ความคิดเห็นที่ 1   อีกอย่างคือ ผมชอบใช้เวลาว่างโดยการเล่นอินเตอร์เนต อ่านกระทู้อะไรพวกนี้อะครับ ไม่รู้จะเกี่ยวกันเปล่า ป.ล. ผมรู้สึกว่าตัวเองคิดไม่ค่อยเป็นระบบตอนพูดด้วยอ่ะครับ จากคุณ : QaQ เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 02:36:43 A:125.27.206.186 X: TicketID:164319

ความคิดเห็นที่ 2   ปัณหาใหญ่ของผมคือ เวลาผมพูดอยู่ดีๆ ผมจะเกิดอาการ นึกหาคำไม่ออกขึ้นมาซะงั้น อันนี้ก็ไม่รู้จะแก้อย่างไรจริงๆ ครับ จากคุณ : QaQ เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 02:46:58 A:125.27.206.186 X: TicketID:164319

ความคิดเห็นที่ 3   อย่างงี้ต้องจับไปเข้าหลักสูตรพัฒนาบุคลิกภาพของ John Robert Powers ซะล่ะม้างเนี่ย 55555+ จากคุณ : สายน้ำ ยามเหงา (nAHMLeMoN) เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 02:48:22

ความคิดเห็นที่ 4 นึกถึงตอนออกไปพูดสัมมนาตอน ป ตรี   ตอนนั้นพูดไปสั่นไป เหอะๆ หลังจากเรียนต่อสูงขึ้น  มีแต่งานต้องมาให้พูดสัมมนาจนชิน  ตอนนี้ชิวๆไปล่ะ แต่เรื่องตอนสัมภาษณ์งานน่ะ  เค้าคงอยากได้คนที่มีความสามารถทำงานเค้าได้  บางคนเรียนเก่งแต่ทำงานไม่เป็น และที่สำคัญที่อยู่ในเกณฑ์ในการรับคนเค้าทำงาน แต่ไม่ได้ระบุไว้ในรีซูเม่ คือ คุณจะต้องสามารถทำงานเข้ากับคนที่ทำงานอยู่นั้นได้   <<<นั่นนี้สำคัญเลย ปล ทำงานจริง ที่เรียนมาใช้ไม่ถึง20%  แต่มันจะเฉพาะทางมากขึ้น(ฉลาดลึกโง่กว้าง อะไรอย่างนั้น) จากคุณ : ลูกกบในบึงกว้าง เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 03:06:08

ความคิดเห็นที่ 5 เค้าเรียกว่าสมองกลั่นกรองช้าเปล่าค่ะ เห็นข่าวเคยบอก เล่นเอ็มแล้วก็เล่นเว๊บจะทำให้สมองสั่งการช้า เพราะสมองจำในสิ่งที่ไร้สาระ อะไรทำนองนี้ละ ทำให้พูดช้า ตอบสนองช้า ไม่ค่อยกระตือรือล้นหรือว่าการตัดสินใจช้า แต่เราก็ถ้าพูดเรื่องมีสาระจะไม่ค่อยเท่าไร แต่ถ้าด่าีนี้ดิฉันปากไวเลยค่ะ (ฮ่าๆๆ) นินทาก็ไฟแล๊ป ลองออกกำลังกายมากๆ ไม่รู้ว่าเกี่ยวเปล่านะ มันจะทำให้มีความกระตือรือล้น เราไม่ทราบว่าการพูดจาของ จขกท เป็นไงนะ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 03:37:07 จากคุณ : วันๆเอาแต่เล่นเกมส์ เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 03:35:57

ความคิดเห็นที่ 6 คล้ายๆผมเลยแฮะ - - แต่จะเป็นเฉพาะกับคนแปลกหน้าอ่านะ จากคุณ : kuroroneo เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 03:37:57

ความคิดเห็นที่ 7   แนะนำให้ไปหาที่เค้ามีสอนเรื่องบุคลิกภาพคับ มีอบรมเป็นคอร์สๆอาจช่วยท่านได้ จากคุณ : tunnie555 เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 04:27:34

ความคิดเห็นที่ 8 น่าจะเป็นเพราะสมองทำงานช้าครับ ทำงานคนเดียว อ่านหนังสือ ทำรายงาน อาจจะทำได้ดี เพราะเวลาไม่จำกัด แต่พอได้ยินคำถาม ต้องตอบ สมองคิดไม่ทัน แปลคำถามไม่ทัน คิดคำตอบยิ่งไม่ทัน แบบนี้ต้องไปหัดโต้เถียงกับเพื่อนบ่อยๆครับ จากคุณ : ariyanamvong เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 05:06:22

ความคิดเห็นที่ 9 ลดความคิดที่ว่า คุณเป็นคน "เรียนเก่ง" ดูสักหน่อย น่าจะดี น่าจะช่วยให้คุณ เข้าถึงคนอื่น ง่ายขึ้น และ คนอื่นก็เข้าถึง คุณ ได้ง่ายขึ้น เช่นกัน จากนั้น ลองฝึก image training ดูครับ ... ผมก็ใช้วิธีนี้บ่อยๆ สมมติ เหตุการณ์จำลองขึ้นในหัว... เช่น เจอคนแปลกหน้า แล้วสมมติดูว่า คนๆ นั้น จะเดินเข้ามาถามคำถามอะไรเราสักอย่างนึง (อะไรก็ได้)... แล้วเราก็ คิดคำตอบ แล้วลองพูด ประโยค ต่อ ประโยค ในใจเลย... ทำบ่อยๆ ก็คล้ายๆ ว่า เราฝึกพูดไปในตัว ไม่ได้ฝึกด้วยการออกเสียง แต่เป็นการฝึกที่ตัวสมอง...(ทำได้จริงๆ ไม่ได้ล้อเล่น) ทิ้งท้าย "ถ้าคุณทำให้มันเป็นเรื่องให้คนอื่นเข้าใจง่ายๆ ไม่ได้ แสดงว่าคุณยังไม่เข้าใจมันดีพอ"  ไอน์สไตน์ จากคุณ : dip kid เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 06:46:40

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นการสั่งการของสมอง ซึ่งเป็นธรรมชาติของแต่ละคนครับ บางคนก็มีความสามารถพิเศษติดตัวมาที่เรียกว่าพรสวรรค์ เช่น บางคนหัวดีเรียนเก่งเรียกว่าปัญญาสมบัติ  บางคนพูดเก่งร้องเพลงเพราะเรียกว่าวาจาสมบัติ บางคนรูปร่างดีใบหน้าสวยเรียกว่ารูปสมบัติ เหล่านี้ครับ คุณมีปัญญาสมบัติติดตัวมาจึงเรียนเก่ง แต่วาจาสมบัติคุณอาจมีมาน้อย จึงพูดไม่เก่งไม่ลื่นไหลครับ คนที่อ่อนวาจาสมบัติมักจะมีปัญหาในการพูด  บางทีพูดไปแล้วหรือตอบคำถามไปแล้วพอผ่านไปถึงรู้ว่าที่พูดที่ตอบไปไม่ถูกต้อง  หรือหากบังอัญถูกเชิญขึ้นพูดบนเวที ก็มักจะอึกอักคิดหาคำที่จะพูดไม่ได้ เหล่านี้ครับ การแก้ปัญหาก็ต้องฝืนธรรมชาติซึ่งเป็นเรื่องยาก เพราะการพูดการโต้ตอบมักจะเกิดขึ้นในทันที หรือบางเรื่องถึงจะเตรียมการล่วงหน้า แต่ก็เตรียมลำบากเพราะไม่รู้เขาจะถามอะไร ลองฝึกหัดตามที่เพื่อนๆข้างบนแนะนำดู จะช่วยให้ดีขึ้นได้ ในระดับขีดความสามารถของสมองที่คุณมีครับ จากคุณ : บุญถิ่น เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 06:51:08

