ความคิดเห็นที่ 1   เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง วิดีโอข้างล่างนี้ คงจะไขปัญหาเกี่ยวกับน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือ ซึ่งได้รับการตรวจวัดจากดาวเทียม และการสำรวจภาคสนามจากหน่วยงานและผู้เชี่ยวชาญที่รับผิดชอบโดยตรงครับ ทั้งของ NASA และ the National Snow and Ice Data Center จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 23:59:53

ความคิดเห็นที่ 2   แทคติกของฝ่าย skeptics ที่เจอบ่อยอีกอย่าง คือ การพยายามเน้นการเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาสั้น ๆ (short-term variation) แทนที่จะมองแนวโน้มระยะยาว (trends) อย่างที่ควรจะเป็น เช่น ปริมาณน้ำแข็งขั้วโลกที่ skeptics บอกว่า ไม่น่าเป็นห่วง หรือ คงไม่หมดไปง่ายๆ แต่ถ้าดูเทรนด์ยาวๆแล้วจะเป็นแบบนี้ จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 00:03:19

ความคิดเห็นที่ 3   ฤดูหนาวปีนี้หนาวมาก แต่ข้อมูลจากการตรวจวัด พบว่าปริมาณน้ำแข็งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปี 1979-2000 เกินกว่า 2 ช่วง S.D. และอยู่ใกล้เคียงกับปริมาณน้ำแข็งในปี 2007 ซึ่งมีค่าต่ำที่สุด สรุปคือ สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 00:04:57

ความคิดเห็นที่ 4   การพิจารณาข้อมูลน้ำแข็งขั้วโลก ต้องพิจารณาทั้งมวล ปริมาตร และอายุของน้ำแข็งด้วย ภาพนี้แสดงข้อมูลของอายุน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ ที่ลดลงเรื่อยๆ น้ำแข็งส่วนใหญ่มีอายุแค่ปีเดียว http://news.cnet.com/8301-11128_3-10213891-54.html จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 00:06:19

ความคิดเห็นที่ 5   สิ่งหนึ่งน่าจะเห็นได้จากวิดีโอ คือ การลงทุนลงแรง ลงไปเหนื่อยจริง วัดจริง หนาวจริง เดินทางเป็นร้อยๆไมล์ หรือ การเก็บข้อมูลจากเรือดำน้ำเป็นสิบๆ ปี เปรียบเทียบกับ อีกฝ่ายหนึ่งที่นั่งเขียน blog หรือหยิบข้อมูลมาวิเคราะห์แบบตรงบ้างไม่ตรงบ้าง สำหรับเราผู้รับสาร วิธีที่ดีที่สุดคือ การไปหาแหล่งข้อมูลโดยตรงครับ ไปที่  http://nsidc.org/arcticseaicenews/ ซึ่งอัพเดทข้อมูลน้ำแข็งขั้วโลกทุกวันๆ จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 00:10:03

ความคิดเห็นที่ 6   แค่เสียงสะท้อนของอีกฝั่งหนึ่งครับ ขอบคุณที่รับชม ปล. ถ้าแปลตรงไหนไม่ครบ หรือ แปลผิด ต้องขออภัยด้วยนะครับ เดี๋ยวนี้หูเริ่มไม่ค่อยกระดิกภาษา แล้ว จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 00:12:18

ความคิดเห็นที่ 7 ปาดแรงๆๆ...ครับผม (ทันเปล่าเนี้ย) จากคุณ : pp (panukhongo) เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 00:25:13

ความคิดเห็นที่ 8 มันก็อาจจะจิงที่น้ำแข็งมันมีแนวโน้มจะลด แต่น้ำแข็งเพิ่มน้ำแข็งลดนี่มันเกี่ยวกับที่เราทำๆกันอยู่จิงๆป่าวคับเนี่ย... จากคุณ : Catwater (Catwater) เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 00:29:29

ความคิดเห็นที่ 9   ผมเชื่อโลกร้อนความถี่มากขึ้น เรามีส่วนแน่ จากคุณ : ลูกอมขาว เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 01:25:02

ความคิดเห็นที่ 10   (นอกเรื่องนิดส์นุง ...) ผมไม่ต่อต้านการดูแลโลกให้อยู่ในสภาพที่ดี แต่ผมต่อต้านการที่ประเทศร่ำรวยนำคำว่า "โลกร้อน" มาหากินและเอาเปรียบกับประเทศที่ด้อยกว่า จากคุณ : เศียรนาคา ... เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 06:53:13 A:113.53.182.14 X: TicketID:189353

ความคิดเห็นที่ 11   สาเหตุที่ปีนี้ยุโรป อเมริกา หนาวมาก แต่ทำไมน้ำแข็งขั้วโลกไม่ค่อยเพิ่มขึ้น ทาง NSIDC อธิบายไว้ว่า เนื่องจากอุณหภูมิของขั้วโลกปีนี้อุ่นกว่าปกติหลายองศา ทำให้ปริมาณน้ำแข็งยังอยู่ในระดับต่ำ ที่เห็นสีแดงๆ ในรูปคือ ค่า anomaly ของอุณหภูมิอากาศ จะเห็นว่าตรงขั้วโลกเหนือ แดงมากทีเดียว ที่ปีนี้มีลักษณะอุณหภูมิเป็นแบบนี้นั้นมีสาเหตุมาจาก arctic oscillation (การสลับกันของความกดอากาศที่ขั้วโลกกับที่ละติจูดกลางๆ) อยู่ในเฟสที่ติดลบมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลทำให้ขั้วโลกอุ่นมากกว่าปกติ แต่ในยุโรปหนาวมากและหิมะตกหนัก แต่อยากจะย้ำอีกทีว่า นี่คือ (short term variation) แต่หากจะพิจารณาผลของโลกร้อน ก็คงต้องดูแนวโน้มยาวๆ (long term trend) ครับ จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 07:41:17

ความคิดเห็นที่ 12 อยากให้กีฟ จขกท. แต่ให้ไม่ได้ จากคุณ : vandalism เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 08:25:21

ความคิดเห็นที่ 13   ไม่กล่าว ถึง ขั้วโลกใต้ สักหน่อยเหรอครับ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 08:35:15

ความคิดเห็นที่ 14   (นอกเรื่องนิดส์นุง ...) ผมไม่ต่อต้านการดูแลโลกให้อยู่ในสภาพที่ดี แต่ผมต่อต้านการที่ประเทศร่ำรวยนำคำว่า "โลกร้อน" มาหากินและเอาเปรียบกับประเทศที่ด้อยกว่า ู^ ^ ^ นักธุรกิจที่เอาเปรียบในการสร้างกำแพง จะโลกร้อน โลกเย็น โลกเฉยๆ เค้าก็ต้องหยิบมาใช้ได้อยู่ดี เพื่อชิงแต้มต่อความได้เปรียบต่อไป ไม่งั้นเค้าก็ลำบาก จากคุณ : @VVIEWW เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 09:05:49 A:58.64.62.9 X: TicketID:173601

ความคิดเห็นที่ 15 โหวต จากคุณ : Prof.Sirius เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 09:15:03

ความคิดเห็นที่ 16 โหวตด้วย จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 09:39:19

ความคิดเห็นที่ 17 อยากให้ give เศียรนาคา ^^ จากคุณ : KinkyVans เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 09:52:32

ความคิดเห็นที่ 18 มาโหวตจ้า จากคุณ : เคลิ้มสมาคม เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 10:06:34

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่ต้องกิฟ แล้วคร้าบ โหวต เลย!!! จากคุณ : dip kid เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 11:02:55

ความคิดเห็นที่ 20 โหวตไปเลย... ที่จริงถ้าปริมาณโจรสลัดไม่ลดลงขนาดนี้ โลกก็คงไม่ร้อนหรอกครับ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 11:38:33

ความคิดเห็นที่ 21 ใน ค.ห. ที่ 5 ที่เค้าบอกว่า Arctic sea ice สะท้อนแสงแดดกลับไปเพื่อรักษาอุณหภูมิขั้วโลกให้เย็น ผมสงสัยว่าสะท้อนอย่างไรครับ ในความคิดผมคือ แสงเดินทางมาไกลมากแล้ว และอุณหภูมิลดต่ำลงมากเช่นกัน เมื่อมาถึงบริเวณทะเลน้ำแข็งขั้วโลก มันยังสะท้อนกลับไปได้อีกหรอครับ จากคุณ : อยากหล่อครับ เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 12:05:43

ความคิดเห็นที่ 22   เรื่องน้ำแข็งขั้วโลกใต้ มันค่อนข้างซับซ้อนครับ คือ มันแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก 1. Antarctic Land Ice – แผ่นน้ำแข็งในทวีป ซึ่งกำลังลดลง 2. Antarctic Sea Ice – แผ่นน้ำแข็งในทะเล กำลังเพิ่มขึ้น สำหรับ Land Ice ข้อมูลยังมีไม่เยอะ เพราะเพิ่งจะสำรวจเรื่องน้ำแข็งมาได้ไม่กี่ปี โดยใช้ดาวเทียมที่ชื่อว่า the Gravity Recovery and Climate Experiment (GRACE) satellites สิ่งที่พบคือ น้ำแข็งทางฝั่งตะวันตก (West Antarctica) สีแดง กำลังลดลง ในขณะที่ฝั่งตะวันออก มวลของน้ำแข็งจะเท่าๆ เดิม (สีเขียว) Figure 1: Ice mass changes (solid lines with circles) and their best-fitting linear trends (dashed line) for the West Antarcica Ice Sheet (red) and East Antarcica Ice Sheet (green) for April 2002 to August 2005 (Velicogna 2007). จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 12:09:41

ความคิดเห็นที่ 23   ส่วน Sea Ice นั้น เพิ่มขึ้นแน่นอน ที่ขั้วโลกใต้ แม้อุณหภูมิของอากาศจะสูงขึ้น   ข้อมูลมีค่อนข้างยาว  ซึ่งมีหลายปัจจัยมาเกี่ยวข้อง จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 12:10:46

