ความคิดเห็นที่ 1 ไม่ได้หรอกครับ เพราะความเชื่อเรื่องศาสนา หรือสิ่งอื่นที่คล้ายกัน เป็นคุณสมบัติหนึ่งของประชากรมนุษย์ส่วนใหญ่ และวิทยาศาสตร์ ยังมีข้อจำกัดอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้สมบูรณ์ เช่น ตัวเราคือใคร? ทำไมเราจึงมีจิตสำนึกเป็นตัวเรา? จักรวาลนี้เกิดมาจากไหน? ผู้สร้างของผู้สร้างคือใคร? และอื่นๆ จากคุณ : Practical x 2 เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 23:28:49

ความคิดเห็นที่ 2 โหวตว่าเป็นไปไม่ได้ เหตุผลเอาไว้ตอบพรุ่งนี้ตอนว่างๆ จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 23:31:28

ความคิดเห็นที่ 3   ผมว่ามันอยู่ที่คำถามนี้คำถามเดียวครับ ว่าอะไรคือจุดประสงค์ของการมีจักรวาล?  ถ้าวิทยาศาสตร์ตอบคำถามนี้ยังไม่ได้ศาสนาก็ยังคงมีอยู่ครับ แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่าอนาคตวิทยาศาสตร์อาจจะตอบคำถามนี้ได้ แต่คงยังอีกนานนนนนนนนมาก จากคุณ : Steinway เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 23:34:35

ความคิดเห็นที่ 4 ความเชื่อคนมันเปลี่ยนยากครับ จากคุณ : StreamRider เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 23:47:48

ความคิดเห็นที่ 5   ความเชื่อของคนเปลี่ยนแปลงได้ครับ อย่าลืมว่าสมัยก่อนคนส่วนใหญ่ในโลกเชื่อว่า "โลกแบน" นะครับ ตอนนี้ยังเปลี่ยนได้เลย มันขึ้นอยู่กับการค้นพบของมนุษย์และวิวัฒนาการ แต่กรณีที่มนุษย์จะไม่มีศาสนามันขึ้นอยู่กับวิวัฒนาการทางด้านวัฒนธรรมของมนุษย์ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงความคิดและความเชื่อของมนุษย์ได้ครับ จากคุณ : Steinway เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 23:52:47

ความคิดเห็นที่ 6 อย่าลืมครับว่ายังมีบางเรื่องที่ วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ จากคุณ : jingjoeja เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 23:56:43

ความคิดเห็นที่ 7 เป็นไปไม่ได้ครับ ถ้าความเชื่อทางศาสนาจะเสื่อม ก็ไม่ได้เป็นเพราะวิทยาศาสตร์ครับ จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 23:58:30

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่มีทางที่ศาสนาจะถูกแทนที่ได้เพราะวิทยาศาสตร์ครับ เพราะทั้ง 2 สิ่งมีหน้าที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง... "ศาสนา"  คือสิ่งที่สอนให้มนุษย์เป็นคนดี "วิทยาศาสตร์" คือสิ่งที่สอนให้มนุษย์เอาชีวิตรอดและรู้จักการใช้ชีวิต เพราะฉะนั้น... ไม่มีทางแน่นอนครับที่วิทยาศาสตร์จะมาแทนที่ศาสนา  ยกเว้นแต่ว่ามนุษย์จะเปลี่ยนศาสนาให้กลายเป็นนิทานอภินิหาริย์ไปเสียสิ้น จากคุณ : s.jf.logan. เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 00:17:49

ความคิดเห็นที่ 9 วิทยาศาสตร์และมนุษย์ ไฝ่หาความสมบูรณฺ์ แต่ ในความสมบูรณ์ก็สร้างความไม่สมบูรณ์ขึ้นมา (ประมาณว่า ต่อให้ Perfect คุณก็ผิด ผิดเพราะคุณ Perfect หรือที่หลายคนอาจจะเคยโดนว่า "คุณดีเกินไป เราเลิกกันเถอะ")และนั่นก็เพียงพอจะเป็นช่องทางให้ศาสนา คงอยู่ตลอดไป จากคุณ : ZGMF-X10A เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 00:29:57

ความคิดเห็นที่ 10 เราว่าศาสนา ทำให้มนุษย์มีความเป็นมนุษย์อยู่นะคะ หากในโลกอนาคต มีแต่วิทยาศาสตร์ ไม่มีศาสนา เราว่ามนุษย์อยู่ไม่ได้หรอกค่ะ แต่เราดันโหวตว่าเป็นไปได้แหะ จากคุณ : Pretty_Cute_Girl เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 00:38:03

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นไปไม่ได้หรอก คนที่เรียนสูงๆ พอเกิดปัญหาทีไรหันหน้าเข้าหาศาสนา เอาศาสนาเป็นที่พึ่งก็มีเยอะแยะ จากคุณ : เมฆก๊าซในกลุ่มดาราจักรวังน้ำวน เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 00:45:13

