า.. เคยทำวิจัย จะเห็นว่า งานวิจัยชิ้นหนึ่งจะมีประโยชน์ต่อสังคม ไม่ได้หมายถึง คุณมีประกอบวิชาชีพแล้ว คุณจะการันตีได้ว่า ผลคุณนั้นถูกต้อง แม้นการทำวิจัย หนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะทำในคน ในสัตว์ ต้องมีการขออนุญาตทางด้านจริยธรรมทุกครั้ง สมมติ คุณคิด ยามา 1 ตัว แล้วสรุปผลได้ดีเยี่ยม ถามว่าขั้นต่อไป คุณจะทำอะไรกับยานั้น ตอบ... คุณก็ต้องทำ clinical trial อีกมากมาย สุดท้ายผู้ใช้ยา ไม่ใช่นักวิจัยเลย แต่... นักวิจัยสำคัญเพราะเหมือนเป็น origin ของเรื่องนี้ แต่... (อีกรอบ) ความสำคัญของนักวิจัย ไม่ได้หมายถึง การต้องได้รับใบประกอบวิชาชีพ อย่าลืมซิครับ ว่านักวิจัย ที่คุณบอกปาวๆนั้น จำกัดว่าต้องจบวิทยาศาสตร์เหรอครับ ? งั้นผมเป็นสัตวแพทย์ แพทย์ พยาบาล ผมทำวิจัยไม่ได้งั้นซิ เพราะผมขาด ชำนาญในการวิเคราะห์ วิจารณ์ผลเหรอ ? ทักษะที่คุณกล่าวนั้น ผมมีกันหมด แต่.. ผมมีทักษะบางอย่าง ที่พวกคุณไม่มี นั้นแหละครรับ นิยามอันแท้จริงของคำว่า วิชาชีพ ครับ แถวบ้านผมเค้าเรียกว่า Unique Characteristic ของงานครับ คือไม่พบในวิชาชีพอื่นๆ ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมไม่ได้ยกวิชาชีพข่มใคร และไม่ได้คิดว่าวิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่ไม่สำคัญนะครับ โปรดเข้าใจด้วย เอาอย่างงี้ดีกว่า ผมเป็นคนหนึ่งแหละที่ เคยได้ใช้ใบประกอบวิชาชีพ(ที่ไม่ใช่ใบประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์) แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ใช้มันแล้ว และต้องมาทำหน้าที่ ใช้ทักษะที่คุณ.. กล้าวว่า คนที่จบวิทยาศาสตร์เท่านั้น และต้องมีใบวิชาชีพมาการันตีด้วย แต่ผมก็ยังคงไม่เลือกที่จะสอบใบประกอบที่คุณว่า อย่างงี้ผมจะผิดกฏหมายรึเปล่า คือผมไม่อยากมีใบประกอบหลายๆใบในมืออะครับ แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 52 23:11:57 จากคุณ : tatatube เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 52 23:02:37