ความคิดเห็นที่ 11   เรียนเก่งใช่ว่าเก่ง แต่เป็นเพราะอดทนมุ่งมั่นอ่านตำราที่ข้อสอบอยู่ในนั้นอยู่แล้ว คำว่าเก่งจริงๆแล้วคือคนที่เอาตัวรอดในสังคมได้ เปลี่ยนทุกอย่างเป็นสิ่งที่เราต้องการได้ เปลี่ยนสิ่งไม่มีค่าให้เป็นสิ่งมีค่า เป็นผู้นำคนได้ สมองคิดเร็วตอบสนองเร็ว นี่แหละเก่งจริง ปล เห็นด้วยกับ คห.ที่9 จากคุณ : ฯ (OBR) เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 07:15:14

ความคิดเห็นที่ 12 จากความเห็นสิบนะครับ ส่วนตัวผมคิดว่าความสามารถนี้ฝึกได้ ไม่ง่ายหรอก แต่ฝึกกันได้เชื่อไหมหละ อยากพูดเก่งก็พูดบ่อยๆ 1. หัดพูดตามทีวี ผู้ประกาศข่าวในห้องส่ง พูดภาษาไทยชัด และเร็วกว่าชาวบ้าน    ถ้าเราพูดตามเค้าได้ทัน เรื่องความเร็วในการพูดก็สบายใจได้เลย ฝึกวันละ สิบห้า นาที 2. กำหนดสถานการณ์ขึ้นมาเอง หัดพูดคนเดียว ออกเสียงจริงๆ พูดด้วยน้ำเสียง    ที่คิดว่า เวลาเจอคนจริงๆ แล้วเราจะพูดแบบนี้ (ถ้าอยู่ในห้องนอนคนเดียว    จะรู้สึกว่าเสียงขนาดนี้ดังเกินไปนิดนึง) 3. อัดเสียงตัวเองแล้วฟัง คำไหนช้า คำไหนติด คำไหนไม่ชัดเจน ก็ฝึกแต่คำนั้น    หลายๆรอบ จนพูดได้เร็ว ไม่ติด และชัดเจน นอกจากนั้น การฟังเสียงตัวเอง    จะทำให้เรายอมรับตัวเองได้มากขึ้น มีผลต่อความมั่นใจในตัวเองหลังจบการฝึก 4. ถ้ามีคนจริงๆ เช่นเพื่อนๆที่กำลังหางานอยู่ หรืออาจารย์ที่ให้คำปรึกษาเรื่อง    การสัมภาษณ์งาน ก็ให้ไปเรียกคนจริงๆ มาฟังคุณซ้อมสัมภาษณ์ ยิ่งมาก    ครั้งก็ยิ่งดีครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 07:24:20

ความคิดเห็นที่ 13   จากที่เคยทำงานรวมกันมาส่วนมาก คนเรียนเก่ง มักทำงานไม่ค่อยได้เรื่อง จากคุณ : สำราญ บานบุรี เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 07:41:09

ความคิดเห็นที่ 14 อาจเป็นเพราะความประหม่าด้วยหรือปล่าวครับ เพื่อนผมบางคนก็เป็นนะ ทำรายงานมาพรีเซนต์อาจารย์ เค้าก็ทำมาอย่างดีนะ เตรียมข้อมูลมาพร้อม แต่รายงานไม่ได้เรื่อง ข้อมูลที่เตรียมมา นำเสนอไปไม่ถึงครึ่ง ผมอยู่กลุ่มเดียวกับมัน ตอนหลังผมต้องรับหน้าที่พรีเซนต์แทนตลอด ผมใช้วิธีทำใจให้มันสงบ ก็พยายามนึกถึงเรื่องที่ต้องพูด แล้วก็ไม่ต้องรีบพูด ค่อยๆพูดไปก็ได้ ถ้าตื่นเต้นหรือประหม่าก็แค่รับรู้ว่ารู้สึก ไม่ต้องไปจับจ้องมาก พยายามชิวๆเข้าไว้ เตรียมตัวเรื่องอันดับก่อนหลังในเรื่องที่ต้องพูดให้ดีให้ครบ ที่สำคัญต้องคิดให้เร็ว แต่ไม่ต้องพูดให้เร็ว แต่ที่สำคัญที่สุดก็ต้องฝึกทำบ่อยๆครับ เหมือนอย่างความเห็นข้างบนที่แนะนำครับ สุดท้ายก็ขอให้ประสบความสำเร็จนะครับ อย่าคิดว่าตัวเองเก่งแค่เรื่องเรียนแล้วจะได้เปรียบ เพราะชีวิตต้องใช้ความเก่งอีกหลายเรื่อง ไม่ใช้แค่การเรียน จากคุณ : Nosfaratu Zord เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 08:00:25

ความคิดเห็นที่ 15 จริงๆ ปัญหานี้มันอยู่ที่แค่คุณ ไม่กล้าแสดงออกในที่สาธารณะ แค่นั้น ผมก็เคยเป็นแบบคุณนะ แตตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้ว... แนะนำให้ไปสรวลเสเฮฮาไร้สาระกับเพื่อนๆ บ้างครับ พูดง่ายๆ ก็คือเข้าสังคมให้บ่อยขึ้น ไม่ใช่อยู่แต่หน้าจอ ความอาย ความประหม่ามันจะค่อยๆ ลดไปเมื่อเข้าสังคม ดูอย่างพวกดาราก็ได้ครับ เข้าวงการใหม่ๆ ปิดซะมิดเชียว พออยู่ไปๆ เปิดหมด... จากคุณ : ทัชชี่ เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 08:07:13

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นได้ทุกคนครับ เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขนะครับ ไม่ใช่เรื่องดี จากคุณ : Firion เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 08:44:12

ความคิดเห็นที่ 17   จขกท. ครับ คุณมีวิชาดี แต่ยังขาดจินตนาการครับ แค่นั้นแหละ ... จริง ๆ [ลองหาความหมายในสิ่งที่ผมบอกดูครับ โยงเหตุผลและเรื่องราวต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อพยายามหาคำตอบให้ได้ ไม่มีถูก ไม่มีผิด แล้วคุณจะค่อย ๆ เข้าใจเอง] จากคุณ : เศียรนาคา ... เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 08:45:03 A:118.173.93.241 X: TicketID:189353

ความคิดเห็นที่ 18 ของอย่างนี้มันหัดกันได้ครับ จากคุณ : มังกรใจเย็น เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 08:45:06

ความคิดเห็นที่ 19 ลองเล่านิทาน ตามแต่ใจจะนึก แล้วบันทึกเสียงไว้ จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 08:50:21

ความคิดเห็นที่ 20 ฝึกจีบหญิงครับ กรณีนี้...เอาแค่.....ได้เบอร์โทร  ซัก ๑๐ คนก็น่าจะพอครับ ต้องจริงจัง..และอย่าท้อถอย เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆอย่างที่คิด และก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่จะเข้าใจ ปล.ภาคสนามนะครับ จากคุณ : คุณธรรมค้ำโลกา (gratitude) เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 09:03:58

ความคิดเห็นที่ 21 เรื่องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนพูดเก่งคงต้องค่อยเป็นค่อยไป ขอเป็นกำลังใจให้ครับ :) เรื่องงาน ตอนสัมภาษณ์ก็เตรียมไว้ว่าเขาจะถามอะไรและเราควรตอบอะไรบ้าง ตอนเพื่อนผมสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ก่อนไปต่อ MBA เมืองนอก มันจดสคริปต์ไว้หมดเลยนะว่าคำถามไหนต้องตอบอะไร แล้วก็อ่านตามเฉย - -" ผมว่าเจ้าของกระทู้ยังดีนะ มันก็มีเหมือนกันนะพวกโปรไฟล์ไม่ได้เรื่องแต่สัมภาษณ์งานเก่งตอแ_ลสารพัดแล้วได้งานดีๆไปเยอะแยะเพราะวิธีคัดคนของ HR ก็ไม่ได้ประเมิน competency อย่างมีประสิทธิภาพอะไร สุดท้ายไม่ได้เก่งตามที่โม้ไปจริงก็ทำได้ไม่นาน จากคุณ : ชีริว เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 09:04:10

