ความคิดเห็นที่ 1 และข้อความบางส่วนจากบทบรรณาธิการ ---------------------------------------------------------------- ...ในฉบับที่แล้ว ทางเราได้ประกาศขอรับการสนับสนุนจากผู้อ่านเป็นครั้งแรก ซึ่งถึงตอนนี้เท่าที่ผมทราบคร่าวๆ มีนักอ่านโดย คุณกนกพรรณ สุดจันทร์, คุณปรีดา จารุวัฒชัย ที่ได้ร่วมบริจาคมา มีนักเขียนโดยคุณสมพงษ์ ฉุยสุริฉาย, คุณเอกสิทธิ์ ฟ้าประทานชัย และอีกหลายท่านที่เขียนส่งมาภายหลังว่าไม่ขอรับค่าบทความบางส่วนหรือตลอดไป ซึ่งทางนิตยสาร MY MATHS ก็ต้องขอบคุณนักอ่านและนักเขียนที่แสดงเจตจำนงค์มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ ทางเรานั้นไม่ได้หยุดนึ่งในการแสวงหาทางแก้ไข แต่เวลาก็ดำเนินอยู่ตลอดไป การแก้ไขเฉพาะหน้าคือการปรับลดต้นทุนบางส่วนอีก ดังนั้นนิตยสาร MY MATHS จึงมีความจำเป็นที่จะปรับกำหนดการวางขาย คือจากเดิมรายเดือนหรือ 30 วัน เป็นราย 45 วัน นั่นก็คือจากเดิมปีละ 12 ฉบับ เป็นปีละ 8 ฉบับ นิตยสาร MY MATHS ฉบับที่ 61, 62 จึงกำหนดการวางแผงในช่วงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ และวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553 ตามลำดับ สำหรับสมาชิกรายปีนั้นจะได้รับนิตยสารครบทั้ง 12 ฉบับ แต่เวลาจะยืดขยายออกไปเป็น 1 ปีครึ่ง นี่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป ทั้งนี้หากสถานการณ์ดีขึ้นมาก ทางเราก็คิดว่าจะปรับไปสู่แบบเดิมทั้งหมดครับ... พงศ์ทอง แซ่เฮ้ง บรรณาธิการ ---------------------------------------------------------------- จากคุณ : Look-Sky-Walker เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 53 23:40:13

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณครับ นิตยสารวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีดีๆจำนวนมากต้องตายไปอย่างน่าเสียดาย เหลือแต่นิตยสารแฟชัน ดารา ขายเครื่องสำอางค์ ขายเครื่องเสียง ฯลฯ วิทยาศาสตร์มหัศจรรย์ ชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์ โนวา มิติที่ 4 ทักษะวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี Science World นิตยสารวิทยาศาสตร์เลือดไทย หายไปหมดแล้ว เหลือก็แต่... UpDATE, My Math (และถ้าจะนับต่วยตูนพิเศษ แต่นั่นก็ไม่ได้วิทย์เท่าไหร่) เห็นใจคนมีไฟทำงานครับ อยากบอกว่าผมเป็นแฟน my math คนนึง แต่หยุดไปเพราะสมาชิกภาพหมด ว่าจะซื้อย้อนหลังอยู่ครับ จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 53 23:54:36

ความคิดเห็นที่ 3 ผมคิดว่า ทางออกคือทำนิตยสารออนไลน์ครับ แล้วให้สามารถเลือกบทความในรูปแบบ pdf หรืออ่านเป็น ebook ในฟอร์แม็ตอื่่นๆ ถึงทุกวันนี้ผมยังไม่เลิกล้มความคิดในการทำนิตยสารหว้ากอ ที่ชาวหว้ากอกลุ่มหนึ่งที่สนใจนัดประชุมกันเมื่อสองปีก่อนนะครับ แต่ชะลอออกไปเพราะมีเรื่องงานและครอบครัวต้องสะสาง ถ้าใครยังสนใจ เรามาคุยกันครับ รูปแบบออนไลน์ ต้นทุนต่ำที่สุดแล้วและยืดหยุ่นที่สุดครับ ช่วยกันเขียนบทความ ทำขายเป็น CD, DVD ให้แก่บุคคลทั่วไป แล้วรายได้นำมาทำกิจกรรม จำพวกค่ายวิทยาศาสตร์สำหรับเยาวชน น่าจะดีครับ จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 53 23:58:31

ความคิดเห็นที่ 4 เชื่อมั้ยครับว่า หลังจากที่ได้อ่านข้อความดังกล่าวแล้ว ผมก็ตัดสินใจซื้อโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว อาจมีบางคนสงสัยว่า ผมเป็นใครกันหนอ จึงต้องมาเดือดเนื้อร้อนใจกับการเปลี่ยนแปลงของนิตยสารคณิตศาสตร์แค่เล่มหนึ่งด้วย ผมขอออกตัวเลยครับว่า ผมคือนักเรียนทุน พสวท. ที่กำลังจะศึกษาต่อในภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อครั้งแรกๆที่เห็นนิตยสาร MY MATHS ผมเคยฝันว่าสักวันหนึ่งที่มีความรู้ มีทักษะ และมีประสบการณ์มากพอ ผมอยากจะเขียนบทความหลายๆเรื่องเพื่อลงที่นิตยสารเล่มนี้ แม้ค่าตอบแทนมันจะไม่มากก็ตาม แต่พอมาถึงวันนี้ นิตยสารเล่มดังกล่าวกำลังจะตายไป นิตยสารคณิตศาสตร์เพียงเล่มเดียว และหนึ่งในนิตยสารวิชาการเพียงไม่กี่เล่ม ลองมองออกไปในอนาคต เราจะทำอย่างไรดีถ้าในวันหนึ่ง แผงหนังสือที่มีนิตยสารวิชาการวางอยู่ประปราย จะถูกแทนที่ด้วยนิตยสารบันเทิงและนิตยสารจิปาถะทั้งหมด มันคงเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวด ที่วงการวิทยาศาสตร์ไทยจะถูกแทนที่ด้วยความบันเทิงและความมืดบอดทางปัญญา ยิ่งกว่ากรณี NP Faster และ GT200 เสียอีก ในฐานะนักเรียนคนหนึ่งที่ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง สิ่งที่ผมทำได้ก็มีแค่เพียงอุดหนุนนิตยสารเล่มนี้ไปเรื่อยๆ บุกลุยไปด้วยกันแบบถึงไหนถึงกัน แต่ถ้าท่านใดมีกำลังทรัพย์ และมีความยินดีที่จะบริจาค หรือจัดหาผู้สนับสนุนตามเนื้อความที่กล่าวในข้างต้น ก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยสนับสนุนและช่วยบริจาคให้แก่นิตยสารเล็กๆเล่มนี้ ขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนช่วยและเป็นกำลังสำคัญในวงการวิทยาศาสตร์ไทยเรื่อยๆมา และสุดท้าย ขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านกระทู้นี้ จากคุณ : Look-Sky-Walker เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 00:01:24

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นใจครับ แต่ก็เข้าใจทางการตลาดด้วย นิตยสารมันเฉพาะกลุ่มเกินไป คนที่จะซื้อก็มีแต่คนในวงการศึกษาเท่านั้น ผมว่าทางออกที่ดี น่าจะยุบรวมกับนิตยสาีรวิทยาศาสตร์-เืทคโนโลยีอื่นๆ เป็น section เฉพาะน่าจะดีกว่านะครับ จากคุณ : นักมายากลแห่งรัสเซีย เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 00:04:35

ความคิดเห็นที่ 6 ผมเคยไปซื้อหนังสือ Update เล่มหนึ่งในร้านหนังสือ ... ตอนนั้นซื้อในชุดหมอ ครั้งนั้นไปร้านนั้นครั้งแรก(ร้านเปิดใหม่) ผ่านไปหลายเดือน...เกือบๆครึ่งปี ไปที่ร้านเดิมอีกครั้งในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ซื้อUpdate อีกครั้ง คำแรกที่เจ้าของร้านทักตอนไปจ่ายเงินคือ "สวัสดีคุณหมอ" ผมถามเค้าว่า เจ้าของร้านจำผมได้อย่างไร ... เพราะผมเคยมาร้านของเค้าแค่สองครั้ง คำตอบคือ Update เล่มที่ผมซื้อไป คือเล่มที่สองที่ขายได้ตั้งแต่เปิดร้านมา เล่มแรกคือผมซื้อ ... และเล่มที่สองก็ผมอีก และปัจจุบันร้านนี้ก็เช่นเดียวกับอีกหลายๆร้านในละแวกนี้ นั่นคือไม่บอกรับ Update แล้ว จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 00:08:02

ความคิดเห็นที่ 7 มีเสียงสะท้อนจากเด็ก บอกผมว่า วารสารอัพเดท เนื้อหาหนักไม่สนุก และจัดรูปเล่มน่าเบื่อไป ซึ่งอันที่จริงโดยส่วนตัวผมมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับวารสารเล่มนี้ เพราะเคยเขียนส่งเรื่องไปกันอยู่ อยากให้คำกล่าวดังกล่าวหายไป อยากเห็นดีไซน์กราฟิกโดนๆแบบสมัยนี้ แต่ก็อีก คือวารสารของพวกพี่ๆอัพเดทเขาอาจจะ สูญเสียความเป็นตัวเองไป ถ้าทำแบบนั้น จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 00:11:14

ความคิดเห็นที่ 8   จะบอกว่า ตั้งแต่ผมใช้ Internet ผมก็แทบไม่ได้ซื้อหนังสือพวกนี้อีกเลย     เป็นอีก1ความจริงที่น่าเศร้าT T จากคุณ : AIM-9X เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 00:15:06

ความคิดเห็นที่ 9   เอาไปใส่ไว้ใน นิตยสารอื่นๆดีกว่าไหม เช่นต่วยตน หรือไม่ก็หนังสิอรวมวิทยาศาสตร์(ถ้าทำไม่ได้ก็น่าอายต่วยตูนเพราะต่วยตูน ผมอ่านมาจะ10ปียังไม่รู้เลยอะไรจริงอะไรปลอม) ผมเคยเจอหนังสือเก่าอนู่ จำชื่อไม่ได้ว่าชื่อว่าอะไร เล่มบางๆมีอยู่ 40หน้า ขนาดเอ4 พิม ปี 2527มีอยู่หลายเล่ม ซึ่งหนังสือเมนั้นได้มี 1.จักรวาล (โลก ดวงดาวต่างๆ ระบบสุริยะ) 2.ความเป็นมาทางวิทยาศาสต์ (นักวิทยาศาสต์ แขนงต่างๆ) 3.ประหวัติศาส 4.เทคโนโลยี 5.คณิตศาสต์ 6.ไฟฟ้าอิเล็กส์ทรอส์นิก 7.อุตสาหกรรม แล้วหนังสือปึกนั้น 10กว่าเล่ม มีเรื่องอิเล็กส์เพียง 5-8 หน้า แต่ทำให้ผมเป็นช่างซ่อมทีวีได้ด้วย อายุเพียง 15 ทีเหลืออีก 4-5หมวด แทบไม่เคยอ่าน จะทำหนังสือ ก็ลองคิดถึงตลาดครับ อย่าเอาความเเก๋าว่าหนังสือเทพ คนซื้อต้องเทพๆ คณิตศาสต์ คนไทย แก้ สมการ ได้ถึง 3โบกี้รถไฟหรือเปล่า อย่าลืมนะครับคนเกียจคณิตเยอะกว่าคนชอบ วิศวะบางคนเกียจคณิตเยอะแยะไป ปล ไม่เคยอ่านครับ แต่มีอคติกับคณิตศาสตร์ จากคุณ : เชิญด่าตามสบาย เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 00:21:36 A:110.164.63.154 X: TicketID:248320

