ความคิดเห็นที่ 1 แพ้ในเชิงปริมาณไม่น่าจะเสียหายอะไรแต่ให้ชนะในเชิงคุณภาพที่เราทำแต่อุตสาหกรรมที่ทำให้ประชาชนโดยทั่วไปมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นไม่ใช่อุตสาหกรรมที่ทำให้เศรษฐีแสนล้านรวยเพิ่มเป็นล้านๆแต่ประชาชนโดยทั่วไป ต้องมาแบกรับกับสภาพแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นของส่วนรวมที่ถูกทำลายแลกกับส่วนแบ่งจากนายทุนเพียงแค่เศษเงินให้มีชีวิตต่อไปวันๆเพื่อรับใช้นายทุนต่อไป แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 53 13:11:42 จากคุณ : Cyber Sage เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 13:10:59

ความคิดเห็นที่ 2 คนเวียดนาม เก่ง ขยัน ชาตินิยมสูง คนไทย เก่ง ฉลาด ความคิดสร้างสรรค์ดี  เอาตัวรอดได้เก่ง คิดว่าใครจะชนะละ จากประวัติการต่อสู้ของ 2 ชนชาติ เห็นอะไรบ้าง  ไทยยังนำเวียดนามอยู่หน่อยๆนะ จากคุณ : ruddy01 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 13:22:32

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าคนไทยมัวแต่ทะนงตัว ระเริงกับประวัติศาสตร์ แทนที่จะเอามาเป็นบทเรียน แต่เอามาแก้ตัว ไม่วิ่งหนี ก็เท่ากันถอยหลังนั่นแหละครับ แทนที่เอาเวลามาบ่นเอามาปกป้องตัวเองกันไปทำอะไรให้มีประโยชน์ให้ประเทศชาาติเจริญไม่ดีกว่าเหรอ จากคุณ : RapidasH เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 13:34:56

ความคิดเห็นที่ 4   ประเทศในเอเชียที่มีพรมแดนติดกับจีน จะมีความอ่อนไหวทางเศรษฐกิจสูงเมื่อจีนขยับตัว เป็นอย่างนี้มาหลายพันปีแล้ว และเวียตนามก็หนีไม่พ้นกฏเกณฑ์นี้ ... โดยส่วนตัวผมมั่นใจว่าเรามาถูกทางแล้ว ถ้าเรายังสามารถยึดถือตัวอักษรเป็นกติกาไปได้ต่อไปอย่างนี้เรื่อยๆ ก็แน่ใจได้เลยว่าอีกไม่นานคุณภาพของอุตสาหกรรมเราจะอยู่ในระดับเดียวกับกลุ่มเบเนลักษ์ ที่เรียกกันว่า creative industries ส่วนเวียตนามก็คงจะเป็นนิคมขยะอุตสาหกรรม(อุตสาหกรรมทีก่อมลพิษมาก)ของจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลี ต่อไป จากคุณ : ไม่เป็นแล้ว (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 13:37:19

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่ต้องเศรษฐีแสนล้าน  ทำนาย เด็ก ป.6 ก็ทำนายได้ จากคุณ : amited เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 13:37:28

ความคิดเห็นที่ 6 คห 1 พูดไปคนละเรื่องเลย เขากำลังพูดถึงศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ ถ้าศักยภาพสูง คุณภาพชีวิตจะตามมาเอง ถ้าไทย มีสถานปฏิบัติธรรมเต็มบ้านเต็มเมือง แต่หาเงินซื้อข้าวไม่ค่อยได้ อดอยาก อากาศดี๊ดีแค่ไหน  สุขภาพก็คงไม่ได้ดีไปด้วย จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 13:38:33

ความคิดเห็นที่ 7 คงจะไซโค นักลงทุนทั้งหลาย เพื่อจะขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมละครับ จากคุณ : bbiggy เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 13:43:06

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ต้องเป็นเศรษฐีแสนล้านก็เดาได้ครับ จริงๆ นะ จากคุณ : Start Something เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 13:53:30

ความคิดเห็นที่ 9 ภายใน 20 ปีข้างหน้า ประเทศที่มีค่า GDP สูงสุดตามลำดับครับ จีน เวียดนาม อินเดีย โปรแลนด์ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 13:57:30

ความคิดเห็นที่ 10 คุณวิกรม เป็นคนเก่ง คนนึง โดยเฉพาะพูดเก่ง คุยกับเพื่อนๆ หลายคนที่เป็นนักธุรกิจ จะบอกกันว่า แกเก่ง และเฮง ด้วย แต่หลายอย่างที่แกพูดก็เกินจริง ไปเยอะ คำว่าเศรษฐีแสนล้านนั่นเหมือนกัน คุณวิกรม มีเงินระดับพันล้าน อาจจะใช่ แต่ถ้าระดับแสนล้าน นั่นเป็นการตี กันแบบ ให้เวอร์สุดฤทธิ์ เหมือนอย่างแกขายนิคมอุตสหกรรม ให้คนอื่นไปแล้ว แต่มูลค่าพวกนั้นไม่ใช่ของแกอีกต่อไปแล้ว แต่นับเป็นสินทรัพย์แก แบบนี้เป็นต้น สรุป ผมฟัแกคุย นี่เอาสนุก กับเก็บประเด็น ข้อคิดบางอย่าง แต่แนวคิดสุดขั้ว ของแก นี่ ขอผ่านๆ ไปครับ คนรวยที่คิดแปลกๆ แบบหลุดขอบก็มีเยอะคับ จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:00:05

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าเด็กเวียดนามเป็นแบบที่ว่าาทั้งประเทศแล้วละก็ อีกห้าปี ประเทศเทยเตรียมไปเป็นเมืองขึ้นของเวียดนามได้เลย จากคุณ : NaCl เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:03:36

ความคิดเห็นที่ 12   ถ้าเรามีผู้บริหารที่เป็น Progressive Thinker เราจะพัฒนา Creative Industries ได้ แต่ถ้าเราผู้บริหารที่เป็นนักปฏิบัติธรรม เราอาจจะมีแต่ Handicrafts Industries ต่อไป และถ้าเรามีผู้บริหารที่เอาแต่เล่นกับอำนาจ เราจะมีแต่ Vicious Industries ไปตลอด แต่ถ้าประชาชนที่มีความรู้ลุกขึ้นเป็น Progressive Thinker เสียเอง เข้ามานำชุมชน ร่วมกันปลูกฝังความคิดให้คนมีความคิดก้าวหน้า สร้างแนวคิดใหม่ ๆ สร้างความร่วมมือกันในภาคประชาชน นำความเจริญมาสู่ประเทศชาติได้ โดยไม่แคร์ว่าผู้บริหารจะเป็นแบบไหน ประชาชนก็จะกลายเป็นผู้นำประเทศไปโดยปริยาย และทุกคนก็จะอยู่ดีมีสุข ... (แล้วผมก็สะดุ้งตื่น ...) จากคุณ : เศียรนาคา ... (Eumentis) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:04:40

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นสมัยผมเรียนม.ต้นก็มีคนบอกอีก10ปีเวียดนามจะแซงไทย ผ่านมากี่ปีแล้วหว่า มันแซงแน่ถ้าเราอยู่กับที่น่ะนะ จากคุณ : ผีฟรีคิก เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:06:50

ความคิดเห็นที่ 14 อยากส่งทีมไปสกัดดาวรุ่งจังเลยครับ เมื่อก่อน ทำเอาเพื่อนผมเกือบเรียนไม่จบเลย จากคุณ : อั๋น ทรงวุฒิ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:12:37

ความคิดเห็นที่ 15 #6 แต่ผมกำลังพูดถึงindustrial development กับ income distribution ในประเทศไทยเรา25%ของรายได้ประชาชาติเป็นของนายทุน5%ของประชากรส่วนอีก25%เป็นของชนชั้นกลาง25%ของประชากรที่เหลืออีก50%ของรายได้ประชาชาติเอาไปแบ่งกันระหว่างประชากร70% โครงสร้างแบบนี้ต้องอาศัยสถานปฏิบัติธรรมอย่างที่คุณว่าเยอะๆเพื่อไว้หลอกคนจนว่าฟ้าลิขิตมาให้เมิงจน ไม่ต้องคิดอะไรมากอยู่รับใช้กรูต่อไป เรื่องการขุดเอาทรัพยากรที่เป็นของส่วนรวมมาใช้และทำประเทศ chip หาย เป็นที่ทิ้งขยะอุตสาหกรรมของต่างชาติเพื่อกรูและพรรคพวกจะได้รวยต่อไปเป็นเรื่องฟ้าลิขิตห้ามเถียง จากคุณ : Cyber Sage เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:13:32

ความคิดเห็นที่ 16 อืม .............. วันนี้ที่ญี่ปุ่นก็ออกข่าวเกี่ยวกับประเทศเวียดนาม เขาก็ออกข่าวมาเรื่อยๆ คนเวียดนามที่มาเรียน มาอยู่ มาทำงาน ที่ญี่ปุ่นก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นะ จากคุณ : CherryBlossom669 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:18:54

ความคิดเห็นที่ 17   ความคิดเห็นที่ 9   ภายใน 20 ปีข้างหน้า ประเทศที่มีค่า GDP สูงสุดตามลำดับครับ จีน เวียดนาม อินเดีย โปรแลนด์ จากคุณ   : สองนิ้วชี้ .......................................................................................... "สองนิ้วชี้" มาแบบ "มั่วได้โล่" อีกแล้ว ไปเอามาจากไหนครับว่า เวียตนาม จะเหนือกว่า อินเดีย ขอดูหลักฐานเอกสารด้วยครับ จากคุณ : ไม่เป็นแล้ว (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:23:55

ความคิดเห็นที่ 18 บอกตรงๆนะ คิดแบบคห. 1  งั้นเราไม่ต้องทำอะไรกันหรอกครับ จากคุณ : บ่าวจ่อย เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:25:30

ความคิดเห็นที่ 19 พี่ผมเพิ่งไปเที่ยวมา เค้าบอกยังไกล~~~~~~~~~~ แต่เรื่องการพัฒนาบุคคลเค้าก็ให้ความสำคัญจริง แต่โดยส่วนตัวผมก็ว่าพอๆกับเรา เพราะเด็กนักเรียนนอก ไทยกับเวียดนามก็น่าจะพอๆกัน ทุนอะไรต่อมิอะไรเราก็ไม่น้อย เคยอ่านบอร์ดที่คนเวียดนามคุยกัน เค้าก็มั่นใจในศักยภาพของเค้ามาก แต่เค้าก็ยังเกรงๆไทยอยู่ เค้าก็ยังมองว่าเรายิ่งใหญ่(เหมือนเรามองญี่ปุ่นเลยล่ะขอบอก)เพียงแต่มีเรื่องบอบช้ำอย่างหนัก อีกซักพักกว่าจะกลับมาได้ ซึ่งเมื่อไรที่ไทยกลับมาเวียดนามก็จะหมดสิทธิ์แซง สิ่งที่ทำให้เขามั่นใจสุดๆคือการย้ายฐานอุตสหกรรมไปที่บ้านเขา มันเป็นความหวังที่จะเกิดการจ้างงาน ผู้คนจะไหลเข้าสู่แรงงานในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งไอ้ที่ว่าจะย้ายก็คือย้ายจากไทยนี่แหละ ถ้าวันนั้นมาถึงผมกลับมองว่ามันเป็นพัฒนาการของไทยอีกขั้นนึงเลยนะ บอกไม่ถูกว่ายังไงแต่รู้สึกว่าคนไทยกำลังก้าวไปทำงานในระดับทักษะที่สูงขึ้นน่ะ อีกสิ่งหนึ่งที่เวียดนามรู้สึกว่าต้องวิ่งตามหลังไทยอยู่ตลอดคือ ไทยไม่เคยแพ้สงครามมาก่อน เลยไม่ต้องมานั่งกอบกู้ซากปรักหักพังของสังคม ไม่ต้องมานั่งวางรากฐานอะไรให้มันมาก แต่ตอนนี้เค้าบอกว่าสังคมเค้าเป็นปึกแผ่นแล้ว เค้ามีความพร้อมทุกอย่างแล้ว ย้ายมาเมื่อไรก็ทะยานอย่างไม่มีอะไรจะหยุดได้ ฟังตรงนี้ของเขาแล้วก็รู้สึกเลยว่ามันก็จริงนะเพราะเวียดนามก็ยิ่งใหญ่ในคาบสมุทรนี้มาตั้งนานแล้วจริงๆน่ะแหละ เพียงแต่ว่าไม่ได้ติดไทยเราเลยไม่รู้ ผมว่าสังคมไทยตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงดักแด้นะ สะสมพลังงาน พอสังคมเป็นปึกแผ่นเมื่อไรก็ถึงเวลาเอาของที่เก็บไว้ออกมา เมื่อถึงเวลานั้นผมว่าเมืองไทยก็วิ่งฉิวเหมือนกันแหละ ... อยากให้เป็นอย่างนั้นจัง สาธุ.. จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:27:05

ความคิดเห็นที่ 20 ตอนนี้บ้านเรามีรถไฟความเลวสูงนะครับ จากคุณ : อั๋น ทรงวุฒิ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:28:09

ความคิดเห็นที่ 21   คุณวิกรมมีประมาณ 4 พันล้าน นี่ครับ จากคุณ : JohnnieWalker เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:32:43 A:122.172.104.143 X: TicketID:200472

ความคิดเห็นที่ 22 ผมเห็นด้วยกับคุณวิกรม เกี่ยวกับแรงงานไทยจะไหลไปเวียดนาม เหมือน #19 นั่นแหละครับ ถ้าอยู่แล้วรุ่ง การเมืองเศรษฐกิจ เสถียร มีโอกาสจะอยู่ยาวเลย ไม่เชื่อดูรูปประกอบได้ครับ จากคุณ : อั๋น ทรงวุฒิ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:33:06

ความคิดเห็นที่ 23   ^ ^ เห็นอย่างนี้แล้ว .... มีงานให้ทำที่เวีตยนามมั๊ยคร๊าบบบบ ... จากคุณ : เศียรนาคา ... (Eumentis) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:35:13

ความคิดเห็นที่ 24 Elly Tran Ha แนวหน้าของเวียดนาม ให้กี่ดาวดีครับ ผมว่ายังเป็นรองไทยนะ แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 53 14:41:07 จากคุณ : อั๋น ทรงวุฒิ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:40:09

ความคิดเห็นที่ 25   เรื่องจะแซงไทยรึเปล่า ผมไม่รู้ แต่ต้องยอมรับอย่างนึงตรงที่ประเทศเขาไม่มี "ตัวถ่วง" ความเจริญเหมือนประเทศไทยครับ จากคุณ : Steinway เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:48:42

ความคิดเห็นที่ 26   ไม่ใช่ว่าหลงอยู่กับประวัติศาสตร์ เพราะการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ก็ทำให้เราทำนายอนาคตเคร่าๆได้ ไทยกับเวียดนาม เคยสู้กันมาตั้งหลายครั้ง ในฐานนะสงครามตัวแทน หรือการแพร่ขยายอิทธิพลทางวัฒนธรรม วัฒนธรรมของเวียดนามละ แหมเนือง ในประวัติศาสตร์ ไทยเอาตัวรอดได้ตลอด เลิกดูคนไทย แล้วไปยกเวียดนามมาข่มกันเองได้แล้ว จากคุณ : 454 (chuk007) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:51:37