ความคิดเห็นที่ 22 สงสัยตรงข้ามกับเราอะ เพราะเราชอบคุยกับคนแปลกหน้า กับแม่ค้า มอไซค์ แท๊กซี่ คุยได้หมดเลย เราว่าฝึกได้นะคะ  เท่าที่เราสังเกตเวลาคุยกับคนอื่นคือ จิตวิทยาของการคุยที่ดี และทำให้คนที่เราคุยด้วยเค้าเปิดใจกับเรา คือการเปิดโอกาสให้คู่สนทนาพูดในสิ่งที่เค้าภูมิใจออกมาให้ได้ ยกตัวอย่าง เวลานั่ง taxi เราก็ทำลายความเย็นชาที่มีต่อกันออกไปก่อน เช่นทักทายว่า "เพิ่งมาส่งลูกค้าแถวนี้เหรอคะ"  แล้วดูว่าเค้ามีท่าทางอยากคุยกับเราต่อไหม  ถ้าท่าทางคุยได้ ก็ถามต่อ"พี่ขับรถมานานยัง" "ช่วงนี้ขับรถเป็นไงมั่ง" "พี่เป็นคนที่ไหนอะคะ" "อ๋อ หนูเคยไปเที่ยวแถวบ้านพี่แหละ บรรยากาศดีมากเลย" บลาๆๆๆ  trickก็คือ คำถามต้องเป็นปลายเปิด และพยายามพูดในเรื่องที่คำให้คู่สนทนาพอใจ หรือเวลาคุยกับแม่ค้าก็ชวนคุยไปเรื่อย "ขนมอร่อยดีนะคะ ทำเองเหรอคะ"  "คราวก่อนซื้อไปฝากเพื่อน เค้าชมใหญ่เลย นี่ก็โดนใช้ให้มาซื้อให้เนี่ย"   พอซื้อเสร็จจ่ายตังแล้วก็ตบท้ายด้วยคำว่า "ขายดีๆนะคะ" พอคุยไปเรื่อยๆ และได้ feedback ดีๆกลับมาคุณจะมีความมั่นใจมากขึ้น และรู้สึกว่าการคุยกับคนแปลกหน้าเนี่ยเป็นเรื่องสนุกไปเลยค่ะ  และจะไม่ค่อยเป็นปัญหาเวลาไปสัมภาษณ์งานด้วย เป็นกำลังใจให้จ้า จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 09:42:39

ความคิดเห็นที่ 23 ฝึกฝนครับ พูดหน้ากระจก และชวนคนอื่นคุยดู เริ่มจากเรื่องง่าย ๆ คนเรียนไม่เ่ก่ง อยากเก่ง ยังต้องขยันอ่านหนังสือ เรื่องอื่นก็เช่นกันครับ จากคุณ : zoopod เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 10:14:23

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าผมเจอแบบ #22 สงสัยจะคิดว่าเค้าแอบชอบเราป่าวหว่า จากคุณ : nisas เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 10:29:27

ความคิดเห็นที่ 25 ออกไปเจอคนเยอะๆครับ ผมว่าคุณอยู่ในโลกของคุณมากเกินไปครับ ..อาจจะเครียดเกินไป ออกไปรีแลกซ์บ้าง ..ออกไปเจอผู้คน ไปทำกิจกรรมบ้าง แล้วความประหม่าอะไรต่างๆของคุณจะค่อยๆหมดไปครับ แต่ตอนนี้เพราะคุณอาจจะออกไปเจอสังคมน้อยไปนิดนึง ทำให้เวลาที่ต้องทำอะไรต่อหน้าคน คุณก็เลยอาจจะประหม่าครับ จริงๆผมก็เป็น ..ผมผ่านการพูดต่อหน้าคนมาเยอะเหมือนกันนะ แต่ผมก็ตื่นเต้นทุกครั้งเวลาต้องพูด ..ความประหม่าเกิดกันได้ทุกคนแหละครับ คุณก็แค่อาจจะขาดเรื่องการฝึกฝน คราวหน้าถ้าคุณคิดว่าจะต้องพูดต่อหน้าคน ต้องฝึกเยอะๆครับ เหมือนที่หลายๆคนข้างบนว่า คือฝึกพูดกับกระจก ฝึกให้ชิน ให้รู้สึกเป็นปกติ ..เข้าห้องน้ำก็ลองฝึกพูดคนเดียวดู คิดตั้งคำถามกับตัวเองว่าจะเจอเค้าถามยังไง ..แล้วเราจะตอบยังไง คิดไปเยอะๆว่าจะตอบยังไงบ้าง ..เผื่อเอาไว้ คิดว่าถ้าทำยังงี้ทุกวันก็น่าจะดีขึ้นครับ ..จำไว้ว่า อย่ากลัว!!! เพราะความกลัวคือสิ่งที่คุณสร้างขึ้นเอง แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 20:28:08 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 20:27:13 จากคุณ : เด็กส่งแก๊ส เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 10:32:11

ความคิดเห็นที่ 26 ^ ^ จิ้มทะลุไป #24 จิงดิ๊  กรำแล้วไหมล่ะ     แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 10:32:48 จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 10:32:17

ความคิดเห็นที่ 27 คุณต้องฝึกทักษะการพูดคับ วิธี ง่าย ๆ คุณก็ไปจีบสาวบ่อย ๆ สิครับ เดี๋ยวก็พูดคล่องปลื๊ด ... แรก ๆ คุณก็อาจจะเก็บประสบการณ์ โดยการสนทนากับคนที่คุณรู้จักก่อนคับ ง่าย ๆ ประมาณว่า ต้องคุยกับเราชัวร์ ๆ พอเริ่มคุยได้คล่องแล้ว ก็พัฒนาไปคุณกับเพื่อนของเพื่อน คุณอีกที   แล้วต่อจากนั้นก็ลองไปคุยกลับ คนที่คุณไม่รู้จัก  ถ้า run ตามนี้น่าจะฝึกได้ไม่ยากคับ.. จากคุณ : biawiz เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 10:37:58

ความคิดเห็นที่ 28 John Robert Powers เหรอ  เคยมีเพื่อนบอกว่า คอร์สละ 16000 เอง ไม่รู้ว่าจริงป่าวนะ การฝึกฝนตัวเองคงดีที่สุด  เช่นเวลาทะเลาะกับน้อง  พยายามด่าให้ทัน 555+ จากคุณ : CrispyShrimpTempura เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 10:55:26

ความคิดเห็นที่ 29 ถามเจ้าของกระทู้หน่อยครับว่าตอนเรียนเคยทำกิจกรรมบ้างรึป่าว ? ไม่ใช่อะไรหรอก เรื่อง Human relationship น่ะ คนที่เข้าร่วมกิจกรรมบ้างจะมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นๆ (รวมถึงคนแปลกหน้าด้วย) ไม่ต้องเครียดครับ เรื่องอย่างนี้มันพัฒนากันได้ การสัมภาษณ์งานจิงๆเวลาที่เรียกมานี่เค้าก็ screen บ้างก่อนที่จะเรียก พอเรียกมาสัมภาษณ์แล้วต้องทำให้เค้ามั่นใจว่าเราเก่งจริงและสามารถสื่อสาร เป็นผู้นำ(หรือผู้ตาม) ในการทำงานที่เค้าต้องการได้ครับ จากคุณ : Akula Class เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 11:00:19

ความคิดเห็นที่ 30   มี IQ แต่ขาด EQ. มีถมเถไปครับ ในสังคมไทย. จากคุณ : กินหนมดมน้ำ เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 11:02:42 A:192.168.200.226 X:61.90.14.196

