ความคิดเห็นที่ 1 ทิ้งดาราลูกครึ่งอีสานไว้ประดับวงการบันเทิง จากคุณ : Healing Staff เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 22:17:41

ความคิดเห็นที่ 2   สนามบินที่อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น จากคุณ : คนอิสาน เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 22:19:10 A:118.21.8.82 X: TicketID:166429

ความคิดเห็นที่ 3   อ้อ ไม่เกี่ยวกับคำถามแต่อยากพูด เห็นว่าข้าวผัดอเมริกันที่เป็นข้าวผัดโปะไข่ดาวก็ได้มาจากยุคนี้ จากคุณ : ความเห็นข้างบน เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 22:20:24 A:118.21.8.82 X: TicketID:166429

ความคิดเห็นที่ 4 รู้สึกว่าข้าวผัดอเมริกัน ก็ดัดแปลงมาจากอาหารเช้าของอเมริกันอะครับ อิอิ จากคุณ : kaiwe เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 22:57:20

ความคิดเห็นที่ 5 จาก wikipedia (เอาเฉพาะฐานบินนะ) Korat Royal Thai Air Force Base, 1962-1975 Major USAF Unit: 388th Tactical Fighter Wing, 1965-1975 Nakhon Phanom Royal Thai Navy Base, 1962-1976 Major USAF Unit: 56th Special Operations Wing, 1967-1975 Ubon Royal Thai Air Force Base, 1965-1974 Major USAF Unit: 8th Tactical Fighter Wing, 1965-1974 Udorn Royal Thai Air Force Base, 1964-1976 Major USAF Unit: 432d Tactical Reconnaissance Wing, 1966-1975 แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 23:04:00 จากคุณ : Mr.Warut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 23:03:21

ความคิดเห็นที่ 6   "เจไดหนุ่ม"จะขอเล่าอย่างคร่าวๆว่าในสมัยสงครามเวียดนามนั้นพวกมะริกันชนคนเสรีได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่ทางภาคอีสานของเราไว้มากมายจริงๆครับ เหตุผลส่วนหนึ่งก็เพราะตรงช่วงอีสานนั้นใกล้กับประเทศ "ลาว" และ "เวียดนาม" ซึ่งเป็นสถานที่ๆพวกมะริกันกำลังรบกับคอมมิวนิสต์อยู่พอดี โดยเวียดนามนั้นอย่างที่ทุกท่านทราบกันว่าในช่วงเวลาดังกล่าวทหารมะกันกำลังติดหล่มอยู่ ส่วนลาวนั้นเป็นสมรภูมิของการรบนอกแบบซึ่งพวกมะริกันมีการส่งหน่วยรบพิเศษเข้าไปทำศึก อีกทั้งยังได้ขอกำลังทหารอาสาจากประเทศไทยเข้าไปช่วยทำการรบในลาวด้วย ซึ่งการต่างๆจะสำเร็จได้นั้นจึงต้องมีการสร้างฐานทัพเพื่อใช้ในการสนับสนุนกำลังพลจำนวนมากมาย อีกทั้งยังต้องมีสนามบินสำหรับจอดเครื่องบินชนิดต่างๆซึ่งจะใช้บอมบ์พื้นที่ข้าศึก ดังนั้นฐานทัพขจองจี.ไอ.จึงพากันผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แลสิ่งสำคัญอีกอย่างซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาถึงทุกวันนี้ก็คือถนนครับ โดยพวกมะริกันได้เข้ามาช่วยตัดถนนลูกรังผ่านป่าเขาไว้หลายเส้นเพื่อความสะดวกเวลาเดินทางของกำลังพลในกองทัพ ซึ่งถนนหลายแห่งนั้นยังคงใช้กันอยู่จนถึงปัจจุบันเพียงแต่มีการปรับปรุงลาดยางให้ทันสมัยขึ้น อาทิเช่นถนนที่วิ่งเลียบผ่านอำเภอบ้านแพงเป็นต้นครับ (..รูปโอบีวันยืนเก๊กอยู่..) (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 23:15:10 A:124.120.250.140 X: TicketID:243428

ความคิดเห็นที่ 7 ในสมัยสงคราเวียดนาม อเมริกันจะยึดถูเขาหลายลูก ในจังหวัดอุดร และ อุบลราชรานี และที่อื่น ๆ อีก แล้วสร้างสนามบินขนาดใหญ่มาก มีเครื่องบินรบออกจากสนามบินทุก ๆ สองสามนาที เพื่อไปทิ้งระเบิดที่เวียดนาม โดยมีวิทยุประเทศไทยประกาศทุกเช้าว่า ไม่มีสนามบินอเมริกันในประเทศไทยทั้งสิ้น เมื่อนักบินเหลือระเบิดกล้บมา เขาก็จะเอาไปหย่อนทิ้งที่หล้งเขาใกล้ ๆ เสียงดังตูม ๆ สนั่นไปทั่ว ทุก ๆ วัน ทุก ๆ คืน แต่ ฝรั่งอเมริกันอายุหนุ่มน้อยเล่านี้ ส่วนมากก็ไม่ได้กลับมานะ เพราะเครื่องบินถูกสอยร่วงที่เวียดนามด้วยอาวุธรัสเซียเสียก่อน บริเวณสนามบินทั้งหมด อยู่นอกตัวเมือง และเป็นเขตห้ามคนไทยเข้าไปโดยเด็ดขาด ถ้าท่านหลุดเข้าไปในนั้นได้ ท่านจะพบว่ามนก็เหมือนกับท่านหลุดเข้าไป อยุ่ในอเมริกาดี ๆ นี่เอง เพราะเขาจะยกเอาบ้าสำเร็จรูป และร้านฟาสฟูดมากมาย มาจากอเมริกาเป็นหลัง ๆ เอามาวางเรียงกันเป็นตับ และมีเด็กสาวเสริฟก็เป็นเด็กผู้หญิงฝรั่งแท้ ๆ เหมือนกับที่ท่านเห็นในหนังทั้งนั้น กับมีซูเปอร์พร้อมสรรพ มีแต่ฝรั่งผิดชาวและนีโกรผิดดำเต็มไปหมด ซี่งในยุคนั้น ........ ในเมืองไทยยังไม่มีซุเปอร์ และไม่มีฟาสฟูดแบบทุกวันนี้เลย พอสิ้นสงครามเวียดนาม ฝรั่งก็ขนของกลับมากที่สุดเท่าที่ทำได้ หรือไม่ก็........ ทำลายเพื่อไม่ให้เห็นซาก กับได้ยกบางส่วนใหรัฐบาลไทย แต่รัฐบาลไทยไม่มีงบประมาณที่จะดูแล ดังนั้น ......... ตัวสนามบินในสมัยสงครามเวียดนามนั้น ปัจจุบันได้กลายเป็นป่าดังเดิม หรือไม่ก็เป็นไร่ปลูกข้าวโพดไปแล้ว จึงไม่เหลือซากอะไรเลยแล้ว นอกจากแห่งเดียว.......... ที่ยังใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยมจนปัจจุบันนี้ นั่นก็คือ สนามบิน........อู่ตะเภา ยังมีอีก คือ ด้านหน้าของที่ว่าการอำเถอต่าง ๆ ในอีสานนั้น เขาจะสร้างถนนขนาดใหญ่ และแข็งแรงมาก ซึ่งความจริง มันก็คือ จะใช้เป็นสนามบินได้ทันทีที่ต้องการนั่นเอง ยังมีอีก คือ อเมริกันได้วางแผนจะยกพลขึ้นบกที่ชลบุรี แถวพัทยา และระยอง แล้วเอาทหารบุกตรงไปอีสานเพื่อบุกเวียดนามแล้วต่อไปจีนเลย อเมริกันจึงสร้างถนนลูกรังขนาดใหญ่แข็งแรงมาก จากอีสานตรงไปชายฝั่งทะเลตะวันออก ซึ่งก็เป็นประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรม ของประเทศไทยในเวลาต่อมา ยัีงมีอีกนะ คือ ตอนนั้น มีบริษัท นอร์ททรอป ของอเมริกัน เสนอ จะสร้างสนามบินหนองงุเห่าให้ไทยโพยไม่คิดเงินเลย แต่ขอสิทธิบริหารสนามบินเป็นเวลา 20 ปี ปรากฏว่ารัฐบาลไทยไม่ตกลง แล้วไทยก็สร้างเองโดยใช้เวลา นานกว่า 40 ปี จึงเป็นสนามบินสุวรรณภูมิในปัจจุบัน ถ้าประเทศไทยยอมให้บริษัทนอร์ททรอฟ สร้างสนามบินในตอนนั้นละก็ สิงค์โปร์ก็จะไม่มีโอกาสที่จะได้เกิดหรอก แลั้วไทยก็จะเจริญเป็นประเทศพัฒนาไปนานแล้ว วันนี้ เอาแค่นี้ก่อน พิมพ์เหนือยแล้ว สวัสดี หมายเหตุ เรืองเมียเช่าในยุคนั้นก็สนุกนะ ฝรั่งที่เช่าบ้านและมีเมียเช่า พอบินไปแล้วไม่กลับมา ฝรั่งคนใหม่ก็ย้ายเขาไปอยู่แทน แล้วก็รับเซ้งเมียเช่าที่ติดมากับบ้านนั้นแหละ ไม่ต้องเหนื่อยไปหาใหม่ สมัยนั้น อะบล อุดร ขอแก่น เจริญแบบสุด ๆ แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 23:38:06 จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 23:33:25

ความคิดเห็นที่ 8 รอฟังคุณ kongsilp2000 มาเล่าต่อ... ผมเองเกิดที่ตาคลี นครสวรรค์ มี กองบิน 4 แต่เกิดหลังจากสงครามจบแล้ว... ตอนเด็ก ๆ ก็ยังเห็นพวกลูกทหารอเมริกัน อยู่บ้าง... จากคุณ : hhh เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 00:03:34

ความคิดเห็นที่ 9 ขอแย้งเรื่องการสูญเสียเครื่องบินรบของฝ่ายอเมริกาในสงครามเวียดนามหน่อยเถอะครับ ที่ว่าไม่ค่อยได้กลับมาดูจะผิดความจริงไปมากนะครับ อาวุธต่อสู้อากาศยานรัสเซียในสงครามครั้งวนั้นยังไม่เจ๋งพอจะสอยเครื่องบินรบที่บินโดยนักบินฝรั่งได้เป็นเนื้อเป็นหนังเท่าไหร่หรอกครับ F-100, F-105, F-4, A-4, A-6 ปตอ. ไม่ได้เจี๊ยะมันง่ายๆ หรอกครับ SAM ของรัสเซียก็ไมได้มีใช้กันเกลื่อน ถ้าเป็นพวกเครื่องใบพัด T-28, A-1 ยังมีโอกาสพลาดท่าลงไปคลุกฝุ่นกว่าเยอะ แต่ก็นั่นแหละ เครื่องใบพัดเหล่านี้บินโดยนักบินผมดำกันแทบทั้งนั้น จากคุณ : dragunov เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 00:10:47

