ความคิดเห็นที่ 1 เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ให้คะแนนแล้ว จากคุณ : ซ่อนรอยยิ้ม เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 00:47:30

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่าหลังปีใหม่มันจะหนักกว่านี้อีก เสียดายคนทำงานเป็นไม่มีโอกาสมาทำ เฮ้อ การบริหารเศรษฐกิจของประเทศ กลายเป็นที่ฝึกงานของมือใหม่ไปซะ จากคุณ : Piggie MM เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 00:52:23

ความคิดเห็นที่ 3 ผมว่า ศ_ _ กำลังทำประเทศพัง จากคุณ : t_boss32 เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 00:52:40

ความคิดเห็นที่ 4 ประเด็นนี้คนผิดคือรัฐบาลนะครับ ไม่ใช่เอกชน รัฐบาล ออกใบอนุญาตให้เอกชนก่อสร้าง โดยขัดรัฐธรรมนูญ งานนี้โทษศาลไม่ได้ และ โทษ NGO ก็ได้ไม่เต็มปาก นอกจากความเสียหายโดยตรงแล้ว ผมว่าเรารอดูค่าโง่ที่รัฐบาลจะโดนเอกชนฟ้องดีกว่า กี่ตังค์ดี ผมว่าทำลายสถิติเดิม -*- จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 01:01:15

ความคิดเห็นที่ 5 ผลของรัฐธรรมนูญปี 2550 ศาลตัดสินตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 67 โครงการที่ทำถูกขั้นตอน และโครงการที่ศาลเห็นว่าไม่ค่อยมีปัญหา ก็ไม่ได้ระงับโครงการนี่นา ลองไปอ่านเล่น ๆ ดู 1. คำสั่งฉบับเต็ม http://www.admincourt.go.th/attach/news_attach/2009/12/1-3-52-592.pdf 2. Press ข่าว http://www.admincourt.go.th/attach/news_attach/2009/12/data-02122552-mabtaput.pdf 3. รายชื่อ 76 โครงการhttp://www.admincourt.go.th/attach/news_attach/2009/10/data76-102009.pdf จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 01:14:53

ความคิดเห็นที่ 6   ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของสังคม ผมเห็นด้วยที่ศาลสั่งระงับโครงการ ไปค้นกำพืดลึกๆดูจะรว่าแต่ละโครงการก่อมลพิษทั้งนั้น แล้วส่วน ใหญ่ก็มาจากประเทศไอ้ยุ่น ซึ่งเดี๋ยวนี้กฎหมายสิ่งแวดล้อมของมันเองก็แรง ทำให้ไมสามารถประกอบการสร้างมลพิษในประเทศมันเองได้ ก็เลยเอาขี้ขยะการประกอบการพวกนี้มาทิ้งประเทศกำลังพัฒนา อันไหนยังทะลึ่งก่อมลพิษอยู่ก็ปิดๆไปให้หมดเถอะ สงสารพี่น้องร่วมชาติที่อยู่แถวนั้นว่ะ แล้วถ้ามันจะไปสร้างความเจริญให้เขมรหรือเวียตนามด้วยมลพิษพวกนี้ก็ให้มันรีบๆไปเลย กรูไม่อยากได้เศษเงินเปื้อนสารเคมีของพวกมรึงเฟ้ยยย จากคุณ : อิ่มบุญครับ (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 02:09:26

ความคิดเห็นที่ 7   อีกนิดนึง แล้วพวกที่โยงเรื่องออกมาด่ารัฐบาล ช่วยพูดให้ชัดๆได้ไหมว่ารัฐบาลไหนที่อนุมัติโครงการน่ะ อย่าเอาแต่เชียร์เหมือนเชียร์บอล เป็นไอ้พวกบ้าพนันบอล จากคุณ : อิ่มบุญครับ (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 02:13:16

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วย กรณีนี้เป็นกรณีที่มีการดำเนินการมักง่ายจริง และมีการพิสูจน์กันในชั้นศาล ไม่ใช่การยกพวกปิดโรงงาน หรือไปประท้วงยึดห้ามก่อสร้าง จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 04:01:48

ความคิดเห็นที่ 9 #7 รัฐบาลนี้โดนทุกดอกครับ ปัญหาอะไรผุดมาโดนหมดนั่นล่ะ  มันเป็นเป้าสำหรับพวกนี้อยู่แล้วครับ -  -" จากคุณ : เมื่อกี้ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 06:23:57

ความคิดเห็นที่ 10 I agree with 7 in every thing. จากคุณ : milanello เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 06:46:49

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วถ้าหาก จัดตั้ง อางค์กร ขึ้นมา เพื่อควบคุม การปล่อยของเสีย หรือ มลพิษต่างๆ สู่สิ่งแวดล้อม อย่างจริงจัง แบบมีการเข้าไปตรวจตั้งแต่การก่อสร้างเลย มันจะสามารถดำเนินการต่อไปได้มั้ยครับ งั้น ผมขอ โหวต อื่นๆ แล้วกันนะครับ อยากให้มีการลงทุนต่อ แต่คงต้องมีการย้ายสถานที่ หรือ ย้ายชาวบ้าน  หรือ ตามที่พิมพ์ด้านบน จากคุณ : Kunzite เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 07:07:37

ความคิดเห็นที่ 12 ย้ายชาวบ้านบริเวณรอบๆนิคม เช่น ตากวน หนองแฟบ แต่ว่าอันไหนจะคุ้มกว่ากันระหว่างหยุดโครงการกับย้ายคนเนี่ย จากคุณ : ผลึกฟ้า เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 07:25:38

ความคิดเห็นที่ 13   ถ้าโครงการมีปัญหาสิ่งแวดล้อม และไม่สามารถแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ ต่อให้ย้ายชุมชนออกไป มันก็ยังมีปัญหาสิ่งแวดล้อมอยู่ดี ถ้ามีคนเองเงินมาให้ 1 ล้านบ้าน โดยขอเอาขยะมาเทในบ้านคุณ   จะยอมไหม ผมว่าแยกเป็นเด็นได้เป็น 1.รายได้ 2.สิ่งแวดล้อม มันน่าจะมีวิธีที่ไปด้วยกันทั้ง 2 นะครับ  โดยควรจะออกแบบโรงงาน หรือ ระบบกำจัดมลพิษใหม่ จากคุณ : Spirited Away เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 07:59:14