ความคิดเห็นที่ 27   เคยอ่านบทวิเคราะของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) เค้าบอกว่าถ้าจะว่ากันเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบบเปรียบเทียบ ไทยเหนือกว่า มาเลย์เซีย สิงคโปร์ บรูไน ลาว กัมพูชา ในด้านจำนวนประชากร แต่จะพอฟัดพอเหวี่ยงกับ พม่า เวียตนาม ฟิลิปินส์ แต่ถ้าจะเอาคุณภาพประชากร ไทยก็ยังเหนือกว่า พม่า เวียตนาม แต่จะพอฟัดพอเหวี่ยงกับฟิลิปปินส์ แต่ถ้าจะเอาศักยภาพของประชากร ไทยมีเหนือกว่าทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ถ้าจะวัดกันในปริมาณการถือครองที่ดิน ไทยเหนือกว่าทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิงคโปร์ประชากรที่ร่ำรวยแต่ 99% ของจำนวนประชากรไม่มีกรรมสิทธิ์ดินเป็นของตนเอง(หรือมีน้อยมากโดยเฉลี่ยไม่เกิน 1 - 2 ตารางเมตรต่อคน) ฟิลิปปินส์ที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ 93% อยู่ในมือของนักการเมืองไม่กี่ตระกูล ดังนั้นประชากร มากกว่า 80% ประสพปัญหาไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ลาว-เวียตนามที่ดินทั้งหมดเป็นของรัฐ ฯลฯ... ของไทยนั้นแม้จะดูผิวเผินว่ามีจำนวนประชากรที่มีรายได้ต่ำอยู่จำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่ มากกว่า 80% ถือครองเอกสารสิทธิในที่ดินเป็นของตนเอง หรืออีกนัยหนึ่งที่เราเห็นๆว่ามาจาก ตจว.มาทำงานรับจ้างอยู่ในกรุงเทพ บ้างขับแท็กซี่ บ้างทำงานอยู่ในสำนักงานบนตึกระฟ้าของกรุงเทพ ส่วนใหญ่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นของตนเองทั้งนั้น 5 ไร่บ้าง 20 ไร่บ้าง 50 ไร่บ้าง หรือมากกว่านั้น มีเพียงส่วนน้อยที่ประมาทแล้วปล่อยให้ที่ดินหลุดลอยไปอยู่ในมือของนายทุนไม่ถึง 20% เค้าประเมินว่าถ้าปัญหาทางการเมืองนิ่ง แล้วประเทศพัฒนาขึ้นไป ยิ่งมากขึ้นเท่าไหร่ มูลค่าของที่ดินก็จะยิ่งสูงตามขึ้นไปด้วย นั่นก็คือประชากรส่วนใหญ่ที่ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินก็จะยิ่งมีมูลค่ามากขึ้นไปด้วยเป็นเงา.... จากคุณ : ไม่เป็นแล้ว (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:52:17

ความคิดเห็นที่ 28 #9 ข้อมูลนั่งเทียนอีกละ - - กลุ่มประเทศที่ถูกจับตามองคือ BRIC ครับ (เวียดนามไม่ถึงแน่แล้วโปแลนด์ไม่ต้องพูดถึง) B=Brazil R=Russia I=India C=China กลุ่มประเทศนี้กำลังการผลิตสูงมาก ๆ รวมประชากรเกือบครึ่งโลก กลุ่มนี้มีแทบทุกอย่างในตัวเอง ทั้งน้ำมัน(รัสเซีย) อาหาร(บราซิล จีน) โรงงานอุตสาหกรรม(บราซิล จีน อินเดีย รัสเซีย) เทคโนโลยีทางการทหาร(รัสเซีย จีน ส่วนอินเดียกับบราซิลมีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างมาก) อุตสากรรมคอมพิวเตอร์(อินเดีย จีน) และที่สำคัญสุดผู้บริโภค กลุ่มนี้น่ากลัวสุด สิ่งหนึ่งคำพูดที่ว่าเรายังนำหน้าเวียดนามนั้นเราเคยพูดครั้งนึงกับมาเลเซียแต่ขานั้นไปแล้วไปไหนแล้วไม่รู้ตอนนี้เวียดนามกำลังจะวิ่งเข้าโค้งแรก เรากำลังอยู่โค้งสุดท้ายมาหลายปีไม่ยอมลุกวิ่งซักทีอีกไม่นานเขาก็จะวิ่งทันแล้วก็ทิ้งไป เราไม่ได้ถอยหลังซักก้าวเดียว แต่เราไม่เดินหน้าเราอยู่กับที่ แต่ในสนามเทคโนโลยีการอยู่กับที่ไม่ต่างจากการเดินถอยหลังเท่าไร - - เหมือนในสังคมเราคนจบน้อยมักจะถูกดูถูกว่าไม่สามารถทำอะไรแข่งกับพวกจบสูง ๆ ได้ ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนได้รับการพิสูจน์แล้ว มีนักศึกษาป.โทหลายคนเคยจ้างคนจบม.ปลายทำวิทยานิพนธ์ภาษาอังกฤษ เอวัง - - จากคุณ : สายลับ>>>มีด เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:52:19

ความคิดเห็นที่ 29 5 ดาว จากคุณ : ZGMF-X10A เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:55:01

ความคิดเห็นที่ 30 #27 คนสิงคโปร์จำนวนไม่น้อยมีที่ดินในออสเตรเลีย สิงคโปร์พื้นที่ต่อประชากรน้อยวัดไม่ได้ จากคุณ : สายลับ>>>มีด เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:56:06

ความคิดเห็นที่ 31   ^ ^ ^ อื้อ .. หืม .. เฉือนกันไป 2 วินาที ...   โปรดสังเกต .... .......................................................... จากคุณ   : ไม่เป็นแล้ว (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:52:17 ........................................................... จากคุณ   : สายลับ>>>มีด เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:52:19 จากคุณ : ไม่เป็นแล้ว (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 15:03:01

ความคิดเห็นที่ 32   ทำไมคุณวิกรมไม่บอกล่ะประเทศเขาเหมือนอยู่บนเส้นด้ายที่พร้อมขาดง่าย ค่ำเงิน เงินเฟ้อเขาล่ะเป็นอย่างไร ของเขาผันผวนกว่าไทยน่ะ ตัวเราไม่ได้เก่งเรื่องเศรษฐกิจ เห็นการลดค่าเงิน หรือเงินเฟ้อเขาแล้วไม่เห็นต้องกลัวเลย จากคุณ : ่jimara เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 15:03:55 A:110.49.108.140 X: TicketID:225742

ความคิดเห็นที่ 33 ประเทศไทยคงไม่มีอะไรตกต่ำไปกว่านี้แล้วครับ คนเรียนจบก็สูงๆ แต่พอใจกับชีวิตการเป็นลูกจ้าง ชีวิตนี้ขอแค่ผ่อนบ้าน ผ่อนรถได้ ก็เพียงพอ จากคุณ : The Peak เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 15:07:56

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าจะแพ้เรื่อง low cost หรือ OEM ช่างมันเถอะครับ ผมอยากเห็นเมืองไทยเป็น creative industry มากกว่า ขาย idea กิิน สบายกว่าขายแรงเป็นไหนๆ ออกแบบในไทย ไปจ้างเวียตนามผลิต ดีกว่า ดูอย่าง Nike หรือ Adidas ก็ได้ ออกแบบที่เมืองนอก ส่งแบบมาให้ไทยเย็บ แล้วออกขายทั่วโลก (แต่model นี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว เดี๋ยวนี้ ไทย ออกแบบเอง ส่งไปให้ retail shop ทั่วโลกของ Adidas, Nike ดู ถ้าถูกใจร้านจะสั่งซื้อเองครับ Nike, Adidas มีหน้าที่รักษาภาพลักษณ์ตราสินค้าและควบคุม supply chain เท่านั้น) จากคุณ : ascertain เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 15:08:28

ความคิดเห็นที่ 35 สนใจทำไม อุตสาหกงอุตสาหกรรม   เราทำนากันต่อไป  จงทำนา อนุรักษ์ควายไว้ ชาวนามีคุณต่อโลก  จงทำนา  จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จากคุณ : waphoo เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 15:09:12

ความคิดเห็นที่ 36 คนเวียดนาม เก่ง ขยัน ชาตินิยมสูง มาดูคนไทยกัน > คนไทย หลงคิดว่า ตนเองเก่ง > ไม่ขยัน (โดย Norm นะครับ) รักสบาย ไม่สู้งานหนัก > ชาตินิยม ก็ต่อเมื่อ มีเขาพระวิหารมาเกี่ยวข้อง > เอาตัวรอดเก่ง แบบศรีธนณชัย  ซึ่ง ใครๆ ก้อมองออกว่า เป็นการเอาตัวรอดแบบขาดความรับผิดชอบ > คนไทยมีความคิดสร้างสรรค์ นี่จริงครับ โดยเปรียบเทียบ แต่พอนำเสนอไปที่ไหนสักแห่ง หรือแม้แต่ในองค์กรของเจ้าตัวเองก้อตาม กลับถูกมองว่า เป็นแกะดำบ้าง บ้าบ้าง คิดไม่เหมือนใครๆ บ้าง > คนไทย ถ้าทำเอง แบบ “ข้าฯมาคนเดียว” อย่างนี้จะเก่งมาก มวยไง เราได้เหรียญทองมามากมาย และมีเศรษฐีใหม่ขึ้นมา คนละห้าล้านสิบล้าน ได้ไม่ยาก ถ้าทำเป็นทีม ผลนั้นหรือ ดู สมาคมฟุตบอลไทยครับ เป็นตัวอย่างที่ดี > เราเป็นชาติที่โอบอ้อมอารี โดยวัฒนธรรม ให้อภัยแก่คนผิด ไม่ค่อยอาฆาต ยกเว้น ถูกพวกลัทธิดื้อด้าน ปั่นกระแส (ก้ออีกเรื่องหนึ่ง) > ข้ออ่อนด้อยของสังคมวันนี้คือ เยาวชน ถูกกระแสสังคม ที่ชักนำโดยสื่อสันดานกา โหมกระแส การเล่น การร้อง การแสดง มากกว่า การทำงานหนัก การคิดการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ตรงนี้น่าเศร้ามากครับ ................. แก้คำผิดให้แล้วครับ แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 53 15:51:50 จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 15:32:23

ความคิดเห็นที่ 37 ประเด็นแนวนี้มักจะแตกออกเป็นว่าอยากกระตุ้นให้เกิดการพัฒนา หรือดูถูกประเทศตัวเอง/ประเทศอื่น เป็นประจำ จากคุณ : Boltzbo เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 15:32:42

ความคิดเห็นที่ 38 ผมไม่ดูถูกชนชาติเดียวกันดอก แต่การรู้เขารู้เรา นั้น จะช่วยให้รบชนะ มาช่วยกันดูครับ ว่าเราๆ ท่านๆ พอจะทำอะไรได้บ้าง ผมเห็นว่า เราควร ทำสิ่งต่อไปนี้ 1. เน้นความคิดเรื่อง ความขยัน มุมานะนำไปสู่ความสำเร็จ 1.1 ลดกระแส ของการบันเทิง แสงสี รื่นรมย์ลงไป 2. สร้างแนวทางไปสู่การทำงานเป็นทีม 3. ไม่ปฏิเสธ ความคิดที่แตกต่าง  เปิดโอกาสให้น้องๆ รุ่นใหม่ได้เสนอ Idea แนวคิด แปลกๆ ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น มากกว่าการปฏิเสธไปในทีแรก 4.เน้นเรื่องความซื่อสัตย์  มัธยัสถ์และอดทน 5. ไม่เน้น ความสำเร็จเฉพาะบุคคล ไม่เน้นคนเก่ง สร้างกระแสยกย่อง คนดี ที่มีจิตสำนึกต่อสังคมส่วนรวมสูง ลองดูนะครับ ถ้าทำได้ น่าจะมีอะไรดีขึ้น สมาชิกท่านใด มีความเห็น ที่จะช่วยให้หลายๆอย่างดีขึ้น ก็เอามาเสนอกันครับ แม้ว่าจะเป็นการเสนอในวงแคบๆ ก็ยังถือได้ว่า เป็นประกายไฟ ในคืนที่มืดมิด ย่อมต้องมีคนมองเห็นครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 15:36:36

ความคิดเห็นที่ 39 อาฆาต ครับน่าพร จากคุณ : axquest เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 15:37:25

ความคิดเห็นที่ 40 เราจะแพ้เวียดนาม เพราะ NGO EIA HIA ...IA ที่จะตามมาอีก คิดละดีใจจริงๆ เราน่าจะส่ง NGO เราไปประท้วงที่เวียดนามบ้าง จากคุณ : envitu เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 15:56:52

ความคิดเห็นที่ 41 สำหรับความเห็นผม เวียดนามโตไว ขึ้นมาวันนี้เพาะว่า ยังได้เปรียบไทยเรื่องค่าแรง เหมือนไทยเราเคยได้เปรียบชาติอื่นเรื่องค่าแรง เช่นกัน แต่วันนึง เมื่อโตขึ้น ค่าแรงก็จะสูงตาม วันนี้ความได้เปรียบจะลดลง เรื่องแรงงานไทยไหลไปเวียดนาม ผมว่าไม่น่าจะเกิด จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 16:03:37

ความคิดเห็นที่ 42 พัฒนาจิงก็ดี..   จะได้ไปเที่ยวมั่ง.. จากคุณ : tenno เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 16:04:33

ความคิดเห็นที่ 43   หลายๆครั้งความเห็นต่างของผมจะค่อนข้างขัดๆกับน้าพร แต่ในกรณีนี้ผมเห็นด้วยเต็มเปี่ยม ที่ผมอยากเน้นก็คือ อดีตมีคุณค่าแค่เพียงเก็บใว้เป็นแค่บทเรียน แต่อย่าเอาอดีตมาทำลายปัจจุบันด้วยการอาฆาตพยาบาทกัน คนรุ่นเราโชคดีที่ได้เห็นประเทศเรายากจนเมื่อไม่นานที่ผ่านมาและรับรู้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทางมาบ้าง และผมแน่ใจว่าคนรุ่นเราจะเป็นคนรุ่นที่นำพาประเทศชาติไปสู่ความมั่งคั่ง หลายๆครั้งในอดีตความคิดผมมักจะเคยถูกปิดกั้นบ่อยๆด้วยระบบอาวุโส คือถ้ามันไม่เขม่นผมกัน ก็เพราะเพราะมันเกรงใจผมกันอย่างใดอย่างหนึ่ง จนที่ผ่านมาอะไรๆหลายๆอย่างที่ดีๆ มันไม่ได้เกิด แต่พอมาถึงยุคของผมบ้างผมเปิดโอกาสให้เต็มที่ งานเป็นงาน ถ้าจะมีเด็กๆโดนผมตบกะบาลหัวทิ่มบ้างในวันข้างหน้า ก็คงมีแค่สามกรณีคือ 1. เกรงใจกันจนไม่มีใครกล้าออกความเห็น มรึงโดนตบหัวทิ่มแน่ หรือ 2. เขม่นกันจนงานออกมาไม่ได้ดี มรึงก็ต้องโดนตบหัวทิ่มทั้งพวงตามระเบียบเช่นกัน หรือ 3. จับได้ว่าใครขี้เกียจ นอกจากโดนตบหัวทิ่ม แล้วยังโดนถีบกลับไปนั่งตบยุงอยู่บ้านนอกอีกด้วย ถือว่าคนโง่ยังสามารถสอนให้ฉลาดได้ แต่คนขี้เกียจเป็นตัวถ่วงความเจริญครับ จากคุณ : ไม่เป็นแล้ว (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 16:07:09

ความคิดเห็นที่ 44 ประเด็นที่ผมกลัวเวียดนามก็คือ เขาขยันจริงหรือเปล่า ? เพราะนิสัยคนไทย มันเรื่อยๆ สบายๆ ไม่ค่อยสู้งานน่ะครับ โดยเฉพาะคนภาคเหนือ (บ้านผมเอง) ถ้าเป็นอีสานยังพอไหว จากคุณ : อั๋น ทรงวุฒิ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 16:17:55

ความคิดเห็นที่ 45 ถ้าไทยจะแพ้ ก็เพราะว่า ไทยตั้งใจแพ้ และไทยทำลายกันเอง จึงแพ้......... ก็แค่นั้น สวัสดี จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 16:24:26

ความคิดเห็นที่ 46 ขอต่อยอดจากน้าพรนิดนึงนะครับ ที่น้าพรบอกว่าเยาวชนสมัยนี้ชอบเล่น ร้อง แสดงมากกว่าการเรียนและการค้นคว้า ซึ่งถือเป็นจุดอ่อน แต่ถ้านำจุดนี้มาพลิกเป็นจุดแข็ง ถ้าเยาวชนชอบกันนัก แทนที่จะทำเมินเป็นเรื่องไร้สาระ ปล่อยปละละเลยไม่สนใจ ก็สนับสนุนให้เป็นระบบระเบียบเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย ส่งเสริมให้คนไทยสร้างสรรค์สื่อบันเทิงสัญชาติไทยอย่างมีคุณภาพ ทั้งละคร หนัง การ์ตูน เกม แล้วส่งออกไปตีตลาดต่างประเทศแข่งกับผู้นำความบันเทิงทั้งหลายอย่างอเมริกากับญี่ปุ่น ให้เขายอมรับไปเลยว่าเราเป็นหนึ่งในผู้นำแห่งอุตสาหกรรมบันเทิงที่มีความคิดสร้างสรรค์ด้านนี้อย่างที่แข่งกับชาติอื่นๆได้ไม่แพ้ใคร แบบที่เกาหลีกำลังทำอยู่ คิดว่าเป็นไงบ้างครับ? แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 53 17:44:41 แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 53 17:44:08 จากคุณ : Bowling Bash เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 17:43:17