ความคิดเห็นที่ 10 อ่าน คห.7 แล้วนึกถึงเรื่องที่คุณแม่เคยเล่าให้ฟังเลย (ช่วงที่ยังเด็กๆ นั้นคุณพ่อ-คุณแม่ผมรับราชการอยู่ที่อุดรหลายปี) ในแค้มป์ทหารอเมริกันที่อุดรฯ เป็นอย่างนั้นจริงๆ เจริญกว่าข้่างนอกแบบคนละเรื่อง สินค้า วัฒนธรรม ฯลฯ ต่างกันไปหมด และยังจำได้อีกว่า แค้มป์ทหารที่นี่แหละ ที่เป็นที่ส่งผ่านของเล่นสารพัดอย่างจากอเมริกามาให้ผม ..อิอิ สมัยเกือบสี่สิบปีก่อนโน้น ค่าส่งสินค้าระหว่างประเทศแพงมากๆ คุณพ่อ(ตอนนั้นไปเรียนต่อฯ)ก็อาศัยฝากส่งมากับเครื่องบินของทหารอเมริกันนี่ล่ะ ไม่เสียตังค์ ส่งของมากับเครื่องบินทหารทีนึงเป็นลังไม้ เมตรคูณสองเมตร เปิดลังมาที คนแถวนั้นมามุงดูของแปลกๆ กันตรึม ทั้งของเล่น เสื้อผ้า ฯลฯ ฉะนั้น ตอนที่เพิ่งเดินได้ไม่นาน ผมมีของเล่นบังคับวิทยุและอื่นๆ ครบหมดแล้ว อีกเกือบสิบปีต่อมา เมืองไทยถึงมีของพวกนี้ขายที่ห้างไดมารู ใครเคยอยู่แถวนั้น ตอนเด็กๆ คงจำได้ว่าเคยมีเสาเรด้าห์วงกลมขนาดใหญ่มหึมาอยู่ริมถนนใหญ่ ช่วงที่ออกจากอุดรมาทางขอนแก่น สมัยนั้นถือว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่อลังการที่สุดที่ผมเคยเห็น และก็น่าจะเป็นสิ่งที่ฝรั่งอเมริกันทิ้งเอาไว้เป็นอนุสรณ์อีกอย่างหนึ่ง แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 52 00:43:04 แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 52 00:37:18 จากคุณ : Piggie MM เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 00:32:32

ความคิดเห็นที่ 11 สนามบินอุดร ก็ยังถือว่ายังคงสภาพเดิมไว้ได้มากนะครับ ถึงแม้ว่าจะไม่ดีไฮโซเหมือนใหม่ อย่างอู่ตะเภาก็เหอะ สนามบินอุดรกับอุดรหน้าตาเหมือนกันยังกับแกะ แต่ตอนนี้ฝั่ง Taxi way ของสนามบินอุดร กลายเป็นป่าหญ้าไปซะแล้ว แต่ของอุดรยังใช้งานอยู่ สนามบินอุดร จากคุณ : ดอส เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 01:18:48

ความคิดเห็นที่ 12 โอ๊ะ มองมุมนี้ไม่เห็น Layout ของพื้นที่ข้าง Taxi Way เลยแฮะ ส่วนอันนี้สนามบินอุบล จากคุณ : ดอส เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 01:19:42

ความคิดเห็นที่ 13 มองจากมุมนี้ไม่เห็น Layout หรอก ต้องมองจากด้านบน จาก Google Earth ก็ได้ จะเห็นว่าเหมือนกันเดี๊ยะ จากคุณ : ดอส เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 01:20:41

ความคิดเห็นที่ 14 #10 คุณ Piggie MM ผมผ่านหน้าค่ายรามศูรย์ครั้งสุดท้ายเมื่อ 8 ปีที่แล้ว คิดว่าผมยังเห็นเสาอยู่นะครับ ไม่รู้ตอนนี้เค้าถอดทิ้งไปหรือยัง เกร็ดความรู้ ทราบหรือไม่ว่าสนามบินอุดรนั้น เมื่อก่อนอยู่แถวห้าแยกน้ำพุ ในทิศทาง ถ.โพธิ์ศรี นั่นแหละ แต่พอตอนหลังเลยย้ายออกมานอกเมืองแทน จากคุณ : ดอส เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 01:22:43

ความคิดเห็นที่ 15   ทิ้งความเจริญเอาใว้ให้คนแถวนั้นได้เห็นว่าความเจริญของโลกภายนอกในยุคนั้นเป็นอย่างไร บางอย่างที่ตกทอดมาก็เช่นผังเมือง ถนนหนทาง เศรษฐกิจที่ดี กับทิ้งสถานีดาวเทียมเอาไว้ล้วงตับรัฐบาลทหารไทยยุคนั้น ตอนนี้ก็ยังล้วงอยู่ คิดดูมันก็น่าหัวเราะ ฝรั่งมันมาอยู่ไม่กี่ปี บ้านเมืองเจริญผิดหูผิดตา มันมาสร้างอะไรต่อมิอะไรให้ แต่รัฐบาลสยามที่ส่งข้าราชการมาปกครองกลับทำอะไรบ้าง อันนี้น่าคิด จากคุณ : พร (Hiphop_NeverdiE) เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 01:39:45

ความคิดเห็นที่ 16 เรียน คห. 9 อาวุธใครจะเจ๊งกว่าใคร เราไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนปลายสงครามเวียดนามนั้น เด็กนักบินอเมริกันไปแล้วไม่กลับแต่ละวัน เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่บอกว่าเด็กนั้น คนพวกนี้อายุน้อยจริง ๆ พอเด็กพวกนี้มาถึง อุบล อุดร ก็ไปเช่าบ้านหล้งใหญ่ ๆ คิดเป็นเงินไทยก็แพงมาก ๆ ต้องจ่ายเงินหมดล่วงหน้า ไม่มีการมัดจำ บ้านเช่าพวกนี้ ไม่ได้ให้เช่าบ้านเปล่า ๆ แต่เขามีเมียเช่าแถมให้เสร็จ ไม่ต้องไปหาเอง พอนักบินคนเดิมตาย นักบินคนใหม่ก็เช่าต่อ เช่าทั้งบ้านเช่าทั้งคน เสร็จแล้วเด็กนักบินพวกนี้ ก็ไปตัดสูตรผ้าดี ๆ ตามร้านใหญ่ ๆ ในเมือง แล้วจ่ายเงินสดเต็มจำนวนล่วงหน้าด้วย ไม่มีการใช่้ระบบวางเงินมัดจำ........ เพราะร้านไม่รู้ว่าอีกสองวัน คนพวกนี้จะรอดตาย กลับมารับของหรือเปล่า ถ้าท่านเดินเข้าไปหาซื้อเสื้อผ้า ตามร้านต้ดสูตรเหล่านี้ละก็ เขาจะเอาชุดที่ทหาาอเมริกันสั่งต้ด แล้าไปตาย ไม่ได้มาเอา เอาออกมาให้ท่านเลือก ซึ่งแต่ละร้านมีเสื้อผ้่าแบบนี้เเยอะมาก ราคาก็ถูกมาก เพียงไม่กี่ร้อยบาทเอง ส่วนข้อมูลภายใน เท่าที่เรารู้มาในยุคนั้น อาวูธรัสเซียก็ไม่ใช่แย่อย่างที่ท่านคิดหรอกนะ อาวุธอเมริกันในตอนนั้นก็ไม่ได้ดีเท่าไร แต่เราก็ยอมรับนะว่า ถ้าอเมริกันบุกจริง ๆ ก็ชนะเวียดนามไปนานแล้ว แต่เข่าทำสงครามแบบ........ไม่ต้องการเอาชนะ เพราะตอนนั้น....... มันเป็นยุคสงครามเย็น และเป็นยุคสงครามตัวแทน คนที่ไม่ต้องการให้อเมริกาชนะ....... ก็คือพวกพ่อค้าอาวุธ ที่ต้องการเก็บสนามรบเอาไว้ทดลองอาวูธใหม่ ๆ อย่างเช่นให้เครื่อง บี 52 ไปโปรยสารเคมีฆ่าทหารและพลเรือนเวียดนามอย่างนี้ โหดมาก ๆ แต่เขาก็ทำกัน ในยุคนั้น เขาออกอากาศในประเทศอเมริกาอย่างเปิดเผยเลยว่า คนเอเซียไม่ใช่คน มีแต่คนผิดชาวเท่านั้นที่เป็นคน ความเป็นคนของคนผิวชาวในยุคนั้น มันถูกกำหนดไว้อย่างนี้ จอห์น แมคเคน ที่แข่งแล่้วแพ้โอบามา ก็เคยเป็นนักบินมารบในเวียดนาม แล้วเครื่องโดนยิงตกกลางกรุงฮานอย แต่เมคเคนโดดร่มทัน เพราะมีเครื่องดีดออก แล้วแกก็โดดร่มตกลงไป ในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์กลางกรุงฮานอย เลยถูกจับเป็นเชลย แล้วต่อมาถูกปล่อยตัว ปัจจุบัน ตรงนนั้นกลายเป็นส่วนสาธารณะ อยู่ตรงข้ามโรงละคอนหุ่นกระบอกน้ำที่มีชื่อเสียง ที่มีนักท่องเที่ยวไปชมแน่นทุก ๆ คืน ชีวิตคนอเมริกันในยุคนั้น พอตกค่ำก็ไม่ดูหนังไม่ดูละคอนกันหรอก แต่ดูการถ่ายทอดสดการรบในเวียดนาม มันเป็นครั้งแรก ที่มีการถ่ายทอดสงครามการรบแบบสด ๆ ดูกันทุก ๆ คืนนานเป็นปี ๆ ดูกันจนเบื่อสงครามกันไปเลย สุดท้ายเศรษฐกิจอเมริกันเจ๊ง เพราะเอาเงินมาผลาญทำสงครามหมด และทหารอเมริกันนักบินเด็ก ๆ ก็ตายมากขึ้น ๆ ๆ ก็เลยมีการเดินชบวนประท้วง จนสงครายุติลง แบบอเมริกันแพ้แบบหมดรูป ต้องหนีออกจากเวียดนามแบบเสียฟอร์ม ข้อคิดที่ได้จากสงครามเวียดนาม อย่างหนึ่งก็คือ Forgive but not forget. คนเวียดนามในปัจจุบัน ไม่โกรธคนอเมริกันแม้ถูกกระทำแสนสาหัสอย่างนั้น แต่พวกเขาต้อนรับการลงทุน และรับวิชาการตะวันตกยุคใหม่ จนกำลังจะแซงประเทศไทยอยู่แล้ว เพราะพวกเขายอมรับว่า ความแค้น......... ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งต้วเองด้วย การจะมีอนาคตที่รุ่งเรื่องต่อไปได้ ก็ต้องอภัยให้กันและกัน เรื่องในอดีต ก็ถือเป็นบทเรียน ซึ่งเรื่องนี้ญี่ปุ่นก็ทำแบบนี้สำเร็จมาแล้ว แต่ของไทย........ ยังไม่ยอมคิดแบบนี้ บ้านเมืองไทย จึงยังน่าสงสารมาก อ้าว....... วกเข้าเรื่องเมืองไทยเสียแล้ว จบแค่นี้ก็แล้วกัน สวัสดี แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 52 06:20:39 แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 52 05:32:51 จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 05:21:03

ความคิดเห็นที่ 18 ที่ศรีสะเกษก็เคยมีสนามบินนะ ต่อมาก็รกร้าง ชาวบ้านเรียกว่า ดงหนามแท่ง ปัจจุบัน กลายเป็นโรงเรียนและวิทยาลัย ก็เป็นการเอาพื้นที่มาใช้ประโยชน์ จากคุณ : poa_busy เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 05:56:54

ความคิดเห็นที่ 19 เคยไปที่สนามบินนครพนม เป็นสนามบินเล็กๆ พื้นบางส่วนปูด้วยแผ่นเหล็ก และอู่ตะเภา ทั้งท่าเรือและสนามบิน พี่แกทำไว้เยอะ รวมถึงถนนสาย 331 อู่ตะเภา โคราชสำหรับส่งกำลังบำรุง เคยไปฐานทัพอากาศ clark ที่ฟิลิบปินส์ หลังจากภูเขาไฟพ่นเถ้าออกมา (ร่องรอยเถ้าภูเขาไฟบางที่หนาเกือบห้าเมตร) และอเมริกันถอนตัว ฟิลิปินส์ให้เอกชนเช่าสนามบินขนาดย่อมๆ ภายในฐานทัพ ตะลึงกับฝูงบินพาณิชย์ติดตรา DHL ทำไมเยอะขนาดนี้หว่า 747 A300 จอดกันเกือบยี่สิบลำ เยอะพอๆกับการบินไทยมั้ง ถ้าไทยคิดให้เอกชนเช่าเพื่อการพาณิชย์ คงได้ฟื้นสนามบินร้างบางแห่งได้บ้างครับ จากคุณ : กช (Redtape) เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 07:37:38