ความคิดเห็นที่ 14 ในแง่ของชาวบ้านก็เห็นใจเหมือนกับที่คนกรุงเทพที่ใช้ไฟฟ้าเยอะที่สุดในประเทศ แต่ดันไม่อยากให้โรงไฟฟ้ามาอยู่ใกล้ๆ ชาวบ้านก็คงไม่ชอบ ในแง่ของการจ้างงาน หากคุณ คห.6 มองเป็นเศษเงินผมไม่เห็นด้วยครับ เพราะว่าเราทำอะไร แต่เขาทำอะไร High Risk High Return ครับ เหมือนกับว่าเราเป็นเจ้าของบริษัท แล้ว ลูกน้องก็บ่นว่างเนน้อย ทำไมเจ้าของบริษัทได้เงินเยอะ แต่ลูกน้องไม่เคยมองว่าตนเองเสี่ยงอะไรบ้างนอกจากถูกเลิกจ้าง หนี้สินบริษัทก็ไม่ต้องไปเกี่ยวข้อง ---------------------------------- คราวนี้เรื่องการยับยั้งไม่ใช่การหักดิบแบบนี้ครับ พวกนักวิชาการชอบทำอะไรตามตำรา คิดมิติเดียว ให้ค่อยๆทำสิครับใช้มาตรการทางภาษีมาเกี่ยวข้อง บริษัทหลายบริษัทใน 76 โครงการได้ BOI ก็สั่งระงับผลประโยชน์นั้นชั่วคราวจนกว่าจะแก้ไข แต่กำหนดกรอบมาว่าภายใน 3 เดือน 6 เดือน ไม่งั้นจะระงับ ในขณะเดียวกันก็เอามาตรการลดภาษีเพิ่มเติมจากสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจาก BOI เมื่อทำได้เกินมาตรฐาน ส่วนบริษัทที่ไม่ได้อยู่ในส่วน BOI เอามาตรการภาษี โดยออกเป็นบทเฉพาะกาล เช่น ฐานภาษี 30% ก็เพิ่มไปอีก 25% ของ 30% เป็นต้น แต่หากภายใน 3-6 เดือนแก้ไม่ได้ก็ปิด มันต้องแก้ค่อยเป็นค่อยไปครับ ไม่ใช่หักดิบแบบนี้ อัตราการจ้างงาน อัตรารายได้ บริษัทที่ลงในนิคมนั้นหลายบริษัททั้งรัฐบาลเรา ทั้ง CPB เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่นะครับ สุดท้ายก็ขโมยอัฐยายหลานยายก็จนต่อไป ปล. การมองเศรษฐกิจและสังคมเรามองตรงไปตรงมาแบบงานวิจัย แบบวิชาการ วิทยาศาสตร์ไม่ได้หรอกครับ มันมีปัจจัยเรื่องกระเป๋าคน อารมณ์คน ปัจจัยต่างๆ ต้องมองกว้างๆ ปล.2...พูดในทั้งฐานะนักวิทยาศาสตร์และนักลงทุน แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 08:33:12 แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 08:31:39 จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 08:28:29

ความคิดเห็นที่ 15 #14 ศาลต้องตัดสินในกรอบของกฏหมายครับ ควรเข้าใจเรื่องนี้ด้วย ถ้ารัฐบาลต้องการแก้ไข สามารถทำเร็วได้ โดยออกพระราชกำหนดออกมาแล้วรีบตรวจประเมิน ให้โรงงานที่ปรับปรุงแล้ว เปิดได้ แต่เท่าที่เห็น เรื่องเกิดมานานแล้ว แต่การดำเนินการต่าง ๆ ล่าช้ามาก จากคุณ : ผู้เฒ่าสายลม เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 08:37:21

ความคิดเห็นที่ 16 ^ ^ นั่นแหละครับที่ไม่เข้าใจ ถ้ารู้ว่ามีปัญหาเยอะก็น่าจะรีบทำแต่แรก หรือ อาจจะออกกฎหมายที่เป็น พรก. ให้มาใช้กฎหมายนี้ชั่วคราวอะไรก็ได้ หรือว่าพวกคนที่เกี่ยวข้องจะทุบหุ้นเก็บก็ไม่รู้ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 08:54:38

ความคิดเห็นที่ 17   ดีแล้วครับ เป็นการสร้างและบังคับใช้มาตรฐาน ต่อไปเวลาจะทำอะไรจะได้ไม่คิดว่าแค่จ่ายเงินให้ผู้เกี่ยวข้อง หรืออาศัยสายสัมพันธ์ แล้วจะทำอะไรก็ได้ เรื่องเสียหายไม่ต้องกลัวหรอกครับ เงินจ่ายไปเยอะแล้ว ไม่ทิ้งไปเฉยๆหรอก จากคุณ : ตีลังกาคิด เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 09:28:43 A:125.26.174.17 X: TicketID:244878

ความคิดเห็นที่ 18 เห็นว่า วิธีนี้ มันหักดิบเกินไปครับ จากคุณ : Kunzite เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 09:56:49

ความคิดเห็นที่ 19 มานั่งพูดสิ่งแวดล้อมทำไม  ทุกโรงงานที่โดนระงับผ่านEIAทั้งนั้น ผ่านเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมหมด ที่ระงับนี่เรื่อง HIA ที่มาทีหลัง   แล้วรัฐบาลไม่มีการทำงานตรงส่วนนี้ ไม่มีกฏหมายลูกบังคับใช้  กฤษฏีกาตีความว่าให้ทำไปก่อนเนื่องจากไม่มีกฏหมายลูก แต่ศาลสั่งให้ระงับตามข่าว HIA ที่จะทำก็ตั้ง 14เดือน เอกชนก็บอกลาซิคร้บ อยู่ให้ดอกเบี้ยถมตัวเองเหรอ รัฐบาลมันก็ช้าเอง(เกี่ยวเต็มๆ)ช้ามากเรื่องกฏหมายลูก HIAประกอบรัฐธรรมนูญ  สภาก็ล่มมีเสียงเกินกึ่งนึง เสียงไม่ถึงสภาล่มดันว่าฝ่ายค้าน เพื่งเคยเจอ     จะเอี่ยวการเมือง ทำไม ก็มันตรงประเด็นถ้ามันพยายามผลักดันกฏหมายประกอบรัฐธรีรมนูญซะ เขาเตือนกันก่อนศาลตัดสินอีก ป่านนี้คงไม่พังกันแบบนี้ จากคุณ : waphoo เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 10:24:25