ความคิดเห็นที่ 47   ชาติทีกำลังที จะแตก สลาย เรือ ทีกำลัง จะอัปาง วิกรมก็คือ หนูตัวหนึ่ง ที่กำลังว่าย น้ำหนี จะไปมอง ความก้าวหน้า ได้ตรงไหน เอาแค่ปัจจุบันและอนาคต อันใกล้ ก็เสียวสันหลังแล้ว .. นี่หรือคือ การเมืองภาคประชาชน ที่หลายคนฝันหา จากคุณ : tzu149 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 18:03:43

ความคิดเห็นที่ 48   #46 ยากครับ ตราบที่อุตสาหกรรมบันเทิงของประเทศมันอยู่ในมือตุ้ดไม่กี่ตัว ทำหนังทำละครออกมากี่ร้อยกี่พันเรื่อง ไม่ว่าเค้าโครงเดิมมันจะเคยดียังงัย แต่พอบทละครตกมาถึงมือตุ้ดอีเดียดพวกนี้แล้ว มันจะต้องมีฉากกรี้ดๆ แม่ผัวตบกับลูก สะใภ้ไปซะทุกเรื่อง ผมเดาว่าเพื่อระบายความเก็บกดของตุ้ดอีเดียดพวกนี้นะซิครับ แล้วจะ Export หนัง-ละครพวกนี้ไปให้ใครซื้อล่ะ นอกจากเก็บใว้เปิดมอมเมาเยาวชนหญิง-ชายของเราเองต่อไป สมัยเด็กๆจำได้ว่าเคยดูซี่รี่ส์ฮ่องกงชื่อเรื่องภาษาไทยว่า "ลูกผู้ชายต้องสู้" ที่เล่าเรื่องของการต้องปากกัดตีนถีบของคนจนขึ้นมาอยู่แถวหน้าของสังคม ด้วยความขันแข็ง อดทน น้ำใจหรือซีรีส์ญี่ปุ่นแบบ "ยอดหญิงวอลเลย์บอล" ที่ชีวิตมีแต่ฝึกๆๆๆ ฯลฯ อะไรพวกนั้น ซึ่งเป็นแรงบันดานใจให้คนรุ่นผมหลายๆคน แต่พอมาเจอละครภายใต้อิทธิพลของพวกตุ้ดไทยในปัจจุบัน ถามจริงๆเถอะ มันสร้างแรงบันดานใจอะไรตรงไหนวะ ... เท่าที่เห็น มีแต่ประโลมโลกให้เยาวชนมัวเมาอยู่กับอบายมุขล้วนๆ จากคุณ : ไม่เป็นแล้ว (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 18:18:56

ความคิดเห็นที่ 49   #46 อีกนิดนึงครับ ... แบบที่เกาหลีเค้าทำน่ะ เป็นเรื่องของรัฐบาลเค้าอุดหนุนสุดลิ่มทิ่มประตูครับ ขนาดจ้างคนเขียนบท จ้างผู้ช่วยผู้กำกับ จ้างตากล้อง มาจากฮอลลี่วู้ด ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม โดยเหตุผลหลักๆก็เพื่อนำเสนอภาพพจน์ใหม่ของประเทศเค้าเพื่อให้สินค้าสารพัดยี่ห้อของเค้าเจาะตลาดแข่งกับญี่ปุ่นให้ได้ครับ คนรุ่นผมจำได้ว่าเกาหลีทั้งเหนือ-ใต้ก่อนนี้มีสภาพพอๆกัน คือ "ไมมีจะแด..." ครับ ต้องมายืมข้าวไทยไปกินอยู่หลายปีทีเดียว แล้วปัจจุบันด้วยความไม่ประสีประสาของพวกที่อยู่ในวงการบันเทิงไทย ตอนนี้เกาหลีใต้ล้างภาพพจน์ "ไม่มีจะแด..."  หายไปสิ้นเสียสนิทแล้วครับ จากคุณ : ไม่เป็นแล้ว (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 18:27:19

ความคิดเห็นที่ 50 ผมรู้เสมอว่าคนไทยเก่ง และ จะเก่งอย่างยิ่ง เมื่อประเทศชาติราพนาสูรเพราะผู้นำแย่ๆ แล้วเราจะมาช่วยกันกอบกู้ แต่ก่อนจะพัง คนในชาติก็ทะเลาะกันแบบนี้ เห็นผิดเป็นชอบแบบนีื้ ไทยไม่เคยแพ้ใคร แม้กระทั่งพม่า แต่เราแพ้ภัยตัวเอง ทุกครั้งไป จากคุณ : โต๊ะกะดุง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 18:35:07

ความคิดเห็นที่ 51   จัดงานเลี้ยงสักงาน แล้วเชิญพวกคนทำละครที่ชอบทำหนังตบๆ แย่งๆผั... ที่กริ๊ดๆ แบบปัญญาอ่อน แล้ววางคาร์บอมซะ วางการละครไทยจะได้พัฒนาซะที จากคุณ : 45 (chuk007) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 18:36:55

ความคิดเห็นที่ 52 ประเทศเราพังแล้วครับ  รอเวลาถึงจุดล่มสลายแค่นั้น ดูกันดีๆจะไม่เห็นแววแห่งการเจริญอีกต่แปแล้ว นายก วาดฝันเก่งมากครับ  ทำงานบนโพเดี้ยม แต่ไม่เห็นแววความเจริญเลย เอาแต่เล่นการเมืองกับคิดคำปาฐกถาเทพๆ บริหารด้วยปากจิงๆ จากคุณ : harvardวิทยาคม เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 18:38:10

ความคิดเห็นที่ 53   โอ๊ย สบายครับ ถึงจะแพ้ก็ไม่ถึงตายหรอก ก็ไปได้เรื่อยๆ คนไทยเราก็ยังงี้แหละ จากคุณ : อย่าเวอร์สิครับ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 18:38:15 A:202.176.138.225 X: TicketID:204597

ความคิดเห็นที่ 54   สาวนเกาหลีเหนือก็ไม้แพ้กััน  สร้างนิวเครียร์ ขีปนาวุทธ เพียบ ไม่อย่างจะนึกเลยว่า  หากเกาหลีเหนือ ใต้ รวมกัน จะน่ากลัวแค่ไหน จากคุณ : chuk007 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 18:41:05

ความคิดเห็นที่ 55 ขี้เกียจตอบจัง เอาซะหน่อย เห็นเฮียวิกรมยกหางแต่ ญี่ปุ่น กับเวียดนาม ญี่ปุ่นก็ลูกค้าแก แล้วเวียดละ แกไปมีเอี่ยวอะไรหรือป่าว ก็แค่เก่ง เฮง และบ้านมีเงิน support อยู่แล้ว สมองไหลไปเวียด ก็แค่จ่ายเงินซื้อสมองคนไทย แล้วดีดกลับไทยอย่างหมา เวียดเค้าดองกับจีนนู้น จากคุณ : kiat10100 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 18:43:06

ความคิดเห็นที่ 56 ขอตอบในฐานะคนไทยที่อาศัยในเวียดนามมาหลายปีดีดักนะครับ(ตอนนี้มีลูกมีเมีย ตั้งรกรากที่นี่แล้ว) จากที่อ่านข้อความของคุณวิกรม ที่เจ้าของกระทู้เขียน ผมว่าคุณวิกรม คงพูดเพื่อหาประโยชน์ทางธุรกิจให้ตัวเองนะครับ ##คนเวียดนามขยันไหม?? - ขอตอบว่าถ้าคนรุ่นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย เค้าขยันมากนะครับ หัวดีต้องยอมรับว่าดีมาก ๆ เพราะพวกเขาผ่านช่วงเวลาแห่งสงครามต้องปากกัดตีนถีบ(จนถึงขั้นเกือบทั้งประเทศเป็นคนเห็นแก่ตัว สังเกตุได้จากการจราจร และการไม่รู้จักเข้าคิว) แต่ถ้าเด็กรุ่นใหม่ ก็พอ ๆ กับเด็กไทยแหละครับ มีทั้งขยัน เรียนเก่ง หัวขี้เลื่อย วัน ๆ แบมือขอเงินพ่อแม่ สิงตามร้านเกมส์ เด็กแวนซ์ บ้าฝรั่ง บ้าเกาหลี และก็ไม่มีระเบียบวินัยเหมือนเดิม ##เศรษฐกิจเวียดนามจะแซงหน้าไทยไหม?? -สำหรับความคิดเห็นส่วนตัวผมว่า เวียดนามพัฒนาได้เร็วนะครับ ทั้งในด้านอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์ แต่กับเฉพาะผู้ประกอบการใหญ่ ๆ นะครับ ช่วง 3-4 ปีก่อนนี่ peak มาก ราคาอสังหาริมทรัพย์แพงมหาโหด คอนโดผุดเป็นดอกเห็นตามทุ่งนาชานเมืองกรุงฮานอย อุตสาหรกรรมช่วงแรกก็ดีครับมีคนมาลงทุนเยอะ แต่ก็มีตายเยอะเหมือนกัน เพราะค่าครองชีพที่นี่ตอนนี้แพงกว่าไทยแล้ว แถม made in vietnam ก็ไม่เป็นที่นิยมทั้งในเวียดนามและประเทศอื่น ๆ เพราะดีไซน์ไม่สวย และคุณภาพไม่ดี ##ด้านคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ - ในอดีต - ผมเคยคุยกับคนเวียดนามที่เคยไปเรียนที่เมืองไทยเมื่อปี คศ 1992 เค้าบอกว่าสมัยนั้นเวียดนามลำบากมาก เตาแก๊สมีใช้เฉพาะตามโรงแรมเท่านั้น ตามบ้านเรือนในเมืองหลวงยังใช้เตาถ่านกันอยู่เลย ของดี ๆ ไม่มีให้ใช้หรอกครับ ทีวีก็มีให้ดูเฉพาะช่องของรัฐบาลเท่านั้น มาเมืองไทยเห็นคนไทยดู CNN BBC เค้าตะลึงเพราะไม่คิดว่ามันมีอย่างนี้ด้วย (มันคือนโยบายทำให้คนในประเทศฉลาดน้อยต่อไปเพื่อให้ปกครองง่าย ๆ ) เห็นคนไทยนั่งคุยคนเดียวก็คิดว่าเป็นบ้าอะไร ที่แท้ก็คุยโทรศัพท์มือถือ - ปัจจุบัน - เดี๋ยวนี้เบรนด์เนมหลาย ๆ อย่างมีขายในเวียดนามแถมขายดีด้วย เพราะคนที่นี่หัวสูงกว่าคนไทย อย่างเมื่อช่วงไม่กี่ปีก่อนที่นี่ยังไม่มีระบบจ่ายผ่อน ซื้อรถต้องจ่ายเงินสด ซื้อบ้านเงินสด แต่เดี๋ยวนี้มีระบบจ่ายผ่อน บางคนเงินเดือนไม่เท่าไหร่ แถมบ้านเล็กเหมือนรังหนูแต่ ดาวห์ bently มาขับ(เพื่อนผมเอง) เดี๋ยวมาต่อนะครับ จากคุณ : Timewhite เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 18:48:23

ความคิดเห็นที่ 57 ^ คห. 56 เมื่อก่อนขยันแต่เดี๋ยวนี้ขี้เกียจนี่เป็นกันทุกประเทศเลยมั้ง  ถ้าจะว่าไปรุ่นปู่ ของเราๆท่านๆทั้งหลายก็ขยันพอควรนะ (หรือว่าเพราะเป็นคนจีน)   หลายปีก่อนเคยอ่านบทความพูดถึงคนญี่ปุ่นก็พูดเหมือนกันว่าเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมาขี้เกียจขึ้นเยอะ จากคุณ : Munch เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 19:02:42

ความคิดเห็นที่ 58 ไทยไม่เคยแพ้ใคร และจะไม่แพ้ตลอดไป เพราะไทยไม่เคยยอมรับความเป็นจริง - นิวเคลียร์             จำเป็นไหม์ - รถไฟความเร็วสูง   จำเป็นไหม์ แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 53 19:14:44 จากคุณ : น้ำเค็ม เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 19:08:06

ความคิดเห็นที่ 59   แทนที่จะถกกันเรื่องนี้ผมว่าถกกันเรื่องทำอย่างำรเด็กไทยจะกล้ายกมือถามเหมือนเด็กเวียดนามดีกว่าไหม จากคุณ : นะ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 19:25:20 A:222.123.60.237 X: TicketID:228785

ความคิดเห็นที่ 60 เกือบเชื่อ #56 แล้วนะเนี่ย มาตายตอนซื้อ bently มาขับเนี่ยแหละ เหอๆๆ จากคุณ : NightWolf เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 19:45:34

ความคิดเห็นที่ 61 ไทยเราเอง ค่าเฉลี่ย มันก็อีกแบบนึง ตัว TOP ก็อีกแบบนึง ผมว่า ไทยเราแบ่งเป็นพวกเก่ง ใช้สมองกันไป คนเก่ง ทำงานใช้สมอง คนไทยเรามีครับ เยอะด้วย ส่วนคนไหนเก่งน้อยหน่อย ก็ต้องใช้แรงงานกันไป อย่างห้องที่ผมสอน คนที่ถามก็มี คนที่เงียบก็มี คนที่มองคนอื่นถาม แล้วจดๆๆๆ ก็มี บางทีก็ไปถามต่อในห้องพัก คนเคยไปถามเจ้าคนที่จดๆๆๆ ว่า จดอะไร เด็กเค้าก็ตอบว่า จดคำตอบที่อาจารย์ตอบครับ ผมถามต่อไปว่า "แล้วทำไม ไม่ถามซะเอง" คนนี้บอกว่า"ผมว่า ยังไงคนโน้นมันต้องถามแน่ๆ ผมขอจดดีกว่าครับ  คนถามจดไม่ได้สะดวก" จากคุณ : โลหการ4 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 20:28:27

ความคิดเห็นที่ 62   Elly Tran Ha นี่ล้พหน้าไปแล้วครับ น้าพร โดนแบบ คห. ผมเลย หายคนเค้าไม่อยากให้พูดความจริง พอเขียนเรื่องจริงที่ไทยไปก็จะหาว่าเราดิสเครดิตประเทศตัวเอง ในกระทู้ที่ผมโดนนั้น ก็ไม่กี่อาทิตย์ก่อนนี่เอง ที่ผมบอกไปว่า เมื่อ20 ปีก่อนตอนที่เราเที่ยวประกาศตัวเองไปทั่วว่าจะเป็น นิคส์ เป็ฯเสือตัวที่5ของเอเชียนั้น อะไรนั่น แล้วมีคนบอกว่ามาเลย์จะแซงเรา ก็ีมีคนในสมัยนั้นมาบอกเลย ว่าเป้ฯไปไม่ได้หรอก สาธารณูปโภคพื้นฐานเราดีกว่ามาเลย์ เจอล่ะ กระทู้จีนผลิตเคื่รองบินเจ็ทนี่เอง http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8683957/X8683957.html น่าจะเริ่มที่ราวๆ คห.27 อีก20 ปีเราอาจรู้กันว่ามันเกิดขึ้นหรือไม่ จากคุณ : ไท เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 20:44:09 A:118.173.73.152 X: TicketID:247827

ความคิดเห็นที่ 63 เข้ามาอ่านเฉยๆ แต่ฮา คห.35 จริงๆ คงเก็บกดน่าดู -*- จากคุณ : promlikit เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 20:50:24

