Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
การแพทย์ทางเลือก ป้าเช็ง และสิ่งที่จะตามหลอกหลอนคนไทยไปอีกนาน  

วศินตรวจผู้ป่วยตามปกติในห้องตรวจ เขาเหลือบดูข้อมูลในประวัติที่พยาบาลเขียนมาให้ในเวชระเบียน
"ต้องการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก"
"สวัสดีครับคุณป้าไสว" วศินพูดและยกมือไหว้หญิงสูงวัยที่กำลังนั่งลง เธอยกมือรับไหว้เขาอย่างเก้ๆกังๆ  " คุณป้าเป็นอะไรมาโรงพยาบาลครับ "
วศินถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว เขาเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าเขาควรจะให้ผู้ป่วยบอกสาเหตุที่มาโรงพยาบาลเอง เพราะบ่อยครั้งที่ผู้ป่วยมาโรงพยาบาลเพื่อต้องการตรวจบางอย่าง แต่ว่าจริงๆแล้วมีสาเหตุอื่นที่ทำให้ผู้ป่วยต้องการตรวจอย่างนั้นอยู่

" ป้าอยากตรวจมะเร็งปากมดลูก " หญิงคนนั้นกล่าว " เห็นอสม.เค้าไปบอกว่าควรจะตรวจทุกปี จะได้ป้องกันได้"
"คุณป้าเคยตรวจมาก่อนไหมครับ " วศินถาม... คุณป้าส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ
" แล้วปีนี้ป้ามีอาการอะไรที่ทำให้คิดว่าน่าจะต้องตรวจหรือเปล่าครับ " หมอหนุ่มถาม
" บอกตรงๆนะ ... ป้าไม่มีประจำเดือนมาเกือบสิบปีแล้ว " เธอกล่าว " แต่ว่าเมื่อเดือนก่อนป้าไปเข้าห้องน้ำแล้วก็เจอเลือดติดกางเกงใน ไปซื้อยาสตรีมากินก็ไม่หาย ทุกวันนี้ยังมีเลือดติดกางเกงในทุกวัน ก็เลยมาหาหมอนี่ล่ะ "

วศินย้อนกลับไปที่บรรทัดบนสุดของหน้าตรงประวัติอาการสำคัญที่พยาบาลเขียนไว้ว่าต้องการมาตรวจมะเร็ง เขียนเพิ่มไปว่า มีเลือดออกทางช่องคลอด 1 เดือนก่อนมารพ.
นี่คือปัญหาจริงๆของผู้ป่วยที่มารพ.ครั้งนี้ ... เขาคิด ... จากนั้นก็ลงมือซักประวัติอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพื่อหาว่าเลือดออกนั้นเกิดจากอะไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประจำเดือน ประวัติการตั้งครรภ์ เพศสัมพันธ์ ฯลฯ และสุดท้ายวศินก็ให้ผู้ป่วยเาบัตรไปยื่นที่พยาบาลเพื่อจะได้ไปรอที่ห้องตรวจภายใน

.... .... .... ....

" เป็นยังไงบ้างจ๊ะหมอ " ป้าไสวถามหลังจากแต่งตัวเสร็จและเดินมาจากห้องตรวจภายใน ... เบื้องหน้านั้นวศินกำลังเขียนหนังสือส่งตัวผู้ป่วยไปที่โรงพยาบาลจังหวัดอยู่
" เมื่อกี้ตอนที่ผมตรวจ ผมเจอติ่งเนื้อเล็กๆที่ตรงปากมดลูกของคุณป้าครับ ลองตรวจดูแล้วก็เห็นว่าแค่ไปแตะก็มีเลือดไหลออกมาแล้ว เป็นสาเหตุของเลือดที่ออกมาเปื้อนกางเกงในของป้าในช่วงนี้ "
"แล้วมันจะเป็นมะเร็งไหมหมอ " คุณป้าถามทันที
" จริงๆก็ยังบอกไม่ได้นะครับ ถ้าจะให้แน่ชัดต้องตัดเอาชิ้นเนื้อตรงติ่งนั้นไปตรวจ " วศินตอบ " ผมเลยเขียนใบส่งตัวไปให้หมอนรีเวชที่โรงพยาบาลจังหวัดเขาตรวจต่อ เพื่อจะได้เอาเนื้อไปตรวจ เราจะได้มั่นใจว่าเนื้อนั้นเป็นอะไร "
" ถ้ามันเป็นมะเร็งเราจะได้รีบรักษาตั้งแต่มันยังเล็กๆอย่างนี้ .... แต่ถ้ามันไม่ใช่ ป้าก็จะได้สบายใจหายห่วงไงครับ "