ความคิดเห็นที่ 20 เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของการอ้างกฎหมายลูกที่เพิ่งออกมาใหม่ หลังอนุญาตให้สร้างไปแล้วนะครับ เพราะเท่าที่ทราบโครงการทั้งหมด ผ่านการขออนุญาตอย่างถูกต้องทุกอย่าง ผ่านการทำ EIA สิ่งแวดล้อมมาหมดแล้ว แต่พอมีการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ 2550ที่มีคำพูดเพิ่มเติมในเรื่องของสุขภาพ และบังคับให้ทำประชาพิจารณ์ โดยที่ขณะตอนทำเรื่องขออนุญาตโครงการยังไม่มีกฎหมายลูกที่กำหนดกฎเกณฑ์ใดๆ ก็เลยไม่ได้ทำ มันเลยกลายเป็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมายลูกย้อนหลัง ให้ทุกโครงการกลับไปที่จุดเริ่มต้นใหม่ และต้องมีการทำประชาพิจารณ์ด้วย ทั้งๆที่โครงการได้รับการอนุญาตมาก่อนและทำเกือบเสร็จแล้วแท้ๆ ตรงนี้เลยไม่ใช่ว่า โครงการทั้ง 75 โครงการจะเป็นโครงการที่ทำลายสิ่งแวดล้อม หรือมีข้อบกพร่องทางการออกแบบระบบบำบัดมลพิษนะครับ เพราะเข้าใจว่าทุกโครงการผ่านการทำ EIA ตามกฎหมายเก่าอยู่แล้ว เพียงแต่ไมไ่ด้ทำประชาพิจารณ์ตามกฎหมายที่ออกมาทีหลังนั่นเอง มันเลยกลายเป็นว่าเราล้มโครงการเพราะมีข้อผิดพลาดทางเทคนิคทางข้อกฎหมาย ส่วนเรื่องทำลายสิ่งแวดล้อมยังไม่ได้ถูกพิสูจน์ว่าำทำลายจริงไม่จริง (ถ้าอ้าง EIA อันเก่าก็ต้องถือว่าผ่านไปแล้วล่ะนะ) เจ้าของก็เจ๊งสิ สร้างจะเสร็จแล้ว ต้องรอขออนุญาตใหม่ ไม่รู้จะผ่านไหมถ้าชาวบ้านและ NGO เล่นแง่อีก รอไปเรื่อยๆ ดอกเบี้ยก็จ่ายทุกวัน แรงงานก็ตกงานรอไปก่อนนะ? ส่วนการแก้ไขคงต้องพึ่งรบ. ให้หามาตรการโดยด่วน เพราะโครงการเหล่านี้แหละที่เป็น GDP หลักของประเทศ เป็นเงินภาษีหลักที่นำมาพัฒนาชาติไทย ไม่นับแรงงานอีกนับแสนคน(รวมที่เกี่ยวข้องทางอ้อม) หรือนับล้านถ้ารวม supply chain ทั้งหมดของระบบที่เกี่ยวข้อง เรื่องนี้แม้แต่ชาวบ้านที่ไม่ได้ทำโรงงาน แต่ทำมาค้าขายอยู่ในพื้นที่ก็กระทบหมดนะครับ รวมไปถึงพวกที่ออกมาประท้วงด้วย ทุกคนได้รับผลประโยชน์จาก supply chain ขนาดใหญ่จากโครงการใหญ่ๆเหล่านี้ทั้งนั้นโดยไม่รู้ตัวนั่นแหละ อยากให้เอาอคติออกไปด้วยครับ เพราะเท่าที่เคยสัมผัสมา โครงการขนาดใหญ่ข้ามชาติ แม้จะไม่ได้ทำระบบบำบัดได้ 100% ตามที่ออกแบบ แต่ก็ทำได้ดีกว่า โรงงานในครัวเรือนขนาดเล็กมากๆอยู่แล้ว กลับกันโรงงานขนาดเล็กพื้นบ้านเสียอีก ที่ปล่อยมลพิษ โลหะหนักออกมาเป็นประจำ พอมีเจ้าหน้าที่(อบต.)มาทีก็ยัดเงินกันที เป็นตัวทำลายสิ่งแวดล้อมที่เรามองข้ามไป เพราะมองแค่ว่า ชาวบ้านทำเองงบน้อย หยวนๆไปเหอะ ไม่เป็นไร ฉะนั้นโดยสรุป ไม่เห็นด้วยกับการระงับโครงการ เพราะไม่ใช่การแก้ไขที่ต้นเหตุใดๆ จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 10:44:07

ความคิดเห็นที่ 21 65 โครงการ มาบตาพุดหยุดแล้ว คนตกงานทันที 3.7 หมื่นคน เจ๊ง 2.5 แสนล้านบาท ถ้าไม่หยุดโครงการอาจจะมีชาวบ้านต้องตายจากสารพิษมากมาย คนตกงานไม่ตาย แต่คนโดนสารพิษไม่ตายก็พิการ จากคุณ : cazan เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 11:44:58

ความคิดเห็นที่ 22 สุดท้ายโครงการพวกนี้ก็จะได้รับการอนุมัติให้เดินหน้าสร้างต่อไป เพียงแต่ต้องเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้น ทุบหุ้นเพื่อช้อนซื้อ ... เรื่องไม่ซับซ้อนหรอก จากคุณ : ปลัดหน่อง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 12:11:49

ความคิดเห็นที่ 23   มีแต่ไอ้คน นอกพื้นที่ เท่านั้นแหละครับที่มัน พร่ำเพ้อ กลัวนั่นกลัวนี่ จะเป็นจะตาย ก็เอง ไม่ได้อยู่ในพื้นที่นี่หว่า จิตนาการเองทั้งนั้น ลองมาถามชาวบ้านส่วนมากใน พื้นที่จริงๆ ซิครับ เขาคิดอย่างไร ตอนนี้เห็นบ่น เป็นแถว ขายของไม่ดี คนกลับ บ้าน หางานยาก เงินไม่พอใช้ โจรชุกชุม ฯลฯ พวกคุณรู้ใหมในระยอง นะ โดยเฉพาะ เขต อ.เมือง และ แถบมาบตาพุด คนพื้นที่ จริงๆ มีไม่ถึง 5 -10 % นอกนั้น คนต่างถิ่นนอกพื้นที่ ทั่วประเทศ เข้ามาทำมาหา กิน โดยเฉพาะคนภาคอีสาน มีมากกว่าเพื่อน ราวๆ 80 % กว่าๆ เข้ามาทำงาน เป็น ทั้งพนักงานประจำ ตามบริษัท , ผู้รับเหมา , แรงงานรายวัน , ประกอบอาชีพอิสระ ฯลฯ  คนพื้นที่จริงๆโน่น ส่วนใหญ่อบยพ ไปอยู่ จันทบุรี หรือ รอบนอกจังหวัด ครับ ถ้าย้าย นิคมอุตสาหกรรม ไปที่อื่น มีหรือ แรงงานต่างถิ่นพวกนี้จะไม่ตามไป บริษัทใหญ่ๆ โรงงานใหญ่ๆ เขาต้องทำ ISO เรื่องสิ่งแวดล้อม และ ISO อื่นๆ และ กิจกรรมอื่นๆเกี่ยวกับ คุณภาพความปลอดภัย อาชีวอนามัย ของ ผู้ปฏิบัติงาน และ ชุมชนอยู่แล้ว รวม EIA ก็มาตรวจสอบ สม่ำเสมอ ถ้าบริษัท หรือ โรงงานเล็กๆ อาจ จะมีบกพร่อง พวกนี้ต้องคุมให้ดี แต่ พวก NGO มันไม่ออกมาโวย แปลกจริงๆ ควรจะหามาตรการ ควบคุมสิ่งแวดล้อม ที่รัดกุมเข้มงวดมากขึ้น และ รักษา ผล ประโยชน์ ของ ชาวบ้าน และ ชุมชน จะดีกว่า ชาวบ้าน เขากินคุณธรรม จริยธรรม แทนข้าว ไม่ได้หรอกครับ จีน  ,อเมริกา , เวียดนาม , มาเลเซีย ฯลฯ เขาไม่เห็นว่า การลงทุน การสร้างงาน เป็นสิ่งเลวร้ายเลย ยุคนี้ แปลก NGO เมืองไทย สตอเบอรี่  จุ้นไปทั่วเต็มบ้านเต็ม เมืองไปหมด คราวก่อน ที่แกนนำพันธมิตร ระยอง กรรมการบริหารพรรคใหม่ ของแปะลิ้ม เกณฑ์ คนมาประท้วงโรงงาน ไปถามชาวบ้าน ผู้นำชุมชนดูได้เลย ไป จ้างใครมาจากใหนไม่รู้  เค้าพูดกันทั้งนั้น ไม่เคยเห็นหน้าไอ้พวกที่มาถือป้าย เอาเป็นว่ารู้นะ รัฐบาล คิดอะไรอยู่ แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 12:55:45 แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 12:49:24 แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 12:45:19 จากคุณ : CYROSE เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 12:38:17