ความคิดเห็นที่ 24   สาเหตุที่ sea ice ที่ขั้วโลกใต้ เพิ่มขึ้นนั้น มีหลายสาเหตุมาก ซีกโลกทางใต้นั้น พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมไปด้วยมหาสมุทรเป็นหลัก ซึ่งมีการดูดซับความร้อนได้ดี โดยมีการกระจายความร้อนลงไปในชั้นน้ำที่ลึกลงไป ทำให้อุณหภูมิที่พื้นผิวไม่เปลี่ยนแปลงมาก ตรงนี้ต่างจากซีกโลกทางเหนือ ที่พื้นที่จำนวนมากเป็นแผ่นดิน ซึ่งสะท้อนความร้อนได้ดีกว่า เร็วกว่า ทำให้อุณหภูมิพื้นผิวแปรผันกับปริมาณพลังงานแสงอาทิตย์ชัดเจนมากกว่า  นอก จากนี้ ที่รอบขั้วโลกใต้ ยังมีกระแสน้ำเย็นวนรอบ ที่เรียกว่า The Antarctic Circumpolar Current (ACC) ที่ป้องกันกระแสน้ำอุ่นไม่ให้ไหลเข้าสู่ทวีปแอนตาร์คติก ทำให้แผ่นน้ำแข็งคงตัวอยู่ได้ http://en.wikipedia.org/wiki/Antarctic_Circumpolar_Current จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 12:12:25

ความคิดเห็นที่ 25   นอกจากนั้นยังมีเรื่องโอโซน และอื่นๆ อีกมาก ซับซ้อนครับ ขอแนะนำคำอธิบายของ NASA Earth Science News Team ครับ ตามลิ๊งค์ http://www.research.gov/rgov/anonymous.portal?_nfpb=true&_windowLabel=news_1_1&news_1_1_actionOverride=%2Fgov%2Fresearch%2Fcore%2Fcms%2Fnews%2Fbegin&news_1_1nodePath=%2FBEA+Repository%2Fnews%2Fitems%2F1252006662654&_pageLabel=page_latest_news จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 12:14:58

ความคิดเห็นที่ 26   ตอบ คคห 21 น้ำแข็งซึ่งมีสีขาว สะท้อนพลังงานแสงอาทิตย์กลับไปได้ครับ ยิ่งน้ำแข็งละลาย พื้นที่การสะท้อนก็น้อยลง ทำให้โลกสะสมพลังงานเพิ่มขึ้น เค้าเรียก Albedo Effect ครับ ตามลิ๊งค์ไปละกันครับ ยิ่งน้ำแข็งน้อย การสะท้อนยิ่งน้อยลง http://svs.gsfc.nasa.gov/vis/a010000/a010000/a010021/index.html แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 12:20:52 จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 12:19:08

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณครับ ป.ล. ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เดี๋ยวหาอ่านเพิ่มครับ อีดิท เพิ่ม ป.ล. แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 12:31:24 จากคุณ : อยากหล่อครับ เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 12:28:32

ความคิดเห็นที่ 28 มีข้อมูลซัก 10000 ปี ย้อนหลังไหมครับ (หมายถึงการเจาะดูชั้นน้ำแข็ง ขี้เกียจหาเอง) 30 ปี นี่มันน้อยไป CO2 มากเดี๋ยวต้นไม้ก็โตไว ก็หายไปเองแหละคับ มันเป็น cycle ของมัน จากคุณ : recombination เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 12:34:06

ความคิดเห็นที่ 29 ผมเห็นว่าฝ่าย Skiptic ห้องนี้เค้าก็ไม่ได้ต่อต้านการ รักษ์โลก นะครับ การประหยัดพลังงาน การอนุรักษ์ธรรมชาติ มันเป็นหน้าที่ และ สิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว เพียงแต่มีความ"เข้าใจผิด" เกิดขึ้นหรือไม่ "ว่าปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้น" นั่นสูงขึ้นมากน้อยเพียงใด เติบโตเร็วเพียงใด เป็นเพราะมนุษย์หรือ เป็นด้วยธรรมชาติ เป็นด้วยวัฏฏ ด้านอุณหภูมิ ที่มีทั้งร้อนขึ้นและเย็นลง หรือเป็นด้วย ปฏิกริยาเคมี ของก๊าซเรือนกระจก เพียงแต่ การที่มาบอกว่าร้อนขึ้นด้วยมือมนุษย์ เพราะก๊าซเรือนกระจก หรืออะไรก็ตามแต่ มันถูกใช้ เป็นข้ออ้าง ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ แถมยังมีแต่เรื่องที่ ยังไม่เข้าใจกันอยู่มากเสียด้วย ผมเห็นด้วยที่มีการนำข้อมูลมาแผ่ เพื่อหักล้างกันไปมาทั้งสองด้าน เพราะนั่นจะทำให้เห็นถึง จุดอ่อนทางด้านข้อมูล ที่ยังไม่มีการตรวจสอบ นั่นเอง ปัญหาหลัก ๆ มันมีอยู่แค่ว่า ทุกๆ วันนี้ที่เป็นกระแสโลกร้อน มันเป็น โลกร้อนแบบ Marketing หรือ อิง ทฤษฏีความจริง ที่นำเสนอมา เป็นการตื่นกลัวเกินกว่าเหตุหรือไม่ ประเทศไทยในฐานะประเทศกำลังพัฒนา และ กำลังจะก้าวเข้าสู่ประเทศพัฒนาแล้ว (ในเรื่องซื้อขายคาร์บอน เครดิต เราถือว่าอยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และเราต้องจ่าย) ควรมีจุดยืนอย่างไร หรือ ควรจะทำตัวอย่างไร มีนโยบายอย่างไร เพื่อไม่ให้ถูกเอาเปรียบ ผมว่า Skiptic ก็สรุป ๆ ใจความมาประมาณนี้นะครับ (หรือผมเข้าใจผิดไปเองหว่า) จากคุณ : MaJinSKi เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 12:37:41

ความคิดเห็นที่ 30 ^ ้ต้นไม้มันไม่เหลือที่จะดูดซับ CO2 นะสิ จากคุณ : Buff_Power เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 12:38:49

ความคิดเห็นที่ 31 คห.24 สลับกันรึเปล่าครับ ซีกใต้ที่จริงส่วนมากเป็นแผ่นดิน ซีกเหนือเป็นมหาสมุทร จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 13:02:38

ความคิดเห็นที่ 32 ^ ^ ^ หมายถึงซีกโลก ไม่ได้หมายถึงขั้วโลก มิใช่หรือ ^^ จากคุณ : nutxnut เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 13:15:21

ความคิดเห็นที่ 33 เห็นด้วยกับ คห 29 ครับผมตามอ่านมาตั้งตีปีก่อนๆ คุณกาลมะชน เค้าก็ชี้แจงแบบนี้ตลอด แต่ยังไงก็ขอบคุณ จขกท ครับสำหรับข้อมูล รออีกฝ่ายมาแย้ง *--* จากคุณ : zeralf เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 13:17:35

ความคิดเห็นที่ 34 ผมไม่ได้คิดไปเองนะครับ แต่ปรากฎการณ์ต่างๆมันเกิดขึ้นใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกทีนะครัย ผมอยู่กทม.มาเกือบสิบปี ผมว่าปีนี้หนาวมากกว่าไปใหนๆเลย ฝนตกก็รุนแรงขึ้น ใครพอจะช่วยอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงอย่างนี้ได้มั้ยว่าเกิดจากอะไร จากคุณ : deletenumlock เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 13:41:41

ความคิดเห็นที่ 35 กลัวโลกร้อนแล้วทำไมยังจุดพลุตูมตามๆ อยู่อีกครับ ไม่อยากพูด เด๋วโดนด่า บลาๆๆๆ ผมเป็นคนเหนือ ผมรู้สึกตอนหน้าหนาว เมื่อก่อนสัก 4-5 ปีที่แล้ว ตื่นไปโรงเรียน ต้องห่มผ้าออกจากห้อง แต่ช่วง 3 ปีหลัง อากาศไม่หนาวเหมือนเมื่อก่อนเลยครับ เดี่ยวนี้เรียนที่ ตจว ร้อนมากก่าเก่าอิก แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 13:56:21 จากคุณ : mad_jackz เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 13:53:29

ความคิดเห็นที่ 36 เบื่อแล้วอะเรื่องโลกร้อน ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ ทั้งๆที่เราเรียนกันตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่ประถมว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก แล้วมนุษย์ก้เป็นผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตัวยง แล้วยังไม่ยอมรับกันอีกว่ามนุษย์ทำให้โลกร้อน ถ้าแค่นี้ยังไม่เชื่อ แสดงว่าระบบการศึกษาทั้งโลกคงมีปัญหากันตั้งแต่ระดับประถมแล้ว มีข้อมูลแบบนี้มาให้ดูบ้างก็ดีเหมือนกัน พวกปฏิเสธจะได้เลิกเอาหัวชนฝาบ้าง จากคุณ : WiseChocolate เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 13:56:11

ความคิดเห็นที่ 37   เรื่อง มนุษย์ทำให้โลกร้อน หรือไม่ หรือ การเอาเปรียบของประเทศใหญ่??? ผมคงไม่พูดในกระทู้นี้ เดี๋ยวประเด็นหลักจะเสียมากเกินไป นี่เป็นบอร์ดวิทยาศาสตร์ อยากให้ว่าเรื่องวิทยาศาสตร์มากกว่าครับ อยากจะฝากทุกท่าน  (โดยเฉพาะที่เรียนหรือทำงานทางวิทยาศาสตร์ วิศวะ) กลับไปคิดดูว่า "สมมุติมีทุนวิจัยให้ท่าน ท่านจะหาสาเหตุที่อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นในช่วงหลายทศวรรษหลัง ได้อย่างไร " หวังว่า คงไม่มีใครคิดว่า เอากราฟมาเทียบกัน แบบข้างล่างนี้นะครับ ราคาแสตมป์ทำให้โลกร้อน แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 14:08:34 จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 14:02:01

ความคิดเห็นที่ 38 เห็นด้วยกับคุณเศียรนาคาครับ จากคุณ : ฤ เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 14:04:12