ความคิดเห็นที่ 8   ยาว ๆ อย่างนี้ขอแจม ประการแรกงานที่มีใบประกอบวิชาชีพอย่างอย่างสถาปนิกก็ใช่ว่าทุกอย่างต้องใช้ใบประกอบวิชาชีพในการทำงาน สร้างบ้านจะทาสีอะไรนี่มันก็ไม่มีใครบอก อย่างนี้อิสระไม่ขึ้นกับใบประกอบ ใบประกอบจึงใช้กับอะไรที่มันจะไปทำอันตรายให้เกิดกับผู้คน มีไว้ควบคุม ทำอย่างนั้นไม่ได้ อย่างนี้ไม่ได้ อย่างวิศวะ ถ้าผมจะคำนวณเกี่ยวกับสมมติน้ำแข็งขั้วโลกถูกอุกาบาตเฉี่ยวกระเด็นมาตกอยู่นครสวรรค์ก้อนมหึมา มันจะละลายภายในกี่วันกี่เดือน จะมีปริมาณน้ำท่าไหร่ ไหลยังไง เกิดแรงทำลายเท่าไหร่ อันนี้เป็นเรื่ององค์ความรู้ ผมคำนวณผิดยังได้ คนที่จบวิทยาศาสตร์มาก็คำนวณได้ ข้อสำคัญคือวิธีการรับมือ ต้องทำยังไง ลากมันไปไว้ตรงไหนด้วยวิธียังไง หรือสร้างอะไรกันมันล้อมมันที่มันจะไม่พังไปทำลายชีวิตทรัพยสิน ตรงนี้ล่ะที่เรียกว่าวิชาวิศวกรรมที่ต้องใช้ใบประกอบ ใครคำนวณมาก็ได้ แต่ผมต้องรับมือให้ได้ ที่ทำได้เพราะต้องรู้จริง จะรู้จริงก็ต้องคำนวณแรงทำลายมันได้ แล้วก็จัดการย้ายหรือหาสิ่งต้านทานมันได้ อันนี้แหละที่ต้องใช้ คนจบวิทยาศาสตร์ทำตรงนี้ไม่ได้ครับ ถ้าทำได้เขาเรียกวิศวกรรม มันเป็นอะไรที่กระทบกับชีวิตทรัพย์สินผู้คน ผิดพลาดเรื่องใหญ่ ตานี้อย่างจะทดลองนิวเคลียร์ จุลชีพอะไรนี่ ผมว่ามันเป็นองค์ความรู้ ไม่ลองก็ไม่รู้ ห้ามเอายีน A  ไป ใส่ยีน B อ้าวรู้ได้ไง การทดลองมันก็ต้องเสี่ยง มันอาจกลายเป็นแวมไพร์ อืมใช่อันตรายต้องควบคุม แล้วถ้ามันกลายเป็นยาแก้เอดส์แก้ซาร์ขึ้นมาล่ะ อ้าวก็มันยังไม่มีใครรู้มาก่อน คนมันจะคิดอะไรได้ทางวิทยาศาสตร์มันต้องมีใบอนุญาตด้วยหรือ นิวตันไม่มีใบประกอบ ห้ามคิดว่าโลกมีแรงโน้มถ่วง คิดไม่ได้ ห้ามได้หรือ ทีนี้ที่ว่าอันตราย ผมยืนยันว่า นั่นมันงานวิศวะ เอ้า ห้องปฏิบัติการต้องหน้าตายังไงถึงไม่อันตราย สร้างยังไง แข็งแรงปิดทึบแค่ไหน ระบบถ่ายเทอากาศ ระบบไฟฟ้า ระบบสุขาภิบาลยังไง แล้วคุณจะเอาสารอะไรทดลอง เป็นนิวเคลียร์ตูมตามก็ฝังมันไว้เลยไม่ต้องกระทบผู้คน นี่งานวิศวะ คุฯจะเอายีนส์ A +B แล้วมันเกิดผลเสียหรือผลดี ไม่รู้เพราะไม่ลองก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะสร้างอะไรที่มันเกี่ยวกับนิวเคลียร์เพื่อเอาไปใช้ นั่นมันงานวิศวะครับ ต้องให้วิศวะควบคุม คุณจะสร้างยาอะไรเพื่อเอาไปใช้นั่นมันงานของหมอของเภสัชเขาให้เขาคุม ความคิดนี้ก็แย่พอกับใบประกอบวิชาชีพครูนั่นแหละ พวกครูเขาก็ว่ามันต้องมีเรื่องหลักสูตรเรื่องอะไร ใครไม่เรียนมาจะเข้าใจได้ไง ผิดครับ-หลักสูตรหมอ หมอวาง หลักสูตรวิศวะก็วิศวะนี่แหละร่าง สอนหมอจบศึกษาศาสตร์มาสอนหมอไม่ได้หรอกครับ แต่หมอสอนการบ้านเด็ก ม.ปลาย แป๊ปเดียวก็รู้เรื่องแล้ว ครูสอนแทบตายบางทีเด็กยิ่งงง ครูมันเรื่องของจิตวิญญาณ ไม่ใช่วิชาชีพ หมอฉีดยาคนตายเพราะเลินเล่อถือว่าบกพร่องหมอต้องติดคุก วิศวะทำหม้อแปลงระเบิดทำตึกพังเพราะเลินเล่อถือว่าบกพร่องก็ติดคุก ถึงต้องมีใบควบคุมให้แน่ใจว่ามันไม่ใช่ใครมาทำก็ได้ คุณพลาดติดคุก เด็กคนหนึ่งเรียนจบปริญญาตรี แล้วไปปั่นหุ้น หรือไปโกงภาษี หรือไปจี้ปล้น ไปฆ่าคนตาย แปลว่าครูสอนใช้ไม่ได้ ครูต้องติดคุกหรือเปล่า เด็ก ม.ต้นเรียนแล้วสอบตกถูกไล่ออกเยอะแยะแสดงว่าครูไม่มีวิธีสอนเด็ก ครูบกพร่องครูก็ต้องติดคุก  ถ้าไม่ใช่จะมีใบไปเพื่ออะไร จากคุณ : tanlove เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 52 23:23:17

ความคิดเห็นที่ 9   หมอกับวิศวกรนี่ควรจะมี เพราะมันเกี่ยวกับชีวิตคนจำนวนมาก แต่ อาชีพอื่นคงเห็น ว่าเท่ห์มั้งเลยอยากจะเอามั่ง แต่ว่า ระบบเซนเซอร์+เรท เราก็ไม่แพ้ใครในโลกนะ ทำพร้อมกันได้ด้วย จากคุณ : มาแอบยิงล่ะ (ทามาก็อดอุนจิ) เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 52 23:25:12

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่มีระบบใดสมบูรณ์ 100% นะคะ อันนี้ก็คงทราบกันดี ดังนั้น..กลัวว่า..จากคำถาม และอารมณ์กรุ่น ๆ นิดหน่อย จะทำให้หลงประเด็นไปไกล และจะยิ่งทำให้เครียด เดี๋ยวหน้าตาจะไม่หล่อค่ะ แฮ่ะๆ เรื่องนี้ตัวเองคิดว่า...ง่ายมากค่ะ...ถ้าคุณไม่อยากทำเพราะเห็นว่าไม่ดี ก็ไม่ต้องทำ ถ้าใครอยากทำเพราะเห็นประโยชน์ ก็ทำค่ะ เพราะเค้าไม่ได้บังคับนะคะ ส่วนเรื่องของคุณภาพงาน ฝีมือ อันนี้เป็นเรื่องของบุคคลมากกว่า.. หลาย ๆ ท่านก็ต้องยอมรับว่า..เชี่ยวชาญจริง ๆ แต่ตัวเองมีประสบการณ์ตรง ที่เพิ่งรู้เหมือนกันว่าเกิดประโยชน์มาก คือ ช่วงหนึ่งได้เดินทางไปต่างประเทศ พบว่า...ใบประกอบวิชาชีพเป็น สิ่งที่ประกันคุณภาพตัวเราเองได้ดีมากเลยค่ะ ว่าเราจะไม่ไปทำร้ายใครแน่นอน จากคุณ : คิมมี่ (*CriMy*) เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 52 23:29:59

