ความคิดเห็นที่ 1 ป ญ  อ   ไง จากคุณ : i-sho เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 23:27:21

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นการป้องกัน  ไม่ใช่ความผิด จากคุณ : oakemon เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 23:42:14

ความคิดเห็นที่ 3 ไอ่จรวดผงฟู+น้ำส้มสายชูนี่ ห้ามขายด้วยหรอครับ เพิ่งรู้ ก็เห็นเด็กที่โรงเรียนมี Lab ทดลองกันประจำ จากคุณ : earthchie เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 23:53:09

ความคิดเห็นที่ 4 เขาป้องกันไว้ก่อนค่ะ.. คนขายที่ไม่มีจิตสำนึกบวกกับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคนซื้ออาจเกิดเหตุสลด  โดยที่ไม่ได้ตั้งใจได้ค่ะ... จากคุณ : usbankusa เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 23:58:34

ความคิดเห็นที่ 5 บางทีคนขายเองยังไม่รู้จักสินค้าดีพอเลย จากคุณ : rrltai^^ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 00:02:10

ความคิดเห็นที่ 6 เพราะผู้ออกกฎของเราคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนทั้งประเทศเสมอครับ จากคุณ : silver seraph เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 00:08:19

ความคิดเห็นที่ 7 บางทีแล้วมันเป็นการป้องกันนะ เพราะมันทำให้เกิดอันตรายกับร่างกายและชีวิตได้ เนื่องจากป้องกันและดูและได้ยาก เช่นไอ้ตัวพองในน้ำนี้กินเข้าไปก็ถึงตาย ซึ่งเด็กเล็กก็นิยมกินกัน ห้ามแหละดีสุด จากคุณ : =Por= เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 00:11:42

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยกับคุณ =Por= ค่ะ จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 00:17:38

ความคิดเห็นที่ 9 ปัญหาที่พบบ่อย - ป้องกันอันตราย จึงสั่งห้ามผลิต ห้ามขาย ก็ยังถูกตำหนิ - ปล่อยให้ขาย แล้วเกิดอันตราย ก็ถูกตำหนิว่าทำไมไม่ดูแล ปล่อยให้ขายได้อย่างไร ทำไมไม่ให้ความรู้แก่ประชาชน - พอจะให้ความรู้ ให้ข้อมูล ก็ไม่รับฟัง ไม่เปิดใจ อดทนอ่านข้อมูลไม่ทันจบหรืออ่านไม่กี่บรรทัดก็ตำหนิเรียบร้อยแล้ว คำสั่งห้ามทั้งหลายของภาครัฐเดี๋ยวนี้ไม่ได้ทำได้ง่ายเหมือนสมัยก่อน สั่งห้ามไม่สมเหตุผล ก็ได้เจอกันในศาลปกครองพอดี สินค้าบางรายการมีอันตรายอย่างชัดแจ้ง มีงานวิจัยยืนยันอย่างชัดเจน กว่าจะสั่งห้ามได้ก็ต้องรอให้มีคนตายหรือได้รับอันตรายหรือรอให้เกิดข่าวก่อนก็มี เพื่อให้มีหลักฐานช่วยตัวเอง (ภาครัฐ) ว่าคำสั่งที่ตนออกมานั้นสมเหตุผล (ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าตำหนิอย่างยิ่ง) แล้วท่านอื่นคิดว่าอย่างไร??? จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 00:56:03

ความคิดเห็นที่ 10 คิดว่า คนที่ซื้อมาเล่น (อาจ) มีวิจารณญาณไม่พอ ที่จะรู้ว่าเล่นของเล่นแบบนี้(ลูกโป่งเคมี , กระสวยอวกาศ บลาๆๆ) ถ้าเล่นผิดวิธีอาจเกิดความเสียหาย เพราะวิจารณญาณไม่พอ      =      ประมาท                      ประมาท  ===>   อุบัติเหตุ                                 (นำไปสู่) ความเป็นไปได้ในแง่นี้ก็มากอยู่ ล่ะมั้งนะ จากคุณ : เคลิ้มสมาคม เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 01:38:32

