ความคิดเห็นที่ 1 นักบุญออกุสตินแห่งฮิปโป (354-430) กล่าวไว้ว่า ข้าพเจ้าทราบว่าเวลาคืออะไรเมื่อยังไม่มีใครถามถึง แต่เมื่อข้าพเจ้าจะอธิบายให้ใครสักคนที่ถามถึง ข้าพเจ้ากลับไม่ทราบ ไม่ใช่เพียงนักบุญออกุสตินที่ประสบปัญหากับคำนิยามของเวลา เราทุกคนก็เช่นกัน เรารับรู้เวลาทางจิตวิทยา การผ่านไปของเวลาเป็นกระบวนการรับรู้พื้นฐานของจิตใจของเรา จากอดีตมายังปัจจุบันและไปต่อยังอนาคตอย่างไม่มีหยุดยั้ง แม้ว่าภาพพจน์ดังกล่าวจะดูเด่นชัด แต่มันกลับมีความขัดแย้งภายในตนเองอย่างลึกซึ้ง ไม่มีการไหลผ่านของเวลาในเชิงฟิสิกส์ และนักปรัชญาส่วนใหญ่ก็เห็นพ้องว่าการไหลผ่านของเวลานั้นไม่มีความหมาย การเปรียบเวลาเป็นดั่งวารีนั้นอยู่พื้นฐานของความเข้าใจผิด การหลอกลวงโดยจิตสำนึกของเราเอง จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 10:35:43

ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อเราพูดถึงเหตุการณ์ใดๆ เรามีวิธีอ้างอิงเวลาที่แตกต่างกัน บางครั้งเรากล่าวเจาะจงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบันหรืออนาคต เช่น สงครามโลกครั้งที่หนึ่งเกิดขึ้นในอดีต นาซ่าส่งมนุษย์อวกาศไปดาวอังคารในอนาคต หรือบางครั้งเราอ้างอิงเหตุการณ์หนึ่งเทียบกับอีกเหตุการณ์หนึ่งว่ามาก่อนหรือหลัง เช่น สงครามโลกครั้งที่หนึ่งเกิดขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง นาซ่าส่งมนุษย์อวกาศไปดาวอังคารหลังจากส่งไปดวงจันทร์ หากลองพิจารณาอย่างถี่ถ้วน การอ้างอิงแบบที่หนึ่งเป็นบอกเวลาที่เป็นจุดตายตัวบนสายกาลเวลา ส่วนการอ้างอิงแบบที่สองบอกเวลาสัมพันธ์กับอีกเวลาหนึ่ง ถึงตอนนี้ เราจะเข้าสู่ทฤษฎีเวลาสองทฤษฎีที่ทำให้นักปรัชญาถกเถียงกันมาอย่างยาวนานนับศตวรรษ ทฤษฎีเวลาแบบเทียบลำดับ (Tenseless time) และทฤษฎีเวลาแบบไร้ลำดับ (Tensed time) ทฤษฎีเวลาแบบเทียบลำดับถือว่าเวลาเป็นเช่นเดียวกับตำแหน่ง คือการอ้างอิงแบบที่หนึ่ง ซึ่งเป็นกล่าวถึงเวลาที่ไม่สัมพันธ์กับเวลาอื่น ลักษณะเดียวกับการบอกว่า นมอยู่ในตู้เย็นหรือไม่อยู่ในตู้เย็น ดังนั้นนมจะไม่สามารถที่อยู่ในตู้เย็นเมื่อเทียบกับสิ่งหนึ่ง และไม่อยู่ในตู้เย็นเมื่อเทียบกับอีกสิ่งหนึ่ง-เหตุการณ์หนึ่งๆจะเป็นอดีต ปัจจุบันหรืออนาคตอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่เป็นอดีต ปัจจุบันหรืออนาคตโดยเปรียบเทียบกับอีกเหตุการณ์หนึ่ง ทฤษฎีเวลาแบบไร้ลำดับถือว่าเวลาไหลผ่านและแปรผัน คือการอ้างอิงแบบที่สอง อันเป็นการกล่าวถึงเวลาสัมพันธ์กับเวลาอื่น เช่นเดียวกับการบอกว่า มานีนั่งทางขวาของชูใจ และนั่งทางซ้ายของปิติ เหตุการณ์หนึ่งๆเป็นได้ทั้งอดีต ปัจจุบันหรืออนาคต ขึ้นกับว่าเราเทียบมันกับเหตุการณ์อื่นใดที่เกิดขึ้นก่อนหน้าหรือหลังจากมัน ความแตกต่างของสองทฤษฎีนี้ถูกเสนอแนะโดยอริสโตเติล นักบุญออกุสตินและนักปรัชญาอื่นๆอีกจำนวนมาก แต่ข้อยุติของการถกเถียง ณ ปัจจุบันเกิดจากการโต้แย้งระหว่างนักปรัชญา เมื่อช่วงต้นถึงกลางศตวรรษที่ 20 นี้เอง จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 10:36:45

ความคิดเห็นที่ 3 ทฤษฎีเวลาแบบไร้ลำดับเป็นทฤษฎีที่สอดคล้องกับคำเปรียบเปรยที่ว่า เวลาเหมือนดั่งวารี และเป็นทฤษฎีที่สอดคล้องกับสามัญสำนึกของคนส่วนใหญ่ ทฤษฎีนี้กล่าวว่า อนาคตเป็นสิ่งไม่จริงแท้และยังมาไม่ถึง เหตุการณ์ที่แน่นอนหลังจากคุณอ่านข้อความนี้จบไม่มีอยู่ (อีกนัยหนึ่ง หลังจากอ่านข้อความนี้จบ คุณอาจจะอ่านต่อไปด้วยใคร่รู้ คุณอาจจะปิดกระทู้เพราะเริ่มปวดหัว คุณอาจจะถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกริ่งหน้าบ้าน ไม่มีใครรู้และไม่มีใครกำหนด) อนาคตคือความเป็นไปได้อันไม่รู้จบ และเมื่อเวลาผ่านไปข้างหน้าเอกภพจะเลือกเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งจากเหตุการณ์อันมากมายมหาศาล ส่วนอดีตนั้นเป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว มีความแน่นอนคงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้อีก นอกจากเวลาจะเปรียบดั่งวารีแล้ว แบบแผนของเวลาก็เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่แตกกิ่งก้านสาขาอันไม่รู้จบ เพื่อยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน เราจะลองยกตัวอย่างอนาคตอันผันแปรของอดอล์ฟ ฮิตเล่อร์ (1889-1945) ผู้นำนาซีผู้มีบทบาทสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์โลก เราทราบกันดีว่าจุดพลิกผันสำคัญของชีวิตฮิตเล่อร์เกิดขึ้นในวัยเด็ก เขาชอบวิชาศิลปะและอยากเป็นจิตรกรแต่บิดาของเขาไม่สนับสนุน อะไรจะเกิดขึ้นหากฮิตเล่อร์เลือกทางเดินชีวิตเป็นจิตรกรแทนที่จะเป็นผู้นำทหาร ขณะที่เขายังเป็นเด็กนั้น อนาคตช่างไม่แน่นอนและเป็นไปได้หลายเส้นทาง แต่เมื่อเขาเลือกเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งแล้ว สิ่งที่ผ่านมาก็เป็นอดีตที่แน่นอนและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 10:38:11

