ความคิดเห็นที่ 1 กรอง ต้ม กลั่น จากคุณ : ped cad เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 13:35:34

ความคิดเห็นที่ 2 ทำไมมันถึงย่ำแย่ขนาดนั้นละครับ ก็งบที่ส่งลงไปก็หมื่นๆล้าน เอาไปทำไรหมด จากคุณ : kaiwe เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 13:37:33

ความคิดเห็นที่ 3   คงต้องสร้างบ่อพักน้ำขนาดใหญ่อ่ะคับ รอให้มันตกตะกอนเอง แล้วก็ใช้วิธีต้ม กรอง กลั่น แต่นั้นจะเ็ป็นการสิ้นเปลื้องงบประมาณ มากเกินไปรึป่าว? นอกเสียจาก ปล่อยให้ระเหยกลายเป็นไอเองโดยใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ อาจจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ก็ได้ครับ จากคุณ : Nattsumoto69 เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 13:51:08

ความคิดเห็นที่ 4   คาดว่า เป็นฐานที่อยู่ในอำเภอรอบนอก หรืออยูในป่า ใช่หรือไม่ครับ ผมไม่ค่อยมีประสบการณ์ที่ จชต. เท่าใดนัก เท่าที่เคยเจอมา คงจะต้องพึ่งพาน้ำฝน นะครับ แต่ถ้า ไม่ได้ คงต้องดัดแลงเครื่องกรองน้ำง่ายๆจากขวด/ถัง 6-20 ลิตร เอาครับ ที่เคยใช้ ใช้ถังกรอง 3 ถัง ใส่วัสดุกรองต่างๆกันไป เวลาใช้กรองไล่ไปตั่งแต่ใบที่1-3 ทำต่อเนื่องกันไป สำรองหว้ 20 ลิตร ทำแบบนี้ก็จะพอมีน้ำสะอาดที่ใช้ได้ทุกวันครับ จากคุณ : ด้วยความเคารพ เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 14:14:16 A:117.47.141.232 X: TicketID:229426

ความคิดเห็นที่ 5 ทำถังตกตะกอนแล้ว กรองครับ เป็นกรองหยาบ จนถึงกรองละเอียด แล้วทั้งใช้ถ่านช่วยกรองด้วย แล้วถ้าเป็นไปได้ ให้ผ่านตัวกรอง เซรามิกด้วย น่าจะช่วยได้ครับ จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 14:16:23

ความคิดเห็นที่ 6   เอเวลายังงี้นี่พวกขายของไม่โผล่แฮะของดีจริงก็ลองบริจาคให้เขาลองไปใช้ดูจิ พวกเครื่องกรองที่มีขายกันอยู่ก็น่าจะพอเอาอยู่นะมี uv ไว้ฆ่าเชื้อหน่อยก็ราคาไม่เท่าไรแต่แพ้น้ำนี่ ถ้าแพ้สารในน้ำบ่อ(บาดาล) อาจต้องเอา revers osmosis ไปใช้แล้วมั้ง จากคุณ : อยากดื่มกะคนรู้จัย เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 14:21:05 A:117.47.29.48 X: TicketID:247151

ความคิดเห็นที่ 7   ถ้าอยุ่ที่ราบที่ยานยนต์สามารถเข้าถึงได้ก้เอารถนำเข้าไปส่ง คันนึงก็น่าจะอยู่ได้หลายวันนะ ถ้าอยุ่ไนป่าน่าจะเอาชีนุคหิ้วไปส่งได้นะครับ ถังกรองก็ดีครับกรองแล้วเอามาต้มอิกทีนึง จากคุณ : งืมๆ เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 14:25:56 A:202.91.18.194 X: TicketID:246672

ความคิดเห็นที่ 8 Slow Sand Filter โลดครับ แล้วถ้ายังไม่พอค่อย RO จากคุณ : TagMyZky เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 14:27:19

ความคิดเห็นที่ 9 ตามคำเรียกร้อง espring ครับ ซัก 2เลยดีไหมครับ ไม่พอมีให้อีก 555++ แต่ผมไม่ได้พุดเล่นนะครับ ลองติดต่อบริษัททำเครื่องกรองดูสิครับ เค้าอาจขายให้ถูกกว่าราคาตลาด แต่ถ้าอยากได้จริงๆ ติดต่อบริษัทผลิตน้ำที่อิสราเอลครับ เค้าทำได้ จากน้ำทะเลเป็นน้ำจืด หรือที่บรูไนก็มีครับ แต่ก็ตลกนะงบไปตั้งเยอะ ไม่มีปัญญาซื้อเครื่องกรองน้ำ จากคุณ : tihnov เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 14:56:52