ความคิดเห็นที่ 10 เคยเห็น My Math เพราะส่งมาให้น้องสาวที่บ้าน(ซึ่งลงท้าย พี่มันแหละที่เอามาอ่าน น้องตัวดี ไม่เคยเห็นเปิด) หลังๆนี่ห่างไปมาก เพราะเวลาน้อยลง เวลาเอาโจทย์มาลองเล่นมันไม่เหลือแล้ว นอกจาก My Math ก่อนหน้านี้นิตยสารสำหรับผู้พัฒนาซอฟแวร์อย่าง @dev ก็เจ๊งไปแล้วอย่างน่าเสียดาย เป็นนิตยสารที่ผมชอบมาก และอ่านคุ้มที่สุดเล่มหนึ่ง จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 00:22:39

ความคิดเห็นที่ 11 แฟนผมเอาข้อมูลจาก UPDATE มาอ้างอิงในการทำเปเปอร์ส่งอาจารย์ อาจารย์บอกว่า ไม่น่าเชื่อถือ ให้ไปหามาใหม่ ทำยังไงดีล่ะครับ มันกึ่งๆ จะเป็นวารสารวิชาการก็ไม่หนักแน่นพอ จะเป็นเกร็ดวิทย์ก็ดูน่าเบื่อไป จากคุณ : nisas เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 00:28:50

ความคิดเห็นที่ 12 ซื้อตั้งแต่เล่มแรกจนเล่มปัจจุบันนี้เลย (แต่ไม่ค่อยได้อ่าน ซื้อสะสม)   ข้อด้อยของนิตยสารก็คือ (สำหรับตลาด)  เนื้อหาเฉพาะทางมาก ถ้าไม่ใช่คนที่เรียนสายวิทยาศาสตร์ หรือสนใจอย่างมาก แล้วก็ไม่รู้จะซื้อไปทำไม เช่น เนื้อหาด้านพิสูจน์ทฤษฏีบทต่าง ๆ  แล้วต้องเข้าใจว่า อยากให้คนซื้ออ่านแต่เขาอ่านไปก็ไม่รู้เรื่องมันยาก ไม่มีพื้น ไม่ได้อยู่ในวงการครู หรือนักวิจัย เขาจะซื้อทำไมให้เปลืองเงิน  เราต้องเข้าใจตลาดไม่ใช่ให้ตลาดมาเข้าใจเราหรือเห็นใจเรา เป็นหลักการทำตลาดสินค้าง่าย ของบางอย่างดีมาก แต่ขายไม่ได้เพราะ่ว่าตลาดรับได้ยากทั้ง ๆ ที่เขาก็อยากจะรับ ที่อ่านได้สำหรับคนทั่ว ๆ ไป มีน้อยเช่น เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่มา และประวัติบุคคสำคัญที่ อ.สุทัศน์ เขียน คงไม่คุ้มถ้าจะซื้อมาอ่านเพียงแค่นี้เพราะเนื้อหามีไม่กี่หน้าเอง คนทั่วไปเห็นแล้วก็คงไม่ซื้อเพราะคล้ายหนังสือคู่มือเรียนมาก เพราะมีโจทย์ข้อสอบอยู่ด้วย น่าจะเป็นหนังสือสำหรับเด็กนักเรียนซื้ออ่าน แต่เด็กนักเรียนเองก็ไม่ซื้อมาก เพราะมีหนังสือคู่มือ รวมโจทย์ ขายอยู่แล้วและดีกว่าอีก และเด็กนักเรียนก็ไม่สนใจเรื่องที่มา ค้นหาทฤษฎีนัก สรุป คือ หนังสือไ่ม่มีจุดขายในตลาด เพราะดูเหมือนคู่มือนักเรียน ติวโจทย์ แต่ดูเหมือนหนังสือแนวประวัติศาสตร์ พรรณา แต่ก็ดูเหมือนหนังสือที่เอาไว้ให้นักวิชาการนำบทความมาลง คือดูเหมือนหลายอย่างแต่ไม่เด่น ก็เลยเกิดคำถามว่า หนังสือ MY MATH นี้เป็น MATH ของใครแน่?  เพราะชื่้อหนังสือก็บอกว่า คณิตศาสตร์ของฉัน  คนทั่วไปดูก็ต้องตอบว่าไม่ใช่ MATH ของฉัน ก็เลยไม่์้ซื้อ ทำให้ขายยาก เพราะมีเรื่องสำหรับคนแต่กลุ่มเพียงเล็กน้อย ทำให้คนแต่ลุ่ะกลุ่มไม่อยากซื้อ เพราะดูไม่คุ้ม เด็กนักเรียนก็ไม่อยากซื้อมาเพราะหนังสือคู่มือมีโจทย์และติวโดยตรงมากกว่า คนที่ชอบประวัติศาสตร์แนวสารคดี ก็ไม่ซื้อเพราะมีแค่เรื่องหรือสองเื่รื่องที่เหลืออ่านไม่รู้เรื่อง คนที่ชอบแนวทฤษฏีคณิตศาสตร์มาก ๆ ก็ไม่ซื้อเพราะส่วนอื่น ๆ ดูจะเป็นน้ำไม่มีเนื้อหาอะไร ไปค้นทฤษฎีจากอินเตอร์เนตดีกว่า  หรือถ้าใครจะซื้อเพื่อจะอ่านทุกแนวก็หายากมากเพราะต้องเป็นคนสนใจคณิตศาสตร์จริง หรือทำงานในแวดวงนี้ เพราะเนื้อหาค่อนข้างยากสำหรับคนทั่วไปที่จะซื้อไปอ่านทุกแนวในหนังสือ ทางแก้คือต้องเปลี่ยนรูปแบบหรือปฎิวัติไปเลย ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์แนวไหนสักแนว ดีกว่าทำทุกแนวรวมในเล่มเดียวกัน  ถ้าจะให้คนทั่วไป ๆ ซึ่งเป็นตลาดส่วนใหญ่ซื้อแล้วอยู่ได้ ต้องเอาคณิตศาสตร์พวกทฤษฎีบทพิสูจน์ออกไปเพราะไ่ม่มีใครอ่าน เน้นเป็นคณิตศาสตร์เชิงสารคดี ประวัติศาสตร์ เชิงพรรณา ผสมกับนิยายหรือเรื่องเล่า มีการ์ตูนคณิตศาสตร์ขำ ๆ เกมส์คณิตศาสต์ชิงรางวัล ผสมกับคณิตศาสตร์ในชีวิตทั่ว ๆ ไปเท่านั้น ส่วนพวกติวทำโจทย์แก้ปัญหา พิสูจน์ทฤษฎีใส่ไปคนไม่ซื้ออ่านแน่ ๆ แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 53 00:33:48 จากคุณ : 1p2m เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 00:30:21

ความคิดเห็นที่ 13 ยังจำนิตยสารหว้ากอที่เคยพูดถึงกันอยู่ได้ค่ะ ^^ ตอบเนื้อหากระทู้ : จะช่วยกดโหวตให้นะคะ จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 00:44:48

ความคิดเห็นที่ 14 กลับมาโหวตด้วยคนครับ .. คุณ โชยุ&วาซาบิจัง ผมมีไฟนะครับ ทำเนื้อหาได้ ทำบล็อกพอได้ แต่เรื่องการจัดการ หรือติดต่อประสานงานต่างๆ ผมไม่ถนัดจริงๆ ต้องอาศัยสมาชิกท่านอื่นที่มนุายสัมพันธ์ดี เข้าคนง่าย เป็นคนโยนงานหรือ จัดการประสานผมกับคนอื่นๆ งานนี้จึงจะเวิร์คครับ ในชีวิตจริงๆเป็นคนคุยไม่เก่งมาก อาจไม่ใช่คนที่จะดึงคนมาทำงานเป็นกลุ่มได้ แต่ออกแนวเป็นคนชอบเขียนงานมากกว่า จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 00:59:07

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าจะทำนิตยสารหว้ากอกันจริงๆ ผมก็ขอร่วมด้วยอีกคนครับ ถึงความรู้และประสบการณ์จะยังน้อย แต่ก็คิดว่าพอจะช่วยได้บ้าง แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 53 01:03:18 จากคุณ : Look-Sky-Walker เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 01:02:33

ความคิดเห็นที่ 16 แนะนะถ้าจะทำหนังสือหว้ากอ ต้อง แบบ ต่วยตูน แนะนำเอาแบบขายได้ คือ "หว้ากอลึกลับ" หรือ "หว้ากอพิศวง" หรือ "หว้ากอบันเทิง" หรือ "หวัากอปากท้อง" หรืออะไรก็ลองคิด ๆ ดู   เลือกเอาสักชื่อ  ถ้าชื่อหนังสือ "หว้ากอ" เฉยๆ   รับรองขายยาก เพราะชื่อโบราณดูนามธรรม อย่างถ้ามีคำว่า บันเทิงต่อท้าย คนจะนึกได้ว่ามันต้องบันเทิงแต่หว้ากอมันคืออะไรแล้วมาบันเทิงยังไง ทำให้ดูดความสนใจเขาหาหนังสือ  ถ้าเขานึกไม่ออกว่าจะเขา จะได้อะไรจากคำว่าหว้ากอ เขาจะไม่สนใจไว้ก่อนคือไม่ซื้อไว้ก่อน   แต่ต่วยตูนเขาทำตลาดมานานจนได้ลูกค้าในวงการเรื่องลึกลับไปแล้ว คือถ้านึกถึงเรื่องลึกลับ พิศวง แปลกประหลาด ต้องต่วยตูน  เขาสร้างแบรนด์ไว้แล้ว แม้คนสมัยนี้ไม่รู้จักต่วนตูนก็เยอะ ไม่รู้ว่ามันคือหนังสืออะไรด้วยซ้ำ ชื่อแปลก ๆ แต่เขาอยู่ได้เพราะวางฐานไว้แล้ว จุดเด่นการทำตลาดก็คือ ทำให้คนรู้ได้ทันทีว่า เขาจะได้อะไรแนวไหนชัดเจนก่อนสักเรื่องหนึ่ง สำหรับพวกที่มาใหม่ ๆ ถ้าลูกค้านึกไม่ออกเลยจะขายยาก  เราต้องบีบความคิดลูกค้า ไม่ใช่ให้ลูกค้านั่งไตร่ตรองสรุปเอาเอง เพราะสินค้ามันมีเยอะให้คนต้องดู อะไรที่คนดูแล้วไม่รู้เรื่องแต่แรกจะผ่านไปก่อนแล้วกลับมาดูใหม่ถ้ามีโอกาส  เพราะมันมีผลต่อการที่ลูกค้าจะหยิบตังซื้อหากเขาใช้เวลากับสินค้าแล้วหาข้อสรุปไม่ได้ก็จะผ่านเลยไป อย่าทำการตลาดแบบให้ลูกค้าลังเล หว่านไปทั่วเอาหมดเลยตั้งชื่อ ทำแนวหนังสือแบบว่าไม่รู้จะไปลงตรงไหนดี เป็นแนวไปคิดดู จากคุณ : 1p2m เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 01:20:01