ความคิดเห็นที่ 4 ทฤษฎีเวลาแบบเทียบลำดับนั้นสอดคล้องกับสามัญสำนึกน้อยกว่า แต่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับนักวิทยาศาสตร์และนักปรัชญาส่วนใหญ่มากกว่า หลักการของทฤษฎีนี้คือ ไม่มีการไหลผ่านของเวลา ไม่มีการแปรผันกลับกลาย ไม่มีการแตกกิ่งก้านสาขาของเหตุการณ์ เวลาดำรงอยู่ของมันอย่างนั้น การแสดงเวลาเหมือนกับการแสดงตำแหน่ง เหมือนกับการระบุตำแหน่งมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทั้งหมดนี้ล้วนมีอยู่จริงแต่ไม่ได้อยู่ตำแหน่งเดียวกัน เหตุการณ์การเกิดของคุณ การที่คุณอ่านประโยคนี้ และการตายของคุณ ต่างมีอยู่จริงแท้ทั้งสิ้นและไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อขยายภาพของทฤษฎีนี้ มิติที่สี่จึงเข้ามาเกี่ยวข้อง (ซึ่งถูกพูดถึงครั้งแรกหลังจากศตวรรษที่ 19) เรารู้จักมิติทั้งสามที่เป็นสถานที่และมิติที่สี่ซึ่งคือเวลา ดังนั้นทฤษฎีเวลาแบบเทียบลำดับจึงไม่ใช่เรื่องลึกลับซับซ้อน หากเราระบุถึงเหตุการณ์สักอย่างหนึ่งนอกจากระบุตำแหน่งในพิกัดสามมิติแล้ว ก็ระบุเวลาที่แน่นอนชัดเจนเพิ่มขึ้นไปอีกหนึ่งมิติ จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 10:39:19

ความคิดเห็นที่ 5 การโต้แย้งของแมคแทกการ์ต จอห์น แมคแทกการ์ต (1866-1925) ได้เสนอข้อโต้แย้งอันเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักปรัชญาในบทความ “ความไม่จริงแท้ของเวลา” (The Unreality of Time, 1908) ในข้อโต้แย้งดังกล่าว แมคแทกการ์ตได้กล่าวถึงเวลาทั้งในรูปแบบที่สอดคล้องกับทฤษฎีเวลาแบบไร้ลำดับและแบบเทียบลำดับ เขาคิดว่า ทฤษฎีเวลาแบบไร้ลำดับนั้นสอดคล้องกับความคุ้นเคยของเรามากที่สุด อย่างไรก็ตาม เขาชี้ให้เห็นว่ามีความไม่สอดคล้องกันเองในทฤษฎีดังกล่าว ดังนั้นทฤษฎีเวลาแบบไร้ลำดับจะต้องผิด แต่ในเมื่อมันเป็นทฤษฎีที่ดีที่สุด (ในความคิดของแมคแทกการ์ต) ที่มีอยู่ เขาจึงสรุปว่า เวลาเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง! ข้อสรุปของแมคแทกการ์ตนั้นออกจะสุดขั้วเกินไป ภายหลังเมื่อมีความรู้เกี่ยวกับเอกภพของเรามากขึ้น นักฟิสิกส์ส่วนใหญ่จะสรุปว่า การไหลของเวลานั้นไม่มีอยู่จริง แต่เวลานั้นมีอยู่จริง ดังเช่นการมีอยู่ของอวกาศ จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 10:40:30

ความคิดเห็นที่ 6 ข้อคัดค้านต่อทฤษฎีเวลาแบบไร้ลำดับที่มีชื่อเสียงมากอีกประการหนึ่งคือ บทความของดี ซี วิลเลียม (1899-1983) ที่ชื่อ “เรื่องลึกลับของเวลาที่ล่วงไป” (The Myth of Passage, 1951) จากคำถามที่ว่า เวลาไหลผ่านไปเร็วเท่าใด? หากเวลามีการไหลผ่าน มันจะต้องมีการเคลื่อนไหวเทียบกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นคืออะไร? เวลาไหลด้วยอัตราเร็วเท่าไร? นักทฤษฎีเวลาแบบไร้ลำดับอาจตอบว่า “หนึ่งวินาทีต่อหนึ่งวินาที” แต่มันเป็นคำกล่าวที่มีเหตุผลหรือไม่? และเวลามีทิศทางหรือไม่? เพราะในกรณีของอวกาศนั้นไม่มีทิศทางหนึ่งพิเศษไปกว่าทิศทางอื่น หากเวลามีทิศทางแล้วมันไหลไปในทิศทางใด? (อันที่จริงเวลาจะไหลหรือไม่ก็ตาม เราอาจกำหนดทิศทางของเวลาด้วยลูกศรเทอร์โมไดนามิกส์ ซึ่งเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและไม่ขอกล่าวถึงอย่างละเอียดในที่นี้) จะเห็นได้ว่า ทฤษฎีเวลาแบบไร้ลำดับนั้นถูกโจมตีเยอะเหลือเกิน แต่มันไม่ได้จบลงแค่นั้น จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 10:41:26

ความคิดเห็นที่ 7 ในต้นศตวรรษที่ 20 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่เกี่ยวกับเวลาด้วย ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ซึ่งปฏิเสธการมีอยู่ของเวลาปัจจุบันอันเป็นสิ่งสมบูรณ์สากล ไอน์สไตน์กล่าวว่า การพร้อมกันนั้นเป็นสิ่งสัมพัทธ์ไม่ใช่สิ่งสัมบูรณ์ เหตุการณ์สองเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้น ณ เวลาเดียวกัน หากสังเกตจากกรอบอ้างอิงหนึ่งอาจจะเกิด ณ เวลาต่างกันเมื่อมองจากกรอบอ้างอิงอีกอัน ไม่มีเวลาที่เป็นหนึ่งเดียวในเอกภพแบบสัมพัทธภาพ มีเวลาที่แตกต่างกันมากมาย หนึ่งเวลาสำหรับหนึ่งกรอบอ้างอิง โดยต่างเป็นเวลาที่ถูกต้องเท่าเทียมกันทั้งสิ้น (ดูคลิปประกอบ) จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 10:43:01