ความคิดเห็นที่ 10 เอ ทหารช่างเขาก็มีสารผลิตน้ำไม่ใช่เหรอครับ จำได้ตอนเรียน รด ครูฝึกยังเอามาให้ดูอยู่เลย จากคุณ : วัยละอ่อน เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 15:03:44

ความคิดเห็นที่ 11 .. ขอบริจาค ไส้กรองเก่า แอมเวย์นะครับ ไม่ต้องใช้ชุดกรองทั้งชุด  ที่มีหลอด UV เพียงแค่มีชุดสาธิต  (ที่ทีมงานเค้าทำขึ้นไว้สาธิตโดยเฉพาะ) พอใส่ไส้กรองเข้าไปในชุดครอบ จากนั้น  จะมีการบีบอัดอากาศ  ด้วยลูกยาง  ที่มีการบีบ-ปล่อย  บีบ-ปล่อย น้ำที่ออกมาก็ใสบริสุทธิ์เลยครับ เว้นแต่จะไม่มีการฆ่าเชื้อด้วยหลอด UV เท่านั้น .. จากคุณ : ไม่เป็นดั่งใจ เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 15:04:36

ความคิดเห็นที่ 12 biosand filter   หรือ slow sand filter biosand จะดีกว่า  และปลอดภัยต่อเชื้อโรคทุกชนิด อธิบายการทำงานของ biosand filter http://www.samaritanspurse.ca/ourwork/water/bsf_video.aspx จากคุณ : Professor เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 15:29:10

ความคิดเห็นที่ 13 อธิบายการทำงาน จากคุณ : Professor เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 15:31:55

ความคิดเห็นที่ 14 เหล่า presentor น้อย  ที่ใช้บริการ biosand filter ใช้เงินทำแค่  2,000 บาท ปกติการกรองน้ำดื่ม มีในตำราทหาร สงสัยว่า  นายพล ทำอะไรอยู่ จากคุณ : Professor เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 15:34:01

ความคิดเห็นที่ 15 ตักน้ำขุ่นๆ มา จากคุณ : Professor เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 15:43:30

ความคิดเห็นที่ 16 ก่อนกรอง และหลังกรอง จากคุณ : Professor เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 15:43:57

ความคิดเห็นที่ 18 หมื่นๆล้าน เอาไป ให้คนอื่นกู้ยืม นอกระบบ... แล้วเอาดอกเบี้ยโหดๆมาเข้ากระเป๋าตัวเอง... แล้วอ้าง ว่า เบื้องบนสั่งการ ทำเรื่องช้า ต้องอนุมัติหลายที่ ...... บวกกับตามลูกหนี้ ส่งคืนหมดทั้งต้นทั้งดอกหรือเปล่า  มันเลยช้า... นิทานนะครับนิทาน... จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 15:59:13