ความคิดเห็นที่ 20 >>  นอกจากสนามบินทางภาคอีสาน และ อู่ตะเภาแล้ว ยังมีอีกที่นึงด้วยครับ        อเมริกายังไปสร้างสถานีเรดาห์ไว้ที่อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ครับ        นัยว่า เอาไว้ดักอะไรก็ตามที่อาจจะมาจากประเทศจีน >>  สมัยนั้น ได้กินโค๊กกระป๋อง ก็จาก พีเอ็กซ์ที่นี่ล่ะครับ >>  สงกรานต์ที่นั่น จี.ไอ.เป็นตัวต้นคิดเลยที่เอารถดับเพลิงฉีดน้ำมาเล่นสงกรานต์ . จากคุณ : layla เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 08:24:25

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณคุณ kongsilp2000 สำหรับเรื่องเล่าดีๆ ครับ แล้วจะรีบไปไหนครับ กลับมาเล่าต่อเลยครับ เรื่องจริงคนในพื้นที่อย่างนี้ผมชอบอ่านและคนอื่นก็คงอยากฟังคุณเล่าอยู่ด้วย ท่านอื่นด้วยนะครับ เชิญเลยครับ พลีสๆๆ สงครามเวียดนามกับผมก็ได้ดูภาพข่าวผ่านโทรทัศน์เท่านั้น มีใกล้ชิดทหารอเมริกันสุดก็ตอนเล็กแม่ผมเคยไปเที่ยวที่ทำงานป้าผมที่ JUSMAG หัวถนนสาธรเหนือ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นตู้ขายของอัตโนมัติแบบหยอดเหรียญแล้วก็ได้กินขนมอะไรไม่ทราบจากตู้นั่น ฟูๆ สีชมพูแปร๋น จนบัดนี้ก็ยังไม่ทราบว่ามันคือขนมอะไร อีกทีก็ลุงผมเป็นนายทหารสัญญาบัตร (ลุงของป้าข้างบน) ได้รับคำเชิญให้ขึ้นไปเยียมชมเรือบรรทุกเครื่องบิน MIDWAY ที่มาจอดลอยลำอยู่ในอ่าวพัทยาแล้วเขามาชวนบ้านผมแต่พ่อแม่ผมไม่ไป แทบดิ้นตายเลยคุณเอ๋ย เคยเห็นเรือบรรทุก ฮ. Tarawa มี Sea Cobra จอดเต็มดาดฟ้าในระยะ 200 เมตรก็ว่าเจ๋งแล้วนี่เรือบรรทุกเครื่องบิน เสียดายแย่เลย จากคุณ : dragunov เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 09:02:56

ความคิดเห็นที่ 22 ถนนสายมิตรภาพนี่ก็อเมริกัน สร้าง ถนนสาย 304 ที่ตัดป่าเขาใหญ่ก็ด้วย ถนนสาย ขอนแก่น พิษณุโลกนี่ก็ด้วยมั้งครับ จากคุณ : ซิมเปิ้ลแมน เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 09:06:04

ความคิดเห็นที่ 23   ขอบคุณคุณ kongsilp2000 สำหรับเรื่องเล่าดีๆ ครับ แล้วจะรีบไปไหนครับ กลับมาเล่าต่อเลยครับ - กลัวโดนเกรียนบางคนมาถล่มมั๊งครับ ....... จากคุณ : monsungja เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 09:11:15

ความคิดเห็นที่ 24   ที่พอรู้ก็ถนนมิตรภาพและถนนที่ตัดผ่านเขาปักธงชัย-กบิน ที่อเมริกันสร้างไว้ สำหรับลำเลียงอาวุธจากอู่ตะเภาและท่าเรือสัตหีบมายังฐานทัพที่อุดร กองบิน23 สถานีเรดาร์ค่ายรามมาสูร ที่อุดรบ้านผมเองแถวหน้ากองบินยังมีผับบาร์ล้างของพวกนิโกหลงเหลืออยู่ ส่วนในซอยบ้านผมในอดีตมีบ้านหลายหลังที่เคยเปิดเป็นห้องเช่าให้ทหารอเมริกัน ในอุดรเองก็ยังหลงเหลือถนนสายโลกีย์ที่ยังบูมมาถึงทุวันนี้ จากคุณ : tee เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 09:22:40 A:124.121.201.134 X: TicketID:220665

ความคิดเห็นที่ 25 และนี่คือ ต้นเหตุทั้งมวล ว่าทำไม ลาว กัมพูชา เวียดนาม ถึงได้ ไม่ชอบเรา เพราะเราเชิญอเมริกาตั้งฐานทัพในไทย แล้วก็ไปถล่ม สามประเทศนั้น ทำให้ประชาชนของเค้าต้อง ตายไปเป็นจำนวนมาก พอเห็นท่าไม่ดี อเมริกาก็จากไป ทิ้งให้ไทยต้องผิดใจกับประเทศเพื่อนบ้าน จากคุณ : imong เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 09:58:13

ความคิดเห็นที่ 26 . โอวว  คุณ kongsilp2000  เกิดในยุคนั้นพอดี 55555+ ส่วนตัวผมยังจำความไม่ได้ครับ มีแต่คุณม่เล่าให้ฟัง แต่พี่ชายผมจะไปขายของให้พวกฝรั่งตัวดำๆ ครับนิโกร และจะพากันไปยืนหัวเราะพวกเขาอะครับ ตอนไปยืนนี่ผมยังพอจำได้ว่าไปยืนหัวเราะเหมือนกัน มีหมู่บ้านทัพไทย กองกำลังทหารไทยที่เข้ารบช่วยอเมริกัน บางครั้งฝรั่งหลงทางมาก็จะบอกว่าทัพไทย ๆ เขาอยากให้พาไป อาจจะหนีมาจากการเป็นเชลยได้ ที่อุบลช่วงนั้นฝู่ฝ่าเหมือนกันครับ ที่ทุ่งศรีเมือง ก็จะมีอนุเสารีย์ของทหารอเมริกันรู้สึกว่าจะมีญาติๆ ของผู้ที่สูญเสียชีวิตที่มีโอกาสได้มาเมืองไทยเขาก็จะแวะมาเคารพศพประจำครับ ่อ่อช่วงนั้น ผมได้กินช็อกโกแลตฟรีประจำครับ พี่ชายผมจะหอบมาเยอะมาก พวกจีไอให้มา . จากคุณ : สู้เพื่อชัยชนะ (Thai_DeSeRT) เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 10:21:15

ความคิดเห็นที่ 27 . ผลิตภัณฑ์จากทหารจีไอในช่วงนั้นก็เยอะครับ ลูกครึ่งหล่อๆ สวยๆ ทั้งนั้นเลยครับ มีเพื่อนหลายคนเป็นลูกครึ่งครับ  มีเพื่อนคนหนึ่งลูกครึ่งไทยนิโกร เราสนิทกันดีครับ แต่เขาจะเล่าให้ฟังว่าเขาจะมีมูลนิธิช่วยเหลือสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ทหารจีไอทิ้งไว้ เขาจะไปรับเงินทุกๆ เดือน พอมันได้มามันเอามาเลี้ยงผมด้วยทุกที แต่เขาจะไปกับแม่เขา เขาเคยไปคนเดียวแต่ทางนั้นไม่ให้บ่นใหญ่เลย ฮ่า ๆ แต่มันวิ่งโครตรเร็วเลยครับ ผมนักกีฬาวิ่ง 100 เมตรทีมโรงเรียนในตอนนั้น มาวิ่งแข่งกะมันแพ้มันอะ กำจริงๆ ตัวเล็กกว่าเราหน่อยแต่วิ่งโคตรเร็ว แต่ตอนนั้นผมอยู่ ม.1 ละ   แต่จะมีรุ่นพี่คนหนึ่งเป็นลูกครึ่งฝรั่ง หน้าตาดีเป็นผู้ชาย อยู่ ม.3 แต่พี่สาวมันโคตรน่ารักเลยย อยู่ ม.4 แต่คนละโรงเรียน มาส่งน้องทีไร พวกผมนี้ตาค้างทุกที . จากคุณ : สู้เพื่อชัยชนะ (Thai_DeSeRT) เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 10:31:13

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณคุณkongsilp2000 มากครับ สำหรับประสบการณ์ตรง จากคุณ : ฤ เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 11:14:36

ความคิดเห็นที่ 29   ขอบคุณ คุณ kongsilp2000 สำหรับข้อมูลนะครับ.. ^^ ในคคห. 16 ที่คุณลุง เล่าว่า (เรียกลุงดีกว่าอิอิ) จอห์น แมคเคน เครื่องตก... ดดร่มตกลงไป ในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์กลางกรุงฮานอย ผมขอเอารูปมาประกอบนะครับ.... ****** ทะเลสาบคืนดาบ - โฮฮว่านเกี๋ยม (Hoan Kiem Lake - Ho Hoan Kiem) บรรยากาศดีมากๆ รอบๆ สระน้ำ จะมีเก้าอี้หิน(ม้าหิน) ตอนดึกๆ จะมีหนุ่มสาว เวียดนาม มานั่งจู๋จี๋ กอดรัดฟัดเหวี่ยง... กัน เต็มทุกที่นั่ง.....   ขาวๆ หมวยๆ น่าดูยิ่งนัก...^^ จากคุณ : TonTon1977 เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 11:37:20

ความคิดเห็นที่ 30 มีมรดก (ที่ไม่ค่อยดี) จากสงครามอินโดจีนอีกข้อหนึ่งที่นึกออกคือการรั่วไหลของปืนพก Colt 1911A1 จากกองทัพอเมริกาข้ามแม่น้ำโขงมาบ้านเราครับทำให้อาชญากรและมือปืนรับจ้างนิยมเจ้า 11 มม. มาถึงทุกวันนี้ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่าเคยมีคนรู้จักเอาลังใส่ของมาฝากไว้ที่บ้าน ข้างในนั่นก็ปืนรุ่นนี้ทั้งนั้นครับ ใหม่เอี่ยมอ่อง ออกรบกันแล้วพวกก็แจ้งหายแล้วเบิกใหม่ จริงบ้างเท็จบ้าง แล้วก็เอาส่วนเกินนั่นติดตัวกลับมาปล่อยในตลาดมืดกันครับ จากคุณ : dragunov เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 12:00:25

ความคิดเห็นที่ 31 กองบิน 23 อุดรธานีครับ แล้วก็ลูกครึ่งหน้าตาดีอีกจำนวนนึง แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 52 13:09:31 จากคุณ : ballxjp (ballxjp) เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 13:08:35

ความคิดเห็นที่ 32 แล้วถนนที่อเมริกาสร้าง ตอนนี้ยังไม่พังเลย ของไทยสร้าง ปีเดียว พัง เพื่อนบอกมา จากคุณ : wittaya_wat เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 16:19:30

ความคิดเห็นที่ 33 1 สนามบิน  อู่ตะเภา โคราช นำพอง อุดรธานี ตาคลี และเครื่องบินจำนวนหนึ่ง 2 ถนน  มิตรภาพ สระบุรี-นครราชสีมา ,พิษณุโลก-ขอนแก่น ทางหลวง   หมายเลข 304   อู่ตะเภา - นครราชสีมา 3 สถานีเรด้า  อุดร อุบล ศรีราชา ปัจุบันเป็นของการสื่อสาร 4 ค่ายทหารสุรธรรมพิทักษ์ปัจจุบัน เคยเป็น โรงทำนำแข็งสำหรับเก็บรักษาอาหารที่นำมาทำอาหาร 5 ด้านการศึกษา ส่วนที่ใช้งานและเป็นประโยชน์ คือ ห้องLab และเครื่องจักรกลที่ทิ้งไว้ เรานำมาทำเป็น วิทยาลัยเทคโนโลยีนครราชสีมา ( เทคโนโคราช) หรือ ราชมงคลในปัจุบัน ใช้เครื่องมือจาก Lab เก่ามาให้นักศึกษาเรียนเกี่ยวกับการทำถนน ในส่วนของช่างโยธา สามารถสร้างบุคลากรเกี่ยงกับงานทางให้กรมทางหลวง รพช ในปัจุบัน ส่วนเครื่องมือที่ใช้ในการก่อสร้างถนน เช่นรถเกรด แทรกเตอร์ ใช้เป็นอุปกรณ์การศึกษาให้กับช่างจักรกลหนัก ช่างกลเกษตร รถบัสโดยสารแบ่งให้โรงเรียนต่างๆ ปัจุบันที่ เทคโนโคราชยังใช้ได้ ส่วนระเบิดที่ปลดก่อนนำเครื่องบินลง ไม่ได้ปลดในไทยครับ ปลดที่ในป่าอัตตะปือและที่ปากเซ ประเทศลาวครับ จากคุณ : ไตรทศ เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 16:22:34