ความคิดเห็นที่ 8 แน่นอนว่าทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษนั้นขัดแย้งกับสามัญสำนึกของคนส่วนใหญ่อย่างรุนแรง (เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะ เราไม่อาจสัมผัสมันได้ในชีวิตประจำวัน เราไม่มีโอกาสเคลื่อนที่ด้วยความเร็วใกล้ความเร็วแสง อีกนัยนะหนึ่ง กายภาพของเราไม่เอื้อให้เกิดโอกาสเช่นนั้นอีกด้วย) อย่างไรก็ตาม มันได้ขยายภาพทฤษฎีเวลาแบบเทียบลำดับให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เอกภพแบบท่อนเวลา (block time)  เป็นภาพอธิบายที่ชัดเจน ทุกชั่วขณะต่างดำรงอยู่และจริงแท้โดยตัวของมัน อดีต ปัจจุบัน อนาคตต่างมีอยู่จริงและถูกแสดงได้ด้วยท่อนเวลาตราบนิรันดร์เหมือนแช่แข็งไว้อย่างนั้น ความพร้อมกันของเหตุการณ์เปรียบเสมือนการตัดขวางท่อนเวลาเพื่อพิจารณาจุดเวลาหนึ่ง หากในแต่ละกรอบอ้างอิงจะมีการตัดท่อนเวลาในมุมที่แตกต่างกัน ความพร้อมกันของเหตุการณ์จึงแตกต่างกันแต่ละกรอบอ้างอิง ตอนนี้เราเข้าใจเกี่ยวกับเวลามากขึ้นแล้ว เรารู้ว่าเวลาไม่ไหลผ่านเหมือนวารี ทฤษฎีที่ถูกต้องและเป็นไปได้มากกว่าคือทฤษฎีเวลาแบบเทียบลำดับ รูปแบบของเวลาแทนได้ด้วยท่อนเวลา เมื่ออดีต-ปัจจุบัน-อนาคตต่างจริงแท้เท่าเทียมกัน ไม่มีสิ่งไหนพิเศษเหนือกว่ากัน และแต่ละเหตุการณ์เกิดขึ้นในจุดหนึ่งของเวลาที่ตายตัว หากแต่ละความพร้อมของเหตุการณ์เป็นสิ่งสัมพัทธ์ที่ขึ้นอยู่กับแต่ละกรอบอ้างอิง… จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 10:44:49

ความคิดเห็นที่ 9 ในการวิเคราะห์เชิงปรัชญาและฟิสิกส์กายภาพต่างชี้ให้เห็นว่า เวลาไม่มีการเลื่อนไหล มาถึงปริศนาสุดท้าย แล้วทำไมจิตใจของเราจึงรู้สึกว่าเวลานั้นมีการเลื่อนไหล หากพิจารณาให้ถี่ถ้วนยิ่งขึ้น จริงๆแล้วเราไม่เคยรับรู้การผ่านไปของเวลา เรารับรู้ถึงความไม่สมมาตรของเวลา อนาคตนั้นมีความแตกต่างจากปัจจุบันและอดีต การไหลผ่านของเวลาอาจเป็นเพียงมายาเช่นเดียวกับเวลาที่เราหมุนตัวหลายรอบแล้วหยุดกลางคัน เรารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายนั้นหมุนรอบตัวเราทั้งที่ไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวเลย ความไม่สมมาตรของเวลาทำให้เรารับรู้มายาการเลื่อนไหลของเวลา มีอยู่สองประการหลักคือ หนึ่ง ความแตกต่างทางเทอร์โมไดนามิกส์ระหว่างอดีตและอนาคต (ลูกศรของเอนโทรปี) การสร้างความทรงจำในสมองเป็นไปในทิศทางเดียวกับลูกศรของเอนโทรปี (การเพิ่มข้อมูล การเพิ่มความไม่ระเบียบในสมอง) ทำให้เรารับรู้ทิศทางของเวลาและหลงเข้าใจว่าเวลากำลังเลื่อนไหล จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 10:46:05

ความคิดเห็นที่ 10 สอง กลศาสตร์ควอนตัมตามหลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์กบอกว่าธรรมชาติโดยเนื้อแท้นั้นไม่สามารถกำหนดได้แน่นอน ทำให้อนาคต (หรือแม้แต่อดีต) เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนซึ่งแสดงออกอย่างเด่นชัดในระดับซับอะตอมมิก ตัวอย่างเช่น อะตอมหนึ่งในก้อนกัมมันตรังสีจะสลายตัวหรือไม่ กลศาสตร์ควอนตัมให้ค่าความน่าจะเป็นของการสลายตัวแต่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำนายผลล่วงหน้า แต่เมื่อผู้สังเกตตรวจวัดผลที่ได้จะมีเพียงหนึ่งเดียว ความเป็นไปได้อันหลากหลายจะสลายไปเหลือเพียงความจริงหนึ่งเดียว ภายในจิตใจของผู้สังเกต ความเป็นไปได้กลายเป็นสิ่งจริงแท้ จากอนาคตที่ไม่แน่นอนเปลี่ยนรูปไปเป็นอดีตที่ถูกกำหนด อันเป็นภาพลักษณ์ของการไหลเลื่อนของเวลา นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า จิตสำนึกรับรู้การไหลเลื่อนของเวลาจากกระบวนการทางควอนตัมในสมอง จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 10:47:17

ความคิดเห็นที่ 11 ทั้งหมดนี้ยังเป็นเพียงสมมติฐาน ปริศนาของจิตใจมนุษย์นั้นลึกลับที่สุดสำหรับคำตอบเกี่ยวกับเวลา ในอนาคตเราอาจจะค้นพบบริเวณรับรู้เวลาภายในสมองเช่นเดียวกับ บริเวณที่รับรู้ภาพ (visual cortex) รับรู้สัมผัส (somatosensory cortex) หากมันเกิดขึ้นจริงก็น่าลองจินตนาการดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเราทำการกระตุ้นหรือยับยั้งสมองบริเวณดังกล่าว อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อจิตใจเราไม่รับรู้ถึงการเลื่อนไหลของเวลา ถึงตอนนั้น ทัศนคติต่อเวลาของมนุษย์จะเป็นอย่างไร เราจะยังเชื่อมั่นในปัจจุบัน โหยหาอดีตอันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ และไม่มั่นใจในอนาคตที่ยังไม่ถูกกำหนดหรือไม่… จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 10:48:05

ความคิดเห็นที่ 12 เรียบเรียงจาก Paul Devies, ผู้แปล ดร.ปิยบุตร บุรีคำ, ไหลเลื่อนอย่างลึกลับ, Scientific American special edition: A Matter of Time. 2551. สำนักพิมพ์มติชน. Craig Callender, ผู้แปล สุจินต์ วังสุยะ, ปริศนากาลเวลา. 2552. สำนักพิมพ์มูลนิธิเด็ก. Brian Greene, ผู้แปล ดร.อรรถกฤต ฉัตรภูติ, ทอถักจักรวาล (The Fabric of The Cosmos). 2551. สำนักพิมพ์มติชน. edit* เพิ่มลิงค์เนื้อหาปวดหัว(มาก) สำหรับคนที่ภาษาอังกฤษ excellent และชอบเสพย์ปรัชญา http://www.iep.utm.edu/time/ แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 53 10:54:46 จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 10:48:46