ความคิดเห็นที่ 39   ยี่สิบสามสิบปีที่แล้ว กทม หนาวกว่านี้อีก จากคุณ : Bangkok_zone เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 14:08:01

ความคิดเห็นที่ 40 โลกจะร้อน ไม่ร้อน ร้อนด้วยคน หรือร้อนเอง แต่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าต้องรัาษาสิ่งแวดล้อมได้แล้ว เถียงกันด้วยเหตุผลแบบนี้แหละ ไม่ต้องเถียงกันด้วยอารมณ์ เรื่องมันซับซ้อนมาก ส่วนตัวเห็นว่าโลกมันร้อนตามธรรมชาติของมัน มนุษย์มีผลแต่น้อยกว่า สรุปว่าโหวตครับ จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 14:09:31

ความคิดเห็นที่ 41 น้ำแข็วขั้วโลกเหนือ ลดลง เป็น fact น้ำแข็งขั้วโลกใต้ มากขึ้น เป็น fact ที่ผ่านมาฝ่ายโลกร้อนชอบเสนอข้อมูลด้านเดียวว่า น้ำแข็งขั้วโลกเหนือมีแนวโน้มที่ลดลง แต่ยากที่จะพูดออกมาว่าน้ำแข็งขั้วโลกใต้กำลังสวนกระแส คือมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี ตอนนี้ดูมีความหวัง ดูเหมือนประชาชนเริ่มจะทราบเรื่องที่น้ำแข็งขั้วโลกใต้กำลังเพิ่มขึ้น เช่นที่คุณ think4223 คหท 13 ถามถึง (อยากให้กิ๊ฟจังเลย) และดีมากที่คุณ จขกท ตอบรับอธิบายว่า ส่วน Sea Ice นั้นเพิ่มขึ้นแน่นอนที่ขั้วโลกใต้ แม้อุณหภูมิของอากาศจะสูงขึ้น ข้อมูลมีค่อนข้างยาว ซึ่งมีหลายปัจจัยมาเกี่ยวข้อง คำตอบนี้ดีมากครับ เป็นคำตอบที่ถูกต้อง กระทู้นี้ผมก็เลยไม่ต้องออกแรงอะไร เพราะสำหรับขั้วโลกเหนือก็เป็นคำตอบเดียวกัน ก็คงจะสรุปเลยครับว่ามีอะไรบางอย่าง ซึ่งอาจจะเป็นวัฎจักรทางธรรมชาติ กำลังย้ายความเย็นจากขั้วโลกเหนือไปขั้วโลกใต้ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถอธิบายเหตุผลได้อย่างสมบูรณ์ แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 20:44:24 จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 14:19:50

ความคิดเห็นที่ 42 แกนโลกเอียงหรือปล่าว น้ำแข็งขั้วโลกเลยเปลี่ยน จากคุณ : in_my_metal เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 14:32:02

ความคิดเห็นที่ 43 อนึ่งควรทราบว่าปี 2009 ที่เพิ่งจะผ่านไปนี้ เขตขั้วโลกเหนือ (วงกลมละติจูด 80 องศาเหนือ) มีอุณหภูมิต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 50 ปี (1958-2002) เล็กน้อย ถ้าคิดเอาว่าปริมาณการละลายของน้ำแข็งในเขต arctic ขึ้นกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นเพราะสภาวะโลกร้อน ถ้าปีไหนอุณหภูมิช่วงหน้าร้อนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย น้ำแข็งในปีนั้นก็น่าจะเหลือมากกว่าค่าเฉลี่ย แต่น้ำแข็งในปี 2009 แม้ว่าจะมากกว่าสองปีก่อนก็ตาม แต่ก็ยังนับว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอยู่พอสมควร นั่นเป็นข้อยืนยันว่าน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ น่าจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของปัจจัยบางอย่าง ที่ทรงพลังยิ่งกว่าการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในเขตขั้วโลก ขอให้สังเกตดูอุณหภูมิช่วงหน้าร้อน ช่วงที่อุณหภูมิสูงกว่าจุดเยือกแข็ง 273 K (เส้นสีฟ้า) จะเห็นว่าช่วงหน้าร้อนของปี 2009 อุณหภูมิไม่สูงกว่าค่าเฉลี่ย และช่วงเวลาที่อุณหภูมิสูงกว่าจุดเยือกแข็งก็ค่อนข้างสั้น แต่กลับเป็นอีกปีหนึ่งที่น้ำแข็งเหลือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอย่างเห็นได้ชัด ... น่าสงสัยบ้างไหม? แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 20:53:16 แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 14:40:04 จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 14:32:35

ความคิดเห็นที่ 44   เอาอีกๆ เริ่ม เข้มข้นแล้ว จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 14:44:18

ความคิดเห็นที่ 45 อุณหภูมิของอากาศขั้วโลกแม้ในหน้าร้อนก็อุ่นกว่าศูนย์เพียงเล็กน้อย อย่างมากก็แค่ 1-2 C น้ำแข็งขั้วโลกหนือจึงละลายจากความร้อนที่ได้รับจากอากาศเป็นส่วนน้อย น้ำแข็งส่วนใหญ่จะละลายจากทางด้านล่าง จากกระแสน้ำอุ่นที่ไหลเข้าไปสู่เขตขั้วโลก อุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรก็น่าจะมีผลต่อการละลายของน้ำแข็งไม่มากก็น้อย ขั้วโลกเหนือนั้นติดต่ออยู่กับมหาสมุทรแอตแลนติด มหาสมุทรแอตแลนติกนี้มีวัฎจักรทางสมุทรศาสตร์ขนาดใหญ่ เรียกว่า Atlantic Multidecadal Oscillation (AMO) ซึ่งมีสอง phase คือ 1. แอตแลนติกหนืออุ่นกว่าปกติ ส่วนแอตแลนติกใต้เย็นกว่าปกติ เรียกว่า positive phase (ที่เรียกว่า positive เพราะทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยโดยรวมจะสูงกว่าปกติ) 2. แต่ถ้าแอตแลนติกเหนือเย็นกว่าปกติ และแอตแลนติกใต้อุ่นกว่าปกติ เรียกว่า negative phase (ที่เรียกว่า negative เพราะทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยโดยรวมจะต่ำกว่าปกติ) ข้อมูล AMO ย้อนหลัง จะเห็นว่าช่วง 1978-2008 แนวโน้มของ AMO กำลังเป็นขาขึ้น ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่น้ำแข็งขั้วโลกเหนือ จะลดลงเพราะมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือกำลังอุ่นขึ้น แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 16:12:03 จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 15:00:54

ความคิดเห็นที่ 46 ตอนนี้ท่านได้ทราบแล้วว่าช่วงสามสิบปีที่ผ่านมา AMO กำลังเป็น + คือแอตแลนติกเหนือกำลังเข้าสู่ช่วงที่อุ่นกว่าปกติ กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมที่ไหลเข้าขั้วโลกเหนือ ก็น่าจะอุ่นกว่าปกติด้วย กระแสน้ำที่อุ่นกว่าปกติมากขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกเหนือมี trend ที่ลดลงตลอดสามสิบปีได้หรือไม่ ลองดูกราฟ AMO ข้างบนช่วง 1978-ปัจจุบัน เทียบกับการลดลงของน้ำแข็งขั้วโลกเหนือในกราฟข้างล่างซิครับ trend พอจะไปด้วยกันได้ไหม? แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 15:13:08 จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 15:07:00

ความคิดเห็นที่ 47 #14.. นักธุรกิจที่เอาเปรียบในการสร้างกำแพง จะโลกร้อน โลกเย็น โลกเฉยๆ เค้าก็ต้องหยิบมาใช้ได้อยู่ดี เพื่อชิงแต้มต่อความได้เปรียบต่อไป ไม่งั้นเค้าก็ลำบาก ู ^ ^ ก็เป็นแบบนี้ไงถึงต่อต้าน จากคุณ : ตอบแทน คห 10 (Choco-Mix) เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 15:30:48

ความคิดเห็นที่ 48 อาจจะเข้าใจยากสักนิด เพราะผมรีบเขียนเพราะจะเดินทาง ไม่ได้เรียบเรียงจัดลำดับเนื้อความให้อ่านง่าย เอาไว้ถ้าว่างจะย้อนกลับมาแก้ไขเนื้อความ นักวิทยาศาสตร์ มีข้อมูลของมหาสมุทรแอตแลนติกย้อนหลังยาวนาน ทำให้ได้รู้ได้เห็นวัฎจักร AMO ที่เกิดขึ้นมาแล้วสองรอบเต็มๆ แต่มนุย์มีข้อมูลของขั้วโลกเหนือสั้นมาก คือเพิ่งจะมีการเก็บข้อมูลของขั้วโลกได้ เมื่อมีดาวเทียมที่โคจรในแนวผ่านขั้วโลก เราก็เลยได้เห็นข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของน้ำแข็งแค่ประมาณ 30 ปีเท่านั้น ปริมาณน้ำแข็งที่ขั้วโลกจะเปลี่ยนแปลงตามวัฎจักร AMO ด้วยหรือไม่นั้น คือข้อสงสัยที่ยังไม่มีใครพิสูจน์ แต่ตามหลักการก็น่าจะเป็นไปได้ เพราะมหาสมุทรทั้งสองอยู่ต่อติดกัน และมีกระแสน้ำอุ่นขนาดใหญ่ที่ไหลจากแอตแลนติกเหนือเข้าไปสู่เขตอาร์กติก การที่อุณหภูมิของมหาสมุทรแอตแลนติกเปลี่ยนแปลงขึ้นลง แม้จะเล็กน้อยแค่ทศนิยม แต่น้ำก็เป็นสารที่สะสมความร้อนได้สูงมาก อุณหภูมิของกระแสน้ำอุ่นที่เปลี่ยนแปลง จะไม่ส่งผลกระทบถึงน้ำแข็งขั้วโลกบ้างหรือ จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 15:43:56

ความคิดเห็นที่ 49 ขอนั่งชมด้วยคนครับ จากคุณ : Marine Red เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 15:49:15

