ความคิดเห็นที่ 1   เห็นด้วยคับ แม้แต่บนโลกเราเองก็ยังมีระบบนิเวศที่ไม่ได้พึ่งพิงกับแหล่งกำเนิดพลังงานอย่างแสงอาทิตย์อยู่เลย อาศัยแค่พลังงานความร้อนจากน้ำพุร้อนใต้มหาสมุทร ก่อเกิดเป็นระบบนิเวศที่อาจจะเรียกได้ว่า อาณานิคมต่างดาว เลยก็ได้ จากคุณ : burst เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 08:35:02 A:10.192.46.193 X:202.80.240.3 TicketID:239663

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าเอาหนังสือการ์ตูนเป็นบรรทัดฐาน อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ จากคุณ : false เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 08:40:10

ความคิดเห็นที่ 3 นักวิทยาศาสตร์ไม่ใช่นักฝันนะครับ เค้าก็ต้องกำหนดหลักเกณฑ์ออกมาว่าที่ไหนน่าจะมีสิ่งมีชีวิต ที่ไหนน่าจะไม่มี แล้วอะไรจะดีกว่าใช้หลักเกณฑ์สิ่งมีชีวิต"แบบที่เรารู้จัก" เช่นที่นักวิทยาศาสตร์พยายามหาน้ำบนดาวอังคาร เพราะว่าเค้าเรียนรู้จากโลกเราว่า ถ้าเจอน้ำก็จะเจอสิ่งมีชีวิตมากมายไงครับ ไม่งั้นก็ไม่มีหลักในการค้นหาเลย จะให้เดินเตะฝุ่นหาไปทั่วดาวรึไงล่ะครับ ด้วยเหตุนี้เลยเป็นช่องว่างให้พวกเล่นพลังจิต มีพลังวิเศษ เอามาอ้างได้ว่าเขาติดต่อกัยมนุษย์ต่างดาวได้ เพราะไม่มีใครมาพิสูจน์ได้ไงครับว่าเค้าทำได้จริง จากคุณ : elvish346 เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 08:47:35

ความคิดเห็นที่ 4   บนโลกก็มีนะ พวกสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในสภาพแวดล้อมสุดขั้ว(ของคน) เช่นซัลเฟอเยอะๆร้อนๆ จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 08:48:09 A:58.137.175.82 X: TicketID:208572

ความคิดเห็นที่ 5 ตั้งแล้วครับ ตั้งมานานแล้วด้วย เฉพาะสิ่งมีชีวิตพื้นฐานจาก คาร์บอน-ไนโตรเจน นักวิทยาศาสตร์ ก็ขยายขอบเขตสภาวะแวดล้อมที่รอดชีิวิตได้ออกไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่มีข้อมูลใหม่ อย่างเช่นเมื่อก่อนเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตอยู่ในอุณหภูมิสูงมากไม่ได้ ตอนนี้ก็พบข้อมูลว่าอยู่ได้ จากขอบเขตไม่กี่สิบองศาเซลเซียส ก็ขยายไปเรื่อยๆ ตอนนี้เพดานสูงสุดอยู่ที่ Strain 121 สิ่งมีชีวิต Family เดียวกับ Pyrolobus fumari ที่ทนได้ถึง 121 องศาเซลเซียส หรือ Colwellia psychrerythraea strain 34H ที่อยู่ในไนโตรเจนเหลวได้ ถ้ายังไม่รู้ วิชาการสาขานี้เรียกว่า Astrobiology ครับ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 08:50:43

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าสิ่งมีชีวิตต่างดาวทันสภาพแวดล้วมที่เลวร้ายได้ ดวงจันทร์ของเราก็คงมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ผมไม่เชื่อหรอกว่า นอกจากโลกแล้วจะมีสิ่งมีชีวิตที่มีความเจริญกว้าวหน้าแบบมนุษย์ ถ้าจะมีก็คงปรเมาณเชื้อโรค ไดโนเสาก็คงยังไม่มี จากคุณ : cazan เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 08:59:00

ความคิดเห็นที่ 7   นักวิทยาศาสตร์ทำอะไรก็ต้องอิงกับหลักการครับ ถึงตัวเองจะเชื่ออีกอย่าง แต่ถ้าไม่มีข้อพิสูจน์หรือคำอธิบายก็คงไม่ทำเป็นทางวิชาการ อย่างจขกท.คิด ชาวบ้านทั่วไปก็คิดอย่างนั้น แต่มันก็แค่จินตนาการ ทางวิชาการก็ต้องรู้ก่อนว่านิยามสิ่งมีชีวิตคืออะไรต้องประกอบด้วยอะไร สิ่งแวดล้อมที่อยู่ได้เป็นยังไง ไม่งั้นคงต้องตรวจสอบดาวทุกดวงมั่วไปหมด แต่ลึกๆแล้วผมก็ว่านักวิทยาศาสตร์ก็คงคิดเหมือนชาวบ้านทั่วไปนี่แหละ จากคุณ : mon เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 09:11:38 A:58.64.85.75 X: TicketID:111025

ความคิดเห็นที่ 8 คห.3 นั่นไงครับ ผมถึงบอกว่า มนุษย์เราสรุปจากบรรทัดฐานที่ทราบเท่านั้น ทำไมไม่คิดนอกกรอบจากนั้น ทั้งๆที่ไม่มีหลักการหรือเหตุผลอะไรทั้งนั้น ที่จะมาห้ามความเป็นไปได้ในข้อนั้น คือถ้าไม่มีน้ำปุ๊ป ก็ต้องไม่มีสิ่งมีชีวิตแล้วหรือ สรุปเอาจากบรรทัดฐานเดียวกับต้นกำเนิดสิ่งมีชีวิตบนโลกเนี่ยนะ คือไม่ผิดครับ ที่นักวิทยาศาสตร์ จะกำหนดหลักเกณฑ์ข้อจำกัดในการค้นพบ สิ่งมีชีวิต แต่ก็ไม่ควรสรุปว่า "ถ้านอกเหนือหลักเกณฑ์นี้แล้ว จะไม่มีสิ่งมีชีวิต" เอาแค่บนโลก มนุษย์เรายังไม่สามารถดำรงชีวิตในน้ำได้เลย แต่ปลากล้บว่ายได้ฉิว ดังนั้น ถ้าเปิดกว้างเรื่องสมมติฐาน โดยไม่เอาบรรทัดฐานของมนุษย์เท่านั้น มาวัด ผมว่า ก็มีโอกาสนะครับ ที่จะคิดไปว่า "ต่างดาว ก็น่าจะมีสิ่งมีชีวิต" แล้วผมก็มองไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องไร้สาระเพ้อฝันตรงไหนนี่ครับ ย้อนไป 5 พันปีที่แล้ว คุณคิดว่าจะมีใครค้นพบแผ่นดินออสเตรเลียมั้ย แผ่นดินใหญ่ยักษ์ที่เป็นเกาะ แต่กลับมาตั้งไกลปู๊นซะขนาดนี้ หากตอนนั้นมีใครบอกว่า จะมีแผ่นดินใหญ่ยักษ์ขนาดนี้อยู่ คงโดนหาว่าบ้า กรณีนี้ก็น่าจะเหมือนกันนะครับ จากคุณ : Cybersin เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 09:16:49

ความคิดเห็นที่ 9 Astrobiology (ชีวดาราศาสตร์) เป็นแขนงวิชาใหม่ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่หลักสูตรในเมืองไทยไม่มีสอน อยากเรียนต้องไปเมืองนอก ขอบเขตการศึกษาของ Astrobiology ศึกษาความเป็นไปได้และการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตในอวกาศโดยอาศัยหลักฐานเชิงประจักษ์ (ไม่ใช่นั่งทียน จินตนาการเอาเอง) การค้นพบ extremophile (จุลินทรีย์ที่อาศัยในสภาวะสุดโต่งเช่น ภูเขาไฟ น้ำพุร้อน ใต้ชั้นน้ำแข็งหนาเป็นกิโลเมตร สถานที่ที่มีความเข้มของกัมมันตรังสีสูง) ชนิดใหม่ๆก็เป็นการขยายขอบเขตความเป็นไปได้ที่จะมีสิ่งมีชีวิตบนดาวอื่นซึ่งสภาพแวดล้อมต่างจากโลก มีอีกศาสตร์หนึ่งที่แยกออกจาก Astrobiology คือ Xenobiology (ชีววิทยาประหลาด?) อันนี้นี่ค่อนข้างนั่งเทียนกว่า Astrobiology และมักไม่ถูกจัดเป็นวิทยาศาสตร์สายหลัก พวกนี้ Xeno จะใช้"จินตนาการ"ความเป็นไปได้ของสิ่งมีชีวิตในดาวอื่นนอกจากโลกจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์เช่น สิ่งมีชีวิตในรูปแบบซิลิกอน (silicon based organism) เป็นต้น จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 09:17:11

ความคิดเห็นที่ 10   เพราะการสรุปว่ามันมีสิ่งมีชีวิตมันเป็นการฝันเฟื่องที่ขัดแย้งกับทั้งความรู้และผลการตรวจสอบครับ ถ้าไม่มีปัจจัยเอื้อให้เกิดสิ่งมีชีวิตคาร์บอน เราจะไปสรุปว่ามีสิ่งมีชีวิตมันก็พิลึกไปละ มันก็คือสภาพแวดล้อมไม่เอื้อต่อการมีสิ่งมีชีวิตในรูปแบบที่เรารู้จัก การเดินทางไปในอวกาศของมนุษย์ก็ยังกระเตาะกระแตะอยู่ ถ้าเราจะเลือกทำการศึกษา เราก็ควรเลือกทำการศึกษาตั้งเป้าไปที่ดาวที่ด้วยความรู้ของมนุษย์เรา มีความเป็นไปได้ที่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ก่อน ถ้าในอนาคตเรามีวาร์ปได้จริงๆ จะเดินทางไปสำรวจให้ละเอียดกว่านี้มันก็ได้ จากคุณ : ออกญาทมิฬประธาน เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 09:19:04 A:10.13.20.193 X:203.147.18.37 TicketID:246555

ความคิดเห็นที่ 11 ผมเข้าใจเรื่องจินตนาการสำคัญกว่าความรู้นะแต่ งบล่ะครับ ? งบ  แล้วเวลาด้วย  ลองคิดดูว่าแค่สำรวจไอ้ดาวในระบบสุริยะเรา กี่ดวงเอง กินเวลาเท่าไร....   ขืนสำรวจไปมั่วๆก็เหมือนตำน้ำพริกละลายอวกาศหมด มันก็ถูกน่ะครับเหมือนกับที่คุณอะธีลาสบอกว่าสิ่งมีชีวิตความอดทนสูงมันมีแน่นอน แต่ว่า   .....  มันมีกี่เปอเซนต์เชียวครับเมื่อเทียบกับแบคทีเรียในดิน จากคุณ : Munch เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 09:25:12

ความคิดเห็นที่ 12 ^ ^ เหมือนอ่าน คห.ของ จขกท. แล้วเขาก็ไม่ไ้ด้ให้สรุปฟันธงว่ามีแน่นอนนี่ครับ แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรสรุปว่าไม่มีแน่นอน น่าจะสรุปว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีหรือไม่ อะไรประมาณนั้น จากคุณ : นายหัวเห็ด เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 09:29:10

ความคิดเห็นที่ 13 ออกจะเป็นการดูถูกกันไปหน่อย หากบอกว่านักวิทยาศาสตร์นี้ช่างโลกแคบ ติดอยู่กับสภาวะแวดล้อมแคบแค่บนพื้นโลก การวิจัยด้าน Astrobiology พยายามขยายขอบเขตที่เป็นไปได้ของสิ่งมีชีวิตให้มากที่สุดแล้ว แต่อยู่บนพื้นฐาน กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ความเพ้อฝัน หากมีความเป็นไปได้ใหม่ๆก็เปลี่ยนแปลงสมมติฐานเก่าๆ เข้าไปเยี่ยมชมองค์กรชีวดาราศาสตร์ของนาซ่าได้ที่นี่ (น่าเรียนจัง หลักสูตรนี้) http://astrobiology.nasa.gov/ แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 52 09:34:44 จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 09:33:12

ความคิดเห็นที่ 14 ในภาพยนตร์เรื่อง The day the earth stood still นางเอก (Jennifer Connelly) ก็เป็นนักชีวดาราศาสตร์ ตอนต้นเรื่อง เธอกำลังสอนนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษากลุ่มหนึ่งเกี่ยวกับ extremophile และให้การบ้านนักศึกษาถามว่า จากสภาวะแวดล้อมบนดวงจันทร์ (ไอโอหรือยูโรป้า? จำไม่ได้แล้ว) ของดาวพฤหัส extremophile ชนิดใดบนโลกที่น่าจะอาศัยอยู่ได้ คิดว่านั่นก็คงเป็นการทำงานจริงๆของนักชีวดาราศาสตร์ จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 09:40:55

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่ใช่ว่านักวิทยาศาสตร์จะไม่คิดเรื่องสิ่งมีชีวิตประเภท Silicon base หรือ Metal base หรือ Carbon Base ที่ Extreme กว่านี้ เพียงแต่ยังหาหลักฐาน หรือทฤษฎีมารองรับไม่ได้ ก็เลยไม่สามารถบอกว่าดาวดวงนั้นดวงนี้มีโอกาสมีสิ่งมีชีวิต ก็ต้องบอกว่าไม่มีเอาไว้ก่อนตามหลักวิชาการที่มี Astrobiology ก้าวพ้นการใช้ความเชื่อ และบรรทัดฐานของมนุษย์ไปตัดสินแล้วครับ ตอนนี้เป็นวิทยาศาสตร์เต็มตัว ที่ต้องไปอิงกับทฤษฎี และหลักฐานเชิงประจักษ์ เช่นเดียวกับวิทยาศาสตร์แขนงอื่น ถ้าใช้ความเชื่อ มันจะไม่ใช่วิทยาศาสตร์ จะบอกว่ามีสิ่งมีชีวิตในแบบที่ไม่รู้จัก ก็ไม่ได้ แต่การที่บอกว่า "ไม่มี" ในทางวิทยาศาสตร์มันมีวงเล็บต่อท้ายโดยอัตโนมัติอยู่แล้วว่า "ในความรู้ที่มี หากมีหลักฐาน หรือทฤษฎีรองรับ คำว่า "ไม่มี" ก็อาจจะเปลี่ยนเป็น "มี" หรือ "อาจจะมี" ก็ได้ ตามแต่ความรู้ทางวิทยาศาตร์ที่เพิ่มขึ้น (ปกติวิทยาศาสตร์ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วในทุกสาขาวิชา) จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 09:51:59