ความคิดเห็นที่ 13   :) จากคุณ : reone เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 11:05:11

ความคิดเห็นที่ 14 มาเจิมไว้ก่อน จากคุณ : Epinephrine เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 11:15:55

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านแล้ว มีฟาร์มงูเป็นของตัวเอง จากคุณ : ศุกร์13 ฝันหวาน เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 11:28:33

ความคิดเห็นที่ 16 ลงชื่อครับ จากคุณ : amplify love เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 11:29:57

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นคำถามคาใจตั้งแต่อ่านทอถักจักรวาล แต่เรียบเรียงไม่ได้ ถ้าเวลาเป็นแท่งขนมปัง ที่ถูกหั่นออกด้วยแง่มุมต่างๆกัน สำหรับผู้สังเกตแต่ละคน อนาคตเป็น deterministic หรือไม่? ถ้าอนาคตเป็น deterministic แล้ว กฏความไม่แน่นอนของไฮเซนเิบิร์กจะทำอย่างไร? โดยส่วนตัว ผมมองว่าเป็นเวลาเป็นมิติที่ 4 และ เวลาไม่ได้เลื่อนไหล เราต่างหากที่เลื่อนไหล! เราไหลไปในโลกสามมิติ และ เคลื่อนไปในมิติที่ 4 ด้วย เพียงแต่เราไม่มีอิสรภาพในมิตินั้นเท่านั้น โดยเหตุนี้ ผมเชื่อว่า อนาคต ไม่ได้ deterministic เราเลื่อนไหลจริง แต่ผลของการเลื่อนไหลนั้น ยังอยู่ภายใต้กลศาสตร์ควอนตัม เหตุการณ์แบบพาราดอกซ์ไม่เกิดขึ้นจริง เพราะถูกบังคับด้วยทฤษฏีสัมพัทธภาพทั่วไป ปล. คุณคลิปอ่านจดหมายถึงวาเนสซา(Letter to Vanessa)หรือยัง คนเขียนจบ ป เอกด้านคณิตศาสตร์+ฟิสิกส์ แล้วค้นหาความหมายของชีวิต ผ่านปรัชญา จนมาลงเอยที่ พุทธสายธิเบต เนื้อหาดีมาก อ้างอิงแน่น ยังไม่เจอ fallacy และตอบปัญหาขี้สงสัยของพวกวิทยาศาสตร์จ๋าได้ถูกใจผม คาดว่าหลังจบรอบแรกคงต้องซ้ำ เพราะเนื้อหาไม่ย่อย >_< จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 11:41:21

ความคิดเห็นที่ 18 เด๋วมาอ่าน จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 11:43:25

ความคิดเห็นที่ 19 ปรัชญา...โอ้....ปวดหัวจังค่ะ.. รู้แต่...สายน้ำไม่คอยท่า   วันเวลาไม่คอยใคร.. อดีตคือความฝัน  ปัจจุบันคือภาพมายา  และอนาคตคือสิ่งที่ไม่แน่นอน. เอ...หรือว่า  อดีตคือความฝัน  ปัจจุบันฉันรักเธอ..555  (ล้อเล่น).... จากคุณ : usbankusa เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 11:46:42

ความคิดเห็นที่ 20 จิตสำนึกอาจประกอบด้วยการกระบวนการทางเทอร์โมไดนามิกส์และควอนตัม คิดเอ่งป่ะครับ คมมากๆ "นักบุญออกุสตินแห่งฮิปโป (354-430) กล่าวไว้ว่า ข้าพเจ้าทราบว่าเวลาคืออะไรเมื่อยังไม่มีใครถามถึง แต่เมื่อข้าพเจ้าจะอธิบายให้ใครสักคนที่ถามถึง ข้าพเจ้ากลับไม่ทราบ ไม่ใช่เพียงนักบุญออกุสตินที่ประสบปัญหากับคำนิยามของเวลา เราทุกคนก็เช่นกัน เรารับรู้เวลาทางจิตวิทยา การผ่านไปของเวลาเป็นกระบวนการรับรู้พื้นฐานของจิตใจของเรา จากอดีตมายังปัจจุบันและไปต่อยังอนาคตอย่างไม่มีหยุดยั้ง แม้ว่าภาพพจน์ดังกล่าวจะดูเด่นชัด แต่มันกลับมีความขัดแย้งภายในตนเองอย่างลึกซึ้ง ไม่มีการไหลผ่านของเวลาในเชิงฟิสิกส์ และนักปรัชญาส่วนใหญ่ก็เห็นพ้องว่าการไหลผ่านของเวลานั้นไม่มีความหมาย การเปรียบเวลาเป็นดั่งวารีนั้นอยู่พื้นฐานของความเข้าใจผิด การหลอกลวงโดยจิตสำนึกของเราเอง" อันนี้ไม่ค่อยเข้าใจครับ ยังไงผมก็ไม่get ครับเพราะ 1.ผมไม่ชอบเทอร์โมไดนามิกส์ 2.ผมไม่ชอบหลักความไม่แน่นอนครับ 3.ผมไม่เห็นด้วยว่า ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ พาไปสู่ข้อสรุปที่ว่า อนาคตมีแน่นอนตายตัว แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 53 12:02:52 แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 53 11:49:33 จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 11:47:48

ความคิดเห็นที่ 21 โหวตไปอย่าให้เสีย จากคุณ : kodindy เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 11:51:06

ความคิดเห็นที่ 22 มาลงชื่อครับ ค่อยมาอ่าน จากคุณ : discover_darkside เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 12:06:37

ความคิดเห็นที่ 23 นักบุญออกุสตินแห่งฮิปโป จากคุณ : mint_la เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 12:28:42

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณค่ะ ถูกใจว่าที่กระทู้แนะนำกระทู้นี้มาก เพราะเป็นเรื่องหนึ่งที่ติดอยู่ในใจ เรียบเรียงได้ดีจนไม่่น่าเชื่อว่าพี่เพิ่งอายุ 30+ ค่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 13:14:09

ความคิดเห็นที่ 25 เรียบเรียงเรื่องน่าเวียนหัวให้อ่านได้เข้าใจมากขึ้นเยอะเลยครับ แต่ก็ยังมึนๆ อยู่ดีแฮะ สงสัยต้องอ่านหลายๆ รอบหน่อย ขอบคุณมากครับ จากคุณ : กระต่ายน้อยเล่นโยคะ เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 14:29:32

ความคิดเห็นที่ 26 #20 เปล่าคิดเองครับ คุณพอล เดวี่ส์เป็นคนคิด นี่ เจ๊ลูกเป็ด ผมยังอายุไม่ถึง 30 นะ เมื่อไรจะเลิกปล่อยข่าวลือ เดี๋ยวจะปล่อยข่าวลือของตัวเองบ้าง คอยดู แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 53 14:31:32 จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 14:29:48