ความคิดเห็นที่ 64 ผมไม่เคยไปเวียตนาม ถ้าจะบอกว่าผมไม่เคยไปประเทศไหนเลยก็ถูกต้อง ถามก่อนว่าคนไทยเคยอพยพหนีสงคราม หนีความยากจน เหมือนคนจีน คนเวียดนาม คนลาว คนเขมร คนพม่า หรือไม่ คนไทยที่ไปทำงานต่างประเทศก็เพื่อโอกาสที่คิดว่าดีกว่า  เท่านั้น ในวัยเด็กของผมเป็นช่วงสงครามเวียดนาม ไม่แปลกที่เห็นคนลาว คนเวียตนามทะลักมาเมืองไทย พอเขาถึงเมืองไทย สิ่งที่เขาพบคือสวรรค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเจอ และโหยหาตลอดชีวิต เขาทุ่มเททุกอย่าง ขยันชนิดที่คนไทยต้องยกนิ้วให้ ส่วนคนไทยต่างมีชีวิตที่เรียบง่าย มีนา ไร่ ทำนา ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ คนไทยไม่ได้ขี้เกียจหรือไม่พัฒนาตนเอง ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ ลุงป้า น้าอา ของผมต่างก็ขยันทำมาหากินกันทั้งนั้น แต่เนื่องจากที่ตั้งของไทยมีความอุดมสมบูรณ์ ไม่มีภัยธรรมชาติร้ายแรง หรือโหดร้าย ทารุน กินผลไม้ทิ้งเมล๊ดไว้มันก็งอกขึ้นมาเอง ผลไม้มีกินตลอดปี ข้าวปลูกได้มากมาย ถ้าลองปลูกเต็มกำลังการผลิตรับรองล้นประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพืชผักสวนครัว หรืออะไรก็แล้วแต่ ลองมันมีราคาแพงขายได้กำไร คนไทยจะพากันปลูกเต็มเมือง แผลบเดียวล้นตลาดทันที จนต้องเททิ้งประท้วง นี่คือความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินไทยที่หาที่ไหนไม่ได้ การเมือง ถึงแม้ว่าจะขึ้นๆ ลงๆ  มีประท้วงบ้าง ยิงกันให้ตายพอหอมปากหอมคอ แต่ก็ยังประคองตัวไปเรื่อยๆ การเมืองนิ่งๆ เบื่อตายชัก คนไทยไม่ตื่นเต้น ชอบมุงเป็นงานหลัก ใครตายถือว่าซวย ใครรอดก็มีเรื่องเล่าอย่างครื้นเครงในวงสนทนาต่างๆ ถามว่ากระทบไหม ผมว่ามีบ้างแต่ไม่ทั้งหมด ลดก๊วนนี้แต่ไปเพิ่มก๊วนอื่น ทีใครทีมัน ทั้งนักการเมือง พ่อค้า ข้าราชการ เอื้ออำนวยการงานพอๆ กัน ไม่ต้องโยน สำหรับระบบอุตสาหกรรม ไทยเราพ้นยุคราคาถูกแล้ว การพัฒนาในทุกด้านของไทยเป็นการพัฒนาบนความแตกต่างทางแนวคิด การกระทำ ประเพณี ความเชื่อ รสนิยม >>>>>>> ไม่ใช่จากการถูกครอบงำของระบบการปกครองแบบเบ็ดเสร็จ ถึงแม้ว่าบางช่วงจะเอียงๆ ก็ตาม แต่คนไทยก็ยังมีวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ ปรองดอง ให้อภัย จนบางครั้ง ถึงกับหย่อนยาน เป็นผลเสียในบั้นปลาย การต่อเนื่องของอุตสาหกรรม ประสบการณ์ การพัฒนา ไทยเราไม่เคยขาดตอน การย้ายฐานการผลิต ก็เพื่อเหตุผลทางด้านต้นทุนเป็นหลัก เราไม่เคยบ้างาน เหมือนเกาหลี ญี่ปุ่น ตอนนี้คือเวียดนาม จริงอยู่การพัฒนาอุตสาหกรรมคือสิ่งที่บ่งบอกถึงระดับของประเทศ เงินไหลเข้า ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ เทียบกับไทย ลืมตาอ้าปากมานานโคตร จะกินได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความขยันเท่านั้น คนไทยเข้ามาแข่งกัน สู้กันในเมือง แต่พอไปตามชนบท ก็จะพบกับชีวิตที่เรียบง่าย สบายๆ เราสงบมาสองร้อยกว่าปี กับประเทศที่สงบมายี่สิบกว่าปี อย่ามาเปรียบเทียบกัน เราลงพุงแล้ว ส่วน เวียดนาม อยู่ในช่วงสวาปาม แรงฮึดจึงต่างกันเยอะ เวียดนามแซงไทยได้ แต่ มีความสุขกันดีหรือ ดรรชนีวัดคุณภาพชีวิตของคน จริงๆ แล้วอยู่ที่อิสระเสรีต่างหาก ไทยมีพร้อมให้เลือกได้ อยู่ดี กินดี มีเงินใช้ มีการศึกษาสูง โลกภายนอกกว้างขึ้น ยังขาดอะไร????? ขออวยพรให้เวียดนามจงรุ่งเรืองไปตลอดกาล เราไม่อิจฉาท่านหรอก ไม่รู้ว่าเราจะไปอิจฉาท่านด้วยเรื่องอะไร เพราะเรามีทุกอย่างแล้ว ส่วนท่านยังขาดบางอย่างนะ จากคุณ : chem chem เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 21:04:15

ความคิดเห็นที่ 65   ^ ^ ^ นี่ถ้ามีคะแนนเต็มสิบ ให้สิบคะแนนเต็มเลยนะเนี่ย.... จากคุณ : ไม่เป็นแล้ว (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 21:18:39

ความคิดเห็นที่ 66 คุณมีแต่คนอีกหลายๆคนไม่มีครับ คิดได้แค่นี้ ?? ขอหน่อยเหอะครับ คนที่ไม่รู้จักและไม่เคยสัมผัสคำว่ายากจน อดอยากปากแห้ง แบบคุณนี่มันมีเยอะจริงๆ คุุณเข้าใจแต่ไม่ได้รู้สึกเหมือนเขา คุณเข้าใจไหมคำว่าหาเช้ากินค่ำ  ข้าวไม่มีจะกิน ป่วยทีไม่มีเงิืนรักษา ตังไม่มีจะเรียน บ้านไม่มีให้อยู่ คนไทยยังประสบปัญหานี้กันอยู่มากครับ ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อเงินคล่อง ทุกอย่างจะดีขึ้น คุณรู้แต่ทำเป็นพูดดี ผมเองเคยถึงจุดสุงสุดและจุดต่ำสุดของชีวิต เลยเข้าใจครับว่า ความยากจน ทำให้เกิดปัญหาทุกอย่าง ครอบครัวผมแตกแยกก็เพราะเงินนี่แหละครับ ตอนนี้ประเทศไทยมืดแปดด้านครับ มองไปทางไหนก็หดหู่และสิ้นหวังไปหมด ผมอยากให้ใครที่พูดดี เกิดเป็นคนจน ขาดทุกอย่างดูบ้างจริงๆแล้วคุณจะเข้าใจ ว่ามันไม่ได้รู้สึกดีเหมือนที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้เลย สนใจทำไม อุตสาหกงอุตสาหกรรม   เราทำนากันต่อไป  จงทำนา อนุรักษ์ควายไว้ ชาวนามีคุณต่อโลก  จงทำนา  จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา [ขอยืมครับ] จากคุณ : promlikit เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 21:30:09

ความคิดเห็นที่ 67 เริ่มจะเครียดแล้วนะครับ ดูละครหลังข่าวกันเถอะ หายเครียดแล้วชาติจะได้พัฒนา จากคุณ : อั๋น ทรงวุฒิ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 21:33:59

ความคิดเห็นที่ 68 ไม่เอาละคร ดูกีฬาแทนก็ได้ครับ ชื่อ :  Elly Tran Ha สถานที่เกิด : โฮจิมินห์ซิตี้ ประเทศ : เวียดนาม กรุ๊ปเลือด : A วัน-เดือน-ปี เกิด : 06-08-1993 ส่วนสูง : 168 cm. น้ำหนัก : 47 kg. สัดส่วน : 39-24-32 จากคุณ : อั๋น ทรงวุฒิ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 21:40:25

ความคิดเห็นที่ 69   อยากต่ออีกหน่อย...    ใครจะว่าอย่างไรไม่รู้ แต่ความภาคภูมิในศักดิ์ศรี ระหว่างไทยกับเวียตนามในสายตาชาวโลกทั่วๆไปยังต่างกัน ราวฟ้ากับเหวนรกครับ ขอยกโดยประสบการณ์ตรงที่เจอกับชาวยุโรปหลายๆชาติที่ผ่าน เข้ามาในชีวิต เคยเดินทางจากแฟรงเฟิตมากรุงเทพ มีพวกเวียตที่จะต่อเครื่องไปฮานอยซักครึ่งลำเรือได้มั้ง (ส่วนมากก็พวกเวียตที่ไปตั้งรกรากในยุโรปนั่นแหละ) แล้วผมได้ที่นั่งติกกับแหม่มปารีเซียง สูงอายุสองคน หลังจากเครื่องขึ้นไปรักษาเพดานบิน พวกเวียตมันก็เริ่มล้งเล้งเดินไปเดินมา โว้กว้ากโวยวาย จนแหม่มที่นั่งข้างๆผมส่ายหัว แล้วก็มองผมด้วยหางตาเหยียดๆ ประมาณ ว่าเอ็งก็เป็นพวกเดียวกะมันละซี ผมก็จับทางได้ ก็เลยควักหนังสือไทยจากกระเป๋ามานั่งอ่านเล่น ได้ผลครับ แหม่มปารีเซียงสองคนนั่นหันไปซุบซิบกันแล้วคนนึงก็หันมาถามผมว่า เป็นคนไทย หรือ ผมก็ตอบว่าใช่ครับผมเป็นคนไทย แกก็หันไปซุบซิบกัน(แปลไม่ออกภาษาฝรั่งเศส)แล้วหัน มาถามผมอีกที what is your king name. ผมก็ตอบไปว่า "His majesty King Bhumibhol" เท่านั้นละครับ "Oh.. he is Thai" จากนั้นเที่ยวบินนี้ก็ไม่เงียบเหงาแล้ว ตะแกสองคนก็ชวนคุยโน่น คุยนี่ เอารูปแมนชั่นในชนบทของฝรั่งเศสมาอวดบรรยายสรรพคุณอย่างโน้นอย่างนี้ กำชับแล้ว กำชับอีกว่าคราวหน้าถ้ามายุโรปอีกอย่าลืมแวะไปเยี่ยมแกให้ได้ แล้วแถมยังชวนชนแก้ว ชนแก้ว จนแอร์สายการบินลุฟฮันซ่าค้อนแล้วค้อนอีก ประมาณว่า "ไอ้กระเหรี่ยงเวียตคนนี้มางัยถึงได้จ้อ กับแหม่มปารีเซียงได้อย่างนี้" (เพราะเป็นที่รู้ๆกันโดยทั่วไปว่าพวกแหม่มยุโรปจะค่อนข้างถือตัวกับ พวกอดีตอาณานิคม) ทั้งๆที่เวียตพวกนั้นพูดฝรั่งเศสได้คล่องปรื๋อ แต่แหม่มปารีเซียงยินดีใช้ภาษา อังกฤษกับคนไทยมากกว่าจะใช้ภาษาฝรั่งเศสกับพวกเวียตครับ เล่าสู่กันฟัง... จากคุณ : ไม่มีอีกแล้ว (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 21:44:09

ความคิดเห็นที่ 70   ขนาด GDP ของทั่วโลก  เวียดนามอยู่ไหน  ??? http://changewaves.socialtechnologies.com/2008/01/ จากคุณ : chuk007 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 21:59:12

ความคิดเห็นที่ 71   ส่วนมากแก๊งค์กรีดกระเป๋าต่างชาติ  ในเมืองไทย  ไม่รู้มาจากไหนนะ  เยอะจัง  ฮ่าๆ จากคุณ : chuk007 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:04:53

ความคิดเห็นที่ 72 ผมผ่านการทำงานในวงการส่งออกมาบ้าง เอาเป็นว่ากล้าพูดว่า ตอนนี้เป็นขาลงของอุตสาหกรรมไทยสุดๆ เศรษฐกิจโลกเริ่มดีขึ้นแล้วแต่อัตราจ้างกลับตอนนี้มีแค่ราวๆ 30% ของที่ปลดไปเมื่อต้นปีก่อนเท่านั้นเอง(ช่วงเศรษฐกิจโลกตกต่ำ+ปิดสนามบิน) ทั้งๆอุตสาหกรรมนี้ที่มันเป็นสัดส่วน GDP อันดับหนึ่งของประเทศ(อย่าหลอกตัวเองว่าประเทศไทยอยู่ได้เพราะขายข้่าวนะครับ เพราะตัวเลขGDPจริงๆมาจากอุตสาหกรรมการส่งออกและบริการ ไม่ใช่กสิกรรม) เราเคยได้เปรียบทางด้านแรงงาน ไม่ว่าจะแรงงานมีทักษะที่ผมกล้าพูดได้ว่าฝีมือเราถ้าเอาจริง(ตรวจสอบเข้มงวด) ผลิตสินค้าได้มีคุณภาพมากที่สุดในโลก โรงงานส่งออกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แห่้งนึงที่ส่งออกจากไทยปีละกว่าแสนล้านบาท กล้่าพูดเลยว่า yield and quality ของโรงงานไทยดีที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับผลผลิตจากที่อื่นๆที่ค่าแรงใกล้เคียงกัน(ไม่ว่าจะมาเลย์หรือเวียดนาม) ส่วนแรงงานราคาถูกเป็นเรื่องรองลงไปและมีผลกับแค่บางอุตสาหกรรมที่ไม่ต้องใช้เครื่องจักรชั้่นสูงเช่นธุรกิจสิ่งทอ(ซึ่งตอนนี้โดนจีนตีซะเยอะ) แต่พวกโรงงานอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์ยืนยันว่า ต้องการแรงงานมีทักษะเท่านั้น ซึ่งแรงงานไทยทำได้ดีจริงๆ(หากมีคนคุมเก่งๆ) แต่ปีช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมืองไทยเปลี่ยนไปฟ้ากับเหว ไม่ว่าจะ การเมืองไม่นิ่ง(เปลี่ยนนโยบายไปมาตามรบ.) กฎหมายไม่คุ้มครอง(ปิดสนามบินแต่ฟ้องใครไม่ได้ เพราะเขาขู่ว่าจะจับผิดเรื่องอื่นๆแทนนะ) ผสมกับการตกต่ำของเศรษฐกิจโลก สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผู้บริหารของเขา คิดจะย้ายฐานการผลิต เหมือนที่เคยย้ายหนีจากอินโดฯ มาไทยเมื่อหลายปีก่อนนั่นแหละ หลายคนบอกดีแล้ว ย้ายๆฐานไป ประเทศไทยจะได้กลายเป็นอุตสาหกรรมแบบเน้นใช้ความคิดสร้างสรรค์?!?!??! ผมถามกลับว่าเราได้ปูทางแบบนั้นหรือยัง? ถ้าแค่คิดเพ้อฝัน แต่ไม่มีการวางรากฐานจริงๆ การย้ายฐานการผลิต ก็จะทำให้แค่คนตกงานหลายล้านคน วิศวกรตกงานหลายหมื่น สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร เพราะมันไม่เคยมีตั้งแต่แรกไงล่ะ คุณเพ้อฝันว่าเราจะดีขึ้นจากการย้ายธุีรกิจที่มี GDP อันดับหนึ่งของประเทศ โดยไม่มองโลกจริงๆว่า เราไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้นเหลือเลยจริงๆ รัฐไม่ได้เตรียมหรือลงทุนพัฒนาอย่างอื่นเลย เขาย้า่ยไป คนอื่นก็ตกงานเป็นล้านคน เพราะไม่มีงานรองรับ คุณไม่รู้สึกอะไรนอกจากสุขสมกับความคิดเชิงอุดมคติ เพราะคุณรวยแล้วอยู่คนเดียว? กลับมาหัวข้อกระทู้ เวียดนามยังตามเราห่างเยอะครับ ผู้บริหารชาวต่างชาติคนนึงเคยพูดให้ฟังเมื่อหลายปีก่อนว่า เวียดนามแรงงานราคาถูกจริง ฝีมือก็พอไหว แต่การเมืองไม่นิ่ง การใช้สินบนไม่แน่นอน(ของเมืองไทยถ้าจ่ายถูกคน นั้นแน่นอน!) เลยยังไม่อยากไป(และขยายโรงงานที่ไทยแทนอีกสองโรง) แต่พอมาปีนี้กลับกัน ไทยเรากลายเป็นด้อยกว่าเขาไปซะงั้น การศึุกษาเขา คนเก่งมากก็มีไม่น้อยกว่าเรา(ระดับหัวกะทิอยู่ฝ่ายวิจัยของบ.แม่ที่เมกาเพียบ) ส่วนคนเก่งระดับปานกลางที่เป็นกำลังหลักในการดูแลการผลิตก็กำลังเร่งพัฒนาขึ้่นมา  ฟังดูเหมือนประชดกันที่ตอนผมเรียนม.ปลาย ก.ศึกษาธิการ เวียดนามเคยส่งคนมาดูงานที่โรงเรียนผม แต่ตอนนี้ผมกลับได้ยินว่า ก.ศึกษาฯ เราส่งคนไปดูงานการศึกษาที่เวียดนามแทน??!?!?  เรียกได้ว่า ปัจจัยสำคัญในการลงทุนสร้างฐานการผลิต เขาพร้อมขึ้นมาทัดเทียมเราหรือแซงเราเป็นบางอย่างแล้วจริงๆ บางคนพูดเชิงปรามาสว่า เวียดนามอาจกำลังจะอู้ฟู่เหมือนเราตอนปี 2540 แล้วก็ฟองสบู่แตกดังๆ แต่อย่าลืมว่ามันก็ทำให้เขาได้รับโอกาสในการพัฒนาโครงสร้างของประเทศ ไม่ว่ามันจะล้มเหลวแบบที่เราเคยเป็น หรือจะรุ่งไปเพราะเรียนรู้ความผิดพลาดของประเทศอื่นๆ แต่อย่างน้อยเขาก็มีโอกาสได้เข้าสู่ยุคทอง ซึ่งจะทำให้เขาได้ก้าวกระโดดอย่างแน่นอน ผิดกับเราตอนนี้ ที่วิ่งช้าลงจนแทบจะถอยหลัง หลอกตัวเองกับความสำเร็จเก่าๆ ความสมบูรณ์พร้อมของคนไม่กี่คนในขณะที่คนชายขอบยังแทบอดตาย มันก็น่าคิด ว่าเราควรจะคิดอย่างไรกันแน่ กับประเทศของเราเอง! เวียดนามยังอยู่ข้างหลังเรา แต่หากเราไม่ก้าวเดินให้เร็วขึ้น เราก็จะล้าหลังจนเป็นผู้แพ้ การแพ้ชนะในระบบเศรษฐกิจโลกมันไม่ใช่แค่ คำไว้อวดอ้าง แต่มันหมายถึงความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งประเทศตะหาก GDP อันดับหนึ่งสูญสลายไป แล้วเราจะเอาเงินจากไหนมากิน? อย่าคิดว่าเราแพ้แล้วก็ไม่อดตาย หากคุณไม่เคยปลูกข้าวกินเอง อย่าคิดนะครับว่า รายได้ของคุณมันไม่ได้ผูกอยู่กับ supply chain ที่แสนยืดยาวของอุตสาหกรรมการส่งออกเลยสักนิด นอกเสียจากคุณจะปิดประเทศ ปลูกผักปลูกหญ้าอยู่กลางป่า ไม่มีการขายหรือแลกเปลี่ยนให้ใครเลยนั่นแหละ ถึงจะพูดได้ว่่าคุณอยู่ได้ด้วยตัวคุณเองคนเดียวอย่่างแท้จริง มีคำกล่าวนึงเคยพูดว่า ปลาที่หยุดว่ายน้ำคือปลาที่ตายแล้ว หมายถึงคนที่หยุดพัฒนาตัวเองก็คือการล้าหลังนั่นเอง แต่ไหงคนไทยจำนวนไม่น้อยดันไม่เชื่อกลับคิดไปว่า เราดีแล้วเก่งแล้ว ไม่ต้องไปแข่งกับใครซะงั้่น? แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 53 22:11:34 จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:09:41