ความคิดเห็นที่ 34   แหล่งโลกีย์ บนถ.เพชรบุรี พัทยา จากคุณ : ผ่านไป เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 17:37:10 A:58.9.129.13 X: TicketID:234487

ความคิดเห็นที่ 35 ความจริง............ มีคนไทยรู้เรื่้องสงครามเวียดนามดีมาก และเป็นคนดังในสังคมปัจจุบันก็มีเยอะ แตพวกเขาไม่เล่าให้ท่านฟังหรอก เพราะพวกเขาไม่อยากให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า พวกเขารวยมาก ๆ ....... มาจากสงครามครั้งนั้นอย่างไร ????????? ในสงครามครั้งนั้น เราเคยคิดเล่น ๆ นะว่า เงินที่อเมริกันเอามาโยนทิ้งในประเทศไทยยุคนั้น ถ้าเอามาแบ่งให้คนไทยเท่า ๆ กันทั้งประเทศ รวมเด็กเกิดใหม่ด้วย ก็จะได้ประมาณหัวละประมาณ 3,000 บาทต่อเดือน ขณะที่คนจบปริญญาตรีตอนนั้น ได้เงินเดิอนเริ่มต้นที่ 900 บาทเท่านั้น ดังนั้น คนไทยยุคนั้นถ้าใครได้ทำงาน เกียวข้องกับสนามบินทหารอเมริกันละก็ จะมีรายได้ดีมาก ๆ และบางคนก็รวยมหาศาล บางคนก็รวยแบบข้ามคืนอยางไม่น่าเชื่อ เรื่องนี้มันก็เป็นอดีตไปนานพอสมควรแล้ว........ เราจึงพอจะเอามาพูดได้บ้าง แต่คงจะพูดทั้งหมดก็ยังไม่ได้อยู่ดี วันนี้จะมาเล่าเรื่อง ...... กรุงเทพมหานคร...... ในยุคสงครามเวียดนามดีกว่า ใครรู้เรื่องและจำได้ก็ช่วย ๆ กันเสริมด้วยก็แล้วกัน ตั้งต้นเอาไว้แค่นี้ก่อนเนอะ สวัสดี จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 17:55:39

ความคิดเห็นที่ 36   สารพิษ ที่ทำฝนเหลือง แล้วยังมีหน้ามาฝังไว้ในแป่นดินไทย จากคุณ : คนบาปคราบนักบุญ (ทามาก็อดอุนจิ) เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 18:01:56

ความคิดเห็นที่ 37 ...... จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 18:03:05

ความคิดเห็นที่ 38 ........ ....... แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 52 19:07:31 จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 18:07:33

ความคิดเห็นที่ 39 การทำสงคราม......... โหดทั้งนั้น ไมีมีคำว่าเมตตาปราณี.............. จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 18:24:04

ความคิดเห็นที่ 40 เล่าเลยครับ จากคุณ : อินทรีย์ผยอง เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 19:21:40

ความคิดเห็นที่ 41 ผมเข้าใจว่าผมเกิดไม่ทัน มันปีอะไรครับ จากคุณ : อากง เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 19:27:17

ความคิดเห็นที่ 42 รอฟังต่อค่ะ คุณ kongsilp2000 เกิดไม่ทันค่ะ ปีที่เกิด ทหารอเมริกากำลังจะกลับพอดี อยู่กองบิน 4 อ.ตาคลีค่ะ ของดูต่างหน้าอเมริกันเยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะคลับ บาร์ และเด็กลูกครึ่ง เฟอร์นิเจอร์ที่บ้านบางชิ้นก็เป็นของมือสองจากค่ายทหาร ตู้ล็อคเกอร์เหล็กมีหลายตู้เลย เหล้าขวดเล็กๆ มีแค็ตตาล็อคของฝรั่งหลายเล่มมาก เด็กๆชอบดูค่ะ ของแปลกๆสวยๆทั้งนั้น จากคุณ : เด็กแหนม เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 19:32:42

ความคิดเห็นที่ 43 ^ ^ ^ หรืออีกนัยนึง คนที่เกิดทัน "แก่" จากคุณ : ดอส เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 19:39:58

ความคิดเห็นที่ 44 ดู 2499 อันทพาลครองเมือง เห็นมีแหล่งโลกีย์ที่โค้ง กม 10 ระยอง เห็นว่าชื่อนิวแลนด์ ผมอยู่แถวระยองไม่เห็นมีเค้าเลยครับว่าจะเป้นสถานบันเทิงสมัยโน้น ไม่รู้ดูผิดที่หรือเปล่า ใช่ตรงที่ปัจจุบันเป็น East Water หรือเปล่า จากคุณ : I love Alpha เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 20:44:44

ความคิดเห็นที่ 45 รอๆ... (ใครกดไฟแดงมีแช่ง...) จากคุณ : DJ-kornkyoko เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 21:39:46

ความคิดเห็นที่ 46 อ่านแล้วมันส์ดีแหะ จากคุณ : taechawat เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 22:00:36

ความคิดเห็นที่ 47 สุดยอดครับ จากคุณ : Mypaa เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 22:56:33

ความคิดเห็นที่ 48 ท่านเชื่อหรือไม่ว่า คนไทยในยุคสงครมเวียดนามนั้น เก่งภาษาอังกฤษ และวิชาการต่าง ๆ มากกว่าคนไทยยุคปัจจุบัน........ มากมายมหาศาล เพราะว่าเมืองไทยตอนนั้น เจริญแบบสุด ๆ บ้านม้องคึกคัก มีแสงสีสว่างไสว ผู้คนยิ้มแย้มเป็นมิตรกับคนทั่วไป และนี่แหละเป็นที่มาของคำว่า.......สยามเมืองยิ้มละ ทำไมจะไม่ยิ้มล่ะ ก็งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข ตอนนั้้นเงินก็หาง่ายมาก งานก็หาง่ายมาก ๆ เงินสะพัดมาก ๆ ทุกคนกินดีอยู่ดี ประชาธิปไตยก็เบ่งบานเต็มที่ ศัตรูของทุกคนก็มีอยู่อย่างเดียว คือ........คอมมิวนิสต์ ซึ่งก็คือใครหรืออะไร..... ตอนนั้นก็ไม่มีใครรู้ คนไทยในยุคนั้นรักกันมาก ๆ ไม่ทะเลาะกันเองอย่างทุกวันนี้หรอก ใครไม่ชอบงานที่ทำอยู่ ก็ไปหางานทำใหม่ง่ายมาก หรือใครเบื่องานประจำ ก็ไปทำงานแบบฟรีแล้นซ์ ได้ แต่งานที่คนส่วนมากอยากทำ ก็คือเป็นข้าราชการ เพราะเป็นงานที่ได้รับการยกย่องว่า มีเกียรติสูง ยุคนั้นทหารอเมริกัน และฝรั่งหัวสีต่าง ๆ ทั้งหล่อ ๆ สวย ๆ ทั้งชขายและหญิง เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด รายการโทรทัศน์ และวิทยุก็มีคนฝรั่งแท้ ๆ จากอเมริกาและอังกฤษเป็น.......พิธีกร บ้านเมืองก็พัฒนาเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็วมาก ๆ ตอนนั้นประเทศไทยกำลังจะเป็นอินเตอร์เต็มรูปแล้วนะ แล้วท่านรู้ไหมว่า.......... ทำไมคนยุคปัจจุุบัน จึงมีภาษาอังกฤษและวิชาการต่าง ๆ แย่ลงแบบเฉียบพลัน จะขอแทรกเรืองประเทศฮ่องกงนิดหนึ่ง ก็คือเราเคยไปฮ่องกงหลาย ๆ ครั้ง ในสมัยก่อนที่เคยไปครั้งแรก ๆ นั้น คนฮ่องกงพูดภาษาอังกฤษไฟแลป และป้ายตามถนนต่าง ๆ ก็เป็นภาษาอังกฤษหมด แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ได้ไปฮ่องกงอีกครั้ง แล้วน่าตกใจมาก เพราะตามถนนต่าง ๆ ไม่มีป้ายภาษาอังกฤษอีกต่อไป มีก็แต่ป้ายภาษาจีนเท่านั้น ส่วนคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ ก็อพยพหนี่ไปอยู่ประเทศอื่นเกลี้ยงเลย ขนาดย้ายไปตั้งเป็นไชน่าทาวน์ในประเทศแคนาดาก็ยังมี ทั้งนี้ก็เพราะประเทศฮ่องกงถูกโอนการปกครอง จากอังกฤษไปอยู่กับจีน แล้วคนที่รู้ภาษาอังกฤษก็กลัวระบอบคอมมิวนิสต์มาก แต่ประเทศฮ่องกงก็รอดมาได้ในทุกวันนี้ ก็เพราะจีนยอมให้ใช้การปกครองแบบหนึ่งรัฐหลายระบบ ซึ่งเรื่องนี้มีบางคนบอกว่าน่าจะเอามาใช้กับ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้บ้างก็น่าจะดีนะ สรุปส่วนของฮ่องกง ก็คือตอนนี้คนที่นั่นไม่รู้ภาษาอังกฤษแล้ว พูดไม่ได้เลยจริง ๆ ตอนนั้นกลับมาตอบคำถามที่ว่า ทำไม่ท่านทั้งหลายในปัจจุบัน จึงมีระบบการศึกษาที่แย่ลง และภาษาอังกฤษ จึงด้อยกว่าตนไทยยุคสงครามเวียดนามมาก คำตอบก็คือ เป็นผลจาก เมื่อสิ้นสงครามเวียดนามแล้ว ทหารก็เข้ายึดอำนาจเป็นการปฏิบรูป เขาเรียกชื่ออย่างนั้น แต่มันก็คือ ปฏิวัตินั่นแหละ เสร็จแล้วทหารก็ไปเชิญพลเรือนท่านหนึ่งมาเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านผู้นี้เมื่อได้เป็นนายก เขาเรียกกันว่าเป็นรัฐบาลหอย คือท่านจะทำอะไรก็ได้แล้วก็ไม่มีใครทำอะไรท่านได้ เพราะมีทหารที่เป็นเหมือนกับเปลือกหอย คอยคุ้มครองป้องก้นท่าน งานชิ้นแรก ๆ สุด ของท่านนายกพลเรือนรัฐบาลหอย ก็คือ ออกคำสั่งเด็ดขาด....... ให้ปิดโรงเรียนที่สอนภาษาอังกฤษ และภาษาจีนและภาษาต่างด้าวอื่น ๆ ทั้งหมด ให้เปลี่ยนแปลงตำราต่าง ๆ ให้เป็นภาษาไทยให้หมด ให้ยกเลิกการสื่อสารมวลชนที่เป็นภาษาต่างปรเเทศทุกภาษา แล้วให้สร้างระบบแบบของไทยชาตินิยมขึ้นมาแทน ท่านนายกรัฐมนตรีท่านนี้ ได้สั่งปฏิรูปการศึกษาเป็นแบบชาตินิยมสุด ๆ และทำลายภาษาอ้งกฤษและภาษาจีน ที่คนไทยลูกครึ่งจีนยุคนั้นเก่งมาก ๆ ขนาดใช้งานได้เสียทั้งหมด จนปัจจุบันคนไทยเลยไม่เก่งทั้งอังกฤษทั้งจีน แล้วภาษาไทยเองก็แย่ตามไปด้วย แล้วท่านรู้ไหมว่าท่านนายกท่านนี้ จริง ๆ แล้วท่านมีครอบครัวคือมีเมียเป็นฝรั่ง และลูกของท่านก็เป็นลูกครึ่งฝรั่งนะ ทุกวันนี้ เราก็ยังคิดไม่ออกเลยว่า ทำไมท่านจึงออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงคนในชาติ ได้ถึงขนาดนี้น ???????????????? เรื่องนี้พูดมากไปก็ไม่ดี วันนี้ ก็เลยยังไม่ได้ลงไปลุยโลกีย์ กับ จี.ไอ. ในกรุงเทพ เนอะ สวัสดี .......................... รูปภาพนี้........ เป็นรูปประวัติศาสตร์ คนที่ถ่ยรูป ได้รับรางวัลระดับโลกนะ รูปนี้เป็นเด็กผู้หญิงเวียดนาม แก้ผ้าวิ่งหนีระเบิดนาปาล์ม ที่แก้ผ้าก็เพราะไฟมันไหม้เสื่้อผ่าหมด เนื้อต้วไหม้เกรียมเกือบทั้งต้ว.... แต่ไม่ตาย รัฐบาลและองค์การการกุศลของอเมริกา ได้เอาตัวไปรักษาอย่างดียิ่งตลอดมา จนอาการดีพอสมควร แต่ก็ยังต้องอยุ่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ตลอดมาอีกหลายสิบปี ตอนสุดท่ายที่เห็นเธอในทีวี เธอก็อายุเยอะแล้ว ตอนหลัง ๆ นี้เราก็ไม่ได้ตามข่าวว่า เธอยังมีชีวิตอยู่่หรือเปล่า แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 52 23:28:43 แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 52 23:14:14 จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 23:11:04