ความคิดเห็นที่ 50 เข้ามาเก็บข้อมูลไปชี้เเจงให้คนที่บ้านฟังครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ ป.ล.เบื่อเวลาดูข่าว เเล้วคนในบ้านบอกว่าเห็นมั้ยๆ โลกมันวิปริตเเล้ว จากคุณ : อยากรู้เจิ๊น เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 15:50:21

ความคิดเห็นที่ 51   ขอ ถาม ว่า นักวิทยาศาสตร์ มีข้อมูลของมหาสมุทรแอตแลนติกย้อนหลังยาวนาน ทำให้ได้รู้ได้เห็นวัฎจักร AMO ที่เกิดขึ้นมาแล้วสองรอบเต็มๆ สามารถ ทำนายรอบต่อไปได้หรือไม่  และคาดการว่าจะเกิดอะไร หาก เกิด รอบ นั้น อีกครั้ง ครับ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 16:06:22

ความคิดเห็นที่ 52   อ่ะ แถม ข้อมูล บางคน จากเวปนี้ http:ager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000004884 จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 16:11:01

ความคิดเห็นที่ 53 มารับข้อมูลครับ จากคุณ : ZZsassyZ เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 17:19:51

ความคิดเห็นที่ 54 คห 24 "นอก จากนี้ ที่รอบขั้วโลกใต้ ยังมีกระแสน้ำเย็นวนรอบ ที่เรียกว่า The Antarctic Circumpolar Current (ACC) ที่ป้องกันกระแสน้ำอุ่นไม่ให้ไหลเข้าสู่ทวีปแอนตาร์คติก ทำให้แผ่นน้ำแข็งคงตัวอยู่ได้ " กระแสน้ำเย็นวนรอบ ? น้ำ  จะเย็นได้อย่างไร   ก็ต้องมาจากความเย็นของแอนตาร์คติคนั่นเอง  ที่ทำให้น้ำรอบๆเย็น น่าจะสรุปว่า น้ำรอบๆ แอนตาร์คติค เย็นกว่าเดิม  จึงทำให้บริเวณนั้นมีน้ำแข็งเพิ่มขึ้น จะเย็นกว่าเดิมได้อย่างไร ก็ต้องมาจากการที่อุณภูมิของอากาศเย็นกว่าเดิม เอ แล้วทำไมไม่เอาความเย็นที่มากขึ้น ไปเฉลี่ยกับอุณหภูมิของโลกล่ะ จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 19:40:30

ความคิดเห็นที่ 55 ตอบคุณ think4223 เท่าที่ตามข่าว AMO มีแนวโน้มจะ pause เป็นพักๆ คือ ลดลงเป็นกลาง หรือติดลบน้อยๆ คล้ายช่วง 1930-1960 แต่โดยรวมน่าจะยังเป็น positive ต่อไปอีกราวสิบปี มีเรื่องที่น่าสนใจ คือช่วงที่มหาสมุทรแอตแลนติกเป็น AMO+ ระหว่าง 1930-1965 นั้นแม้จะยังไม่มีดาวเทียมสำรวจเก็บข้อมูล แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงสลครามเย็น และปฎิบัติการทางทหารในยุคนั้นมีเรื่องที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ในปี 1959 กองทัพเรือสหรัฐอยากรู้ว่าจะสามารถซ่อนเรือดำน้ำติดขีปนาวุธนิวเคลียร์ไว้ที่ขั้วโลกเหนือได้หรือไม่ ปัญหาที่ต้องการทราบคือ เรือดำน้ำจะสามารถลอยลำทะลุชั้นน้ำแข็งขั้วโลกเพื่อจะยิงขีปนาวุธได้หรือไม่ การทดลองนำเรือดำน้ำนิวเคลียร์ไปลอยลำที่ขั้วโลกเหนือ ในฤดูร้อนของปี 1959 ซึ่งอยู่ในช่วง AMO+ เป็นอย่างไร “the Skate found open water both in the summer and following winter. We surfaced near the North Pole in the winter through thin ice less than 2 feet thick. The ice moves from Alaska to Iceland and the wind and tides causes open water as the ice breaks up. The Ice at the polar ice cap is an average of 6-8 feet thick, but with the wind and tides the ice will crack and open into large polynyas (areas of open water), these areas will refreeze over with thin ice. We had sonar equipment that would find these open or thin areas to come up through, thus limiting any damage to the submarine. The ice would also close in and cover these areas crushing together making large ice ridges both above and below the water. We came up through a very large opening in 1958 that was 1/2 mile long and 200 yards wide. The wind came up and closed the opening within 2 hours. On both trips we were able to find open water. We were not able to surface through ice thicker than 3 feet.” http://wattsupwiththat.com/2009/04/26/ice-at-the-north-pole-in-1958-not-so-thick/ จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 21:30:30

ความคิดเห็นที่ 56 ที่เล่าเรื่องของ AMO นั้น ไม่ได้หมายความว่า น้ำแข็งขั้วโลกเหนือ จะผูกพันกับ AMO อย่างเดียว AMO แค่เป็น factor หนึ่งเท่านั้น ปัจจัยอย่างอื่นก็มี เช่นปรากฏการณ์ AO negative ก็มีส่วนอย่างมาก ในการผลักให้น้ำแข็งไหลออกนอกเขตขั้วโลกตามกระแสน้ำ East Greenland ไปละลายที่ทะเลที่อุ่นกว่าทางตอนใต้ แต่อย่างไรก็ตาม ในความเห็นของฝ่ายค้าน ทั้ง AMO และ AO ดูเหมือนจะเป็นสองปัจจัยใหญ่ที่มีผลต่อการเพิ่มหรือลดลงของน้ำแข็งขั้วโลกเหนือมากที่สุด มากกว่าอิทธิพลของสภาวะโลกร้อน จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 21:45:39

ความคิดเห็นที่ 57 มุมแดงฮุกซ้าย มุมน้ำเงินสวน 1-2 ลุ้น ๆ ๆ ๆ จากคุณ : apiluckt เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 23:09:33

ความคิดเห็นที่ 58 ติดตามอย่างกระชั้นชิดครับ ผมเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนๆฟัง สิ่งหนึ่งที่ผมยังอธิบายเพื่อนไม่ได้คือ เค้าถามผมว่าเค้าไม่สนใจว่าโลกร้อนเพราะอะไรฝีมือมนุษย์หรือเปล่า แต่น้ำแข็งละลายตามภูเขาสูงๆ หรือพวกธารน้ำแข็งละลายหละครับ เกิดจากสาเหตุอันใด แล้วอีกคำถามครับ สภาวะเกาะร้อนนี่มีผลต่ออุณหภูมิเฉลี่ยของโลกมากน้อยขนาดไหนครับ จากคุณ : ArM-ApA เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 23:12:04

ความคิดเห็นที่ 59   1. อย่าให้หลุดประเด็น เรื่อง การนำเสนอของฝ่าย skeptics ซึ่งมักจะเสนอในแนวทางที่ไม่ยอมรับการร้อนขึ้นของโลกซักเท่าไหร่ ถ้าหากเห็นพ้องกับฝ่ายโลกร้อนจริง ก็ควรจะคาดการว่า น้ำแข็งขั้วโลกจะลดลง ไม่ใช่ โพสข้อความในทางตรงข้าม สร้างความสับสน 2. เรื่องน้ำแข็งขั้วโลกใต้ – ไม่ใช่เรื่องใหม่ แทบทุกองค์กรที่เกี่ยวกับโลกร้อน มีรายงานไว้ชัดเจน ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน หรือ ปิดบังอะไรทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นผมคงหาข้อมูล “ลับ” ของพวก skeptics ไม่เจอแน่ๆ เนื่องจากระบบที่ขั้วโลกใต้มันซับซ้อนมาก ทั้ง Land Ice และ Sea Ice ไม่เหมือนขั้วโลกเหนือที่ตอบสนองการอุ่นขึ้นของอุณหภูมิได้ชัดเจนกว่า อีกทั้งขั้วโลกเหนือมีผลกระทบต่อมนุษย์มากกว่า ทำให้นักวิทยาศาสตร์สนใจที่ขั้วโลกเหนือมากกว่า ถ้าได้ดูวิดีโอข้างบนนี้ ก็จะเห็นว่า NASA เองก็ยังอธิบายเรื่องการเพิ่มขึ้นของน้ำแข็งขั้วโลกใต้ว่าเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนส่วนหนึ่งด้วย ที่ทำให้น้ำระเหยมากขึ้น ซึ่งแน่นอน การเปลี่ยนแปลงของที่ขั้วโลกทั้งสอง ย่อมส่งผลต่ออารยะธรรมของมนุษย์ทั้งคู่ จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:06:52

ความคิดเห็นที่ 60   3. ประเด็น AMO – ที่ฝ่าย skeptics อ้างเอา natural variation มาเทียบกับข้อมูลน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือ ซึ่งมีข้อมูลเพียง 30 ปี ก็พอฟังได้ครับ แต่ในขณะที่ skeptics ได้แต่สงสัยว่า AMO มีผลหรือไม่ นักวิทยาศาสตร์เค้าศึกษาเรียบร้อยแล้วครับ เปเปอร์ซึ่งศึกษาว่าผลของ AMO ต่อน้ำแข็งขั้วโลกมีมากแค่ไหน ----- ก็ได้ตามนี้ครับ ftp://ftp.gfdl.noaa.gov/pub/s1m/AMOC_and_Arctic/AMOC_and_Arctic1.pdf สรุปคือ AMO มีผลจริง แต่เฉพาะพื้นที่น้ำแข็งฝั่งที่ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติกเท่านั้น และยังมีผลต่อน้ำแข็งถาวร (perennial ice) ในส่วนที่อยู่ละติจูดที่สูงขึ้น “น้อยมาก” และชี้ว่า ผลของภาวะโลกร้อนที่มีบทบาทสำคัญมากกว่า AMO แน่นอน ในการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 00:16:26 จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:11:50