ความคิดเห็นที่ 12 เป็นไปไม่ได้แน่นอน ไม่ควรจะคิดว่าศาสนาจะสอนแค่แก่นของธรรมชาติอย่างเดียวครับ ศาสนาไม่ได้สอนแค่นั้น แต่ยังเจาะลึกเข้าไปถึงข้อปฏิบัติ สิ่งที่ควรกระทำด้วย วิืทยาศาสตร์ไม่เคยสอนเลยว่า "บาป" คืออะไร ไม่เคยสอนว่าเราไม่ควรจะเข่นฆ่ากัน ไม่เคยสอนว่าห้ามโกหก ลักขโมย ให้สามัคคีกัน จริง ๆ แล้วมันมี 3 ศาสตร์ที่ค้ำจุนกันอยู่คือ ศาสนา ปรัชญา วิทยาศาสตร์ จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ ศาสนา - ความเชื่อ -> โลกแบนนะ ท่านต้องเชื่อว่าโลกแบน ปรัชญา - ความคิด เหตุผล -> โลกแบนหรือกลมกันแน่ จะใช้หลักเหตุผลอย่างไรดี? วิทยาศาสตร์ - การประจักษ์ -> ไม่เชื่อว่าโลกกลมจนกว่าจะได้เห็นของจริง หรือต้องพิสูจน์ได้ ตรวจวัดได้ ไม่ว่าอย่างไร โลกเราก็ต้องมีศาสนา ปรัชญา วิทยาศาสตร์ อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าใครจะเป็นนักศาสนา นักปรัชญา หรือวิทยาศาสตร์ อย่างเช่น "หลังจากที่วิทยาศาสตร์ส่งยานอวกาศไปแล้ว นักวิทยาศาสตร์ต่างพากันสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้าขอให้ภารกิจสำเร็จ" (วิทยาศาสตร์ ศาสนา) "พระแจ้งตำรวจเพื่อให้ใช้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ตรวจสอบหาคนร้ายขโมยเงินบริจาค" (ศาสนา วิทยาศาสตร์) "ไอนสไตน์กล่าวว่า "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"" (วิทยาศาสตร์ ปรัชญา) "การคุมกำเนิด บาปหรือไม่ การรักษาโดยสเต็มเซลล์บาปหรือไม่" (วิทยาศาสตร์ ปรัชญา ศาสนา) ยังไงก็ตัดกันไม่ขาดหรอกครับ อย่าถามเลยว่า""บาป" ในทางวิทยาศาสตร์อธิบายไว้ว่าอย่างไร" ""ความดี" ในทางวิทยาศาสตร์คืออะไร" เพราะมันไม่มีคำอธิบาย "บาป" จนกว่าจะมีคนค้นพบ ประจักษ์เห็นจริง และตรวจสอบได้ ถ้าอยากรู้ไปเปิดดูตำราศาสนาหรือปรัชญาดีกว่า สรุปคืออยู่แบบองค์รวมดีกว่า มีทั้งสามอย่างดีแล้ว แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 53 00:50:27 จากคุณ : Seiki เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 00:48:26

ความคิดเห็นที่ 13 ผมว่าเป็นไปได้ ถ้าวิทยาศาสตร์พัฒนาขึ้นมากกว่านี้ ตอนนี้วิทยาศาสตร์มันทึ่ม เกินไปที่จะมานำทางจิตวิญญาณของเรา จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 00:54:08

ความคิดเห็นที่ 14   ศาสนาเป็นแนวคิดและแนวทางการปฏิบัติในการใช้ชีวิตของมนุษย์ ยิ่งวิทยาศาสตร์พัฒนามากเท่าไหร่แนวคิดทางศาสนาจะยิ่งมีเหตุมีผลยิ่งขึ้น ลองนึกย้อนดูศาสนาสมัยก่อนที่โหดๆ... จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 01:21:28 A:1.1.1.91 X:58.9.220.21 TicketID:208572

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นไปไม่ได้คับ เพราะถ้าวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าถึงขีดสุดสามารถสร้างญาณทิพย์ให้เกิดแก่มนุษย์สามัญชนคนธรรมดาให้กระจ่างแจ้งขึ้นมาได้จากสูญญากาศแล้วล่ะก็... นักวิทยาศาสตร์ก็จะนับถือพระเจ้าคับ... จากคุณ : Catwater (Catwater) เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 01:25:31

ความคิดเห็นที่ 16   ต้องถามก่อนว่า คำว่า"อนาคต" นานแค่ไหน คำตอบอยู่ตรงที่ กิเลสมนุษย์ จะหมดเมื่อไร แล้วต้องกลับมาหาคำถามว่าศาสนา มีไว้ทำไม หากไม่มีกิเลส ก็ไม่จำเป็นที่ต้องมีศาสนา หากถือทีเดียวสามศาสนา แต่ทำลายคนเป็นเรื่องปรกติ คนก็ไม่ต่างจากสัตว์ตัวหนึ่ง จากคุณ : po เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 01:31:11 A:222.123.161.188 X:

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นไปไม่ได้หรอกครับ วิชาปรัชญาต่างหาก ที่จะก้าวเข้ามาทำหน้าที่ตรงนั้น จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 05:10:13

ความคิดเห็นที่ 18 เป็นไปไม่ได้หรอกครับ "ปรัชญา" ตะหากที่ครอบคลุม "ศาสนา" กับ "วิทยาศาสตร์" จากคุณ : ศาลายา เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 06:06:43

ความคิดเห็นที่ 19 แก่นแท้จริงของศาสนา กับแก่นแท้จริงของวิทยาศาสตร์ มันก็คือ แก่นอันเดียวกัน ก็แค่นั้น เพียงแต่เปลือกมันต่างกัน คนก็เลยดูไม่ออก สวัสดี จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 07:04:44

ความคิดเห็นที่ 20   ผมมองว่า วิทยาศาสตร์คือศาสนา เมื่อคนเรา(หลายๆคน) เชื่อว่าวิทยาศาสตร์มีคำตอบให้กับทุกเรื่อง ก็จะสามารถเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจได้ จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 08:58:53 A:124.122.162.23 X: TicketID:205742

ความคิดเห็นที่ 21   1. วิทยาศาสตร์ยังอธิบายเรื่องกฏแห่งกรรมไม่ได้ เช่น การทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิมา ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อันยิ่งใหญ่ แต่ทางศาสนามองว่าเป็นการสร้างกรรมอันยิ่งใหญ่ (แน่นอนว่า ทางวิทยาศาสตร์ไม่เชื่อว่ากรรมจะตามสนอง) 2. วิทยาศาสตร์ไม่สามารถสร้างความสุขที่จริงแท้ให้กับมนุษย์ได้ ถามว่าชีวิตของผู้คนสมัยกรุงสุโขทัย กับ ปัจจุบัน ใครมีความสุขมากกว่ากัน สมัยสุโขทัยอาจจะสุขกว่าก็ได้ ทั้งๆที่ไม่มีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ใดๆ 3. วิทยาศาสตร์ สร้างสิ่งเร้ากิเลส เพื่อตอบสนอง ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน แต่ ศาสนาต้องการระงับกิเลส แนวความคิดตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง 4 แม้วิทยาศาสตร์สามารถสกัดกิเลส ก็เป็นเพียงในระดับสมอง เช่น สร้างยากล่อมประสาทตัดทุกขเวทนา สร้างยาชา ตัดผัสสะ สร้างยาลดความอ้วนเพื่อตัดตัณหาเรื่องอยากกิน และสร้างยานอนหลับ เพื่อตัดอุปาทาน (ตัวกู) จะเห็นได้ว่า วิทยาศาสตร์ใช้ยา แต่ศาสนาใช้สติ เมื่อยาหมดฤทธิ์ทุกอย่างจะเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ดังเช่น ที่ไมเคิล แจ๊คสัน มาริลีน มอนโร เอลวิส เพรสลี่ย์ ประสบมา 5 สมัยนิวตัน นักเศรษฐศาสตร์ฟันธงว่า โลกจะเข้าสู่ยุคพระศรีอารย์ เพราะแต่ก่อนสีข้าวตันหนึ่งต้องใช้เวลาเป็นเดือน พอมีกฏของนิวตัน สร้างเครื่องจักรสีได้วันหนึ่งเป็นตันๆ เครื่องจักรสามารถเย็บเสื้อได้วันละเป็นพันตัวในขณะที่แต่ก่อนตัวหนึ่งต้องเย็บกันเป็นสัปดาห์ ทุกคนจะมีกินมีใช้อย่างเหลือเฟือ แต่พอมาถึงปัจจุบัน ก็พบว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะกิเลสของมนุษย์พองตัวเร็วกว่า แถมยังทำให้เกิดสงครามโลกตามมาสองครั้ง ฆ่ากันด้วยอาวุธคุณภาพสูงตามหลักกลศาสตร์ตายไปกว่ายี่สิบล้านคน 6 ถ้าเทียบวิทยาศาสตร์เป็นคันเร่ง ศาสนาก็เหมือนเบรก รถที่มีแต่คันเร่ง อันตรายมาก แต่ก็แน่นอนว่า รถยนต์ที่มีแต่เบรก จะไม่ไปไหน 7 ศาสนาบอกว่า ความสุขอยู่ที่ใจ ถ้าใจสงบ มีสมาธิ ฟังเพลงจากเทปคาสเซ็ทราคาไม่กี่ร้อย ก็ไพเราะกว่า การฟังเครื่องเสียงราคาเรือนแสนแต่จิตใจร้อนรุ่ม เด็กชนบทที่ได้มาเที่ยวดรีมเวิรล ความสนุกไม่ต่างจากเด็กกรุ่งเทพได้ไปดิสนี่ยแลนด์ ถ้าลดตัณหาได้ ความสุขจะเพิ่มขึ้น 8. วิทยาศาสตร์ไม่ศึกษาเรื่องจิต ทำให้พลาดการค้นพบเรื่องสำคัญๆที่เป็นความจริงแท้อีกด้านหนึ่ง (จิตนิยาม กรรมนิยาม ) แต่วิทยาศาสตร์ไปเน้น อุตุนิยาม พืชนิยาม ดังนั้นวิทยาศาสตร์ไม่มีทางแทนที่ศาสนาได้ 9 วิทยาศาสตร์ไม่เชื่อเรื่องตายแล้วเกิด ถ้าทุกคนไม่เชื่อ โลกจะปั่นป่วน เกิดการฆ่า ข่มขืน ขโมย คอรัปชั่น แสวงหาความสุขในชาตินี้ให้มากที่สุด เพราะเกิดมาชาติเดียว ใช้ให้คุ้ม 10 มีการคาดหมายกันว่า เมื่อวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าถึงขีดสุด จะพบว่า ความลับทั้งหมด ซ่อนอยู่ในจิตมนุษย์นี่เอง (ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ควอนตัมหลายๆคนก็เริ่มจะคิดเช่นนั้น) ในอนาคตเป็นไปได้ ที่วิทยาศาสตร์กับศาสนาจะมาบรรจบกัน แต่ไม่ใช่การแทนที่ เพียงแต่วิทยาศาสตร์จะสามารถอธิบาย นามธรรมต่างๆของศาสนาได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น เรื่องเจตสิก อภิญญา พลังจิต ภพ ชาติ ฯลฯ ปล. รวบรวมมาจากหนังสือ เดอะท็อปซีเคร็ต จากคุณ : ฝ่ายค้าน เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 09:37:09 A:124.120.17.104 X: TicketID:246265