ความคิดเห็นที่ 49 เรียน คห. 43 เรายังไม่แก่่นะ เขาเรียกว่า Young at Heart ไง ท่านเคยได้ยินไหม จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 23:34:51

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณข้อมูลของคุณkongsilp2000 มากครับ จากคุณ : pooktoon เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 23:38:17

ความคิดเห็นที่ 51 เล่าต่อ เล่าต่อ หรือไม่ก็เขียนบล็อกส่วนตัวเลยครับ จะติดตามอ่าน จากคุณ : อินทรีย์ผยอง เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 23:44:49

ความคิดเห็นที่ 52 ชอบฟังมากเลย จากคุณ : archdrea เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 00:12:28

ความคิดเห็นที่ 53 แวะมาอ่านก่อนนอน จากคุณ : บาคุระ โซยะ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 00:15:34

ความคิดเห็นที่ 54 ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เมียเช่าคืออะไร ได้ยินมาเฉย ๆ ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เองค่ะ เล่าต่อนะคะ จากคุณ : kissaqua เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 00:29:37

ความคิดเห็นที่ 55 สนุกอะ ต่ออีกได้ป่ะครับ จากคุณ : หัวปลาทู เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 00:59:19

ความคิดเห็นที่ 56 จาก #48 ไปดูรายชื่อนายกไทย ช่วงนั้น ที่เป็นพลเรือนมี 3 คน http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2 ไม่รู้ว่าเป็นคนไหน นายสัญญา ธรรมศักดิ์ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2_%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%8C หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C_%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%8A หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C_%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%8A จากคุณ : Buff_Power เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 01:00:36

ความคิดเห็นที่ 57 ชอบมากครับ สนุก มาเล่าอีกนะครับ รออยู่ จากคุณ : ::humAn_nAture:: เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 01:22:27

ความคิดเห็นที่ 58 ธานินทร์ กรัยวิเชียร ครับ จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 01:47:20

ความคิดเห็นที่ 59   เรียกคนมืด หรือคนผิวสี แทนคำว่านิโกรได้ไหม แหะๆ จากคุณ : หึบ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 02:10:07

ความคิดเห็นที่ 60   คห.9 วันที่ 23 กค.1965 เครื่องบิน F-4B แฟนธอม ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ถูกยิงตกโดยจรวด SA-2หรือ SAM 2 Guideline (Lavochkin Sa 2) ใน Operation Iron Hand ที่ ฮานอย ฐานยิงที่ 3 รอบเมืองท่าไฮฟอง ชิ้นส่วนหางของเครื่องบิน B-52D ที่แสดงอยู่ที่อนุสรน์สงครามกรุงฮานอย ก็ถูกยิงโดย SAM-2 วันที่ 22กุมภาพัน 1972 ถูกยิงที่เมือง วินฮ์ (Vinh) และ เครื่องบิน B-57B canberra ที่ไม่กลับมาสนามบิน Bien Hoa (เบียนหัว) ในเวียดนามใต้อีก 3 เครื่องเดือนสิงหาคม 1964 ทั้งหมดเป็นนักบินหัวแดง ไม่มีแถลงการณ์ของ รบ.อเมริกันแต่ข่าวปรากฏที่สมรภูมิ ซอมเบากี ในลาว ทำให้กองทัพอากาศอเมริกันต้องตั้งฝูงบิน Wild Weasel ขึ้นมาปราบฐานยิง SAM ของเวียดนามเหนือ (โจมตี SAM ด้วยจรวด AGM-45 Shrike). จากคุณ : แมวคราว เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 02:22:45 A:118.172.31.2 X:

ความคิดเห็นที่ 61 คห.48 คนๆนี้รึเปล่าครับ http://lh4.ggpht.com/rescued69/R95Bo5M-gVI/AAAAAAAAAys/RCJ7lK9g3qg/KIM.jpg จากคุณ : lagio (lagionhead) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 02:41:35

ความคิดเห็นที่ 62 ประเทศไทยเป็นฐานที่มั่นให้คนชาติไหนก็ไม่รู้มากระทำย่ำยีเพื่อนบ้าน คนไทยยิ้มร่าบนคราบน้ำตาคนอื่น ที่ไม่ใช่คนไกลเลยหัวดำ ตัวเหลืองเหมือนกัน มันเป็นเวรกรรม เสียงสาปแช่งมันยังคงดังอยู่จนทุกวันนี้ จากคุณ : ชินโนะสึเกะคุง เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 03:47:40

ความคิดเห็นที่ 63 นักกอลฟ์อันดับ 1 ของโลก จากคุณ : H4ck3rZ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 04:10:23

ความคิดเห็นที่ 64 เรียนคห. 59 ในยุคสงครามเวียดนามนั้น คำว่าคนมืดหรือผิวสียังไม่มี มีแต่คำว่านิโกรซึ่งเป็นคำสุภาพมาก ภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่คำหยาบหรือดูถูก แต่ต่อมากลายเป็นภาษาโบราณไป ถ้าเป็นคำด่าคนดำหรือคนมืด เชาใช้คำว่า Nigger อ่านว่านิกเกอร์ เวลาพูดก็ชูนิ้วกลางประกอบด้วย คนดำได้ยินละก็โกรธสุด ๆ เลย อาจจะตามไล่ฆ่าเอาก็ได้ คำว่าคนดำคนมือคนผิวสีเหล่านี้ มาเกิดในภายหลัง คือหลังจากปัญหาแบ่งผิวสีในอเมริกา ลดน้อยลงเยอะแล้ว สวัสดี จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 04:31:02

ความคิดเห็นที่ 65 รัฐบาลหอยมันสมัยหลัง6ตุลาคม19 ส่วนไซ่ง่อนแตกตั้งแต่ 30 เมษายน2518สมัยช่วงเงิน ดอล์เฟื่องฟูนะมันอยู่ราวๆ 2510 ได้เพราะสงครามเวียดนามกำลังเข้มข้นสมัยนั้น รบ คือจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์และต่อมาด้วยจอมพลถนอม กิติขจร ถ้าจำไม่ผิดยุครัฐบาลหอยนะมันเปนการรบกับพวกคอมมิวนิสต์ ซึ่งถัดมาจะเป็นร่มเกล้ากับลาวและที่ช่องบกกับเวียดนาม จากคุณ : ซามูไรไร้นาย เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 04:36:19

ความคิดเห็นที่ 66 เรียน คห. 63 ในสมัยสงครามเวียดนามนั้น คนไทยเรียกผู้หญิงไทยที่ไปเป็นเมียทหารอเมริกัน ว่าเมียเช่าทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็อยู่กินกันอย่างเปิดเผย และไม่ได้สำส่อยทางเพศแต่อย่างใด เพียงแต่ว่า.......... พอสามีไปตายในสนามรบ คนที่เป็นเมียก็เป็นอิสระ สามารถหาสามีใหม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติในสังคมไทยยุคปัจจุบัน แต่ในยุคนั้นเรื่องเซีกส์เป็นเรื่องต้องห้ามกว่าทุกวันนี้มาก ๆ ถ้าพหารอเมริกันคนที่เป็นสามีใจดี พาไปจดทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ของเขา ให้ถูกต้องตามกฏกองทัพละก็ เมื่อสามีตายไปในสมรภูมิ คนที่เป็นเมียและลูก ๆ ก็จะได้เช็คเงินเดือนกินไปตลอดชีวิต เงินที่จ่ายจากสหรัฐมาเป็นดอลล่าร์ พอแลกเป็นเงินไทยก็ะยอะมาก ๆ ทุกวันนี้ก็ยังมีคนหลาย ๆ คน ได้รับเช๊คเงินเดือนแบบนี้ในประเทศไทย การที่มีฐานะเป็นเมียจีไออย่างถูกต้องนั้น ทำให้ได้รับสิทธิเท่าคนอเมริกันทุกอย่าง เมื่อสามีย้ายไปประจำที่ไหนก็มีสิทธิไปด้วย มีสิทธิเข้าไปช๊อปในพีเอ๊กส์และใช้เงินดอลล่าร์ ตอนนั้นทุกแห่งที่ทหารอเมริกันอยู่ พวกเขาจะไม่่ใช้เงินบาท พวกเขาจะใช้เงินดอลและใช้ธรรมเนียมอะเมริกันรอ้ยเปอร์เซนต์ เหมือนอยู่ในดเมริกาทุก ๆ อย่าง ไทเกอร์วู๊ดก็เกิดมาแบบนี้เหมือนกัน แล้วพอพ่อย้ายกลับไปอเมริกา ครอบครัวของเขาไปอยู่ในฐานทัพที่มีสนามก๊อล์ฟด้วย สนามกอล์ฟในฐานทัพนั้นมีเยอะมาก ๆ เขาดูแลอย่างดี แต่ไม่ค่อยมีใครลงไปเล่น และไม่ต้องรอคิว ไม่ต้องเสียเงิน ใครอยากเล่นก็เล่นฟรี เล่นเมือไรก็ได้ เพราะเป็นสวัสดิการ เราเองตอนไปอยู่ที่อเมริกาก็ยังเข้าไปเล่นบ่อย ๆ แต่การจะผ่านเข้าไปได้ก็ต้องมีรถติดสติกเกอร์ผ่านด้วยนะ ตอนนัั้นเราก็มีกับเขาด้วย ฮิ ฮิ (ทำไมคนเขียนคนนี้ไปทั่วโลกเลยหรือ ท่านอาจจะถามในใจ แล้วมันเป็นใครกันวะ ??????) พ่อของไทเกอร์วู๊ดชอบเล่นกอล์ฟมาก ก็เลยสอนลูกชาย จนเล่นวงสวิงได้สมบูรณ์แบบตั้งแต่เป็นเด็กตัวเล็ก ๆ เล่นได้ดีมากจนได้รับเชิญไปออกทีวีมาตั้งแต่เป็นเยาวชนแล้ว การเล่่นกอล์ฟในอเมริกา จึงไม่ใช่เรื่องยากหรือแพงอะไร และก็ไม่ใช่เล่นกันเฉพาะในสังคมไฮโซด้วย ค่านิยมเรื่องนี้ก็แตกต่างกับในสังคมไทยมาก ๆ สวัสดี แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 52 06:02:22 แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 52 04:59:18 จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 04:55:50

ความคิดเห็นที่ 67 เรียน คห. 65 เท่าที่เขียนเรื่องนี้ให้อ่าน ก็เพื่อสื่อสารให้รู้ว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างในอดีต แต่เราไม่เจาะจงวันเดือนปี และไม่เจาะจงตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องมากนัก ก็เพราะว่า............. เราไม่ต้องการสร้างความเสียหายให้ ทั้งท่านที่ยังเสียชีวิตไปแล้ว และท่านที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งก็ยังมีจำนวนหลาย ๆ คน และสังคมก็รู้จักทานเหล่านั้นอย่างดีด้วย เรื่องราวในอดึตนั้น เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ใครจะไปแก้ไขอะไรก็ทำไม่ได้แล้ว นอกจากการบิดเบือนประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ขอให้ท่านจำเอาไว้เป็นบทเรียน เพื่อที่จะไม่ทำผิดพลาดอีก ในอนาคตต่อไป จะดีกว่า สวัสดี จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 05:10:09