ความคิดเห็นที่ 11 ตุ๊กตาที่ใส่ในน้ำแล้วจะขยายตัวขึ้น ตอนเด็กๆตื่นเต้นมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เพื่อนมันเอามาเล่นในห้อง เป็น rare item ที่ทุกคนต่างจ้องมอง ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนกับผู้ใหญ่บูชาคูลฟีเวอร์ จากคุณ : อย่ามาห้ามผม เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 01:39:57

ความคิดเห็นที่ 12 มันไม่ปลอดภัย ไว้ใช้ทดลองในห้องเรียนก็พอ จากคุณ : Rasia เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 02:49:04

ความคิดเห็นที่ 13 เหล้า - บุหรี่ ก็เห็นขายกันได้ตามสบาย ทำแบบเดียวกันไม่ได้หรือ คือกำหนดอายุคนซื้อ คนโตแล้วอยากเล่นก็ซื้อไป อย่าบอกว่าทำไม่ได้ เพราะเหล้าบุหรี่ก็ทำอยู่แล้ว จากคุณ : จั๊กกะจี๋ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 03:28:38

ความคิดเห็นที่ 14   คิดถึงเรื่องจรวดขวดน้ำ ที่จัดแข่งขันกัน เห็นว่ามีโครงการเฟสสองที่ให้ม.ปลาย แข่งขันจรวดเชื่อเพลิงแข็งที่ทำจากน้ำตาล(sugar rocket) pdf file http://www.google.co.th/url?sa=t&source=web&ct=res&cd=26&ved=0CCcQFjAFOBQ&url=http%3A%2F%2Fusers.cybercity.dk%2F~dko7904%2FNotes%2FEVALUATION_OF_KNO3.pdf&rct=j&q=sugar+rocket&ei=62slS_y0Fozm7AOe3Li6Bg&usg=AFQjCNGgikqFaREYCX7UdmKAxbIPn_ViNA ไม่ทราบโครงการนี้ยังมีอยู่ไหมครับ หรือห่วงความปลอดภัย ผมเคยเคี่ยวน้ำตาล+ดินปะสิวพลาด(ไม่ได้ใช้เตาไฟฟ้า ใช้เตาแก็สแทน) มีควันเต็มบ้านเองครับ แต่ก็ปลอดภัยดีครับ ดีกว่าดินดำมากเลย จากคุณ : datasim เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 05:45:41

ความคิดเห็นที่ 15   อาวุธนิวเคลียร์ก็เป็นการทดลองวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่ง โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ก็ใช่ คือจะบอกว่า ถ้ามันถูกใช้โดยผู้ที่รู้ไม่พอ หรือไม่รู้ข้อห้ามในการใช้ของมัน  มันก็อันตรายครับ   ถ้าลูกหลานท่าน เล่นของพวกนี้แล้วตายขึ้นมา  ท่านจะด่าใครครับ  ผู้เล่นเอง  ตัวเอง  ผู้ขาย  หรือ รัฐบาล จากคุณ : AIM-9X เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 05:48:36

ความคิดเห็นที่ 16 ของเล่นวิทยาศาสตร์ ไม่เหมือนของเล่นปัญญาอ่อนทั่วไป เป็นของเล่นที่มีอันตรายแอบแฝง ต้องมีคนคอยสอดส่องดูและให้คำำแนะนำ และต้องรู้ทันอันตรายของมัน คนขาย พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความรู้เท่าทันของเล่นวิทยาศาสตร์เหล่านี้ หรือหากรู้ทันก็อาจละเลยไม่ได้กำกับดูแลตลอดเวลาที่เด็กเอาไปเล่น จากคุณ : Hammy เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 06:10:08

ความคิดเห็นที่ 17 ผู้ออกกฏจำเป็นต้องออกกฏอย่างนั้น เพราะเป็นผู้ที่ต้อง "รับผิด" ในเรื่องนี้ หากเกิดเหตุขึ้นมา จากคุณ : ksk เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 08:17:08

ความคิดเห็นที่ 18 ป ญ อ. = ปืนใหญ่อากาศ จากคุณ : กระจิบหัดบิน เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 08:56:11