ความคิดเห็นที่ 22   เป็นไปได้แน่นอนครับ จุดประสงค์ของการมีจักรวาล? ต้องใช้หลักทางด้านปรัชญา หลักมานุษวิทยาแบบอ่อนตอบ เราไม่ลองนึกดูละศาสนาในสมัยก่อนที่หายไป เพราะอะไร เพราะหลักของศาสนานั้นขัดกับความเป้นจริงทางวิทยาศาสตร์ทำให้คน ไม่ยอมรับในศาสนานั้น ศาสนานั้นจึงได้สูญหายไป ผมว่าเราไม่จำเป็นต้องมีศาสนา เพราะว่ามันเป็นแนวทางในการยึดเหนี่ยว สมมติคุณไม่เชื่อศาสนาืที่สอนให้รู้ว่าบาป อะไรแบบนี้ คุณก็ยึดถือในเหตุผลที่พิสูจน์ได้ตามหลักที่วิทยาศาสตร์สอน แล้วเราก็ไปดูข้อกฎหมายก็จะพบว่าเมื่อเราทำผิด...เราก็จะโดนลงโทษเช่นเดียวกัน และมันก็พิสูจน์ได้ด้วย บาปคืออะไร มีตัวตนอยู่จริงไหม มันพิสูจน์ไม่ได้ เพราะมันเป็นนามธรรม จากคุณ : NuTKunG_NaKruB เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 09:39:02

ความคิดเห็นที่ 23 เป็นไปได้ครับ..... ใด ๆ ในโลกล้วนอนิจัง... เมื่อก่อนยังทำถือ ภูติ ผี เทพเจ้า ก่อนมาเป็น ศาสนา เลย อนาคต น่าจะเปลี่ยนไว้อยู่ถึงแล้วจะมาเล่าให้ฟังครับ จากคุณ : จี.ไอ.จ๊อด เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 09:46:24

ความคิดเห็นที่ 24 เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ขั้นตอนการทำความเข้าใจต่างหากคือปัญหา ศาสนามีวิธีัการในการเข้าถึงที่หลากหลายกว่า ตั้งแต่ในระดับของการศรัทธา ซึ่งจำกัดความว่า "เชื่อเลย" โดยไม่ต้องพิสูจน์ใดๆ จนกระทั่งในระดับของการปฏิบัติเอง และรับรู้ สิ่งเหล่านั้นเอง แต่วิทยาศาสตร์มี Range ในการเข้าถึงที่สั้น และซับซ้อนกว่า ต้องมี Cause มารองรับว่าสิ่งที่เราเชื่อไปนั้น ทำไมถึงต้องเป็นอย่างนั้น เชื่อโดยไม่ีคิดไม่ได้ เพราะไม่ถือว่าเป็นวิทยาศาสตร์แน่นอน ดังนั้นวิทยาศาสตร์ยิ่งซับซ้อน ยิ่งวิวัฒน์เท่าใด คนในระดับทั่วไปที่ไม่ได้ศึกษา อย่างจริงจัง จะไม่สามารถซึมซับข้อมูลได้ครับ แต่ศาสนาจะอยู่ไปตลอด นานเท่าที่มีศาสนสถาน ศาสนบุคคล และคัมภีร์ทางศาสนาครับ แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 53 10:12:47 จากคุณ : UrmiaRest เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 10:12:25