ความคิดเห็นที่ 11 ^ ^ งงจ๊ะ อธิบายอีกนิดได้ป่าว พอดีไม่ค่อย sene ทางวิทย์เนอะ ถ้าจะให้ตีความก็คงหมายถึง ถ้าไม่อยากสอบใบประกอบวิทย์ ก็ไม่ต้องสอบ งั้นผมทำวิจัยได้ป่าวอ่ะ เพราะถ้าทำได้ไม่ผิดกฏหมาย แสดงว่าไม่เป็นวิชาชีพนะนั่น แล้วใบประกอบวิทย์ มีไว้เพื่ออะไร ในเมือผมเป็นนักวิทย์เถื่อน .. จริงป่ะ ้อ้อ ก็อย่าอารมณ์เสียนะ นักวิทยาศาสตร์ตัวจริง ต้องรับฟังความคิดเห็นคนอื่นนะ นี่กำลังรวบรวมความคิดคนอื่นๆ บางส่วนอยู่นะ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 52 00:03:13 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 52 23:48:52 จากคุณ : จขกท (tatatube) เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 52 23:45:01

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนนี้มีกี่อาชีพครับ ที่มีใบประกอบวิชาชีพ ... จากคุณ : ~cenobite+ เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 52 23:50:11

ความคิดเห็นที่ 13 เท่าที่ทราบนะครับ แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล เทคนิคการแพทย์ กายภาพบำบัด นังสีเทคนิค (เรียกว่ากลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทนายความ วิศวกร สถาปนิก ครู มีอะไรอีกป่าว ** เพิ่มเติมจากคุณ Fumine เสริมอีกนิดนะครับ คห 5  ผมว่าอันตรายนะครับ ถ้าจุดประสงค์หลักของการมีใบประกอบวิชาชีพ คืองเงิน ... แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 52 11:08:42 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 52 00:18:18 จากคุณ : tatatube เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 52 23:56:07

ความคิดเห็นที่ 14 สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี http://www.cstp.or.th/cstp/ กฎหมายอ้างอิง 1. พระราชบัญญัติส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2551 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2551/A/031/4.PDF 2. ระเบียบคณะกรรมการก่อตั้ง ว่าด้วยการรับสมัครสมาชิกและค่าลงทะเบียนสมาชิกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2551 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2551/E/190/1.PDF   3. ประกาศคณะกรรมการก่อตั้ง เรื่อง กำหนดอัตราค่าลงทะเบียนสมาชิกและค่าบัตรประจำตัวสมาชิก พ.ศ. 2551 (ประกาศนี้บอกว่ายังไม่เก็บค่าใช้จ่าย) http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2551/E/190/100.PDF   4. ประกาศคณะกรรมการก่อตั้ง เรื่อง การกำหนดความรู้ในวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2551 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2551/E/190/99.PDF 5. ประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การกำหนดกลุ่มวิชาของวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2551 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2551/E/190/41.PDF หลักฐานที่ใช้ในการสมัครสมาชิกคือ 1) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบัตรข้าราชการ หรือสำเนาบัตรเจ้าหน้าที่ของรัฐ/พนักงานของรัฐ 2) สำเนาทะเบียนบ้าน 3) สำเนาปริญญาบัตร ประกาศนียบัตรหรือวุฒิบัตรเทียบเท่าปริญญาในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4) สำเนาแสดงผลการศึกษา 5) รูปถ่ายจำนวน 3 รูป 6) ใบรับรองแพทย์ - ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการสมัครสมาชิก ในช่วงระยะเวลานี้ ที่มา http://www.cstp.or.th/cstp/modules.php?op=modload&name=FAQ&file=index&myfaq=yes&id_cat=5 ส่วนประเด็นที่น่าสนใจอื่น ๆ เช่น สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ดูได้ที่ http://www.cstp.or.th/cstp/modules.php?op=modload&name=FAQ&file=index (หรืออ่านจากในพระราชบัญญัติก็ได้) หากต้องการทราบว่ามีใครเป็นสมาชิกหรือยังให้ดูที่ http://www.cstp.or.th/cstp/ (อยู่ประมาณกลางหน้าเว็บไซต์) หรือดูจากไฟล์ดังนี้ (อันนีเป็นข้อมูลที่เคยรวบรวมเมื่อนานมาแล้ว) 1. http://www.cstp.or.th/cstp/images/pdf/data_16_02_2009/member_list_1.pdf 2. http://www.cstp.or.th/cstp/images/pdf/data_16_02_2009/member_list_2.pdf 3. http://www.cstp.or.th/cstp/images/pdf/data_16_02_2009/member_list_3.pdf 4. http://www.cstp.or.th/cstp/images/pdf/data_16_02_2009/member_list_3.pdf *********************** ให้ผู้สมัครเป็นสมาชิกสามัญในแต่ละกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใดตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การกำหนดกลุ่มวิชาของวิชาชีพวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี พ.ศ. 2551 1. ต้องมีความรู้ตามหลักสูตรการศึกษาในวิชาหลักทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของแต่ละสาขาจำนวนไม่น้อยกว่าสิบแปดหน่วยกิตหรือเทียบเท่า หรือ 2. เป็นผู้มีความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวนไม่น้อยกว่าสิบสองหน่วยกิตหรือเทียบเท่า และสมาชิกวิสามัญรับรองว่าได้ประกอบวิชาชีพมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 00:13:03