ความคิดเห็นที่ 24 #21 โครงการที่คุณว่ามาผ่านการตรวจสอบ EIA ทั้งหมดแล้วนะครับ จะมากล่าวหามั่วๆตาม NGO ว่าโรงงานเป็นพิษร้ายแรงไม่ได้หรอก ไม่งั้่นต้องโทษตั้งแต่การทำ EIA นู่นเลย ที่ศาลว่ายังขาดคือเรื่องการทำประชาพิจารณ์ที่เพิ่มมาในกฎหมายภายหลังเท่านั้่นเอง ตอนนี้เรื่องมาบตาพุดถูกเบี่ยงประเด็นจากเรื่องข้อกฎหมายไม่ชัดเจน ไปเป็นมั่วๆว่ามีมลพิษทำลายชีวิตชาวบ้านไปได้ไงเนี่ย อิทธิฤทธิ์ของสื่อ+NGO ? จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 12:48:40

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นด้วยครับ เพราะ 1. มีโครงการหลายโครงการครับ และโครงการที่ทำถูกขั้นตอนก็ไม่ได้โดน โดนเฉพาะผู้ที่ทำผิด ซึ่งก็สมควรแล้ว จะโทษว่าัรัฐบาลอนุมัติก็ ไม่เต็มปาก 2. โรงงานที่จงใจไม่ทำตามขั้นตอนส่วนมากก็มักง่าย และก่อมลพิษ และอีกประเด็นคือโรงงานที่หนีกฏหมายสิ่งแวดล้อมจากประเทศตัวเองมาก่อมลพิษในไทย สมควรโดนที่สุด 3. ถ้าชาวบ้านไม่เดือดร้อน(อย่างมาก) ไม่มีใครออกมาเคลือ่นไหวหรอกครับ เสียเวลา เสียอารมณ์ 4. ผิดจริงนะครับ ไม่ได้มาจากการใช้กำลังหรือเส้นสาย แต่ศาลตัดสินว่าผิดจริง ไม่ใช่คดีการเมืองด้วย เห็นใจประชาชนที่ได้รับมลพิษครับ จากคุณ : GreenEyes เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 12:55:38

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นด้วยครับ แต่ทีนี้ชาวบ้าน แถวนั้น จะได้รู้ซึ้งว่าจะทำอะไรต่อไปเพื่อที่จะมีชีวิตเหมือนเดิมได้บ้าง ถ้้า ได้เจ้านี่ไป ก็ต้องเสียเจ้านั้น สังคมมนุษย์เราไม่เคยมีความพอดีอยู่แล้ว ถ้าอยากได้อะไร ต้องมีสิ่งที่เสียไปเสมอ จากคุณ : lyonheartz (lyonheartz) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 13:09:17

ความคิดเห็นที่ 27 คุณ CYROSE อยู่ระยองใช่ไหมคะ เราเห็นด้วยกับคุณ100% คนที่บอกว่าตกงานไม่ตายหน่ะ ลองมาตกงานในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ดูมั่งไหมหล่ะ จากคุณ : H2S เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 13:11:09

ความคิดเห็นที่ 28   ก็ในเมื่อรู้ๆว่ามันไม่ดี มีข้อเสียอะไร ก็ออกกฏมาควบคุมมาตราฐานโรงงานที่จะสร้างเสียซิครับ มันจะไปยากอะไร เรื่องยากๆ กว่านี้เค้ายังทำมาแล้วทั้งฉีกทั้งเขียน มานับ10ครั้ง..ยังทำได้ นี่แค่ออกกฏ หรือกฏหมาย ควบคลุมโรงงานมันจะยากอะไรมากมาย....โรงงานไหนทะไม่ได้ก็ไม่ต้อง ให้สร้าง จบข่าว... จากคุณ : วิญญาณพเนจร 2 เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 13:23:55 A:202.62.105.155 X: TicketID:212592

ความคิดเห็นที่ 29   ให้สร้างต่อไป แต่ให้operate เฉพาะส่วนที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ ให้หยุดแบบนี้คนตายมากกว่าที่โดนมลภาวะอีก จากคุณ : ID 186388 เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 14:04:32 A:61.47.18.239 X: TicketID:186388

ความคิดเห็นที่ 30 ศาลตัดสินถูกแล้ว ตามข้อกฎหมาย แต่กฎหมายมันห่วยแตกไปนิด จากคุณ : N-Ksj เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 14:09:42

ความคิดเห็นที่ 31 ระงับหมดก็ไม่ไหวหรอก ทำหมดก็ไม่ไหว พิจารณาดูแต่ละโครงการแล้วเลือกอนุมัติดีกว่า จากคุณ : geefa เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 14:12:56