ความคิดเห็นที่ 73   GDP บอกการขยายตัวของเศรษฐกิจได้ดีแค่ไหน 2 เท่า 3เท่า 4 เท่าของปีก่อน หรือ สเกลใหญ่อย่างอเมริกาแต่ GDP ไม่ค่อยเคลื่อนไหว ก็เป็นได้ อ่านบาง คห. แล้ว มันเหมือนที่เราพยายามหลอกตัวเอง ว่าเมืองไทยเมืองพุทธ เมืองไทยสงบสุข เมืองไทยเอื้ออาทรกัน.....เหมือน 20-30ปีที่เราหลอกตัวเองเรื่อยมาก จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา...ต่อไป โง่เท่าไหร่ เฉื่อยชาเท่าใด ขาดความกระตืรือร้นแค่ไหน นั่นล่ะเรายิ่งปกครองง่าย จากคุณ : ออ ดูละครน้ำเน่าด้วย เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:10:43 A:118.173.73.152 X: TicketID:247827

ความคิดเห็นที่ 74   เฮ้อ.... สนามหญ้าบ้านคนอื่น  เขียวกว่าสนามหญ้าบ้านตัวเอง แฟนเพื่อน  มีกจะหน้าตาดีกว่าแฟนตัวเอง ใกล้เกลือ กินด่าง รางเนื้อชอบรางยา ไปตายเอาดาบหน้า งูเขียวมักจะหางไหม้ เข็นครกขึ้นภูเขา   เข็นไปทำไม จากคุณ : chuk007 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:20:17

ความคิดเห็นที่ 75   ไม่เข้าใจเลยว่า  ทำไมชอบดูถูกตัวเอง คนแต่ละชนชาติ มีดีมีด้อยแตกต่างกัน หากบอกว่าลำบากแล้วจะเจริญ  ก็ลองไปอยู่แอฟริกาดู การลำพอง  ว่าตัวเองดีแล้วเก่งแล้ว  มันก็ไม่ดี   แต่การดูถูกตัวเอง มันก็ไม่ดีเหมือนกัน บางคนว่า  ดูถูก  นั่นคือ  ดูไม่ผิด จากคุณ : chuk007 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:27:50

ความคิดเห็นที่ 76 แปลกใจที่บางคนยกเรื่อง คำดูถูกของฝรั่งไม่กี่คนที่เหมารวมคนจากเชื้อชาติ ชื่นชมพวก Racism มันก็บ่งบอกได้ว่า ตัวเองตกอยู่ในความกลัวทางชนชั้น เลยต้องดูถูกคนอื่นต่อๆกันไป บ.แม่ที่เมกาบ.ที่ผมพูดถึง(ที่มีโรงงานในไทยส่งออกแสนล้่านบาทต่อปี) มีคนอเมริกันเชื้อสายเวียดนาม(มีทั้งอพยพไปนานแล้วหรือเพิ่งได้ใบเขียวไม่นาน) อยู่ระดับผู้บริหารระดับสายงานวิจัยจำนวนมาก คนไทยเองก็มี(แต่ยังน้อยกว่าพี่เหงียน) น่าแปลกที่ประเทศเจ้าของเทคโนโลยีเขายอมรับคนที่ฝีมือ มากกว่าจะกีดกันเพราะเชื้่อชาติแบบที่เราหลอกตัวเอง เราเองนั่นแหละที่ต้องถีบตัวพัฒนาศักยภาพในงานวิจัยระดับสูงให้เขายอมรับมากกว่านี้ (มีเข้าไปบ้างแต่นับเป็นสัดส่วนแล้วน้อยกว่าชาติอื่น) โลกจริงเขาต้องการคนทำงานได้จริง มีความสามารถจริงๆ ไม่ใช่แค่คำโม้ที่โอ้อวดผลงานตามเวบบอร์ด แต่ไม่มีผลงานออกมาจริงๆ หรือทางสายงานทางวิศวกรรมอิเล็คทรอนิกส์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เราก็มีน้อยกว่ามาเลย์เสียอีก(มาเลย์มีประชากรแค่ 20ล้านนะครับ) อันนี้ผู้บริหารของกลุ่มธุรกิจMagnetic disk storage ในไทย(Seagate/WD/Hitashi/Fujitsu/TOSHIBA) พูดเองในการประชุมสัมมนาว่า วิศวกรไทยทางด้านนี้มีไม่พอ จนต้องนำเข้าวิศวกรจากสิงคโปร์-มาเลย์ เข้ามาคุมโรงงานในไทย จนภาครัฐและทางมหาวิทยาลัยหลายแห่งรับปากจะไปปรับหลักสูตรให้เน้นความรู้ทางด้านนี้มากขึ้น เพราะมีงานรองรับเยอะแต่ดันไม่มีคนมีความรู้ทางนี้มาโดยตรง พูดไปพูดมาชักจะนอกเรื่อง แต่ก็อยากให้สนใจกันบ้าง เพราะ GDP ที่เราอวดคนอื่นได้  45% มาจากกลุ่มธุรกิจนี้นั่นแหละ ไม่ใช่ส่งออกข้าวแบบที่หลายคนโดนหลอกฝังหัวกันมานาน จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:27:51

ความคิดเห็นที่ 77   ไม่รู้เหมือนกันนะ  แต่รู้ว่าแพทย์ไทยเก่งระดับโลก   อาจจะเก่งกันคนละอย่าง จากคุณ : chuk007 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:30:52

ความคิดเห็นที่ 78   เฮ่ย ไอ้จงทำนา จงทำนา ข้างบนน่ะครับ ลองอ่านข้างล่างดูนี่หน่อยไหมครับ ทำนาทำให้รวยก็ทำได้ครับถ้าน้ำถึง ได้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 100 ถัง ลดต้นทุนการผลิตจากเดิม 1,600 - 1,700 บาท หักแล้วกำไรไร่ เหลือ 750 - 800 บาท ครับ http://www.doae.go.th/farmer/farmer38/farmer1_38.htm http://www.sema.go.th/node/5166 และโซนอีสานล่างเขาก็ทำกันได้กันหกสิบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว(ปีนี้น้ำท่วมด้วยซ้ำ) ถ้าไม่เคย หว่านกล้า ดำนา หลกกล้า ขึงมอง ขึงแร้ว ไล่นก ลงเกี่ยวข้าว ตีข้าว ขนข้าวขึ้นเล้า อย่ามา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา ครับ เริ่มรู้สึกเคือง จากคุณ : วีน เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:33:37 A:114.128.134.46 X: TicketID:228785

ความคิดเห็นที่ 79   เฮ่ย ไอ้จงทำนา จงทำนา ข้างบนน่ะครับ ลองอ่านข้างล่างดูนี่หน่อยไหมครับ ทำนาทำให้รวยก็ทำได้ครับถ้าน้ำถึง ได้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 100 ถัง ลดต้นทุนการผลิตจากเดิม 1,600 - 1,700 บาท หักแล้วกำไรไร่ เหลือ 750 - 800 บาท ครับ http://www.doae.go.th/farmer/farmer38/farmer1_38.htm http://www.sema.go.th/node/5166 http://www.budmgt.com/agri/agri01/rice-pad-chaiyaporn.html และโซนอีสานล่างเขาก็ทำกันได้กันหกสิบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว(ปีนี้น้ำท่วมด้วยซ้ำ) ถ้าไม่เคย หว่านกล้า ดำนา หลกกล้า ขึงมอง ขึงแร้ว ไล่นก ลงเกี่ยวข้าว ตีข้าว ขนข้าวขึ้นเล้า อย่ามา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา จงทำนา ครับ เริ่มรู้สึกเคือง จากคุณ : วีน เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:34:18 A:114.128.134.46 X: TicketID:228785

ความคิดเห็นที่ 80   สี่จุดเอามาจากไหนครับที่ว่า "เหมือนที่เคยย้ายหนีจากอินโดฯ มาไทยเมื่อหลายปีก่อนนั่นแหละ" ขอดูหลักฐานด้วยครับ เพราะเท่าที่ผมเคยไปอยู่อินโดสมัยจบใหม่ๆเมื่อเกือบสามสิบปีที่แล้ว ไทย-อินโด-มาเลย์ฯ สามประเทศนี้ออกตัวพร้อมๆกันครับ แต่อินโดไปไม่ถึงไหนเพราะระบบ คอรัปชั่นที่ "unexpectable" ครับ ส่วนของมาเลย์ที่ก้าวนำหน้าไทยไปสิบปีในปัจจุบันก็เนื่องจากอยู่ติดกับสิงคโปร์ ก็เลยได้อานิสงค์เป็นฐานการผลิตให้สิงคโปร์ประกอบกับรับเอาระบบบริหาร รัฐกิจแบบสิงคโปร์มาใช้พร้อมทั้งใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ แล้วยังพื้นฐาน ระบบการศึกษาที่มีประสิทธิภาพที่อังกฤษทิ้งใว้ให้ดูต่างหน้า ในฐานะประเทศคอมม่อนวีล ทำให้การติดต่อรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศที่เจริญแล้วเป็นไปได้ด้วยเร็ว ประกอบกับมีประชากรแค่สิบกว่าล้านคน ถ้าวัดจากที่ท่านอดีตนายกมหาเธฯของมาเลย์ฯ เคยกล่าวใว้ ก็เท่ากับว่ามาเลย์เซียไม่ได้พัฒนาล้ำหน้าไทยไปเกินหนึ่งปีเลย การสร้างศักยภาพให้ประชากรสิบกว่าล้านคน มันหมูกว่าการสร้างศักยภาพให้ประชากร เกือบเจ็ดสิบล้านคนเป็นไหนๆครับ เหมือนอย่างที่หลายๆคนมองว่าอินเดียเป็นประเทศยากจน แต่ถ้าบอกว่าอินเดียมีเศรษฐีที่ มีเงินเกินห้าสิบล้านดอลล่าอยู่แค่สิบเปอร์เซนต์ของประชากรอินเดียทั้งประเทศ ก็เท่ากับ อินเดียมีประชากรที่ร่ำรวย 80 ล้านคนมากกว่าจำนวนประชากรไทยทั้งหมดประเทศรวมกัน จากคุณ : ไม่มีอีกแล้ว (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:37:02

ความคิดเห็นที่ 81 #75 ผมมองว่าคนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดมากๆว่า เราอยู่ได้ด้วยตัวเอง หรือแข่งใครแพ้ในเวทีโลกก็ไม่อดตาย แ้ล้วหลงคิดว่า เราหยุดอยู่เฉยๆก็ไม่เป็นไร ซึ่งมันไม่จริงเลยสักนิด GDP ของไทย 45.1% จากอุตสาหกรรม 43.3% จากธุรกิจบริการ(ท่องเที่ยว) 11.6% จากกสิกรรม ถ้าขาดรายได้จากตปท. ไม่ว่าจะส่งออกอุตสาหกรรม หรือนักท่องเที่ยว(ปิดสนามบิน?) นั่นหมายความว่ารายได้่ของประเทศหายไปเกือบ 90% เลยทีเดียว แล้วจะพูดได้ไงว่าเราจะไม่อดตาย? ทั้งๆที่เราพึ่งพารายได้ทุกวันนี้ จากสองกลุ่มนี้ทั้งนั้นแหละทั้งทางตรงอย่างทำงานในสายงานตรง หรือทางอ้่อม(จาก supply chain) การหยุดการพัฒนาการแข่งขันศักยภาพของประเทศในเวทีโลก มันทำให้สองอย่างนี้หยุดชะงัก เราแพ้ไม่ใช่แค่เสียหน้า แต่การแพ้ในระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเสรีหมายถึงว่า เราไม่เป็นที่ต้องการของลูกค้าอีกแล้ว เราขายของไม่ได้ ไม่มีคนมาเที่ยว ก็อดตายกันเกือบหมดประเทศน่ะสิครับ อ้อแล้วอย่าทำเป็นพูดว่าเราไม่จำเป็นต้องมีระบบเศรษฐกิจทุนนิยม ทั้งๆที่คนพูดถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นจำนวนมหาศาลล่ะ มันลักลั่นย้อนแย้งเกินไป (อันนี้ใครพูดต้องไปค้นดูเอาเองไม่กล้า quote) จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:37:06

ความคิดเห็นที่ 82 เมื่อเยาวชนสมัยนี้ชอบเรื่องบันเทิงกันนัก ก็ทำให้เรื่องบันเทิงเป็นสินค้าส่งออกเลยดีมั้ย จากคุณ : Bowling Bash เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:38:07