ความคิดเห็นที่ 25 มนุษญ์ ไม่ได้เข้าใจในวิทยาศาสตร์ได้ทุกคน จากคุณ : โบโซ่จำแลง เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 11:11:15

ความคิดเห็นที่ 26   ถึงจุดหนึ่งมนุษย์จะทำลายกันเองด้วยเทคโนโลยี จะมีมนุษย์ส่วนหนึ่งที่เหลือรอด เส้นแบ่งศาสนาจะหมดไป สัจจะ จะเข้าแทนที่ เริ่มพัฒนาทางจิตวิญญาณ ใช้ในการสื่อสาร และพัฒนาวิทยาศาสตร์ขั้นสูง และรวมเป็นหนึ่งกับจักรวาล จากคุณ : Time & Space เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 12:56:20

ความคิดเห็นที่ 27 คุณคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ศาสนาจะถูกแทนที่ด้วยวิทยาศาสตร์ในโลกอนาคต? ต้องเจาะประเด็นความเชื่อเป็นเรื่องๆไปครับ ว่าวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ความจริงได้ในเรื่องใด ถ้าพิสูจน์คำสอนได้ครบว่าถูกต้องทั้งหมดแล้ว ศาสนาก็จะยังคงอยู่ และรุ่งเรืองเสียด้วยซ้ำ แต่หากพิสูจน์แล้วเป็นเท็จทั้งหมด ความเชื่อมั่นและศรัทธาก็จะถูกถ่ายโอนมายังวิทยาศาสตร์ หรือจะเรียกว่าแทนที่ก็ได้ * อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น งั้นขอโหวต 1 แล้วกันครับ แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 53 16:08:04 จากคุณ : ประคด เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 13:39:37

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่ได้ครับ...ไม่เหมือนกัน จากคุณ : เต๋านีโอ เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 13:45:23

ความคิดเห็นที่ 29 จนกว่าจะพิสูจน์กันได้จะจะ ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากตายไปแล้ว ศาสนาจะยังคงอยู่ จากคุณ : น้องจั้ง เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 14:05:11

ความคิดเห็นที่ 30   ผมว่าเสริมกันมากกว่า จากคุณ : 12VDC เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 14:16:56

ความคิดเห็นที่ 31   ศาสนากับวิทยาศาสตร์ทำหน้าที่คนละแบบ ทำไมจะเอามาแทนกันได้ ไม่เข้าใจ เวลาแต่งงาน ในอนาคตคนจะเปลี่ยนไปแต่งกันในห้องทดลองแทนวัดหรือโบสถ์? เวลาตาย ในอนาคตจะไปทำพิธีสวดศพกันในนาซ่าและจะเชิญนักวิทยาศาสตร์สาขาไหนสวดศพให้แล้วแต่เจ้าภาพหรือแล้วแต่พินัยกรรมจะระบุไว้? เวลาอกหัก ตกงาน เมียมีชู้ผัวมีเมียน้อย เป็นโรคร้ายรักษาไม่หาย เป็นเวลาที่คงไม่มีมนุษย์คนไหนจะสนใจอยากรู้ว่าจักรวาลกำเนิดมาได้ยังไง และคิดว่าเวลาแบบนี้ไม่ใช่หน้าที่ของวิทยาศาสตร์ เว้นเสียแต่ว่าจะสติแตกซึมเศร้าจนต้องการยาสังเคราะห์ ศาสนากับวิทยาศาสตร์ไม่ได้ทำงานด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน ต่างศาสตร์ต่างก็มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนในตัวของมันเองและไม่ได้มาก้าวก่ายกัน ดังนั้นมันจึงแทนกันไม่ได้ มีแต่จะเสริมกันไปเรื่อยๆเหมือนความเห็นที่สามสิบบอก จากคุณ : งงเล็กน้อย เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 14:45:00 A:118.21.8.82 X: TicketID:247936

ความคิดเห็นที่ 32 เป็นไปได้แน่นอนครับ ทุกวันนีไสยศาสตร์ยังแทนที่ศาสนาได้เลย จากคุณ : =. ลางเนื้อเจือลางยา .= เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 15:26:22

ความคิดเห็นที่ 33 .. จากคุณ : pisity เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 16:11:04

ความคิดเห็นที่ 34 เป็นไปได้ทุกอย่างเหละครับ แม้แต่ วิทยาศาสตร์ จะถูกแทนที่ด้วยศาสนา ก็ยังได้ แค่ โอกาส ที่มันเป็นไปได้ไม่เท่ากัน แค่นั้นเอง จากคุณ : sr30dett เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 17:12:10