ความคิดเห็นที่ 15   ไม่รู้เรื่องกฎหมายครับ แต่สำหรับความคิดเห็นผมแล้ว การที่จะเป็นวิชาชีพได้ น่าจะเป็นสาขาที่กำหนดมาตรฐานการทำงานเป็นขั้นตอนชัดเจนได้ และนักวิชาชีพทุกคนจะต้องทำงานภายใต้มาตรฐานเดียวกัน เช่น แพทย์ มีมาตรฐานการวินิจฉัย และการรักษา แพทย์ทุกคนต้องมีพื้นฐานในการรักษาโรคที่เหมือนกัน วิศวกร สถาปนิก มีมาตรฐานการออกแบบ วิศวกร และสถาปนิก ทุกคนต้องมีพื้นฐานในการออกแบบที่เหมือนกัน ซึ่งวิศวกรรมบางสาขานั้นไม่มีรูปแบบการทำงานที่ชัดเจน จึงไม่มีใบประกอบวิชาชีพของสาขานั้น ส่วนวิทยาศาสตร์ เป็นศาสตร์บริสุทธิ์ คนจบวิทยาศาสตร์ ทำงานได้หลากหลาย จะเอาอะไรมากำหนดมาตรฐานในการทำงาน จากคุณ : กระเพาะปลาผัดแห้ง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 00:19:39

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามาอ่านค่ะ ..มีเหตุผลทุกคนเลยค่ะ... จากคุณ : usbankusa เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 00:37:53

ความคิดเห็นที่ 17 อืม อ่านแล้วก็คล้ายๆกันเนอะ อย่างงี้ต่อไปผมจะทำวิจัย HIV ได้ป่าวครับเนี่ย 5555 ผมเป็นนักวิทย์ฯ เถื่อนอ่า แถมประเทศไทยจะมีผู้ประกอบวิชาชีเพิ่มอีก 2 ล้านคนเชียว อืมม จากคุณ : tatatube เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 00:43:11

ความคิดเห็นที่ 18 อีกนิดนะครับ สำหรับ สาขาควบคุมประเภทที่ 4 สาขาการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์และการใช้จุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคได้ สำหรับนักเทคนิคการแพทย์ ที่มีใบประกอบวิชาชีพ และต้องทำงานในหน่วยจุลชีววิทยา ต้องเพาะเลี้ยงเชื้อที่สามารถก่อโรค (จากผู้ป่วย) ได้ อย่างงี้ซ้ำซ้อนรึเปล่าครับ คือ วิทยาศาสตร์ ออกมาซ้ำซ้อนกับ พรบ วิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ถ้าติความหมายอย่างงั้น นักเทคนิคการแพทย์ ที่ทำงานหน่วยจุลชีววิทยา ต้องมีใบประกอบ 2 ใบเหรอครับ อ่านอย่างงี้แล้ว ฮานะ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 52 00:49:01 จากคุณ : tatatube เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 00:47:31

ความคิดเห็นที่ 19 กำลังรอคำถามนี้อยู่     พระราชบัญญัติส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2551 มาตรา 4     “มาตรา 4  พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่ผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เป็นสมาชิกขององค์กรตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอื่น และผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศหรือระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ”     มีการตีความกันตรงข้อความที่ว่า   “พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่ผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เป็นสมาชิกขององค์กรตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอื่น” นั่นหมายความว่าหากมีพระราชบัญญัติเฉพาะเกี่ยวกับวิชาชีพนั้นแล้วก็ให้บังคับตามกฎหมายเฉพาะนั้น และการตีความนี้มีหลักฐานสนับสนุนตามหมายเหตุท้ายพระราชบัญญัติซึ่งให้เหตุผลการออกกฎหมายฉบับนี้ไว้ว่า           “เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากปัจจุบันความเจริญก้าวหน้าทางวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้วิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนาและขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันยังไม่ครอบคลุมถึงวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ สมควรจัดตั้งสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขึ้นเพื่อทำหน้าที่ส่งเสริมและควบคุมการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน  จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้” (แก้ไขคำผิด) แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 52 01:20:12 จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 01:17:37

ความคิดเห็นที่ 20 มิน่าละ วิชาชีพอื่นถึงไม่ยอมรับ ก็ ไป ซ้ำซ้อน งานชาวบ้านเค้านั่นเอง ไหนจะ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์อีก พอเห็นลางๆแล้ว เก๋ ได้อีก แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 52 01:30:12 จากคุณ : Isccy (tatatube) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 01:25:10

ความคิดเห็นที่ 21   มันรู้สึกจะกีดกันมากไปหน่อยไหม งั้นคนที่จบสาขาอื่นเนี่ย อยากเรียนสาขานี้เพิ่มในอนาคต หรือจบไม่ตรงฟิลด์คงไม่ต้องมีอาชีพสุจริตกันพอดี ก็เหมือนที่ตีกันว่าคนที่จะทำบัญชีได้ต้องจบบัญชีเท่านั้น มันไม่แฟร์นะ เพราะคนจบสาขาอื่นนี่ก็ทำบัญชีมานานมากๆก็มีแต่ไม่มีสิทธิที่จะเซ็นได้เท่านั้น ทั้งที่วุฒิปริญญาอะไรเนี่ยก็เป็นแค่ใบเบิกทางเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าคนที่เรียนจบสาขานั้นๆมาจะเรียนมาแล้วมีความถนัดทางนี้กันทุกคน บางคนเพราะชอบสอบแล้วได้คะแนนดี คนที่จบบัญชีเกียรตินิยมที่เคยมาเป็นลูกน้องเราเนี่ย ก็ไม่เห็นว่าจะทำบัญชีได้ทันทีเลยสักราย ก็ต้องมานั่งสอนนั่งเทรนกันใหม่ บางคนก็สารภาพมาดื้อๆว่า ไม่รู้จะเรียนอะไรดีก็เรียนเอาดีกรีมาไว้ก่อน แล้วอะไรจะการันตีได้ว่า ต้องมีใบประกาศวิชาชีพโดยเฉพาะ กีดกันเกินไปรึเปล่า ก็แค่สงสัยน่ะจึงสอบถามมาน่ะ เพราะเคยเจอตีกันมาก่อน ล่าสุดใบประกาศวิชาชีพครู วุฒิครูอย่างเดียวไม่พออ่ะ แล้วใครจะรู้ว่าป.ตรีศึกษาศาสตร์บางคนก็ไปจ้างคนทำรายงานมาส่งเพื่อจบเท่านั้นก็มี มีแต่ใบประกาศแต่ไร้คุณสมบัติก็มี อะไรจะมาการันตีได้ จากคุณ : ขอคิดด้วยคน เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 02:16:04 A:58.9.173.163 X: TicketID:234792