ความคิดเห็นที่ 19 ลองคิดไปถึง เราๆสิครับ .. ง่ายที่สุด ..  ข้ามถนน ... รู้ทั้งรู้ เรียนก็สูง พ่อแม่ก็อบรมดี ยีนก็สมบูรณ์ .. แต่ ไม่ข้ามถนนตรงทางข้าม .. รู้ไหมว่าอันตราย ...  รู้ รู้ไหมว่าโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุมากกว่าข้ามตรงทางข้าม หรือสะพานลอย ....รู้ รู้ไหมว่าถ้าเกิดขึ้นแล้ว  ไม่ใช่แค่ตัวเองจะสูญเสีย ..พ่อแม่ ครอบครัว ประเทศชาติ จะสูญเสียไปด้วย รวมไปถึงคู่กรณีครอบครัวคู่กรณีด้วย.....รู้ แต่ คนดังกล่าว ก็ยังทำ ...  ยิ่งถ้าไม่ห้าม ก็จะไม่มีใครสนใจข้ามทางม้าลายหรือสะพายลอย จึงจำเป็นต้องมีกฎ  ออกมาทำโทษคนที่ฝ่าฝืน ...  เพื่อตัวเค้าเองแท้ๆ .. ดังนั้น .. การห้ามของเล่นเชิงวิทยาศาสตร์ จึงมีเหตุและผลคล้ายๆกัน เมื่อไหร่ที่ทุกคนมีสำนึกที่จะระแวดระวังตัวเอง (ง่ายๆแค่เรื่องข้ามถนน) ก็จะสามารถสั่งสอน และ ดูแล เด็กๆ ในเรื่องนี้ได้ .. ของเล่นแบบนี้ก็จะไม่ถูกห้าม ...ครับ จากคุณ : ทุ่มเท เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 09:19:51

ความคิดเห็นที่ 20 อยู่ทีพ่อแม่มากกว่า ไอ้พวกนั้นผมเล่นมาหมดตั้งแต่ยังไม่จบป6 แต่ไม่เคยทำอะไรแผลงๆให้ตัวเองเดือดร้อนเลย จากคุณ : ผีฟรีคิก เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 10:14:05

ความคิดเห็นที่ 21 สำหรับคนเป็นพ่อแม่ ก็อยากจะให้ควบคุมของเล่นประเภทนี้ค่ะ เพราะวันๆหนึ่ง เค้าอยู่ที่โรงเรียนตั้ง 7-8 ชั่วโมง เราไม่รู้ว่าคุณครูเค้าจะสามารถดูแลลูกเราได้ตลอดเวลาหรือเปล่า พ่อแม่เด็กบางคน ก็สรรหาของมาให้ลูกเล่น โดยที่ไม่คิดพิจารณาเลยว่ามันอาจเป็นอันตรายกับลูกได้ เด็กๆ เองเค้าก็ยังไม่สามารถรู้ได้ว่ามันอันตรายยังไง เพราะฉะนั้น กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ จากคุณ : Angel4Phoenix เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 10:35:21

ความคิดเห็นที่ 22 งั้นชุดเคมีที่ขายอยู่ในซีเอ็ด ที่ไว้ทำพวกสบู่ น้ำยาล้างจานฯลฯ ซึ่งเน้นกลุ่มเด็กให้ซื้อไปทดลอง เดี๋ยวก็คงถูกห้ามสิ อีกหน่อย รับรองว่า ชุดคิตอิเล็กทรอนิกส์ก็คงโดนห้ามด้วย เพราะว่าอันตรายจากหัวแร้ง และสารเคมีในฟลักซ์ และลวดบัดกรี รวมถึงอันตรายจากอุปกรณ์ระเบิดเมื่อต่อผิด เออ เด็กคงจะโง่ดักดานไปอีกนานทีเดียว กว่าผู้ใหญ่ยุคนี้จะตายหมด วิธีป้องกันง่ายๆ มันไม่ทำ ก็แค่อนุญาตให้ขายเฉพาะในโรงเรียนโดยครู และมีผู้ใหญ่แนะนำ รวมทั้งมีฉลาก วิธีเล่น และอันตรายที่จะเกิดขึนใส่ลงไปด้วย มันก็จบแล้ววววว อีกอย่าง  ใช้วิธีง่ายๆ ของเล่นเคมี ให้ใส่กลิ่นเหม็นๆ หรือรสขมๆ ใส่ไว้ด้วย กันเด็กเอาไปกิน มันก็จบเรื่อง ง่ายนิดเดียว มันจะยากตรงไหนฟระ สมัยผมเด็กๆ ไม่มีเด็กคนไหนเอาเม็ดฟู่ หรือน้ำกรดใส่จรวดไปกินเล่นเลยนะครับ  เพราะเขาบอกชัดๆ เลยว่าเล่นอย่างไร  เม็ดนั่น รวมทั้งกรดน้ำส้มก็มีกลิ่นเหม็นๆ ไม่มีเด็กที่ไหนอุตริเอาไปกิน แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 52 11:24:04 จากคุณ : NaCl เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 11:22:46