ความคิดเห็นที่ 31 อิ อิ มีคนบอกว่าให้ไปสมัครเป็นนักธุรกิจขายตรงค่ะ... รายไหนรายนั้น จากที่เจี๋ยมเจี้ยม ขี้อาย .... กลายเป็นพูดน้ำไหลไฟดับ จนเราต้องเดินออกมา่จากวงสนทนาเอาซะดื้อๆ เพราะพูดไม่หยุดซักที... ทีนี้เอาแบบจริงจัง ก็มีหลายคนแนะนำแล้วนะคะ ว่าต้องลองสร้างสถานการ์์ณ แล้วคิดว่าเราต้องพูด หรืออธิบายว่ายังไง อย่างเช่นเวลาสมัครงาน เค้าควรจะถามอะไร ก็ทำเป็น list ไว้ แล้วร่างคำตอบเอาไว้ โดยเรียบเรียงให้เข้าใจง่าย ไม่วกวน เพราะคนถามเค้าอยากได้คำตอบสั้นๆ ชัดเจน อย่างหนึ่งที่สังเกตเองคือ เวลาลูกถาม เราต้องพยายมอธิบายให้เค้าเข้าใจง่ายๆ พูดช้าๆ ชัดๆ แอบแทรกมุกขำๆ ทำให้ติดมาใช้ที่ทำงาน คือพูดช้าลง พูดอธิบายให้คนฟังเข้าใจง่ายขึ้น อารมณ์เย็นขึ้น... คุณว่าคุณเรียนเก่ง ลองไปสอนพิเศษเด็กดูสิคะ เพราะคุณต้องเตรียมการสอน และต้องเรียบเรียงคำอธิบายให้เด็กเข้าใจง่าย ... ตรงนี้จะฝึกให้คุณได้พูด ได้อธิบาย ได้ฝึกทักษะในการสื่อสาร ...ได้สตางค์ใช้อีกต่างหาก... จากคุณ : == พิ้งค์กี้ == เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 11:03:46

ความคิดเห็นที่ 32 .. แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 11:04:36 จากคุณ : i will ok เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 11:03:51

ความคิดเห็นที่ 33   .... ถ้าเป็นอย่างที่ จขกท บอก คิดว่า อาการที่เป็นอยู่คงทำให้ จขกท อึดอัดมากพอควร แล้วคงรู้สึกไม่ค่อยดีกับตัวเองมากนัก โดยเฉพาะ ตอนที่สัมภาษณ์งาน....ที่รู้สึกว่ามีความรู้ แต่ไม่สามารถถ่ายทอดออกไปในขณะนั้นได้ กรณีนี้อาจทำให้เสียโอกาสในการทำงาน แม้ว่า... profile จะดีก็ตาม.... คิดว่า... จขกท ต้องลองถามตัวเองอย่างจริงใจนะครับว่า... ตอนที่ จขกท ตอบคำถามมีความรู้สึกกับอย่างไร ช่วงเวลาที่กำลังตอบคำถาม คือ ก). กำลังคิดหาคำตอบ แต่รู้สึกความคิดไม่แล่น ข). คิดคำตอบได้ แต่ไม่ค่อยตรงกับใจ ค). รู้สึกประหม่า  และพยายามคิดหาคำตอบ ง). รู้สึกประหม่า และเมื่อต้องพูดสื่อสารด้วยแล้ว     คำพูดจะไม่ต่อเนื่อง จ). อื่นๆ จขกท. จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด (ถ้าตอบถูก ไม่ได้คะแนนหรือ กิฟท์ใดๆ ทั้งสิ้นขอบอก ) แต่ถ้า จขกท. เลือกเฉพาะข้อ จ.) ข้อความถัดจาก ข้างล่างนี้ ไม่ต้องอ่านต่อนะครับ และขออวยพรให้ จขกท. โชคดีครับ --------------------------------- การตอบคำถามสัมภาษณ์ จะเกี่ยวเนื่องกับการพูด โต้ตอบครับ  บางทีการพูดโต้ตอบของเรา ที่ติดขัดส่วนใหญ่อาจเกิดจากสาเหตุใหญ่ๆ เช่น (อาจมีกรณีอื่นๆ อีก ให้สมาชิกท่านอื่นช่วย เพิ่มเติมนะครับ ) 1 ความคิดจัดเรียงไม่ทัน  หรือความคิดที่เร็วเกินไป  และส่วนสั่งการให้พูดไม่ทัน 2 ความประหม่า ทำให้สมองคิดอย่างบีดรัด หรือ  ไม่ได้คิดเลย มัวแต่ประหม่า ถ้าเป็นกรณีที่ 1 แม้ว่าเราจะมีความรู้มาก แต่ไม่สามารถ ส่งถ่ายความรู้ออกไป  โดยเฉพาะในกรณีที่มีการ แข่งขันกัน  อันนี้เสียหายครับ ทำให้เสียโอกาส เปรียบไปก็เหมือน กับเรามีเครื่องส่ง แต่เสาอากาศไม่มี หรือไม่ดี  ทำให้ Gain db ในการส่ง ส่งไม่ออกครับ จขกท. ก็ต้องบริหารเสาอากาศ คือส่วนที่เราใช้แสดงออก ให้ได้มีประสิทธิภาพครับ  เพราะคนเราเก่ง แต่ถ้าไม่สามารถ แสดงความสามารถเป็นที่ประจักษ์ได้ก็ลำบากนะครับ ในแง่ที่เราไม่สามารถลำเลียงทรัพยากรความรู้ให้ชาวบ้านเขาทราบ ว่าเรารู้และสามารถจะจัดการและช่วยในการสร้างองค์กรเขาได้ ....ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ต้องไม่มองข้ามความสำคัญในเรื่องการพูด การพูดไม่เก่งจะเกิดกับคนที่ไม่ค่อยสังคมกับชาวบ้านมากเท่าที่ควร ทำให้ขาดทักษะการสื่อสารกันครับ  ทำให้เวลาที่ต้องสื่อสารกัน จะเกิดความเครียด แบบเราไม่รู้ตัว  ....อาจเป็นกล้ามเนื้อ ส่วนที่ใช้พูด  ส่วนบริเวณขมับ ส่งผลต่อกลไกทั้งระบบ ทำงานไม่ประติดประต่อ ....และต่อเนื่อง ....ทางแก้ก็ต้อง หาโอกาสสังคมกับชาวบ้านมากๆ ครับ แล้วหาโอกาสพูดมากๆ ไม่ต้องสาระก็ได้ครับ พอได้แล้ว  ค่อยเข้าเรื่องสาระแบบมีภาพโครงสร้าง ไดอะแกรมเป็นภาพอยู่ในความคิด ชาวบ้านเขาเรียกไดอะลอก แต่เป็นไดอะลอก ที่มี dynamic คือเปลี่ยนแปลงได้ เหมื่อนที่ความเห็น #22 ที่แนะนำให้ลองพูดกับคนหลากหลายอาชีพน่ะครับ...และความเห็นดีๆ ทั้งหลายข้างบนนั้นน่ะครับ แต่ถ้าจะให้สมจริงและการแก้ไขแบบครอบคลุมใน เรื่องของประหม่าด้วย ก็นี่เลยครับ หาโอกาส จีบสาวสักคน ....เพราะเวลาที่เราจะจีบใครสักคน (ที่ถูกใจ) มันจะเกิดทันทีอยู่ 2 เรื่องคือ 1.ความประหม่า 2.เราจะพูดเรื่องอะไรดีน๊ะ ถ้าใช้สถานการณ์ซ้อมรบแบบนี้ น่าจะครอบคลุมกับการแก้ไขปัญหาข้างต้นได้ครับ ที่สำคัญ อาจได้ผลลัพธ์ในทางบวกอีกคือ ได้ แฟน ครับ แต่ถ้าเทคนิคที่แนะนำ หาคนโต้ตอบหรือคนที่เป็นแฟนยาก ถ้างั้นก็ขอแนะนำอีกเทคนิคหนึ่งครับ... ....สวดมนต์  ครับ  ฟังดูตลก   แต่ ช้าก่อน... ฟังให้ตลอดก่อนนะครับ คือเวลาที่เราสวดมนต์ยาวๆ สวดดังและชัดๆ แล้ว สายตาต้องอ่านมนตราด้วย ส่วนใหญ่แล้วบทสวดที่เลือกต้องยาวพอควร (>20min) คำอ่านมนต์จะอ่านยาก สำหรับคนที่ไม่เคยอ่าน ...ทำให้จิตใจต้องจดจ่อกับข้อความ .....ส่งผลให้กลไกคำพูดและความคิดไปในทิศทางเดียวกัน และสัมพันธ์กัน ทดลองทำสัก2สัปดาห์  แล้วไปพูดสื่อสารกับคนที่เราคุ้นเคย แล้วถามเขาถึงน้ำเสียงของเรา ว่ามีการเปลี่ยนแปลงบ้างไหม กรณีพัฒนาให้เทคนิคสูงขึ้นเวลาที่สวดมนต์นั้น ข้อสำคัญ พยายามให้หูของเรามีสติรับฟังเสียงของเราด้วย อันนี้เป็นหัวใจสำคัญข้อหนึ่งเลยครับ... ถ้าเราได้ยินเสียงที่เราสวดมนต์ ประสาทสัมผัสของเรา จะ synchronise ไปพร้อมกันในหลายส่วน ทำให้ทำงาน ดีขึ้นและสัมพันธ์กัน ...ยิ่งไปกว่านั้น  ถ้าเราทำไปสักพักหนึ่งจะพบว่า ในช่วงที่เราสวดมนต์ แม้ว่าจะต่อเนื่อง แต่ความคิดของเราสามารถที่จะแวบไปคิดเรื่องอื่นได้ (แต่ไม่ใช่เป็นสิ่งดี  เพียงแต่แสดงให้รู้ว่าความคิดมันไวมาก) ซึ่งเราก็ต้องบังคับให้ความคิดมุ่งอยู่ที่เสียงสวดมนต์ เพื่อให้เราบังคับความคิดได้ในระดับหนึ่ง... หลังจากนั้นแล้ว  เมื่อเวลาที่เราได้รับคำถาม ในลักษณะการโต้ตอบแบบ Real time เราจะพบว่า เวลาที่เราจะนำคำตอบมาเพื่อตอบ ขณะที่เราใช้เสียง เราจะสามารถคิดตามไปด้วย ถ้าพัฒนาเทคนิคนี้ต่อไป  เราก็จะสามารถโต้ตอบ ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่เครียด และบางทีอาจครอบงำ การถามคำถามนั้นได้ ด้วยคำตอบของเรานะครับ จำได้ว่ามีงานวิจัยถึง โทนเสียงที่พิธีกร ถามคำถาม กับแขกรับเชิญ  พบว่า แขกรับเชิญบางคน สามารถครอบงำหรือชี้นำคำถามด้วยความถี่ของโทนเสียง ซึ่งบางทีแขกรับเชิญคนนั้นอาจมีความมั่นใจมากอยู่แล้ว การแสดงออกจึงแฝงมากับโทนเสียง และโทนเสียง ความถี่ดังกล่าวมีผลกับพิธิกรครับ  ทำให้พิธีกรต้อง ปรับโทนเสียงตามไปโดยไม่รู้ตัว... ตั้งใจว่าจะเขียนไม่กี่บรรทัด ไหงมันกลายเป็น หลายบรรทัดซะงั้น  ...(ต้องขออภัย บรรดาเพื่อน สมาชิกทั้งหลายด้วยครับ ทำให้ ตาลาย น่ะ) จำสุภาษิตอันหนึ่งที่เขาบอกว่า... ....การอ่าน ทำให้คนเป็นคน    การเขียน ทำให้คนเราชัดเจน... ... ถ้างั้นก็อยากจะคิดต่อว่า    การพูด(ที่ดีและงาม)    ก็คงทำให้เราเป็นคนที่ดีงามและชัดเจน    ด้วยเช่นกัน นะขอรับ ..... จากคุณ : mars robot เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 11:14:28