เวลาผ่านไปเดือนกว่าๆ ห้องตรวจเดิม หมอคนเดิม และคนไข้คนเดิมเวียนมาพบกันอีกครั้ง
" ผลการตรวจเป็นยังไงบ้างจ๊ะหมอ " ป้าไสวถามโดยมีลูกสาวยืนอยู่เบื้องหลัง
วศินมองผลที่อยู่ต่อหน้าเขาอย่างชั่งใจ ก่อนจะตอบออกไป
" ผลการตรวจชิ้นเนื้อของคุณป้าแล้ว ผลออกมาเป็นเนื้อไม่ดีครับ " วศินตอบสั้นๆก่อนจะกวาดสายตาประเมินผู้ป่วยและลูกที่อยู่ตรงหน้า คุณป้าทำหน้าเสียในขณะที่ลูกสาวมีท่าทางตกใจแต่ดูคุมอารมณ์ได้ดีกว่า ....
จังหวะนั้นเองป้าไสวหันไปมองหน้าลูกสาวเหมือนกับจะขอความเห็น วศินเลยตัดสินใจได้ว่าจะคุยยังไงต่อ
" ผลการตรวจออกมาว่าชิ้นเนื้อเป็นมะเร็งครับ ดูจากการตรวจพบของแพทย์ที่โรงพยาบาลจังหวัด และผลชิ้นเนื้อที่ตัดออกมาแล้วสรุปได้ว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกในระยะแรกๆ " วศินพูดต่อเนื่องกันอย่างไม่ยอมให้มีการขัดจังหวะเกิดขึ้นก่อนจะมองไปที่ลูกสาวของป้าไสว
" ความเห็นผมคือน่าจะพาคุณป้าไปที่โรงพยาบาลจังหวัดอีกครั้งเพื่อรับการรักษาครับ เพราะว่ามะเร็งปากมดลูกในระยะแรกๆ สมัยนี้รักษาได้ผลดีมาก"

" ยังไม่รักษาไม่ได้เหรอหมอ " ป้าต่อรอง " มันอาจจะไม่ใช่มะเร็งก็ได้ ป้าขอลองตรวจอีกสักครั้งแล้วกัน "
" ปกติแล้วผลการตรวจถ้าหากตัดชิ้นเนื้อไปตรวจแบบนี้จะมั่นใจได้มากว่าเป็นจริงๆครับ ... ดูจากผลที่อ่านออกมามันเริ่มมีการแทรกตัวลงไปที่ปากมดลูกแล้ว แต่ว่าตอนที่ตรวจภายในเรายังไม่เจอการแพร่กระจายไปที่ไหน " วศินย้ำอีกครั้ง  " ผมคิดว่าถ้าเราเริ่มรักษากันตั้งแต่ตอนนี้น่าจะดีกว่านะครับ "
" วันก่อนแม่ไปคุยกับลุงชัยมา เค้าบอกว่ามีหมอยาเก่งๆรักษามะเร็งได้ ... แม่ลองไปหาหมอคนนี้ก่อนแล้วกันนะ " ป้าไสวหันไปถามความเห็นลูกสาวที่ยืนอยู่

" แล้วถ้าไปรพ.จังหวัดจะรักษายังไงคะหมอ " ลูกสาวป้าไสวถาม
" โดยปกติแล้วในระยะแรกๆ เราจะมีการผ่าตัดเอาปากมดลูกออกไปครับ จากนั้นเมื่อผ่าออกไปแล้วเราก็จะใช้รังสีขนาดน้อยๆในบริเวณดังกล่าวเพื่อให้เนื้อร้ายที่อาจจะยังเหลืออยู่ถูกทำลายไป "
" ถ้าเทียบกับมะเร็งชนิดอื่นๆแล้วถือว่าเป็นมะเร็งที่ไม่น่ากลัวมาก เพราะว่าถ้าจัดการได้ทั้งหมดก็เรียกว่าหายขาดได้เลย "

ทั้งป้าไสวและลูกสาวไม่พูดอะไรอีกมากนักนอกจากยอมรับฟังและยอมรับใยส่งตัวไปที่โรงพยาบาลจังหวัดตามคำแนะนำของวศิน

วศินได้เจอคุณป้าอีกครั้งตอนที่ป้ามาขอใบส่งตัวเพื่อไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลจังหวัด สีหน้าคุณป้าดูแช่มชื่นขึ้นมาก ... ลูกสาวป้าอธิบายให้ฟังว่าเพราะคุณป้าไปหาหมอชาวบ้านที่อยู่จังหวัดข้างๆและได้เป่าน้ำมนต์และสมาธิ
วศินไม่ได้ห้ามอะไรนอกไปจากเน้นย้ำว่าต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลจังหวัด ... และเมื่อให้ใบส่งตัวแล้ววศินก็เน้นลูกสาวป้าไสวอีกครั้งว่าต้องไปผ่าตัดให้เรียบร้อย
คนเราเมื่อมีเรื่องรุนแรงเข้ามาในชีวิตก็ย่อมต้องหาทางทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตของตนไว้ เหมือนคนจะจมน้ำที่มีฟางเส้นสุดท้ายลอยมาก็ต้องคว้าไว้
ตราบใดที่ฟางเส้นนั้นไม่ได้มาขัดขวางการรักษาทางการแพทย์วศินก็ไม่คิดจะห้ามปรามอะไร

.... .... .... ....