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นด้วยนะครับ คือแบบว่าเนื้อหาเป็นอะไรที่ลึกมากๆ ประมาณว่าพวกที่เรียนทางวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์น่ะครับ อ่านไปงงไป เคยซื้อมาอ่านอยู่เป็นปีเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยเข้าใจเลย จากคุณ : ความจำผมมันสั้น เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 01:20:42

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าจะมี แนวข้อสอบ เอ็น แนวข้อสอบเข้าโรงเรียนดัง พร้อมกะ คำอธิบาย และวิธีทำอย่างละเอียด รวมถึง วิเคราะห์การคิด การทำ ด้วย น่าจะจับกลุ่มเด็ก ม. ต้น กะ ม.ปลายได้ ไม่ก็ ต้อง ยอม ขึ้นไปติดเป็น แมลงเล็กๆ ในปีกพญาครุฑ แล้วหละ เช่น แตกเป็น คอลัมน์ เล็กๆ ในหนังสือพิมพ์ หรือ ในนิตยสาร ที่มียอดขายติดอันดับ แบบนี้ จำยังคงทำให้เนื้อหา ถูกนำมาเผยแพร่ สู่สายตาสาธารณชนได้ ไม่ก็ ต้องอิง องค์ กรใหญ่ๆ  เช่น ปตท. ธนาคารใหญ่ๆ EGAT หรือองค์การที่มีรัฐเป็นผู้ถือหุ้นส่วนข้างมาก มาเป็นสปอนด์เซอร์ให้ ไม่อีกที ก็เปลี่ยนมาเป็น นิตยสารทาง net ซะ รูปแบบอาจเปลี่ยนไป แต่เนื้อ หาน่าจะคงเดิมได้ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 01:51:43

ความคิดเห็นที่ 19   ผมซื้อทุกครั้งที่มีโอกาส ทั้งupdate และ MY MATH เคยกระทั่งสมัครสมาชิกให้ห้องสมุดโรงเรียนต่างจังหวัดตั้งหลายรอบ จนไม่น่าจะมีเหลือแล้วที่ไม่ได้รับ ไม่รู้จะช่วยยังไงต่อ จากคุณ : ลูกค้าคนหนึ่ง เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 01:56:59 A:124.121.171.179 X: TicketID:038839

ความคิดเห็นที่ 20   ตั้งแต่ ชัยพฤษ วิทยาศาตร์ ค่อยๆ ตายไปเยอะแล้ว หนังสือดีดี จากคุณ : i เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 02:01:22 A:125.27.229.192 X: TicketID:251551

ความคิดเห็นที่ 21   Update อ่านมาประมาณ 7-8 ครั้ง แรกๆก็ยืมเพื่อนอ่าน หลังๆซื้อเองมาได้ 5 เล่ม หนังสือเนื้อหาดี มีประโยชน์ แต่อ่านแล้ว ไม่ชวนติดตาม บางทีก่อนอ่านต้องทำใจเหมือนอ่านหนังสือเรียน ไม่รู้จะแนะนำยังไง ถ้าทำให้สนุก มีสีสันทั้งเล่มคงใช้ทุนเยอะ จากคุณ : Cezus เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 02:03:27

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นด้วยกับ #๑๒ ทำหนังสือสักเล่มต้องดูการตลาดด้วย หากเป็นหนังสือ รายเดือน อย่างน้อยๆก็ต้องมีสิ่งจูงใจให้ผู้อ่านทั่วๆไป สนใจที่จะอ่าน จะซื้อด้วยครับ จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 02:58:15

ความคิดเห็นที่ 23   ชอบนิตยสารเล่มนี้มากครับ น่าเสียดายที่มาเริ่มวางขายช้าไปหน่อย มาตอนที่ผมไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว ขอให้ได้อยู่สร้่างความรู้ให้คนไทยนานๆ นะครับ จากคุณ : Axl เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 04:13:31 A:110.49.87.32 X: TicketID:140031

ความคิดเห็นที่ 24 ผมหยุดเป็นสมาชิกไปเมื่อปลายปีที่แล้วน่ะครับ เพราะว่ามาเรียนต่อเมืองนอก แต่ถ้าอยู่เมืองไทยผมก็ซื้อทุกทีแหละ ความจริงอยากติน่ะครับ ไม่รู้ว่าบอร์ด My Maths ไปทางไหนเพราะ URL ที่เคยมีหายไปแล้ว แต่ผมรู้สึกว่าเล่มหลังๆอ่านสนุกน้อยกว่าเล่มแรกๆมากเลยครับ ผมเองอ่านก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าเนื้อหาส่วนไหนที่มันหายไป หรือวิธีเขียนแบบไหนที่มันหายไป แต่เมื่อก่อนช่วงเล่มแรกๆนี่ผมอ่านได้ทั้งเล่มเลย แต่ช่วงหลังๆผมอ่านแค่ 3-4 บทความแรกแล้วก็กระโดดไปท้ายๆเลย รู้สึกอ่านแล้วมันไม่น่าติดตามชวนให้อ่านยังไงก็ไม่รู้สิครับ แล้วถ้าปรับ Layout แล้วมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายไปที่เด็กๆด้วยผมว่ายิ่งดีกับทั้งตัวนิตยสารแล้วก็เด็กเองนะครับ เมื่อก่อนอย่างนิตยสารสวนเด็กนี่แม่ผมซื้อให้ทุกเดือน (ไม่สมัครสมาชิก เพราะกว่าหนังสือจะมาก็ล่อไปซะครึ่งเดือน) หรืออย่างนิตยสารไดโนสารก็เหมือนกัน ผมว่าถ้าผู้ปกครองเห็นว่าตัวนิตยสารให้ความรู้กับลูกๆตัวเอง เค้าคงไม่เกี่ยงที่จะจ่ายเงินเพื่อลูกของเค้าทุกๆเดือนหรอกครับ ตัวนิตยสารเองก็จะได้กลุ่มลูกค้าที่แน่นอนด้วย สังคมก็จะได้เยาวชนที่มีความไฝ่รู้ทางคณิตศาสตร์เพิ่มด้วย ตอนนี้ผมว่ามันออกไปทางกลุ่มคนที่มีใจรักคณิตศาสตร์ซึ่งเป็นผู้ใหญ่มากเกินไป เอาจริงๆกลุ่มนี้ผมว่าจำนวนมันน้อยเกินไปนะครับ แต่ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นิตยสาร My Maths ก้าวพ้นปัญหานี้ไปให้ได้แหละครับ ถ้าผมกลับเมืองไทยผมก็ซื้ออีกแหละ ถ้ากลับช่วงงานหนังสือพอดีคงได้ซื้อย้อนหลังกันมันส์เลยแหละครับ จากคุณ : วัวน้อยในไร่หญ้า เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 06:51:51

ความคิดเห็นที่ 25 #14 ถ้าโปรเจคนี้จะกลับมาเมื่อไหร่รบกวนส่งข่าวด้วยนะคะ เรื่องติดต่อประสานงานคิดว่าช่วยได้ค่ะ หรือมีอะไรอย่างอื่นที่พอจะทำได้ก็ยินดีค่ะ ปล.รื้อกลับมาคุยกันจริงจังอีกทีดีไหม ^^   แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 53 09:21:08 จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 09:19:01

ความคิดเห็นที่ 26   ตอนแรกก็คิดว่าเป็นเพราะความเฉพาะของกลุ่มผู้อ่าน แต่ดู ๆ ไปแล้ว ดิฉันสังเกตว่า ในร้านหนังสือกลับมีพ็อคเก็ตบุ้คที่แปลจากญี่ปุ่น เกาหลี เกี่ยวกับคณิตศาสตร์อยู่พอประมาณ ที่สำคัญคือ เนื้อหาจะเอามาโยงกับการนำมาใช้กับชีวิต การแก้ปัญหา หรือสะท้อนให้เห็นแง่มุมใหม่ ๆ ที่ไม่่ใช่เรื่องยากเกินไป หรือน่าเบื่อ รวมทั้งสีสัน กราฟิก ภาพประกอบก็น่าดึงดูดด้วย ทำให้สามารถแทรกเข้ามาในตลาดพ็อคเก็ตบุ้กได้ จากคุณ : ต๊อก เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 09:54:34 A:125.24.127.39 X: TicketID:100096

ความคิดเห็นที่ 27 สมัยเรียนป.ตรีเภสัช ก็มีเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กโอลิมปิคคณิตศาสตร์ซื้อมาอ่านที่หอบ่อยๆ เคยเปิดอ่านดูบ้างแต่ยอมรับว่าไม่รู้เรื่องเลย เพราะหนังสือมันเฉพาะทางมากๆ ส่วน UpDATE ห้องสมุดที่มหาวิทยาลัยรับไว้อยู่แล้ว เลยได้อ่านเรื่อยๆ เป็นหนังสือที่ดีมากๆ ไม่อยากให้หายไปจากสังคมไทย จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 10:09:48

ความคิดเห็นที่ 28 ตั้งแต่ได้อ่านเล่มแรก...จากนั้นก็.. ซื้อทุกเล่มเลย :) จากคุณ : piyo_kung (piyo_kung) เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 10:49:32

ความคิดเห็นที่ 29 เคยซื้ออ่าน 7-8 เล่มแรกค่ะ ทั้งๆที่ไม่ได้หลงใหลคณิตศาสตร์ขนาดนั้นแต่ก็ซื้อ เพราะอยากช่วยอุดหนุน ความรู้สึกเมื่ออ่านก็คือทำไม ส่วนที่อ่านรู้เรื่อง < ส่วนที่อ่านไม่รู้เรื่อง ฟระ ทั้งๆที่เราก็พอมีพื้นฐานมาบ้าง สุดท้ายเลยเลิกซื้อ เพราะอยู่หอ ลำพังหนังสือที่อ่านรู้เรื่องก็จะทับตายอยู่แล้ว เช่นเดียวกับท่านอื่นๆ เราว่าเนื้อหาควรได้รับการปฏิวัติครั้งใหญ่ เราอยากอ่านเนื้อหาประเภท เอาmath มาอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆรอบตัว สำนวนการเขียนต้องเหมือนเพื่อนเขียนให้เพื่อนอ่าน ไม่ใช่อ่านแล้วนึกถึงหน้าอ.สอนเลขตลอดเวลาแบบนี้ ตอนนี้เราคงทำได้แค่เป็นกำลังใจให้ และโหวตกระทู้ให้เท่านั้น จากคุณ : แมวบอส เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 11:01:40

ความคิดเห็นที่ 30   เคยอ่านนะ แต่มันม่ายเข้าใจอ่ะ  ม่ายเหมือนคอมพ์ง่า ดุมันเครียดๆยังไงก้ม่ายรุ  เลยไม่ได้ซื้อมาอ่าน แต่เนื้อหาสาระเยอะนะ ผมคงความรู้ม่ายถึงง่ะ  เลยไม่ค่อยเข้าในหนังสือ จากคุณ : มะเดี่ยว ณ โคราช (madyo48) เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 11:08:24

ความคิดเห็นที่ 31 ทำหนังสือมันเสี่ยงขาดทุนโคตรๆอยู่แล้วครับ ยิ่งคณิตเป็นวิชาที่มักจะหลุดจากปากเด็กว่าไม่ชอบเป็นอันดับต้นๆ จากคุณ : ผีฟรีคิก เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 11:12:53