ความคิดเห็นที่ 61   จะเห็นว่ากระแส AMOC นั้น มีผลในขั้วโลกเหนือ ส่วนที่ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติกเท่านั้น ที่ต้องทราบอีกอย่าง คือ AMOC เป็นน้ำที่มีความเค็มมากกว่า จึงมีความหนาแน่นมาก ทำให้เมื่อไหลเข้าสู่บริเวณขั้วโลก จะจมตัวลงไปใต้น้ำ คือ อยู่ใต้น้ำเย็นของขั้วโลกอีกที บางครั้งไหลลึกลงไปได้หลายร้อยเมตร ดังนั้น ผลกระทบของ AMO จึงมีจำกัด อย่างที่ว่าไว้ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 00:32:12 จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:30:06

ความคิดเห็นที่ 62 มีต่อไหมครับ  คืนนี้ จากคุณ : ยังมีหวัง เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:50:28

ความคิดเห็นที่ 63 จาก คห 59 ถ้าได้ดูวิดีโอข้างบนนี้ ก็จะเห็นว่า NASA เองก็ยังอธิบายเรื่องการเพิ่มขึ้นของน้ำแข็งขั้วโลกใต้ว่าเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนส่วนหนึ่งด้วย ที่ทำให้น้ำระเหยมากขึ้น ซึ่งแน่นอน การเปลี่ยนแปลงของที่ขั้วโลกทั้งสอง ย่อมส่งผลต่ออารยะธรรมของมนุษย์ทั้งคู่ แสดงว่า นาซ่าเริ่มเมา เคยบอกว่า น้ำแข็งจะละลาย ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นมากมาย ในอีก หลายปีข้างหน้า แต่ข้อมูลข้างบน บอกว่า น้ำแข็งขั้วโลกเหนือ บางนิดเดียว แถมยังละลายเกือบหมดในหน้าร้อนทุกปี ระดับน้ำทะเลหน้าร้อนก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นจนสังเกตได้สักหน่อย ต่อให้ละลายหมด เราก็ไม่รู้สึกแตกต่างอยู่ดี นี่ยังบอกว่า โลกร้อน ทำให้น้ำไปเพิ่มเป็นน้ำแข็งที่ขั้วโลกใต้อีก ไม่เมาก็เดาเอาเองเหมือนกันละน่า จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 00:50:49

ความคิดเห็นที่ 64 ในเรื่อง melt down ยังไม่มีใครรู้จริง ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ยังไม่ตกผลึกครับ งานวิจัย หรือคำพูดของนักวิทยาศาสตร์บางคน จะอ้างว่าได้ข้อสรุปแล้ว คงจะไม่ได้ ที่ จขกท กล่าวแย้ง AMO ว่า ที่ต้องทราบอีกอย่าง คือ AMOC เป็นน้ำที่มีความเค็มมากกว่า จึงมีความหนาแน่นมาก ทำให้เมื่อไหลเข้าสู่บริเวณขั้วโลก จะจมตัวลงไปใต้น้ำ คือ อยู่ใต้น้ำเย็นของขั้วโลกอีกที บางครั้งไหลลึกลงไปได้หลายร้อยเมตร ดังนั้น ผลกระทบของ AMO จึงมีจำกัด อย่างที่ว่าไว้ ผมเห็นว่าไม่ตรงกับเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ กระแสน้ำแยกชั้นเพราะมีความเค็มไม่เท่ากันนั้นจริง แต่ชั้นน้ำสัมผัสติดกัน ความร้อนย่อมถ่ายเทให้กันได้ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาที่วัตถุที่สัมผัสกันย่อมต้องมีถ่ายเทความร้อน "โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของกระแสน้ำที่ขั้วโลกนี้ น้ำที่ร้อนกว่าอยู่ข้างล่าง ตามหลักฟิสิกส์การถ่ายเทความร้อนให้กับน้ำเย็นที่อยู่ข้างบน ย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย" ส่วนรูปที่นำมานี้ดีมากครับ ผมอยากจะให้ทุกท่านสังเกตว่า มหาสมุทรอาร์กติกไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่มีการแลกเปลี่ยนมวลน้ำกับมหาสมุทรแอตแลนติดอย่างมาก ทุกท่านน่าจะมีพื้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์มากพอที่จะทราบว่ากระแสน้ำคือสายพานลำเลียงความร้อน และความร้อนที่มากับกระแสน้ำมีอิทธิพลต่อดินฟ้าอากาศของพื้นทวีปที่อยู่ติดกับมหาสมุทรอย่างมาก ขอให้พิจารณาว่ากระแสน้ำอุ่นที่มุดลอดใต้แพน้ำแข็ง จะส่งผ่านความร้อนให้น้ำแข็งที่ขั้วโลกที่อยู่ข้างบนได้หรือไม่ ถ้าคิดว่าได้ AMO ก็น่าจะมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของน้ำแข็งขั้วโลก แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 07:36:44 จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 07:19:07

ความคิดเห็นที่ 65 อนึ่ง กรณีที่มีชั้นน้ำอุ่นที่หนักเพราะมีความเค็มสูง อยู่ใต้ชั้นน้ำเย็นที่เบาเพราะมีความเค็มต่ำ การถ่ายเทความร้อนจะเกิดขึ้นแบบนี้ครั้บ คือเกิดการพาความร้อน หมุนเวียนถ่ายเทความร้อนอยู่ภายในชั้นน้ำเย็น โดยจะรับความร้อนจากน้ำอุ่นข้างล่าง แล้วลอยขึ้นไปถ่ายเทความร้อนให้ชั้นน้ำแข็งข้างบน แล้วก็จมลงกลับไปรับความร้อนจากข้างล่างอีก แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 07:55:14 จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 07:38:09

ความคิดเห็นที่ 66   ความคิดเห็นที่ 58     ติดตามอย่างกระชั้นชิดครับ ผมเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนๆฟัง สิ่งหนึ่งที่ผมยังอธิบายเพื่อนไม่ได้คือ เค้าถามผมว่าเค้าไม่สนใจว่าโลกร้อนเพราะอะไรฝีมือมนุษย์หรือเปล่า แต่น้ำแข็งละลายตามภูเขาสูงๆ หรือพวกธารน้ำแข็งละลายหละครับ เกิดจากสาเหตุอันใด แล้วอีกคำถามครับ สภาวะเกาะร้อนนี่มีผลต่ออุณหภูมิเฉลี่ยของโลกมากน้อยขนาดไหนครับ จากคุณ : ArM-ApA   ผมก็คิดว่า คห 58 ถามได้ ดีครับ กรณีการละลาย สะสม ของพื้นที่ๆ เคยมี น้ำแข็งปกคลุม อธิบายได้ไหมครับ ว่า ทำไม ที่ๆเคยมีน้ำแข็งปกคลุม กลับ ไม่มีน้ำแข็ง ปกคลุ่ม และ ลดปริมสณ มากขึ้นไปเรื่อยๆ และไม่ใช่ วัฏจักร ของการ มี และ หายไปของน้ำแข็ง เป็นรอบๆ ตามฤดูกาล ครับ เรื่อง เกาะร้อน มีผลต่อ อุณหภูมิ เฉลี่ย ของโลก ด้วยหรือไม่ หากเกาะร้อน เกิด ขึ้น เป็น จุดๆ ตามเมื่องใหญ่ๆ ของโลก ก็เหมือน โลก มี จุด ต่างๆ ที่ สะสม ความร้อนตามเมืองใหญ่ๆเอาไว้ใช่ไหม คล้ายๆ วางถ่านไฟ เล็กๆ ไว้ ตามจุดต่างๆของพื้นผิวโลก นานๆไป ความร้อน ที่ปลดปล่อย จาก เกาะร้อนก็ สะสม รวมๆกัน ก็ทำให้รวมๆแล้ว โลก อุ่นขึ้น ผม เข้าใจ ถูก หรือ ปล่าว หาก ไม่ถูก ก็ ขออภัย ครับ เพราะ จุดของเกาะร้อน อาจจะ เล็ก เกินไปที่จะส่งผลอะไร กับ ความอุ่นขึ้นของโลก จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 08:04:05

ความคิดเห็นที่ 67 การที่โลกร้อนขึ้น มีผลต่อการละลายของน้ำแข็งขั้วโลกหริอไม่ ผมคิดว่าคงจะมี แต่อิทธิพลจากอุณหภูมิอากาศ น่าจะแพ้ปัจจัยด้านสมุทรศาสตร์คือ AMO และ AO หลุดลุ่ย สาเหตุที่คิดเช่นนั้นเพราะปี 2009 เป็นปีที่อากาศขั้วโลกเหนือเย็นกว่าค่าเฉลี่ย ถ้าคิดว่าอุณหภูมิของอากาศเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลสูง เราก็น่าจะได้เห็นปี 2009 เป็นปีที่มีน้ำแข็งในฤดูร้อนเหลือมากกว่าค่าเฉลี่ยด้วยเช่นกัน แต่ในความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เรากลับได้เห็นปีที่น้ำแข็งเหลือน้อยเป็นลำดับที่สาม ดังนั้นผมจึงเชื่อว่า AMO และ AO เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ มากกว่าอิทธิพลของสภาวะโลกร้อน จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 08:15:38

ความคิดเห็นที่ 68 ผมเห็นด้วยกับ : ประหยัดพลังงาน , ลดขยะ , รีไซเคิล ฯลฯ แต่ไม่เห็นด้วยกับ : การจ่ายค่าปรับการปล่อยก๊าชคาร์บอนฯ ให้กับประเทศที่ร่ำรวยอยู่แล้ว. จากคุณ : Kooly เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 08:58:28

ความคิดเห็นที่ 69   คุยกับ skeptics 1 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 09:41:06 จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 09:40:34

ความคิดเห็นที่ 70   คุยกับ skeptics 2 จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 09:42:12

ความคิดเห็นที่ 71   คุยกับ skeptics 3 จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 09:42:54

ความคิดเห็นที่ 72   ต่อ สิครับ กำลัง มันส์ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 11:37:32

ความคิดเห็นที่ 73 ท่าทางยาวววว จองที่นั่งก่อนฮะ ^^ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 11:48:21

ความคิดเห็นที่ 74 มาติดตามต่อครับ ปอลอ อย่าลืมตอบคำถามผมครับท่านผู้รู้ทั้งสอง ขอบคุณครับ จากคุณ : ArM-ApA เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 11:58:45