สองปีผ่านไป วศินในขณะนี้เป็นแพทย์ใช้ทุนปีที่สามแล้ว เขาวนกลับมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้อีกครั้ง
โรงพยาบาลเดิม
หมอคนเดิม
คนไข้คนเดิม
แต่เหตุการณ์ไม่เหมือนเดิม

"หมอ คนไข้บลีดช็อค" เสียงพยาบาลห้องฉุกเฉินพูดกรอกมาในหูโทรศัพท์ทำให้วศินต้องออกจากห้องตรวจ ตรงไปที่ห้องฉุกเฉินฝั่งตรงข้ามทันที
" คนไข้CA cervix เคยมาที่เราเมื่อสองปีก่อนแต่ไม่ได้มาอีก ญาติพามาส่งบอกว่าเป็นลมหน้าห้องน้ำ "
วศินมองตามที่พยาบาลพูด ผู้ป่วยหญิงสูงวัยนอนไม่ได้สติอยู่บนเปลโดยมีพยาบาลคนหนึ่งกำลังแทงเข็มให้น้ำเกลือ อีกคนกำลังวัดความดันอยู่ เลือดชุ่มตรงบริเวณผ้าถุง ... มีหญิงวัยกลางคนอีกคนกำลังยืนอยู่ใกล้ๆ ... ทันทีที่เห็นวศินเธอก็เดินมาหา
" หมอ ช่วยแม่ด้วย " เธอพูดเหมือนกับว่าเคยเจอวศินมาก่อน ... วศินยังจำไม่ได้จนกระทั่งเห็นกระดาษสีชมพูในมือ ... หนังสือส่งตัวไปโรงพยาบาลจังหวัดที่มีลายมือของเขาเอง

เขาซักถามประวัติคร่าวๆจากลูกสาวผู้ป่วย ได้ความว่าหลังจากได้ใบส่งตัวครั้งนั้นแล้วคุณป้าไปรักษากับหมอพื้นบ้านคนนั้นต่อ
แรกๆก็รักษาด้วยการพ่นน้ำมนต์และสมาธิ แต่หลังจากนั้นก็มียาหม้อสมุนไพรเข้ามา ... พร้อมกับคำขาดจากหมอน้ำมนต์คนนั้นว่า
" เลิกรักษากับหมอโรงพยาบาลถ้าไม่อยากตาย "
ด้วยเหตุหลายๆอย่าง ในที่สุดป้าไสวก็เลือกรักษากับหมอน้ำมนต์ต่อ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี
หลังจากรักษาไปหลายเดือน เลือดเริ่มออกมากขึ้น หมอน้ำมนต์บอกว่าเป็นเพราะยาที่ให้ไปขับเอาเนื้อร้ายออกมา ป้าไสวก็ยอมทน แม้ว่าหลังๆจะเริ่มมีอาการเป็นลมหน้ามืดมากขึ้น
เมื่อไม่นานมานี้ เงินที่ใช้ซื้อยาหม้อก็หมดลง ป้าไสวก็ยังหยิบยืมเงินจากเพื่อนบ้านเพื่อไปรักษาต่อ
ยาหม้อละ 400 แลกกับการหายขาดจากมะเร็ง คือสิ่งที่ป้าและลูกยอมแลก
มาเดือนหลังนี้เองเลือดออกไม่ยอมหยุด ป้าไสวต้องซื้อผ้าอนามัยมาใส่ไว้ตลอดเวลาวันละสามสี่ผืน
และเมื่อเช้าป้าก็เป็นลมหน้าห้องน้ำ...