ความคิดเห็นที่ 16 สุดยอดเลยครับ คุณ Crytomnesia แต่ละความเห็นของคุณ ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าบอร์ดนี้เท่าไหร่ เลยไม่รู้จักคุณ ไม่ทราบคุณทำงานด้านไหนครับ ดูจากการพิมพ์ของคุณแล้ว คุณเป็นคนเก่งแฮะ นับถือครับ ส่วนความคิดเห็นหลักของผม ก็เหมือนกับที่ คห.12 สรุปให้แหละครับ คิดแค่นั้นจริงๆครับ จากคุณ : Cybersin เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 09:53:21

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่เก่งหรอกครับ อย่าชมเลย เดี๋ยวเหลิง เรื่องที่เอามาโพสเป็นเรื่องที่สนใจ ค้นคว้าหามาอ่านด้วยตนเองครับ ไม่เกี่ยวข้องกับอาชีพที่ทำอยู่เลยสักกระผีกเดียว จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 09:56:51

ความคิดเห็นที่ 18 ผมไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้แฮะ แต่ระหว่างไอโอ กับยูโรป้า ดวงจันทร์ยูโรป้าเป็นจุดมุ่งหมายของ Astrobilologist มานานแล้วครับ เพราะเงื่อนไขต่างๆ เป็นใจกับสิ่งมีชีวิต Carbon base เหลือเกิน ในศตวรรษหน้าคงเป็น Prime Target ของการศึกษาสิ่งมีชีวิตนอกโลกทีเดียว จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 10:00:12

ความคิดเห็นที่ 19 ยูโรป้านี่ ผมอ่านเรื่องความเป็นไปได้ว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ประถมแล้วมั้งครับ ถ้าส่งยานอวกาศไปสำรวจได้จริงๆคงได้มีฮือฮา จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 10:02:42

ความคิดเห็นที่ 20   เห็นด้วยกับ คห.7 มั๊กๆ จากคุณ : เด็กโง่ (แท๊ปโก้) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 10:58:31

ความคิดเห็นที่ 21 เอ๊า เค้าถึงเรียกว่า สมมุติฐาน ไงครับ :) จากคุณ : เลือนลางร่ำไร เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 10:59:43

ความคิดเห็นที่ 22   ขออ้างอิงย้อนไปยัง คห.9 ที่บอกว่า การค้นพบ extremophile (จุลินทรีย์ที่อาศัยในสภาวะสุดโต่งเช่น ภูเขาไฟ น้ำพุร้อน ใต้ชั้นน้ำแข็งหนาเป็นกิโลเมตร สถานที่ที่มีความเข้มของกัมมันตรังสีสูง) สถานที่ที่มีความเข้มของกัมมันตรังสีสูงนี่ก็มีจุลินทรีย์อยู่ได้ด้วยเหรอครับ ไม่ได้แปลกใจว่าทำไมมันอยู่ได้ แต่แปลกใจว่ามันวิวัฒนาการมาได้ยังไง เพราะว่าสถานที่ที่มีความเข้มข้นของกัมมันตรังสีสูงบนโลกเราก็ไม่น่าจะมียกเว้นแต่ว่าเกิดจากมนุษย์สร้าง (จากความผิดพลาดเช่นเชอร์โนบิล) จากคุณ : บุคคลทั่วไป 1 คน เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 11:04:00

ความคิดเห็นที่ 23 มนุษย์ต่างดาวมีจริงครับ อยู่ที่ดาว GEN45 กับดาว แพนโดร่า -*-ขำๆนะครับ ไม่มีความรู้ด้านนี้ เข้ามาอ่านเพื่อศึกษาครับ แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 52 11:45:50 จากคุณ : แอคโชนบริเค เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 11:45:07

ความคิดเห็นที่ 24 #22 เป็นคำถามที่ดีมากครับ (ถูกใจให้กิฟท์) ผมก็ไม่ทราบเช่นกันจึงลองค้นหาดูในเบื้องต้น ยกตัวอย่างเช่น Deinococcus radiodurans ซึ่งเป็น polyextremophile (ทนสภาวะสุดโต่งได้หลายสภาวะ ทั้งรังสี ความแห้งแล้ง, ความเย็น, ความเป็นกรด, ภาวะสุญญากาศ) วิกิพีเดียมีพูดถึงประเด็นนี้เช่นกัน ใช่ว่าคำถามนี้ไม่เคยมีคนคิด แบ็คกราวด์กัมมันตภาพรังสีบนโลก ตามธรรมชาติ(ที่ไม่ใช่ฝีมือมนุษย์)นั้นเบาบางมาก จึงไม่น่าเป็นเหตุให้แบคทีเรียสามารถวิวัฒนาการเพื่อทนต่อรังสีได้ แต่จากการศึกษาระดับกลไกในการทนต่อรังสีของ D. radiodurans พบว่าการทนต่อรังสีเป็นผลพลอยได้การทนต่อสภาวะแห้งแล้งครับ A persistent question regarding D. radiodurans is how such a high degree of radioresistance could evolve. Natural background radiation levels are very low—in most places, on the order of 0.4 mGy per year, and the highest known background radiation, near Guarapari, Brazil is only 175 mGy per year. With naturally-occurring background radiation levels so low, organisms evolving mechanisms specifically to ward off the effects of high radiation are unlikely. Valerie Mattimore and John R. Battista of Louisiana State University have suggested that the radioresistance of D. radiodurans is simply a side-effect of a mechanism for dealing with prolonged cellular desiccation (dryness). To support this hypothesis, they performed an experiment in which they demonstrated that mutant strains of D. radiodurans which are highly susceptible to damage from ionizing radiation are also highly susceptible to damage from prolonged desiccation, while the wild type strain is resistant to both. In addition to DNA repair, D. radiodurans use LEA (Late Embryogenesis Abundant) protein expression to protect against desiccation. จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 12:19:26

ความคิดเห็นที่ 25   เจอเรื่องน่าสนใจ ผมคิดว่าวิทย์เองไม่ได้ห้ามว่าถ้านอกเหนือไปจากนั้นแล้วจะไม่มี เพราะคำว่าวิทยาศาสตร์ไม่ใช่สิ่งงี่เง่า แต่ว่าเราต้องหาจากสิ่งที่ง่ายและเป็นไปได้ที่สุด เช่นสภาวะที่ใกล้เคียงโลก ถ้ามีดาวแบบนี้ มันก็น่าจะมีสิ่งที่คล้ายๆกับโลกสิ ผมเคยคิดว่ามนุษย์ต่างดาวอาจมีมิติอื่นๆที่เราไปไม่ถึง อะไรทำนองนั้น แต่ผมสนใจเรื่อง extremophile ว่ามันน่าจะเอามาปรับปรุง ดัดแปลง เช่นเรื่องเกี่ยวกับยีน เพื่อสร้างยอดมนุษย์ได้มั้ย จากคุณ : INFINITE ONE เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 12:40:29

ความคิดเห็นที่ 26 น่าสนใจดี   อะ.. โหวตให้ จากคุณ : นายเดชา เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 12:45:29

ความคิดเห็นที่ 27 แบคทีเรียทนรังสีมีอีกตัวที่น่าสนใจ คือ Geobacter metallireducens มันกินยูเรเนียมเป็นอาหารซะด้วย จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 13:13:52

ความคิดเห็นที่ 28 เปลี่ยน Uranium Salt เป็น Uranium Metal จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 13:15:30

ความคิดเห็นที่ 29   ขอบคุณครับ :D ถ้าอย่างนั้นสัตว์ในทะเลทรายก็มีแนวโน้มว่าทนต่อรังสีได้ดีกว่า และก็น่ารวมถึงพืชทนแล้งด้วย (พลอยนึกไปถึงเรื่องต้นกระบองเพชรกับรังสีหน้าจอคอมแต่ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันหรือเปล่า) เ้จ้าตัว Geobacter metallireducens นี่ก็น่าสนใจ เอาไปจัดการกับกากกัมมันตรังสีได้เลย ถ้ามีแบคทีเรียที่ทนภาวะสูญญากาศได้ บางทีบนดวงจันทร์อาจจะมีพวกแบคทีเรียอยู่ก็ได้นะ ไม่ต้องไปมองไกลถึงดาวอังคารหรอก อดคิดไม่ได้ว่าพวกแบคทีเรียที่ทนภาวะสูญญากาศพวกนี้มันติดมากับอุกกาบาตหรือเปล่าน้อ จากคุณ : บุคคลทั่วไป 1 คน เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 13:48:08

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้านักวิทยาศาสตร์สรุปหรือมีความคิดอะไรที่แปลก ๆ โดยที่ไม่มีทฤษฏีรองรับที่คนส่วนมากดูแล้วคิดว่าเป็นไปได้ พวกคุณคงด่าเขาเละแน่ ๆ ว่าสติไม่ดี เลอะเลือน งมงาย แต่จะว่าไปดูนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกแต่ละคน บ้า ๆ บวม ๆ ในสายตาคนธรรมดากันทั้งนั้นเลย จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 14:15:55

ความคิดเห็นที่ 31 #29 อาจจะไม่จำเป็นเสมอไปครับ ขึ้นกับกลไกที่เซลล์ของสิ่งมีชีวิตนั้นๆใช้เพื่อทนต่อสภาวะที่ไม่เหมาะสม จะบอกว่า มีนักวิทยาศาสตร์หลายคนทีเดียวครับ ที่เชื่อว่าจุลินทรีย์จำพวก extremophile นั้นมาจากนอกโลกจะจากดาวอังคารหรือดาวหางก็ตามแต่จะว่ากันไป พวกนักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นส่วนหนึ่งเชื่อในทฤษฎี panspermia (กำเนิดสิ่งมีชีวิตบนโลกมาจากอวกาศ) อนึ่ง พวก Archaebacteria หรือแบคทีเรียยุคดึกดำบรรพ์ส่วนใหญ่ก็เป็น extremophile เพราะสภาวะแวดล้อมในโลกยุคแรกนั้นเลวร้าย(ต่อสิ่งมีชีวิต)มากครับ เมื่อเทียบกับปัจจุบัน จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 14:21:52

ความคิดเห็นที่ 32 วิทยาศาสตร์ยอมรับแนวคิดที่ต่างไปเสมอครับ ถ้ามีหลักฐานที่ หรือ มีกรอบความคิดที่ดีพอ ไม่ใช่ จู่ ๆ ก็บอกว่า มีมนุษย์ต่างดาวหน้าตาเหมือนอีที อยู่บนดาวอังคาร โดยไม่บอกอะไรเพิ่มเติม หรือ ไม่อธิบาย ว่าอยู่ได้อย่างไร เกิดขึ้นมาได้อย่างไร แบบนี้ วิทยาศาสตร์ไม่ยอมรับฮะ จากคุณ : คุณชินโซ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 14:50:12

ความคิดเห็นที่ 33 เพราะมันเป็น "มนุษย์" ต่างดาว ไงครับ ไม่ใช่ "สัตว์ประหลาด" ต่างดาว ดังนั้นอะไรที่"มนุษย์" อยู่ไม่ได้ มันก็อยู่ไม่ได้ด้วยเช่นกัน ขืนอยู่ได้มันก็ไม่ใช่ "มนุษย์"อ่ะสิ จากคุณ : Greaty O-U!! เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 15:33:40

ความคิดเห็นที่ 34 คิดว่านักวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้ถึงกับปิดตายเสียทีเดียวหรอกครับ แต่เรียกว่า "ความเป็นไปได้น้อย" ที่จะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บนดาวดวงนั้น เพราะต้องอย่าลืมว่า บนโลกของเรา ก็มีธาตุต่างๆ ชนิดเดียวกับที่มีบนอวกาศเป็นส่วนใหญ่ทั้งนั้น  ดังนั้นในเมื่อธาตุอื่นๆ ที่มีบนโลกไม่สามารถรวมตัวกันจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตได้บนโลกได้เหมือนกับคาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน และไนโตรเจน แล้วในอวกาศจะมีเงื่อนไขอะไรที่ทำให้ธาตุอื่นๆ สามารถรวมตัวกันเป็นสิ่งมีชีวิตได้ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลเช่นกันว่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเมื่อไม่มีข้อมูลมายืนยันชัดเจนว่า บนดาวดวงอื่น จะสามารถให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตในรูปแบบอื่นได้จริงๆ ก็ต้องสรุปในสิ่งที่ใกล้เคียงกับที่เราเห็นบนโลกไว้ก่อนละครับ แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 52 17:10:43 จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 17:09:14

ความคิดเห็นที่ 35 ปัญหามันอยู่ที่ว่า เราไม่เคยมีตัวอย่างสิ่งมีชีวิต จากนอกโลกมาก่อน ทำให้เราต้องค้นหาสิ่งมีชีวิต โดยอาศัย บรรทัดฐานจากโลก ถ้าไม่มีบรรทัดฐานเลย ก็เท่ากับว่า อะไรก็เป็นไปได้ ถ้าอะไรก็เป็นไปได้ เราคงค้นหา กันไม่ไหว เพราะแม้แต่กำหนดโดยอาศัยบรรทัดฐานจากโลก ก็ยังเป็นสิ่งที่ยากกว่า งมเข็มในมหาสมุทธ ถ้าเราต้องค้นหา จากทุกดวงดาว ทุกๆ สะเก็ดดาว ทุกๆดาวฤกษ์ เมื่อไร เราจะเจอ เราต้องเสียงบประมาณเท่าไรในการหา ในขณะที่ทรัพยากร เราก็มีจำกัด การตั้งสมมติฐาน และหลักในการค้นหา มันคงง่ายกว่า การจะหาไปทั่ว อย่างสบู่ ถ้าเราตั้งสมมติฐานไปว่า มันน่าจะอยู่ที่ๆคล้ายที่อาบน้ำ มันคงจะหาได้ง่ายกว่า การหาตั้งแต่ ใต้เตียง ตู้ที่นอน ยันสนามหญ้า  จริงไหม จากคุณ : ZGMF-X10A เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 17:56:00

ความคิดเห็นที่ 36 เอ้า โหวตตตตต!!!!!!! จากคุณ : ต้นไม้ยักษ์สีเขียว เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 19:14:21

ความคิดเห็นที่ 37 ชอบการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแบบกระทู้นี้มากๆครับ ชอบ โหวตตตต!!! จากคุณ : knine2five เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 19:38:55

ความคิดเห็นที่ 38 ถ้าสร้างบรรทัดขึ้น แสดงว่า สิ่งๆนั้นต้องคล้ายหรือเหมือนกับ สิ่งที่ตั้งขึ้นสิ จากคุณ : จ่าซอส เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 20:33:07