ความคิดเห็นที่ 19 คงต้องทำแยก 2 ส่วนแล้วล่ะครับคือน้ำเพื่อการใช้ทั่วไป กับใช้เพื่อดื่ม ถ้าเป็นน้ำใช้ทั่วไปขอแนะน้ำใช้สารส้มป่น EDTA และ ไคโตซาน ช่วยครับ ทำได้โดยการใช้สารส้มป่น โปรยลงน้ำก่อนเพื่อจับสารแขวนลอย และ Colloid บางส่วนออกจากน้ำ หากน้ำข้นมาก ให้เติม EDTA ถ้าใช้ภาชนะเก็บน้ำเป็นโลหะ การใช้ EDTA อาจได้ผลลดลง มากและการใช้ ไม่ควรใช้เยอะมากเกินไปครับเพราะระคายเคืองต่อตามาก และผิวหนังบางในระดับอ่อนๆครับ ขนาดใช้ประมาณ 1 ช้่อนชา ต่อน้ำ 1 ถัง 200 ลิตร (25 ppb) (ที่จริงการใช้ไม่ตายตัว ขึ้นกับปริมาณการปนเปื้อนครับ ควรพิจารณาการใช้อย่างละเอียด) และใช้เฉพาะน้ำที่คิดว่ามีโลหะหนักหรือสารประกอบที่มีโลหะมากกว่า 2+ ขึ้นไป เช่น พวกหินปูน (CaCO3) อยู่มากครับ แต่ถ้าไม่จำเป็น เลี่ยงได้ก็ดีครับ Chitosan จะเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง วิธีการก็ไม่ยากเพียงแต่อาจไม่สะดวกนัก ทำได้โดยละลายไคโตซานผง (น่าจะหาได้ตามแหล่งกุ้งขนาดใหญ่อย่างมหาชัยครับ) เอามาละลายในน้ำส้มสายชูครับ ซึ่งปกติไคโตซานละลายน้ำยากมากครับ ในน้ำส้มสายชูละลายได้ดีขึ้นมากครับ การใช้งาน ไคโตซานผง 1 กิโลกรัม ละลายในน้ำส้มสายชู (5%) 10 ลิตร และน้ำอีก 40 ลิตร (~2% chitosan) สามารถใช้กับน้ำได้ 1000 - 2000 ลิตร หรือ 1 - 2 ตัน หรือ ถังน้ำมัน 200 ลิตร 5 - 10 ถัง ถ้าแบบผงราคาแพง ก็ทำเองเลย ซึ่งเปลือกกุ้งสดหาได้ง่ายขึ้น เพราะตามแพภาคใต้ หรือโรงงานแปรรูปอาหารทะเลที่สงขลา หรือที่ตรัง น่าจะมีขายครับ การทำดูได้ที่ http://avisrm.exteen.com/20090914/chitosan ครับ ลำดับการบำบัดแนะนำเป็นโปรยสารส้ม แล้วเติมไคโตซาน ถ้าไม่ใช้ EDTA หรือ โปรยสารส้ม เติม EDTA แล้วเติม ไคโตซาน ครับ น้ำที่นำมาใช้คือส่วนที่ใสนะครับ ส่วนน้ำดื่ม ก็ให้ใช้น้ำส่วนใสจากน้ำใช้ผ่าน ระบบกรองอย่างที่เราเรียนกันสมัยประถมนั่นแหละครับโดยใช้ทราย หิน กรวด ถ่านครับ ดังภาพครับ ที่มาภาพ http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2009/04/X7765436/X7765436 ชั้นสำลีอาจใช้ผ้าแทนได้ครับ และที่สำคัญที่สุด ต้องทำการกรองน้ำผ่านทิ้งไว้นานๆครับ อาจใช้น้ำผ่านเป็นวันๆเลยครับเพื่อสร้างชั้นฟิล์มบนวัสดุกรอง เพราะชั้นฟิล์มนี้สามารถกำจัดเชื้อโรคได้บางส่วนได้ด้วยนะครับ จะช่วยลดโอกาสเกิดพิษจากน้ำได้ โดยน้ำที่ได้จากการกรอง 3 วันแรกจะนำไปใช้ทั่วไปก่อนครับ และไม่ควรปล่อยให้กรองน้ำแห้ง เพราะชั้นฟิล์มที่เลี้ยงเพื่อการบำบัดน้ำ อาจตายและลดประสิทธิภาพการกรองได้ครับ จึงควรขังน้ำไว้เมื่อเลิกใช้ในกรองให้สูงกว่าชั้นบนสุดประมาณไม่เกิน 10 เซ็นติเมตร เพื่อรักษาสภาพ ควรมีก๊อกเพื่อคุมการเปิดปิดและไม่ควรปิดฝาครับ การกรองนี้เคยมี Paper ผ่านตาว่ามันสามารถกรองพวกเชื้อ Salmonella และกำจัด Arsenic ได้ดีระดับหนึ่งเลยครับ และใน Paper เหมือนจะมีแค่ทรายความยาบแบบเดียว และของเขาจะเรียงจากหยาบไปละเอียดครับ แต่ละชั้นเราอาจใช้ตาข่ายพลาสติกกรองแสง (ที่มักเรียกกันว่าสแลนท์น่ันล่ะครับ) คั่นไม่ให้ชั้นละเอียดๆมาปนชั้นล่างๆได้ครับ ส่วนชั้นบนที่ปูก็เพื่อกันไม่ให้ทรายฟุ้งตอนเทน้ำครับ เพิ่มเติม http://pottersforpeace.org/wp-content/uploads/analysis-and-comparison-of-sustainable-water-filters.pdf ครับ แก้ไขเมื่อ 01 ม.ค. 53 17:21:12 แก้ไขเมื่อ 01 ม.ค. 53 17:17:40 แก้ไขเมื่อ 01 ม.ค. 53 17:16:22 จากคุณ : sivpeer เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 17:15:55

ความคิดเห็นที่ 20 รูปครับ ส่วนชั้นดินอาจไม่ใส่ก็ได้นะครับ เพราะเราไม่ทราบว่าดินบริเวณนั้นมีอะไรบ้างครับ สมัยก่อนที่หลายจังหวัดในสมัยก่อน เคยมีปัญหาเรื่องการปนเปื้อนสารหนูในแหล่งน้ำเนื่องจากการทำเหมือง ก็ได้ชุดกรองช่วยมาก่อนเหมือนกันครับ แก้ไขเมื่อ 01 ม.ค. 53 17:20:31 จากคุณ : sivpeer เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 17:17:59