วศินได้ข้อมูลแล้วว่าน่าจะเป็นการเสียเลือดมากจนกระทั่งเกิดความดันต่ำ ...
เรื่องมะเร็งเอาไว้ทีหลัง
ตอนนี้เรื่องความดันตกเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่วศินต้องจัดการให้ได้ก่อน

" เปิดIV free flow " วศินสั่งเมื่อเห็นว่าพยาบาลพยายามวัดความดันหลายครั้งแต่ยังไม่ได้สักที " พี่เปิดอีกเส้นเลยครับ แล้วติดดูคลื่นไฟฟ้าหัวใจด้วย"
ตอนนี้คือเวลาที่เขาต้องแข่งกับเวลาและดวงชะตาแล้ว ... แม้ว่าเขาจะแน่ใจว่าเขาจะให้น้ำเกลือรักษาความดันให้ป้าไสวได้แน่ๆ แต่สิ่งที่วศินไม่แน่ใจคือหัวใจของป้าจะทนไหวแค่ไหน
การเสียเลือดมากๆจะทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงหัวใจได้น้อยลง และสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดอย่างนึงคือเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดขึ้นมาในขณะที่ความดันตก เพราะนั่นแทบจะปิดประตูทางรอดของผู้ป่วยไปเลย

หมอหนุ่มเดินไปที่ข้างผู้ป่วย มือหนึ่งจับข้อมือคนไข้ไว้ ส่วนเขาเองก็คุยเรียกป้าไสวไป ดูเผินๆเหมือนกับไม่มีอะไร แต่มือนั้นวศินจับชีพจร ปากคุยเพื่อประเมินสติของป้า และตาเหลือบมองไปที่เครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
" หมอ " หญิงสูงวัยพูดเบาๆ ยกมือซ้ายมาจับข้อมือวศิน
" ป้าทำใจสบายๆนะ เดี๋ยวจะค่อยๆดีขึ้นเอง " วศินปลอบ

ป้าหันไปคุยกับลูกสาวที่ยืนร้องไห้อยู่เบาๆ ... ส่วนวศินยังยืนจับชีพจรที่กำลังเต้นชัดขึ้นเรื่อยๆ ....  คงไม่มีอะไรแล้วกระมัง น้ำเกลือก็ให้เข้าไปได้พอสมควรแล้ว ความดันน่าจะเพิ่มขึ้น
วศินมองเหลือบไปที่เครื่องคลื่นไฟฟ้าอีกครั้ง ... มองดูคลื่นไฟฟ้าที่เต้นเป็นจังหวะ ... ทำไมมันดูแปลกกว่าเมื่อสักครู่นี้นะ ...

" ST Elevate! " วศินอุทานกับตัวเองก่อนจะหันไปเรียกกึ่งตะโกนพยาบาลที่ยืนอยู่ข้างหลัง "พี่ ตามหมอสุรศักดิ์มาช่วยหน่อยครับ"
จังหวะที่วศินกำลังตะโกนอยู่นั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงชีพจรที่หายไป ... เขาหันกลับไปที่เครื่องสัญญาณไฟฟ้าเพื่อจะเห็นว่าคลื่นไฟฟ้าเปลี่ยนเป็นลูกคลื่นพริ้วเต็มหน้าจอ

" VF ขึ้นCPR " วศินตะโกนสั่งการให้พยาบาลในห้องทั้งหมดได้ยินเพื่อเตรียมนวดหัวใจ ... เขาเองจะขึ้นนวดหัวใจแล้วแต่ก็พบว่า
เปลนอนอยู่สูงเกินไป!!!!
ด้วยสัญชาตญาณ วศินเอามือซ้ายวางบนหน้าอกป้าก่อนจะเอามือขวาทุบลงไปที่หน้าอกป้า ก่อนจะรีบผละไปที่เครื่องช๊อตไฟฟ้าหัวใจ พร้อมกับพยาบาลที่กำลังเตรียมขึ้นนวดหัวใจ
" หมอ คลื่นไฟฟ้ากลับมาแล้ว " พยาบาลร้องบอกวศิน ... การทุบเมื่อครู่เหมือนจะช่วยดึงคลื่นไฟฟ้าหัวใจมาได้ ... วศินมองไปที่ป้าไสวและเห็นสิ่งที่เขาจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต

ป้าไสวลืมตา ยิ้มให้เขา ... ปากทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง ..... แล้วก็นิ่งไป

"หมอ คลำชีพจรไม่ได้อีกแล้ว! เป็นVF"
" 300จูลส์ ดีฟิป ทุกคนถอย " วศินตะโกน ตามองที่คลื่นไฟฟ้าที่กลับไปเป็นระลอกคลื่นอีกครั้ง " 1... 2 .... 3 .... ช๊อต ! "
ร่างป้าไสวกระตุกขึ้นเบาๆ สัญญาณไฟฟ้ากลับมาเป็นปกติอยู่ชั่วสั้นๆ พยาบาลขึ้นนวดหัวใจทันที
" หมอ ช่วยแม่ด้วย " ลูกสาวป้าไสวนั่งทรุดลงร้องไห้ที่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน






" คราวนี้ฉันจะพาแม่ไปจังหวัดแล้ว"

จากคุณ : หมอแมว
เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 00:44:43




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com