ความคิดเห็นที่ 39   คือ ทุกวันนี้ที่นักวิทยาศาสตร์ ค้นหาชีวิต นอกโลกบนดวงดาวอื่น โดยใช้บรรทัดฐานของสิ่งมีชีวิตบนโลก เพราะการหาที่อยู่ใหม่ของมนุษย์เป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนอันดับ 1 ของการค้นหานี้ครับ จากคุณ : W-Soul (W-Soul) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 22:43:27

ความคิดเห็นที่ 40   จากที่เข้าไปหาข้อมูล มันกินโลหะ เข้าไปเพื่อใช้เป็นหัวรับอิเล็กตรอนใช่เปล่าครับเนี่ย น่าสนใจอยู่ทีเดียว จากคุณ : W-Soul (W-Soul) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 22:44:45

ความคิดเห็นที่ 41 เคยอ่านว่าชาวต่างดาวบางพวกไม่ได้มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ เพราะดาวของเขามีแต่ธาตุโบรอน ก็เลยมีโบราอนเป็นองค์ประกอบ บางดวงมีแรงโน้มถ่วงสูงมนุษย์ดาวนั้นก็เลยเหมือนโคลนเหลว กระดึ๊บๆไป แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 52 23:22:21 จากคุณ : jesdath เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 23:21:17

ความคิดเห็นที่ 42 ผมก็คิดอย่าง จขกท. ละครับ ยกตัวอย่างให้มัน extream สุด ๆ อาจมีสิ่งมีชีวิตบนดวงอาทิตย์ กินไฟเป็นอาหาร หายใจด้วยไฮโดรเจน หรือเป็นรูปแบบที่เราคาดไม่ถึงเลยก็เป็นได้ แต่อย่างว่า นักวิทยาศาสตร์ก็ต้องยึดเอารูปแบบ ที่พิสูจน์แล้ว จากบนโลก ซึ่งน่าจะเป็นไปได้มากที่สุด เป็นหลักไว้ก่อน จากคุณ : Multiverse เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 23:27:26

ความคิดเห็นที่ 43 คห.28 มองเผินๆ คิดถึงข้าวเหนียวใบเตย จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 23:32:59

ความคิดเห็นที่ 44 งั้นผมขอคิดเล่นๆละกันนะครับ ไอ้เชื้อโรคที่มนุษย์เอาติดตัวไปน่ะ มันจะไปตกลงในดาวต่างๆที่ไปสำรวจละก้อ พัฒนาไปเรื่อยๆๆๆๆๆ จากคุณ : Kunzite เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 00:04:21

ความคิดเห็นที่ 45 เพราะเหตุผลมันเริ่มมาตั้งแต่บิ๊กแบงครับ หลังจากเกิดบิ๊กแบงแล้ว ธาตุส่วนใหญ่ที่ถูกผลิตขึ้นมา มากกว่า 90%เป็นไฮโดรเจน และอีก8%เป็นฮีเลียม แต่ฮีเลียมนั้นเป็นธาตุเฉี่อยที่ไม่ทำปฏิกิริยา ไฮโดรเจน จึงเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายมากที่สุดที่จะทำปฏิกิริยาสร้างสิ่งต่างๆ ลิเทียมนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากบิ๊กแบงเหมือนกัน แต่ทว่ากระบวนการฟิวชั่นของดวงดาว ได้ทำลายลิเทียมไปเรื่อยๆ เบอริลเลียมกับโบรอน ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับบิ๊กแบง แต่ทว่ามีปริมาณไม่มากนัก และหาได้ยาก คาร์บอน ถูกสร้างขึ้นมากจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ของดาวฤกษ์ และถูกพัดเป่ากระจัดกระจายไปทั่วเมื่อดาวฤกษ์หมดอายุขัยลง คาร์บอนนั้นหาได้ง่าย มีความหลากหลายในการทำปฏิกิริยา(มี4แขน) และธาตุที่หาได้ง่ายพอๆกันคือไนโตรเจนและออกซิเจนที่มีความว่องไวในการทำปฏิกิริยา ความเป็นไปได้ที่จะเกิดสิ่งมีชีวิต ซิลิกอน นั้น ถึงแม้ซิลิกอน จะมี4แขนเช่นเดียวกับคาร์บอน แต่ทว่าซิลิกอนนั้นมีจำนวนน้อยกว่าคาร์บอนในเอกภพนับสิบเท่า อีกทั้งพันธะระหว่างซิลิกอนกับอะตอมธาตุต่างๆ ไม่แข็งแรงเกินไป ก็อ่อนเกินไป เช่นเมื่อซิลิกอนรวมกับออกซิเจน เป็นซิลิกาไดออกไซด์ ที่เป็นของแข็งที่จุดหลอมเหลวสูง ความเป็นไปได้ที่จะมีสิ่งมีชีวิตแปลกๆ นักวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้ตัดทิ้งทั้งหมดซะทีเดียว แต่การค้นหาปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อการเกิดสิ่งมีชีวิตที่เรารู้จักนั้น ทำได้ง่ายกว่ามาก เช่นการค้นหาน้ำ หากมีน้ำการเกิดสิ่งมีชีวิตคาร์บอน ก็จะมีโอกาสเกิดได้สูง และเป็นการลงทุนที่ง่าย มีความเสี่ยงน้อย จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 00:29:46

ความคิดเห็นที่ 46   ถ้าไม่สร้างบรรทัดฐานอะไรขึ้นมาสักอย่าง งั้นบนดาวทุกดวงก็มีโอกาสมีสิ่งมีชีวิตหมดแหละครับ   ครับ... แล้วทีนี้จะทำยังไงต่อ มันมีทุกดวงเลยแบบนี้- -" จากคุณ : kindraywind เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 01:05:57

ความคิดเห็นที่ 47 เชื่อเหมือนคุณจขกท.อะ คิดว่า ที่นักวิทยาศาสตร์บนโลกใช้เกณฑ์ต่าง ๆ ในการตัดสินว่ามีสิ่งมีชีวิตหรือไม่ จากมุมมองของมนุษย์โลก สามารถตรวจสอบได้เฉพาะสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับมนุษย์โลกเท่านั้น แต่ใครจะรู้ บนดวงจันทร์ที่ว่าสำรวจจนปรุแล้วอาจมีสิ่งมีชีวิตที่เรามองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ ไม่ได้ยินเสียงอยู่ ก็เป็นได้ หรือในอวกาศอาจมีสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นที่ต่างกับเรามาก ๆ ขนาดที่ว่า เขารับรู้ว่าเราอยู่ และเรียกเรา แต่เรารับรู้ไม่ได้ว่ามีเขาอยู่ ก็เป็นได้ เพราะแม้แต่บนโลกเองยังมีตัวประหลาดมากมายที่ไม่น่าเชื่อว่ามันอยู่ได้ยังไง พวก extremophile อย่างหมีน้ำเป็นต้น เคยคิดเล่น ๆ นะคะว่า หลายสิ่งหลายอย่างที่เหนือธรรมชาติ อาจเกิดจากการกระทำของพวกเขาก็ได้ สักวันที่เทคโนโลยีก้าวหน้ามากพอ และมนุษย์รู้อะไร ๆ มากขึ้น อาจมีเซอร์ไพรส์ที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ ใครจะรู้ แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 52 02:06:03 จากคุณ : atihasita เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 01:57:37

ความคิดเห็นที่ 48 ไม่ว่าจะ "มนุษย์ต่างดาว" หรือ "สิ่งมีชีวิตต่างดาว" ผมก็เชื่อว่ามีแหละครับ เพียงแต่มนุษย์ต่างดาว อาจจะมีน้อยกว่าสิ่งมีชีวิตต่างดาว เพราะสิ่งมีชีวิตไม่จำเป็นต้องอยู่กันเป็นสังคม หรือสร้างอารยธรรมขึ้นมา ส่วนเหตุผลในการตั้งข้อสมมติฐานแบบนั้น ผมว่าเหตุผลหนึ่งก็คือ "เพราะเราวิวัฒนาการมาจากสภาพแวดล้อมเช่นนั้น" หากพบสภาพแวดล้อมที่คล้ายๆกับสภาพแวดล้อมเราแล้ว จึงพอจะเป็นไปได้สูงว่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่น่าจะสามารถวิวัฒนาการไปได้ไกล เช่นเดียวกับบนโลก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หากจะมีสิ่งมีชีวิตที่ดำรงอยู่ในสภาพที่ต่างออกไปจากโลกโดยสิ้นเชิง เพียงแต่เรายังได้แค่จินตนาการถึง แต่ยังศึกษาไม่ถึงพอมากกว่า จากคุณ : nothingman เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 02:24:27

ความคิดเห็นที่ 49 อันที่จริง นักวิทยาศาสตร์ เขาจะไม่ค่อยซี้ซั้วฟันธงนะครับ (ไม่ใช่หมอดูตามหนังสือพิมพ์นิ) ถ้าไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจน เขาจะพูดแบบเผื่อทางออกไว้ก่อน เพียงแค่คนทั่วไปมักไม่ค่อยเข้าใจตรรกแนวคลุมเครือ แล้วก็เหมารวมไปเอง เช่น เขาอาจจะใช้ว่า "ไม่น่าเป็นไปได้" หรือ "โอกาสเป็นไปได้น้อยมาก จนถือว่าไม่มีนัยยะสำคัญ" ไม่มีนัยยะสำคัญ ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเลย แต่หมายถึงมันมีน้อยมากจนขอละไว้ก่อน เพราะแค่ไอ้ส่วนที่มีนัยยะสำคัญก็เยอะจนปวดหัวพอแล้ว หรืออาจจะกำหนดขอบเขตไว้ตั้งแต่แรกว่า เนื้อหาที่พูดถึง อยู่ภายใต้เงื่อนไขนี้เท่านั้น ซึ่งมักจะจำกัดอยู่เฉพาะขอบเขตความรู้ที่มี เพราะถ้าขีดวงกว้างไปกว่านั้นมันจะสรุปอันใดเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าวิทยาศาสตร์จะอยู่แค่วงความรู้ที่มีเสมอไป สิ่งที่นอกเหนือวงความรู้นั้น มีการจินตนการตั้งสมมุติฐานขึ้นมาเสมอ และก็มีการคิดค้นวิธีการเพื่อทดสอบสมมุติฐานนั้นๆ ซึ่งสิ่งที่จะนำมาถกเถียงกันก็คือ ความเป็นไปได้ของสมมุติฐานนั้น และความน่าเชื่อถือของวิธีการที่นำมาทดสอบ จากคุณ : คาเมะจัง เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 03:10:28

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นมากๆครับ ได้ประโยชน์สุดๆ และไม่มีใครมาก่อกวนด้วย ทีแรกผมคิดว่า ผมตั้งกระทู้นี้ แล้วจะโดนบางท่านออกมาสวด ข้อหาเพ้อฝันมากไปซะอีก ไปๆมาๆได้ความรู้กลับมาเพียบเลย ขอบคุณจริงๆครับ จากคุณ : Cybersin เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 06:51:26

ความคิดเห็นที่ 51 D. radioduran ที่คุณ Cryptomnesia พูดถึง หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ เจอครั้งแรกในอาหารกระป๋องที่ฆ่าเชื้อด้วยการฉายรังสี ฉายา แบคทีเรียโคแนน ได้มาจากความสามารถล้วนๆ มันทนรังสีได้ 1.5 ล้าน rads สามพันเท่า ของขนาดที่ทำให้มนุษย์ตายทันที เดี๋ยวลองค้นๆ พวก Extremophile มาให้ดูสักหน่อย จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 07:03:13

ความคิดเห็นที่ 52 Acidophiles สิ่งมีชีวิตทนกรด มีหลายชนิดมากทั้งพวกสาหร่ายเซลเดียวหลายชนิด ทนได้ต่ำกว่า pH 1 พวกราหลายชนิดทนได้เกือบ pH 0 Ferroplasma acidarmanus เจริญเติบโตได้ใน pH 0 ของระบบน้ำทิ้งของเหมืองเหล็ก ที่แคลิฟอร์เนีย และยังเป็น polyextermophic ด้วย Barophiles (pizophiles) คือทนอยู่ในสภาวะที่มีความดันสูงได้ (เก่งกว่ามนุษย์เงินเดือน) สถิติตอนนี้คือ Shewnell:-)idensis strain  MR1 และ  E. coli MG1655  ทนความดันได้ถึง 68-1680 MPa  ใน Diamond anvil cell (ความดันบรรยากาศปกติคือ0.1013 MPa ) Sharma, A., Scott, J. H., Cody, G. D., Fogel, M. L., Hazen, R. M., Hemley, R. J., and Huntress, W. T. "Microbial activity at gigapascal pressures." Science, 295: 1514-1516 (2002). อันนี้เป็นผังของ Diamond Anvil Cell ที่ใช้ทดลองวัตถุภายใต้ความดัน จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 07:04:09

ความคิดเห็นที่ 53 Desulfotomaculum จีนัสนี้มี 20 กว่าชนิด มีชนิดนึงที่เพิ่งเจอปี 2006 ที่ระดับ 3-4 กิโลเมตรใต้พื้นดิน ของเหมือนทองในโยฮันเนสเบิร์ก อัฟริกาใต้ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับวงจรสังเคราะห์แสงโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม มันใช้แก๊สไฮโดรเจนปริมาณเล็กน้อย ที่มีใต้พื้นดิน (สลายจากน้ำโดยสารกำมันตรังสีในหิน) เอามาทำปฏิกิริยากับซัลเฟตในหินได้เป็น Hydrogen Sulphide ใช้ในวงจรการสร้างพลังงาน มันก็เลยเป็นที่สนใจของ Astrobiologist เพราะน่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่ใช้กลไกการสร้างพลังงานแบบนี้ทั่วไปในดาวต่างๆ แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 52 07:30:52 จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 07:29:04

ความคิดเห็นที่ 54 เหมือนคำถามที่ว่า ผีไม่มีจริง เลยแฮะ จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 08:43:45

ความคิดเห็นที่ 55 ...เยี่ยมชมครับ จากคุณ : Tortar_magic เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 09:10:22

ความคิดเห็นที่ 56 ไม่เห็นด้วยกับจขกท นักวิทยาศาสตร์ไม่เคยสรุปนะครับว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นนอกโลก  นักวิทยาศาสตร์สรุปเพียงว่ายังไม่มีหลักฐานว่ามีสิ่งมีชีวิตอื่นนอกโลกครับ (ปัจจุบันเริ่มมีหลักฐานมากขึ้นแล้วครับ แต่ก็ยังฟันธงไม่ได้อยู่ดีครับ) อีกอย่างนะคุณ  คำว่าสมมติฐาน กับคำว่า สรุป  ที่คุณใช้มันมีความหมายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงนะครับ  ให้ระมัดระวังการใช้คำด้วย  อาจจจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดขึ้นมาทั้งสองฝ่าย จากคุณ : auny (auny) เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 09:14:31