ความคิดเห็นที่ 75 ---- อิทธิพลจากอุณหภูมิอากาศ น่าจะแพ้ปัจจัยด้านสมุทรศาสตร์.... ...ดังนั้นผมจึงเชื่อว่า AMO และ AO เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ มากกว่าอิทธิพลของสภาวะโลกร้อน ---- สภาวะโลกร้อน ก็ส่งผลต่อปัจจัยด้านสมุทรศาสตร์ กระแสน้ำเย็น-อุ่น ด้วยนี่ ดูเหมือนทุกอย่างสัมพันธ์กันไปมาหมด ยากที่จะบอกว่า อะไรเป็นเหตุกันแน่ ถ้าดูแค่ สามอย่างนี้ (อุณหภูมิอากาศ-ปัจจัยด้านสมุทรศาสตร์-สภาวะโลกร้อน) จากคุณ : GreenEyes เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 13:21:52

ความคิดเห็นที่ 76 คหท 69 -71 เริ่มเปลี่ยนมาสู้ด้วยโวหารและการจับผิดที่คำพูด ก็ไม่เป็นไรครับ ผมจะอธิบาย ที่ผมกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าปี 2009 นี้น้ำแข็งเยอะดี ที่กล่าวเช่นนั้น เป็นเพราะประมาณเดือนกรกฎาคม นักวิทยาศาสตร์ฝ่ายโลกร้อนออกแถลงข่าวว่าปี 2009 น้ำแข็งอาจจะลดต่ำเป็นประวัติการณ์ คืออาจจะต่ำกว่าปี 2007 เชื่อว่าที่ชาวโลกร้อนกล่าวเช่นนั้น เพราะเดือนมิถุนายน เกิด AO negative ที่มีกำลังแรง พัดน้ำแข็งออกนอกขั้วโลกเรียงเป็นแถวไปตามกระแสน้ำ East Greenland ขอให้สังเกตว่าเส้นกราฟ(สีแดง) ซึ่งเกาะกลุ่มเท่าๆกับปีอื่นๆมาตลอดครึ่งปีแรก พอมาถึงกรกฎาคมก็ร่วงผลอย ผมตามดูเรื่องน้ำแข็งเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว ตอนที่เห็นกราฟร่วง ก็นึกว่าปลายปีมีหวังต้องเหนื่อยอธิบายเรื่อง AO อีกหลายยก แต่แล้วก็โชคดี เพราะพอเข้าเดือนสิงหาคม ทิศทางของกระแสลมที่พัดออกจากขั้วโลก เกิดเปลี่ยนทิศ พัดน้ำแข็งเข้าปะทะชายฝั่งรัสเซียแทน ทำให้ไม่ต้องสูญเสียน้ำแข็งไปกับกระแสน้ำที่ไหลออก ช่วงก่อนหน้าที่ลมจะเปลี่ยนทิศไม่ถึงสัปดาห์ ฝ่ายโลกร้อนก็โหมประชาสัมพันธ์เรื่อง North Passage คือทะเลอาร์ติกจะเปิดให้เดินเรือได้ในช่วงฤดูร้อน คือถ้าดูจากแนวโน้มในตอนนั้น ถ้าลมไม่เปลี่ยนทิศ น้ำแข็งอาจจะถูกพัดไปอัดกันอยู่ที่ฝั่งคานาดา-กรีนแลนด์เหมือนปี 2007 และจะเกิดทะเลเปิดทางตอนเหนือของรัสเซีย แต่ปรากฏว่าลมเปลี่ยนทิศซะ น้ำแข็งเลยเคลื่อนเข้ามาปิดเส้นทางหมด เลยจั่วลมไป พอย่างเข้าเดือนกันยายน ซึ่งเป็นเดือนที่น้ำแข็งขั้วโลกจะลดต่ำมากที่สุด ช่วงนั้นทุกคนกำลังจับตามอง AO ก็เกิดเล่นตลก คือกลับเปลี่ยนเป็น + ซะงั้น ดังนั้นจะเห็นว่ากราฟน้ำแข็งของปี 2009 ที่เดือนก่อนนั้นทำท่าจะแพ้ปี 2008 ก็กลับตีตื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว สุดท้ายเลยเข้าวินเป็นอันดับที่สามแทน AO+ ทำให้กระแสลมที่พัดออกจากขั้วโลกลดน้อยผิดปกติ เป็นสาเหตุที่ทำให้เดือนกันยายนเป็นเดือนที่ร้อนผิดปกติด้วย ถ้าคุณตามข่าวก็คงพอจะจำได้ ตอนนั้นชาวโลกร้อนได้โอกาสตีปี๊บเรื่องอากาศเดือนกันยายนที่ร้อนผิดปกติกันอย่างสนุกสนาน ในส่วนของน้ำแข็ง หลังจากเข้าวินรู้ผลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฝ่ายค้านทั่วโลก(รวมทั้งผมด้วย) ก็ออกมาพูดทวงเรื่องเก่าว่า ไหนเมื่อกลางปีออกข่าวใหญ่โตว่าปีน้ำแข็งจะเหลือน้อยเป็นประวัติการณ์ นี่ก็เลยเดือนกันยายนแล้ว ก็ยังเห็นเหลืออยู่เยอะนี่ (คือเทียบกับที่พวกโลกร้อนพยากรณ์ว่าปีนี้จะลดต่ำทำลายสถิติ) อารมณ์ที่เขียนมันทำนองนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 14:39:36 จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 14:07:59

ความคิดเห็นที่ 77 ไหนๆก็พูดเรื่อง AO แล้ว อยากขอให้ลองไล่ดูกราฟน้ำแข็งของแต่ละปีในรูปข้างบน จะเห็นช่วงเวลาที่น้ำแข็งลดลงวูบวาบหลายครั้ง เหล่านี้บอกให้รู้ถึงอิทธิพลของกระแสลม ที่มีส่วนทำให้น้ำแข็งลดลงโดยการพัดให้ไหลออกไปนอกขั้วโลก การสูญเสียน้ำแข็งเป็นประวัติการณ์ในปี 2007 นั้นเป็นผลของ AO ผมต่อนข้างมั่นใจว่านักวิทยาศาสตร์โลกร้อนก็รู้จักอิทธิฤทธิ์ของ AO เป็นอย่างดีว่าเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำแข็ง แต่เขาไม่ค่อยจะบอกความจริง แต่จะคอยฉวยโอกาสที่ปรากฏการณ์ AO ทำให้น้ำแข็งลดต่ำ เอามาใช้ประชาสัมพันธ์เรื่องโลกร้อนอยู่เนืองๆ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 21:06:21 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 21:06:03 จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 14:17:30

ความคิดเห็นที่ 78 นี่คือภาพกระแสน้ำขั้วโลก จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 14:18:53

ความคิดเห็นที่ 79 ภาพขั้วโลก 2004 เทียบกับ 2007 ขอให้ดูภาพข้างล่างเทียบกับภาพในความเห็นข้างบน ภาพแสดงให้เห็นว่าน้ำแข็งของปี 2007 กำลังไหลไปตามกระแสน้ำ Transpolar Drift แล้วไหลออกนอกขั้วโลกทางกระแสน้ำ East Greenland แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 14:42:07 จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 14:22:49

ความคิดเห็นที่ 80 ตกลงยังงัย  งง ปรับตัวไม่ถูก จะให้ใช้เลิก รีดเสื้อ ใช้ถุงผ้า หรือทำตามปรกติไม่ต้องสน     ี นี่  I นั้น มันเอาเพื่อผลประโยชน์ทางธรุกิจ ตกลงเอางัย จากคุณ : หน้าไม้ใจเย็นยิ่ง เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 15:41:30

ความคิดเห็นที่ 81 ทำไมอยู่ ๆ จขกท อยู่ ๆ เกิดอยากเกรียนขึ้นมาล่ะครับ ถึงขนาดลงทุนทำรูป chat มาเลย มีอะไรนำเสนอเพิ่มเติมหักล้างสิครับ จากคุณ : sak (saknarak) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 15:49:19

ความคิดเห็นที่ 82 พวกไม่รู้อะไร ที่โลกร้อนเพราะ น้ำแข็งขั้วโลก นั่นหละ จากคุณ : mint_la เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 16:01:15

ความคิดเห็นที่ 83   ต่อ ครับ ยาวไปๆ เอาข้อมูลมา โชว์กัน แบบนี้ น่าติดตาม ครับ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 17:25:13

ความคิดเห็นที่ 84 โลกร้อน เพราะ หมีคั่วโลก!! จากคุณ : พี่ต๊ะวัน เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 19:55:01

ความคิดเห็นที่ 85 เรียกฝ่ายหนึ่งว่า skeptics แต่เรียกอีกฝ่ายหนึ่งว่า scientist ทำอย่างกับว่า skeptics ไม่ใช่ scientist อย่างนั้นแหละ ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน พอแตกใบอ่อนเป็นมะลิลา ปล.บางคนนี่ทำอย่างกับกำลังเชียร์มวย แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 22:27:48 จากคุณ : Yamabuki เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 22:25:42

ความคิดเห็นที่ 86 น่าสนใจ ติดตามอ่านข้อมูลทั้งสองฝ่ายอยู่นะคะ ปีนี้นอร์เวย์หนาวมาก อากาศ -17 ถึง -20  ต่อเนื่องกันยาวนานมาก ดีนะที่อยู่เขตเมืองร้อน   ช่วงที่อากาศหนาวๆ อย่างนี้ มีบางคนลงไปเล่นน้ำ ซึ่งก็พบว่าอุณหภูมิในน้ำ +2 จากคุณ : Fru Huldra เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 03:22:13