ความคิดเห็นที่ 27 ^ ^ TT ขอโทษค่ะ เค้าล้อเล่น /me ตีอกชกหัว ทึ้งผมทำโทษตัวเอง ผิดไปแล้ว จากคุณ : แค่29+XXสินะคะ (ลูกเป็ดขี้เกียจ) เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 14:42:36

ความคิดเห็นที่ 28 เรียงเรียงได้น่าสนใจมากค่ะ แต่สายศิลปอย่างเราจะเข้าถึงได้มั้ย ความรู้ไหลออกจากหัวดั่งวารี - -" จากคุณ : nangoing เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 14:47:01

ความคิดเห็นที่ 29 ลุงคริปตอม กับ ป้าลูกเป็ดอย่าทะเลาะกันคับ ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีต่อเยาวชน >_< จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 14:48:00

ความคิดเห็นที่ 30 . ถึงเวลาไม่ใช่วารี แต่ถ้าผ่านไปแล้วนี่ ก็เรียกกลับมาไม่ได้ สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับฉันใด เวลาก็ผ่านไปไม่หวลกลับเหมือนกัน.. จากคุณ : มาให้กีฟท์+โหวตค่ะ (primjang) เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 15:15:08

ความคิดเห็นที่ 31 อ่านแล้วงงดีครับ สงสัยต้องอ่านซัก 20 รอบ แหะ แหะ จากคุณ : -APEM เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 15:44:29

ความคิดเห็นที่ 32 อ่านจบแล้วก็ยังมึนๆ จากคุณ : หวาก เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 16:06:21

ความคิดเห็นที่ 33 สมองส่วนฟิสิกส์ และการคำนวณฝ่อไปตั้งแต่เด็ก (/me อ่านบทความนี้พลางทำหน้าเอ๋อ น้ำลายยืด) แต่ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ คุณอาว์~*..^^ จากคุณ : ;-P (โอ้ละหนอ) เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 16:35:48

ความคิดเห็นที่ 34 มึนได้ใจ จากคุณ : WiseChocolate เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 16:41:58

ความคิดเห็นที่ 35 ตอนเด็กจะคิดมากตลอดว่าเวลาคืออะไร เกิดมาได้อย่างไร สิ้นสุดที่ตรงไหน ยิ่งคิดยิ่งงง แต่พออายุมากขึ้น (แก่) ผมรู้สึกว่าคำถามนี้ไม่มีความหมายอะไรเลย เราคิดมากกับมันไปเอง จากคุณ : DON'T CARE NEVER DIE เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 17:19:55

ความคิดเห็นที่ 36 แวะมาดูคนอายุ 30 เขาเล่นกัน >.< จากคุณ : Wolf_eel เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 18:17:52

ความคิดเห็นที่ 37 เห็นด้วยกับ relativity บางอย่างครับ คนเรารู้สึกถึงเวลาต่างกัน เช่นตอนเล่นเกมจะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็ว แต่ตอนเรียนอะไรเบื่อๆจะรู้สึกว่าผ่านไปช้า ผมว่าเวลามันก็ขึ้นอยู่กับคนนั่นแหละครับ มนุษย์เราพยายามจะสร้างมาตรฐาน "เวลาที่ร่วมกัน" ซึ่งอาจใช้ประโยชน์เพื่อประมาณค่าบางอย่างได้เท่านั้น แต่ก็ต้องอ้างอิงกับสิ่งรอบๆ เช่น การหมุนของโลก(วัน) การโคจรของพระจันทร์(เดือน)  ชั่วก้านธูป พอมีเทคโนโลยีก็กำหนดการสั่นของอะตอมของธาตุ แต่แท้จริงแล้วจริงไม่มีเวลาที่แท้จริงๆ จริงๆแล้วทุกอย่างมันก็ดูไร้ความหมายนะครับเพราะคิดจริงๆแล้ว องค์ความรู้แบบนี้ยิ่งเราดูลึกลงไปก็เหมือนเรายิ่งหาหลักจับอะไรไม่ได้ ที่เคยคิดว่าใช่ก็เชื่อถือไม่ได้ จับต้องไม่ได้ ยึดถือไม่ได้เหมือนเดินลงไปในทะเลที่สุดท้ายก็ไม่มีที่เหยียบยืน เหมือนว่าโลกนี้มันไม่มีอะไร(ที่แน่นอน เป็นหลักเลยหรือ) เราให้ค่าให้ความหมายอะไรไม่ได้เลย ทุกอย่างก็เป็นเพียงสิ่งที่ตั้งชื่อเรียกกันตามชอบเท่านั้น กลับกันหากมองที่มุมง่ายๆไม่คิดอะไรมาก หลายๆอย่างก็ดูเรียบง่ายมาก ผมว่าสัมผัสที่จับต้องได้ในตอนนี้กลับมีความสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นๆเพราะเป็นหลักฐานว่าเราอยู่ตรงนี้จริงๆ ทั้งความรู้สึกที่ว่ากำลังนั่งอยู่นี้ สัมผัสเก้าอี้อยู่นี้ กำลังหายใจเข้าออกนี้ อย่างน้อยผมก็มั่นใจว่า ณ ตอนนี้สิ่งนี้เกิดขึ้นจริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่ปราชญ์หลายๆคนในโลกจะเห็นพ้องต้องกันว่าปัจจุบันสำคัญที่สุดจริงๆ จากคุณ : Arboramo เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 18:23:25

ความคิดเห็นที่ 38 เป็นประโยชน์มาก ๆ ครับ จากคุณ : @power เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 18:52:35

ความคิดเห็นที่ 39 เรื่องลึกลับชัดๆ จากคุณ : Blackion เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 19:45:00

ความคิดเห็นที่ 40 ผมติดตามบทความ มาโดยตลอดเลยครับ เนื้อหาดีจริง ขอบคุณนะครับที่มาแบ่งปัน จากคุณ : theradach เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 20:10:59

ความคิดเห็นที่ 41 เวลาเป็นสิ่งไม่จริง เธอก็เลยไม่เคยลบเลือนไปจากหัวใจ จากคุณ : (T^T) (0vvaynar0) เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 20:24:16

ความคิดเห็นที่ 42   ดีครับอยากเป็นสมาชิกแก๊ง จะรับไม๊เนี่ย จากคุณ : วิวัฏฏะวน เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 20:27:46 A:125.26.162.119 X: TicketID:248719

ความคิดเห็นที่ 43 - - ไม่รู้เรื่องอะไรซักอย่าง   สายช่างนี่เสียเปรียบ โดยแท้ จากคุณ : U4st33A เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 20:39:10

ความคิดเห็นที่ 44 ...อ่านยังไม่จบ มา งง ก่อนนนนน... จากคุณ : เจ็บเพื่อเข้าใจ เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 20:59:12