ความคิดเห็นที่ 83   แซงไปให้พ้นๆเหอะเบื่อ แซงแล้วจะทำไมคนที่เสียผลประโยชน์เต็มๆก็พวกนายทุนคนรวย เห็นแบบนี้แล้วสะใจดี จากคุณ : รอมาสิบปีแล้วสินะ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:39:45

ความคิดเห็นที่ 84 #80 โรงงานเยอะแยะครับ ที่ยุบโรงงานที่อินโดฯกระทันหัน แล้วมาเปิดใหม่ที่ไทย สงสัยคุณจะอยู่ห่างจากวงการนานไปหน่อยนะครับ โรงงานขนาดใหญ่อย่างอดีตชื่อบ.อ่านเขียน(ชื่อคำพ้องเสียง) ก็ย้ายมาไทยเมื่หลายปีก่อน ทั้งๆที่ยอดส่งออกแค่โรงงานเดียวอยู่ระดับ5หมื่นล้านบาท ไม่เรียกว่าอินโดฯเขาสูญเสียโอกาสเพราะย้ายฐานการผลิต ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วล่ะ ส่วนสาเหตุจะมาจากการcorruption หรือไม่ มันก็ไม่ได้ต่างจากไทยในปัจจุบันแล้วล่ะ ของไทยเคย"คาดหวังได้"(อย่างที่บอกไปแล้ว) แต่หลังจากปิดสนามบิน+การเมืองต่างๆบอกได้เลยว่า ฝรั่งเขาไม่กล้าคาดหวังอะไรแล้วล่ะครับ กลับกัน ประเทศที่เคย"คาดหวังไม่ได้"แบบเวียดนาม กลับดูเหมือนจะกลายเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าขึ้นมาไปซะอีก ข้ออ้างว่าประเทศคนน้อยพัฒนาง่ายหรือใช้ภาษาอังกฤษเลยเจริญ ไม่ยกตัวอย่าง ลาว ที่เป็นอดีตอาณานิคมของฝรั่งเศส พม่า ที่เป็นอดีตของอังกฤษบ้างล่ะครับ? มีทั้งคนน้อยกว่าเรา อีกประเทศก็ทรัพยากรก็มากกว่าเราแท้ๆ ประเทศที่จะพัฒนาได้ ปัจจัยหลักๆมันไม่ได้อยู่ที่จำนวนคนอย่างเดียว ขึ้นกับวิสัยทัศน์ของผู้นำ และทัศนคติของคนในชาติด้วย มาเลย์เองก็มีปัญหาใต้น้ำตามมาเพราะแนวทางแบบนั้นเช่นกัน(เช่นความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติ) แต่มองอีกแง่นึงอย่างน้อยคนส่วนใหญ่ก็อยู่ดีกินดีมากกว่าล่ะนะ ประเทศไทยเอง มีเศรษฐีติดอันดับโลกเป็นจำนวนมากแต่กลับยังมีคนอดตายกันเรื่อยๆ ระบบอุปถัีมภ์ฝังราก การกระจายทรัพยากรที่ไม่เป็นธรรม(ภาษีที่่ดินไม่กล้าสักที?) บางแง่มุมเราไว้อวดกับเพื่อนบ้านได้ แต่โดยรวมแล้วมันดีแล้วจริงๆน่ะหรือ? ผมว่าการที่เราเจาะลึกจับผิดข้อเสียของเรานี่แหละ ที่จะกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ได้ฉุกคิดขึ้นมา ว่าอะไรที่เรายังขาดหรือต้องการพัฒนา ไม่ใช่เอะอะก็ชมตัวเองอวยตัวเองไปตลอดทั้งๆที่หลายอย่างเป็นแึค่ภาพลวง ถ้าเราจะล้มก็เพราะเราหลอกตัวเอง ไม่ใช่เพราะมีคนดูถูกประเทศตัวเองหรอกครับ จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:52:51

ความคิดเห็นที่ 85   เฮียวิกรม เคยเห็นแกออกทีวี แสดงทรรศนะ เนื้อหาที่แกพูดออกมา มีทั้งจริงและเพ้อ ปนเปกันพอกล้อมแกล้ม แกพูดแบบนี้อาจมีคนใหญ่โตในเวียดนามตบรางวัลให้นิคมของแกที่โน่นบ้าง มาว่าความเป็นจริงกันดีกว่า อุตฯไทยจะแพ้หรือชนะเวียดนาม เรื่องของคนบ้านเราบ้านเค้ามันเป็นปัจจัยรอง แต่ปัจจัยหลักก็คือคนที่พยายามวางแผนของโลกตะหาก(อเมริกา)ว่าจะเอายังไง ทุกวันนี้ดูปริมาณการลงทุนจากต่างชาติในอาเซียน(FDI) เวียดนามมาที่1 อินโดมาที่2 เหตุผลของการลงทุนในเวียดนาม มันเหมาะสมทั้งสองด้าน คือด้านที่มันยังไม่พัฒนามากนัก เหมือนจีนแดงสมัยก่อน ผู้คนอยากมีนั่นมีนี่ จากที่ไม่เคยมี ก็พยายามแสวงหาไขว่คว้าหาโอกาส ต้นทุนค่าแรงก็ยังต่ำกว่าบ้านเรา โอกาสเติบโตทางจีดีพีก็ต้องสูงกว่าแน่ๆ เหตุผลที่2ที่ฝรั่งไม่เคยพูด แต่รู้กันก็คือ โลกตะวันตก ตั้งใจจะสร้างเวียดนาม ให้เป็นแบบเช่นเดียวกับเกาหลีใต้ คือถึงแม้คน+วัฒนธรรมจะหยาบกระด้าง แต่จะอัดความช่วยเหลือ เทคโนโลยี เข้าไปเร่งพัฒนามันให้เร็วสุด เพื่อใช้เวียดนามเป็นกรอบล้อมอิทธิพลจีนแดงทางใต้ ไม่ให้เล็ดรอดออกมา เหมือนกับที่ใช้เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นบล๊อกจีนทางทะเลเหลือง เหตุผลข้อหลัง สำคัญกว่าข้อแรกมาก รัฐบาลเวียดนามถึงกล้าประกาศโครงการต่างๆโน่นนี่เป็นหลักล้านๆบาท ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟใต้ดินเป็นสิบสาย ทั้งๆที่ตัวเองไม่มีตังค์ซักกะบาท ยิ่งจีนแดงเร่งมือสร้างแสนยานุภาพที่เกาะไห่หนานมากเท่าไหร่ เวียดนามก็จะยิ่งได้รับการช่วยเหลือพัฒนามากเร็วขึ้นเท่านั้น เห็นรัฐบาลเวียดนามซื้อ บ.ซุคฮอยใหม่ของรัสเซียน่ะ(ความจริง รัสเซียก็รู้และมีแอบกั๊กเทคโนชั้นสูงไว้พอควร) ถ้าอเมริกาเอ่ยปากขอเมื่อไหร่ เวียดนามพร้อมยกเครื่องบินใหม่ป้ายแดงให้เมกาไปชำแหล่ะศึกษาทันที การที่เราจะไปแข่งขันกับเค้าโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ก็คงเป็นแค่เรื่องวิ่งไล่คว้าเงาของตัวเองเท่านั้น เราทางเลือกที่จะทำตามความถนัด สภาพแวดล้อม และทรัพยากรที่เรามี โดยการจัดการให้เหมาะสม อย่าลืมว่าเราไม่มีโลเคชั่นทางยุทธศาสตร์แบบเวียดนาม และมีหลายอย่างที่ไม่เหมือนกัน จากคุณ : x เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:55:44 A:210.246.64.154 X: TicketID:052378

ความคิดเห็นที่ 86 ู^ ^ แล้วความถนัดของเราคืออะไรล่ะครับ? เพราะตอนนี้เห็นแต่พูดว่าไม่เอาอุตสาหกรรม ไปเน้นกสิกรรมแทน ทั้งๆที่มันแค่ 11% ของรายได้ทั้งหมดแถมไม่ลงทุนทางเทคโนโลยีกสิกรรมอะไรกับเขาให้มีประสิทธิภาพการผลิตเท่าเทียมประเทศอื่นๆบ้างเลย ผมมองไม่เห็นทางของวิสัยทัศน์ของนโยบายประเทศเลยล่ะครับ จะเน้นเทคโนโลยีขั้นสูงแบบประเทศแถบสแกนดิเนเวียก็ไม่เน้นหาว่าจับต้องไม่ได้หรือไม่ถนัด จะเน้นอุตสาหกรรมการผลิตก็ไม่เอาหาว่าเทคโนโลยีเก่าสกปรกเป็นแึ่ค่ลูกจ้างเขา ปลูกข้าวก็ไม่พอกินอดตาย(ปลูกทั้งประเทศก็ไม่มีคนซื้อหมดหรอกนะ) เอาไงดีหว่า? เราเลยยุคปลูกผักปลูกหญ้ากินเองโดยไม่พึ่งใครมานานแล้วนะครับ ตอนนี้มีแค่สองทาง คือพัฒนาเทคโนโลยีแข่งกับเขา(เป็นเจ้าของเทคโนโลยีเอง)/พัฒนาศักยภาพเป็นผู้รับจ้างผลิตที่เก่งกาจแบบบ.ในไต้หวัน หรือไม่ก็หาจุดเด่นที่คนอื่นไม่มีทางเลียนแบบได้(ปลูกข้าวคนอื่นเขาทำได้ แม้จะไม่อร่อยเท่าแต่ก็ทดแทนกันได้ไม่เหมือนน้ำมัน) ไม่ใช่ปิดประเทศอยู่อย่างสันโดษมันเพ้อฝันไปครับ แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 53 23:07:03 จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:03:33

ความคิดเห็นที่ 87 คห. 78 ครับ ผมพูดประชดอะครับไม่เข้าใจหรือครับ ลุงของผมทำนาครับ แล้วผมก็เคยช่วยลุงดำนา ไถ่นา ด้วยครับ เลยเข้าใจดีครับว่าเป็นชาวนามันลำบากยังไงไม่มีใครอยากเป็นหรอกครับ บางปีกำไรน้อยมากบางปีขาดทุน ขึ้นอยู่กับฝนฟ้าอากาศและราคาในตลาดครับ เป็นชาวนามันดียังไงหน่อ ลำบาก งานหนัก เงินน้อย โดนเอารัดเอาเปรียบอยู่ตลอด แถมโดนดูถูกจากพวกที่อ้างว่าตัวเองเป็นปัญญาชนอีก เห้อ ที่พอลืมตาอ้าปากได้นี่ก็เพราะช่วงนี้ข้าวแพงครับ ุถ้าหวังจะเป็นชาวนาแล้วมีรถหรูๆขับ บ้านหลังโตๆ นี่คงยากครับ คงมีชาวนาไม่กี่คนที่ทำได้ ชาวนาเหล่านั้นจะมีที่ดินของตัวเองจำนวนมากครับ จ้างคนอื่นมาทำเอาตัวเองไม่ต้องทำ จากคุณ : promlikit เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:11:57

ความคิดเห็นที่ 88   เทคโนโลยีชีวภาพ แพทย์ทางเลือก อุตสาหกรรมซอฟท์แวร์ จากคุณ : นะ(จ๊ะ) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:16:24 A:114.128.134.46 X: TicketID:228785

ความคิดเห็นที่ 89 ขอถามสักนิดนึงนะครับ ผมเห็นจากทีวี ทั้งสภาหอฯ สภาอุตฯ แล้วก็ดร... (จำชื่อไม่ได้)ที่เป็นคณบดีของหอการค้าอะครับ และผู้ประกอบการหลายๆคนรวมทั้ง ธนาคารแห่งประเทศไทย พวกเขาเหล่านี้บอกว่าเศรษฐกิจของไทยกำลังจะดีขึ้นจากมาตรการไทยเข้มแข็ง และจากการที่สภาวะเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น หรือว่าพวกเขาข้างต้นโกหก??? อันนี้มุมมองส่วนตัวนะครับ (จากประสบการณ์ในสายงานวิศวกรรมมา9ปีด้าน ประกอบรถยนต์) ผมว่าศักยภาพทางด้านอุตสาหกรรม(ประกอบรถยนต์)ในประเทศไทย เหนือกว่าหลายชาติในอาเซียนนะครับ เพราะเรามีทั้งคนที่มีทักษะฝีมือ ค่าแรงของเรายังไม่สูงจนเกินไป แล้วประเทศไทยก็มี supplier มาตรฐานสูงเป็นจำนวนมากครับ (จริงๆ มีอีกหลายข้อ แต่ขอคร่าวๆแค่นี้) แต่เราก็มีจุดอ่อนนะครับ คือภาษาอังกฤษ และญี่ปุ่นนะครับ ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยที่ยังขาดอยู่ครับ ส่วนที่ว่า เวียดนามไม่มีคอรัปชั่น ผมว่าไม่น่าจะจริงนะครับ เพียงแต่ว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์ ซึ่งก็รู้ๆอยู่ว่าสามารถคุมสื่อได้ ส่วนพวกเราอยู่ในประเทศของเรา สื่อสารมวลชนก็คุมไม่ได้เท่าเขา ผลก็เลยรับรู้ว่าเราคอรัปชั่นมากกว่า แหะๆๆๆๆ มุมมองส่วนตัวนะครับ แตกต่างได้ แต่อย่าแตกแยก ติได้เพื่อก่อครับ สามัคคีคือพลังครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ติได้เพื่อก่อครับ (เด็กไม่รู้ครับ) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:30:20

ความคิดเห็นที่ 90 เวียดนามเขาค่อนข้างที่จะจับไทยเป็นตัวเปรียบเทียบ จริงๆ ถ้าพม่าไม่เผด็จการจนถอยหลังลงคลอง ไทยจะดิ้นรนมากกว่านี้ ตัดประเด็นด้านอื่นๆ เอาระบบอุตสาหกรรมล้วนๆ เพราะในแง่ความผาสุก แถบนี้ไทยเหนือกว่า เฉพาะระบบสาธารณสุขไทยก็อยู่ระดับต้นๆ ของโลก ใครว่าไทยไม่พัฒนาระบบอุตสาหกรรม?  การล้ม หรือ การชลอตัว มันเป็นวัฎจักร เมื่อมีเกิด ย่อมมีเติบโต มีป่วย มีล้มหายตายจาก วนเวียนไป ต่อไปก็จะเหลือแต่แก่นแท้ ช่วงโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมที่ไทยเคยมีเมื่อยี่สิบปีก่อน คือเวียดนามตอนนี้ หลายธุรกิจมีการปรับปรุงระบบ ย่อมมีผลกระทบบ้าง เช่นตกงาน ตอนนี้เรากำลังเก็บซากโปรโมชั่น แน่นอนลูกค้าต้องหายไป (นักช๊อปชอบของดีราคาถูก) ตราบใดที่การผลิตเน้นส่งออก และรายได้ส่วนใหญ่มาจากการส่งออก ก็โดนอย่างจัง เราคงไม่ปิดประเทศ แต่เราจะก้าวอย่างระมัดระวังและหันกลับมามองตัวเองเรื่อยๆ ให้ถามตัวเองสำหรับท่านที่เป็นนักลงทุน ว่าจริงหรือไม่ เท่าที่ผมสัมผัสกับนักธุรกิจรายย่อย คนเหล่านี้มีไอเดียบวกกับเงินทุนน้อยๆ สมเหตุสมผล การขยายตลาดและกำลังการผลิต เต็มไปด้วยความระมัดระวัง อันที่จริง เขามีเงินกันเยอะนะ แต่ไม่ยอมลงทุน (รู้เชิงลึก) การดำเนินธุรกิจเป็นไปแบบรักษาสถานภาพซะเป็นส่วนใหญ่ คร่าวๆ กิจการแต่ละแห่งทำกำไรต่อปี ประมาณ ห้าถึงสิบล้านบาท รวมกันหลายกิจการทั่วประเทศอาจจะหลักพันล้านบาท แน่นอนว่าบางส่วนเป็นตัวเลขที่ไม่มีในระบบ (สรรพากรอาจสนใจ) ทำไมเขาถึงอยู่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าการวางรากฐานธุรกิจที่มีมายาวนานนั่นเอง ในขณะที่อุตสาหกรรมก้าวไปอย่างระมัดระวัง สถาบันการเงินเองก็ยิ่งระมัดระวังปล่อยกู้ แถมรัฐบาลยังวางมาตรการเข้มเข้าไปอีก เงินจึงล้นระบบ ทำไง?   ไม่ยาก ปล่อยกู้ข้าราชการซิ สั่งหักเงินเดือน ณ ที่จ่าย สร้างเพ็กเก็จหลากหลายแบบ บานตะไทอยู่ตอนนี้ อ้าว นอกเรื่อง ผมก็ไม่รู้ว่าเวียดนามจะแซงไทยตอนไหน ตราบใดที่เวียดนามผลิตเพื่อส่งออก และบำเรอตนเองจากเงินลงทุนของต่างชาติ เมื่อใดที่นักลงทุนย้ายก้นหนีไปจีบสาวที่อื่น เวียดนามจะทำยังต่อไป น่าคิด ผมว่าคำทำนายน่าจะถูก แต่ไม่ทำนายตอนมันล่มสลายบ้าง ผมยังยืนยันว่าอุตสาหกรรมในประเทศไทยยังพัฒนาไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ ระมัดระวัง โดยมีเกษตรกรรมหนุนหลังอย่างดี (ผลิตได้เยอะ) ส่วนธุรกิจใดมีผลกระทบต้องปรับตัวแน่นอน รวมทั้งแรงงานด้วย อย่าหวังพึ่งการเมืองเลย ยืนอยู่บนขาตัวเองดีกว่า สุดท้ายพอเข้าระบบแล้วก็วิ่งฉิว ติดลมบนลงยาก เชื่อเหอะ จากคุณ : chem chem เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:33:13