ความคิดเห็นที่ 32 มิน่าล่ะ... พักนี้ถึงไม่เห็นMy Math ส่งมาที่บ้านเลย... ถึงแม้ว่าเนื้อหาส่วนใหญ่จะอ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็มีบางคอลัมน์ ที่มีเนื้อหาไม่หนักมาก โดยเฉพาะเรื่องทฤษฎีเกม สนุกดี คิดว่าเป็นนิตยสารที่ดีมากๆค่ะ เห็นถึงความตั้งใจจริงของทีมงาน เป็นกำลังใจให้ค่ะ... หลังจากอ่านฟรีมาหลายปี คงต้องลงทุนหน่อยละ...^_____^ จากคุณ : ใจกลางทางช้างเผือก (ใจกลางทางช้างเผือก) เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 11:14:07

ความคิดเห็นที่ 33 หลังจาก"รู้รอบตัว(update)" ก็มี my math นี่แหละที่ซื้ออ่่าน เคยซื้อมาไว้ 4-5 เล่ม ตั้งแต่เล่มแรกๆ มันมีเนื้อหาที่ดีๆ เยอะมาก เวลาอ่านก็จะมี กระดาษ ปากกา คิดตามไปด้วย กว่าจะอ่านจบแต่ละเล่ม ใช้เวลาเ็ป็นเดือนๆ หลังๆไม่ค่อยมีเวลา ก็เลยซื้อมาเก็บๆไว้ก่อน มัีนก็เลยไปอยู่เล่มล่างๆ ของกองหนังสือที่จะอ่าน ก็เลยเลิกซื้อไปเพราะอ่านไม่ทัน กะว่าถ้ามีเวลาว่างมากๆก็จะซื้อย้อนหลังเอา นี่เราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังสือนี้ตายเหรอเนี่ยะ เศร้า จากคุณ : Yoshitomi เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 11:39:18

ความคิดเห็นที่ 34 .. จากคุณ : pisity เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 12:50:32

ความคิดเห็นที่ 35 สมัยผมเด็ก ที่ห้องสมุด จะมี หนังสือวิทยาศาสตร์ เล่มหนึ่ง ที่ผมชอบมาก ผมจำไม่ได้แล้วว่า หนังสือเล่มนั้นชื่ออะไร แต่เนื้อหาด้านใน เข้มข้นมาก ที่พอจำได้คร่าวๆ มีดังนี้ 1. เนื้อหาเกี่ยวกับ เครื่องบินเล็ก แบบแปลน ย่อส่วน คำแนะนำในการนำไปถ่ายเอกสารขยายเท่าขนาดจริง วิธีการสร้าง รายการอุปกรณ์ ซึ่งมีหลากหลายแบบ ทั้งแบบ เครื่องยนต์เล็ก แบบยางรัด แบบ เฮลิคอปเตอร์ 2. เนื้อหาเกี่ยวกับ อิเล็กทรอนิกส์ โครงงาน อิเล็กทรอนิกส์ สำหรับงานอดิเรก ราคาไม่แพง ผมยังเคยได้เอาเนื้อหาส่วนนี้ไปทำเป็นโครงงานวิชาอุตสหกรรม รู้สึกจะเป็น สวิทต์ อิเล็กทรอนิก กดปุ่มให้ถูกต้องเป็นรหัส มันถึงจะจ่ายไฟให้อุปกรณ์ได้ โครงงานนี้ ได้เกรด 4 ครับ ส่วนนี้ มีครบครับ ลายวงจร คำอธิบายวงจร วิธีการสราง รายการอุปกรณ์ ราคาประมาณการ 3. เนื้อหาดาราศาสตร์ เกี่ยวกับหลุมดำ เกี่ยวกับ พัลซาร์ อนุภาคต่างๆ เข้มข้นดีครับ ผมอยู่ มัธยมต้น ถึง ปลาย ชอบอ่านเรื่องพวกนี้มากๆ 4. เนื้อหาเกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เช่นนักวิทยาศาสตร์ คิดค้นเรื่องต่างๆ ได้อย่างไร การค้นพบทฤษฎีต่างๆ ทางคณิตศาสตร์ เป็นต้น อื่นๆ อีกมาก ผมก็จำไม่ได้แล้ว แต่หนังสือเล่มนี้ ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยอ่านเนื้อหาแน่น บทความดีทุกอันเลย ได้หนังสือมา ผมนอนอ่าน นั่งอ่านทุกหน้าทุกตัวอักษรเลยครับ แต่ มันตายไป ตอนผมอยู่ ม.5 น่าเสียดายมาก ผ่านมา สิบกว่าปีแล้วครับ จำชื่อไม่ได้จริงๆ ใครเคยรู้จัก หรือคุ้นๆ ช่วยบอกชื่อหนังสือด้วย จะเป็นพาะคุณมาก จากคุณ : ผู้กล่าวคติพจน์ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 13:00:05

ความคิดเห็นที่ 36 เป็นหนังสือที่ดีมากครับ ให้กำลังใจทุกๆคนที่พยายามทำสิ่งดีๆเพื่อคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ของเราได้ดีขึ้นกว่านี้ครับ จากคุณ : เด็กชายบ้องตื้น เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 13:02:45

ความคิดเห็นที่ 37 ผมก็เคยเป็นแฟน Update ครับ แต่ก่อนซื้อทุกฉบับ หลัง ๆ ไม่ได้ซื้อเลย Update อนุรักษ์นิยมเกินไปครับ ในแง่ของ Artwork การวาง Layout การเอารูปขึ้นหน้าปก และการจัดเรียง Content มันทำให้ Update ค่อย ๆ ตายไปเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่มันไม่ควรจะตายเลย ทำนิตยสารสักเล่ม เรื่องโหดกว่าที่คิดไว้เยอะครับ ในปีแรก ต้องมีเงินตุนในกระเป๋าสัก 1 - 2 ล้านบาท "เป็นอย่างน้อย" ย้ำคำนี้เลยครับว่าเป็นอย่างน้อย เพราะทุกอย่างมันเริ่มมาตั้งแต่การ Position ตัวเองในแผงว่าจะขายให้ใคร การเลือกกระดาษ การจัด Art การทำรูปเล่ม เนื้อหา แนวทาง Content ทั้งหมดมีผลต่อการขายโฆษณา ซึ่งเป็นรายได้หลักของการทำนิตยสาร แบบที่ทาง MY MATHS บอกครับ นิตยสารไม่ได้อยู่้ได้ด้วยยอดขาย แต่อยู่ได้ด้วยโฆษณาทั้งนั้น นิตยสารดาราทั้งหลาย เชื่อไหม เขาสามารถแจกคุณฟรีได้เลยเพราะแค่ค่าโฆษณาก็กำไรปรี่แล้ว หลายเล่มก็เป็นแบบนี้ แต่ที่เขายังขายอยู่ก็เพราะเขาต้องการรักษาคุณค่าของแบรนด์ให้มีมูลค่า ถ้าไม่มีโฆษณา นิตยสารอยู่ไม่ได้ ขั้นต่อไปคือจะหามาจากไหน ตรงนี้ไม่จำเป็นว่า นิตยสารวิทยาศาสตร์ต้องหาโฆษณาจากบริษัทที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ จะหาโฆษณาจากบริษัทขายบ้านหรือโรงหนังก็ยังได้ ถ้าเราทำให้ลูกค้าเชื่อว่า เราตอบโจทย์ที่เขาต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเฉพาะหนึ่ง ๆ เนื้อหา บางทีคนเขียนคิดว่าเรื่องมันน่าสนใจมาก ๆ แต่กลับไม่ค่อยมีคนสนใจ แต่บางเรื่องทำไปก็เบื่อไป แต่กลับขายดีซะงั้น ตรงนี้มันก็ต้องนั่งคิดดี ๆ อีกทีนึงครับ เพราะไม่ใช่ทุกเรื่องที่เราสนใจจะขายได้ ยากครับ ทำนิตยสารเนื้อหาดี ๆ มีสาระสักเล่ม ยากมากถึงยากที่สุด ลำพังต้นทุนพิมพ์ต่อเดือนก็เหยียบแสนหรือหลายแสนแล้ว ไหนจะค้าจ้างคน ค่าส่ง ที่เหลือกลับมาก็ต้องบริหารสต็อกดี ๆ ถ้าหว้ากออยากจะทำหนังสือจริง ๆ ผมว่าต้องคุยกันยาว ๆ อีกครั้งนึงครับ อย่างแรกเลยต้องเงินถึง ถ้าจะปรับเป็นออนไลน์ก็จะลดรายจ่ายลงไปได้มาก แต่เป้าหมายคนอ่านก็จะเปลี่ยน ซึ่งมีผลต่อการขายโฆษณาเหมือนกัน ถ้าสนใจจะทำจริง ๆ ผมก็ยินดีเข้าร่วมทีมด้วยครับ พอมีประสบการณ์อยู่บ้าง นัดวันมาได้ครับผม แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 53 13:05:30 จากคุณ : Skyman (Analayo) เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 13:03:50

ความคิดเห็นที่ 38 เคยซื้อมาอ่านเล่มเดียวเองครับ จากคุณ : นายฉิม เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 13:30:34

ความคิดเห็นที่ 39 ซื้ออ่านอยู่ประมาณปีกว่าแล้วก็เพิ่งหยุดไปเมื่อเล่มล่าสุดนี้เอง ส่วนตัวมองเหมือน คห 12 ครับว่าเนื้อหาสาระหนักมากแบบนี้ คงจับกลุ่มลูกค้าได้แค่กลุ่มเล็กๆ ประเภทที่ต้องบ้าคณิตศาสตร์จริงจังเท่านั้นเองถึงจะอ่านอย่างเมามันได้จนจบเล่ม ขนาดตัวเองชอบคณิตศาสตร์แต่ไม่ได้จบทางนี้โดยตรง อ่านบางหน้าบางบทแล้วยังมึนจนขี้เกียจอ่านต่อเลย ประสาอะไรกับคนจำนวนมากที่เห็นคณิตศาสตร์เป็นยาขมอยู่แล้วละครับ ถ้าต้องการทำต่อและเพิ่มฐานลูกค้าให้มากขึ้น ควรต้องปรับเนื้อหาอย่างแรงเลยครับ ต้องเน้นเนื้อหาคณิตศาสตร์แบบที่ไม่ได้อยู่ในหนังสือเรียนมากขึ้น เพื่อทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกว่า เรียนคณิตศาสตร์ก็สนุกได้ ไม่งั้นก็คงจอดไม่ต้องแจวละครับ แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 53 13:32:06 จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 13:46:41

ความคิดเห็นที่ 40 #6... อ่านของคุณ หมอแมวแล้วขนลุกยังไงไม่รู้ ผ่านไปเกือบครึ่งปี กลับไปซื้อหนังสือเล่มเดิม แต่ เปน update อีกครั้ง คนขายทัก สวัสดีคุณหมอ เลย  หนังสือไม่ธรรมดาแน่ๆ อยากให้มีหนังสือดีๆแบบนี้คู่สังคมไทยต่อไปอีกเสียงค่ะ ไม่เฉพาะสำหรับผู้สนใจ เฉพาะทาง แต่ก็เหมาะสำหรับเด็กๆระดับมัธยมด้วย ปล ไม่เคยอ่านหนังสือ MY MATHS เลยอะ แหะๆ จากคุณ : Choco-Mix เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 13:54:54

ความคิดเห็นที่ 41 เคยซื้ออ่าน 1 เล่ม มันไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ มีแต่เนื้อหาเฉพาะ เลยไม่ติดใจ เล่มต่อไป จากคุณ : eping เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 14:21:12