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ ใจเย็นๆเน้อ ผมว่าดูที่เนื้อหาดีกว่า อย่างบางวิชาชีพ ก็ต้องให้เค้าแหละ หมอ อย่างงี้ จะให้ ทันตแพทย์ ไปทำยังไม่ได้เลย ส่วนงานบางอย่าง ที่กลัวว่าจะเป็นอันตรายในอนาคต ผมว่า ออกมาเป็นกฏหมายควบคุมอันตราย ดีกว่า ออกกฏหมายควบคุมคนที่จะทำดีกว่าไม๊ จะได้ทันเหตุการณืมากกว่า จากคุณ : จขกท (tatatube) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 02:40:01

ความคิดเห็นที่ 23 ผมว่าไร้ประโยชน์ สมมติน่ะครับ ผมเป็น materials science ซึ่งไม่ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ แล้วผมทำวิจัย วัศดุึที่ยับยั้งการเจริญเติมโตของแบคทีเรียและไวรัส titanium dioxide ผมต้องเลี้ยงเชื้อ ต้องนับโคโลนี แล้วผมจะไปเอาใบประกอบวิชาชีพชีวะหรือจุลทรีย์จากไหนล่ะนั้น - -'' ซึ่งผมไม่มีเลย แต่ทุกวันนี้ในชีวิตจริงผมก็ทำอยู่ ในประเทศที่พัฒนาแล้วด้วย - -'' อย่างอีกหน่อยใครจะเผาอิฐต้องมีใบประกอบวิชาชีพเซรามิคไหมครับ เพราะถ้าเผาไม่ดี thermal shock หรือ ร้าว หรือมีสารอื่นเจือปน อาจทำให้เกิดอัตรายได้ - -'' มันก็ไม่ใช่ใช่ม่ะ จากคุณ : kanoomtan เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 03:56:00

ความคิดเห็นที่ 24 คห.13 จขกท เรียนเทคนิคการแพทย์ แต่เหมือนจะลืมว่า สาขารังสีเทคนิค ก็ต้องสอบใบประกอบโรคศิลป์นะครับ ตห.4 พลังงานนิวเคลียร์ ผมยังไม่เห็นในกลุ่มวิชาของวิชาชีพเลยครับ ช่วยบอกลิงค์หน่อยครับ ผมจะได้ตามไปอ่าน ตอนนี้รู้สึกปวดตับ ลึกลับซับซ้อน ซ้อนกันไปซ้อนกันมา ออกกฏหมายมาเรื่อยๆ แบบนี้ปรับตัวไม่ทัน เดี๋ยวต้องไปสอบใบนู้นใบนี้ สอบเสร็จกฎหมายใหม่ออก ต้องไปสอบอีกแล้ว จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 05:09:57

ความคิดเห็นที่ 25   อีกหน่อยก็จะมีใบประกอบวิชาชีพอื่นๆ  อนาคตคงทำงานข้ามสายกันไม่ได้ละ 555 จากคุณ : AIM-9X เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 08:16:28

ความคิดเห็นที่ 26 ประกาศกำหนดกลุ่มวิชาชีพซึ่งออกตามความในมาตรา 5 และ มาตรา 7 ปัจจุบัน (22 พฤศจิกายน 2552) มีเพียงประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การกำหนดกลุ่มวิชาของวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2551 เท่านั้น และไม่พบชื่อสาขาพลังงานนิวเคลียร์ และผู้ร่างประกาศฉบับนี้ก็ฉลาดมากที่ใช้คำว่า “สาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง” ในทุกข้อ (เป็นการปิดช่องว่าง) ซึ่งก็ให้ทุกท่านไปตีความกันเองว่าท่านอยู่ในกลุ่มใด (เพิ่มงานให้พวกท่าน) หากตีความกันไม่ได้ ก็ให้ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ชี้ขาด หากปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ คิดไม่ออกก็ต้องส่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯชี้ขาด จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 08:37:16

ความคิดเห็นที่ 27 ต่างประเทศมีมั้ยครับ? จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 08:56:01