ความคิดเห็นที่ 34   ผมก็เคยเป็นอย่างคุณ ผมก็เรียนค่อนข้างดี แต่เวลาพูดนี่ซิ่ ตะกุกตะกักตลอด ไม่ได้แสดงความสามารถที่มีอยู่จริงออกมาทางคำพูดได้ ต้องฝึกพูดบ่อยๆครับ สร้างความมั่นใจก่อนสัมภาษณ์ พูดไปเยอะๆ มั่วบ้าง ถูกบ้าง อย่าได้สน ขอมั่นใจไว้ก่อน ผมว่าคุณยังไม่มีแฟนแน่ๆเลย เพราะคงไม่กล้าโทรไปจีบ กลัวพูดตะกุกตะกัก ดังนั้น วิธีง่ายๆ แนะนำให้หม้อหญิงเยอะๆ หัดโทรหาบ่อยๆ จะช่วยฝึกให้คุณพูดได้ไหลลื่นขึ้น ผมก็ได้จากตรงนี้ + ประสบการณ์ในการทำงานนานๆด้วย จากคุณ : tottui เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 11:16:12

ความคิดเห็นที่ 35 ผมก็พูดต่อหน้าสาธารณะไม่ค่อยเก่งเหมือนกัน เห็นหลายๆ คนแนะนำให้ จขกท. ลดความคิดว่าตัวเองเรียนเก่ง ผมไม่คิดว่า ego เรื่องการเรียนเก่ง จะเกี่ยวกับปัญหานี้เลยครับ เวลาได้ยินคำถาม ให้หยุด แล้วคิดก่อน เงียบซักพักไม่มีใครว่าอะไร อย่าลน อย่าเร่งตัวเอง อย่าคิดว่าต้องรีบตอบ ไม่ต้องพูดเร็ว ถ้ามีโอกาสเตรียมตัวได้ ก็เตรียมตัวให้ดี เขียนบทให้ตัวเอง แล้วซ้อมพูดซักรอบ หาโอกาสพูดในที่สาธารณะ หรือเป็น trainer/tutor สอนคนอื่นเรื่องอะไรก็ได้ เห็นด้วยกับคำแนะนำว่าให้ไปสังสรรค์ สนทนากะเพื่อน พูดคุยกับผู้คนจริงๆ บ้าง จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 11:22:55

ความคิดเห็นที่ 36 เด็กติดเกมส์ติดเน็ตชอบเป็นครับ วันๆไม่ได้คุยกับใครอยู่แต่กับคอมพิวเตอร์ พอไปคุยกับใครจะจับต้นชนปลายคำพูดตัวเองไม่ถูกพูดกับคนอื่น คนอื่นจะฟังไม่เข้าใจ จะทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเองครับ เหมือน จขกท รู้ทั้งรู้ว่าเค้าถามอะไร แต่มันเรียบเรียงคำตอบออกมาไม่ได้ ผมขอเสนอทางแก้ครับ ต้องหัดคุยกับคนอื่นบ่อยๆ ครับไปไหนมาไหนได้เจอผู้คนบ้างครับ จะได้หัดถาม จะได้ไม่อายครับ จากคุณ : askedwutt เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 11:47:16

ความคิดเห็นที่ 37 ปิดคอมพิวเตอร์แล้วออกไปพูดคุยกับคนอื่นๆในสังคม จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 12:11:29

ความคิดเห็นที่ 38 พูดไม่ค่อยเก่ง.. แต่รักหมดใจ จากคุณ : อยากหล่อครับ เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 12:45:02

ความคิดเห็นที่ 39 ต้องเม้านินทากับชาวบ้านเยอะ ๆ ครับ จากนั้นจะพูดแบบน้ำไหลไฟดับเลย - -" ล้อเล่นครับ เค้าเรียกว่า "เข้าสังคม" ต่างหาก คนที่อยู่ในสังคมทำกิจกรรมตลอดมักเป็นคนพูดเก่งครับ จากคุณ : Seiki เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 13:00:54

ความคิดเห็นที่ 40 ในสังคมไทยนี่หาคนพูดเก่งยากนะ..       ส่วนใหญ่มีแต่พูดมาก.. จากคุณ : tenno เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 13:23:06