ความคิดเห็นที่ 23 ตอนเป็นเด็กประมาณ 5 ขวบ พี่ชายพาไปซื้อตัวการ์ตูน มาแช่น้ำแล้วก็พองออกๆ ตอนนั้นรู้สึกสนุกมากเลย พากันทดลองแข่งกันว่าใครจะทำให้มันขยายได้ใหญ่สุด แต่เล่นได้แค่แป๊บเดียว ร้านที่ขายก็ต้องเก็บ เพราะมีข่าวว่า มีเด็กปัญญาอ่อนที่ไหนไม่รู้ กินเข้าไป ตอนนั้นจำได้ว่าคนขายและพี่ชายบอกว่า ห้ามกิน ถ้ากินแล้วจะตาย แต่ก็พากันลองเอาลิ้นแตะๆ มันไม่มีรสชาติเลย และไม่อร่อยด้วย ก็ยังสังสัยจนถึงทุกวันนี้ว่าเด็ก(ปัญญาอ่อน)ที่ตาย มันแหลกเข้าไปได้ยังไง ที่ต่างประเทศอย่างญี่ปุ่น ของเล่นชิ้นนี้ยังมีขายอยู่จนถึงทุกวันนี้ ทั้งที่ประชากรเค้าเยอะกว่าเรา ส่วนตัวแล้วไม่เชื่อว่าที่ญี่ปุ่นเด็กจะฉลาดกว่าเด็กไทยหรอก และไม่เชื่อว่าจะไม่มีเด็กคนไหนกินของเล่นแล้วตาย มันต้องมีเหมือนกับบ้านเราแหละ แต่ที่ต่างกันก็คือ เขาไม่สั่งห้ามของเล่นเหมือนไทย ลองมองในอีกมุม แม่เข้าแอบดูลูกเล่นอินเตอร์เน็ต ปรากฏว่าลูกกำลังดูเว็บโป๊อยู่ แม่ตกใจมาก แต่แทนที่จะสั่งห้ามลูก และหาวิธีป้องกัน แม่กลับใช้วิธีง่ายๆสำหรับคนโง่ทำคือ โทรแจ้ง ICT แล้ว เว็บนั้นก็โดนบล็อค แม่ก็สบายใจ... หารู้ไม่ว่าเว็บมันเกิดขึ้นทุกวัน ยิ่งห้ามลูกก็เหมือนยิ่งยุ และที่สำคัญเหนืออื่นใด แม่ไม่เคยมองเลยว่า คนอื่นที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาเล่นแล้วไม่ทำให้ใครตาย เขาจะเดือดร้อนหรือเปล่า แม่ไม่สน เพราะแม่สนแค่ว่าห้ามลูกตัวเองได้เป็นพอ คนอื่นๆจะเป็นยังไงช่างหัวมัน นี่แหละความคิดแบบไทยๆ ซึ่งคนส่วนหนึ่ง(หรือส่วนใหญ่) ยังเป็นอยู่ ความเจริญทางด้านจิตใจของคนไทยส่วนหนึ่ง(หรือส่วนใหญ่) ยังต่ำอยู่มาก สังเกตได้จากการเคารพความรู้สึกของคนอื่น และความแฟร์ที่จะยอมรับความชอบที่แตกต่าง จึงมักจะกำจัดสิ่งที่ตนไม่ชอบออกไปให้พ้นจากสังคม โดยไม่สนว่าคนที่เขาดูแลตัวเองได้จะรู้สึกยังไง แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 52 11:36:54 จากคุณ : (-_-") เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 11:36:20