ความคิดเห็นที่ 57 รับทราบครับ คห 56 ต่อไปจะพยายามใช้คำให้ถูกต้องครับ แต่ผมก็เห็นว่าส่วนใหญ่จะเข้าใจตรงกันนะครับ แต่ถ้ามีใครคิดลึกไปกว่านั้น และเข้าใจผิดไปจริงๆก็ต้องขออภัยครับ พยายามใช้คำให้เข้าใจง่าย ๆและเข้าใจได้ตรงกัน ไม่คิดว่าจะมีปัญหาตรงจุดนี้จริง ๆขออภัยครับ คาดไม่ถึงจริงๆครับว่าจะมีคนเข้าใจผิดได้ ขออภัยครับ.. จากคุณ : Cybersin เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 09:25:34

ความคิดเห็นที่ 58 เค้าอาจจะเป็นเพียงกายทิพย์ก็ได้ เค้าอาจจะสร้างสังคมในมิติที่ซ้อนกันอยู่ที่เรามองไม่เห็นด้วยตาปล่าว จากคุณ : BMXจัง เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 09:36:43

ความคิดเห็นที่ 59 เพราะคำนวนความน่าจะเป็นที่มีมันต่ำมาก เลยไม่คุ้มค่าที่จะคิดแบบนั้น คนเราอยูกับความฝันอย่างเดียวไม่ได้ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 09:38:02

ความคิดเห็นที่ 60 อยากเรียน astrobiology มาก เจอหลายมหาลัยที่มีหลักสูตรนี้แระ แต่หาคนจ่ายตังให้ไปเรียนไม่ได้อะ ==" จากคุณ : handghost เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 10:26:41

ความคิดเห็นที่ 61 คิดเหมือนจขกทเหมือนกันครับ จากคุณ : FREE_OFFICER เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 11:34:52

ความคิดเห็นที่ 62 หลายสิบปีก่อนมนุษย์ เชื่อว่า เราไม่มีทางบินได้ >>ปัจจุบัน บินได้ (ผมจำได้ตอน เฮาเวิร์ด ฮิวส์ จะบินห่านไม้ ก็มีนักวิทยาศาสตร์ทางการบินออกมาตั้งสมมุติฐานว่า ไม่น่าจะบินได้ แต่มันก็บินได้อ่ะ) หลายสิบปีก่อน มนุษย์ตั้งสมมุติฐานว่า โลกแบน>>>ปัจจุบัน ภาพถ่าย บ่งบอกว่าโลกกลม(แต่ไม่กลมมาก) หลายสิบปีก่อน มนุษย์เชื่อว่า เหตุการณ์ธรรมชาติ เกิดจาก แม่มด หมอผี หรือไสยศาสตร์ ถ้าเกิดพายุต้อง บูชายัญสัตว์ หรือ หญิงสาวบริสุทธิ์ >>>ปัจจุบัน เกิดจากปรากฎการณ์ธรรมชาติที่สามารถอธิบายได้ และอีกหลายเรื่องที่มนุษย์ตั้งสมมุติฐานไว้แล้วในที่สุดก็ได้ผลออกมาผิดๆหลายอย่าง แล้วอีกหลายสิบปีนับจากนี้ หลายๆอย่างที่มนุษย์ตั้งสมมุติฐานไว้อาจจะผิด ปัจจุบันมนุษย์คิดว่าเรา เป็นกลุ่มบุคคลที่ทรงภูมิปัญญาอย่างมาก ซึ่งหากลุ่มที่จะมีภูมิปัญญาเทียบเรายาก และยากกว่าถ้าเหนือเรา มนุษย์ช่างหยิ่งในตัวเอง เนื่องจากเอาตัวเองมาเป็นจุดศูนย์กลางทุกอย่าง ตามสมมุติฐานของนักวิทยาศาสตร์ ในเรื่องมนุษย์ต่างดาวก็เช่นกัน คุณจะรู้ได้ไงว่าคุณตั้งสมมุติฐานจากความน่าจะเป็น เพราะ เมื่อหลายสิบปีก่อน เราก็มั่นใจว่ามนุษย์ไม่มีทางบินได้อย่างแน่แท้ แต่ปัจจุบัน มนุษย์บินได้ด้วยหลากหลายวิธี แล้วเราจะไม่ผิดอีกหรอ เรื่องของAline ถ้าเกิดว่าAline มาหาเราจริง แล้วใส่เครื่องช่วยหายใจเพราะ อาจใช้ก๊าซอื่นๆหายใจ ซึ่งO2เป็นพิษต่อเค้า และ เค้าฉลาดมาก ขนาดที่ว่า สามารถเดินทางด้วยรูหนอน หรือเคลื่อนย้ายมวลสารได้ ซึ่งมนุษย์ทำไม่ได้ แล้วเวลานั้น นักวิทยาศาสตร์ที่ใช้ โลกและมนุษย์เป็น บรรทัดฐาน และสิ่งที่เนไปไม่ได้อย่างยิ่งยวดสำหรับเรา ในตอนนั้นนักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นจะพูดว่าอย่างไร? มันเป็นความฝันเพ้อก็จริง แต่ผมไม่เชื่ออ่ะ ว่า เราจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญา แห่งเดียวในจักรวาล รวมทั้งสมมุติฐานของผม คือ สิ่งมีชีวิตจะปรับตัวไปตามสภาพแวดล้อม อาจเห็นได้จากสัตว์ต่างๆ เร็วทั้งมนุษย์ แล้ววทำไมดาวอื่นเค้าจะปรับตัวไม่ได้หรอ? ถ้าสมมุติ O2เหลือน้อย แล้ว มีแต่ก๊าซอื่น แต่เหตุการณ์นี้อาจจะค่อยๆเป็น ซัก100000ปี (ซึ่งมนุษย์ยังอยู่) มนุษย์ก็อาจจะปรับตัวให้หายใจกับก๊าซอื่น และ การพัฒนาอาจทำให้O2เป็นพิษต่อมนุษย์ก็ได้ ทุกอย่างย่อมมีการวิวัฒนา ทีสัตว์ในโลกที่มนุษย์ ยังวิวัฒนาให้อยู่รอดได้เลย แล้วดาวอื่นหละเค้าจะไม่วิวัฒนาให้มีสิ่งมีชีวิตเลยหรอ? จากคุณ : ... (darkness2) เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 11:44:58

ความคิดเห็นที่ 63 เกิดเป็นอะไรก็ตาย   เป็นมนุษย์ต่างดาวมีเทคโนโลยีสูงก็ต้องตาย  เทคโนโลยีน้อยก็ตาย  เป็นแบคทีเรียก็ตาย ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้ อย่ายึดมั่นถือมั่นสังขาร จักรวาลไหน แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 52 11:50:46 จากคุณ : SpiritWithin_HolyStream เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 11:47:55

ความคิดเห็นที่ 64 รีบนครับ เราไม่ได้มาค้นหาสิ่งมีชีวิตอมตะ ครับ เราค้นหาสิ่งมีชีวิตร่วมจักรวาล ยังไม่ได้พูดโยงไปถึง เรื่องความเป็นความตายอะไรเลย ไม่ทราบต้องการสื่ออะไรครับ จากคุณ : กระต๊อบน้อย เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 13:04:40

ความคิดเห็นที่ 65   จริงค่ะมีเกิดก็ต้องมีดับ ขนาดโปรตอนเล็กๆที่ถ้าปล่อยตามธรรมชาติจะมีอายุยืนถึง 1,000 ล้านล้านล้านล้านล้านปี (10^33ปี)!!! ก็ยังต้องมีวันสลายไป โอ้ แต่มันนานจริงๆเหอะ เราอยู่ได้แค่ไม่ถึงร้อยปี กลับทระนงตนว่ายิ่งใหญ่ ปัญญาสูงกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นใด ช่างน่าเวทนานัก ก็แค่เศษฝุ่นในจักรวาล ที่เกิดมาได้ด้วยสสารที่มารวมกัน ตราบใดที่ยังบินไม่ได้เหมือนนก ว่ายน้ำไม่ได้เหมือนปลา อย่าเพิ่งคิดว่าจะไม่มีสิ่งใดมีปัญญาสูงกว่าเรา หรือไม่มีอยู่จริง ในเมื่อพวกเราเองยังไม่มีปัญญาฟันธงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าไม่มี แปลว่าปัญญาเรายังไม่พอที่จะตัดสินอะไรใช่หรือเปล่า งงแฮะ งง ว่าเกิดมาทำไม ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรกับเอกภพ ก็แค่เกิดมาสงสัยไปวันๆ จากคุณ : kugkikst28 เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 13:08:10

ความคิดเห็นที่ 66 ชั้นเชื่อว่ามันมีอยู่จริง แต่ยังไม่ได้มีการค้นพบ ก็เหมือนกับเงินสด 100 ล้านบาท ชั้นเชื่อว่ามีอยู่จริง แต่ไม่สามารถจินตนาการได้ว่า เงินสด 100 ล้านบาท มันจะเป็นแบงค์ 1,000 บาท กองสูงรวมกันแค่ไหน แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 52 14:13:47 จากคุณ : lizard8 เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 14:10:28

ความคิดเห็นที่ 67 กระทู้นี้สนุกดีนะครับ ถ้าถกกันแล้วได้แตกยอดความคิด แต่บางท่านลากเข้าปรัชญาซะงั้น -_-"   ผมคิดอยู่เสมอว่า โลกเรานั้นไม่ไช่เพียงดาวเดียวหรอกที่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ แต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ดาวอื่นๆ อาจจะอยู่ไกลเกินกว่าที่เราจะสามารถสำรวจ และไปพบเจอได้ ดีไม่ดีเราอาจจะอยู่ที่แกลแลกซี่ที่อยู่ใกล้ๆขอบจักรวาล ซึ่งใจกลางจักรวาล ก็มีสิ่งมีชีวิตอยู่ไปมาหาสู่กันระหว่างดาวเป็นเรื่องปรกติ มาช้านานอยู่แล้วก็เป็นไปได้ ก็อย่างที่หลายๆท่านว่าคือ ความเป็นไปได้ ณ ตอนนี้ที่มีทฤษฏีเกิดขึ้นเป็นข้อสัณนิฐาน หากมีข้อเท็จจริงอื่นๆที่มีมูลมากกว่า ก็หักล้างกับสิ่งที่มีอยู่ตอนนี้ไปได้ . . .ซึ่งตอนนี้ก็มีแค่นี้แหละครับพี่น้อง จากคุณ : รักสาว มธ. (NoahComeBack) เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 14:16:36

ความคิดเห็นที่ 68 ถ้าอ่านงานวิจัยเวลาสรุปยังไงก็ต้องบอกขอบเขตที่ศึกษาไปด้วยเสมอนะครับ แต่เวลาหนังสือพิมพ์หรือสื่อต่าง ๆ เอามาลงมักไม่ระบุขอบเขตทำให้เราทึกทักว่าผลการสรุปนี่เหมาไปทั้งจักรวาล จากคุณ : X-Sy เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 14:50:36

ความคิดเห็นที่ 69 การจะทำอะไรซักอย่างสักจะใช้แต่ความเชื่อไม่ได้ครับ วิทยาศาสตร์คือการพิสูจน์ ค้นหาความจริง โดยใช้หลักฐานที่มี ไม่ใช้อยู่ๆก็ตั้งโน่นนี่ขึ้นมา แต่ไม่มีหลักฐานสนับสนุนอะไรเลย อนึ่ง หลักๆในการหามนุษย์ต่างดาวคือการหาดาวที่ๆน่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญา สามารถสร้างอาณานิคมได้  ซึ่งสิ่งมีชีวิตสุดโต่งมักเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กครับ แม้ว่ามันจะมี แต่ก็ไม่มีนัยยะสำคัญในการค้นหาครับ แต่หากค้นพบก็จะทำให้แนวการค้นหามันกว้างขึ้นอีกแค่นั้น ถ้าหากเชื่อโดยไม่มีเหตุผล ไม่มีหลักฐาน ก็ไม่ต่างกับการเชื่อว่านาธานไปถ่ายทำหนังจริง หรือเชื่อว่า GT 200 ใช้ได้จริง เพราะถ้าเชื่อโดยไม่มีหลักเกณฑ์แบบนั้นโอกาสพลาด และเสียเวลา/ประโยชน์ มีสูงครับ ไม่ต่างจากการไปสอบโดยไม่อ่านหนังสือ หรือเตรียมสอบเลยครับ ยิ่งถ้าไปสอบแบบไม่เคยตั้งใจเรียน หรือไม่รู้ว่าไปสอบอะไรเลยยิ่งแล้วใหญ่ การเก็งข้อสอบก็เหมือนความเชื่อ อาจถูกหรือผิดก็ได้ แต่การเตรียมสอบโดยการอ่านหนังสืออย่างดี ก็เหมือนมีเรามีหลักฐานที่แน่นอนพอสมควรแล้ว แม้เมื่อไปสอบจริง เราอาจไม่ได้คะแนนเต็ม ถูกหมด แต่ดีกว่าไปเขียนมั่วๆโดยไม่มีความรู้ครับ ยิ่งเรื่องพวกนี้มันเหมือนข้อสอบอัตนัยอยู่ ไม่ใช่ปรนัยที่มั่วๆก็อาจถูกได้ครับ มนุษย์เรามีภูมิความรู้จำกัดครับ เลยยังจำเป็นต้องใช้ความรู้ที่มีอยู่จำกัดนี่เพื่อใช้พัฒนาหาความรู้ใหม่ๆต่อไป วิทยาศาสตร์พร้อมรับความคิดใหม่ๆเสมอครับ ขอเพียงแค่หลักฐานที่พิสูจน์ได้เท่านั้น ดังนั้นแม้ถ้าจะบอกว่าผีมีจริง แต่มีหลักฐานสามารถตรวจสอบได้ วิทยาศาสตร์ก็พร้อมจะยอมรับครับ แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 52 15:08:21 จากคุณ : หมาข้างถนนคนบ้าการ์ตูน เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 15:05:23