ความคิดเห็นที่ 32 บางท่านยังเข้าใจผิดเรื่องมลพิษอยู่นะครับ ย้ำว่าทุกโครงการ ผ่านการตรวจวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม(EIA)กันหมดแล้ว ไม่ได้มีโครงการไหนไม่ผ่าน ฉะนั้นอย่าไปด่ามั่วๆว่าโรงงานพวกนี้มีมลพิษสูง แต่ที่มีปัญหาคือกฎหมายลูกของรัฐธรรมนูญ 2550 ที่เพิ่มเติมเรื่องการทำ HIA หรือผลกระทบด้านสุขภาพภายหลังการอนุมัติ เลยต้องทำเพิ่มเพราะบังคับใช้ย้อนหลังด้วย มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่ืองสิ่งแวดล้อมเลย เพราะทำผ่านไปแล้ว แต่มันขัดข้อกฎหมายที่ดันมีผลย้อนหลังรวมด้วย ถ้าบังคับชัดเจนแต่แรกฝรั่งเขาก็ทำตามหมดไปแล้วล่ะครับไม่เลี่ยงกฎหมายเหมือนกิจการเล็กๆหรอก นี่มาบังคับให้ทำย้อนหลังและต้องใช้เวลานาน มันเลยวุ่นวายไง ย้ำว่าค่อยๆอ่านข่าวครับ เรื่องนี้ สื่อและ NGO เบี่ยงประเด็นกันมั่วหมด มลพิษใครๆก็ไม่ชอบ แต่ข้อพิพาทมาบตาพุดครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับมลพิษโดยตรง(เพราะทำ EIA ผ่านแล้ว) แต่เป็นเรื่องของข้อกฎหมายที่ไม่ชัดเจนแต่แรก จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 14:18:39

ความคิดเห็นที่ 33 ตกงานไม่ตาย  ขำ!!!!!! จากคุณ : บ่าวจ่อย เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 14:50:59

ความคิดเห็นที่ 34 ผมว่ามีดี ถ้ามาสร้างบ้านผมก็ดีจะได้เจริญๆ เรื่องปัญหาต่างๆก็มีวิธีแก้อยู่แล้ว จากคุณ : promlikit เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 14:52:00

ความคิดเห็นที่ 35 คนเสพข่าวโดยไม่ใช้สมองก็เชื่อทุกอย่างว่าโรงงานปล่อยมลพิษออกมามากมาย ทำให้คนเจ็บป่วบล้มตาย บลาๆๆ แต่ไม่รู้จัก EIA HIA ไม่รู้จัก มาตรา67วรรค2 แต่ก็เอามาวิจารณ์เป็นวรรคเป็นเวรทำเป็นผู้รู้เสมือนไปประสบเหตุการณ์ในพื้นที่จริง สว่นพวก NGO ไม่อยากจะพูด วันๆไม่ทำอะไรหากินแต่เรื่องแบบเนี้ย ไปดูบ้านพวกมันหลังใหญ่โต รถเบนซ์ทั้งนั้น แล้วบอกทำเพื่อประชาชน :-)!!! จากคุณ : HiGain เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 14:58:12

ความคิดเห็นที่ 36 ไหน ๆ ก็มีคนโยงกับรัฐบาลแล้ว ใครพอมีข้อมูลบ้างหรือเปล่าครับ ว่าโครงการทั้งหมดนี้อนุมัติตั้งแต่รัฐบาลไหน ปีไหน ทุนจมไปเยอะแยะมหาศาล ผมว่ามันจะหนักกว่า npl ตอนที่เศรษฐกิจเราทรุดอีกหรือเปล่า น่าเห็นใจเหมือนกันน่ะครับ ต่อไปนายทุนจะมาลงทุนบ้านเราคงต้องคิดกันหนักเลย จะมาหวังเราลงทุนกันเอง ก็ยังเอาตัวกันไม่ค่อยรอด จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 15:06:20

ความคิดเห็นที่ 37 คุณ 4 จุด ถูกต้องที่สุดค่ะ ปัญหามาจากกฏหมายลูกปี่ 50 จากคุณ : หุ่นกระป๋อง1 เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 16:18:06

ความคิดเห็นที่ 38 อ่านคอมเม้นมาถึง คห 11 ต้องเหลือบตาขึ้นไปมอง address นึกว่าราชดำเนิน อิอิ จากคุณ : เด็กฝึกหัด เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 16:54:00

ความคิดเห็นที่ 39 ตอบนิดเดียว ถูกรัญธรรมนูญ 40   แต่ผิด รัฐธรรมนูญ 50 แค่นั้นแหละ ทั้งๆที่มันไม่ควรมีผลย้อนหลัง แต่มันก็มีไปแล้ว บ้าดีครับ จากคุณ : Night_Angel เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 17:59:58

ความคิดเห็นที่ 40 ผิดกฏหมายก็คือผิดกฏหมายครับเลี่ยงไม่ได้ ดูกฏหมายอย่างจราจรสิ จับเอ้าจับเอา ตาสีตาสาก็เสียค่าปรับอาน จากคุณ : ปิติกับเจ้าแก่ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 18:56:30