ความคิดเห็นที่ 24 ประเทศเราโทษสิ่งของที่ไม่ก่อรายได้ให้กับสังคมของตัวเองมากกว่าตัวบุคคลเสมอแหละครับ อย่างเช่น มีกรณีที่ครูตีนักเรียนรุนแรง ก็แก้โดยการเผาไม้เรียวทิ้ง เหมือนเป็นการประกาศว่าไม่มีไม้เรียวก็จะไม่มีการตีเด็ก หรือ เอ๊ะอะ อะไรก็โทษเกมมอมเมาเยาวชน แต่ไม่โทษละครที่มอมเมาผู้ใหญ่ เพราะอุตสหกรรมเกมในประเทศเรา ทำรายได้น้อยกว่าวงการมายาเยอะ... จากคุณ : mermanoid เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 11:42:34

ความคิดเห็นที่ 25 กรุณาอ่านข้อความที่ให้และข้อความใน link ทั้งหมดเพื่อประกอบการพิจารณาก่อน ของที่คิดว่าเป็นของเล่นที่ห้ามขายถาวรในขณะนี้มี - ของเล่นชนิดพองตัวเมื่อแช่น้ำหรือตัวดูดน้ำ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2527/D/176/4812.PDF - "ลูกโป่งวิทยาศาสตร์" หรือ ลูกโป่งพลาสติก หรือ "Blowing balloon" (ห้ามขายถาวร) http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2549/00179795.PDF - เครื่องเล่นฉีดน้ำที่มีลักษณะเป็นกระบอกสูบและใช้แรงอัดกระแทกน้ำในกระบอกสูบโดยตรง http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2550/E/094/41.PDF ข้อมูลนอกจากนี้ ไม่ปรากฏว่าห้ามขาย วัตถุที่ไม่ได้ห้ามขาย แต่ห้ามแถม - ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๓๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๑ เรื่อง การห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายอาหารที่มีการบรรจุสิ่งอื่นหรือวัตถุอื่นที่มิใช่อาหารในภาชนะบรรจุอาหารและหีบห่อ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2551/E/162/9.PDF - คำชี้แจงของ อย. http://newsser.fda.moph.go.th/food/file/Laws/Announcement%20of%20the%20Food%20and%20Drug%20Administration/Explain_Notification_310(2551).pdf คำสั่งของภาครัฐใดที่คิดว่าไร้เหตุผล ไม่เหมาะสม ให้ทำหนังสือโต้แย้งไปที่หน่วยงานเจ้าของเรื่องนั้นก่อน หากไม่คืบหน้า ไม่ปฏิบัติตาม ไม่เห็นด้วย ก็เตรียมขึ้นศาลปกครอง หลายคนก็คงได้เห็นอำนาจของศาลปกครองกันแล้วว่ามีผลอย่างไร จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 11:50:36

ความคิดเห็นที่ 26 เพิ่มเติม ข้อมูลที่นำมาใช้ในการประกอบการตัดสินใจของภาครัฐว่า ของเล่นใดห้ามขายนั้น มักมาจากกลุ่มแพทย์หรือกลุ่มที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยในเด็ก เป็นหลัก ลืมบอกไปว่า ของที่ห้ามเล่น (ที่เขาประกาศมาทั้งหมดนั่นล่ะ) เว็บที่ห้ามดูทั้งหลายเหล่านี้ (ทั้งเว็บที่ห้ามดูเพราะยั่วยุ และห้ามดูเพราะเรื่องความมั่นคงของชาติ) เราก็เคยเล่น เคยดูมาหมดแล้ว แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 52 11:59:48 จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 11:54:39

ความคิดเห็นที่ 27 หากไม่ออกกฏห้ามของเล่นดังกล่าว แล้วเกิดเหตุน่าสลดใจขึ้นมา มันได้ไม่คุ้มเสียครับ อะไรที่เค้าออกกฏห้ามก็ไม่ควรให้เด็กเล่นครับ ของเล่นอย่างอื่นให้เด็กเล่นได้มีถมไป และกฏพวกนี้ส่งผลไปถึงบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ ให้พัฒนาการผลิตการออกแบบของเล่นให้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้ซึ่งเป็นเด็กๆมากยิ่งขึ้นด้วยครับ ผมเห็นด้วยกับการออกกฏห้ามจำหน่ายที่ว่าจริงๆครับ จากคุณ : Nosfaratu Zord เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 12:26:51