ความคิดเห็นที่ 91 มาต่อ คห.56 นะครับ ต่อเรื่องคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันนะัครับ ##เรื่องสาธารณสุข ถ้าเทียบกับไทยคุณภาพสาธารณสุขที่นี่ยังสู้เมืองไทยไม่ได้ครับ โรงพยาบาลของรัฐในกรุงฮานอย คนล้นตลอด ห้องพักผู้ป่วยอัดกันจนแน่น อุปกรณ์เ่ก่าเก็บ แพทย์พยาบาลบริการไปตามหน้าที่เรื่องยิ้มแย้มไม่มีหรอกครับ ถ้าอยากให้ฉีดยาเบามือก็ต้องยัดเงิน ค่ายาและค่าบริการก็แพงพอตัว โรงพยาบาลเอกชนที่นี่หรู ๆ ก็มีครับ(ในฮานอยมีไม่ถึง 5 แห่งมั๊ง)แต่ให้เทียบคุณภาพแล้วยังสู้โรงพยาบาลเอกชนในไทยไม่ได้ เนื่องจากบุคคลากรทางการแพทย์ที่นี่เค้ามีค่านิยมว่า ถ้าเก่งต้องเป็นหมอในโรงพยาบาลของรัฐ ส่วนพวกหมอ พยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนก็เป็นพวกที่เข้าทำงานใน รพ.รัฐไม่ได้(มีทั้งความสามารถไม่ถึง,ฝากหรือยัดเงินไม่ได้) บริการดีแต่ค่ารักษามหาโหด จนผู้ป่วยบางคนบินมารักษาในไทยหรือสิงคโปร์ ผมเคยประสบอุบัติเหตุมอเตอร์ไซด์ล้ม ต้องประคองตัวเองไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดซึ่เป็นโรงพยาบาลของรัฐ ปรากฏว่าไม่มีแผนกฉุกเฉิน กว่าจะหาตึกรักษาได้ก็นานพอดู และพอถึงแล้วก็นั่งรอหมอไป เลือดไหลไป ไม่มีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นอะไรทั้งสิ้น ส่วนตอนภรรยาผมคลอดลูก ก็คลอดที่โรงพยาบาลของรัฐเพราะหมอเก่งมากผ่าคลอดไม่ถึง 2 นาทีเสร็จ จากคุณ : Timewhite เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:40:02

ความคิดเห็นที่ 92   ถ้าเป็นกรรมการ มีคะแนนเต็มสิบ ให้บาง คห. 6 /  10 ที่อยากเห็นประเทศชาติบ้านเมืองพัฒนาเป็นเรื่องดีแต่ตัดสี่คะแนนเพราะวิตกจริตจนเกินเหตุ ส่วนอีกสามสี่ คห.หลังๆ ให้คะแนนเต็มสิบ ตามนั้นครับ จากคุณ : ไม่เป็นแล้ว (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:45:30

ความคิดเห็นที่ 93 ^ ^ ชี้ 91 ถ้าผ่าคลอด 2 นาที นี่สถิติโลก เลยครับ แฮ่ะๆ จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:50:12

ความคิดเห็นที่ 94 ไทยมันไม่แคร์สื่อครับ มัวแต่หลงอยู่ว่า ข้า...ที่สุดในโลก ตลอด เดี๋ยวซักพักโดนแซง ก็งัดไม้ตาย ไม่แคร์สื่อ มาใช้เหมือนเดิม จากคุณ : bankk99 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:50:19

ความคิดเห็นที่ 95   "ถ้าอยากให้ฉีดยาเบามือก็ต้องยัดเงิน" จบกันน้องเหงียน ถ้าขนาดเจ็บป่วยมาแล้วยังมีอย่างนี้อีก อย่างอื่นก็คงไม่ค้องพูดถึง จากคุณ : ไม่เป็นแล้ว (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 00:11:09

ความคิดเห็นที่ 96 #89 ผมไม่รู้เค้านะ แต่บางเรื่องเค้าพูดความจริงไม่หมดไงครับ อย่างตอนต้นปี 2009 บ.ใหญ่ๆที่มีฐานการผลิตในไทยออกมาพูดกันใหญ่ว่าไม่มีการปลดคนงาน แต่เบื้องหลังคือลดคนด้วยการให้ package สมัครใจลาออก ฟังดูดี แต่จริงๆคือแกมบังคับว่าถ้ายอดลาออกไม่ถึงเป้าก็จะจิ้มสุ่มปลดออกและได้เงินชดเชยน้อยกว่า อีแบบนี้เป็นการเล่นคำว่าไม่ได้ปลดคน แต่จริงๆก็ลดคนนั่นแหละ ส่วนใหญ่ลดกันชนิดแทบจะครึ่งๆเลย โรงงานที่ผมยกตัวอย่างหลายรอบก็ยุบไป 1โรง ลดคนระดับวิศวกร/ออฟฟิสเซ่อร์ ไปราวๆ 600คน เงินเดือนตั้งแต่1.7-9หมื่นกันนะครับเหอๆ แล้วอีกหลายร้อยโรงก็ลดเช่นกัน แต่ตอนนี้เศรษฐกิจโลกดีขึ้นจริงครับเค้่าไม่ไ้ด้โกหก แต่ดีขึ้นไม่เท่าเดิมนะ(อันนี้เขาไม่พูด) จ้างคนกลับเข้าไม่ถึง 30% ที่เหลือก็ไปแย่งงานกับคนในระบบอื่นๆนั่นแหละ หลายคนก็กลับบ้านนอกไปปลูกผักปลูกหญ้าเกาะพ่อแม่กินก็มี ยอดคนตกงานจริงก็น่าจะราวๆล้านคน แต่เขารายงานแต่ตัวเลขว่าคนรับเงินชดเชยน้อยลง(เพราะตกงานเกิน 6เดือนไม่ได้ชดเชยแล้ว) ฟังดูเหมือนดีขึ้นนะ! ส่วนเรื่องสื่อฯ บ้านเราคุมแบบเหมือนไม่ให้รู้สึกว่าคุมไงครับ แต่ลองอ่านสื่อฯนอกมากๆ ก็จะพอมองเห็นกระแสข่าวที่่ขัดแย้งกับสื่อในหลายอย่าง แต่เราก็ชอบหลอกตัวเองว่า สื่อฯนอกโดนจ้างให้ร้ายประเทศไทย ก็เลยจบข่าว! #90 คุณตอบในมุมมองของผู้ประกอบการที่มีฐานะดี ที่ค่อยๆใช้เงินอย่างระมัดระวัง(กลัวล้ม) โดยไม่ดูว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศยังยากจนไงล่ะครับ ค่อยๆพัฒนาไปอย่างมั่นคง ฟังดูเหมือนดี แต่อีกทางหนึ่งก็คือเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาช้า ละเลยคนส่วนใหญ่ของประเทศนั่นแหละ การจะพึ่งพาตัวเองได้อย่างแท้จริงต้องเป็นเจ้าของเทคโนโลยีครับ ไม่ใช่ค่อยๆขยายโรงงานเพราะกลัวโตเร็วเกิน โมเดลตัวอย่างด้านอุตสาหกรรมขั้นสูงก็ประเทศแถบสแกนดิเนเวีย/ญี่ปุ่น หรือตัวอย่างทางด้านเจ้าแ่ห่งการรับจ้างผลิตก็โรงงานเซมิฯของไต้หวันทั้งหลาย เขาไม่ได้ค่อยๆขยายแบบกลัวโตหรอก แต่ทุ่มเททางใดทางหนึ่งอย่างจริงจัง ทางหนึ่งเป็นเจ้าของเทคโนโลยี ใครๆก็ต้องมาซื้อไป ทางหนึ่งพัฒนาฝีมือจนทำเก่ง ใครๆก็ต้องมาจ้าง มัวเดินช้าๆเป็นโชว์ห่วยเล็กๆ ก็ต้องล้มหายไปในกระแสทุนนิยมเสรีโลกไปในไม่ช้านั่นแหละ แถมคนครอบงำจะไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นกลุ่มทุนอื่นๆในประเทศเดียวกันนี่แหละ ผมยังไม่เห็นตัวอย่างการพัฒนาช้าๆแล้วได้ผลดีเลยนะครับ แต่จริงๆมันอยู่ที่ว่าโตไวแล้วได้เสริมฐานหรือทุ่มเทเป็นอย่างดีจริงๆหรือเปล่า ถ้าโตอย่างเดียวแต่การศึกษาห่วยระบบกลวงๆก็ล่มในอนาคตแน่นอนเพราะมันไม่มีองค์ความรู้จริงๆ แต่ถ้าเสริมฐานรากไปพร้อมๆกันก็รุ่งสุดๆ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เขาไม่ได้ค่อยๆโตนะครับ! ที่สำคัญ การเมืองนั่นแหละเป็นตัวแปรสำคัญ จะเป็นสีไหนๆขอให้มีวิสัยทัศน์ที่ดี มันก็พาชาติเจริญได้ การจะพัฒนาตัวเองโดยไม่พึ่งพาการเมื่องคงเป็นไปได้ยาก ประเทศส่วนใหญ่เขาก็รุ่งเพราะรัฐสนับสนุนเต็มที่ เอื้อประโยชน์ประสานกับตปท.ให้กับธุรกิจในประเทศอย่างจริงจัง(แต่บ้านเราดันหาว่าเอื่้อประโยชน์ให้พวกพ้องถ้าทำแบบเดียวกัน) ไม่มีหรอก เดินเดี่ยวๆจนโตเองโดยที่ีรัฐไม่สนใจ บทเรียนเศรษฐกิจต่างๆในโลกมีมากมายให้เราเลือกนำมาปรับใช้ แต่เราดันจะคิดสวนทางกับประวัติศาสตร์โลก ก็ต้องพิสูจน์กันล่ะครับ ว่าคิดใหม่แบบสวนทางโลกมันจะได้ผลดีจริงๆอย่างที่อวดอ้างกันหรือเปล่า? เอชักจะนอกเรื่องเวียดนามไปไกลแล้วล่ะเหอๆ /*เพิ่มเติม*/ ไม่อยากให้หลงกับ conservative economic กันนะครับ ฟังดูเหมือนดี แต่ในบทเรียนเศรษฐกิจจริงๆมันได้ผลลัพธ์ที่แย่พอๆกับการปิดประเทศนั่นแหละ ตลกร้ายที่คนออกมาพูดสนับสนุนเรื่องนี้หลายคน เป็นคนที่ทุ่มกัีบตลาดทุนนิยมเสรีมากที่สุด มีหุ้นติดอันดับมากที่สุด จนน่าสงสัยว่า รวยจากทุนนิยมมากจนเห็นความเลวร้าย หรือว่าเพราะจะกีดกันคนอื่นๆไม่ให้เข้ามาแย่งปลาในทะเลของตัวเองกันแน่? แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 53 00:15:51 จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 00:11:33

ความคิดเห็นที่ 97 พูดมากขอต่ออีกนิด ใน#90 ยกตัวอย่างว่า เรามีกสิกรรมหนุนหลังอุตสาหกรรม ค่อยๆพัฒนาช้าๆแต่อยู่ได้ยาวนาน แต่จริงๆแล้วคือธุรกิจเกี่ยวกับกสิกรรมในไทยมันเป็นแบบผูกขาดซะมากกว่า เพื่อนผมคนนึงเป็นผู้ประกอบการรายย่อยในกลุ่มธุรกิจนี้เล่าให้ฟังอย่างละเอียด ไม่มีการแข่งขันมากนัก เพราะสายป่านและระบบอุปถัมภ์กันหนักมากๆกว่ากลุ่มธุรกิจอื่นเสียอีก กลายเป็นว่าที่พัฒนาช้าเพราะมีเจ้าพ่อคุมตลาด กีดกันคนนอกไม่ให้เข้าไปแข่งขันโดยใช้อิทธิพล(การเมือง/เจ้าพ่อท้องถิ่น) รายย่อยจะเข้าไปต้องเลือกเป็นสาวกเจ้าใดเจ้าหนึ่งห้ามขายอีกเจ้า(ผูกขาด?) ไม่งั้นโดนกีดกันไม่ยอมส่งสินค้าให้ อีแบบนี้จะเรียกว่าผลดีก็คงไม่ใช่นะ SME ไทยที่อยู่นานๆก็มักจะมีความเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นเพื่อปกป้องตัวเอง และกีดกันคู่แข่ง ประมาณกินน้อยๆแต่กินนานๆ แต่กลายเป็นว่าทำให้ตลาดมันนิ่ง การแข่งขันต่ำ ผู้บริโภค(รวมถึงชาวนาชาวไร่)เสียผลประโยชน์ซะมากกว่าน่ะสิครับ แล้วที่บอกว่าผลิตเน้นส่งออกมันไม่ดี ก็ถามว่าไม่ส่งออกแล้วเราจะเอาเงินมาจากไหน? รายได้ 11% ของ GDP มันพอเลี้ยงคนทั้งประเทศไหม? มีประเทศไหนในโลกบ้างที่ไม่พึ่งพารายได้จากนอกประเทศ แต่อยู่ได้ด้วยตนเอง 100%? ขนาดจีนยังส่งออกมหาศาลเพื่อไปเลี้่ยงคนของตัวเอง ทำไม่เห็นมีใครตอบชัดๆตรงนี้ได้สักที ฝั่งผู้ประกอบการรวยแล้วบอกว่าไม่ต้องวิ่ง อยู่สบายดีแล้วไม่ลำบาก แต่ฝั่งคนปากกัดตีนถีบย่อมบอกว่าหาโอกาสใหม่ๆให้ระบบเศรษฐกิจย่อมดีกว่า แต่ถ้ามองในภาพรวมเราต้องทำแบบไหนกันดี? วิ่งช้าๆโดยให้ช่องว่างชนชั้นห่างๆกันแบบที่เคยเป็นมา หรือเร่งพัฒนาเพื่อพัฒนาให้มีแต่ชนชั้นกลางขึ้นไปแบบประเทศอุตสาหกรรมอื่นๆ? ใครจะเป็นคนที่มีสิทธิ์เลือกคำตอบนี้ได้? ประชาชน หรือเทวดาพรหมลิขิต? แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 53 00:29:40 จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 00:27:02

ความคิดเห็นที่ 98   #89 อย่าไปวิตกตามคุณสี่จุดมากครับ ผมเห็นเค้าก็เข้ามาพยายามถากถางอะไรบางอย่างให้ฟัง แล้วเดี๋ยวก็วกไปชมใครบางคนที่หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ คุยไปคุยมาเดี๋ยวก็ทะเลาะกัน แล้วเดี๋ยวก็มีกดลบความเห็นคนที่คิดต่าง ความระแวดระวังเป็นสิ่งดีครับ แต่ความวิตกจริตจะทำให้การ ดำเนินชีวิตมันขาดความสุขไปนะครับ จากคุณ : ไม่เป็นแล้ว (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 00:32:05