ความคิดเห็นที่ 70 เวลาท่านต้องการซื้อ โค้ก ซักกระป๋องนึงในเซเว่นท่านทำอย่างไรล่ะ? ถ้าใช้คอนเซปเดียวกับ จขกท. คือเดินไล่หาของทุกชิ้นไปทีละอย่างตั้งแต่เข้าร้าน ทั้งหยิบมาดู ชิม เพื่อให้ได้รู้ว่ามันเป็นโค้กหรือไม่ แต่ถ้าใช้วิธีเดียวกับที่เค้ากำลังหาอยู่ตอนนี้ คือ เดินตรงไปยังตู้แช่ แล้วมองหากระป๋องสีแดงที่เขียนว่า coca cola พอเจอแล้วก็แน่ใจได้ว่า ข้างในกระป๋องต้องมีโค้กอยู่แน่ๆ ไม่ใช่ว่าหาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ หรือ ไม่มีสิ่งมีชีวิตแบบใหม่ เราสามารถพบโค้กเป็นส่วนผสมในขนมได้เช่นกัน แต่มันยากในการหาทั้งเซเว่น(หรือจักรวาล) จากคุณ : valor เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 15:10:29

ความคิดเห็นที่ 71 เมื่อผมยอมรับได้ว่า มนุษย์ต่างประเทศ มีสีผม การอาศัย ดำรงชีวิต ภาษาที่แตกต่างกัน มันไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อนั้นผมก็ยอมรับได้ว่า มนุษย์ต่างดาว ที่มีรูปลักษณ์ การดำรงชีวิต ภาษา ที่ต่างกัน มันก็ไม่แปลกเหมือนกันนั่นแหละ ก่อนจะเป็นประเทศ มันเคยเป็นหนึ่งเดียวกับโลกมาก่อน ก่อนจะเป็นโลก มันก็เคยเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลเหมือนกัน จากคุณ : blooded เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 15:11:44

ความคิดเห็นที่ 72 คห.70 ครับ ถ้าผมยกตัวอย่างแบบนี้ล่ะ สมมติมีคนๆหนึ่งไม่เคยย่างก้าวเข้าเซเว่นมาก่อน และไม่เคยรู้จักหรือเห็นโค้กมาก่อน (เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ที่ไม่มีใครเคยท่องอวกาศ และเห็นสิ่งมีชีวิตต่างดาวมาก่อน) แล้วมีคนๆหนึ่งบอกเขาว่า "ให้ไปหาโค้กนะ โดยโค้กจะอยู่ในตู้กระจกที่มีอุณหภูมิเย็นๆ เนื่องจากต้องแช่ให้เย็นตลอดเวลา" (เฉกเช่นเดียวกับเรามีสมมติฐานที่ว่า สิ่งมีชีวิตต้องอยู่ได้ในสภาพนู้น นั้น นี้) จากนั้นชายคนนั้นก็เดินไปตามหาสิ่งที่เรียกว่าโค้ก โดยอาศัยภูมิจากที่ทราบมาว่า "โค้กอยู่ในตู้กระจกที่มีอุณหภูมิเย็นๆ" (เฉกเช่นเดียวกับที่เรารู้ว่า สิ่งมีชีวิตจะต้องอยู่ในสภาพภูมิอากาศ บรรยากาศ ฯลฯ แบบนี้เท่านั้น) แต่ปรากฏว่า วันนั้นในตู้แช่ดันไม่มีโค้ก คนๆนั้นผิดหวังและกำลังจะเดินออกจากร้าน แต่ตาเหลือบไปเห็นกระป๋องโค้กที่ตั้งเป็นแพ็ครอแช่อยู่ข้างตู้แช่ คุณเดาต่อได้มั้ยครับว่าจะเป็นยังไง ถ้าเขาอาศัยภูมิที่เขารู้มาว่า "โค้กจะมีก็แต่เฉพาะในตู้กระจกที่มีอุณหภูมิเย็นๆ" เขาก็คงจะเดินออกมานอกร้านแล้วบอกคนที่ไหว้วานเขาว่า "กูไม่เจอโค้กว่ะ ทั้งร้านไม่มีโค้กหรอก" ทั้งๆที่โค้กแพ็คเบ้อเร่อ ตั้งอยู่ข้างตู้แช่ เพียงแต่ไม่ได้แช่ ไม่ได้หมายความว่า โค้กที่ไม่ได้อยู่ในตู้แช่ คือการสรุปว่า ทั้งเซเว่นไม่มีโค้กนะครับ เหตุก็เพระหมอนี่ "ไม่เคยเห็นโค้ก และวัดความรู้จักโค้กแค่จากการบอกเล่าว่า โค้กต้องอยู่ในตู้กระจกแช่เย็นเท่านั้น" นี่ก็เช่นกันครับ ถ้าเป็นอย่างที่ท่านว่า ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่ามีหรือไม่มีแล้วครับ แต่มันอยู่ที่ว่า  "มันยากที่จะหา เลยสรุปเอาเท่าที่พอทำได้ว่า ไม่มี" กระทู้นี้ ผมตั้งขึ้นจากสมมติฐาน(ไม่อยากใช้คำนี้บ่อยๆเลย เดี๋ยวโดนว่าอีก) เอาความน่าจะเป็นทางสายต่างๆมาผูกกัน ในเมื่อคนหายใจด้วยออกซิเจนได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า สิ่งมีชีวิตอื่นๆต้องทำเหมือนกัน ท่านใดจะว่าเพ้อฝัน ไร้สาระกระผมก็ขออภัยครับ ผมตั้งเพราะความสงสัยจริงๆครับ มิมีเจตนาจะมาทำให้กระทู้ดูน่ารำคาญ หรือดูเหมือนเป็นกระทู้เด็กๆที่ไม่ยอมรับความจริงแต่อย่างใดครับ ขอบคุณทุกๆท่านที่ร่วมแลกเปลี่ยน ผิดพลาดประการใด ยินดีแลกเปลี่ยนเรื่อยๆนะครับ จากคุณ : Cybersin เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 15:35:12

ความคิดเห็นที่ 73 Barophiles (pizophiles) คือทนอยู่ในสภาวะที่มีความดันสูงได้ (เก่งกว่ามนุษย์เงินเดือน) อุ๊ก .... จุ๊ก เลย ฮะ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 16:04:16

ความคิดเห็นที่ 74 จขกท เข้าใจได้ลึกซึ้งครับ  เห็นด้วยอย่างแรง ไม่ต้องไปไหนไกลถึงนอกโลก บนโลกของเราเองนี่หละ ก็มีสถานที่บางแห่งที่ไม่คิดว่าน่าจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ได้  แต่กลับเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิต และมีระบบนิเวศของตัวเองอยู่  เช่นปล่อง hydrothermal หรือ hydrothermal vent ที่อยู่ก้นทะเลลึก  รอบๆปล่องอุณหภูมิสูงถึง 400 องศาเซลเซียส   (เกือบเท่าอุณหภูมิผิวดาวพุธ)  แต่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิต  ทั้ง tube worm อยู่กันหนาแน่นมาก  กุ้ง ปู ฯลฯ เต็มไปหมด ชีวิตบนโลกเกิดขึ้นโดยมี ธาตุพื้นฐานคือ C H O N แต่สิ่งมีชีวิตต่างดาว อาจจะมีธาตุพื้นฐานแตกต่างออกไปก็ได้  เช่นอาจจะประกอบด้วยธาตุโลหะ อะไรแบบนั้น  ซึ่งมันก็เป็นไอเดียของการ์ตูนและหนังอย่าง Transformer ผมเชื่อว่า  ดาวในระบบสุริยะ ที่เราคิดว่าไม่มีชีวิตอาศัยอยู่   บางทีอาจจะไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้......อาจมีรูปแบบของชีวิตในแบบที่เราไม่คุ้นเคย  หรือจินตนาการไม่ถึง  (ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่โครงสร้างสลับซับซ้อนก็ได้)หลบซ่อนอยู่มุมใดมุมหนึ่งบนพื้นผิว หรือใต้ผิวดาว จากคุณ : CLK BRABUS เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 16:13:09

ความคิดเห็นที่ 75 Hydrothermal vent จากสารคดีของ BBC จากคุณ : CLK BRABUS เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 16:15:34

ความคิดเห็นที่ 76   ข้อสังเกตุนี้ผมก็เคยคิดอยู่เหมือนกันเช่นเดียวกับ เจ้าของกระทู้ http://www.koratdiveclub.com/artical/deepsea2.htm ตามlink ไปเลยครับ ในสภาวะที่เราคิดว่า ไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิต ดำรงชีวิตไว้ได้ แต่มันมี จากคุณ : Quake เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 16:18:05 A:125.25.189.215 X:

ความคิดเห็นที่ 77 คห 42 สุดยอดมากครับ ผมเห็นภาพเลย ผมคิดเช่นเดียวกับเจ้าของกระทู้และ ความเห็นที่ 42 ครับ ใครจะคิดว่าเอาหนังสือการ์ตูนเป็นบรรทัดฐานผมก็ไม่ว่าอะไร แค่ความคิดเห็นเท่านั้นเอง ไม่ซีเรียสอะไรครับ สนับสนุนความคิด จขกท ครับ มันสื่อให้เห็นด้วยว่า " ไม่ควรประเมินคนอื่น โดยวัดจากตัวเอง " " เราจะหา สิ่งที่ไม่เคยเห็นได้อย่างไรครับ ถ้าตาเรายังเลือกมองแต่สิ่งที่เคยเห็นอยู่ " (ไม่ทราบว่า คุณ Quake คห 76 นี่ใช่ วง numetal ชื่อดังของเมืองไทยหรือเปล่าครับ ดูจาก font แล้วรู้สึกคุ้นตามากเลย) จากคุณ : เด็กโพธาราม (เด็กโพธาราม) เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 17:34:23

ความคิดเห็นที่ 78 ตอบ #72 คุณเข้าใจเกือบถูกแล้วครับ ผมก็หมายความตามนั้น คือ ไม่ใช่ว่าที่อื่นๆจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ มันมี แต่เราอาจหาไม่เจอ/มองข้ามไปก็เป็นได้ แต่ประเด็นที่ผมต้องการจะบอกคือ ขั้นตอนในการค้นหา มากกว่า นักวิทยาศาสตร์ใช้ตัวแปรที่"คิดว่า"สามารถหาเจอสิ่งมีชีวิตได้"ง่าย"ที่สุด ไม่ใช่ค้นหาสิ่งมีชีวิตบนดาวทุกดวง (ขอบเขตกว้างเกินไป เปลืองทรัพยากร) หรือถ้ามันแปลกแหวกแนวสุดๆ กว่าเราจะเจอตัวมัน มิแย่เรอะ? อ้อ ใน #70 ผมแทนค่ากระป๋องคือดาว 1 ดวงนะ ที่คุณแย้งมามันยังผิดอยู่ เพราะถ้าเราเข้าไปเจอกระป๋องที่มีสีแดง+เขียน coca cola ก็เป็นอันใช้ได้ (ใช้ กระป๋อง+สีแดง+ตัวอักษร เป็น"ขอบเขต"ในการค้นหา) ถ้าคุณแทนค่าตู้เย็นเป็นขอบเขต ของที่อยู่ในตู้"ทั้งหมด"ก็คือสิ่งมีชีวิตครับ จากคุณ : valor เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 18:58:41

ความคิดเห็นที่ 79 จากที่ได้ส่องกล้องไปสำรวจแล้ว เห็นว่าดาวดวงนั้นดวงนี้ มีสภาพบรรยากาศไม่เหมาะกับสิ่งมีชีวิต แต่เคยคิดไหมว่า สิ่งมีชีวิตที่อยู่ต่างดาว อาจจะไม่ได้อยู่บนเปลือกโลกแบบโลกมนุษย์ แต่อาจจะอยู่ข้างในอีกชั้นเปลือกผิวของดาวนั้นๆ โดยมีเปลือกดาวนั้นๆ เปรียบเสมือนท้องฟ้าแบบโลกมนุษย์ และความเป็นไปได้ ก็คือ ใช้ชีวิตบนดาวที่ปิดกันอยู่นั้นเอง ต่างจากโลกมนุษย์ที่เปิดรับสิ่งภายนอกโลกเข้ามาได้เสมอ กล้องใดๆ ก็ไม่สามารถส่องไปเห็นสิ่งมีชีวิตซะที ต้องเดินทางไปเจาะดูละกัน แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 52 20:41:08 จากคุณ : KengRacing เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 20:36:53

ความคิดเห็นที่ 80   อ่านเรื่องพวก Extremophile ไป ก็นึกไปว่าทำไมสิ่งมีชีวิตพวก Extremophile ถึงมีแต่พวกสิ่งมีชีวิตเล็กๆ เช่น แบคทีเรีย, เชื้อรา, สาหร่ายเซลเดียว พอมาดูคลิปวีดีโอในคห.ที่ 75 ทำให้นึกขึ้นได้ว่า อาจจะเป็นเพราะไม่มีสภาพแวดล้อมที่แบบ extreme ที่กว้างขวาง กว้างใหญ่พอที่จะทำให้มีสิ่งมีชีวิตหลายๆ แบบอยู่อาศัยได้ อย่างในคลิปวีดีโออันนั้น พื้นที่ที่เป็นภูเขาไฟใต้น้ำนั้นกว้างใหญ่มาก ทำให้มีสิ่งมีชีวิตหลายๆ แบบมาอาศัยได้ ทำให้มีอาหารการกินเยอะตามไปด้วย ซึ่งก็ทำให้การเจริญเติบโตดีตามไปด้วย เมื่อมีสภาพอย่างนั้นคงได้นานๆ ก็มีการปรับตัวไปเรื่อยๆ พัฒนาเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ขึ้นที่มีลักษณะเฉพาะ ถ้าสมมติฐานนี้ถูก ก็ต้องลองจำลองสภาพแวดล้อมที่เป็นแบบ extreme ขึ้นมา ซึ่งก็ต้องใช้พื้นที่มหาศาลมาก สร้างเป็นห้อง(ที่ใหญ่มาก) เช่นลองกับสิ่งมีชีวิตพวก Desulfotomaculum ที่ใช้แก๊สไฮโดรเจนกับซัลเฟตในหิน มาสร้างเป็นพลังงาน จับเอาหลายๆ ชนิดมารวมกัน สร้างเป็นระบบนิเวศปิด เมื่อปล่อยทิ้งไปเรื่อยๆ (อาจจะนานมากๆ เป็นสิบๆ ปี) ก็อาจจะเจออะไร surprise หรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้ มีกี่ชนิดหน้าตารูปร่างยังไงก็อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง เพราะว่าขนาดแบคทีเรียที่ใช้ออกซิเจน มันก็อยู่บนผิวโลกมานานยังไม่เคยได้ยินเลยว่ามีชนิดไหนที่มีการวิวัฒนาการตัวเองให้ซับซ้อนขึ้น จากคุณ : บุคคลทั่วไป 1 คน เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 20:56:16

ความคิดเห็นที่ 81   ได้ความรู้มากมาย กระทู้นี้ จากคุณ : W-Soul (W-Soul) เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 21:17:27