ความคิดเห็นที่ 28 ผมเห็นด้วยกับคนออกกฏนี้ครับ ที่ทำไปก็เพราะว่าห่วงใยลูกหลานเราทั้งนั้น บางทีเด็กๆไม่รู้หรอกว่ามันเป้นพิษไหมแต่ก็ซื้อเพราะว่ามันมีขาย เอาเข้าร่างกายแล้วอันตราย กันไว้ก่อนดีแล้ว กฎคือ ข้อบัญญัติที่ตั้งไว้อันเนื่องมาจากความผิดพลาดในอดีตครับ จากคุณ : ปิติกับเจ้าแก่ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 13:01:10

ความคิดเห็นที่ 29 บางอย่างการห้ามขายก็เป็นการป้องกันที่ดีนะครับ ในวัยเด็ก บางทีการที่เราไปสั่งสอนให้ความรู้ ด้วยความที่เค้ายังเด็กอยู่ สอนไปอาจจะไม่สนใจอ่ะไรก็ได้ ที่ต้องห้ามขาย ก็เพราะว่ามันเคยเกิดเคสอันตรายต่อเด็กมาจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการกินตุ๊กตาบวมน้ำ ผงจรวด หรือว่าลูกโป่งเคมี ของบางสิ่งบางอย่าง มันไม่ใช่ของเล่นสำหรับเด็กที่ยังไม่รู้ประสาว่าอ่ะไรควรไม่ควรหรอกนะครับ จากคุณ : torwat_fc เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 13:04:18

ความคิดเห็นที่ 30 อเมริกามีเรียกเก็บของเล่นที่เป็นอันตรายต่อเด็กออกจากตลาดทั้งหมด นั่นทำโดยผู้ผลิตเอง ซึ่งถ้าไม่ทำก็โดนฟ้องแรงมากๆแน่นอน แต่ในไทย ผู้ผลิตที่ไหนจะมาสนใจเด็กตายไปคนสองคนล่ะครับ? ในเมื่อผู้ผลิตไม่รับผิดชอบจุดนี้ รัฐจะออกมาตรกาณ์ป้องกันไว้ก่อนมันผิดตรงไหนครับ? เด็กยังไงก็คือเด็ก ตอบสนองต่อของเล่นอยู่แล้ว ต่อให้ป้องกันด้วยวิธีผลิตมาดีแค่ไหน เขียนคำเตือนดียังไงก็มีโอกาสเกิดปัญหาขึ้นได้ครับ และต่อให้พ่อแม่ดูแลดีแค่ไหนมันก็ยังหลุดได้เพราะเราไม่สามารถดูแลทั้งสังคมได้ครับ อาจจะเป็นบ้านอื่นไม่ดูแล ร้านค้าไม่รับผิดชอบ ผู้ผลิตไม่มีจิตสำนึก ก็เป็นได้หมด ถ้าถึงตอนนั้นใครผิดก็ไม่รู้นะครับ และไม่ได้เปลี่ยนความจริงว่าเด็กตายทั้งที่เราป้องกันได้ด้วยครับ จากคุณ : sleeper_j เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 13:26:52

ความคิดเห็นที่ 31 มันผลิตมาสำหรับประเทศที่ระบบการศึกษาพัฒนาแล้ว จากคุณ : เสือต้าน เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 13:34:10

ความคิดเห็นที่ 32 ลองคิดถึงหัวอกคนที่เป็นพ่อแม่ดูบ้างซิคะ เราก็อยากให้ลูกเราเล่นของเล่นที่ปลอดภัย แล้วเราเองก็ไม่มีปัญญาเฝ้าลูกได้ 24 ชั่วโมง ...นึกถึงตอนที่เรียนแลปเมื่อสิบปีก่อนโน้น ตอนทำแลปมันก็มีอันตรายนะ ถึงจะมีอาจารย์คอยดูแล แต่เราก็ต้องทำอย่างระมัดระวัง จากคุณ : เต่าพันปี เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 15:22:45