ความคิดเห็นที่ 21 ต้องดูก่อนครับว่าฐานที่ประสบปัญหาใช้น้ำจากแหล่งไหนอยู่ เป็นฐานระดับไหน ที่ผมพบบ่อยก็มี ประปาภูเขา ประปาหมู่บ้าน น้ำจากแหล่งน้ำ น้ำใต้ดิน และน้ำบาดาล ส่วนถ้าเป็นบริเวณเขตเทศบาล อาจขอติดต่อรับรถน้ำจาก อบต. หรือเทศบาล มาได้ครับ ปัญหาที่พบน้ำขุ่นบ่อยๆ คือ น้ำใต้ดิน รองลงมาคือ น้ำจากแหล่งน้ำ (จากแม่น้ำลำคลอง) ครับ การแก้ ไม่แนะนำให้ใช้สารส้ม หรือทำแหล่งพักน้ำครับ (หากต้องการทำสามารถติดต่อทหารช่างได้) เพราะฐานส่วนใหญ่ต้องอยู่อีกนานนนนน... สิ้นเปลืองงบประมาณ และเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น แตกต่างจากตอนฝึก ที่เราตั้งฐานที่เราอยู่กันไม่นาน อันนั้นใช้วิธีนี้ได้ ดังนั้นแนะนำให้ขอแนะนำ ผบ. ขุดน้ำบาดาลไปเลยดีกว่าครับ ท้ายสุด อย่าลืมวิชาสุขาภิบาลสนาม ส่ง link ไปให้ หลังไมค์แล้วครับผม ว่าแต่ ทำไมไม่โทรมาคุยกันก่อนอะ... -_-' ที่ว่ามาทั้งหมดเป็นน้ำอุปโภค ส่วนน้ำบริโภค อันนี้เรื่องยาวกว่าครับ ถ้าต้องการข้อมูลด้วย ก็โทรมาคุยกันได้นะ... แก้ไขเมื่อ 01 ม.ค. 53 18:23:02 จากคุณ : vandalism เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 18:17:23

ความคิดเห็นที่ 22 หว้ากอครับหว้ากอ จากคุณ : PanJ เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 19:57:14

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าพื้นที่มีชั้นทราย ที่ระดับความลึก 12 - 15 เมตร หรือไม่เกิน 20 เมตร ก็เจาะบ่อ แบบบ่อบาดาลครับ วันเดียวได้น้ำแล้ว  ผมเคยทำครับ 4 - 5 ชม เท่านั้น ได้น้ำแล้ว น้ำสะอาดพอควร ใช้อุปโภคได้  ส่วนใช้กิน ก้อเอาไปต้มครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 21:10:13

ความคิดเห็นที่ 24 ใส่การ์ดให้ GT200 เป็นดาวน์ซิ่งหาน้ำสะอาดแทนเลยครับ จากคุณ : Blackion เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 21:16:41

ความคิดเห็นที่ 25 น้ำมีสีขาวขุ่น ใส่แก้วทิ้งไว้อาทิตย์นึงตะกอนไม่ตกละก็ ไอ้ที่อยู่ในน้ำไม่ใช่ตะกอนครับ แต่เป็นสารละลายดินเหนียวที่เรียกว่า Dispersive Soil ซึ่งดินประเภทนี้เมื่อเจอน้ำ มันจะละลายตัวแยกเป็นประจุไฟฟ้า กรองมันยังไงก็ยังออกมาขาว ยกเว้นใช้ RO. ลองเติมปูนขาวลงไปแล้วค่อยกวนสารส้ม ตะกอนอาจจะจับตัวบ้าง แล้วค่อยผ่านกรองเอาไปใช้ แต่ให้แน่นอน ก็ควรส่งน้ำไปให้การประปาฯ ตรวจสอบ จะแน่นอนกว่า ครับ จากคุณ : Waterman (LN106) เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 22:46:05

ความคิดเห็นที่ 26 #2 สนุกมั้ยครับ? เรื่องน้ำกับความสะอาด สำคัญเป็นอันดับต้นๆครับ ตามทุกๆคห.บอกว่าผมว่าใช้ได้หมดนะ จากคุณ : Darth Aiglatson เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 00:44:23

ความคิดเห็นที่ 27   ขายคฤหาศน์รับรองนายพลนอกราชการ ที่ใช้น้ำไฟจากภาษีประชาชน สัก 2-3 หลัง ก็มีเงินพอซื้ออุปกรณ์ทำน้ำสะอาดได้พอสำหรับค่ายทหารทั้งภาคไต้แล้วครับ ถ้าไม่กล้าขายก็ตาม คห ข้างบน จากคุณ : devil amature2 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:50:29