ความคิดเห็นที่ 45 เนื้อหาดีครับ จากคุณ : กฤตยฎีกา เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 21:17:53

ความคิดเห็นที่ 46 เรียบเรียงได้ดีมากๆอ่านจบแล้วก็ยังงงๆ แต่ก็เข้าใจอะไรมากขึ้น ต่อไปนี้จะตั้งใจเรียนเทอร์โมไดนามิกแล้วละ -*-ติด F ฟิสิกส์จนต้องเรียนใหม่น่ะสิ จากคุณ : TrainnerGoki เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 21:44:15

ความคิดเห็นที่ 47 ผมได้ข้อสรุปดังนี้อะจากการอ่าน 1. ทฤษฏี 1 กล่าวว่าเวลาไหลไปเรื่อยๆ โดยอนาคตไม่สามารถระบุได้ 2. ทฤษฎี 2 กล่าวว่าอนาคตเป็นสิ่งที่สามารถระบุได้ ถูกไหมครับ ไม่รู้อะ ผมก็งง เหมือนกัน จากคุณ : nutow เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 21:47:33

ความคิดเห็นที่ 48 เอิ่มมม...มึนงง เราใช่นักเรียนม.ปลายแน่หรือเปล่าเนี่ยย ไม่ค่อยเกตเลยค่ะ จากคุณ : marina_rain เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 22:18:47

ความคิดเห็นที่ 49 ชอบเทอร์โม แต่เข้ามางง จากคุณ : fallout เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 22:20:08

ความคิดเห็นที่ 50 คห 10 จิตสำนึกรับรู้การไหลเลื่อนของเวลาจากกระบวนการทางควอนตัมในสมอง ประโยคนี้ น่าจะเป็น Fallacy จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 23:18:28

ความคิดเห็นที่ 51   อยากโหวต อยากให้กีบ อยากให้ US$ (ไปสมัครอมยิ้มซะ) อวิชชา คือความไม่รู้ -ไม่รู้อริยสัจสี่ -ไม่รู้อดีต ไม่รู้ปัจจุบัน ไม่รู้อนาคต น่านำกระทู้นี้ไปแปะ ความมีชีวิตมาจากใหน เกิดขึ้นได้อย่างไร http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8799908/X8799908.html ถ้าเข้าใจเรื่องกาล อย่างน้อยเราก็มาครึ่งทาง ส่วนอีกครึ่งทางน่าจะเป็นว่า สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ผมมองและคิดยังงี้ จากคุณ : CTRL+ เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 23:42:01 A:203.113.105.129 X: TicketID:238381

ความคิดเห็นที่ 52 บทความ เอาเรื่องของเวลา ที่เป็นธรรมชาติ มาโยง กับการรับรู้เวลาของเรา ที่เป็นเรื่องของจิต แล้วก็เลยทำให้รู้สึกเป็นเรื่องยุ่งยาก เวลาของธรรมชาติ ก็คือลำดับการเปลี่ยนแปลงของสสารและพลังงาน แม้ไม่มีเราอยู่สังเกตการณ์  มันก็เป็นของมันไปอยู่แล้ว การสังเกตการณ์ของเรา(โดยอาศัยแสงเป็นตัวกลาง) ทำให้เกิดเวลาสัมพัทธ ในแบบของไอนสไตน์ sb*star คิดว่า อนาคต เป็นสิ่งที่แน่นอน และคำนวนเหตการณ์ได้ ถ้าเรารู้สถานะของทุกอนุภาคและพลังงาน ในจักรวาล (ซึ่งเป็นไปไม่ได้  แหะ แหะ) การที่เราเชื่อว่า การแตกตัวของ อะตอมกัมมันตรังสีเป็น random ก็เพราะเราไม่มีข้อมูลละเอียด พอที่จะบอกกำหนดของมัน และเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆในจักรวาล มันเกี่ยวโยงกัน เราจึงไม่สามารถ บอกความเป็นไปในอนาคตได้ถูกต้อง แล้วเราก็สรุปไปเองว่า อนาคตนั้นไม่แน่นอน การรู้สึกรับรู้เวลา เป็นเรื่องของจิต เป็นความรู้สึกส่วนบุคคล  ที่อาจแตกต่างกันได้ ทั้งระหว่างตัวบุคคล  หรือบุคคลเดียวกันแต่ต่างเวลา เพราะการรับรู้ เป็นการแปลความของสมอง ซึ่งไม่คงที่ การแปลความของสมอง เป็นกระบวนการทางเคมีและไฟฟ้า สมองรับรู้เวลา จากการเรียงลำดับของภาพในสมอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก การที่บางคน จิตใจโลเล ตัดสินใจไม่แน่นอน เป็นเพราะข้อมูลในการคิดไม่เพียงพอต่างหาก แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 53 00:08:46 จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 00:05:10

ความคิดเห็นที่ 53 อ่านไปอ่านมา ผมคิดขึ้นได้ ถ้าเราเดินทางใกล้ความเร็วแสงเท่าไหร่ เวลาไม่ได้เดินช้า ลง แต่เรารับรู้ได้้ช้าลงตั้งหาก เวลาเลยเป็นเรื่องสมมติเพื่อเอาไว้กำหนดพิกัดของ เหตุการณ์ต่างๆเฉยๆ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 53 00:39:43 จากคุณ : Cepa เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 00:37:59

ความคิดเห็นที่ 54   เชื่อไหมว่าคำตอบอยู่ที่การทดลองทางวิทยาศาสตร์ เช่น ที่ LHC หรือผลสังเกตการณ์จากท้องฟ้าเกี่ยวกับธรรมชาติของเอกภพในยุคแรกเริ่ม น่าฉงนสนเท่ห์ไหมว่าปัญหาที่ถามได้ง่ายที่สุดอย่างที่ว่าเวลาคืออะไร กลับเป็นปัญหาที่ตอบยากที่สุดและเป็นเป้าหมายสูงสุดในวิชาฟิสิกส์ด้วยซ้ำ รู้ไหมว่านักฟิสิกส์เชื่อว่า เวลาและอวกาศอาจถูกควอนไทซ์เป็นห้วงๆเหมือนกับอะตอม จากคุณ : เวลานานาสารพัน เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 01:07:41 A:125.24.178.18 X: TicketID:038839

ความคิดเห็นที่ 55 ^ ^ ^ 53 อย่าลืมแรงที่หน่วง(ดึง)มวลด้วยครับ ไม่ใช่เฉพาะความคิด แต่ร่างกายจะแก่ช้าลง สิ่งของจะเก่าช้าลงด้วยครับ จากคุณ : โอมีี (Anna_NSW) เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 01:10:35

ความคิดเห็นที่ 56 ู^ ^ ใช่ๆ ผมลืมคิดไป ว่าแรงหน่วงจะส่งผล ต่ออะตอม จากคุณ : Cepa เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 01:53:52