ความคิดเห็นที่ 82 มนุษย์ชอบคิดว่า ตัวเองเป็น จุดศูนย์กลาง จักรวาลครับ ชอบคิดว่าตนเองดีเลิศกว่าทุกสิ่ง จากคุณ : Deadhunt เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 22:58:53

ความคิดเห็นที่ 83 ขอผมจตอบมั่ง เพราะว่า น้ำ เป็นสารเคมีที่เรียบง่ายที่สุด ดังนั้นสิ่งมีชีวิตควรประกอบด้วยน้ำ โดยเฉพาะสิ่งมีขีวิตที่ซับซ้อน สิ่ง เรียบง่าย จะสามรรถสร้างระบบที่ซับซ้อนได้ดีกว่า เช่น ภาษาจึน มีอักษรเป็นหมื่น สู้ภาษาไทยในการสร้างเสียงไม่ได้ ภาษาไทยมีอักขระนับสิบ สู้ ภาษาดิจิตอล ที่มี 0 1 สองตัวไม่ได้ กลับมาที่น้ำ น้ำเป็นสารเคมีโมเลกุลเล็ก มีสารเคมีน้อยมากที่เล็กกว่าน้ำ น้ำยังเป็นตัวทำละลายที่ดี เหมาะแก่การลำเลีัยงสารเคมีในสิ่งมีชัวิต สิ่งมีชีวิตจำเป็นต้องมีระบบลำเลียงสารทีดี เพื่อจะขนส่งสารเคมีในร่างกายเข้าออก สิ่งนี้หาได้ยากในสารเคมีอื่น โลหะ ของแข็งลำเลียงสารได้ยากมาก สารไอโดรคาร์บอน ก็โมเลกุลใหญ่เกินไป แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 52 00:29:59 จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 00:24:23

ความคิดเห็นที่ 84 พิสูจน์ผีได้เมื่อไร ก็พิสูจน์ Alien ได้เมื่อนั้น ทุกวันนี้บนโลกเราก็มีพวกนี้บางประเภทอยู่ แต่เราใช้ประสาทสัมผัสธรรมดารับรู้ไม่ได้ ต้องพัฒนาจิตของเราให้รับรู้สิ่งที่ละเอียดมากๆได้แล้วจะได้รู้ วิธีพิสูจน์มีอยู่ แต่คนที่มีความสามารถระดับนั้น มีน้อยครับ จากคุณ : sehen เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 00:53:41

ความคิดเห็นที่ 85                 " Life will find the way "      จากภาพยนต์เรื่อง Jurassic Park (ภาคแรก) จากคุณ : ตี๋แกงป่า เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 01:51:02

ความคิดเห็นที่ 86   เป็นคำถามที่ชวนให้น่าคิดน่ะคับ จากคุณ : 2dogg เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 02:11:21 A:118.172.152.126 X:

ความคิดเห็นที่ 87 จักวาลโคตรกว้าง และไม่มีที่สิ้นสุด มีระบบสุริยะอีกนับไม่ถ้วน ไม่คิดว่าจะมีดาวที่โชคดีแค่โลกใบเดียว จากคุณ : janthepen เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 02:21:21

ความคิดเห็นที่ 88   เข้ามาอ่าน จากคุณ : ilovemanga เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 02:51:22 A:111.84.71.145 X: TicketID:225795

ความคิดเห็นที่ 89 คห.ที่ 72 คุณ Cybersin ยกตัวอย่างได้ดีมากค่ะ เข้ามาอ่านแล้วไม่ผิดหวังเลย นึกว่าจะได้แค่เรื่องสิ่งมีชีวิตต่างดาว ยังได้เรื่อยไปถึง Astrobiology (รีบไปเสิร์ชอ่านเลย แหะๆ) ความเห็นส่วนตัว วิทยาศาสตร์ไม่ใช้ความรู้สึกมาตัดสินค่ะ จะตั้งสมมุติฐาน จะทดลอง จะสรุปผล ต้องยืนอยู่บนหลักการตามที่ตั้งไว้ใน"ปัจจุบัน" ซึ่งหมายความว่าในอนาคต หลักการนี้อาจจะเพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง หรือพลิกไปเลยก็ได้ ขึ้นกับความรู้ใหม่ๆที่เราค้นพบ การที่นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งจะ"เชื่อ"ว่า สิ่งมีชีวิตต่างดาวมีจริง ถือว่าไม่ผิด แต่การที่นักวิทยาศาสตร์"สรุป" ว่าสิ่งมีชีวิตต่างดาวมีจริง โดยที่ใช้หลักว่าจักรวาลนี้ใหญ่ขนาดนี้ ต้องมีอยู่แน่ แต่อยู่ที่ไหน ยังไง ไม่มีหลักฐาน ตอบไม่ได้ ถือว่าผิดค่ะ จากคุณ : fowl_ireland เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 09:06:24

ความคิดเห็นที่ 90 คุณ cybersin แวบมาตั้งสมมติฐานอยู่นี่เอง ยังไงก็อย่าลืมกลับมาสนทนาภาษาไก่กันต่อนะครับ แวะมาอ่านและทักทายกระทู้แนะนำเฉยๆ แต่ความเห็นที่ 72 ยกตัวอย่างซะเห็นภาพจริงๆครับ ^ -^ จากคุณ : golfspurs เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 09:58:39

ความคิดเห็นที่ 91 กระทู้นี้สุดยอดครับ ได้ความรู้มากมาย แต่อยากถามด้วยความสงสัย นะครับเพิ่งแวะมาในห้องนี้ คำถามว่า เท่าที่อ่านมาจะเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ที่คงสภาพอยู่แล้ว แต่สงสัยครับว่ากลุ่มก๊าซหรือองค์ประกอบใดๆ ก็ตามแต่ที่ "ไม่มีชีวิต" สามารถที่จะแปรสภาพ (ไม่รู้ใช้คำถูกมั๊ย) หรือ กระบวนการอะไรก็ตามแต่ กลายมาเป็น "สิ่งที่มีชีวิต" ได้จริง หรือ เป็นแค่ทฤษฏีที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ คือผมเข้าใจอย่างนี้ครับ อาจไม่ต้องไปถึงดาวอื่น มีแมวที่มีชีวิต มันสามารถคลอดลูกที่มีชีวิตได้ แต่เมื่อมันตายไป สภาพคือกลายเป็นสิ่งไม่มีชีวิต มันก็จะไม่สามารถคลอดลูกได้ ผมเปรียบความเข้าใจนี้เป็นกลุ่มก๊าซหรือองค์ประกอบใดๆ ก็แล้วแต่ที่ "ไม่มีชีวิต" ในความสงสัยมากๆ คือ "สิ่งมีชีวิตสามารถให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตได้" แต่ "สิ่งที่ไม่มีชีวิตสามารถให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตได้ หรือ? " จากกลุ่มก๊าซสามารถให้กำเนิดสัตว์เซลล์เดียว จนเกิดการวิวัฒนาการเป็นสิ่งมีชีวิตถึงเราได้หรือ? ถามด้วยความสงสัยส่วนตัวเหมือน จขกท เช่นกันครับ.. จากคุณ : ขอให้โลกสงบสุข (ขอให้โลกสงบสุข) เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 10:15:39

ความคิดเห็นที่ 92 ก็ตั้งสมมติฐานโดยเอาตัวเเองเป็นเกณฑ์ไงคะ จากคุณ : zeasky เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 11:35:52

ความคิดเห็นที่ 93 #72  เป็นการยกตัวอย่างเชิงวิทยาศาสตร์ที่เห็นภาพชัดโครตๆครับ จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 14:53:32

ความคิดเห็นที่ 94 ขอบคุณมนตด จากคุณ : ratmo_11 เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 15:19:13

ความคิดเห็นที่ 95 ^^ จากคุณ : หน่วยต่อสู้อากาศยาน เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 17:32:05

ความคิดเห็นที่ 96 คห 90 อ้าวคุณกอล์ฟ ก็เข้าห้องนี้ด้วยเหมือนกันหรือครับเนี่ย ยังไม่หายไปไหนหรอกครับ ผมเข้าบอร์ดไก่ทุกวันอยุ่แล้ว แต่ไม่ได้เมนท์ทุกวันเท่านั้น แต่ขอบ่นผ่านทางนี้หน่อย ขนาดไม่ได้เมนท์บ่อยๆ ในบอร์ดไก่ยังมีคนตามลบผมอยุ่นั่น เหอ เหอ เหอ จะสร้างให้เราเป็นผู้ร้ายให้ได้เลยหรือเนี่ย เฮ้อ บ่นไปงั้นครับ ยังไงก็ยังเข้าทุกวัน ติดตามอ่านคอมเมนท์คุณกอล์ฟทุกวันครับ จากคุณ : Cybersin เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 18:16:10

ความคิดเห็นที่ 97 ความคิดเห็นที่ 2,3 ที่โลกมันเจริญขนาดนี้ ก็เพราะความเพ้อฝันกับจิตนาการของคนที่ต่อมาเรียกว่านักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่หรอครับ อ่านแล้วคิดถึงสมัยโบราณเลยที่ผู้คนเชื่ออะไรงมงาย จำกัดขอบเขตในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ โลกกลมโลกแบน อยู่ๆมีคนๆนึงไม่เชื่อว่าโลกแบนแบบที่คนทั่วๆไปคิด ก็หาว่าบ้า เพ้อเจ้อ ถ้าสมัยนั้นมีการ์ตูน ก็คงจะบอกว่า ถ้าคิดแบบการ์ตูนก็ได้ทั้งนั้นแหละ แล้วมั้งครับ แล้วเป็นไงล่ะ นิยามของสิ่งมีชีวิต เราไม่สามารถจำกัดขอบเขตของมันได้หมดหรอกครับ บนโลกมีสิ่งมีชีวิตหลายพันล้านชนิด ดำรงชีวิตแตกต่างกันไปตามแต่สภาพแวดล้อม แล้วปรับตัวให้ดำรงอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นๆได้ แล้วทำไมถึงจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นในจักรวาลนี้ละครับ ทฏษฎี สมมุติฐาน มันก็แค่บนโลกนะครับ จากสิ่งแวดล้อมบนโลก วิทยาศาสตร์ไม่ใช่กฏสากลของจักรวาลนะครับ จากคุณ : kodindy เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 18:32:17

ความคิดเห็นที่ 98 คห 96 เรื่องจิตพิสัยนี่อย่าไปสนใจมากเลยครับ คนกดลบเนียเป็นแฟนไก่ ตัวจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ขอให้เรามีเหตุผลก็พอแล้ว ไม่ใช่ใช้แต่อคติกับความรู้สึกอย่างเดียว ขอโทษท่านอื่น ที่นอกเรื่องครับ จากคุณ : golfspurs เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 18:37:17

ความคิดเห็นที่ 99 .. แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 52 21:35:57 จากคุณ : b_b (blacklimpbizkit) เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 21:35:35

ความคิดเห็นที่ 100 เชื่อก็ส่วนเชื่อครับ แต่จะสรุปฟันธงลงไปเลยมันต้องมี "หลักฐาน" ก่อนนี่สิ ปัญหาก็คือ "ยังหาหลักฐานไม่เจอ" ก็แค่นั้นแหละครับ วิทยาศาสตร์ไม่เคยปฏิเสธ อะไรเพียงแต่ การจะยอมรับอะไรก็ตาม จำเป็นต้องมีหลักฐาน มีทฤษฏี มาอธิบาย ในเมื่อยังหาทฤษฏี และ หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฏี นั้นๆไม่ได้ เราก็ไม่สามารถ จะยอมรับในทฤษฏีดังกล่าวได้ครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าทฤษฏีนั้นจะผิดหรอกนะ จากคุณ : Generals เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 22:04:06

ความคิดเห็นที่ 101 ผมว่า จขกท. ใส่อารมณ์มากเกินไปรึเปล่า จริงๆแล้วนักวิทย. เขาไม่ได้คิดแบบที่ จขกท. ว่ามาเสมอไปซะหน่อย มันมีแต่ในหนังกับในการ์ตูนมากไปหน่อย คนทั่วๆไปจึงคิดแบบที่ จขกท กล่าวมา ปล.พิมพ์ผิดสองรอบ อิอิ จบ แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 52 22:21:41 แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 52 22:20:42 จากคุณ : กว่าจะสมัครได้เบื่อเลยอะ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 22:20:14

ความคิดเห็นที่ 102 คห 101 พระเจ้าช่วย นี่ "ข้อความของผม กลายเป็นคนใส่อารมณ์มากไปหรือครับเนี่ย" ถ้ามันทำให้ท่านนึกไปได้ขนาดนั้นจริงๆ ผมกราบขออภัยอีกครั้งครับ ผมยังมึนอยู่ครับ ว่าผมไปใส่อารมณ์ตรงไหนครับเนี่ย แต่เอาครับ ผมเคารพทุกคอมเมนท์ หากมีข้อความใดที่ "แสดงให้เห็นว่า ผมใส่อารมณ์ จนท่านสังเกตุเห็นได้ขนาดนั้น" ผมขออภัยมา ณ.ที่นี้ครับ จากคุณ : Cybersin เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 23:28:09

ความคิดเห็นที่ 103 คุณ จขกท.ครับผมก็คิดเหมือนกันอะ เเล้วก็ขอแนะนำหนังสือเล่มหนึ่งนะครับ ท่องแกแล็คซี่ ขี่จรวดเที่ยว ของชุดหนังสือ โหด มัน ฮา อะครับ เค้าได้อธิบายเล่นๆ ไว้ประมาณว่า สภาพแบบดาวนี้ ก็ควรมีสิ่งมีชีวิตแบบนี้อยู่ เช่น ถ้าเป็นดาวศุกร์สิ่งมีชีวิตก็จะมีรูปร่างเตี้ยๆ เพราะความร้อนสูง หรืออะไรเนี้ย ลืมไปเเล้ว ลองไปหาอ่านดูนะครับ จากคุณ : NiGht pRincE เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 23:35:54