ความคิดเห็นที่ 87   ตอบ คคห. 85 ที่ต้องเรียก Skeptics กับ Scientists  … ส่วนใหญ่ก็เรียกกันแบบนี้ เหตุผลหรือครับ ?? เพราะ Skeptics ส่วนใหญ่ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาด้านโลกร้อนโดยตรง แต่คอยคอมเมนท์เรื่องโลกร้อน แบบเสียๆหายๆ นอกจากนั้น ในหลายๆครั้ง จะเห็นว่า Skeptics ไม่ได้ใช้หลักการวิทยาศาสตร์ในการโต้แย้ง ซึ่งคือ สังเกต – ตั้งสมมุติฐาน – ทดสอบสมมุติฐาน – วิจารณ์ – สรุป อย่างในกระทู้นี้ก็ชัดเจน  -  ฝ่าย skeptics อ้างเรื่อง Atlantic Multidecadal Oscillation (AMO) โดยตั้งเป็นสมมุติฐานว่า " ผมจึงเชื่อว่า AMO และ AO เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ มากกว่าอิทธิพลของสภาวะโลกร้อน " แต่ไม่ได้ทำการพิสูจน์ใดๆ เลย……. ได้แต่พูดๆ ไป ไม่มีการทดสอบสมมุติฐาน เมื่อนักวิทยาศาสตร์เค้าทำตามกระบวนการครบ เขียนเปเปอร์ให้ดู พิสูจน์ให้เห็นว่า AMO มีผลน้อย ……. กลับบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมรับ ซะอย่างนั้น เจอแบบนี้ ไม่อ่อนใจหรือครับ ถ้าหาก skeptics คิดว่าสมมุติฐานถูกต้อง …..  ก็ต้องพิสูจน์ให้เห็น ทำวิจัยอย่างที่ฝ่ายโลกร้อนทำ จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 08:06:24

ความคิดเห็นที่ 88   หากจะใช้แต่ Logic ง่ายๆ  อย่างที่ skeptics ชอบทำมา เพื่อดูว่า "AMO มีผลมากจริงๆ หรือไม่" ก็ได้ครับ ผมอยากให้ลองสังเกตุรูปนี้ให้ดี ถ้ากระแสน้ำอุ่นจากแอตแลนติกมีผลมากอย่างที่กล่าวอ้าง คุณคิดว่าน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือ ด้านไหนจะละลายมากกว่ากัน แน่นอนก็ต้องเป็นด้านกรีนแลนด์ และทางทะเลนอร์เวย์ ซึ่งอยู่ติดมหาสมุทรแอตแลนติกใช่มั้ยครับ จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 08:08:45

ความคิดเห็นที่ 89   แต่ความเป็นจริงคือ น้ำแข็งส่วนใหญ่ละลายอีกฝั่งหนึ่ง คือ ทางฝั่งทะเล Chukchi และ East Siberian Sea ซึ่งห่างมหาสมุทรแอตแลนติกเยอะ แบบนี้ Skeptics ควรจะอธิบายสมมุติฐาน AMO ของตัวเอง ว่าไงครับ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 08:22:01 จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 08:10:01

ความคิดเห็นที่ 90   เรื่อง Arctic Oscillation (AO) นี่ พูดถึงตั้งแต่ความเห็นแรกๆ แล้วครับ คคห. ที่ 11 ……….. พูดก่อนใครเลย ในกระทู้นี้ (ไม่มี Edit แก้ไขด้วย) ถ้าเป็นอย่างที่ คุณกาลามะชน กำลังใส่ร้ายว่า นักวิทย์ไม่ยอมบอกความจริง …… เค้าจะพูดถึงกันทำไมครับ ที่เวปไซท์ของ NSIDC นี่ เอาเรื่อง AO มาไว้หน้าแรกเลย ………. ปิดบังตรงไหนครับเนี่ย เรื่อง AO นี่ผมบอกว่ามีผลเป็น Short-term variation ซึ่งก็เป็นตามนั้นจริงๆ เพราะคาบของ AO มันสั้นมาก สวิงไป สวิงมาตามรูปนี้ ซึ่งนำมาอธิบาย การลดลงของน้ำแข็งขั้วโลกในลักษณะ (Long term Trend) ไม่ได้ หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง เค้าตอบคำถามเกี่ยวกับ Global Warming กับ Arctic Sea Ice ไว้ครับ Climate is a measure of the average conditions over a long period of time, so it is a better way to tell if changes may be persistent. Climate records show that the Arctic has warmed substantially over the past decades. The Arctic continues to warm faster than any other region of the world. Global data still show the Earth to be warming on average. http://nsidc.org/arcticseaicenews/faq.html#years จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 08:20:06

ความคิดเห็นที่ 91 ตอนนี้ผมสงสัยอยู่อย่างเดียวครับ ภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่จะมีมนุษย์ถือกำเนิดขึ้นมานั้นเกิดมาจากสาเหตุใดครับ ??? จากคุณ : นาย X-MAN เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 10:31:39

ความคิดเห็นที่ 92 #87 การที่คุณเห็นว่าข้อมูลของอีกฝ่ายไม่ถูกต้อง จึงเอาข้อมูลมาค้ดง้าง เป็นเรื่องที่ดี ถูกต้อง แต่การตราชื่อตัวเองว่าเป็น scientist แต่อีกฝ่ายไม่ใช่ เรามองได้ว่าเป็นเพียงการชี้นำคนอ่านและดิสเครดิตกันเท่านั้น เรื่องที่คุณอ้างมานั้น ที่คุณว่าไม่ทำตามกระบวนการวิทยาศาสตร์ ด่วนสรุปเอาดื้อๆ คุณมั่นใจหรือว่าฝ่ายโลกร้อนไม่มีใครเป็นแบบนั้น แล้วคุณมั่นใจหรือว่าฝ่าย skeptics เป็นแบบนั้นทุกคน(ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์กันทุกคน) ถ้าคุณกล่าวอ้างอย่างนั้นมันเป็นได้แค่การชี้นำคนอ่านและดิสเครดิตกันเท่านั้นเอง ถ้าคุณมั่นใจว่าข้อมูลคุณถูกต้อง มีความจำเป็นอะไรหรือ จึงต้องใช้วิธีการอย่างนั้น? อย่างน้อยคุณกาลามะชนก็ไม่เคยทำอย่างนี้ คุณกาลามะชนอาจจะใช้วิธีการไม่เหมาะสมบ้างในบางครั้ง แต่คุณกาลามะชนก็ไม่เคยชี้นำโดยเรียกอีกฝ่ายว่า"ฝ่ายโลกร้อน" และเรียกตัวเองว่า"นักวิทยาศาสตร์"เลย คุณกาลามะชนอยู่ฝ่าย skeptics ก็ยอมรับว่าเป็น skeptics สิ่งที่คุณกาลามะชนพยายามแสดงให้เห็น คือข้อมูลและหลักฐานว่าเหตุใดจึงไม่ควรเชื่อถือฝ่ายโลกร้่อน ไม่ใช่การพยายามชี้นำว่าอีกฝ่ายไม่เป็นนักวิทยาศาสตร์ดังนั้นไม่ควรเชื่อถือ ก็เพราะคุณกาลามะชนยึดถือแนวทางนี้มาตลอด คนแถวนี้จึงให้เครดิตคุณกาลามะชนสูง และที่ผ่านมายังไม่เคยมีฝ่ายโลกร้อนคนไหนแย้งเรื่องข้อมูลและหลักฐานอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเท่าคุณ คุณเอง นำเสนอข้อมูลอย่างกระทู้ที่ผ่านมาหรือตอนต้นกระทู้ก็ดีอยู่แล้ว แต่อยู่ๆกลับเปลี่ยนวิธีการ แทนที่จะลดเครดิตคุณกาลามะชน มันกลับลดเครดิตตัวคุณเองไปด้วย ไม่ทราบว่าคุณจะทำให้เป็นการขัดแย้งกันทางข้อมูล ไม่ใช่การขัดแย้งกันเป็นส่วนบุคคลได้หรือไม่ หรือพูดอย่างภาษาชาวบ้านว่า ให้เป็นการโต้แย้งกันเรื่องข้อมูลหลักฐานเพียวๆ ไม่ใช่เรื่องด่ากันเป็นส่วนตัวได้ไหม คุณกาลามะชนให้เกียรติฝ่ายโลกร้อนเสมอ ไม่ว่าจะไม่เห็นด้วยหรือไม่เชื่อถืออย่างไร ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายจะทำแบบเดียวกันกับคุณกาลามะชนได้หรือไม่ หากทำได้ มันจะเป็นการเพิ่มเครดิตของตัวคุณเองโดยอัตโนมัติ ว่าคุณไม่มี bias โดยไม่จำเป็นต้องไปดิสเครดิตอีกฝ่ายให้เสียเวลาเลย ขออภัยที่ทะลุกลางปล้องขัดคอเสียยาวเหยียด แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 10:44:59 จากคุณ : Yamabuki เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 10:36:37

ความคิดเห็นที่ 93   ู^ ^ ที่เขียน Scientists (มี s คือ หลายคน) คือ นักวิทยาศาสตร์เค้าว่ากันแบบนี้จริงๆ เวลาเขียน skeptics (มี s คือ หลายคน) ก็คือรวมๆ การเรียกอีกว่าฝ่ายว่า Skeptics กับอีกฝ่ายว่า Scientists เป็น Common Practice มากๆ ทุกคนรู้กันว่าหมายถึงฝ่ายไหน ถ้าคุณลองกูเกิ้ลดูเอง ก็จะทราบได้ครับ ว่าเรียกกันแบบนี้จริงๆ ถ้าไม่พอใจ อยากให้เรียกอย่างอื่นก็ได้นะครับ จะได้เรียกถูก ตัวอย่างข้างล่างนี้ มาจาก wikipedia กับ วารสาร New Scientists เป็นบทความเรื่อง "Deniergate" ก็เรียก skeptics กับ scientists ตามปกติ http://www.newscientist.com/article/dn18279-deniergate-turning-the-tables-on-climate-sceptics.html แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 11:42:56 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 11:42:12 จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 11:27:26

ความคิดเห็นที่ 94 ขออภัยที่ตก s ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่คุณ คุณพอใจจะเรียกตามธรรมเนียมปฏิบัติอย่างนั้นก็ได้ ที่จริงถ้าคุณบอกว่าเรียกตามธรรมเนียมปฏิบัติก็จบ ไม่น่าจะต้องบอกว่า skeptics ไม่เป็นนักวิทยาศาสตร์ ขออภัย ตก s อีกแล้ว - -* แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 11:41:04 จากคุณ : Yamabuki เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 11:39:51