ความคิดเห็นที่ 41 #40 ผมว่าอย่างนี้ตรงกว่า มันเหมือนว่า คุณต้องไปสอบใบขับขี่เพื่อใช้ในหน้าที่ขับรถไปตรวจsiteลูกค้าต่างเมือง ตอนคุณสอบเกณฑ์ผ่าน คือ 50 จาก 100(ตัวเลขสมมติ) คุึณก็ลางานปกติ ไปสอบ แล้วได้คะแนน 80 เลยได้ใบขับขี่มา คุณเสีย cost ค่าสอบใบขับขี่ทั้งหมดแล้วได้ใบอนุญาตมา (ค่าแรง1วันที่ลางานสมมติเป็นงานรายวัน+ค่าเดินทาง+ค่าสมัครสอบ) แต่วันดีคืนดี เขาออกกฎใหม่(ออกระหว่างที่คุณกำลังสอบ) อ้่างว่า เกณฑ์คะแนน 50 มันน้อยไป กามั่วๆก็ผ่านได้ง่าย(จริงเหรอ?) เขาเลยเพิ่มเกณฑ์เป็น 60 คะแนน(ซึ่งคะแนนเก่าคุณก็ผ่านอยู่แล้ว)แต่เพิ่มส่วนการทดสอบรถที่ใช้ ให้นำมาเบิ้ลเครื่องโชว์ว่าเสียงไม่ดัง ควันไม่ดำ เพราะกลัวคุณจะไปแอบเป็นเด็กแว๊นท์ การทดสอบนี้เพื่อสร้างความสบายใจให้คนในหมู่บ้าน(หรือจะเรียกว่าเอาหน้า ทั้งๆที่มีกฎหมายอื่นควบคุมเรื่องนั้นอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับใบขับขี่โดยตรงสักเท่าไร) แต่มันมีผลทำให้ ใบขับขี่ของคุณที่ออกมาแล้วเป็นโมฆะทั้งๆที่ยังไม่หมดอายุหรือทำผิดกฎหมายข้ออื่น คุณไม่สามารถขับรถไปทำงานได้ เพราะกฎหมายใหม่ที่ออกระหว่างคุณสอบเปลี่ยนเกณฑ์ ต้องยกเลิกใบเก่าแล้วสอบใหม่หมด คุณเลยต้องเสียเวลาลางาน เดินทางไปสอบอีกครั้ง ทั้งๆที่ใบขับขี่ใบก่อนที่คุณได้ถูกต้องตามกฎหมาย ณ เวลานั้นๆ และเกณฑ์ต่างๆเทียบกันก็น่าจะผ่านอยู่แล้ว(คะแนนสอบครั้งก่อนก็เกิน) แต่ต้องเสียเวลา เสียเงิน เสียโอกาสซ้ำสองไปทำใหม่หมด คุณเลยพลาดนัดหมายกับลูกค้า พลาดโอกาสการทำธุรกิจที่ไม่รอเวลา รวมไปถึงรถที่คุณซื้อผ่อนมาต้องจอดไว้เฉยๆเสียดอกเบี้ยฟรีๆเพราะขับไม่ได้ ถามว่า ใครผิดที่ทำให้คุณต้องเสียเวลาเสียการงาน และเสียเงินไปสอบสองรอบ?  หรือจะบอกว่าคุณผิดเองที่ดันไม่มีญาณรู้อนาคตว่าเขาจะทดสอบเด็กแวนท์ด้วย จะได้เสนอให้เขาทดสอบก่อนเลย(ทั้งๆที่ยังไม่มีคนรู้ว่าจะทดสอบอย่างไร? เพราะตอนคุณสอบ เขายังคิดไม่ออกกัน) จริงๆแล้วการยกตัวอย่างใบขับขี่ อาจจะคิดว่ามันไม่ได้เสียเงินมากมาย หยวนๆไปได้ แต่กับโรงงานที่เป็นเรื่องนั้นมูลค่านับแสนล้าน คนงานอีกนับหมื่น คุณว่ามันเรื่องเล็กๆไหม? จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 20:52:39

ความคิดเห็นที่ 42 เข้ามาให้ give คุณ 4 จุด ให้ตายเถอะ... เดี๋ยวนี้มันเป็นไปได้ขนาดนี้ จะเรียนนิติศาสตร์มาทำไมวะเนี่ยเรา จากคุณ : ปลาทองติดปีก เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 21:27:01

ความคิดเห็นที่ 43 ถ้าคุณมีคนรู้จัก  และหลานอยู่ในแถบที่ต้องรับมลพิษ  คุณจะรู้คำตอบเอง  เด็กระยองเป็นภูมิแพ้มากที่สุดในประเทศ  เป็นมะเร็งในอันดับต้นๆของประเทศ   คุณว่าเพราะอะไร จากคุณ : nuch_tiew เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 21:29:50

ความคิดเห็นที่ 44 ญาติพี่น้องครึ่งหนึ่งของผมอาศัยอยู่ในละแวกนั้นครับ ผมรู้ว่าประเทศชาติเสียโอกาสทางการเงิน แต่ในอีกทางหนึ่ง ผมก็ได้รับรู้ว่าหลานๆของผมบางคนไม่กี่ขวบก็เป็นภูมิแพ้ ทั้งๆที่เป็นเด็กต่างจังหวัดและอยู่ห่างเขตเมือง ครอบครัวก็ไม่มีประวัติ ญาติผู้ใหญ่ของผมสองท่านเป็นมะเร็งปอด ทั้งๆที่ไม่ได้สูบบุหรี่ ทั้งบุหรี่มือหนึ่งและบุหรี่มือสอง อาชีพที่ทำก็ไม่มีความเสี่ยงต่อมะเร็ง เป็นแค่ชาวสวนยางและพ่อค้าเขียงหมูธรรมดาๆ ผมขอถามคำถามเดียว คนเหล่านี้ เด็กๆเหล่านี้ และเด็กๆรุ่นหลังจากนี้ ต้องมาเจ็บต้องมาป่วย เพื่อให้ชาติได้เงินแสนล้าน? ถ้ามันผิดที่ไม่หยุดแต่แรก คนที่ปล่อยให้มันดำเนินต่อไปทั้งๆที่รู้ว่าผิด มันก็เลวเหมือนกัน ญาติๆที่ผมอ้างถึงนั้น คุณภาพชีวิตของพวกเขาก็ไม่ได้ดีเด่อะไรอยู่แล้ว กลับต้องมาแบกรับอะไรแบบนี้ บอกผมสิครับ ว่าสองแสนห้าหมื่นล้าน จะมาทำให้หลานๆผมหายจากภูมิแพ้ บอกผมสิครับ ว่าสองแสนห้าหมื่นล้าน จะเอามาใช้หนี้ค่ารักษาพยาบาลให้ บอกผมสิครับ ว่าสองแสนห้าหมื่นล้าน จะเอาชีวิตลุงผมคืนมาได้ บอกผมสิครับ ว่าสองแสนห้าหมื่นล้าน จะเยียวยาความทุกข์ของญาติพี่น้องผมได้ คนที่ดีใจเสียใจกับเงินตรงนั้น ก็มีแต่พวกนักลงทุนกับคนรวย รากหญ้าที่สูดมลพิษเข้าไปทุกวัน ได้อะไรบ้าง นอกจากเศษเงินเหลือๆที่โยนมาอย่างเสียไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 22:05:48 จากคุณ : Lethe เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 21:57:47

ความคิดเห็นที่ 45   ข้อมูล ที่ว่า เป็น มะเร็งลำดับ ต้นๆ ของ ประเทศไม่จริงครับ กรุงเทพฯ และ ปริมณฑลต่างหาก ผม อยู่ มาบตาพุด มาเกือบ 30 ปี ไม่เห็นมีปัญหาสุขภาพ ร้ายแรงอะไรเลย คนรู้จักที่พบว่า เป็นมะเร็งตาย 2- 3 คนมีประวัติ สูบบุรี ดื่ม เหล้าจัด มาก เพราะ ค่านิยม ผิดๆ ของ สังคมไทย ที่นิยม กันว่า คนกินเหล้า สูบบุรี ถึงจะดูเป็นแมน แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 22:04:08 จากคุณ : CYROSE เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 21:59:22