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้ามีโอกาสเป็นไปได้......หลังจากนั้นก็หมดสิ้นมนุษยชาติ...ควาย ลิง หมา อาจเป็นสัตว์ประเสริฐ เพราะศาสนา คือ รากฐานอารยธรรมมนุษย์ คือการรวมความมุ่งหมายเดียวกัน ศูนย์รวม เรียกง่ายๆว่า คือสิ่งที่ยึดเหนี่ยว และสร้างความเชื่อ ให้เรานับถือบุคคลต่างๆ เช่น พ่อ แม่ พระมหากษัตรย์ นักบวช มีผู้นำ ทำให้เรารวมตัวกันได้ ลองมาดูสมัยนี้ปัจจุบัน หนุ่มสาวสมัยนี้มีสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจน้อยลงทุกวัน จะเชื่อศาสนาก็มีความคลางเเคลงสงสัยในศาสนา ประเพณีต่างๆก็เห็นว่าล้าสมัย ดูถูกคนสมัยก่อน แต่ สงสัยโดยผิวเผิน ไม่ได้ศึกษาให้ถ่องแท้ เพราะปัจจุบันเป็นยุคเสรีนิยม ทำให้คนหลุดพ้นจากข้อผูกพันต่างๆ ให้มีความคิดอิสระเต็มที่ จึงมีสิทธิ์ที่จะคิดจากกรอบ เมื่อไม่มีสิ่งผูกพันอะไร ทางจิตใจก็เริ่มว้าเหว่ ก็หาสิ่งมาเป็นที่ยึดเหนี่ยวคือ วิทยาศาสตร์ แต่วิทยาศาสตร์ก็เป็นเพียงศาสตร์ ที่ให้ศึกษาหาความรู้ ไม่สามารถก่อให้เกิดวัฒนธรรม หรือพิธีการได้ พูดได้ง่ายๆ ไม่มีความขลัง เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวไม่จีรัง ก็จะสูญสลาย อารยธรรมมนุษย์ จะเริ่มปั่นป่วน และก็กลับคืนสู่จุดเริ่มต้น ดูอย่างง่ายๆ ตัวอย่าง ทำไมยิวถึงมีทุกวันนี้ ทั้งที่ยิวเป็น ชนชาติหลายพันปี ร่วมสมัยกับ โรมัน เเละกรีก แต่พวกโรมันและกรีก ล่มสลาย แต่ยิวยังอยู่ และกระจัดกระจายไปทั่วยุโรป และรวมตัวเป็นยิวอีกครั้งในอิสราเอล เพราะยิวมีศาสนา มีอารยธรรมของยิวเอง แสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นยิว นี่คือสิ่งยึดเหนี่ยวที่ทำให้ยิวจากทั่วยุโรปมารวมกันอีกครั้ง ผิดกับกรีกและโรมัน ที่มีเพียงนิทาน เทวดาและรูปปั้น ไม่ใช่ศาสนา เมื่อมี่ชนชาติอื่นมารุกราน ก็รับเอาแนวคิดและวัฒนธรรมของชาตินั้นไปด้วย ก็เลยถูกกลืนหายไป วิทยาศาสย์ก็เช่นกัน เมื่อจิตใจไม่มีอะไรก็มองหาอย่างอื่นมาทำเช่น สังคมพวกแก้ผ้าทำกิจกรรมต่างๆเช่นเล่นกีฬา กินข้าว ทำอาหาร เพราะไปเลียนแบบสัตว์เดรฉาน ก็จะกลายเป็นเดรฉานไปตามสัตว์ อารยธรรมมนุษย์ถูกกลืนหาย เหมือนดังเช่นโรมัน เเละกรีก และอีกหลายชาติของโบรณ ถูกกลืนหาย ไป ผมคิดได้ก็เขียนไปเรื่อยเเหล่ะ ไม่ได้เอาข้อมูลมาจากไหนหรอก จากคุณ : เช้าๆมานั่งฟาดฟัก เย็นฟาดยาดอง (เช้าฟาดผัดฟัก เย็นฟาดยาดอง) เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 18:03:39

ความคิดเห็นที่ 36   กรีก-โรมัน โดยเฉพาะกรีกเนี้ยนะครับถูกกลืนหาย มันกลมกลืน มันถูกหยิบยืม มันคือปฐมบทของอะไรหลายอย่างบนโลกใบนี้ ในรูปแบบของศิลปะ การปกครอง ศาสตร์ต่าง ๆ รวมถึงปรัชญา ถ้าจะให้พูดถึงการพิชิตโลกได้ ผมกลับมองอารยธรรมกรีกนี่และสำเร็จลุล่วงที่สุด แม้แต่เทพเจ้าที่ถูกทอดทิ้ง ยังถูกนำไปตั้งชื่อดวงดาว ถ้ากล่าวว่ายิวคืออารยธรรม และคงอยู่ได้ ถ้าอย่างนั้นอีกศาสนานึงก็คงอยู่ได้เหมือนกันถ้าพูดอย่างนั้น ทั้งสองศาสนานี้แทบไม่ต่างกัน มีอัตลักษณ์ มีรากเดียวกัน มีต้นกำเนิดเดียวกัน จากคุณ : Z เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 18:59:18 A:124.120.229.70 X: TicketID:246145