ความคิดเห็นที่ 41   อยู่ที่งานที่คุณไปสมัคร  บางแห่งเค้าก็ไม่ต้องการคนพูดเก่งๆนะครับ ชอบคนทำงานเก่งๆ  ยกเว้น คุณไปสมัครงานด้าน PR HR MKT SR PA Trainer พวกนี้ส่วนใหญ่ใช้ไหวพริบ บุคลิก แล้วก็พูดต้องมีวาทะศิลป์ แต่ถ้าคุณไปสมัครงานด้านนั่งโต๊ะแบบตัวใครตัวมันละก้อ เช่น โปรแกรมเมอร์ บัญชี อะไรเทือกๆนี้ ไม่ต้องพูดเก่งแต่เน้นความรอบคอบครับ พูดมากๆเค้าก็ไม่รับ ถือว่าสมาธิไม่ดีพอ พูดแบบน้ำไหลไฟดับก้ไม่ช่วยอะไรหรอกครับ ต้องมาดดี นิ่ง คิดก่อนพูด อธิบายงานของเราได้ดี สื่อสารกับชาวบ้านรู้เรื่อง พอแล้วครับ ส่วนเวลาไปสมัครงาน มันต้องมี Script ครับ ไม่ใช่ว่าทุกคนสามารถบอกได้หมด คุณต้องเดาทางการสัมภาษเอง แล้วเขียนบทพูดเอง ด้นสด เหลวทุกรายครับ จากคุณ : CitizenShip เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 13:27:43

ความคิดเห็นที่ 42 อาจจะเป็นเพราะเครียดเกินไปค่ะ ประมาณว่าคาดหวังกับตัวเองมากว่าทุกอย่างมันต้องออกมาแบบดี สังเกตจากที่จขกท.เล่านะ ที่บอกว่า"ผมเป็นคนเรียนเก่งนะครับ เวลาเขียนงานอะไรออกมาจะทำได้ดีตลอด"  พอถึงเวลาหนึ่งที่คุณต้องพูดออกมาก็จะพยายามเรียบเรียงความคิด คิดมากว่าตัวเองจะพูดอะไรออกมาดีให้มันฟังดูดีน่ะ ความจริงแล้วการพูดเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เราแค่คิดยังไงก็พูดออกมาแบบนั้น อาจไตร่ตรองสถานการณ์เล็กน้อย ว่าอะไรที่ควรพูดไม่ควรพูดบ้าง ก็แค่นั้นเอง การที่เป็นคนอ่านเก่ง เขียนเก่ง ก็จะเป็นคนที่คิดเก่งด้วยนะคะ บางที่จขกท.ลองทำใจให้สบาย แทนที่เราจะแค่เพียงพิมพ์ความรู้สึกออกมา ก็หัดลองพูดความรู้สึกออกมาดูบ้างดีไหม ใหม่ๆมันอาจไม่ราบรื่น แต่ทำไปนานๆมันจะดีเอง จริงๆเราเป็นคนชอบฟังคนอื่นพูดมากกว่าพูดเอง แต่เวลาฟังก็จะคิดตามไปด้วย ถึงจังหวะที่ตัวเองจะพูดจริงๆมันก็จะไหลลื่นไม่ค่อยสะดุดน่ะ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 14:23:08 จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 14:22:52

ความคิดเห็นที่ 43 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 15:12:02

ความคิดเห็นที่ 44 ........ผมมีวิธีแก้ให้เรียบร้อยเลยครับ ค่อยๆอ่านทำความเข้าใจ             เรียน เก่ง มีสองประเภทครับ 1. เรียนเก่งโดย มีความพยายามสูง 2. เรียนเก่งเพราะ ไบท์ 1. มีความพยายามสูง ใช้ความพยายาม ทำความเข้าใจ ทบทวนหลาย     ครั้งหลายหน มี อีโก้ ที่ดี เอาชนะ อิด ความขี้เกียจ ได้ทั้งหมด มี     สมาธิสูง แต่ขาดจินตนาการครับ แก้ด้วย วาดภาพครับ ลองหัดวาด     ภาพเยอะๆ เช่น จะวาดดอกไม้ ให้มองดอกไม้ แล้ว จำดอกไม้เอา     ไว้ในหัว จากนั้น ทิ้งดอกไม้ไป แล้ว วาดดอกไม้ขึ้นมาเอง ตาม     จินตนาการ โดยไม่หันไปมอง ดอกไม้นั้นอีก     ดังนั้น เมื่อเราคุย เราจะจินตนาการเก่งขึ้นครับ  แล้วเราจะพูดตาม     จินตนาการได้ครับ ส่วนใหญ่แล้ว พวกที่เรียนเก่งจาก การขยัน นั้น     ส่วนใหญ่ จะเล่นกีฬาไม่เป็นเลยครับ เพราะขาดจินตนาการนั่นเอง     มีอีกวิธีง่ายๆนะครับ แต่ไม่ดี ไม่อยากแนะนำ เอาไว้เป็นความรู้ก็แล้ว     กันครับ คือ หัดแต่งเรื่องครับ ถ้าไม่มีความพยายามจะแต่งหนังสือ     ก็หัดโกหกครับ หัดสร้างเรื่อง แต่ก็ไม่ดีนะครับ เอาง่ายๆคือ วาดรูป     ดีกว่าครับ เพราะกว่าเราจะเขียนอะไรลงไปในรูป เราจะจินตนาการ     ก่อนวาด คนโกหก ก็เหมือนกันครับ เขาจะจินตนาการเหตุการณ์     เหมือนเกิดขึ้นจริงๆก่อน และ พูดโกหก ไปตามจินตนาการนั้น     ทำให้พูดได้เนี่ยนครับ บางคนจินตนาการจนตัวเองเข้าไปสู่จินตนาการ     นั้นเลย อย่าง ดาราบางคนครับ พอคุณจินตนาการเก่งขึ้น คุณก็จะ     พูดได้ลื่นขึ้นเองครับ 2. ไบท์  พวกที่เรียนเก่งมาจากการ ไบท์ พวกนี้ ไม่มีปัญหาครับ เพราะ     จินตนาการสูง อาจารย์แทบไม่ได้สอนอะไรเลย แต่คิดได้ก่อนไป     ไกลแล้วครับ จะแตกต่างจากพวกที่ 1 ครับ คือ จะไม่ชอบท่องจำ      เช่น ถ้าถามว่า sin30 มีค่าเท่าไร คนพวกนี้ มักจะต้องวาดภาพ      สามเหลี่ยมและเขียนมุมลงไปจากนั้น ก็จะเริ่มคิด ตรง ฉาก      ชิด ฉาก ตรง ชิด ต่างจากพวกที่ 1 ครับ ซึ่งจะไม่เขียนรูป จะใช้      ท่องค่าออกมาเลย ตามจริงวิธีแก้ปัญหาของคุณ ยังมีอีกหลายวิธีนะครับ ลองวาดภาพก่อน แล้วถ้าไม่ดีขึ้น เดี๋ยวมาถามอีกก็ได้ครับ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 19:00:27

ความคิดเห็นที่ 45 พูดไม่เก่งเหมือนกันเลย...แถมเรียนไม่เก่งอีก แย่กว่าจขกทอีกเยอะเลย จากคุณ : ลูกหมูร้องจิ๊บ เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 19:26:24

ความคิดเห็นที่ 46 ไม่ได้ว่าเจ้าของกระทู้นะครับ แต่มันเหมือนกับที่เขาว่า ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ว่ามันมีจริงๆ จากคุณ : =. ลางเนื้อเจือลางยา .= เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 20:23:56