ความคิดเห็นที่ 104 เคยได้ยินเรื่อง ดวงจันทร์ ชื่อ  Titan ของดาวเสาร์ มั้ยครับ ที่ NASA ร่วมมือกับ ESA ส่งดาวเทียมไปสำรวจ ในชื่อโปรเจค  Cassini-Huygen ไรซักอย่างนี่แหละ ลองไปหาข้อมูลกันได้นะ โปรเจคนี้ ใช้เวลาหลายปี กว่าจะ่ส่งดาวเทียมให้เดินทางไปถึง Titan ได้ และปล่อยให้ดาวเทียมโคจรรอบ Titan ประมาณ 1 ปี เพื่อถ่ายภาพพื้นผิวและเก็บตัวอย่างของชั้นบรรยากาศ ไททัน เป็นดาวเคราะห์ ที่มีลักษณะคล้ายโลกมากที่สุด มีเมฆ มีฝนตก มีพายุ มีทะเล แต่ทุกอย่างไม่ใช่ H2O แ่ต่เป็น มีเทน และ อีเทน ซึ่งเป็นสารประกอบคาร์บอน  แต่จากการสำรวจไม่พบร่องรอยสิ่งมีชีวิตใดๆ แต่ผมก็เคยคิดแบบ จขกท. ว่า สิ่งมีชีวิตต่างดาวอาจจะ ดื่มมีเทนเหลว แทนน้ำ หรือ หายใจด้วย ก๊าซไนโตรเจน หรือ ไฮโดรเจน  แทนออกซิเจน ก็อาจจะเป็นไปได้เช่นกัน จากคุณ : KennyK เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 23:42:45

ความคิดเห็นที่ 105   มันก็ต้องทำงี้อะครับ...จะให้ตระเวนหาไปเรื่อยไร้หลักหรือไงครับ เหมือนตามหาคนก็ต้องหาที่ๆคิดว่าเขาจะไปก่อน(ทั้งๆที่รู้ว่ามันอาจจะอยู่ที่อื่นก็ได้)แต่มันก็ต้องไปที่เคยๆก่อนหนิครับ...เดินหาทีละหลังเมื่อไหร่จะเจอ... แต่ผมก็เชื่อว่ามีจริงนะอยู่เจริญมากหรือน้อยกว่าเรา5+ จากคุณ : brushxi เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 52 01:25:10

ความคิดเห็นที่ 106 ตลาดวายหรือยัง ? อ่านความเห็นของผู้ที่มีความเห็นว่า "มนุษย์ช่างเย่อหยิ่ง" ,"มองแต่สิ่งที่ตาเห็นจะไปเจออะไร" ,"ชอบบอกดาวนู้นไม่มี ดาวนี้ไม่เอื้อ ได้ไงอาจจะมีสิ่งมีชีวิตก็ได้นะ" ,"ชอบเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง มองอะไรไม่กว้างเอาเสียเลย" รู้สึกว่า แต่ละท่านเข้าใจผิดไปเยอะเลยครับ เข้าใจผิดอย่างที่หนึ่ง ใครบอกท่านว่านักดาราศาสตร์ 'ตัด' ดาวเคราะห์ที่สภาพไม่เอื้อต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกออกไปโดยไม่สนใจจะค้นหาสิ่งมีชีวิตกันครับ ท่านเข้าใจผิดแล้ว คำถามเหล่านี้ ผมขอกล่าวตรงๆว่า เจอมากในผู้ที่สนใจวิทยาศาสตร์ แต่มีความรู้ทางดาราศาสตร์ระดับหนึ่ง แต่ไม่ลึกซึ้งนัก จึงเกิดความสงสัยดังกล่าว ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะผมก็เคยสงสัยเช่นนี้เหมือนกันครับ สมมติฐานและภารกิจสำรวจในทุกภารกิจไม่เคยละเลยความเป็นไปได้ในการหาสิ่งมีชีวิตครับ :) เอ้า... ไม่เชื่อผมหรือ ยกตัวอย่าง ดาวอังคารที่ว่าแล้งสุดยอด บรรยากาศเบาบางสุดฤทธิ์ อุณหภูมิแปรแรวนสุดขั้ว แถมสนามแม่เหล็กก็ไม่มี นักดาราศาสตร์ยังไม่ตีไปว่าดาวอังคารไม่มีสิ่งมีชีวิตเลยครับ แคต่บอกว่า "ไม่เอื้อ" แต่ใช่ว่าจะตัดโดยไม่คำนึงถึงโอกาสความเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตเลย แม้กระทั่งในอวกาศ... ครับ กลางอวกาศเวิ้งว้าง นักดาราศาสตร์ก็ยังเฝ้าหาสัญญาณของสิ่งมีชีวิต เพราะอะไรกัน? ตอบได้ง่ายๆ ร้อยทั้งร้อยของนักดาราศาสตร์อาชีพ เชื่อมั่นเต็มสี่ห้องหัวใจว่า มนุษย์ต่างดาว หรือสิ่งมีชีวิตต่างดาวมีจริงแน่นอน เพราะแม้โอกาสที่จะบังเอิญเกิดชีวิตขึ้นมานั้นมีเพียง หนึ่งในล้านล้าน แต่เพราะกลุ่มตัวอย่างที่นับเป็นอนันต์ ยังไงเสียก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ สำหรับนักดาราศาสตร์แล้ว จะไม่มีคำถามเกิดขึ้นกับตัวเองเลยครับว่า สิ่งมีชีวิตต่างดาวมีจริงหรือไม่? หรือคิดไหมว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง และโดยส่วนตัวแล้ว ยิ่งเรียน ยิ่งศึกษา ลึกซึ้งมากเท่าไหร่ ผมยิ่งเชื่อปักใจว่า มนุษย์เคยเจอมนุษย์ต่างดาวมาแล้ว ไม่ใช่อย่างอาจารย์บางท่านที่โทรศัพท์ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวอะไรนั่นนะครับ ผมหมายถึง NASA ต้องปิดบังอะไรไว้แน่ๆ คิดดูก็แล้วกันว่า Dr.Edwin Aldrin 2nd man on the moon ยังออกมาพูดทำนองเดียวกับที่ผมคิดว่า NASA น่ะ มีการติดต่อกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวนานแล้ว แต่ปิดข่าวเอาไว้ เอาล่ะครับกลับหัวข้อของเรากันต่อ กลางอวกาศเวิ้งว้าง นักดาราศาสตร์ก็ยังเฝ้าหาสัญญาณของสิ่งมีชีวิต แถมเจอเสียด้วย เป็นกลุ่มองค์ประกอบเบื้องต้นทางชีวะโมเลกุลเช่น Naphtaline เป็นองค์ประกอบเบื้องต้นที่จะก่อให้เกิดอะมิโนต่างๆได้หลายชนิด แต่อย่าลืมว่านักดาราศาสตร์มีงบประมาณ และเงินทุนที่จำกัด อีกทั้งยังมีกลุ่มตัวอย่างที่ต้องศึกษามากมาย เราจึงต้องใช้ความรู้ที่มี หลักวิทยาศาสตร์ที่เราเข้าใจ เพื่ออนุมานปละโฟกัสลงไปก่อนว่า สภาพแวดล้อมแบบใดที่จะเอื้อต่อการมีชีวิตมากกว่า ไม่ได้หมายความว่า สภาพแวดล้อมแบบอื่นจะไม่เอื้อต่อสิ่งมีชีวิต แต่ในเมื่อสิ่งมีชีวิตบนโลกเบี้ยวๆใบนี้ 99% จำต้องใช้น้ำในกระบวนการสร้างพลังงาน และธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ที่นักชีวะ และนักเคมีเข้าใจในปัจจุบัน ดันบอกว่า น้ำเป็นสิ่งที่เอื้อให้สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นได้ง่ายที่สุด หรืออย่างน้อยก็ง่ายกว่าซิลิกาหรือมีเทน ความน่าจะเป็นในการมีชีวิตจึงเทไปที่การมี "น้ำ" มากกว่ามีซิลิกา จนคนทั่วไปมักพูดว่า ไม่มีน้ำก็ไม่มีชีวิต ซึ่งมันไม่ใช่ นักดาราศาสตร์ไม่ได้บอกว่า ที่ๆมีชีวิตต้องมีน้ำ แต่บอกว่าที่ๆมีน้ำมีโอกาสที่จะมีชีวิตมากกว่าสภาพแวดล้อมที่ไม่มีน้ำมาก เราจึงโฟกัสและให้ความสำคัญในการหาสิ่งมีชีวิตในที่ๆมีน้ำมากกว่าที่อื่นๆ มันก็หลักความน่าจะเป็นธรรมดานั่นแหละครับ การที่เราจะสุ่มตัวอย่าง หาสิ่งมีชีวิตอย่างสะเปะสะปะ หาไปเรื่อย จะต้องเสียเงินทุนและเวลามหาศาลขนาดไหนเมื่อเทียบกับสิ่งที่คาดหวังได้ เปรียบเทียบกับการ สุ่มหาอย่างมีเหตุผลและหลักการ เหมือนเราจะหาโค้กนั่นแหละครับ ถ้าเราอยู่ที่บ้านและอยากจะหาโค้กดื่มสักกระป๋อง เราย่อมจะหาโค้กที่ห้องครัวหรือในตู้เย็น มากกว่าจะไปหาในห้องน้ำ หรือ ห้องนอน ทั้งๆในที่ๆกล่าวมาอย่างหลังอาจจะมีคนนำโค้กไปวางไว้ก็ได้ใครจะไปรู้ใช่ไหม ? :) แต่เราก็เลือกที่จะไปหาในห้องครัวและตู้เย็น มากกว่า เพียงแต่ว่าถ้าเราเดินผ่านห้องนั่งเล่น ห้องทานอาหาร เราก็อาจจะมองหาโค้กเหมือนกันไม่ได้เดินไปเฉยๆ หลักความน่าจะเป็นทำนองเดียวกันครับ เพียงแต่ถ้าเป็นนักดาราศาสตร์ จะใส่ความน่าจะเป็นในการที่จะหาโค้กลงไปด้วยกับทุกห้องที่เดินผ่าน และจะมุ่งตรงไปยังห้องครัว ที่ตู้เย็นก่อนห้องอื่นๆ ปล. สะดุดตรงนี้มาก "แต่การที่นักวิทยาศาสตร์"สรุป" ว่าสิ่งมีชีวิตต่างดาวมีจริง โดยที่ใช้หลักว่าจักรวาลนี้ใหญ่ขนาดนี้ ต้องมีอยู่แน่ แต่อยู่ที่ไหน ยังไง ไม่มีหลักฐาน ตอบไม่ได้ ถือว่าผิดค่ะ" จริงครับเราไม่มีหลักฐาน เพียงแต่นักดาราศาสตร์ไม่ได้บอกว่า เอกภพ (อย่าใช้คำว่าจักรวาลเลยครับ) มีขนาดใหญ่มาก การฟอร์มตัว อย่างดาวเหมือนโลก ในระบบสุริยะเหมือนของเรามีโอกาสเกิดขึ้นได้ แน่นอน และไม่ใช่แค่ดวงสองดวงแต่เป็นนับร้อยนับพันดวง ดังนั้น นัยยะของโอกาสที่น้อยมาก กับกลุ่มตัวอย่างที่มากกว่าชนิดเทียบกันไม่ติดนั่นเอง นักดาราศาสตร์จึงมั่นใจว่าในเอกภพนี้ มนุษย์ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวแน่นอน เพียงแต่จะอยู่ที่ไหน และอย่างไร จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 52 06:33:37

ความคิดเห็นที่ 107 ขอแบ่งเป็นสองส่วน แบบว่ามันยาวมาก ในเรื่องของสภาพดาวนี่ หากสุดโต่งมากๆ นักดาราศาสตร์เองก็ตัดความเนไปได้ทิ้งเหมือนกันครับ เช่นในดาวฤกษ์เป็นต้น ในสภาวะอย่างนั้นที่ก๊าซยังกลายเป็นพลาสม่า อุณหภูมิพื้นผิวนับพันนับหมื่นองศา แล้วจะมีอะไรไปฟอร์มตัวเป็นสิ่งมีชีวิตล่ะครับนั่น อีกเรื่องคือ นักดาราศาสตร์ปกติจะไม่พูดนะครับ ว่าดาวนั้น ดาวนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิต แต่จะพูดว่า ไม่เอื้อต่อการมีสิ่งมีชีวิต หรือยังไม่ค้นพบ หรือเป็นไปได้ยากครับ หรือถ้าหากบอกว่าไม่มี ก็หมายถึงไม่มีในขณะที่กำลังพูด คือยังไม่มีการค้นพบครับ แต่การศึกษาเพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตนั้น มีอยู่ตลอดอยู่แล้ว การที่เราใช้ความรู้ที่มีช่วยในการหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก มันจะช่วยให้เราบีบวงค้นหาให้แคบลงครับ เพราะการค้นหาอะไรสักอย่างนอกโลก ไม่ใช่ง่ายๆนะครับ แค่จะค้นหาน้ำบนดาวอังคารที่ขั้ว เราต้องทำการสำรวจกันเป็นปีๆเลยทีเดียว แล้วยังต้องยืนยันจากการเอายานไปทิ้งดิ่งใส่หลุมเครเตอร์ของดาวอังคารอีกต่างหาก การบีบเข้าจากความน่าขะเป็นจึงจำเป็นครับ ตัวอย่างที่ดีตัวอย่างหนึ่งที่ผมจะขอยกตัวอย่างในการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกของนักดาราศาสตร์คือ ดาวที่พี่ขลิปพูดถึง 'ยูโรปา' ซึ่งเป็นหนึ่งในดวงจันทร์กาลิเลียนของดาวพฤหัส ซึ่งพิ้นผิวเป็นน้ำแข็งหนา ภายใต้นั้นเป็นมหาสมุทรขนาดใหญ่ นัดการาศาสตร์เองใช้สมมติฐานการคิด 2 ประการเพื่อวางแผนทำการสำรวจคือ 1.ถ้ามีสิ่งมีชีวิตใต้ผืนน้ำแข็งนั้น สิ่งมีชีวิตนั้น ใช้ออกซิเจนเหมือนสิ่งมีชีวิตบนโลก ในข้อนี้นักดาราศาสตร์ก็ศึกษาจนสามารถบอกได้ถึงกลไกที่อาจจะเกิดขึ้นบนดาวยูโรปาในการเปลี่ยนชั้นน้ำแข็งเพื่อผลัดออกซิเจนลงไปใต้ผืนน้ำแข็งหนา 2.ถ้ามีสิ่งมีชีวิตใต้ผืนน้ำแข็งนั้น สิ่งมีชีวิตนั้น ไม่ใช้ออกซิเจนเหมือนสิ่งมีชีวิตบนโลก ซึ่งอาจจะใช้ก๊าซบางอย่างในการเมตาบอลิซึมแทน เช่น ซัลเฟอร์ การวางแผน การที่เราใช้ข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่เรามีในการคาดเดา จะช่วยให้เราทำการสำรวจได้ตรงจุดมากขึ้น มากกว่าการค้นหาโดยสะเปะสะปะ โดยตั้งความคิดว่า "อะไรก็เกิดขึ้นได้" ครับ จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 52 06:52:00