ความคิดเห็นที่ 68 รูปใน คห.48 คนถ่ายชื่อ James Natchway  เป็น world war photographer ได้รางวัลช่างภาพสงครามระดับโลกครับ จากคุณ : zaskar27 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 05:43:30

ความคิดเห็นที่ 69 เรียนคห. 61 คนนี้แหละ ถูกต้องแล้ว ขอบคุณที่ไปค้นหาข้อมูลมาแสดง ท่านใดสนใจจะอ่านระยละเอียดเรื่องของเธอ ก็สามารถหาอ่านเองได้ ในอินเตอร์เน๊ต สวัสดี แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 52 05:51:22 จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 05:49:40

ความคิดเห็นที่ 70 ว้าว......... เป็นกระทู้แนะนำเลยหรือแนี่ย ยังงี้ก็ต้องเขียนกันยาวหน่อยเนอะ หรือใครจะถามเป็นหัวข้อเรือง หรือประเด็นเรืองที่ท่าน อยากรุ้เป็นพิเศษก็ได้ ถ้าตอบได้ เราก็จะตอบให้ แน่ะ....... ตั้งตัวเองเป็นผู้รู้เฉยเลยเรา !!!!!!!!!!! สวัสดี แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 52 05:55:34 จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 05:54:13

ความคิดเห็นที่ 71 ทำใมหนูเกิดไม่ทันเนียะ ลุงkongsilp2000 มาเล่าต่อซิคะ จากคุณ : คาเบล เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 07:35:21

ความคิดเห็นที่ 72 ก่อนยุคสงครามเวียดนาม สหรัฐมาช่วยไทยสร้างทางรถไฟสาย อุดรธานี-หนองคาย ครับผม โดยใช้เวลาเพียง 7-8 เดือนก็แล้วเสร็จ เพื่อเป็นการให้ไทยขนกำลังบำรุงเข้าไปสนับสนุนรัฐบาลลาวสายของเจ้ามหาชีวิตสู้กับฝ่ายลาวที่นิยมสังคมนิยม จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 08:01:13

ความคิดเห็นที่ 73 ผลพวงจากสงคราเวียดนามอย่างหนึ่ง ที่หายไปนานมากแล้ว แต่กลับมาฟี้นคืนชีพ ในรัฐบาลปัจจุบัน และกำลังใช้อยู่ นั่นก็คือ ......... เทคนิคการโฆษณาชวนเชื่อ... หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Propaganda ในยุคสงคราเวียดนามนั้น........ เป็นยุคสงครามเย็น เป็นยุคสงครามตัวแทน รัฐบาลไทยยุคนั้นได้ ให้สื่อสารมวลขน ทั้งของเอกชนและของรัฐ เป่าหูคนไทย 24 ขั่วโมง แบบยัดเยียดข่าวสารด้านเดียวว่า คอมมิวนิสต์นั้นน่ากลัวมาก ๆ ถ้าคอมมิวนิสต์เข้ามาในประเทศได้ละก็ ทุกอย่างในประเทศจะไม่มีอะไรเหลือเลย เพราะมันเป็นเหมือนโรคระบาดที่ติดต่อร้ายแรงมาก แล้วรัฐบาลก็ทำรูปโปสเตอร์แสดงหน้าตาคอมมิวนิสต์ เป็นคล้าย ๆ ยักษ์ตัวใหญ่ ๆ น่ากลัวมาก ๆ คนในยุคนั้นก็คิดไม่ออกว่าหน้าตาของคอมมิวนิสต์จริงๆ เป็นอย่างไร เรื่องที่จะเดินทางไปประเทศจีนและรัสเซีย และประเทศในเครือคอมมิวนิสต์อย่างเปิดเผยได้นั้น ในตอนนั้นก็ไม่อยู่ในหัวคนไทยเลยว่า จะเป็นไปได้ในเวลาต่อมา ในยุคนั้นใครพูดเชียร์คอมมิวนิสต์หน่อยเดียวก็โดนจับเข้าคุกแล้ว ในยุคนั้นไม่มีคอมพิวเตอร์ เขาจึงเรียกพวกคอมมิวนิสต์สั้น ๆ ว่าคอมเฉย ๆ เดี๊ยวนี้คำว่าคอมกลับมีความหมายแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง ก็เหมือนกับคำว่าเอดส์นั่นแหละในยุคนั้นยังไม่มีโรคเอดส์ แต่เขามีคำว่าเอดเหมือนกันแต่มันคนละความหมายกับปัจจุบัน คำว่าเอดยุคนั้นแปลว่าความช่วยเหลือส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งเป็นคำย่อของ ความช่วยเหลือของอเมริกาต่้อประเทศกำลังพัฒนา คำเต็มก็คือ Agency for International Development พอมีโรคเอดส์คนก็เลยไม่เรียกคำนี้อีกเลย แต่เอาคำว่า U.S. รวมไปด้วยกลายเป็น USAID แปลว่าองค์กรความช่วยเหลือของประเทศสหรัฐอเมริกาต่อประเทศด้อยพัฒนา และองค์กรนี้แหละที่มาสร้างถนนมากมายให้ประเทศไทยในยุคนั้น องค์กรนี้สังกัดกระทรวงการต่างประเทศของอะเมริกา และได้ทำการค้นคว้าวิจัยทางเกษตรมากมายให้รัฐบาลไทย และให่้ทุนแก่ข้าราชการไทย ไปทำปริญญาโทและเอกที่อเมริกา เป็นจำนวนมากทุก ๆ ปีนติดต่อกันเป็นสิบ ๆ ปี จนต่อมาประเทศไทยเกิดหยิ่งถือว่าพัฒนาแล้ว ประกอบกับเศรษฐกิจอเมริกันทรุดหลังสงครามเวียดนาม และนโยบายต่างประเทศของอเมริกาเปลี่ยนไป ทุนและความช่วยเหลือต่าง ๆ จึงหายไปในที่สุด เอ้า วันนี้พอก่อนนะ สวัสดี จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 08:08:54

ความคิดเห็นที่ 74 แล้วสถาณี เรดาร์ บนยอดดอย อินทนนท์ ก็อเมริกาสร้างให้ในช่วงสงครามเวียดนามด้วยรึเปล่าครับ จากคุณ : tragodius เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 08:30:23

ความคิดเห็นที่ 75 kongsilp2000  เคยได้ยินเรื่องคุกลับที่พวก gi มาสร้างไว้ในไทยรึเปล่า จากคุณ : อยู่ยุโรป (อยู่ยุโรป) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 09:56:27

ความคิดเห็นที่ 76 โอ้ คุณ kongsilp2000 กลับมาแล้ว มาทีเป็นชุดด้วย ขอบคุณครับ ที่บอกว่าทางการวาดภาพคอมมิวนิสต์เป็นยักษ์ให้ประชาชนกลัวนั้นผมนึกออกเลย เพราะวันหนึ่งตอนผมอยู่ ป.5 โดนต้อนเข้าหอประชุมเข้าไปฟังพี่ทหารบรรยายเรื่องภัยคอมมิวนิสต์แล้วก็มีภาพหนึ่งซึ่งพี่ทหารเอามากางให้ดูเป็นรูปยักษ์กำลังกัดกินประเทศไทย เมื่อตะกี๊พยายามหารูปนั้นในกูเกิลก็ยังไม่เจอ สมัยนั้นการมีหนังสือหรือภาพเกี่ยวกับลัทธิคอมมิวนิสต์ไว้ติดบ้านติดตัวอาจมีภัยมาถึงตัวได้ง่ายมาก ผมเคยไปค้นลังหนังสือพี่แถวบ้านที่เรียนธรรมศาสตร์เจอหนังสือพวกนี้ยังเอามาแอบดูกัน แต่อ่านไปก็ไม่เข้าใจหรอกว่าเขาเขียนถึงอะไร ก็มันยังเด็กเนาะ ครูภาษาไทยผมแอบสอนให้นักเรียนร้องเพลงคนกับควายก็ยังล่อกแล่กๆ ไป กลัว ผอ. เดินมาเจอ ซีเรียสขนาดนั้น บางทีก็มีข่าวลือเรื่องปฏิวัติบ้างเรื่องญวนบุกบ้าง ก็เป็นอันว่าถึงเวลาที่แต่ละครอบครัวต้องกักตุนสินค้าเครื่องกระป๋องเข้าบ้านกันไว้ก่อน แล้วถ้าเช้ามืดวันไหนได้ยินเสียงโรงพักแถวบ้านเปิดเพลงเพลงสยามนุสติดังลั่นก็เป็นอันรู้กันว่าของจริงมาแล้ว (รถถังออกมาวิ่งบนถนนเมืองกรุงอีกแล้ว) ผมไปเจอลิ้งค์นี้มาระหว่างคนรูป เห็นแว๊บๆ ว่าน่าสนใจดีสำหรับคนที่ชอบประวัติศาสตร์ทางทหาร http://artsmen.net/content/show.php?Category=warboard&No=6116 จากคุณ : dragunov เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 10:01:37

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบคุณ คุณ kongsilp2000 นะครับที่เอาสาระดีๆมาให้อ่าน จะรอติดตามอ่านต่อนะครับ จากคุณ : ฮะโหน่งRin เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 10:05:13

ความคิดเห็นที่ 78 เข้ามาอ่านสาระดีๆครับ จากคุณ : jubchay เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 10:16:30

ความคิดเห็นที่ 79 .. เทคโนโลยีการพิมพ์สมัยใหม่ ก็เข้ามาในยุคนั้น.. เถ้าแก่โรงพิมพ์ในโคราชบางราย ตีรถเข้าเมืองกรุง เพื่อไปรับเงินสด ๆ ค่าจ้างพิมพ์เอกสารสัปดาห์ละ ๒ ล้าน (มูลค่าของเงินล้านสมัยนั้น แตกต่างจากล้านสมัยนี้อักโข ๆ ๆ) นักร้อง นักดนตรีเพลงสากลชื่อดังหลายคน แจ้งเกิดในสมัยนั้น.... และแน่นอนว่า ต้องผ่านการแสดงบนเวทีในค่ายทหาร จี.ไอ. ขาโจ๋ที่ครองอันดับต้นๆ ก็ต้องตำแหน่งกีต้าร์ของวง และต้องเป็น เอลวิส เพรสลี่ย์.. ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้น คือ ท่านพ่อของเราเอง.. ถ้าเอ่ยชื่อ...คนร่วมสมัยในวงการต้องร้อง..อื้อฮือ ลูกเพ่.. แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 52 10:24:19 จากคุณ : เขิน (เขิน) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 10:22:45

ความคิดเห็นที่ 80 คนรุ่นหลังอาจไม่รู้ว่าเงินหลักล้านสมัยก่อน มีค่ามากมายขนาดไหน ลองเทียบดูอย่างนี้ ค่ารถเมล์ไปโรงเรียน 50 สตางค์ ค่าขนมรายวัน ๆ ละ 5 บาท ยังมีเงินเหลือมาใส่กระปุกออมสิน อีกวันละ 50 สตางค์ถึง 1 บาท (นี่เราแก่ไปหรือเปล่าเนีย) แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 52 10:32:27 จากคุณ : Vikee เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 10:31:35

ความคิดเห็นที่ 81   โรงเรียนมิตรภาพอีกกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ ก็ได้รับการสนับสนุนจากอเมริกัน ช่วนนั้นจะมีการกระโดดร่มโชว์เพื่อหาเงินสมทบทุนบริจาค จากคุณ : tee เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 10:36:17 A:124.121.196.128 X: TicketID:220665