ความคิดเห็นที่ 37 กลัวจะวกกลับไปศาสนาอีกครั้งน่ะสิครับ จากคุณ : นาย X-MAN เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 53 00:34:47

ความคิดเห็นที่ 38 จริงๆมีศาสนาก็ดีอยู่แล้ว  อย่างน้อยมันก็ทำให้คนเรารู้สึกผิดชอบชั่วดีและมีอะไร "เผื่อ" ไว้ให้คิดมากไปกว่าเกิดมา ใช้ชีวิต แล้วดับสูญไป แต่บางคนในห้องนี้เหมือนอยากเป็นพระเจ้าซะเอง ค่าที่คิดว่าตัวเองแน่มาก เก่งมาก อีโก้งี้ล้นปริ่มคอหอย เลยทนไม่ได้ที่เห็นคนจำนวนมากแห่ไปกราบพระ สรรเสริญพระเจ้า แทนที่จะกราบศาสดาของตัวเอง(คือวิทยาศาสตร์)และ/หรือแม้แต่จะกราบตัวเอง เห็นคนพวกนี้แล้วขำปนสมเพชทุกที  ไม่ต่างอะไรกับพวก "ล้มเจ้า" เลยสักนิด .. มีช่องนิดหน่อยก็ขอให้ได้กัด ได้ตอด ได้ถากถาง เพื่อหลอกตัวเองว่าวันหนึ่งศาสดาของตัวเองจะเป็นใหญ่แทน  .. รอไว้ชาติหน้าเถอะ .. แต่ลืมไป  คนพวกนี้ไม่เชื่อเรื่องชาติหน้าหนิ  .. งั้นก็ไม่ต้องรอ  เพราะวิทยาศาสตร์เป็นได้แค่สิ่งที่รองรับชีวิตของมนุษย์ ไม่ว่าจะวันนี้ พรุ่งนี้ หรือเมื่อไหร่  แต่ศาสนาเป็นสิ่งที่รองรับจิตวิญญาณ (ซึ่งคนบางคนไม่มี ได้แต่นั่งท่องทฤษฎีปัญญาอ่อน ซึ่งก็ไม่รู้จะท่อง จะสนใจไปทำไม ในเมื่อตัวเองเชื่อว่าไม่มีโลกหน้า ก็รอวันโลกนี้ดับไปสิ แล้วทุกอย่างก็จบลง จะไปสนใจทำไมว่าจักรวาลคืออะไร จะสร้างตึกกี่พันชั้นดี  เพราะสุดท้ายทุกอย่างก็รอวันสิ้นสุดและดับสูญตลอดกาล เกิดมาผสมพันธุ์แล้วก็ดับวูบ รอวันดับวูบกันหมดโลก  ไร้แล้วซึ่งที่ไปแห่งจิต) แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 53 04:20:49 จากคุณ : สวย ส่ายสุดๆ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 53 04:15:27

ความคิดเห็นที่ 39   ^ ^ ไม่ต้องห่วงครับ ถ้ามนุษย์ยังเอาชนะความตายไม่ได้ ศาสนาก็มาก่อนวิทยาศาสตร์อยู่วันยันค่ำครับ จากคุณ : Z เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 53 10:40:59 A:124.120.227.228 X: TicketID:246145

ความคิดเห็นที่ 40 หากวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบาย เรื่องของวิญญาณได้ อย่างชัดเจน เมื่อนั้นวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถเข้ามาแทน ศาสนาได้ จากคุณ : kiamour เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 53 11:36:01

ความคิดเห็นที่ 41 ทำไมวิทยาศาสตร์จะต้องมาแทนที่ศาสนาด้วยล่ะครับ ในเมื่อทุกศาสนามีทุกคำสอนที่สามารถใช้นำมาแก้ปัญหาในชีวิตของมนุษย์ได้ วิทยาศาสตร์กับศาสนาก็เหมือนกับเครื่องดนตรีที่สามารถเล่นหรือใช้ไปได้พร้อมๆกัน คำสอนหรือความรู้ใดที่ใช้แล้วมันเพิ่มปัญหา ให้กับชีวิตก็อย่าไปหยิบยกมาใช้หรืออย่าไปสนใจกับมันให้มากนัก เหมือนมีเครื่องดนตรีที่เล่นแล้วไม่เข้ากับจังหวะหรือท่วงทำนองในเวลานั้น แล้วเพลงชีวิตที่กำลังบรรเลงอยู่มันจะไพเราะไปได้อย่างไรละครับ? แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 53 19:04:05 จากคุณ : ของเล่นใหม่ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 53 19:01:48