ความคิดเห็นที่ 42 ใจหนึ่งก็เห็นด้วย อยากให้ทำเป็น e-magazine แต่อีกใจหนึ่งก็คิดถึงคนที่อยู่ต่างจังหวัด อินเตอร์เนตคงไม่ใช่หนทางสะดวกสำหรับพวกเขา ชอบนิตยสาร My math นะ  ตามอ่านมาตลอด แม้จะอ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ที่จริงก็เคยคิดอยู่ว่า นิตยสารแบบนี้ไม่น่าอยู่ได้นาน เพราะเนื้อหามันเฉพาะกลุ่มเกินไป  แต่ก็อยู่มาได้ถึง 5 ปี ก็ไม่รู้ว่ายอดพิมพ์ต่อเดือนนี่ พิมพ์กี่ฉบับ ไม่รู้ว่ต้นทุนฉบับละเท่าไร  แต่ด้วยราคา 60 บาท เรามองว่าราคาถูกนะ  สามารถซื้อหาอ่านได้ทุกเดือน ข้อเสียของ My Math คือ เจาะไปทางคณิตศาสตร์จ๋ามากๆ  และเป็นในรูปแบบทฤษฎีด้วย  ซึ่งคนที่สนใจจะอ่านแนวนี้ ยอมรับตรงๆ เลยค่ะว่า มีน้อยมาก  กระทั่งนิสิต นักศึกษาภาควิชาคณิตศาสตร์เองยังไม่ค่อยอยากจะอ่านกันเลย  (มีอ่านกันแค่ส่วนน้อยมากๆ) ซึ่งเหตุผลหนึ่งน่าจะมาจากความที่มันถูกนำเสนอในเชิงทฤษฎีจ๋า และเป็นลักษณะ แปลมา เล่ามา มากกว่าแนวคิดใหม่ๆ ด้วย ทำให้ความน่าติดตามมันหายไปมาก  อีกทั้งเนื้อหาหลายส่วนถูกเจาะไปที่การทำข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทำให้คนอ่านหลายคนคิดว่านี่เป็นนิตยสารสำหรับเด็ก ม. ปลาย และพอสอบเข้าได้แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องอ่านอะไรเพิ่มเติมอีก เท่าที่ตามอ่านมา และพยายามทำความเข้าใจ  เรามีความรู้สึกว่า คณิตศาสตร์ที่นำเสนอใน My Math เหมือนเป็นคณิตศาสตร์ยุคเก่า เป็นเพียงพื้นฐาน ที่เรามองไม่เห็นเลยว่ามีใครเอามาใช้พัฒนายังไง  หรือความรู้ทางคณิตศาสตร์จะมีการพัฒนามากกว่านี้ได้ไหม.. แต่ก็พูดยากนะ เพราะถ้านำเสนอคณิตศาสตร์ที่มีการพัฒนาในปัจจุบัน เนื้อหาจะยิ่งลึกขึ้นและยากกว่าเดิมอีก ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่า กลุ่มผู้ซื้อทั่วไปจะรับได้ไหม..  (แต่เราเป็นคนหนึ่งล่ะ ที่บอกได้เลยว่า ออกมายากๆ ก็ยังตามอ่าน ต่อให้ไม่มีพื้นทางเรื่องนี้นก็จะพยายามหาอ่าน หาเรียนเพื่อจะเข้าใจให้ได้) ป.ล.  อยากให้พิมพ์รวมเล่มประวัติศาสตร์ค่าพายค่ะ (History of Pi) คอลัมภ์นี้เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ติดตาม My Math มาตลอดค่ะ จากคุณ : S.S. เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 14:23:24

ความคิดเห็นที่ 43 อยากให้ออกเป็น E-magazine แล้วเก็บค่าสมาชิกถูก ๆ เพราะลดต้นทุนเรื่องการพิมพ์ลงไปได้เกือบหมด จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 14:25:53

ความคิดเห็นที่ 44 อยากช่วยครับ แต่จะเป็นสมาชิก และอยากได้เป็น emag ตามความเห็น 43 (ทุกวันนี้อ่านแต่ pdf) จากคุณ : iPAS (iPAS) เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 15:46:20

ความคิดเห็นที่ 45 จำได้ เห็นมันวางบนแผงเล่มปฐมฤกษ์ ก็ซื้อไม่คิดเลย http://www.vcharkarn.com/vcafe/26118/4 เสียดายจัง จากคุณ : Register_AC เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 16:04:10

ความคิดเห็นที่ 46 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 16:10:53

ความคิดเห็นที่ 47   เจอเล่มนี้ดูน่าสนใจทีเดียวค่ะ เหมือนนิตยสารทั่ว ๆ ไปเลย http://www.isquaredmagazine.co.uk/ จากคุณ : ต๊อก เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 17:13:09 A:125.24.181.82 X: TicketID:100096

ความคิดเห็นที่ 48   ต้องเอาสิ่งน่าสนใจใส่ลงไปด้วยครับ... คน 100 คน หามา1คนที่เก่งคณิตศาสตร์ยังหายาก และคนที่อยากจะซื้อหนังสือคณิตศาสตร์มาอ่าน ยิ่งหายาก จากคุณ : อาจารย์แมว เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 18:26:32 A:125.27.63.24 X: TicketID:199878

ความคิดเห็นที่ 49 ถามว่า เหตุใดหนังสือถึงอยู่ไมไ่ด้ คงต้องเป็นกลุ่มคนนั่นแหละครับ อาจมีคนอ่านน้อย  มันก็ต้องตามวัฏจักรครับ มีเกิดมีตาย เหตุใด ขายหัวเราะ จึงอยู่มาได้หลายสิบปี เพราะคนอ่านฐานเยอะครับ บอกตรงๆหนังสือวิชาการผมก็ไม่ค่อยอ่านนะ ผมอ่านพวก ต่วยตูน (ท่ีมันมีสาระต่างแดน บลาๆๆๆ เยอะๆ) ไม่ง้ันก็พวกวารสารไปเลย จากคุณ : ผืนแผ่นดิน เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 18:30:43

ความคิดเห็นที่ 50 ลองแวะกันไปที่  http://www.mathcenter.net/forum/ เพราะเป็นเว็บหนึ่งที่บรรณาธิการ ของนิตยสารMY MATHS ดูแลอยู่ (ในนั้นใช้ชื่อusername ว่า gon) และคิดว่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนิตยสารรวมทั้งคนที่ตามอ่านนิตยสารMY MATHS  คงเล่นกันอยู่ที่เว็บบอร์ดนั้นกันหลายคน ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับติดต่อหรือออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ครับ จากคุณ : อิอิคุง เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 19:11:19

ความคิดเห็นที่ 51 อ่านแล้วเศร้าครับ หนังสือมีสาระบ้านเรา(ที่ผลิตโดยคนไทย) มีน้อยมากอยู่แล้ว ตอนนี้ผมมีโอกาส เข้าแวะกับงานนิตยสาร ก็ทราบต้นทุนดีครับ ว่ามันสูงจริงๆและอยู่ได้ด้วยสปอนเซอร์ กว่าจะหาสปอนเซอร์นั้นยากมาก แถมพอหมดสัญญาต้องมานั่งลุ้น ว่าเค้าจะต่อสัญญาอีกหรือเปล่า จากคุณ : bodin เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 19:14:43

ความคิดเห็นที่ 52 ผมขอมาย้อนความหลังเกี่ยวกับนิตยสาร MY MATHS เมื่อ 5 ปีที่แล้วให้ฟัง ครั้งนั้น ผมเป็นเด็ก ป.6 คนหนึ่งที่เข้ารอบ 2 โครงการอัจฉริยภาพของ สสวท. ระดับประถม วิชาคณิตศาสตร์ วันนั้นเป็นวันเสาร์ที่ 29 มกราคม 2548 ผมจำวันนั้นได้ดี เพราะมันเป็นวันคล้ายวันเกิดผมพอดี ผมไปสอบคัดเลือกรอบ 2 ของวิชาคณิตศาสตร์ในช่วงเช้า แล้วก็ได้รับกล่องกระดาษใบหนึ่งมา จ่าหน้าถึงผม ในนั้นมีหนังสือมากมาย รวมถึงหนังสือ MY MATHS ฉบับปฐมฤกษ์ด้วย วันนั้น ผมรู้สึกดีใจลึกๆ ที่ได้นิตยสารฉบับปฐมฤกษ์มาแบบฟรีๆ ตอนแรก ผมคิดว่าคงจะได้แค่เล่มนี้เล่มเดียว แต่ก็ไม่ เพราะ สสวท. ส่งมาเรื่อยๆ สม่ำเสมอ ในซองสีน้ำตาล เป็นประจำทุกเดือน ผมอ่าน และเก็บ MY MATHS ทุกเล่มที่เขาส่งมา เป็นอย่างนี้เรื่อยมา จนกระทั่ง... เมื่อ สสวท. ไม่ได้ส่งมาอีกแล้ว ผมรู้สึกใจหายลึกๆ ที่ผมคงไม่ได้อ่านนิตยสารดีๆ แบบนี้อีก หลังจากนั้นมา ผมก็ไม่ได้สมัครต่อ แล้วก็ไม่ได้ซื้อด้วย ผมก็ไม่รู้ว่า MY MATHS จะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน MY MATHS ที่เก็บไว้นับปี ป่านนี้คงไปอยู่ในซอกหลืบหนึ่งของห้องเก็บของ และถูกลืมไปแล้วละมั้ง แต่วันนี้ คงต้องขอบคุณ จขกท ที่เอาข่าวสารนี้มากระจายได้อย่างถูกที่ และถูกเวลาอย่างยิ่ง ถ้าจะพูดถึงความรู้สึกที่มีต่อ MY MATHS ผมเองก็เป็นคนนึง ที่งงๆ เนื้อหาหลายๆ อย่างในนิตยสาร บางอย่างอาจจะยากเกิน สำหรับสติปัญญาของผมในวัย ม.ต้นด้วยซ้ำไป จนนานวันเข้า ที่ผมก็รู้ว่า คณิตศาสตร์ ไม่ใช่อะไรที่ผมรักแท้จริง และ ณ ขณะนี้ ที่ผมพูดได้เต็มปากว่า "ผมไม่ใช่เด็กคณิตศาสตร์" (แต่เป็นเด็กโอลิมปิกวิชาการ สอวน. คอมพิวเตอร์ อนาคตเด็กโอลิมปิกวิชาการ สสวท. คอมพิวเตอร์ ที่จะถึงจุดนั้นรึเปล่าก็ยังไม่รู้เลย) แต่ผมเองก็ยังระลึกถึง MY MATHS อยู่เสมอ ที่อาจจะเป็นแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของชีวิต ม.ต้นของผม แต่ก็หวังว่า MY MATHS เล่มนี้ คงไม่ใช่...ฉบับสุดท้าย จากคุณ : ABP@BDZ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 19:32:10