ความคิดเห็นที่ 108 อ่าน คห คุณ อะธีลาส Cryptomnesia   ของคุณnOnG_WinZคงจบแล้วนะ (จริงๆตั้งแต่สองคนแรกแล้วล่ะ เหอๆ) จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 52 08:06:28

ความคิดเห็นที่ 109 "คำถามเหล่านี้ ผมขอกล่าวตรงๆว่า เจอมากในผู้ที่สนใจวิทยาศาสตร์ แต่มีความรู้ทางดาราศาสตร์ระดับหนึ่ง แต่ไม่ลึกซึ้งนัก จึงเกิดความสงสัยดังกล่าว" ชอบประโยคนี้ครับ นี่แหละครับ ตรงตัวผมที่สุด ตอนตั้งกระทู้นี้ ผมก็มีความรู้สึกแบบนี้เนี่ยแหละครับ แต่สิ่งที่อยากให้เข้าใจคือ กระทู้ของผม มิได้เกิดขึ้น เพียงเพราะต้องการตั้งตนเป็นปรปักษ์กับนักวิทยาศาสตร์ กระทู้นี้เกิดขึ้น มิได้เพื่อต้องการจะสรุปว่า "ทำไมไม่ไล่หาสิ่งมีชีวิตจากดาวทีละดวง" เหมือนอย่างที่บางท่านพยายามชี้แนะผม ทั้งๆที่ผมไม่ได้กล่าวอย่างนั้นแม้แต่นิด? ธีมหลักของข้อสงสัยในกระทู้นี้ ไม่ได้ลึกซึ้ง หรือดูน่ารำคาญจนต้องเครียดเลยจริงๆครับ หลักๆคือผมแค่ต้องการจะสื่อว่า "ผมเชื่อว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ในจักรวาล โดยที่ผมรู้สึกค้านตรงที่ว่า ที่ผ่านมา ผมมักได้ยินว่า ดาวนั้น ดาวนี้ ไม่มีสิ่งมีชีวิต หรือจะเรียกว่าไม่เอื้อให้มีสิ่งมีชีวิต โดยไอ้การไม่เอื้อนั้น วัดจากการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตบนโลก" จริงครับ ที่บางท่านพยายามยกตัวอย่างว่า เพราะน้ำเป็นแหล่งกำเนิดชีวิต จึงต้องเริ่มสมมติฐานจากการหาน้ำ แต่นั่นไงครับ "เรากำลังเริ่มจากจุดที่ว่า ทั้งหมด ต้องเริ่มต้นเหมือนกับสิ่งมีชีวิตบนโลกหรือนี่" ตกลง เราหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก หรือกำลังหา สิ่งมีชีวิตที่คล้ายสิ่งมีชีวิตบนโลกที่อยู่นอกโลกกันแน่?? แล้วกับประโยคนี้ ในเรื่องของสภาพดาวนี่ หากสุดโต่งมากๆ นักดาราศาสตร์เองก็ตัดความเนไปได้ทิ้งเหมือนกันครับ เช่นในดาวฤกษ์เป็นต้น "ในสภาวะอย่างนั้นที่ก๊าซยังกลายเป็นพลาสม่า อุณหภูมิพื้นผิวนับพันนับหมื่นองศา แล้วจะมีอะไรไปฟอร์มตัวเป็นสิ่งมีชีวิตล่ะครับนั่น" หากไม่วัดเอาตามสิ่งมีชีวิตบนโลกแล้วไซร้ ต่อให้สภาพพื้นผิวหฤโหดกว่านั้น มันก็เป็นไปได้ครับ ถ้าคุณเป็นมนุษย์ที่ไม่เคยเจอปลามาก่อน หากมีคนมาบอกคุณว่า ในท้องมหาสมุทธ มีปลาที่ทนแรงดันขนาดบีบโลหะอยู่ได้ "คุณจะเชื่อมั้ย" แน่นอนว่า หากไม่มีข้อมูลตรงนี้มาก่อน หลายๆคนคงวัดจากสิ่งมีชีวิต "เท่าที่รู้จักว่า" ไม่มีทางมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในสภาพแบบนั้นได้แน่ๆ เอาแค่หายใจยังไม่ได้เลย จะมีสิ่งมีชีวิตได้อย่างไร สรุปแล้ว ผมเพียงต้องการจะสื่อว่า อิสระและขอบเขตแห่งความคิด ภายใต้โจทย์แห่งความเป็นไปได้นั้น มันก็กว้างใหญ่พอๆกับจักรวาลนั่นแหละครับ ปิดท้ายกับประโยคนี้ "การวางแผน การที่เราใช้ข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่เรามีในการคาดเดา จะช่วยให้เราทำการสำรวจได้ตรงจุดมากขึ้น มากกว่าการค้นหาโดยสะเปะสะปะ โดยตั้งความคิดว่า "อะไรก็เกิดขึ้นได้" ครับ " สรุปแล้ว การก่อเกิดจินตนาการ และพยายามหาข้อสรุปในจินตนาการที่ตนสงสัย คือการชี้แนะตรงไหนหรือครับว่า "ต้องไล่ค้นหาให้ครบทุกดาวสิ บรรดาคนเพ้อฝันถึงจะเชื่อ" ผมก็เป็นเพียงอีกความคิดเห็นหนึ่งที่รู้สึกสงสัยในข้อสรุป และเลือกจะใช้สิทธิในการแสดงความคิดเห็น เลือกที่จะตั้งข้อสงสัยนั้นผ่านทางกระทู้นี้ ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมบางท่านถึงได้แสดงความคิดเห็นในเชิง "ดูถูก" ด้วยการเหน็บในทำนองว่า เป็นเรื่องเพ้อฝัน มีแต่ในการ์ตูน เป็นเรื่องเสียเวลาที่จะไปไล่พิสูจน์ ทั้งๆที่สิ่งที่ผมจะบอก มันก็เป็นไปได้ เพียงแต่บางท่านจะดัดแปลงความเชื่อสุดโต่งที่ยึดหลักวิชาการเน้นๆ ไปบ้าง เปิดพื้นที่ให้จินตนาการของท่าน ได้แสดงความคิดเห็นบ้าง ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็อยู่ในพื้นฐานที่ "พอจะเป็นไปได้" มิใช่หรือครับ กับ คห ที่กล่าวในทำนองว่า "ตลาดวายแล้วนะ , คงจบแล้วนะ มันน่าจะจบตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว"  ไม่ทราบว่า การที่กระทู้ไร้สาระอันนี้มันยืดยาวมาเนี่ย มันทำให้กระบวนการดำรงชีวิตของใครในนี้ต้องประสบความน่ารำคาญล่ะก็ ผมกราบขออภัยครับ ถ้าพื้นที่นี้ มีไว้ให้เฉพาะ "คนที่ฉลาด คนที่รู้จริงๆ" ผมก็จะได้เจียมตนครับ ขออภัยจริงๆที่สร้างความรำคาญให้บางท่าน ถ้าอยากให้กระทู้นี้จบมากนัก ก็มีสองทางเลือกครับ 1.จบมันไปอย่างนี้ก็ได้ครับ 2.เลิกอ่านซะ!!!! แต่หากบางท่านอยากให้กระทู้ที่เปี่ยมสาระนี้ดำรงต่อ และไม่รู้สึกรำคาญจนอยุ่ไม่ได้ กับกระทุ้ที่เปิดกว้างเพื่อจินตนาการแบบนี้ "ก็ขอเชิญแลกเปลี่ยนกันได้ต่อครับ" ปล. ท้ายนี้ต้องขออภัย หากมีข้อความที่แสดงออกถึงอารมณ์มากไป เพียงแต่ผมชักจะสงสัยแล้วว่า การที่ผมสงสัยในสิ่งที่เปิดกว้างในจินตานาการนั้น เป็นเรื่องน่ารำคาญ หรือดูว่าผมดื้อด้านมากเพียงนั้นเชียวหรือ? ขอเรียนตามตรงว่า "ตลาดวายแล้วนะ , คงจบแล้วนะ"  ประโยคเหล่านี้มันชวนเซ็งจริงๆครับ เอาเป็นว่า ต่อไปนี้ ใครเอาข้อมูลที่วิเคราะห์ได้ และวิชาการมากกว่ามานำเสนอ ก็พิมพ์ต่อท้ายเลยดีมั้ยครับว่า "ห้ามแย้ง จบได้แล้ว นี่ถูกที่สุดแล้ว"  ยังงี้เลยดีมั้ยครับ ประชดไปงั้นแหละครับ เพียงแต่มันเซ็งเล็กน้อย ผมจะโยนความเซ็งทิ้งไปกับสิ้นปี แล้วถ้าอยากให้กระทุ้มีสาระนี้อยู่ต่อ ก็เชิญครับ ยินดีแลกเปลี่ยนเช่นเดิมครับ แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 52 09:03:42 แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 52 08:59:51 แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 52 08:41:21 จากคุณ : Cybersin เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 52 08:40:16

ความคิดเห็นที่ 110 "ทำไมต้องตัดค่าความเป็นไปได้" คือเขาไม่ตัดความเป็นไปได้หรอกครับ แต่มันไม่มีค่าพอพิสูจน์ และเกินความจำเป็นในการวิจัย อย่างเช่นการเฉลี่ยเลข 1,28,30,45,46 , 122 ที่ต้องตัดค่าสุดโต่ง มากสุดกับน้อยสุด ไปนั่นแหละ และเอาเลขเฉลี่ยนมาใช้ ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ไม่ควรเก็บไว้ในทางค้นคว้าครับ ถ้าบังเอิญเจอแล้วมันก็อีกเรื่อง "ทำไมมนุษย์ถึงต้องใช้ความรู้ที่ตัวเองมีเป็นพื้นฐาน ทำไมไม่ใช้ความคิดว่า มันอาจมีสิ่งที่เราไม่คาดคิด หรือรู้มาก่อนก็ได้" เพราะมันหลักลอยเกินไปไงครับ การคาดการณ์ในสิ่งที่เราไม่มีความรู้ พยายามพิสูจน์ในสิ่งที่ไม่ข้อมูล เชื่อในจินตนาการที่ว่าเปล่า แล้วเราจะเริ่มจากตรงไหน แล้วจะต่อยอดจากตรงนั้นอย่างไร วิทยาศาสตร์ต้องมีการ ตั้งสมมุติฐาน > พิสูจน์ > เพื่อให้ได้ข้อมูลมา ไอ้สิ่งมีชีวิตสุดโต่งที่ให้มา มันเป็นไปได้ยาก และหลายๆอย่างพิสูจน์ไม่ได้ในตอนนี้ เราเลยต้องตัดสิ่งที่เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ก่อน แล้วไปหาอันที่สามารถพิสูจน์ได้ ถ้าจะยกตัวอย่างในกรณีนี้ก็คงเป็น สมมุติว่าคุณต้องไปทำธุรกิจในประเทศที่ไม่รู้จัก เป็นเวลา 3 วัน และคุณไม่เข้าใจภาษาของประเภทนั้น หรือมีข้อมูลอะไรของประเทศนั้นเลย ไม่สามารถหาเพิ่มได้อีก แม้แต่อากู๊ก็ช่วยคุณไม่ได้ แต่ก็ต้องไป คุณมีเพียงแผนที่แบบไม่ละเอียดผืนหนึ่ง คุณต้องหาเอง ที่พักเพื่ออยู่ที่นั่นให้ครบ 3 วัน คุณจะเลือกหาที่พักในแผนที่ ซึ่งเป็นข้อมูลเดียว ที่คุณมี หรือจะไปตายเอาดาบหน้า เดินดุ่มๆหาที่พักเอาในประเทศที่คุณไม่รู้จักละครับ แล้วอย่าลืมว่าคุณมีเวลา และมีเงินในการค้นหาจำกัดนะครับ ในกรณีก็เช่นกัน เขาจึงตัดสิ่งที่คิดเขาคิดว่าไม่น่าจะมีออกไป โดยใช้ข้อมูลที่มีเพียงน้อยนิดที่มีในการค้นหา เพื่อไปสู่ที่ๆเป็นไปได้มากที่สุดละครับ ถ้าวันหนึ่งเราสามารถเดินทางในอวกาสได้อิสระ เหมือนเดินหาโค้กในเซเว่นได้ เชื่อว่านักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายเองก็อยากไปสำรวจหาสิ่งมีชีวิตในสถานที่ ที่เขาเคยตั้งสมมุติฐานว่าไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตได้เหมือนกันละครับ นักวิทยาศาสตร์ชอบหาทฤษฎีใหม่ๆมาล้มล้างทฤษฎีเก่าอยู่แล้ว ของเพียงแค่มีหลักฐานเท่านั้นละครับ ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ทั้งหมดแต่อย่างใด แต่ตอนนี้เรามีความรู้ความสามารถจำกัด จำเขี่ยอยู่ ก็ต้องทนใช้ความรู้เท่าที่มีเนี่ยตัดสินละครับ จากคุณ : หมาข้างถนนคนบ้าการ์ตูน เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 52 12:00:40

ความคิดเห็นที่ 111 ตอบง่ายๆว่า เพราะเราถือตนเองเป็นใหญ่ครับ เหมือนสมัยก่อนตอนที่เราบอกว่า ดาวทกดวงหมุนรอบโลก โลกแบน ฯลฯ จากคุณ : MESMERIC เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 52 12:18:39

ความคิดเห็นที่ 112 ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมบางท่านถึงได้แสดงความคิดเห็นในเชิง "ดูถูก" ด้วยการเหน็บในทำนองว่า เป็นเรื่องเพ้อฝัน มีแต่ในการ์ตูน เป็นเรื่องเสียเวลาที่จะไปไล่พิสูจน์ ------- ให้ลองนึกถึงสมัยพระเจ้าเหาโบราณกาล นะครับ เหมือนกันเลย ส่วนตัวผมคิดว่าคนที่พูดคำเหล่านั้น จริงๆไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ที่แท้จริงหรอกครับ ถ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง หรือค้นคว้าสนใจจริงจะไม่มีคำพูดพวกนั้นออกมาเลย อย่างเช่น อ.ขลิบ อ.อะธีลาส และ น้องวิน เป็นต้น คนที่เรียกตัวเองว่านักวิทยาศาสตร์เขาจะไม่มีนิสัยดูถูกคนอื่นนะครับ ทุกๆสิ่งมันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ เพียงแต่ความน่าจะเป็นมันน้อยหรือมาก และนักวิทยาศาสตร์จะเปิดรับความคิดเห็นของผู้อื่นเสมอครับ เพื่อเปิดวิสัยทัศน์ในมองเห็น ไม่ใช่มายึดติดกับทฤษฎีใดทฤษฎีหนึ่ง จากคุณ : kodindy เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 52 13:08:44