ความคิดเห็นที่ 46   ผมบอก แล้วว่า มีแต่พวก ที่ไม่ได้ อยู่ในพื้นที่ แต่จินตนาการ รู้ดี กว่า ชาวบ้าน แถมคิดแทนชาวบ้าน ตัดสินให้เสร็จสรรพ คนในพื้นที่ตัวจริงที่เขาอยู่กันมานาน แรงงานอพยบ หลายครอบครัว อยู่กันมานาน 20 กว่าปีก็มี ให้คนในพื้นที่เขา ทำประชาพิจาร์ณดีกว่า เอาไม่เอา ดีกว่าไอ้พวกนั่งเทียน คิดเอง เออเอง เพราะ เสพแต่สื่อ ไม่ได้ดูข้อเท็จจริง ตัวแทนที่อ้างชาวบ้านนะ มันก็ไม่ได้อยู่ใน มาบตาพุด หรือ มาบข่า เลย ไม่รู้ใครไปเลือกพวกมันตอนใหน งงจริงๆ อีกหน่อย ใครจะอ้างเป็นตัวแทนชาวบ้าน ควรจะต้องผ่านการเลือกตั้ง ในพื้นที่ด้วย ไม่ใช่ โมเม แต่งตั้งกันเอง ชาวบ้านไม่รู้เรื่องเลย แต่ดันมีอำนาจ ไปเจรจา กับรัฐบาลแทนชาวบ้าน หาข้อมูลมาให้อ่านครับ VVV แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 23:12:47 จากคุณ : CYROSE เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 22:33:45

ความคิดเห็นที่ 47   เมื่อ 20 กว่าปีก่อน นิคมอุตสาหกรรม ที่มาบตาพุด เพิ่งเริ่ม อันนั้นละ มีมลพิษ ระดับนึงแน่นอน อาจเพราะ กฏหมายด้านสิ่งแวดล้อม ยังไม่ชัดเจน และไม่เข้มงวด ต่อมามี ระบบ ISO ต่างๆ และ การบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ดีมากขึ้น กฏหมายบังคับเรื่องการปล่อย ของเสีย ทั้งสู่บรรยากาศ และ แหล่งน้ำ เข้มงวดมากขึ้น ประชาชน ในพื้นที่ สามารถ ร้องเรียน ผลกระทบ ในเรื่องต่างๆ ได้โดยตรง ทันที ตามกฏหมาย มีการมาตรวจสอบ ที่โรงงานจาก หน่วยงาน อุตสาหกรรม และ สิ่งแวดล้อม ของรัฐบาลทุกปี พวกโรงงาน เขากลัวกันมาก เรื่องโดนสั่งปิด หรือ ไม่ต่อใบ อนุญาต ตอนนี้ โรงงานใหญ่ๆ เขาแข่งขันกันเรื่อง การปฏิบัติงาน เพื่อให้ได้รับรางวัล มาตรฐาน อุตสาหกรรม และ สิ่งแวดล้อม ดีเด่น ทั้งระดับประเทศ และ ระดับโลก World Class มาบตาพุด ไม่ได้เลวร้าย อย่างที่คิดครับ มีแต่ คนบ้าจี้ตามกระแส ที่สื่อมวลชน เขียนข่าว อุตสาหกรรม ขนาดเล็ก ทั่วประเทศ ที่ไม่ได้ ปฎิบัติตามกฏหมาย อย่างเคร่งครัด ยังจะน่ากลัวกว่า เสียอีก หาข้อมูลมาให้อ่านกันครับ V V แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 23:08:32 จากคุณ : CYROSE เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 23:00:06

ความคิดเห็นที่ 48 มาคิดได้ ตอนโครงการเสร็จไปแล้วเนี่ยนะ เหมือนแกล้งกันชัดๆ งานนี้ ท่าทาง จะมีการลงขันกันล้มแหงๆ จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 01:02:00

ความคิดเห็นที่ 49   อ่านแล้วกลุ้ม โดยเฉพาะคนที่จบด้านกฎหมายมา ไปศึกษาให้ดีก่อนดีกว่าไหมครับว่า ทำไมกฎหมายจึงให้มีผลย้อนหลังในกรณีนี้ ส่วนคนไม่ได้จบกฎหมายไม่ว่ากัน เพราะคงยากที่จะเข้าใจคอนเซ็บท์ทางกฎหมาย แต่เห็นด้วยนะครับว่าจะมองมิติทางกฎหมายอย่างเดียวไมได้ ไม่งั้นจะกลายเป็นการออกกฎหมายเพื่อทำร้ายคนบางกลุ่ม แต่ก่อนที่จะฟันธงแบบนั้น ช่วยไปทำความเข้าใจเรื่องการออกฎหมายให้มีผลย้อนหลังก่อนนะครับ จากคุณ : MSM69 เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 11:36:54

ความคิดเห็นที่ 50 #49 ก็การตีความกฎหมายในปัจจุึบัน แม้แต่อาจารย์สอนกฎหมายผู้ช่ำชองก็ยังตีความได้ไม่ตรงกับบางคดีเลยครับ ญาติสนิทผมก็ทั้งผู้พิพากษาและอีกคนก็อดีตคณบดีคณะนิติฯสถาบันเก่าแก่ ก็ยังพูดตรงกันว่าบางเรื่องนี่ฉีกตำราทิ้งกันเลยทีเดียว ขัดกับหลักกฎหมายทางสากลหรือกฎหมายธรรมชาติมากๆ แต่อันนี้จะนอกเรื่องมากเกินไปและเกี่ยวกับการเมืองไม่พูดต่อดีกว่า การให้มีผลย้อนหลังมันใช้ได้ในกรณีที่มีผลร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน(เช่นการออกมาสั่งห้ามการใช้สารเคมีบางประเภท เมื่อมีงานวิจัยที่่ยอมรับได้ว่าเป็นมลพิษร้ายแรง) แต่ถามตรงๆว่า โรงงานเหล่านี้เขาผ่าน EIA กันหมดแล้วนั่นแปลว่ามัน clean ในระดับที่ยอมรับกันได้แล้วมันจะอันตรายอีกตรงไหน? การทำ HIA ที่เพิ่มมามันไม่ได้บอกผลกระทบโดยตรง แต่เป็นผลกระทบทางอ้อมที่ัยังมีข้อกังขาว่าเกิดจากโรงงานจริงๆหรือเปล่า? แถมกระบวนการ HIA ส่วนใหญ่เช่นการทำประชาพิจารณ์มันก็รวมอยู่ใน EIA อันเก่าที่ทำไปแล้วนั่นแหละ ไม่ใช่ว่าทำ HIA เพิ่มแล้วจะทำให้เห็นว่าโรงงานนี้มลพิษร้ายแรงเพิ่มหรอกครับ(เพราะเกณฑ์หลักๆมันอยู่ในEIAอยู่แล้ว) เป็นแค่สิ่งที่นักวิชาการบางคนพยายามเบี่ยงประเด็นมั่วๆไป ย้ำครับว่าถ้าโรงงานที่เขากำลังสร้่าง มีหลักฐานชัดเจนว่าทำลายสิ่งแวดล้อมแน่ๆ ก็ไม่มีใครขวางหรอก แต่มายกเลิกโดยอ้างเรื่องกฎเกณฑ์ที่ยังคลุมเครือ โดยทำให้ผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ อันนี้ผมว่าต้องการแก้ไขโดยด่วน กฎหมายก็คือกฎหมาย แต่กฎหมายคือสิ่งที่ตราออกมาเพื่อให้สังคมสงบสุข หากกฎหมายใดมีช่องโหว่หรือช่องว่างทำให้มีผู้เดือดร้อนเป็นจำนวนมาก เราก็ต้องหาวิธีเยียวยา ไม่ใช่อ้างแต่ตัวอักษรโดยไม่รู้ถึงที่มาและผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงครับ ซึ่งผู้ถูกผลกระทบมันก็รวมหมด ไม่ว่าจะประชาชน แรงงานในโรงงานหรือแม้แต่นักลงทุนที่ทำให้เศรษฐกิจเคลื่อนที่ อย่าได้ไปเหมารวมว่าฝ่ายเจ้าของจะเลวทรามไปหมดแบบที่ NGO พยายามชี้นำก็แล้วกัน จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 12:30:28