ความคิดเห็นที่ 53 ผมว่า การลดต้นทุนด้วยการทำเป็นเวบก็ดีครับ แต่คนเล่นเน็ตมักจะคิดว่า คอนเทนต์ในเน็ตมันต้อง "ฟรี" ครับ จะมีเด็กสักกี่คนที่จะยอมจ่าย และขั้นตอนการจ่ายเงินมันค่อนข้างยุ่งยากครับ ผมว่าที่สำคัญคือ การตลาดครับ ของดี แต่ไม่มีคนสนใจก็เปล่า่ประโยชน์ ผมคิดว่าหนทางที่จะทำให้เด็กรุ่นใหม่สนใจนิตยสารได้คือ "ประโยชน์ที่จะได้รับ" เมื่อแลกกับการจ่ายค่าขนม ค่ากับข้าวในการซื้อ หากเขาซื้อมาแล้วอ่านไม่รู้เรื่อง ก็จบครับ ไม่ซื้ออีกแน่นอน ที่สำคัญคือ การ "ประยุกต์" ใช้กับชีวิตประจำวัน อ่านแล้วเอาไปใช้ได้ครับ จากคุณ : Yippie เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 20:13:38

ความคิดเห็นที่ 54 ...ไม่ค่อยชอบวิชาวิทย์+เลข เท่าไหร่เพราะสมองไม่ค่อยจะดี แต่จะอุดหนุนเอาไปหลานอ่านครับ...ร่วมด้วยช่วยกัน จากคุณ : แม่นกเงือก เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 20:25:12

ความคิดเห็นที่ 55 เคยซื้อมาอ่าน2-3ฉบับ  เเต่ไม่มีความรู้พอที่จะอ่านได้รู้เรื่อง คงเป็นเพราะ  1. ความรู้ชองเราคืนครูหมด+ตามไม่ทัน                    2. ความรู้เราไม่ถึง                  3. เราโง่เอง    เลยไม่ชื้ออีกเลย  เเต่จะกลับไปซื้อใหม่  เเละจะพยายามเเกะ อ่านให้รู้เรื่องได้สัก 1 เรื่องก็ยังดี      ทำไมไม่หาโฆษณา นะ    จากร.ร.กวดวิชาคณิต-วิทย์  ที่มีอยู่ น่าจะได้มั่งนะ แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 53 20:35:05 จากคุณ : เศษธุลี (เศษธุลี) เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 20:32:37

ความคิดเห็นที่ 56   ผมนึกออกแล้วครับ หนังสือวิทยาศาสตร์ที่สมบูรณ์ อ่านมัน มันคือ ชัยพฤก ครับ เล่มละ 12บาท เป็นช่างซ่อมทีวี ตอนอายุ 15 ก็เพราะหนังสือนี้เป็นจุดเริ่มต้นครับ จากคุณ : ^Ai^ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 21:36:20 A:110.164.78.49 X: TicketID:248320

ความคิดเห็นที่ 57 นึกถึงอีกหัว นิตยสาร แมคคานิคอ่ะ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 21:52:54

ความคิดเห็นที่ 58 นึกถึงหนังสือรู้รอบตัวเมื่อก่อนซื้อเก็บทุกเล่มเลย พอเป็น Update แล้ว ไม่รู้ทำไม ซื้อได้ไม่ถึงปีก็เลิกซื้อแล้ว จากคุณ : ฤ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 22:30:27

ความคิดเห็นที่ 59   อยากแสดงความคิดเห็นด้วยครับ ผมไม่ใช่เด็กวิทย์ เด็กคณิต เปิด my maths แล้วบอกตามตรงว่าความรู้ไม่ถึง คิดว่าเนื้อหาสำหรับคนที่อยู่ในวงการจริงๆเลยครับ ถ้ามีประชากรตรงนี้เยอะผมดีใจนะ ถ้ามีลูกก็อยากให้ได้ถึงระดับนั้น มันดูน่าสนุกมากๆ ผมก็ไม่ทราบว่าทางนิตยสารต้องการตอบโจทย์อะไรบ้าง ต้องการลูกค้ากลุ่มไหนบ้าง แต่เท่าที่ดูคือ ต้องการนำเสนอคนที่สนใจคณิตศาสตร์อย่างจริงจังจริงๆ คือ ต้องคนในวงการเลยล่ะ ถึงจะอ่านกันรู้เรื่อง คราวนี้เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วไปไม่รอด อย่างที่เจ้าของกระทู้ยกมาให้ดู ผมก็คิดว่าเพื่อความอยู่รอดมันก็ต้องปรับเปลี่ยนนะครับ นิตยสารที่ผมรู้จัก ที่เคยทำ หากมีความจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อต้องการอยู่รอดก็ต้องปรับตัวครับ ผมคิดอย่างนั้น แต่ตรงนี้ผมก็ไม่ทราบว่าปรัชญาแนวคิดการทำหนังสือ ของผู้ทำ my maths ว่าต้องการปรับเปลี่ยนไหม ท่านอาจต้องการคงเดิม ให้เนื้อหาเข้มข้น (แบบคนทั่วไปไม่เข้าใจ ไม่ได้ต่อว่าอะไรนะครับ พูดเพราะพิจารณาว่าตรงนี้อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ของคนทั่วไป ตรงนี้สำคัญ ต้องตอบโจทย์ให้เข้าถึงคนทั่วไปด้วย ถ้าหากว่ากลุ่มเป้าหมายไม่แข็งแรงพอ) อันนี้ก็ต้องไปหาแนวทางอ่าน เพราะมันขายยากน่ะครับ ถ้าต้องการคงเดิมก็ต้องหาทางรอด (รับบริจาค หาผู้สนับสนุน ฯลฯ) ถ้าต้องการปรับเปลี่ยนก็ต้องให้สมดุลกับหลักการที่ต้องการนำเสนอ และก็ต้องให้น่าสนใจด้วยนะ การตลาดกับวิชาการผมเชื่อว่าไปด้วยกันได้ คห 12 ผมว่าตรงใจนะ ปล. ถ้าท่านจะนำเสนอคณิตศาสตร์ที่คนทั่วไปพอเข้าใจได้ และสามารถทำให้คนธรรมดาที่อ่านค่อยๆพัฒนาไปจนระดับสูงได้จะเยี่ยมมากเลย แต่ยากนะ อยากเห็นจัง จากคุณ : ilovemanga เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 22:56:24 A:192.168.10.107 X:58.8.190.207 TicketID:225795

ความคิดเห็นที่ 60 คห.56 นิตยสารชัยพฤกษ์ สนุกครับ อ่านได้ทั้งเล่ม  ส่วนที่ให้่ความรู้ด้านอิเลคทรอนิคส์ก็ดีมาก ผมได้ความรู้พื้นฐานหลายอย่างจากเล่มนี้แหละครับ ตอนนั้นน่าจะอ่านคู่กับนิตยสารรู้รอบตัว (ก่อนจะเปลี่ยนหัวมาเป็น UPDATE)  ซึ่งรู้รอบตัวก็คือการเอา ทักษะ + มิติสัมพันธ์ มารวมกัน (ขออภัยที่อาจจำชื่อผิด เพราะตอนยังเป็นสองเล่มนี้ ยังเด็กเกินไปที่จะอ่าน) จากคุณ : กัมโม่ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 23:00:14

ความคิดเห็นที่ 61 เด็กๆ เอาเงินไปซื้อหนังสือเกมส์กันหมดไง จากคุณ : Santa_Baby เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 23:01:23

ความคิดเห็นที่ 62   มันเป็นไปตามวัฏจักร เหมือนกล้องถ่ายรูปฟิล์มกับกล้องดิจิตอลนะครับ หนังสือกระดาษกับหนังสือแบบอิเลคทรอนิคส์ หนังสือแบบอิเลคทรอนิคส์ได้เปรียบกว่าในหลายทาง อีกอย่างหนึ่งเด็กนักเรียนที่ขยันเรียนก็มักจะไม่มีเวลาว่างเพราะใช้เวลาไปกับการกวดวิชาและอ่านหนังสือที่รวมเล่มมากว่า ส่วนเด็กที่ไม่ชอบเรียนก็ไม่อ่านนิตยสารที่อ่านยาก จากคุณ : pkmea เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 10:01:39

ความคิดเห็นที่ 63 แนะนำง่ายๆครับ ถ้าอยากทำเพื่อประชาชนจริงๆ ทำขึ้น Online ครับ ค่าใช้จ่ายน้อยกว่ากันมาก และเข้าถึงได้มากกว่า สืบค้นง่าย ไม่หายไปไหน ไม่ต้องตามซื้อตามเก็บ ไม่ต้องไปเสีย % ให้ใคร และเมื่อทำแล้ว ถึงกำไรจะไม่ค่อยมาก หรือขาดทุน จงภูมิใจครับ ว่ามีคนได้ประโยชน์จากมันแน่ๆ ส่วนเรื่อง update ผมว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผมสนใจเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ตอนนี้ไม่ค่อยจะได้ซื้อเท่าไหร่ แต่เมื่อก่อน ตั้งตารอมันออกทุกเดือน จากคุณ : NHs เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 10:15:43

ความคิดเห็นที่ 64 ไม่รู้มาตอบช้าไปไหม อยากบอกเพื่อนๆ ในห้องนี้ว่า หนังสือ my math เป็นหนังสือที่ดีมากๆเล่มหนึ่งเลยสำหรับเรา ความรู้ คณิตศาสตร์ ที่ ได้นำเสนอที่ทุกๆคนเห็นว่ายากนั้น จริงๆแล้ว มันเป็นแค่ อะไรที่พื้นฐานสำหรับโลก กว้าง อยากให้มีหนังสือแบบนี้อยู่ตลอดไป แม้มันจะเป็นแค่ หนังสือที่ คนแค่ไม่กี่คน ที่เข้าใจมัน เพราะ ประเทศเรากำลังอ่อนแอ คณิตศาสตร์อย่างมาก และ mint_la เห็นว่า ควรที่จะรักษา คอนเซป ของหนังสือเล่มนี้ไว้ ไม่ให้เป็นหนังสือ ธรรมดาแบบที่ทั่วๆไป เอามาสอนเช่น เนื้อหา ในห้องเรียน เพราะอะไร เพราะ หนังสือเล่มนี้ ทำให้ ผู้รักคณิตศาสตร์ ไม่ได้หยุด ความรู้อยู่แต่เพียง ความรู้มปลาย ของเรา ซึ่ง ถือว่าน้อยมากๆเมื่อเทียบกับ ความรู้คณิตศาสตร์ทั้งหมด สำหรับคนไม่ได้เรียน และไม่มีโอกาสได้เรียน คณิตศาสตร์ ระดับ ปริญญา แล้ว เราว่า หนังสือ mymath เป็น สิ่งที่ ทำให้ คนทั่วไปได้รับรู้ถึง ความมหัศจรรย์ของคณิตศาสตร์ โดยไม่ต้องไปเรียนถึงต่างประเทศเลยทีเดียว แต่ก็อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ว่าเป็นหนังสือ ที่ คนอ่านต้องมีความรู้ มาพอสมควร ถือซะว่าหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือ ที่ทำให้เกิดแรงกระตุ้น ในการรักคณิตศาสตร์ก็ได้ค่ะ ยังไงขอให้ my math สู้ต่อไป ปล.บางคนยังไม่ทราบ เจ้าของ mymath คือ คุณ mrgon เป็นตำนาน 1 ใน 4  ของหมวดย่อยคณิตศาสตร์ของหว้ากอเลยทีเดียว จากคุณ : mint_la เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 11:49:07

ความคิดเห็นที่ 65 ตอนพบจบใหม่ๆก็เคยซื้อครับ แต่อ่านได้ไม่นานก็เลิกไป เพราะคนที่คุ้นกับชีวะมากกว่า มาอ่านแล้วมึนเลย จากคุณ : natefang เขียนเมื่อ : วันนักประดิษฐ์ 53 17:24:28