ความคิดเห็นที่ 33 ก่อนอื่นเอาฉากตบตีและฉากด่าโวยวาย ออกจากละคอนที่ฉายในทีวีให้หมดก่อนดีกว่ามั้งครับ ถ้าอยากแก้ปัญหาที่ปลายเหตกันน่ะ หุหุ(ทำไม่ได้ละซิ) จริง ๆ ก็มีอีกหลายเรื่องเลย เหอ ๆ แต่เอาเหอะ รุ้ ๆ กันแค่ยกตัวอย่างซักอันเท่านั้น... ตอบเจ้าของกระทู้หน่อย คนไทยเรา(ส่วนใหญ่) ไม่ค่อยมีใครโทษตัวเองหรอก มีปัญหาเหรอ? หาแพะ!! และโยนให้มันไป เห็นอะไรขวางตา ไม่ถูกใจ? หาเรื่องไม่ดีและโวยวายไป มันก็งี้ละนะ แต่ก็นะกระทรวงไดโดเสาของไทย ก็ขยันทำงาน และแพร่พันธุ์แอบแฝงอยุ่กระทรวงอื่นเต็มไปหมด ต้องทำใจครับ ผมยอมรับได้ที่จะเรียกเมืองไทยเมืองพุธ ไม่ผิดอะไร แต่จะห้ามโน้น ห้ามนี่ โดยบอกว่าเราเมืองพุธมันไม่ควร มันไม่ดี บราๆ ๆ โน้นนี่... มันไม่ใช่แล้วแหล่ะ ถ้าพูดงั้นจริง ทำได้ทุกอย่างมั้ย? กับเด็ก วัยรุ่น เคร่ง กับอะไรที่เกี่ยวกับผู้ใหญ่ผ่าน(เกือบ)หมด พอละดีกว่า ยิ่งพูด เดี๋ยวจะยิ่งยาว... หนักใจ... แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 52 16:46:38 จากคุณ : Lucky Man. เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 16:39:07

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าเป็นลูกหลานคุณโดนบ้างล่ะครับ จะออกมาให้สัมภาษณ์ไหม "ลูกผมเขาโง่เองแหละ  (พันธุกรรมพ่อแม่มัน) ถึงต้องมาตายอย่างอนาถแบบนี้ ไม่ใช่ความผิดของ พ่อค้า และหน่วยงานราชการหรอกครับ" ที่เห็นๆ ก็มีแต่ออกมาเรียกร้องหาคนรับผิดชอบทั้งนั้น ยิ่งถ้าฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายได้แบบ USA คงจะเงินสะพัดยิ่งกว่าแจก 2,000 บาท ไม่แน่ อาจจะกลายเป็นคนดังแห่งปีด้วยนะ * แก้ไข ลดความรุนแรงของสำนวน แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 52 17:49:29 แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 52 17:48:26 แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 52 17:46:29 จากคุณ : อั๋น ทรงวุฒิ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 17:45:30

ความคิดเห็นที่ 35 ความเจ็บปวดจะอยู่เพียงชั่วครู่ The day the earth stood still !!! จากคุณ : sirsparrow เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 19:03:06

ความคิดเห็นที่ 36 ห้ามขายตัวพองน้ำ เพราะเด็กกินเข้าไปแล้วจะตาย ทำไมไม่ห้ามเล่นหมากเก็บบ้างอะครับ เพราะก้อนหินก็กินแล้วตายเหมือนกัน เป่ากบก็ด้วยนะ เดี๋ยวเด็กจะกินหนังยางเข้าไป จากคุณ : bluedracula เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 08:18:00

ความคิดเห็นที่ 37 ^ ^ คนละเรื่องเลยครับ กินหนังยาง กินหินเข้าไป ถ้าโชคดีก็อิ๊ออกมาหมด โชคร้ายหน่อยก็อาจต้องผ่าเอาออก โชคร้า่ยมากๆ อาจตาย แต่กินไอ้ตัวพอง โอกาสตายเยอะมาก ยิ่งเด็กขนาดอนุบาล ตายทรมานด้วย จากคุณ : alan the lamb เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 12:31:23

ความคิดเห็นที่ 38 ไอสไตน์คิดค้นทฤษฏี e=mc^2 อเมริกาเอา e=mc^2 ไปหย่อนลงญี่ปุ่น 2 ลูก ใครผิด ? จากคุณ : Pootalayw เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 13:15:23