ความคิดเห็นที่ 82 โอ้... ขอบคุณทุกท่านมากๆ ครับ โดยเฉพาะคุณ kongsilp2000 ที่มีอะไรมาเล่าให้ฟังเยอะแยะจริงๆ เป็นกระทู้ที่ได้ความรู้กว้างขวางทีเดียว ก็เคยนึกสงสัยว่าชาติเราโตแบบยั่งยืน ด้วยตัวเอง หรือว่าโตแบบกลวง ตอนนี้ก็คงเห็นได้ชัดแล้วว่าชาติเราโตแบบกลวงๆ ญี่ปุ่น เป็นตัวอย่างของการโตด้วยตัวเอง โตแบบยั่งยืน ..หรือบางที เวียดนาม ก็คงกำลังเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน ก็ไม่รู้ว่า เมื่อไหร่ เราถึงจะ "โต" เสียที.. จากคุณ : art_sarawut เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 10:54:07

ความคิดเห็นที่ 83 ขอโทษครับ ข้าวผัดอเมริกัน นะ มันมีขายกันเฉพาะเมืองไทย ไปเมกา อย่า สั่งเชียว ฝรั่ง งง กำเนิดของข้่่าวผัดเมกัน มัน เกิดจาก เด็กนักเรียนไทยที่เรียนที่เมกา แล้วทำกิน กัน เพราะ ของที่ใช้คือ ของเหลือ ๆ จาก ที่ทำงาน (ทำงานร้าน fastfood ) เพราะอยากประหยัด แต่ จะ ให้กิน ขนมปัง ลูกไทยมันไม่อิ่มท้ิอง จากคุณ : vinze (vinze) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 11:02:04

ความคิดเห็นที่ 84 สงครามเวียดนาม จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี สงครามเวียดนาม (Vietnam War, ค.ศ. 1957-1975) เป็นสงครามระหว่างเวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ที่สนับสนุนโดยสหรัฐอเมริกา เพื่อตัดสินว่าควรรวมเวียดนามเป็นหนึ่งเดียวตามข้อตกลงเจนีวา ค.ศ. 1954 หรือไม่ สงครามจบลงด้วยชัยชนะของเวียดนามเหนือ และรวมประเทศเวียดนามทั้งสองเข้าด้วยกัน ซึ่งปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศเวียดนาม ในประเทศเวียดนามเองเรียกสงครามนี้ว่า สงครามปกป้องชาติจากอเมริกัน หรือ สงครามอเมริกัน สาเหตุของสงครามเวียดนาม กำเนิดขบวนการใต้ดิน ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ขบวนการเวียดมินห์ ได้ถือกำเนิดขึ้น โดย โฮจิมินห์ เป็นผู้นำ ระยะแรก การดำเนินการนั้น เพียงเพื่อหวังว่าจะขับไล่ญี่ปุ่นออกจากประเทศไปเท่านั้น แต่ครั้นในปี ค.ศ. 1944 พวกเวียดมินห์ได้ตั้งกองบัญชาการกองโจรขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนกำลังและอาวุธจากสหรัฐอเมริกา แต่กำลังการรบของเวียดมินห์นั้นยังเป็นกองกำลังเล็กๆ ยังไม่สามารถที่จะไปต่อต้านพวกญี่ปุ่นได้ ต่อมาในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1945 สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงไป คือ ญี่ปุ่นได้ปลดอาวุธและขังทหารฝรั่งเศสประจำอินโดจีน จึงเป็นเหตุทำให้ฝรั่งเศสนั้นเสียศักดิ์ศรีไปมาก เพราะขณะเกิดเรื่องนี้ ญี่ปุ่นกำลังจะแพ้สงคราม ซึ่งเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้ชาวเวียดนามกลุ่มต่างๆ ที่ดิ้นรนเพื่อเป็นเอกราช ได้เริ่มดำเนินการทันที ซึ่งผู้นำนั้นก็คือ เบาไต๋ ซึ่งเคยเป็นจักรพรรดิแคว้นอันนัม ได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็น "จักรพรรดิแห่งเวียดนาม" และต่อมาทำให้กลุ่มของเบาไต๋ มีความหวังยิ่งขึ้น คือ นายพลเดอโกลล์ ได้กล่าวคลุมเครือว่าอยากให้เวียดนามปกครองตนเอง ซึ่งทำให้พวกชาตินิยมในเวียดนามต่างก็มีความหวังในเรื่องเอกราชโดยสันติวิธี ยิ่งขึ้นไปอีก แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมาได้ทำลายความหวังลงไป เพราะกลุ่มเวียดมินห์ได้สั่งให้ประชาชนต่อต้านญี่ปุ่น แต่คำสั่งนี้มีเจตนาแอบแฝง ไว้เพื่อหวังผลอีกทางหนึ่ง โดยมีเจตนาหาทางป้องกันไม่ให้ฝรั่งเศสกลับมามีอำนาจในเวียดนามอีก ประกาศเอกราชในเวียดนาม ซึ่งการที่กลุ่มเวียดมินห์นั้นได้สั่งให้ประชาชนต่อต้านญี่ปุ่น ได้ผลดีมากในทางภาคเหนือของประเทศ จักรพรรดิเบาไต๋ได้สละตำแหน่งประมุขของประเทศแล้วจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวขึ้น แล้วประกาศเอกราชในเวลาต่อมา ความสำเร็จในการยึดอำนาจครั้งนี้ ทำให้พวกคอมมิวนิสต์ที่ปะปนอยู่ในหมู่ชาตินิยมเวียดนามสามารถตั้งตนในหมู่ คณะชั้นนำของขบวนการปฏิวัติได้ ต่างชาติเข้าแทรกแซง ฝรั่งเศสยังมีความพยายามที่จะยึดครองเวียดนามอยู่ แต่โอกาสยังไม่อำนวยเพราะขาดกำลังทหารและพาหนะลำเลียง แต่เวียดนามก็ยังคงตกอยู่ในสภาพดังเดิม เพราะมหาอำนาจฝ่ายพันธมิตรผู้ชนะสงครามได้เข้ามายึดครองแทน โดยมีอังกฤษเข้ายึดครองภาคใต้ของเวียดนาม จีนคณะชาติยึดครองทางภาคเหนือของเวียดนาม ชาวเมืองต่างไม่พอใจในการกระทำของอังกฤษ นายพลเกรซี่ย์ ผู้บัญชาการกองทัพอังกฤษในเวียดนาม ได้ประกาศกฎอัยการศึกในเขตที่ยึดครอง สำหรับฝรั่งเศสมีทหารจำนวนเล็กน้อยได้มาถึงไซง่อนแล้ว ไปยึดตึกที่ทำการของรัฐบาล รื้อฟื้นอำนาจของฝรั่งเศสใหม่ ขบวนการผู้รักชาติ โฮจิมินห์เริ่มเล็งเห็นถึงความเสียเปรียบ พยายามที่จะเอาชนะฝรั่งเศส ซึ่งกระทำได้ก็โดยการรวบรวมชาวเวียดนามที่มีหัวชาตินิยมไปเป็นพวก และเพื่อเป็นการปกปิดการหนุนหลังคอมมิวนิสต์ พร้อมกับแสดงให้ประชาชนเห็นว่าเป็น ขบวนการผู้รักชาติ โดยสั่งยุบพรรคคอมมิวนิสต์อย่างเปิดเผย และจัดตั้ง แนวแห่งชาติ ขึ้นแทน ส่วนพรรคคอมมิวนิสต์นั้นได้กลายเป็นองค์กรใต้ดิน ดำเนินการอย่างลับๆต่อมาเป็นเวลานาน ข้อตกลงระหว่างจีนคณะชาติกับฝรั่งเศส ภาคเหนือของเวียดนาม เป็นที่มั่นของขบวนการเวียดมินห์แต่มีกองทัพจีนคณะชาติอยู่ ฝรั่งเศสอยากให้จีนคณะชาติถอนตัวไปเพื่อจะได้ปราบพวกเวียดมินห์ และยึดภาคเหนือคืนได้สะดวกขึ้น ดังนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1946 ฝรั่งเศสจึงได้ตกลงกับเจียงไคเซ็ค ยอมยกเลิกสิทธพิเศษในจีนเพื่อแลกกับการถอนทหารจีนออกไปจากภาคเหนือของ เวียดนาม โฮจิมินห์พอเข้าใจถึงผลจากข้อตกลงนี้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ต้องปะทะกับฝรั่งเศสและจีน จึงต้องยอมให้ฝรั่งเศสยึดที่มั่นบางแห่งในภาคกลางและภาคเหนือ เพราะขณะนี้ โฮจิมินห์ ยังไม่พร้อมที่จะรบหรือต่อต้านกับชาติใดๆทั้งสิ้น พยายามแสวงหาสันติภาพ ฝรั่งเศสและเวียดมินห์ต่างก็พยายามจะตกลงกันโดยสันติวิธีโดยโฮจิมินห์ยอม ให้ฝรั่งเศสเคลื่อนกำลังเข้ายังฮานอยและไฮฟอง ส่วนฝรั่งเศสก็ตอบแทนด้วยการรับปากว่าจะให้เวียดนามเป็น ประเทศเสรี แต่ผลที่ได้รับจากการตกลงดังกล่าว ได้กลายเป็นสาเหตุแห่งความยุ่งยากร้ายแรงในเวลาต่อมา กล่าวคือ การประชุมเจรจากันระหว่าง 2 ประเทศนั้นไม่ลงรอยกันมากขึ้น เพราะการประชุมส่วนใหญ่เกี่ยวกับปัญหาทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไม่ได้กล่าวถึง เสรีภาพเลย ฝรั่งเศสมุ่งที่จะยึดครองด้วยกำลังทหาร ในช่วงเวลานี้ได้เกิดเหตุร้ายในไฮฟองหลายครั้ง ฝรั่งเศสระดมยิงหมู่บ้านไฮฟองเสียหายมากมาย ผลจากการกระทำดังกล่าว ทำให้ฝ่ายเวียดมินห์เห็นว่า การตกลงโดยสันติวิธีกับฝรั่งเศสคงไม่เป็นผล ดังนั้นจึงได้สั่งเคลื่อนกำลังพลโจมตีกองทหารฝรั่งเศสทั่วประเทศทันทีในวัน ที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 1946 ปัญหาระหว่างฝรั่งเศส - เวียดมินห์ เอกราชของเวียดมินห์ที่ชาวเวียดนามแสวงหา กลายเป็นปัญหาสำคัญทางการเมืองที่สำคัญที่สุด และเป็นผลทำให้ชาวเวียดนามที่มีหัวปานกลางที่สังกัดกลุ่มชาตินิยม ซึ่งในระยะแรกคิดจะปรองดองกับฝรั่งเศส โดยจะยอมรับการปกครองของฝรั่งเศสแบบใดแบบหนึ่ง แล้วต้องสัญญาให้เอกราชที่สมบูรณ์ในภายหลัง แต่ฝรั่งเศสไม่สนใจ จึ่งทำให้พวกชาตินิยมกลุ่มนี้พยายามจัดตั้ง แนวสหภาพชาตินิยม เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1947 และได้กลายเป็นพลังการต่อต้านที่สำคัญในเวลาต่อมา ด้วยเหตุดังกล่าว ฝรั่งเศสจึงได้กลายเป็นที่เกลียดชังของพวกชาตินิยมชาวเวียดนาม แม้แต่พวกไม่เคยต่อต้านฝรั่งเศสและนักการเมืองก็ต้องให้ความร่วมมือกับพวก ปฏิวัติ หรือหนีไปนอกประเทศ ต่อมาในภายหลังฝรั่งเศสได้เสนอต่อเวียดนาม ให้มีเสรีภาพในวงกรอบแห่งสหภาพฝรั่งเศส แต่ก็ไม่ให้ความแน่ชัดในทางปฏิบัติ จึงเป็นเหตุให้พวกเวียดมินห์ที่ไม่พอใจฝรั่งเศส ทำการกวาดล้างชาวเวียดนามด้วยกันเองที่สนับสนุนข้อเสนอดังกล่าวของฝรั่งเศส ปี ค.ศ. 1948 โงดินห์เตียมได้เสนอให้ฝรั่งเศสยกฐานะเวียดนามขึ้นเป็นประเทศในเครือจักรภพ แต่ฝรั่งเศสไม่ยอมรับ แต่อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสก็พยายามที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดของตนด้วยการเชิญเบาไต๋ ขึ้นเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล แต่ก็ไม่เกิดผลดีแก่ฝรั่งเศสแต่อย่างใด เพราะฝ่ายชาตินิยมหมดความไว้วางใจในฝรั่งเศสเสียแล้ว นอกจากนี้พวกคอมมิวนิสต์เวียดมินห์ ได้ควบคุมความเคลื่อนไหวของพวกชาตินิยมโดยสิ้นเชิง และเบาไต๋ก็ไม่ได้เป็นที่นิยมของประชาชน การมองข้ามความสำคัญของพลังความรู้สึกทางชาตินิยมของชาวเวียดนาม และการไม่แสวงหาสันติภาพด้วยความบริสุทธิ์ใจ เป็นความผิดพลางขั้นแรกของฝรั่งเศส ตลอดจนไม่นึกถึงความสำคัญของความร่วมมือสนับสนุนจากประชาชน ซึ่งเท่ากับเป็นการช่วยให้ข้าศึกสามารถรวมตัวกันได้เป็นปึกแผ่นและรวดเร็ว ยิ่งขึ้น สหรัฐอเมริกา ได้เริ่มเข้าช่วยฝรั่งเศสในการรบกับเวียดมินห์ เมื่อปี ค.ศ. 1950 เป็นต้นมา สหรัฐอเมริกาได้เข้าไปพัวพันกับเวียดนามมากยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในด้านการทหาร เศรษฐกิจก็เพิ่มขึ้นด้วย http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1 เฮลิคอปเตอร์ UH-1 ของสหรัฐบินเหนือเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงในปี พ.ศ. 2513 จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 11:06:32