ความคิดเห็นที่ 28 ต้องเข้ามาอีกรอบครับ แบบนี้น่าแจม ผมว่า ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ มีเฟ้อเกินไปไม่ดีครับ บางอย่าง แค่ได้รับการศึกษามาแล้วก็พอแล้วครับ เพราะมันจะกลายเป็นว่า ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ=ทำอาชีพนี้ไม่ได้ จะทำอาชีพนี้ได้=ต้องไปเรียน(ป.ตรี) สาขานี้และไปสอบใบประกอบ ในช่วงชีวิตคนๆหนึ่ง จะเปลี่ยนอาชีพหลายๆครั้งก็ควรเป็นสิทธิของเขา ไม่ใช่จะเปลี่ยนอาชีพทีนึง ก็ไปเรียนทีนึง เรียนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สถาบันฟันค่าเล่าเรียนรวยไป คนทำงานเท่าไหร่ หมดไปกับสถาบันการศึกษาซะหมด ทำให้คนต้องใช้เวลาในการศึกษาเกินไปและไม่จำเป็น สมมุตินะครับ ต่อไป ใครจะขึ้นเป็นผู้จัดการ ต้องมีใบประกอบวิชาชีพผู้จัดการ ต้องไปเรียน...........มา และต้องไปสอบใบอนุญาต โทษที "โง่ตายชัก" หลายๆท่าน รู้จักวิศวะอุตสาหการ มั๊ยครับ ใบ กว. แทบไร้ค่าเลย เพราะโรงงานสเกลใหญ่มากขึ้น เกินระดับ กว. ชั้นแรกที่จะเซ็นได้ และด้วยเนื้องานบางอย่าง จะเอาวิศวกรที่มี/ไม่มี กว. มาทำ มันก็ได้ผลงานออกมาเช่นกัน และความเสียหาย มันก็เกิดได้พอๆกันเสียด้วย เช่น วางแผนการผลิต ควบคุมการผลิต จัดทำ STD time ทำ optimize process ทำ time and motion study ซึ่งวิศวกรมี/ไม่มี กว. ทำได้ไม่เห็นข้อแตกต่าง ไม่มีใครตาย ไม่เหมือนโยธา แล้วอีกอย่างนะครับ สภาวิชาชีพ ไม่ได้ปกป้องสมาชิกเท่าที่ควร ได้ค่าสมาชิกภาพ ค่าต่อ กว. รู้สึกว่า 5 ปี 2 พันมั๊ง แล้ว วิศวะ จบใหม่ๆ บริษัท โรงงาน บางแห่งไม่ดูหรอกว่า คนนี้มี กว.หรือเปล่า เค้าดูแค่ว่า จบที่ไหน กว.หนะ จำเป็นน้อยมากๆสำหรับสายโรงงาน ภาคี โรงงานไม่เกิน 50 คน สามัญ โรงงานไม่เกิน 150 คน โทษที โรงงานอิเล็คโทรนิค คนงานเป็นพัน จ้างวิศวกรมี กว.ไว้ก็ไม่ได้เซ็น ก็เลยไม่มีค่า กว. เพราะเกินอำนาจใน กว. ต่อมา คนเริ่มฉลาด แล้วจะจ่ายค่าต่อ กว. ไปทำไมเนี่ย เสียไปฟรีๆ เซ็นอะไรก็ยังไม่ได้ กว่าจะเซ็นได้ ต้องทำงาน แล้วอัพเกรดระดับ กว. กว. ก็เลยเอาไว้ให้คนที่คิดจะเป็นอาจารย์สอนวิศวะ เนี่ย คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับวิศวกร ถ้านักวิทยาศาสตร์ จะมีใบประกอบบ้าง ช่วยทำให้มันไม่เหมือนวิศวกรได้มั๊ย ที่ใบอนุญาต ไม่ได้ช่วยให้มีเงินเพิ่มขึ้น และยังต้องเสียเงินบำรุงและต่อใบอนุญาต จากคุณ : โลหการ4 เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 09:02:20

ความคิดเห็นที่ 29 วิชาชีพ ภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า “profession” มาจากคำว่า profess (สาบาน) ซึ่งมีความหมายคือ ผู้ประกอบวิชาชีพจะต้องสาบานว่าตนจะรับใช้ประชาชน อุทิศตนเพื่อประโยชน์สาธารณะ     ลักษณะของวิชาชีพจะต้องมีการผูกขาด สาเหตุของการผูกขาดเนื่องจากวิชาชีพต้องอาศัยความรู้ความคิดพิเศษ ผู้ที่ไม่ได้อบรมมาอย่างดีจะเข้ามาทำไม่ได้ อีกทั้งลักษณะของวิชาชีพนั้นจะต้องส่งผลถึงความอยู่รอดของสังคม     องค์ประกอบของวิชาชีพ (โดยหลัก)     1. องค์การวิชาชีพ (สภาวิชาชีพ) ทำหน้าที่ส่งเสริมและปกป้องผลประโยชน์ผู้ประกอบวิชาชีพด้วยกัน พัฒนาคุณภาพและความรู้ของผู้ประกอบวิชาชีพ ควบคุมความประพฤติ จรรยาบรรณและมรรยาทของผู้ประกอบวิชาชีพ ควบคุมป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้ามาแย่งงาน     2. ต้องมีการศึกษาอบรมความรู้ความคิดพิเศษ ทั้งด้านความรู้ในสายงานวิชาชีพและจิตวิญญาณแห่งการเสียสละ     3. ต้องมีเจตนารมณ์รับใช้ประชาชน มีสภาวิชาชีพ - ทนายความ: พระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 - นักกายภาพบำบัด: พระราชบัญญัติวิชาชีพกายภาพบำบัด พ.ศ. 2547 - พยาบาล: พระราชบัญญัติวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ พ.ศ. 2528  และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม - สัตวแพทย์: พระราชบัญญัติวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ. 2545 - ทันตแพทย์: พระราชบัญญัติวิชาชีพทันตกรรม พ.ศ. 2537 - เทคนิคการแพทย์: พระราชบัญญัติวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ พ.ศ. 2547 - นักบัญชี: พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 - เภสัชกร: พระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. 2537 - แพทย์: พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 - วิศวกร: พระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. 2542 - นักวิทยาศาสตร์: พระราชบัญญัติส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทศโนโลยี พ.ศ. 2551 - สถาปนิก: พระราชบัญญัติสถาปนิก พ.ศ. 2543 - ครูและบุคลากรทางการศึกษา: พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 ไม่มีสภาวิชาชีพเฉพาะ ด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ของไทย (ระหว่างผู้พิพากษา พนักงานอัยการ และทนายความ) พนักงานอัยการ และผู้พิพากษา พนักงานอัยการและผู้พิพากษาไม่มีสภาวิชาชีพ แต่พนักงานอัยการอัยการจะต้องแต่งตั้งจากบุคคลที่เป็นสมาชิกแห่งเนติบัณฑิตยสภา ไม่มีสภาวิชาชีพ (จะถือว่าเป็นวิชาชีพได้หรือไม่???) - ผู้ต้องมีใบประกอบโรคศิลปะ ตาม พ.ร.บ.การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 52 09:09:56 จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 09:05:56