ความคิดเห็นที่ 99 เรื่องเวียดนามพัฒนาก็มีส่วนนะครับ เพราะบริษัทญี่ปุ่นหลายๆแห่งก็ไปลงทุนที่เวียดนามเหมืนอกัน ค่าแรงถูก คนขยัน จากคุณ : Desolation Angel เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 00:32:24

ความคิดเห็นที่ 100   กับตันสมหมาย ผมไม่รู้นะว่า คุณทำอาชีพอะไร รึว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน รวย จน คนดี คนไม่ดี แต่ คุณให้คะแนน คนนั้น คนนี้ แขวะคนนั้น คนนี้  จนรีพลายนี้ ผมยังไม่ได้ความรู้อะไรจากคุณเลย .... ------------------------------------- เอาละเข้าเรื่องหน่อย  เวียดนามจะแซงหน้ารึเปล่า  มีโอกาสครับ เพราะบ้านเราตอนนี้ เอาแค่เรื่อง Nano Carbon Tube ที่กรัมละหลายตังค์ บ้านเราผลิตไม่ได้ แต่ที่เวียดนามเค้าผลิตและขายได้  ใครไม่รู้ ถามอากู๋เอานะ ไม่อธิบายละ ภูมิใจว่ายางบ้านเราดีงั้นงี้ เพาะพันธ์ จนไปปลูกอิสานบ้าง เหนือบ้าง ดีครับ ในแง่กระจายรายได้ แต่หวานหมูจีนครับ เอาพันธ์ยางเราไปต่อยอด ปลูกที่ 12 ปันนา อีกหน่อยก็ไม่มีการซื้อยางกะไทยแล้ว จีนปลูกได้ เวียดนามจะไม่ปลูกหรอไงครับ   ข้าวไทย ผลิตได้มาก ขายได้มาก แต่ คนทำนายังจนเหมือนเดิม เพราะอะไร?  ข้าวเวียดนามก็มี ไม่ใช่ไม่มี การจะหารายได้เข้าประเทศ ต้องศึกษาคู่แข่งครับ ไม่ใช่ มาดูถูกกัน อวยกัน แขวะนั้นนี่กัน ช่วยกันดู ช่วยกันศึกษา แค่กระทู้นี้ ปัญญาชนระดับชาวบ้านธรรมดา ยังทะเลาะกันเองเลย ถ้าพวกที่มีส่วนเกี่ยวข้อง Ego จัดๆ ไม่ตีกันตายเหรอไง ขอสักกระทู้นะ ที่ เออ เวียดนามเค้าจะสู้เรา สู้ยังไงแบบไหน ระดมความคิดแบบ Brain storm หน่อย ว่าเราควรแก้ไขยังไง ไม่ใช่ ซ้ายทีขวาทีแบบ Debate เอามันส์เข้าว่า  หาว่า กล่าวว่า ค่อนแคะ แต่ไม่มีความรู้อะไรมาประดับเลย   ปล . แค่นี้ยังไม่สามัคคีกันเลย เอาอะไรไปสู้เค้าได้ จากคุณ : CitizenShip เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 00:56:34

ความคิดเห็นที่ 101 #98 ไม่แย้งในประเด็นล่ะครับ คุณนั่นแหละชอบจุดประเด็นการเมืองขึ้นมาก่อนแท้ๆ คุยด้วยเหตุผลหน่อยไม่ได้หรือ เห็นเอาแ่ต่ความรู้สึกให้คะแนนลอยๆ ผมแย้งตรงๆไม่เห็นตอบกันบ้างล่ะ ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่ต้องพาดพิงครับ สิ่งที่ผมตอบ#89 ไปเป็นสิ่งที่ผมประสบโดยตรงจากการทำงาน ยิ่งเรื่องหน่วยงานพูดความจริงไม่หมดเรื่องวงการอุตสาหกรรมส่งออกไทย ผมกล้ายืนยัน หรือคุณจะบอกว่าไม่มีการลดคนงานของโรงงานใหญ่ๆเลยสักนิด ไม่มีการตกงาน หรือมีการจ้างงานกลับ 100% เท่าปีก่อนแล้ว? หรือเรื่องปิดสนามบินที่ฟ้อง....ไม่ได้แม้จะเสียหายนับสิบล้านบาทจากการส่งสินค้าในช่วงนั้นไม่ได้ก็ตาม วงรอบธุรกิจส่งออกมันวนตกต่ำทุกๆ 5-10ปีก็จริง แต่รอบนี้น่ะหนักกว่ารอบอื่น เพราะผสมกับการเมืองโดยตรง จนต้องห่วงว่าเขาจะย้ายหนีจริงๆน่ะซี คุณอาจจะประสบความสำเร็จในชีิวิตไม่ลำบากแล้วเลยไม่ค่อยห่วง แต่ผมห่วงเพื่อนพี่น้องวิศวกรและแรงงานไทยที่เขาจะไร้อนาคตเท่านั้นแหละ จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 00:58:00

ความคิดเห็นที่ 102 เขามาเสพย์ดราม่าในห้องหว้ากอ เหอๆ จากคุณ : pop_mmt เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 01:10:41

ความคิดเห็นที่ 103 คห 96 ตลกร้ายที่คนออกมาพูดสนับสนุนเรื่อง(CE)นี้หลายคน เป็นคนที่ทุ่มกัีบตลาดทุนนิยมเสรีมากที่สุด มีหุ้นติดอันดับมากที่สุด จนน่าสงสัยว่า รวยจากทุนนิยมมากจนเห็นความเลวร้าย หรือว่าเพราะจะกีดกันคนอื่นๆไม่ให้เข้ามาแย่งปลาในทะเลของตัวเองกันแน่? คำพูดกับการปฏิบัติ มันไม่จำเป็นต้องตรงกัน เขาคงไม่มีทางพูดเป็นอย่างอื่นได้ ตราบใดที่เขายังพัฒนาไม่หยุด  จะพูดอย่างไรก็ไม่สำคัญหรอก ส่วนคนฟัง ถ้ามีศักยภาพพอที่จะไปแย่งหรือแข่งทำธุรกิจกับพวกนั้น ก้คงมีวิจารณญานที่จะเลือกทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและส่วนรวมได้แน่นอน จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 01:23:40

ความคิดเห็นที่ 104   ฟัง 4จุด แล้ว งงเง็ง ไม่รู้ว่าต้องการอะไร มองอะไรเป็นเรื่องไม่ดีไปหมด ตกอยู่ในโลกของความเลวร้าย(ส่วนตัว) ด่าไปด่ามา ตกลงต้องการอะไรรึคับ งงจริงๆ หัวข้อเรื่องมันบอกความเห็นของคนขายที่ดินคนนึงว่า อุตฯไทยจะแพ้เวียดนาม ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคตที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ บรรดาผู้ประกอบการอุตฯยักษ์ใหญ่ของไทยส่วนใหญ่ กลับเห็นว่าเรากำลังดีขึ้น ถ้าเอา GDP ของนิคมอมตะฯ มาเทียบกับขาใหญ่ทั้งหลายที่ไม่เห็นด้วย จะเป็นแค่เศษเสี้ยวของเค้า แถมนักธุรกิจ สภาหอการค้า สภาอุตฯก็เป็นที่รวมของนักอุตฯทุกสาขาอาชีพ เมื่อเค้าสรุปข้อมูลออกมาแบบนี้แล้วถามหน่อยว่า คนทั่วไปจะเชื่อใคร รึว่าอยากให้เชื่อคุณ????? จากคุณ : x เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 03:20:51 A:210.246.64.154 X: TicketID:052378

ความคิดเห็นที่ 105 ผมอ่านดู ก็เยอะนะครับ ที่บอกว่า ไทยเป็น Creative Industrial ว่าแต่อะไรที่บอกว่าเราเป็น Creative Industrial หรอครับ ผมว่าเราเองก็ไม่ได้ต่างกับเวียดนามนักหรอกครับ เราใช้เวลาหลายปีพัฒนาตนเอง แต่ไม่มีผลงานของการพัฒนาตนเองเลย จะโดนแซงก็ตรงนี้แหละครับ จากคุณ : tihnov เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 03:40:53

ความคิดเห็นที่ 106   แล้วก็ที่ว่า "ตัดเข้าสู่ช่วงคำถาม เด็กเวียดนามยกมือถามกันเยอะมาก แต่ละคำถามเป็นคำถามที่เด็ดๆ ทั้งนั้น 2 ชั่วโมง ไม่จบ ตอบแต่ละคำถาม มีการปรบมือให้กำลังใจ" นั่นมันก็แค่เด็กในเมืองใหญ่ไม่กี่คนที่คัดมานั่งฟัง ไม่ใช่เด็กเวียตนามทั้งประเทศ 15 ล้านคนซะเมื่อไหร่ ผมว่าลองเปรียบเทียบด้านการศึกษาระหว่างไทยกัยเวียตนามดูดีกว่าครับ เพราะระบบการศึกษาถือว่าเป็นหัวใจของการพัฒนา เท่าที่ผ่านไปเห็นมาพอสมควร ผมพอจะฟันธงได้ว่า ต้องใช้เวลาสร้างคนอีกรุ่นหนึ่งครับ หรืออย่างน้อย 30 ปี ระบบการศึกษาของเวียตนาม - อินโดนีเซีย - กัมพูชา - พม่า จึงจะตามเราทัน ไม่ได้มาอวยใคร แต่ของเราตอนนี้ ตามกฎหมายการศึกษาภาคบังคับของเรา ทำให้เด็กไทยอายุตั้งแต่ 7 ขวบ ไปจนถึง 17  - 22 ขวบ 99.99 % ใด้รับการศึกษากันทั่วถึงหมดแล้วครับ ในขณะที่ประเทศที่ผมกล่าวๆถึงมาข้างบน เด็ก-เยาวชน เกินกว่า 30% ยังวิ่งเล่นกันอยู่ข้างถนนและไม่ได้ไปโรงเรียน ยิ่งตามบ้านนอกคอกนา ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่ได้อวยประเทศตัวเอง แต่เห็นมาอย่างนั้นจริงๆ จากคุณ : ไม่เป็นแล้ว (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 06:32:29

ความคิดเห็นที่ 107   ถ้าจะเอาเด็กระดับหัวกระทิมาวัดกัน ผมว่าตัว Top ของไทย ไปได้เหรียญโอลิมปิควิชาการมามีจำนวนมากกว่าเด็กเวียตที่มานั่งตั้งคำถามสะเหร่อๆเป็นร้อยเป็นพันคนแล้วมั้ง... นี่ก็ไม่ได้อวยประเทศตัวเองเหมือนกัน กรุณาอย่าลากเข้าการเมือง จากคุณ : ไม่เป็นแล้ว (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 06:38:58

ความคิดเห็นที่ 108 ผมไม่มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจนะครับ แต่ประเด็นเรื่องการศีกษาใน คห. 106 ผมอยากจะบอกว่าการศีกษาของเราถ้าวัดกันที่ปริมาณ หรือจำนวนของเด็กที่ได้เรียนหนังสือมันเพิ่มขึ้นก็จริง แต่ถ้าวัดกันที่คุณภาพ ผมว่าไม่แน่ครับ เท่าที่สัมผัสมาก็คือนักศึกษาสมัยใหม่เดี๋ยวนี้มีคุณภาพลดลง(อย่างน้อยที่สุดก็ในสายงานของผม) ภาพรวมของเด็กรุ่นใหม่เดี๋่ยวนี้มีลักษณะเด่นคือ หนักไม่เอาเบาไม่สู้ และเปราะบางซะเหลือเกิน ตินิดติหน่อยก็ทำท่าจะเป็นจะตายซะให้ได้ หรือไม่ก็บางส่วนก็ออกไปทางแข็งกร่าว เตือนแล้วไม่ฟังแบบไม่มีเหตุผล (อย่าเอาตัวอย่างแค่หัวกระทิไม่กี่คน ซึ่งพวกนั้นเป็นกลุ่มพิเศษ มาแทนภาพรวมครับ) (แต่อย่างน้อยก็มีจุดเด่นคือเก่งเรื่องเทคโนโลยีขึ้นมาก แม้ว่าจะไม่ค่อยเอามาใช้ในทางการศึกษาก็เหอะ) แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 53 06:44:34 จากคุณ : Chanin.U เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 06:42:39

ความคิดเห็นที่ 109   ก็ถึงบอกงัยครับ กว่าพวกเวียตจะเริ่มพัฒนาระบบการศึกษาให้ครอบคลุมทั่วถึงแบบเราในชั้นแรก แล้วกว่าจะพัฒนาความครอบคลุมทั่วถึงให้กลายเป็นมีประสทธิภาพ 30 ปียังเร็วเกินไปด้วยซ้ำ ผมไม่เถียงว่าของเรามันก็มีคุณภาพบ้างไม่มีคุณภาพบ้าง แต่เด็กทุกคนก็ได้ใช้เวลาไปในที่ๆสมควรใช้เวลาอย่างเหมาะสม คำถามง่ายๆ 10 ปีพอไหม ที่เวียตจะสร้างครูที่มีคุณภาพกระจายไปทั่วประเทศทั่วถึงและเพียงพอกับเด็กเวียต 15 - 17 ล้านคน แล้วต้องใช้อีก 10 ปีพอไหม กว่าที่ครูเหล่านั้นจะสร้างเด็กเวียตรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพเพื่อเข้าสู่การแข่งขันในระดับสากล เอาแค่นี้ก็ปาเข้าไปยี่สิบปีแล้วครับ นี่ผมให้อย่างเร็วสุดแล้วนะครับ เพราะถ้าว่ากันตามความเป็นจริง อย่างน้อยกว่าจะได้เด็กเวียตขึ้นมาเป็นครูที่มีคุณภาพ ก็ต้อง 15 ปีเป็นอย่างน้อย แล้วยังต้องอีก 15 ปีกว่าที่เด็กเวียตจะผ่านมือครูที่มีคุณภาพออกมาเป็นประชากรที่มีคุณภาพแบบคุณแบบผม แล้วช่วงเวลา 30 ปีที่เด็กเวียตบ่มเพาะตัวเองเนี่ย เราต้องการแค่ไม่เกิน 7 - 15 ปีเท่านั้นที่จะทิ้งเด็กเวียตไปแข่งกับพวกยุโรปตะวันตกครับ (แปลว่าทิ้งห่างไปอีก 15 - 20 ปีครับ) จากคุณ : ไม่เป็นแล้ว (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 07:01:19

ความคิดเห็นที่ 110 ผมก็ได้ยินมาแล้วไม่ตำกว่า 20 ปีว่าเีวียดนามจะแซงไทย สำหรับพวกที่ออกมายกย่องเวียดนาม วีระ ธีรพัฒน์ เคยให้ ความเห็นไว้ว่า คนที่พูดเขามีผลประโยชน์อะไรในเวียดนาม หรือไม่ เป็นคนรับเหมาสร้างโรงงาน เป็นคนขายอุปกรณ์ให้ คนที่ไปทำธุรกิจที่นั่นหรือเปล่า แล้วมีข้อมูลตัวเลขแท้จริงในการวิเคราะห์ว่าเขาดีกว่าเราจริง หรือเปล่า? อย่าลืมว่าเวียดนามมันเป็นประเทศเผด็จการคอม มิวนิสต์ อยากทำอะไรก็ทำได้ แต่ปัญหาจะมีเพียบ ขณะที่ มาเลเซียแซงไทยได้ เพราะเขามีแหล่งน้ำมัน ประเทศที่มี กฏหมายเหยียดชนชั้น ไม่มีทางแซงไทยได้แน่ๆ ถ้าไม่มีโชค ช่วยเจอแหล่งน้ำมัน มีหลายคนว่าฐานของไทยไม่ดี ไม่เถึยงเรื่องนี้ แล้วพวกคุณ รู้ว่าของเวียดนามเป็นยังไงหรือไำม่!! บางคนไม่เคยแม้แต่จะ ไปเหยียบเวียดนาม ดันรู้ว่าเป็นยังไงเสียอีก แทนที่จะเอาข้อ มูลมาชนกัน ดัีนไปยกจินตนาการมาเถียง เอากันเข้าไป จากคุณ : .eAT เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 07:21:27