ความคิดเห็นที่ 85 วันนี้ เราจะพาท่านย่องไปลุยโลกีย์กับ จี ไอ ในกรุงเทพ ในยุคสงครามเวียดนามกัน ยุคนั้นกรุงเทพยังไม่ใหญ่โตเหมือนปัจจุบัน รถไต้ดิน และรถไฟฟ้าก็ยังไม่มีนะ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ก็ยังไม่เกิด ถนนต่าง ๆ ก็แคบ ๆ ถนนหลายสายอย่างถนนลาดพร้าวอย่างงี้ ก็ยังเป็นถนนเล็ก ๆ มีสองเลนวิ่งสวนกัน แล้วมีคลองสองข้าง ย่านอ่อนนุชก็ยังเป็นป่าอยู่เลย กรุงเทพมีคลองเยอะ เขาจึงเรียกว่า เวนิสตะวันออก ไง แต่เดี๊ยวนี้เขาถมคลองเกลี้ยงเลย ต้นไม้ริมคลอง ก็หายไปด้วย ยกเว้นที่ถนนวิทยุหน้าสถานทูดอเมริกัน ที่ท่านทูตขอเอาไว้ รัฐบาลเกรงใจท่านทูต........ ก็เลยเพียงแต่ถมคลอง แต่ไม่ตัดต้นไม้ ถนนวิทยุจึงเป็นถนนเส้นเดียวในกรุงเทพ ที่ยังมีต้นไม่ที่ปลูกเอาไว้แต่สมัยดังเดิม แลัวมีชีวิตรอดอยูจนถึงทุกวันนี้ ในยุคสงครามเวียดนามนั้น ทหารอเมริกันได้ ต้้งกองบัญขาการ อยู่กลางใจกรุงเทพเลยทีเดียว แล้วก็ไม่ได้ขี้นกับรัฐบาลไทย หรือกฏหมายไทยด้วย เขาเช่าเหมาอาคารและพื้นที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพหลายแห่ง เช่น บริเวณถนนสาธร บริวเณถนนพญาไท แล้าเอาทหารอเมริกันในเครื่องแบบ ยืนรักษาการ บริเวณพื้นที่ทั้งหมดภายในนั้น ถือเป็นเขตทหารของเขา และห้ามไม่ให้คนทั่วไปเข้า แม้แต่ข้าราชการไทยก็เข้าไม่ได้ถ้าเขาไม่อนุญาต ภายในอาคารสูงหลายสิบชั้นแต่ละแห่งที่เขาเช่า เมื่อถ้าท่านหลุดผ่านทหารเข้าไปได้แล้ว มันก็เหมือนท่านหลุดเข้าไปในอเมริกาดี ๆ นี่เอง ในนั้นมี พีเอ๊กซ์ ซูเปอร์ ศูนย์การค้า ฟาสฟูดอเมริกัน และอีกมากมาย โดยท่านต้องใช้เงินดอลล่าร์เท่านั้น และต้องให้ทิปสิบเปอร์เซนต์เด็กเสิร์ฟตามธรรมเนียมอเมริกัน เพราะคนขายของและคนเสิร์ฟอาหารล้วนเป็น เด็ก ๆ สาว ๆ ผรั่งผิวขาวหน้าตาดีบินมาจากอเมริกาทั้งนั้น ไม่มีคนท้องถิ่นเลยแม้แต่คนเดียว ในยุคนั้นนะเมืองไทยยังไม่มีศูนย์การค้าเลย ยังไม่มีซูเปอร์ยกเว้นแถวสุขุมวิท ก็มีเพียงสองสามแห่งเท่านั้น อย่างวิลล่าสุขุมวิท ก็อยู่มานานแล้ว ส่วนสถานที่พักผ่าอนของ จี ไอ ก็แล้วแต่รสนิยม ใครชอบแบบอเมริกัน..........เขาก็มีให้ ใครมี่เมียมีลูกบินมาจากอเมริกา......... เขาก็อำนวยความสะดวกและสถานที่ให้ ส่วนคนโสดทั้งแบบถาวรและชั่วคราว ก็ลุยโลกีย์กันมันส์ไปเลย ถนนพัฒนพงษ์อันลือชื่อ.............ก็เกิดในช่วงนี้ ซอยคาวบอยที่เคยโด่งดัง...........ก็เกิดในช่วงนี้ วันนี้พอแค่นี้ก่อนเนอะ สวัสดี แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 52 11:54:28 จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 11:40:37

ความคิดเห็นที่ 86 อดีตทหารจีไอ วอนตามหาคนรัก พราก40 ปี 10 ธค. 2552 14:49 น.    เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 9 ธันวาคม นายสตีฟ ดูอัน บรูกส์ หรือ นายสคีเว่น ดูอัน บรูกส์ อายุ 64 ปีพร้อมกับ นายบิล เอ็ดเวิร์ด ไวท์ สัญชาติอเมริกา ได้เข้ามาร้องเรียนและขอความช่วยเหลือกับผู้สื่อข่าว เพื่อให้ออกข่าวตามหาอดีตคนรัก สมัยที่ทั้งคู่มาเป็นทหารประจำการ อยู่ที่ฐานทัพอากาศสหรัฐอเมริกา ที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อปี พ.ศ.2512 (ค.ศ.1969)    นายสตีฟ กล่าวว่า ในปีดังกล่าวนั้น ตนและเพื่อน ถูกสั่งให้เดินทางมาประจำการ อยู่ที่ฐานทัพอากาศสหรัฐ จังหวัดอุดรธานี โดยทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่กู้ชีพ อยู่กองร้อยกู้ชีพที่ 40 เออาร์อาร์เอส ( 40 ARRS) ประจำเคื่องบินเจอรี่กรีน สำหรับออกไปปฏิบัติการช่วยเหลือ ทหารนักบินของอเมริกัน ที่ถูกยิงตกในสมรภูมิ สงครามเวียดนาม ต่อมาได้พบรักกับนางอรพรรณ หรือ อัมพรรณ หรืออมรพรรณ โพธิ์คำ มีชื่อเล่นว่าแอ๊ว ในขณะนั้นคาดว่า อายุประมาณ 25-26 ปี โดยพักอาศัยอยู่ด้วยกัน ที่บังกาโลชัยมงคล ถนนโพธิ์ศรี เขตเทศบาลอุดรธานี และอยู่ด้วยกันประมาณ 1 ปี    ในปี พ.ศ.2513 ตนได้เดินทางกลับ ไปประจำการที่ประเทศสหรัฐ โดยมีนายบิล ซึ่งเป็นเพื่อนยังปฏิบัติหน้าที่ อยู่ในเมืองไทยอีก 3 เดือน ซึ่งในระยะนั้น ตนได้ติดต่อกับนางอรพรรณ เป็นประจำผ่านทางนายบิลฯ แต่หลังจากนายบิลฯ เดินทางกลับไปประเทศสหรัฐ ก็บอกกับตนว่า นางอรพรรณ ได้เดินทางไปทำงาน อยู่ที่จังหวัดนครราชสีมาแล้ว สำหรับนางอรพรรณ ตนคิดว่าน่าที่จะเป็นคนภาคเหนือ เพราะเคยชี้ให้ดูในแผนที่ว่า มาจากภาคเหนือ แต่ตนไม่เข้าใจว่า เป็นเมืองหรือจังหวัดใดในภาคเหนือ เพราะสื่อสารกันไม่ค่อยเข้าใจ สำหรับนางอรพรรณ มีปานสีน้ำตาลขนาดใหญ่ ที่หน้าแขนด้านขวามือ และมีไฝสีดำเม็ดหนึ่งที่ใบหน้า    นายสตีฟ กล่าวว่า การตามหานางอรพรรณ อดีตคนรักที่พลัดพรากกันมากว่า 40 ปี ก็เพื่อต้องการอยากจะพบหน้าอีกสีกครั้ง และให้การช่วยเหลือบ้างตามสมควร แต่หากว่าฝ่ายหญิงมีครอบครัวไปแล้วก็ไม่เป็นไร เพราะเวลาผ่านมานานหลายปีแล้ว ตนเพียงต้องการที่จะพบกันเท่านั้น http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=421021&lang=T&cat= จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 11:46:22

ความคิดเห็นที่ 87 สนามบินน้ำพอง จากคุณ : l_and_r1948 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:05:08

ความคิดเห็นที่ 88 ฐานทัพอากาศสหรัฐ ที่โคราช ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ บน.1 ภาพจากเว็บ tee-noi จากคุณ : l_and_r1948 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:06:51

ความคิดเห็นที่ 89 กองบัญชาการฝูงบินที่ 432 อุดร ภาพทั้งหมดจากเว็บ tee-noi จากคุณ : l_and_r1948 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:11:09

ความคิดเห็นที่ 90 สนามบินอุดร จากคุณ : l_and_r1948 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:12:32

ความคิดเห็นที่ 91 สนามบินอุดรอีกภาพ จากคุณ : l_and_r1948 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:13:13

ความคิดเห็นที่ 92 สนามบินอุดร จากคุณ : l_and_r1948 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:14:37

ความคิดเห็นที่ 93 สนามบินอุดรอีก จากคุณ : l_and_r1948 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:15:29

ความคิดเห็นที่ 94 ค่ายทหารที่โคราช จากคุณ : l_and_r1948 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:17:30

ความคิดเห็นที่ 95 รูปภายในค่าย จากคุณ : l_and_r1948 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:19:01

ความคิดเห็นที่ 96 ว่าแล้วววว ว่าทำไมสนามลินแถบอีสานนี่เยอะยัง:-)กเห็ด เหอๆ จากคุณ : Nanoดะ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:19:12

ความคิดเห็นที่ 97 ภายใน จากคุณ : l_and_r1948 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:19:26

ความคิดเห็นที่ 98 ภาพทหารอเมริกันในค่าย เฟรนด์ชิพ โคราช จากคุณ : l_and_r1948 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:20:15

ความคิดเห็นที่ 99 ประตูเข้าค่ายเฟรนด์ชิพด้าน กม.8 ทางไปปักธงชัย จากคุณ : l_and_r1948 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:20:57

ความคิดเห็นที่ 100 โรงอาหารในค่ายเฟรนด์ชิพ จากคุณ : l_and_r1948 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:21:42

ความคิดเห็นที่ 101   ที่ไหนมั่งไม่ทราบครับ แต่ที่แน่ๆภูฝอยลม อุดรธานี สมัยที่ มีบริษัทสำรวจแก๊สไป สำรวจ เจอแต่ระเบิดครับ มีนายทหารเข้าไปเก็บกู้ตลอด จากคุณ : สรดำ (วังไม้ไผ่) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:21:47