ความคิดเห็นที่ 30 กฎหมายฉบับนี้กีดกันและควบคุมอยู่เรื่องเดียว คือ การควบคุมการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม (ดูหมวด 7) ซึ่งมิให้ผู้มิได้รับใบอนุญาตเข้ามาประกอบวิชาชีพ เว้นแต่เป็นการกระทำในอำนาจหน้าที่ในฐานะข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ (มาตรา 41) ส่วนการกำหนดสาขาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมเพิ่มเติมให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา (มาตรา 6) ปัจจุบัน (22 พฤศจิกายน 2552) ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด หมายเหตุ: 1. “วิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม” หมายความว่า วิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสาขานิวเคลียร์ สาขาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านวิทยาศาสตร์และการควบคุมมลพิษ สาขาการผลิต การควบคุมและการจัดการสารเคมีอันตราย และสาขาการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์และการใช้จุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค 2. “ผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมจากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 09:26:14

ความคิดเห็นที่ 31 เท่าที่เรียนกฏหมายจรรยาบรรณวิชาชีพ นักกฏหมายที่เขียน พรบ (วิชาชีพผม) มิได้นิยามคำว่าวิชาชีพ แบบที่คุณผู้สังเกตการณ์กำลัง นิยามอยู่ ผมว่า พรบ นี้ เป็นเหมือน พรบเก็บตก เอาสาขาอื่นๆต่างๆในโลกนี้ ที่ยังไม่มีใบประกอบ มานิยามตัวเองให้มีใบประกอบซะ แล้วอ้างนู้นอ้างนี้ ดูๆแล้วเหมือน พรบนี้ ออกมาไม่ได้ปรึกษาคนอื่นๆด้วย เพราะนักวิทยาศาสตร์หลายๆคน ก็ไม่เห็นด้วย ที่จะต้องมีใบประกอบควบคุม (จะทดลอง วิจัยอะไรก็ต้องของ ethics ก่อนอยู่แล้วนี่ใช่ไม๊ ดูเป็น case ไป) จะไปตั้งวิชาชีพอีกทำไมให้ซับซ้อน แถมใช้ภาษากฏหมายมาเพิ่มความหยุมหยิมอีก ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าไม่พวกมากลากไป เดี๋ยวก็คงหายๆ ไปเองละ จากคุณ : Isccy (tatatube) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 11:41:35

ความคิดเห็นที่ 32   พวกใบประกอบวิชาชีพ วัตถุประสงค์คือการควบคุม การประกอบวิชาชีพในขอบเขตที่ถูกควบคุม ปัญหาหลัก คือ มีการนำใบประกอบวิชาชีพไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ เช่น 1) ไว้เป็นเหตุผลในการเพิ่มเงินเดือน ทั้งๆที่ขอบข่ายงานไม่จำเป็นต้องใช้ใบประกอบวิชาชีพ 2) ใช้ ล๊อกสเปค อันนี้เป็นวิวัฒนาการที่เริ่มเห็นเยอะขึ้น เช่น เดินสาย LAN บังคับให้มี กว.สามัญ รับรอง :o 3) งานที่จำเป็นต้องถูกควบคุมจริงๆ กับ ถูกละเลย เช่น เตาอบคลื่นความถี่สูง กำลังสูง ในหลายๆ โรงงาน ไม่เห็นใช้ กว สื่อสารควบคุมเครื่องเลย จากคุณ : สร้างวิศวกร เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 12:19:25 A:115.87.71.163 X: TicketID:191297

ความคิดเห็นที่ 33 13# เพิ่มเติม  ผู้ตรวจสอบบัญชี , นักบิน ,ATC  ครับ จากคุณ : mr.wisdom เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 13:09:58

ความคิดเห็นที่ 34   ไม่เห็นด้วยเลย ไม่จำเป็น แล้วก็ไม่คิดจะเป็นสมาชิกด้วย นักวิทยาศาสตร์คนนึงที่ไม่รู้ว่าจะตั้งสภาวิชาชีพไปเพื่อ? จากคุณ : Dark Prince of Lonely Castle เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 13:35:50

ความคิดเห็นที่ 35 ผมเห็นด้วยในหลักการ ที่ต้องการ"คุณภาพ" มาจัดการในเรื่องที่มีผลกระทบ ปัจจุบันคนจบวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่จะเป็น Technician มากกว่า Scientist แต่อย่างไรก็ตาม "สิทธิ" มากับ"หน้าที่"เสมอ ก็หวังว่าผู้ที่เกี่ยวข้อง คงร่างข้อบังคับต่างๆและจัดการให้มีมาตรการควบคุม"คุณภาพ"อย่างรอบคอบ ส่วนทางปฏิบัติ ก็ต้องดูกันต่อไป เพราะ "ที่นี้ประเทศไทย" จากคุณ : KL เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 14:02:13