ความคิดเห็นที่ 66   เคยซื้ออยู่ช่วงนึงตอนออกใหม่ๆครับสักสิบกว่าเล่มได้ ปัญหาที่พบคือ แต่ล่ะเล่มมีความต่อเนื่องสูงบางครั้งขาดซื้อสักเล่มก็จะมึนๆงงๆ บางเรื่องก็ยากซะจนปิดหนังสือ ก็เลยซื้อมาดองๆไว้แล้วก็อ่านไม่ทัน ทั้งที่ส่วนตัวคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ถนัด เนื้อหาในเล่มยากมาก แต่ชอบที่ตัวหนังสือนำบทความต่างมาลงซึ่งถ้าไม่มีหนังสือเล่มนี้ก็ไม่รู้จะไป หาอ่านที่ไหนเพราะภาษาอังกฤษค่อนข้างไม่แข็งเลย แล้วก็เชียงใหม่ไม่มีส่งมาขายแล้วครับนานมากๆแล้วด้วย นึกว่าเลิกทำไปแล้วด้วยซ้ำ จากคุณ : DGNblood เขียนเมื่อ : วันนักประดิษฐ์ 53 17:41:34

ความคิดเห็นที่ 67 Challenge!! "Books are moving from the physical to the digital" ความรู้ไม่ได้จำกัดเฉพาะบนกระดาษอีกต่อไป พวกคุณจะว่าคนในสังคมไม่สนใจความรู้ไม่ได้   เพราะอันไหนขายดีก็ขึ้นหิ้งไป  อย่างพวกนิตยสารแฟชัน ดารา ขายเครื่องสำอางค์ ไม่เคยได้ตังเงินผมหรอก     นิตยสารคอมก็มีแต่โฆษณาขายของ ของอย่างนี้จะโทษลูกค้าไม่ได้ เพราะทำตัวห่วยเอง ผมไม่เคยอ่านมันหรอกนะ แต่ว่านิตยสาร มันไม่ใช่หนังสือเรียน ควรออกแบบให้มันเข้าใจง่ายๆหน่อย มีรูป-การประยุกการใช้งานเข้ามาทำให้เข้าใจง่ายขึ้น ซึ่งทำให้สามารถขยายฐานผู้ที่มีความสนใจออกไปได้อีก สำหรับคนทั่วไป  ต่อให้หนังสือดีแค่ไหน ถูกแค่ไหน ถ้าไม่มีความสนใจแล้วก็ไม่ซื้อหรอก  มันก็เหมือนกับการคาดหวังว่าจะให้เด็กประถมมาซื้อหนังสือ Advanced Quantum Physic นั่นแหละ จากคุณ : zardic เขียนเมื่อ : วันนักประดิษฐ์ 53 19:41:00

ความคิดเห็นที่ 68 เคยซื้อมาเล่มนึงเหมือนกัน แรก ๆ ก็ตื่นเต้นดี ไม่คิดว่าจะมีนิตยสารแนวคณิตศาสตร์โดยเฉพาะเป็นภาษาไทยด้วย แต่พออ่านไปก็รู้สึก อืม! ไอ้ที่เราคิดว่ามีความรู้คณิตศาสตร์พอตัว ยังมึน ๆ เลย แต่ก็อยากสนับสนุน เลยไปสมัครสมาชิก 1 ปี ทางนิตยสารกลับส่งหนังสือมาให้ผมผิดปีซะอีก(ผมสมัครของปีปัจจุบันในตอนนั้น แต่ทางนิตยสารกลับส่งหนังสือของปีที่แล้วมาให้ผม 12 เล่ม อ่านกันมึนเลย) แต่ก็ยังพยายามอ่าน ๆ ไป ความรู้สึกที่ได้รับคือ มีหลายคอลัมน์ที่มันยากจนเกินคำว่าสนุก แล้วพอไม่สนุกเราก็จะคิดว่า นี่เรามาเสียเวลาอ่านทำไม เรายังมีเรื่องอื่น ๆ ที่ต้องทำอีกตั้งเยอะ เอ้า บ่นมานาน ขอเสนอแนะบ้างครับ ผมว่าส่วนของชีวประวัตินักคณิตศาสตร์ ดีครับ เป็นส่วนที่น่าสนใจที่สุด อ่านง่ายดี แต่ในส่วนของการพิสูจน์ทฤษฎี หรืออะไรที่มันยาก ๆ ผมว่าไม่ต้องเยอะหรอกครับใน 1 เล่มมีแค่ 1-2 บทความก็พอ เอาไว้เป็นเป้าให้คนที่ชอบท้าทายได้ทดสอบฝีมือ เพราะถ้ามีมากไป คนอ่านจะรู้สึกตัวเองโง่ ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ที่อ่านไม่รู้เรื่อง และที่อยากให้เสริมก็คือ การเล่าเรื่องเกี่ยวกับหลักการคณิตศาสตร์ขั้นสูงแต่อธิบายให้เข้าใจได้ง่าย ๆ คือบอกกล่าวใน Concept ใหญ่ ๆ ของเรื่องนั้นก็พอ แต่อาจจะให้แหล่งข้อมูลเอาไว้ไปหาความรู้เพิ่มเติมสำหรับผู้สนใจ (คล้าย ๆ บรรณานุกรม) พร้อมบอกด้วยว่านำไปประยุกต์ใช้กับเรื่องอะไรได้บ้าง ถึงจะยาก แต่ผมว่าเมืองไทยมีคนเก่งเยอะ โดยเฉพาะในห้องหว้ากอนี้ น่าจะมีคนที่ทำได้นะ จากคุณ : ก้ากา (หลงลืม) เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 05:29:08

ความคิดเห็นที่ 69 ผมยังคงชอบตอนที่ มีวารสาร ทักษะฯ และ วารสาร มิติที่ 4 แยกกันมากกว่า ตอนที่เป็น Update ในตอนนี้ ผมว่าเนื้อหาไม่น่าสนใจเท่า ตั้งแต่เป็น Update มาผมยังไม่เคยเป็นสมาชิกเลย แต่จะแวะเวียนดูว่าเดือนนี้มีเรื่องที่น่าสนใจไหม ถ้ามีก็ซื้อไม่มีก็ไม่ซื้อ ส่วน MyMath นี้ยากจริงๆ ที่คนไม่สนใจคณิตศาสตร์จะซื้อ เด็กๆทั่วไปที่สนใจด้านนี้ช่างน้อยนัก อาจเพราะขาดการส่งเสริมอย่างจริงจัง  เอาภาพ หนังสือ UPDATE ลาว มาฝากครับ จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 05:56:02

ความคิดเห็นที่ 70 เคยซื้ออยู่เหมือนกันครับ แต่เนื้อหามันยากจริงๆ ตอนหลังก็เลยไปเปิดๆ อ่านฟรีเอาตามแผงหนังสือ คงต้องปรับแผนแล้วล่ะครับ จากคุณ : ATiVidia เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 07:18:03

ความคิดเห็นที่ 71 เรื่องการตลาด  นี่มีอิทธิพลจริง ๆ ผมอ่านครั้งแรก ก็เป็นของฟรีรางวัลของลูกที่ สสวท. ส่งให้ หลังจากนั้นก็เคยซื้อเองเพียงครั้ง 2 ครั้งเท่านั้น อ้าวจะปิดแล้ว จากคุณ : ordina เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 12:25:44

ความคิดเห็นที่ 72 อ่านกระทู้นี้น้ำตาซึมเลยอ่ะ  เศร้าเว่อร์  เพราะเคยได้รับจาก สสวท และ พสวท อยู่ช่วงนึง  ก็กำลังคิดอยู่ว่าทำไมหายไปน๊า  มาเห็นกระทู้นี้เลยเพิ่งเข้าใจ  ถึงแม้เราเองอาจจะไม่ค่อยได้เปิดอ่าน  แต่ยังไง  เมื่อได้เปิดอ่านก็ได้รับความรู้ดีๆ ทุกครั้งไป  รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง  สนุกดี   คิดแล้วเศร้าอ่ะ  เดี๋ยวต้องช่วยอุดหนุนมั่งแล้ว จากคุณ : Queen_Devil เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 12:30:43

ความคิดเห็นที่ 73 ได้ซื้อแค่สี่ห้าเล่มแรกครับ แต่รู้สึกอ่านแล้วเหนื่อยๆเลยไม่ได้ตามต่อ (สงสัยหัวด้านนี้จะเข็นไม่ขึ้น) แต่เนื้อหาเค้าหลายอย่างก็น่าสนใจดีครับ น่าเสียดายนะถ้าจะหายไป ในไทยไม่ค่อยมีนิตยสารแนวนี้ด้วยสิ เห็นแต่หนังสือดาราเต็มแผงเลย จากคุณ : Boltzbo เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 18:45:27

ความคิดเห็นที่ 74 กระทู้นิตยสารวิทยาสาสตร์และเทคโนโลยีของโต๊ะหว้ากอเรา คุณสมภพ เจ้าเก่า แกแยกไปตั้งใหม่เพื่อคุยเรื่องนี้โดยเฉพาะ ในนี้นะครับ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8842312/X8842312.html จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 21:18:02

ความคิดเห็นที่ 75 ขอเล่าในฐานะที่เคยคุยกับเจ้าของไอเดียในการทำหนังสือ My Maths คือคุณธัญลักษณ์ เขาไม่ใช่คนทางสายวิทย์เลย  จริง ๆ เป็นคนทางสายรัฐศาสตร์ด้วยซ้ำ (ถ้าจำไม่ผิด) เขาเล่าว่าวันหนึ่งไปเที่ยวเวียดนาม เห็นหนังสือคณิตศาสตร์วางขายบนแผงหนังสือ รูปเล่มสวยงามชวนอ่าน ชวนหยิบจับ   เลยรู้ว่าทำไมเวียดนามถึงเก่งคณิตศาสตร์กันนัก ก็เพราะเด็ก ๆ มีหนังสือแบบนี้อ่านนี่เอง แล้วทำไมบ้านเราถึงไม่มีหนังสือคณิตศาสตร์ที่ให้ความรู้กับคนทั่วไปรูปเล่มสวยงาม น่าหยิบจับบ้าง ด้วยความที่เป็นคนทำหนังสือ เมื่อกลับมาเมืองไทยจึงลองคุยกับพรรคพวกว่าอยากทำหนังสือแนวนี้ จึงชวนกันมาลงขันกันโดยตั้งเป้าไว้ว่าถ้าขาดทุนถึงจุดหนึ่งจะหยุด (ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะสามล้านบาท) เขารู้ว่านิตยสารแบบนี้มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ไม่ใช่นิตยสารบันเทิง แฟชัน ที่คนทั่วไปหยิบซื้อได้ง่าย รายได้หลักคงไม่ใช่มาจากการวางขายตามแผงหนังสือในท้องตลาด ความคิดเขาคือเอาไอเดียนี้ไปขายให้สปอนเซอร์ที่เห็นคุณค่าการศึกษา เหมาสมัครสมาชิกไปเลยเป็นปีให้ห้องสมุดตามโรงเรียนต่าง ๆ ทุกฝ่ายก็ได้ประโยชน์ สปอนเซอร์ได้หน้า โรงเรียนและเด็กได้หนังสือ ที่ผ่านมา สสวท เป็นสปอนเซอร์ในลักษณะดังกล่าว เพิ่งจะทราบว่าหยุดเสียแล้ว ผมนับถือในความตั้งใจดีของคุณธัญลักษณ์ และได้ให้การสนับสนุนเท่าที่จะทำได้ การที่หนังสือเดินทางมาไกลถึงปีที่ 5 ก็เรียกว่าเกินความคาดหมายเริ่มต้นทีเดียว จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 23:58:56