ความคิดเห็นที่ 95   ู^ ^ ไม่เป็นไรครับ การโต้เถียงเป็นธรรมดาต้องมีอารมณ์บ้าง ขนาดล็อกอินเก่าแก่ บางคนยังด่าคนอื่นๆแรงๆ ได้ แค่ไม่เห็นด้วยเท่านั้น ลองกลับไปที่ คคห. 87ผมเขียนชัดเจนว่า "ส่วนใหญ่" ซึ่งเป็น Fact (ไม่มี edit) " เพราะ Skeptics ส่วนใหญ่ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาด้านโลกร้อนโดยตรง แต่คอยคอมเมนท์เรื่องโลกร้อน แบบเสียๆหายๆ นอกจากนั้น ในหลายๆครั้ง จะเห็นว่า Skeptics ไม่ได้ใช้หลักการวิทยาศาสตร์ในการโต้แย้ง " จากคุณ : Trebovir Road เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 12:04:43

ความคิดเห็นที่ 96 ทำไมน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ จึงหายไปมากทางด้านหลัง ในขณะที่แนวแอตแลนติกกลับคงที่ คำอธิบายคือ เป็นธรรมชาติที่น้ำแข็งไหลจาก Chukchi มา Atlantic ตามแนวกระแสน้ำ Transpolar Drift มาชนกันกระแสน้ำอุ่น North Atlantic ที่ดันเข้ามาทางแอตแลนติก เกิดเป็นแนวปะทะที่ดันน้ำแข็งให้หยุดอยู่ตรงนั้น ถ้าไม่มีแนวปะทะนี้ น้ำแข็งทั้งหมดจะทะลักออกจากขั้วโลกตามกระแสลมและกระแสน้ำจนหมดในเวลาไม่กี่วัน (ข้อให้ย้อนไปดูรูป #78) ขอให้นึกถึงการรบของทหารราบสมัยโบราณ ที่กองทัพมีแถวทหารซ้อนกันหลายชั้น ทหารทุกคนเดินหน้าเข้าหาแนวปะทะ การล้มตายจะเกิดตรงแนวปะทะ พอคนแถวหน้าล้มลง คนข้างหลังก็ก้าวเข้าไปมาแทนที่ ถ้าทหารที่แนวปะทะตายเร็ว กองหนุนด้านหลังก็หมดเร็ว แพน้ำแข็งขั้วโลกก็เหมือนกัน ถ้าน้ำแข็งที่เป็นแนวหน้า ตรงแนวปะทะยังอยู่ น้ำแข็งข้างหลังก็ตามมาไม่ได้ ก็จะอั้นอยู่ ถ้าปีไหนน้ำแข็งที่แนวปะทะละลายเร็ว ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม น้ำแข็งด้านหลังก็ตามมาได้เร็ว และเกิดพื้นที่ว่างด้านหลังมากขึ้น การล้มตายที่เกิดตรงแนวปะทะ ยังสนับสนุนแนวคิดเรื่องอิทธิพลของ AMO ด้วย เพราะถึงแม้ AMO จะมีผลในบริเวณใกล้แนวปะทะ แต่ก็กระทบถึงการสูญเสียของทั้งกระดาน คือถ้าน้ำแข็งที่แนวปะทะละลายหมดเร็ว น้ำแข็งด้านหลังก็ตามมาได้เร็ว และทำให้น้ำแข็งหมดเร็ว แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 12:43:45 จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 12:25:35

ความคิดเห็นที่ 97 อนึ่ง ผมไม่ได้ตั้งใจว่าคุณ จขกท ผมหมายถึงชาวโลกร้อนโดยทั่วไป ที่เห็นตามสื่อ ตามวารสารต่างๆ ชอบอ้างว่าเป็นเรื่องของสภาวะโลกร้อน จะมีสักกี่รายที่พูดว่าการทำลายสถิติต่ำสุดในปี 2007 เกิดจาก AO negative ที่ผมกล่าวเช่นนี้จริงหรือไม่จริง ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านทราบดี แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 13:15:37 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 12:51:29 จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 12:35:34

ความคิดเห็นที่ 98 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 15:06:34

ความคิดเห็นที่ 99 สรุปแล้วเราต้องทำยังไง เพื่อถนอมรักษาโลกเอาไว้นานๆละครับ จากคุณ : NATSKI13 เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 17:21:37

ความคิดเห็นที่ 100 เรื่องเดียวที่ผมเป็นห่วงคือ เรากำลังเดินผิดทางในการรับมือกับภาวะโลกร้อนครับ ภาวะโลกร้อนเคยเกิดขึ้นมาแล้ว และมันจะเกิดต่อไป แต่ไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงได้ แล้วเราจะไปแก้ปัญหามันได้อย่างไร มัวแต่คิดว่าสาเหตุมาจากมนุษย์ แล้วก่อนหน้ามนุษย์เกิดขึ้นมานั้นมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ถ้าหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ ป่วยการที่จะคิดแก้ปัญหาแบบหว่านแห เพราะไม่มีอะไรรับรองว่าปัญหาจะถูกแก้ได้ แม้สิ่งที่ทำลงไปจะเป็นสิ่งที่ดีก็ตาม สุดท้ายเมื่อปัญหาโลกร้อนเกิดส่งผลขึ้นมาจริงๆ มันจะแย่ไปกว่านี้ เพราะเราหลงประเด็น มัวแต่แก้ปัญหาที่อะไรก็ไม่รู้ ซึ่งไม่รู้ว่าใช่สาเหตุจริงๆ หรือเปล่า แทนที่หาสาเหตุไม่ได้ จะหาวิธีรับมือว่าหากโลกร้อนแล้วเราจะใช้ชีวิตกันอย่างไร กลับหมดเวลาไปกับการตามแก้ปัญหาที่ไม่รู้ว่าใช่สาเหตุของปัญหาหรือไม่ อนาคต เมื่อเกิดโลกร้อนขึ้นมาจริงๆ จะมีชีวิตรอดกันได้อย่างไร เพราะเชื่อแน่ว่ามันต้องเกิดขึ้นแน่ เนื่องจากอดีตมันเคยเกิดขึ้น และมันยังคงเกิดต่อไป โดยเราไม่รู้อะไรเลย... จากคุณ : นาย X-MAN เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 20:53:28

ความคิดเห็นที่ 101 ภาพแสดงทิศทางและความเร็วในการเคลื่อนที่ของแพน้ำแข็งใน 30 วัน ในฤดูในไม้ผลิปี 2005 จะเห็นว่าเป็นธรรมชาติที่น้ำแข็งขั้วโลกจะไหลไปทางมหาสมุทรแอตแลนติก ไปชนกับกระแสน้ำอุ่น เกิดเป็นแนวปะทะขึ้น การเคลื่อนที่ตามกระแสน้ำคือเหตุว่าทำไมจึงเกิดมีพื้นที่ว่างด้านหลังแทนที่จะเป็นด้านที่ปะทะกับกระแสน้ำอุ่น แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 53 06:59:52 จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 21:52:08

ความคิดเห็นที่ 102 คห 88 ตามรูป น่าจะเป็นน้ำแข็งช่วงสูงสุด (ใช่หรือไม่?) สังเกต North Pole น่าจะเป็นจุดที่เย็นที่สุด   ตามตำแหน่งที่ถูกแสงอาทิตย์น้อยที่สุด   ถ้าไม่มีกระแสน้ำอุ่น  น้ำแข็งควรกินบริเวณออกไปโดยรอบ เป็นรัศมีเท่าๆกัน  ในหน้าหนาว  ควรไปถึงประมาณบริเวณ เส้นวงกลมสีแดง  ในหน้าร้อน  อุณหภูมิสูงขึ้น รัศมีของวงน้ำแข็งก็ควรลดลง                   ซึ่งควรลดลงทุกด้าน แต่เนื่องจากกระแสน้ำอุ่น   น้ำแข็งในหน้าหนาว  ไม่สามารถเพิ่มขึ้น ทางด้านที่มีน้ำอุ่น(ด้านชายฝั่งนอร์เวย์  )   ด้าน East Siberion sea มีน้ำแข็งเพิ่มขึ้นได้ตามปรกติ   พอกลับมาหน้าร้อนด้านนั้น น้ำแข็งก็ลดลง   คำตอบของ คำถามใน คห 88   จึงควรเป็น East Siberion sea จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 22:28:46

ความคิดเห็นที่ 103 ... จากคุณ : (-_-") เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 00:52:42

ความคิดเห็นที่ 104 แพน้ำแข็งที่เคลื่อนตามกระแสน้ำ Transpolar Drift เข้าปะทะกับกระแสน้ำอุ่น North Atlantic ก็คล้ายแถวทหารฟาลังกซ์ที่เคลื่อนทัพเข้าปะทะคู่ต่อสู้ ทหารแถวหน้าล้มลง ทหารข้างหลังก็หนุนเนื่องตามมาไม่ขาดสาย ถ้าข้าศึกมีกำลังกล้าแข็ง ทหารข้างหน้าก็ตายเร็ว ทหารที่หนุนตามมาก็เคลื่อนตามเข้ามาเร็ว ดังนั้นในกรณีของกองทัพแพน้ำแข็งขั้วโลกที่เคลื่อนเข้าปะทะกับกระแสน้ำอุ่น ความอุ่นของน้ำ ซึ่งเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อยตามอิทธิพลของ AMO จึงมีผลกระทบโดยตรงต่อการสูญเสียน้ำแข็งที่แนวปะทะ ก็น่าจะมีผลกระทบต่อการสูญเสียของรี้พลทั้งกระดานอยู่ดี จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 10:01:56

ความคิดเห็นที่ 105 คุณกาลามะชนอธิบายเรื่องการสูญเสียน้ำแข็งได้เข้าใจแจ่มแจ้ง มีข้อมูลที่เป็นการศึกษาจริงจังไหมครับ สนใจอยากอ่านครับ จากคุณ : alan the lamb เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 11:36:39