ความคิดเห็นที่ 36 ขึ้นไว้ก่อนว่า ไม่ได้ตอบด้วยอารมณ์นะครับ  บางทีตัวอักษรอาจจะสะท้อนอารมณ์ผิดไปได้  เลยขอเกริ่นไว้ก่อน ---- ที่ผมยกตัวอย่างอากงอาม่า ซื้อยาหมอตี๋กินแล้วไม่ตาย เพราะหมอตี๋บอกว่ากินยานั้นยานี้ ยาผีบอก ก็หายเหมือนกัน  ในขณะที่เภสัชรู้ความสำคัญ และอันตรายจากตัวยานั้นๆ  จึงต้องออกอะไร เพื่อมาควบคุมก็คือใบประกอบวิชาชีพ   ใบประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์ก็เช่นกัน  การที่มองว่างานมันซ้ำซ้อนกับงานชาวบ้าน ก็ต้องดูว่าจริงๆ มันซ้ำเพราะอะไร  เพราะหลักสูตรมันทำให้เกิดการซ้ำซ้อน  ตั้งแต่แรก และ ใบประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์ ไม่ได้บังคับใช้กับวิทยาศาสตร์ทุกสาขา มีแค่ไม่กี่สาขาวิชาหลักๆ ที่จำเป็นต้องมี  เหมือน กว หนะครับ  วิศว คอม ก็ไม่ได้ กว เหมือนกัน จากคุณ : oakemon เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 23:04:26

ความคิดเห็นที่ 37 เข้ามาแปะคำถาม ต่างประเทศมีมั้ยครับ? วิทยาศาสตร์สาขาไหนบ้างที่จะให้มี กว. ? นี่เป็นไอเดียใคร? มีประชาพิจารณ์มั้ย? จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 20:32:15

ความคิดเห็นที่ 38 ผมมองจากคนนอกและเป็นกลางนะ - ไม่เคยได้เห็นเมืองนอกมีวิชาชีพวิทยาศาสตร์ (ไม่เห็นมีใครต้องสอบใบ ประกอบ) - จำเป็นหรือไม่ ก็แล้วแต่คิด บางทีคนที่เรียนวิทย์ ก็อาจคิดว่าต้องมี เพราะตัวเองเรียนมาสำคัญ แต่บางวิชาชีพก็เป็นลักษณะเฉพาะมากกว่านี้ ถ้าให้วัด criteria แล้ว วิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ วิชาชีพแน่นอน และไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องจำกัด บังคับ field ตัวเองให้อยู่ใน วิชาชีพ เพีงแค่ไม่กี่สาขา อย่างที่คุณ kanoomtan กล่าว การเป็นวิชาชีพไม่ได้โก้หรู หากแต่เป็นการตระหนักตนให้รู้แก่หน้าที่ที่ตนร่ำเรียนมา ในเมื่อรู้ว่าตัวเองซ้ำซ้อนกับวิชาชีพอื่นแล้ว จะออกนิยามไว้นิยมใบประกอบวิชาชีพตัวเองไว้ทำไม (อย่างเช่นวิทยาศาสตร์การแพทย์ similar to เทคนิคการแพทย์ ) --> ผมว่าคิดผิดตั้งแต่ตั้งหลักสูตรแล้วละ ส่วนใครจะมองอย่างไรก็คงไม่แปลก เพราะแต่ละคน backgroung ประสบการณ์ วุฒิภาวะ และทัศนคติ แตกต่างกัน แต่ถ้าคนที่เข้ามาตอบในกระทู้นี้ เป็นผู้ที่เรียกตัวเองว่าเรียนสายวิทยาศาสตร์ สิ่งหนึ่งที่เป็ฯคุณลักษณะ สำคัญ ก็คือ การรับฟังความคิดเห็นอื่นๆ เปิดโลกทัศน์ให้กว้าง และมันจะก้าวหน้าเอง :> จากคุณ : Isccy (tatatube) เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 14:54:29

ความคิดเห็นที่ 39 ผมมองจากคนนอกและเป็นกลางนะ - ไม่เคยได้เห็นเมืองนอกมีวิชาชีพวิทยาศาสตร์ (ไม่เห็นมีใครต้องสอบใบ ประกอบ) - จำเป็นหรือไม่ ก็แล้วแต่คิด บางทีคนที่เรียนวิทย์ ก็อาจคิดว่าต้องมี เพราะตัวเองเรียนมาสำคัญ แต่บางวิชาชีพก็เป็นลักษณะเฉพาะมากกว่านี้ ถ้าให้วัด criteria แล้ว วิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ วิชาชีพแน่นอน และไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องจำกัด บังคับ field ตัวเองให้อยู่ใน วิชาชีพ เพีงแค่ไม่กี่สาขา อย่างที่คุณ kanoomtan กล่าว การเป็นวิชาชีพไม่ได้โก้หรู หากแต่เป็นการตระหนักตนให้รู้แก่หน้าที่ที่ตนร่ำเรียนมา ในเมื่อรู้ว่าตัวเองซ้ำซ้อนกับวิชาชีพอื่นแล้ว จะออกนิยามไว้นิยมใบประกอบวิชาชีพตัวเองไว้ทำไม (อย่างเช่นวิทยาศาสตร์การแพทย์ similar to เทคนิคการแพทย์ ) --> ผมว่าคิดผิดตั้งแต่ตั้งหลักสูตรแล้วละ ส่วนใครจะมองอย่างไรก็คงไม่แปลก เพราะแต่ละคน backgroung ประสบการณ์ วุฒิภาวะ และทัศนคติ แตกต่างกัน แต่ถ้าคนที่เข้ามาตอบในกระทู้นี้ เป็นผู้ที่เรียกตัวเองว่าเรียนสายวิทยาศาสตร์ สิ่งหนึ่งที่เป็ฯคุณลักษณะ สำคัญ ก็คือ การรับฟังความคิดเห็นอื่นๆ เปิดโลกทัศน์ให้กว้าง และมันจะก้าวหน้าเอง :> จากคุณ : Isccy (tatatube) เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 14:56:50