ความคิดเห็นที่ 51 ถ้าทุกอย่างศาลสั่งได้ ล้วเราจะมีรัฐบาลไว้ทำไม? จากคุณ : pat152 เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 14:06:33

ความคิดเห็นที่ 52 #49 ดิฉันศึกษาดีแล้วค่ะ และยังยืนยันตามคุณ ...4 จุด และขอเสริมด้วยอีกนิดว่ากฎหมายไม่ควรตัดสินโดยตั้งอยู่บน 'ผลที่อาจจะเกิด' ซึ่งยังมีข้อกังขานะคะ มันต้องพิสูจน์ได้ว่าเป็นจริงน่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 52 15:19:32 จากคุณ : ปลาทองติดปีก เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 15:15:14

ความคิดเห็นที่ 53 ^^ เห็นด้วยครับ ถึงได้มีคำกล่าวว่า ปล่อยคนผิด 10 คน ดีกว่าลงโทษผู้บริสุทธิ์ 1 คน ถ้าไม่สามารถหาหลักฐานที่ยืนยันชัดเจนได้ ดังนั้นคำว่า "เชื่อได้ว่า"  อย่านำมาใช้ประกอบคำตัดสินเด็ดขาด แต่ปัจจุบันนี้ใช้กันอย่างไม่มีความละอายเลยทีเดียว จากคุณ : kiamour เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 16:05:56

ความคิดเห็นที่ 54 มันมาแนวประมาณว่า ข้าไม่ให้ตั้งโรงไฟฟ้าข้างบ้านข้านะ  แต่ถ้าค่าไฟแพงข้าก็จะบ่น ...NGO...ชาวบ้านแถวบ้านผมเรียกว่าพวกโง่ครับ จากคุณ : mhaque (mhaque) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 02:50:21

ความคิดเห็นที่ 55 อยากบอกว่า ตอนตั้งนิคมอุตสาหรรมมาบตาพุด ตรงนั้นเป็นป่า ไม่มีชาวบ้าน พอมีงานมีคน ชาวบ้านย้ายเข้ามา อยู่ไปนานๆ บอกว่าโรงงานขยายเข้ามาหาชาวบ้าน??? จากคุณ : Black-ops เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 10:55:34

ความคิดเห็นที่ 56 ผมเห็นด้วยครับ ศาลยังเปนที่พึ่งของคนยากจน ในชุมชนได้ ไม่ใช่ว่าเส้นใหญ่  อยากทำอะไรก็ทำ อยากทิ้งขยะลงทะเลก็ทำได้  เส้นใหญ่ ใครก็เกรงใจ มีศาลนี่แหละพึ่งได้   ส่วนเรื่องใครอนุมัติ  ต้องสาวเอามาแฉ แล้วเรื่องแม่ค้าขายของไม่ได้  คนงานไม่มีงานทำ ก็ว่ากัน  แก้ไขไป  แต่โครงการมันทำสิ่งแวดล้อมเสียนี่นา ก็ต้องระงับ  ศาลทำถูกต้องครับ จากคุณ : โอ๊ะเอ๊ะ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 18:29:27

ความคิดเห็นที่ 57 ู^ ^ ^ หาอ่านคำตัดสินเต็มๆ ก่อนค่อย comment ก็ได้นะครับ เพราะสิ่งที่คุณพูด มันคนละเรื่องกับที่เขาถกเถียงกันอยู่เลย จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 21:44:40

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณครับ คุณ .... ผมหาข้อมูลมาจากหลายแหล่ง ทั้งเสื้อเหลืองและแดง พึ่งมาเข้าใจชัดขึ้นก็ตอนนี้แหละ จากคุณ : kingkeng เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 21:59:44

ความคิดเห็นที่ 59   คคห. 56 มันไม่รู้เรื่อง ระบบโรงงาน แล้วรู้เปล่า ในโรงงานใหญ่ๆ เขาต้องปฏิบัติตามระบบ ISO เคร่งครัดขนาดใหน น้ำมันเครื่อง , สารเคมีต่างๆ ,ถ่านไฟฉาย , Battery ฯลฯ  เททิ้ง ซี้ซั้วไม่ได้ ต้องส่ง บำบัดหมด ขนาด น้ำมันหก หน่อยเดียวต้อง หาทรายมาดูดซับ ใส่ถังส่งไปกำจัด ตามกฎหมาย ยังมีเรื่องอื่นๆอีกเยอะ ที่ต้องปฏิบัติเคร่งครัด ทั้งพนักงาน ผู้รับเหมา ใครฝ่าฝืนถึงขั้น เขาไล่ออกโรงงานทันที แบบฟอร์มกำจัดของเสียเขาก็มีมากมาย มาถามพวกพนักงาน และ ผู้รับเหมา ที่ปฏิบัติงาน ในมาบตาพุดได้เลย มักง่าย ไม่ได้ครับ มีคนเดิน ตรวจตลอด เวลา ใครตรวจพบคนฝ่าฝืน ก็ได้รางวัลด้วย  ถ้าเป็นเมื่อ 20 ปีก่อน อันนี้ไม่เถียง  แต่ปัจจุบัน ต้องปฏิบัติตามกฏหมาย และ หลักสากล เพราะ โรงงานใหญ่ๆ ต้องทำการค้า กับ  ต่างประเทศด้วยครับ จากคุณ : CYROSE เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 11:23:55