Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
10 อันดับพระราชวัง  

อันดับ 10 พระราชวังโปตาลา (Potala Palace)
 พระราชวังโปตาลา อยู่บนยอดเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเล 11,830 ฟุต  อาคารสร้างแบบป้อมขนาดใหญ่ มีกำแพงก่อเป็นชั้นๆเล่นระดับไปตามเนินเขา  ภายหลังเป็นที่ประทับขององค์ดาไลลามะ ประมุขศาสนาพุทธฝ่ายมหายานต่อเนื่องกันมาหลายองค์ จนกระทั่งถึงทะไลลามะองค์ ที่ 14 คือ เท็นซิน เกียตโซ (Tenzin Gyatso) จนเมื่อธิเบตถูกปกครองโดยจีน  ทำให้องค์ดาไลลามะต้องลี้ภัยมาอยู่ที่ประเทศอินเดีย  ทุกวันนี้พระราชวังโปตาลาจึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับผู้คนที่ต้องการมาสัมผัสอารยะธรรมของธิเบต

         พระราชวังแห่งนี้ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 สมัยพระเจ้าสองสัน กัมโป(Songtsen Gampo)  มีลักษณะเป็นเป็นตำหนักขนาดเล็กกว่าที่เห็นอยู่ในปัจจุบันมากในเวลานั้นเรียกพระราชวังแห่งนี้ว่า"วังภูเขาแดง"   เพื่อเป็นที่ประทับเมื่ออภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเหวินเชง (Princess Wencheng) น้องสาวบุญธรรมของกษัตริย์ทิซองเด็ตเชน (King Trisong Detsen) แห่งราชวงศ์ถัง (Tang Dynasty) จากประเทศจีน  เพื่อความปรองดองกันระหว่างจีนและธิเบต "
พระราชวังแห่งนี้ เป็นอาคาร 13 ชั้น สูงประมาณ 400 และมีความกว้าง 360 เมตร มีห้องต่างๆ มากถึง 1,000 ห้อง เป็นห้องโถงสำหรับการบวงสรวง 8 แห่ง ตัวอาคารถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตมีการสร้างลดหลั่นตามเนินเขาอย่างสวยงาม เป็นสถาปัตยกรรมชั้นยอดแบบธิเบต ที่ผสมผสานด้วยศิลปะแบบฮั่น มองโกเลีย และแมนจู ภายในเก็บวัตถุล้ำค่าคู่บ้านคู่เมือง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลายพันองค์  มีรูปปั้นของกษัตริย์ Songtsan Gambo และเจ้าหญิง Wen Cheng รวมทั้งยังใช้เก็บสถูปบรรจุอังคารของดาไลลามะทุกองค์ของทิเบต โดยเฉพาะสถูปขององค์ดาไลลามะที่ 5 คลุมด้วยแผ่นทองซึ่งประดับตกแต่งด้วยหยกอย่างสวยงาม

พระราชวังโปตาลามีลักษณะของวังซ้อนวัง  แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนของพระราชวังสีขาว และสีแดง

         พระราชวังวงนอกเป็นส่วนของสังฆาวาส เรียกว่า ตำหนักขาว (White Palace) เพราะทาสีขาว สร้างเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1648   ใช้ สำหรับเป็นที่ประทับของทะไลลามะ ที่อยู่อาศัยของพระสงฆ์ รวมทั้งใช้ประกอบกิจกรรมทางฆราวาส โรวเรียน และโรงพิมพ์ ในปี ค.ศ.1994  การยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียน พระราชวังโปตาลาอยู่ในรายชื่อ"มรดกวัฒนธรรมโลก" ด้วยว่าเป็นศิลปะ สิ่งก่อสร้างเก่าแก่ จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันชาญฉลาดของมนุษย์ มีความโดดเด่นในประวัติศาสตร์ทางด้านวัฒนธรรมของชนชาติทิเบต รวมทั้ง ได้ขึ้นทะเบียนหมู่อาคารส่วนประกอบ คือ วัดโจคัง (Jokhang Temple) และ นอร์บูลิงกะ(Norbu Lingka)  ในปี ค.ศ.2000 และค.ศ.2001 ตามลำดับ

 
 

จากคุณ : jkpanu
เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 11:03:14




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com