ความคิดเห็นที่ 47   คุณเจ้าของกระทู้ มีงานตั้งมากมายที่ไม่ต้องอาศัยทักษะการพูด ไม่ต้องท้อไป ทุกคนไม่ได้เกิดมาจะต้องมีทักษะการพูด อย่างคนที่ไม่มีทักษะคณิตศาสตร์ คำนวนอะไรก็ไม่เป็น พูดเป็นอย่างเดียว เค้าไม่เห็นต้องมานั่งเศร้ากับชีวิต พวกนั้นเค้าก็ลัลล้าไปวัน ๆ แล้วคุณล่ะ อะไรที่ จะทำให้คุณมีความสุข ? แทนที่จะต้องไปกดดันตัวเองให้ทำเรื่องที่ไม่ถนัด น่าจะคิดกลับกันว่า ศักยภาพ ภายในตัวคุณเอง ก็มีอยู่เยอะแยะ คุณมีสิ่งที่คนอื่นไม่มีอยู่ คุณสามารถดึงเอา ศักยภาพคุณขึ้นมาใช้ได้ไหม แทนที่จะไปคิดแต่ด้านมืด ไฮไลท์ด้านสว่างของ คุณดีกว่า ไม่ต้องไปเสียใจงานที่ไม่ได้ เพราะงานพวกนั้น ถ้าเค้ารับคุณไป คุณแน่ใจได้ ยังไงว่าคุณจะมีความสุขกับการทำงาน เค้าไม่ได้ต้องการคนที่ "เก่งเกินไป" แบบ คุณเพราะคุณจะสื่อสารกับคนอื่นลำบาก เก่งเกินหน้าตาเจ้านาย ฯลฯ งานอื่นที่ เค้าต้องการคนแบบคุณยังมีอยู่แหละ ถ้าคุณไม่ท้อ ก็ยังไม่แพ้ หาอะไรรีเล็กซ์ทำ ทำใจให้โล่งสบายซักพัก ก่อนจะกลับมาต่อสู้ในตลาดแรงงาน อีกรอบ  สู้ ๆ นะ จากคุณ : Black-White&Gray เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 20:30:53

ความคิดเห็นที่ 48 ฝึก ซ้อมครับ บ่อย ๆ จากคุณ : อีคิวศูนย์ เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 20:36:20

ความคิดเห็นที่ 49 ผมเคยเป็นแบบคุณครับ  สมัยมัธยมปลาย ผมเรียนเก่งมากๆ(ขยัน)  แต่มักพูดติดๆ ขัดๆ ประหม่าต่อหน้าผู้คน ชอบแคร์สายตาคนอื่น   พอขึ้นมหาลัย ผมเปลี่ยนตัวเองใหม่  จากหน้ามือเป็นหลังมือ  ไม่แคร์สายตาใคร  จีบหญิง  โดดเรียน  ได้ F ยัน A  ติด ไอ ทำกิจกรรมตามชมรมแทนเรียน  ผลก็คือ  มีความมันใจเต็มร้อย  เป็นคนกล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ   เพราะมันภูมิใจลึกๆ ว่า เราเคยเก่งแล้วและเราก็เคยไม่เก่งแล้ว  ทำให้ตัวเราเข้าใจคนที่ไม่เก่งและเข้าใจคนเก่ง   เราเคยเป็น 2 คนนั่นแล้ว   ทำให้เปลี่ยนมุมมอง ผู้คนโดยรอบว่าเขากับเราก็เหมือนๆ กัน  ไม่ต้องคอยระแวงระวังว่าเราจะพูดอะไรผิด  หรือจะพลาดอะไร  จึงทำให้มีความเป็นธรรมชาติในชีวิต   สุดท้ายชีวิตก็กลับมาสมดุล ซึ่งมันควรจะเป็นมาตั้งนานแล้ว  และตอบกับตัวเองมาเสมอว่า  ไม่เคยเสียใจเลยที่ใช้ชีวิตในมหาลัยแบบนั้น  เพราะมันได้อะไรกลับมาเยอะมากกว่าเกรดสวยๆ  หลายเท่าตัว   เทียบกับเพื่อนๆ ที่เข้ามาเรียนโทด้วยกันแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กเกียตินิยม ผมก็จะมีความกดดันน้อยกว่าเพื่อนๆมาก  ผมปัญหาที่ยากกว่านี้ผมก็ผ่านมันมาหมดแล้ว...                 เปลี่ยนตัวเองใหม่ครับ....อย่าใช้ชีวิตด้านเดียว จากคุณ : a fat cat in a hat เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 20:40:01

ความคิดเห็นที่ 50 ผมก็เคยเป็น เด็กเคยต้องท่องจบประโยค รวบกับขึ้นประโยคใหม่ติดกันไว้ โน้ตไว้ก็ได้ ลืมกันเยอะแยะไป จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 21:07:59

ความคิดเห็นที่ 51 เราก็เป็นคล้าย ๆ จขกท นะคะ   เราคุยไม่ค่อยเก่ง ไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรมาคุยกับคนอื่นอ่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ฟัง แล้วก็คุยโต้ตอบบ้าง แต่กับเพื่อน ๆ สนิทเราก็ปกตินะ   เราจะเป็นเวลาเล่าเรื่องอะไรต่าง ๆ เราจะเล่าไม่เก่ง พอเล่า ๆ ไปแล้วมันจะติด ๆ ขัด ๆ นึกคำที่เหมาะสมไม่ค่อยออก ทำไห้สิ่งที่เล่ามันไม่ค่อยน่าสนใจ อ่ะคะ     เราเคยสังเกตตัวเองว่าเราเป็นแบบนี้ แล้วเราก็ลองฟังเพื่อน ๆ เราดูเวลามันเล่า มันเล่าสนุก ตื่นเต้นน่าฟังอ่ะ   ไม่เหมือนเราเลย     คงเป็นเพราะเราพูดไม่เก่งด้วยแล่ะ เราไม่ค่อยชอบเข้าสังคม ชอบอยู่คนเดียว หรือ กับเพื่อน ๆ สนิทมากกว่า มันเลยไม่ได้ฝึกการโต้ตอบบ่อย ๆ เราว่า จขกท.  ควรเปิดตัวเองมากขึ้น  ออกไปเจอโลกภายนอก ไปเจอสังคม เจอเพื่อน คุยกับคนอื่นเยอะ ๆ  จะได้ฝึกการพูดนะคะ เราว่าเรื่องแบบนี้มันเปลี่ยนได้นะ ... ขอให้โชคดีนะคะ จากคุณ : นางร้ายหน้าหวาน เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 21:36:43

ความคิดเห็นที่ 52 อะไรถึงบอกว่าเก่งครับ ช่วยอธิบายด้วย ปกติ ถ้าเรียนเก่ง อย่างน้อย จะเป็นคนที่มีความจำดี สามารถคิด และสังเคราะห์ได้  จึงสามารถพูดและนำเสนอสิ่งที่ตัวเองเข้าใจได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยๆคนที่ให้คะแนนคุณ เขาเข้าใจ แต่ สิ่งที่คุณบอกมันตรงกันข้ามครับ จากคุณ : ฉันมันตัวเปล่า เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 23:07:42

ความคิดเห็นที่ 53   ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เจอคำแนะนำดีๆ อย่างนี้มาก่อนครับ ผมคิดถูกมากเลยที่มาตั้งกระทู้ในห้องนี้ หลายๆ ความเห็นทำให้ผมเข้าใจตัวเองมากขึ้นเลยครับ แล้วก็ผมก็เป็นอย่างที่หลายๆ คนบอกมาจริงๆ แหละครับ พวกไม่ค่อยเข้าสังคม ฯลฯ จุดนี้คงเป็นจุดหลัก ขอบคุณหลายๆ คนมากเลยนะครับ ที่เขียนแนะนำผมได้ละเอียดมากๆ เ่ช่น คุณ สองนิ้วชี้, mars robot, และอีกหลายๆ ท่าน และอีกหลายๆ คนที่ให้กำลังใจผม เช่น คุณ Black-White&Gray ฯลฯ ไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรดีครับ ทุกๆ ความเห็นแนะนำดีมากๆ เลยครับ ขอขอบคุณอีกครั้งนะครับ จากคุณ : QaQ เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 23:47:17 A:125.27.210.103 X: TicketID:164319