ความคิดเห็นที่ 57 ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในอดีต จากคุณ : ทิดเขียด เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 04:23:58

ความคิดเห็นที่ 58 ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องฟิสิกส์นัก ตั้งแต่ืทิ้งมันไปตอนจบปี 1 แต่แนะนำเรื่องศิลปะได้นิดหน่อย ภาพแรกของ salvadore dali (รูปที่ผมวาดนี่ก็รูปเฮียเค้า) ศิลปินซึ่งมีบทบาทมากในแง่ของการวาดภาพเหนือจริง และมีสีสันในการใช้ชีวิต บางช่วงในท่วงทำนองไม่ต่างกับ rock star.... ส่วนในคห. 6 นั่นน่าจะเ็ป็น the thinker ของ august rodin (ออกุส โรแดง) ครับ ซึ่งเป็นรูปที่ตอนเด็กๆ ผมเห็นแล้วคิดเอาทุกทีว่า นายแบบน่าจะท้องผูก... จากคุณ : หมอเถื่อน เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 07:01:26

ความคิดเห็นที่ 59 เดี๋ยวกลับมาอ่านอีกรอบ จากคุณ : wrought เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 11:33:54

ความคิดเห็นที่ 60 เรียบเรียงได้ดีมากๆ แต่เราก็ยัง งง เหมือนเดิม 555 จากคุณ : อิอิคุง เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 12:40:55

ความคิดเห็นที่ 61 อ้าวซ้ำ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 53 12:42:23 จากคุณ : อิอิคุง เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 12:41:15

ความคิดเห็นที่ 62 สรุปว่า.... เวลา เป็น มายา  ที่จิตสร้างขึ้น เกิดจาก  การให้ความหมายต่อโลก เพื่อ ใช้สื่อสาร หรือในฐานะผู้สังเกต  เมื่อต้องการวัด  ก็ทำได้แค่จำกัดลงที่ความจริงหนึ่งเท่านั้น การทำงานของจิตที่สมอง  ดำเนินไปภายใต้ ทฤษฏีควอนตัม คิดต่อได้ว่า... ในเมื่อเวลาเป็นอัตตวิสัย  ไม่เป็นจริง  ไม่สากล.. และเวลาเป็นมายาที่จำเป็น  ที่จิตสร้างขึ้น ความจำเป็นนี้  เกิดจากอะไร?  หรือมันเป็นผลจากธรรมชาติของจิตเอง จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 12:43:08

ความคิดเห็นที่ 63   สรุปว่าอนาคตเกิดจากการกระทำในปัจจุบัน ใช่ไหมครับ งง จากคุณ : เสอุ้ย เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 13:15:37

ความคิดเห็นที่ 64 ถ้างั้น ก็แปลได้ว่า เราอยู่ของเราไปเถอะ ปล่อยให้มันเป็นไป เพราะอนาคตมันมีตัวตนอยู่แล้ว เหรอครับ? จากคุณ : หมีแว่นกลม ๆ เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 13:21:18

ความคิดเห็นที่ 65 คห 64 การที่คุณจะเลือก "เราอยู่ของเราไปเถอะ " เป็นส่วนหนึ่ง  ของการดำเนินเหตการณ์อยู่แล้ว จะเลือกหรือไม่  ก็เป็นเพราะเหตการณ์ก่อนหน้า ที่ดำเนินมาถึงจุดที่คุณต้องตัดสินใจ จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 13:42:42

ความคิดเห็นที่ 66 "การสร้างความทรงจำในสมองเป็นไปในทิศทางเดียวกับลูกศรของเอนโทรปี" เป็นสมมติฐานที่สมเหตุสมผลที่สุดแล้วครับ... จากคุณ : vandalism เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 13:43:31

ความคิดเห็นที่ 67 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 14:39:23

ความคิดเห็นที่ 68   งงมากมายเลยอ๊ะ... แต่ชอบแนวนี้อะชอบ. ...เด๋วจะกลับมาอ่าแบบตั้งใจมากๆๆอีกรอบนึง5+ จากคุณ : brushxi เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 14:50:37

ความคิดเห็นที่ 69 งงค่ะ แต่ก้อชอบนะ จากคุณ : เปียเกียว เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 14:51:26

ความคิดเห็นที่ 70 เวลา 555+ มีจุดหมายให้เราแล้ว ไม่ว่าเราจะไปทางใหนทำอะไร เพียงแต่ ว่าเราจะเลือกเดินไปทางใหนเท่านั้นเอง  และจุดหมายอาจจะไม่เป็นเหมือนเดิม แม้ว่าเราเราจะสามารถย้อนไปโดยที่ไม่ได้แก้ไขเหตุการณ์ก็ตาม แนวคิดแบบนี้ โดยทั่วใปอาจจะเข้าใจยาก แต่หากเล่น Hentai เกม หรือเกมจีบสาวมาก่อนจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น จากคุณ : jackmaster เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 15:08:11

ความคิดเห็นที่ 71 อ่านรอบแรกไปแล้ว ... ยังไม่เข้าใจแหะ แต่ขอบคุณครับ ^^ จากคุณ : ปั้นยี่สิบสาม เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 15:13:08

ความคิดเห็นที่ 72 อยากบอกว่า อ่านแล้วเข้าใจครับ แต่รออีก 3 วันนะ จะมาบอกว่า เข้าใจอย่างไร... ล้อเล่นครับ ขอบคุณครับ ได้คิดอะไร เยอะขึ้น เยอะเลย จากคุณ : dip kid เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 15:13:42

ความคิดเห็นที่ 73 ชอบครับ จากคุณ : จินหยง เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 16:21:29

ความคิดเห็นที่ 74 วิงเวียน...มึนงง ต้องอ่านรอบสอง ณ บัดนาว >_< จากคุณ : LitTleO เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 19:08:04

ความคิดเห็นที่ 75 อ่านถึง คคห.7 แล้วยังไปต่อไม่ได้ มาลงชื่อไว้ก่อน - -" จากคุณ : enadiz เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 20:18:44

ความคิดเห็นที่ 76 เริ่มงงตั้งแต่ทฤษฎีเวลาแบบเทียบลำดับและทฤษฎีเวลาแบบไร้ลำดับแล้วครับ โดยเฉพาะประโยคนี้ครับ "นมจะไม่สามารถที่อยู่ในตู้เย็นเมื่อเทียบกับสิ่งหนึ่ง และไม่อยู่ในตู้เย็นเมื่อเทียบกับอีกสิ่งหนึ่ง" ท่านใดพอจะอธิบายให้ฟังได้ไหมครับ จากคุณ : Krypton_Gunn เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 23:08:19

ความคิดเห็นที่ 77 ไม่เข้าใจครับ เดี๋ยวกลับมาอ่านอีกรอบ ขอบคุณครับ จากคุณ : pinhead เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 00:26:58