ความคิดเห็นที่ 42 ไม่ได้ครับ "วัตถุประสงค์ต่างกัน" ศาสนา เน้นให้คนทำความดี ละชั่ว วิทย์ เน้นหาคำตอบต่างๆอย่างมีหลักการ แต่ผมคิดว่า จะมีศาสนาใหม่กำเนิดขึ้นมาตามที่ทางพุทธทำนายไว้ ศาสนานี้น่าจะผนวกพุทธกับวิทย์เข้าด้วยกัน จากคุณ : GreenEyes เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 12:15:56

ความคิดเห็นที่ 43   เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนมนุษย์จะยังมีความเชื่่อ ความศรัทธาอยู่ลึกๆ จากคุณ : MicaFeresz เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 20:27:18

ความคิดเห็นที่ 44 แทนที่กันไม่ได้หรอกค่ะ เพราะไม่เหมือนกัน เราว่าคนที่คิดว่าแทนที่กันได้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ไม่ได้ศึกษาศาสนาของตนเองอย่างลึกซึ้ง รู้แต่ผิวๆมากกว่านะคะ ขอเพิ่มเติมเรื่องชื่อดวงดาวของคุณ คห. 36 นิดนึงนะคะ ชื่อดวงดาวส่วน ใหญ่ไม่ใช่ภาษากรีกค่ะ แต่เป็นภาษาอาหรับ เคยอ่านมาบางคนบอกว่า ถ้าศึกษาลึกๆแล้วพื้นฐานวิทยาศาสตร์ของฝรั่งในยุคหลังเริ่มจากความเจริญ ทางวิทยาศาสตร์ของอาหรับในยุคแรกค่ะ ในดาราศาสตร์ตะวันตก ชื่อดวงดาวส่วนใหญ่ที่ได้รับการยอมรับกันจะเป็น ชื่อภาษาอารบิก จำนวนน้อยเป็นภาษากรีก และมีบางส่วนไม่ทราบแหล่ง กำเนิดของชื่อ โดยทั่วไปแล้วมีดาวที่มองเห็นด้วยตาเปล่าเท่านั้นที่มีการ ตั้งชื่อ ส่วนชื่อกลุ่มดาวจะเป็นภาษาละติน เช่น ชื่อภาษาอังกฤษ  - คำอ่านภาษาไทย   بالعربية-  คำอ่านภาษาอารบิก  -  ความหมายของคำนั้นในภาษาอาหรับ -   ชื่อกลุ่มดาว Acamar   อะคามาร์ اخر النهر    อาฆีรอนนาฮร์   ปลายแม่น้ำ   กลุ่มดาวแม่น้ำ - Eridanus Achernar   อะเคอร์นา   اخر النهر  อาฆีรอนนาฮร์   ปลายแม่น้ำ กลุ่มดาวแม่น้ำ - Eridanus Acrab   อัครับ   عقرب  อัฆรับ   แมงป่อง กลุ่มดาวแมงป่อง - Scorpion Acubens   อคูเบนส์   الزبانى  อัลซูบาน์   อุ้งเล็บสัตว์ กลุ่มดาวปู - Cancer Adhafera   อาซาเฟรา   الضفيره  อัลซอฟีราฮ์   โค้ง กลุ่มดาวสิงโต - Leo Adhara   อาซารา   عذارى    อาซอรอ   หญิงสาว กลุ่มดาวสุนัขใหญ่ - Canis Major Adib   อดิบ   الذئب    อัลดาอิบ   หมาป่า กลุ่มดาวมังกร - Draco   Adhil   อัดฮิล الذيل    อัลดายีน  หาง กลุ่มดาวแอนโดรเมดา - Andromeda   Ain   อัยน์   عين  อัยน์   ตาของวัว   กลุ่มดาววัว หรือดาวธง - Taurus   Albali   อัลบาลี   البالع  อัลบัลก์   การกลืน   กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ - Aquarius Albalda   อัลบัลดา البلطة     อัลบัลตาฮ์ ขวาน' (หรือ 'เมือง'?) กลุ่มดาวคนยิงธนู - Sagittarius Alchibah   อัลชีบาฮ์   الخباء  อัลฆีบาอ์ กระโจม กลุ่มดาวนกกา - Corvus   Aldebaran   อัลเดบารัน, ดาวตาวัว الدبران      อัลดับบารอน "ผู้ตาม"   ของดาวลูกไก่ กลุ่มดาววัว - Taurus ที่มา http://www.musliminventionsthailand.com/main/secondpage.php?style=topic&fpv=Topics&spv=21 จากคุณ : LuNaTicCaT เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 12:39:40