ความคิดเห็นที่ 54 รู้มั้ย ผมเรียนไม่เก่งแต่นึกคำ โครตเก่ง ชนิดที่ว่าเรียบเรียงคำได้สวยกว่าดอกเตอร์เวลาพูด คำเปรียบ คำเทียบ อุปมาอุปมัย ให้นึกภาพตาม รู้มั้ยทำไมเป็นแบบนั้น เพราะการทำงานสมองต่างกัน ผมเป็นศิลปิน รักถ่ายภาพ ชอบอ่านหนังสือที่ไม่ใช่หนังสือเรียน ชอบวาดภาพ ทำงานด้านกราฟฟิค ตัดต่อ เป็นโปรดิวเซอร์ คิดบท รวมถึงชอบงาน แกะสลัก               เห็นมั้ยว่าเราต่างกันตรงไหน สมองที่ใช้คนละซีกกันเลย จะจีบสาวที่ไม่ต้องยืดยาว บทสคริปพรั่งพรูออกมากเหมือนก๊อกน้ำ เพราะฉะนั้น คุณไม่แปลกหรอก จากคุณ : คนไทยใต้ฟ้า เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 03:20:05

ความคิดเห็นที่ 55 ฮุๆๆ  จขกท เป็นเหมือนผมเลย  พูดไม่ค่อยเก่ง อยากจะถ่ายทอดความรู้ หรือสิ่งที่เราอยากจะพูด แต่มันเรียบเรียงไม่ถูก ทำให้เวลาพูดไปแล้วมันพูดได้ไม่หมด ตะกุกตะกัก เวลาต้องการจะให้คนอื่นรู้ว่าเราต้องการให้เค้ารับรู้อะไรที่เหมือนที่เรารับรู้ มันก็ค่อนข้างยาก ฮ่าๆ จากคุณ : sUnTaO เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 03:35:17

ความคิดเห็นที่ 56 คิดอะไรสนุกๆออกแล้ว Level 1 ไปจีบสาวกับเพื่อนเอาเบอร์มาให้ได้ Level 2 ชวนคนแปลกหน้าคุย จนถามสมาชิกรายละเอียดคนในบ้านได้ Level 3 ไปเที่ยวคนเดียว แล้วจีบหญิงจนไปนั่งรวมโต๊ะให้ได้ Level 4 ไปร้านเหล้าราคาถูกๆคนเดียวแล้วไปรวมโต๊ะกับพวกขี้เมาชายได้ Level 5 ยังคิดไม่ออก ง่วง คิดเองมั่ง ลองดูนะว่างๆสนุกดีดีกว่าไปทำไรน่าเบื่อๆ แบบว่าฝึกพูดหน้ากระจก เข้าอบรมบุคลิก โอ๊ย คนธรรมดาใครเค้าทำกัน จะนั่งฝึกฝนอีกแล้วเหรอ  อืมแต่ในหัวข้อที่คิดไว้เล่นๆน่ะ ทำหมดแล้ว บ่อยด้วย ผมทำประจำล่ะ  คุยเลยไม่มีใครมาตัดเกรดหรอก จากคุณ : คนไทยใต้ฟ้า เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 03:43:18

ความคิดเห็นที่ 57 ต้องเข้าสังคมให้มากๆครับและก็หัดคิดนอกกรอบดูบ้าง ไม่ใช่ว่าคิดแต่แบบในตำราที่เรียนมาอย่างเดียว ทำแบบนี้แล้วสมองคุณจะมีกระบวนการคิดที่เร็วนะ จากคุณ : mhaque เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 13:09:23

ความคิดเห็นที่ 58 เข้าสังคมบ่อยๆ คุยกับคนเยอะๆ ช่วยได้ ตอนจบใหม่ๆ ไม่ค่อยได้เจอใครเล่นแต่เนตก็เจอปัญหานี้เหมือนกัน พอทำงานเจอคนตัวเป็นๆมันก็หายไปเอง ถ้ายังกลัวก็ซ้อมกับกระจกไปก่อน การซ้อมพูดคนเดียวไม่ใช่เรื่องประหลาด จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 20:40:08

ความคิดเห็นที่ 59 เป็นคนพูดแล้วคนไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะเรียบเรียงคำพูดไม่ค่อยถูก แต่ถ้ามีเวลาเรียบเรียงนานๆ มันก็รู้เรื่องนะ แต่มันไม่ทันกิน แล้วบางครั้งคิดว่าบอกไปอย่างหนึ่งแต่พูดอีกอย่างหนึ่ง ไม่ใช่อาการปากไม่ตรงกับใจนะ แต่มันคือ นึกว่าพูดสิ่งนั้นไป แต่ปากมันพูดอีกอย่างไปเองโดยไม่รู้ตัว แล้วก็ด่าคนไม่เป็นด้วย ด่าแรงสุดที่เคยพูดคือไอ้เลว แต่เนื่องจากด่าไม่เป็นเลยต้องระบายออกทางอื่น แต่ไม่บอกหรอกว่ายังไง อิอิ คือเวลาทำอะไรถ้าตั้งใจหน่อยจำทำช้ามากกกกกกก จะให้เร็วเท่าคนอื่นที่ทำงานปกตินี้ต้องชุ่ยแหลก จากคุณ : DevilDoll เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 53 00:19:10

ความคิดเห็นที่ 60 ตรงข้ามกับที่เคยเจอเลย ตอนนั้นบริษัทจ้างมาเป็นหัวหน้าเซลล์  พูดดี พูดเก่ง เป็นเรื่องเป็นราวมากๆ  พอให้ไปทำงาน (ขาย)  ขายสู้ลูกน้องไม่ได้  คือขายไม่ได้เลยสักเจ้า  ทั้งๆที่ดูจากการประชุมกันไรกันเค้าน่าจะขายได้ดีกว่าลูกน้องนะ ... จากคุณ : ทังโคริริน เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 53 01:16:11

ความคิดเห็นที่ 61   อาการเหมือนกันเลยค่ะ เริ่มท้อแล้ว เข้ามาอ่าน รับคำแนะนำของเพื่อนๆ ในกระทู้นี้ไปลองทำตาม วันศุกร์ไปสัมภาษณ์งานมา กะฝรั่ง เรียบร้อยเลยค่ะ ภาษาไทย ยังพูดไม่ถูกเลย เรื่องแบบนี้ คงต้องใช้การฝึกฝนอย่างเดียว สู้ๆ นะคะ จากคุณ : ตกงาน (pookjee) เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 53 02:17:13

ความคิดเห็นที่ 62   ไปเรียนกับ อ.สุขุม นวลสกุล ซิ แกเรียนเก่งและพูดเก่งมาก จากคุณ : เดินดงพงไพร เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 53 11:32:54

ความคิดเห็นที่ 63   เบื่อพวกไม่มีความรู้แล้วมาแขวะคนมีความรู้ .. จขกท.อาจจะมีบุคลิกแบบ INTP ตามการแบ่งแบบ Myer-Briggs ก็ได้ครับ ออกแนวโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบงานสังคม ชอบอภิปรายเรื่องตรรกะ เหตุผลและวิทยาศาสตร์ เป็นนักอ่านชั้นเลิศ มีเหตุผล ชอบทฤษฎี อยู่กับความเป็นจริง ไม่ชอบลำดับทางการเมือง มักฉลาดเกินค่าเฉลี่ย ทำให้หลายครั้งโดนคนประิเภทอื่นแขวะใส่ คาดว่าไอน์สไตน์น่าจะอยู่ในลักษณะนี้ ^^' (อย่างไม่เป็นทางการ) http://en.wikipedia.org/wiki/INTP เหมาะกับงานที่ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องบุคคลเช่น วิศวกร นักวิทย์ นักทฤษฎี นักบิน นักวิจัย หรือ งาน ที่ ไม่ได้ วัดค่า ที่ มนุษยสัมพันธ์ จากคุณ : DesservirPhilosophy เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 53 17:23:52

ความคิดเห็นที่ 64   เพิ่งเข้ามาดู ได้ความคิดเห็นดีๆ เพียบเลยหล่ะครับ ตอนนี้ผมก็เริ่มทำตามคำแนะนำบ้างแล้วครับ แต่ไม่รู้จะดีขึ้นได้มากแค่ไหน เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ จากคุณ : QaQ เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 53 20:54:10 A:125.27.222.56 X: TicketID:164319