ความคิดเห็นที่ 78 ชอบอ่านเรื่องแบบนี้มากๆ ทั้งๆที่อ่านไปก็ไม่เข้าใจ จากคุณ : ใส่พริกเม็ดเดียว เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 17:20:33

ความคิดเห็นที่ 79 #76 เฉพาะประโยคนี้นะ คือ นมมันอยู่ในตู้เย็น ยังไงมันก็อยู่ในตู้เย็น จะเทียบกับโต๊ะกินข้าวข้างตู้เย็น นมมันก็อยู่ในตู้เย็น จะเทียบกะแยมขวดข้างๆ นมมันก็ยังอยู่ในตู้เย็น จะมาบอกว่า เมื่อเทียบกะแจกันหลังตู้เย็นแล้ว ถือว่านมอยู่ในตู้เย็น แต่เมื่อเทียบกะเนื้อในช่องฟรีซแล้ว ถือว่านมไม่ได้อยู่ในตู้เย็น แบบนี้ไม่ได้ เพราะนมมันอยู่ในตู้เย็น จะเทียบกะอะไรมันก็อยู่ในตู้เย็นอยู่ดี ประโยคนี้หมายความว่า "นมไม่สามารถจะมีสถานะเป็นทั้งอยู่และไม่อยู่ในตู้เย็น โดยเทียบกับสิ่งอื่น" ลองเปลี่ยนตัวแปรดู "เหตุการณ์ใดๆไม่สามารถจะมีสถานะเป็นทั้งอดีตและอนาคต โดยเทียบกับเหตุการณ์อื่น" เมื่อเราพูดถึงเหตุการณ์ในอดีต มันก็คือเหตุการณ์ในอดีตอยู่ดี ไม่ว่าเราจะไปเทียบกับอดีตมากกว่าหรืออดีตน้อยกว่า คือนมอยู่ในตู้เย็นก็คืออยู่ในตู้เย็น อยู่นอกตู้เย็นก็คือนอกตู้เย็นอ่ะ ถ้ามันอยู่ในตู้เย็น จะเทียบกับอะไรมันก็อยู่ในตู้เย็นอยู่ดี พอจะเข้าใจขึ้นมั้ย หรืองงกว่าเดิม? = = จากคุณ : March comes in like a lion เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 18:02:08

ความคิดเห็นที่ 80 รู้ไปแล้วได้อะไร ยังไงๆ เวลาก็ผ่านพ้นไป ตายแล้วไปไหน อุ๊ย ฉันเขียนอะไรออกไป จากคุณ : tormay เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 18:15:01

ความคิดเห็นที่ 81 ... เข้ามา มึน แอนด์ งง จากคุณ : Choco-Mix เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 20:07:35

ความคิดเห็นที่ 82 เรื่องของเวลา ผมสนใจตั้งแต่ตอนเรียน ป.โท แล้วครับ   ถ้าได้คนมาเรียบเรียง ผมจะเข้าใจได้มากขึ้น   มีอีกก็โพสต่อเลยนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ranat เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 22:48:08

ความคิดเห็นที่ 83 งงคลิปทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษของไอน์สไตน์ครับ สมมุติว่ามีนาฬิกาที่บอกเวลาได้ละเีอียดมากที่หัวกับท้ายรถ ฟ้าผ่าลงมาแล้วนาฬิกาจะพังทำให้หยุดเดินเมื่อโดนฟ้าผ่า ไม่ว่าจะเป็นผู้สังเกตุที่อยู่บนรถหรืออยู่นิ่งก็จะอ่านค่าได้เวลาเดียวกันไม่ใช่หรือครับ งงมาก ? มันจะกลายเป็นสองความเป็นจริงที่ถูกต้องเท่าเทียมกันได้อย่างไรล่ะครับ จากคุณ : Zkizzik เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 23:18:07

ความคิดเห็นที่ 84 ^ ^ ^ ในรถไฟจะเกิดปรากฏการณ์ time dilation ครับ เพราะวิ่งด้วยความเร็วสูงใกล้ความเร็วแสง จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 07:48:36

ความคิดเห็นที่ 85 คห 76. ผมเข้าใจว่าแบบนี้ "นมจะไม่สามารถที่อยู่ในตู้เย็นเมื่อเทียบกับสิ่งหนึ่ง และไม่อยู่ในตู้เย็นเมื่อเทียบกับอีกสิ่งหนึ่ง" ท่านใดพอจะอธิบายให้ฟังได้ไหมครับ " 1. นมจะอยู่ในตู้เย็นเมื่อเราเทียบของที่อยู่นอกตู้เย็น เช่น โต๊ะ เตียง หรือตัวเราเอง 2. นมจะไม่อยู่ในตู้เย็นก็ต่อเมื่อ เราเทียบกับ ไข่ หรือ ผลไม้ หรือ ขวดน้ำที่เราใส่ไว้ตู้เย็นด้วยกัน โดยตู้เย็นจะไม่มีผลในการเปรียบเทียบเลย เำพราะฉะนั้นนมจะไม่สามารถบอกได้ว่าอยู่ในตู้เย็นหรือไม่ จากคุณ : บุรี เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 09:33:24

ความคิดเห็นที่ 86 อาจจะเป็นแค่ความรู้น้อยของผมนะครับ แต่ time dilation เท่าที่จำได้คือพูดถึงนาฬิกาของคนที่อยู่นิ่ง ๆ กับคนที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสง คือถ้าคนที่ยืนอยู่ด้านล่างมีนาฬิกาแล้วมันจะพังเพราะคลื่นจากฟ้าผ่าพร้อมกัน เวลาที่มันตายจะไม่เท่ากับของคนบนรถ แต่ว่านาฬิกาตายทั้งสองตัวบนรถที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่ากันก็จะตายโดยบอกเวลาเท่ากันอยู่ดีนี่ครับ ? จากคุณ : Zkizzik เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 09:40:48

ความคิดเห็นที่ 87 #76 แปลความได้ง่ายกว่าว่า "นมไม่สามารถอยู่ และไม่อยู่ในตู้เย็นในเวลาเดียวกันได้" จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 09:46:02

ความคิดเห็นที่ 88 ผมกลับคิดคล้าย# 79นะ "นมจะไม่สามารถอยู่ในตู้เย็นเมื่อเทียบกับสิ่งหนึ่ง และไม่อยู่ในตู้เย็นเมื่อเทียบกับอีกสิ่งหนึ่ง" นั่นคือ การเปรียบเทียบกับสิ่งอื่น ไม่มีผลต่อการอยู่(ในตู้เย็น)ของนม แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 53 17:05:21 จากคุณ : MJ's heart still Beats เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 17:03:28

ความคิดเห็นที่ 89 ผมพลาดกระทู้นี้ได้ไงครับนี่  ขอบคุณมากนะครับนะ จากคุณ : ไม้ไผ่โย่ง เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 21:05:13