ความคิดเห็นที่ 76 เข้ามาลงชื่อ จริง ๆ แล้ว ส่วนตัวก็สนใจคณิตศาสตร์อยู่บ้าง แต่ ไม่อยากบอกเลยว่า ไม่เคยอ่าน My Maths เลย แม้แต่ฉบับเดียว! (ไม่รู้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมา) แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 53 18:13:17 จากคุณ : nonlocality เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 00:43:41

ความคิดเห็นที่ 77 ลงชื่อด้วยคน มีสะสมอยู่เกือบ 20 เล่ม แต่ไม่ได้ซื้อแล้ว เพราะที่เคยซื้อไว้ ยังอ่านไม่หมดเลย ไม่มีเวลาอ่าน คิดว่าไม่ได้สนใจด้านนี้เท่าไรนัก ร่วมด้วยช่วยกันครับ หนังสือดีจริงๆ สำหรับผู้สนใจคณิตศาสตร์ อย่างลึกซึ้ง จากคุณ : MondayCool เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 13:03:08

ความคิดเห็นที่ 78 เคยซื้อมาอ่านครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว จากคุณ : pooktoon เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 15:36:22

ความคิดเห็นที่ 79   ซื้อมาอ่านจะครบปีแล้ หนังสือดีครับ ใช้ประโยชน์ในการสอนได้ด้วย ลงชื่อสนับสนุนนิตยสารสายเลือดไทยครับ จากคุณ : the_theife เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 19:09:24

ความคิดเห็นที่ 80   ถึงว่า เราไม่ได้ my math มาตั้งนาน  (เด็ก สสวท จ้าาาา) จากคุณ : mangococonut เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 20:26:16

ความคิดเห็นที่ 81   ลองซื้อมาแล้ว ดีมากๆแต่ต้องเตรียมสอบก่อนช่วงนี้ จากคุณ : innocentspears (innocentspears) เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 22:08:14

ความคิดเห็นที่ 82   ลองซื้อมาแล้ว ดีมากๆแต่ต้องเตรียมสอบก่อนช่วงนี้ เลยยังอ่านไปจบ จากคุณ : innocentspears (innocentspears) เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 22:08:25

ความคิดเห็นที่ 83 อ่านมาหมดทุกอย่าง แต่ไม่ค่อยซื้อ จุดสำคัญที่ทำให้ไม่อยากซื้อต่อ หลักๆ คงเป็นเพราะ "ออกไม่ตรงเวลา!" อย่าง UPDATE ฉบับกุมภาฯงี้ เล่นไปออกปลายๆ มีนาเกือบเมษา MY MATHS ก็เหมือนกันค่ะ พอเป็นแบบนี้ เวลาเราจะสมัครสมาชิกก็กลัวว่ามันจะมาเลทรึเปล่า มาครบรึเปล่า เลยไม่ค่อยอยากสมัคร ส่วนตัวเลยหันไปสมัครพวก National Geographic, ต่วย'ตูน แทน (แต่กำลังจะเลิกต่ออายุ National Geo เร็วๆ นี้ เพราะตั้งแต่ให้อิสระสาขาประเทศไทยมากขึ้น มันจะชอบมีโฆษณาเพิ่มเติมไม่ก็สัมภาษณ์คนดังอะไรทำนองนั้นเยอะขึ้น ใกล้จะกลายเป็นเหมือน Readers Digest เข้าไปทุกที) จะหันไปอ่านฉบับอังกฤษแทนหมดแล้ว สรุป จะทำให้นิตยสารขายได้ นอกจากเนื้อหาดี รูปเล่มดี ควรจะบวกการประชาสัมพันธ์กับความตรงต่อเวลาเข้าไปด้วย (และไม่ควรมีโฆษณาเยอะเกินไป) แต่ถ้าหายไปจริงๆ ก็คงเสียดายไม่น้อย เพราะส่วนตัวก็มีอยู่ในบ้านแล้วก็ชอบอ่านอยู่เหมือนกัน (สสวท.ส่งมาให้ตอนเด็กๆ ขอรับ lol) จากคุณ : ตัวตลกสีเทา เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 23:30:27

ความคิดเห็นที่ 84 หากวันข้างหน้าสามารถเดินหน้าทำนิตยสารต่อได้ ก็ปรับเปลี่ยนแนวทางการนำเสนอลองดูนะคะ บางทีอาจสามารถเรียกลูกค้ากลุ่มเดิมหรือกลุ่มใหม่กลับมาได้บ้าง จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 11:03:22

ความคิดเห็นที่ 85 หนังสือ mY Math ยอมรับเลยว่าไม่คุ้นทั้งที่เราเข้าร้านบ่อยมาก หนังสือเกี่ยวกับวิทย์ ถ้าอยากให้คนอ่าน ลองทำแบบ GoGenius ดูครับ อยู่ในเครือ นานมี เนื้อวิทยาศาสตร์ปนการ์ตูน สี่สี....เด็กก็สามารถเริ่มอ่านได้ ผู้ใหญ่ก็อ่านเอาความรู้ได้....ได้ืทุกกลุ่ม จากคุณ : mohicann เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 01:27:52

ความคิดเห็นที่ 86 ผมมีความเห็นว่าต้องควรมีหนังสือดีๆในตลาดต่อไป เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าผมอาจไม่จำเป็นต้องซื้อหนังสืออีก เพราะผมสามารถเปิดเวปดูได้ จากทุกที่ทุกอุปกรณ์ แต่จนแล้วจนรอดในด้านกิจกรรมด้านวิชาการ ผมก็ต้องไปพึ่งหนังสืออยู่ดี โดยเฉพาะในการปฏิบัติการที่เร่งรีบหรือฮาดร์คอร์ มันรองรับได้ดีมาก อยากขีดอยากติ๊กอะไรทำลงไปอย่างเมามัน และโดยเฉพาะในสิ่งที่กำลังเพ่งเล็งจดจ่อศึกษา ผมรู้สึกว่าหนังสือนั้นให้ประสิทธิภาพการคลุกคลีที่มีมากกว่า คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่พีดีเอ แม้ว่าระบบคอมจะมีการจัดหมวดคาเตกอรี่ หรือมีโฟเดอร์ มีฐานข้อมูล มีระบบเสริจที่ดีก็ตาม แต่ประสิทธิภาพในการคลุกคลีและความสะดวกไปจนถึงอารมณ์ทางจิตวิญญาณ นั้น สู้หนังสือไม่ได้เลย มันคือสิ่งที่พกง่ายเปิดง่าย ไม่ต้องบู๊ตเครื่องไม่ต้องต่อสายอะไรให้ยุ่งยาก มันคว้าหยิบจับโยน พับ บิดม้วน ได้สารพัด มันไปได้ทุกที่ นอนอ่าน กินอาหารอ่าน  เข้าห้องน้ำอ่าน และยิ่งเป็นหนังสือวิชาการ ในเชิงคู่มือสำหรับการออกทำกิจกรรมต่างๆที่ต้องพกคู่มือเปิดอ่านสลับไปมาในพื้นที่ และการเคลื่อนไหวที่สมบุกสมบันด้วยแล้ว ไม่มีคอมไม่มีมือถือไม่มีพีดีเอ ไม่มีเครื่องอ่านเอกสารอะไรใดๆทั้งสิ้นจะสู้หนังสือได้เลย ตราบที่โลกนี้ยังไม่สามารถผลิตหลอดขนาดเล็กที่สามารถฉายเรเซอร์  เอกสารออกมาได้ ตราบนั้นหนังสือยังเจ๋งที่สุดในใจผมเสมอ จากคุณ : ตึ๋งนิวเครียร์ เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 05:38:56

ความคิดเห็นที่ 87 My Math ต้องหันกลับมาดูตัวเองด้วยครับว่า มันมีคนกลุ่มไหนบ้างที่อ่าน เนื้อหามันน่าสนใจสำหรับใคร ผมเองยังซื้อบางฉบับ เนื้อหายากและไม่ชวนอ่าน ควรทำให้คณิตศาสตร์กลายเป็นเรื่องใกล้ตัว ไม่ได้มีไว้โชว์เทพ ผมชอบฟิสิกส์ ก็เพราะทำให้ผมรู้ว่า สามารถใช้ ภาษาคณิตศาสตร์ มาอธิบายปรากฏการณ์ได้อย่างไร คณิตศาสตร์เอง ก็ต้องทำให้เห็นได้ว่า ตัวเองมีประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร เพราะหลายคนเองก็ตั้งคำถามกันอยู่เลยว่าจะเรียน พายอากำลังสองไปทำไม จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 07:21:13

ความคิดเห็นที่ 88 แค่อยากจะบอกว่าหนังสือสาระดีๆ(หลากหลายแนว)ที่คนไทยทำยังมีอยู่ค่ะ คู่สร้างคู่สม ไงคะ จากคุณ : จนใจจริงจ้า เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 09:58:28

ความคิดเห็นที่ 89 เป็นหนังสือที่ดีมากเลยนะ เคยได้จากสสวท.มาหลายเล่มเหมือนกัน แต่ไม่ได้ติดมาตามเป็นปีแร้ว อ่านกะทู้นี้ก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่าจะซื้อมาอ่านอีก จากคุณ : AsMean เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 14:10:33

ความคิดเห็นที่ 90   ส่วนตัว ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ออกมาขอให้โอนเงินสนับสนุน และแนะนำคนที่คิดจะโอนว่าก่อนที่จะโอนคิดดีๆ ใช้วิจารณญานดีๆ ถ้าคิดว่าสมควรก็แล้วแต่ท่าน เคยเผิดอ่านผ่านๆเหมือนกัน แต่ว่าผมพูดได้เลยว่าหนังสือไม่มีความน่าสนใจจริงๆ มันคงไม่เกี่ยวว่ากลุ่มตลาดเล็ก นิตยาสารหลายๆเล่มที่เจาะกลุ่มตลาดเล็กกว่านี้ก็มี ผมมองว่ามันคล้ายๆกับการเรี่ยไรเงิน ไปทดแทนส่วนที่คุณล้มเหลว และเรียกคะแนนความสงสารมากกว่า ถ้าต้องการที่ใจะให้ my math อยู่รอดควรเปลี่ยนวิธีอื่นดีกว่านะ อาจจะเหมือนที่บางคห แนะนำ คือเช่นปรับปรุงเนื้อหา ปรับแผนการตลาด จากคุณ : อิอิ เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 15:11:48 A:125.24.81.228 X: TicketID:151515

ความคิดเห็นที่ 91   ต่ออีกหน่อย มันเหมือนกับคุณเปิดร้านอาหาร ทีใช้แต่ของคุณภาพดีๆทั้งนั้น แล้วบอกว่า คุณต้องการให้ลูกค้าทานแต่ของดีๆ แต่ไปมาๆ คุณเจ๊ง ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตามแต่ นั่นเป็นความผิดพลาดของคุณเอง คุณจะมาโทษสังคมไม่ได้ ว่าคุณอุส่าทำสิ่งดีๆออกมา แต่สังคมกลับไม่เห็นค่า และจะมาขอความช่วยเหลือ เพื่อให้สิ่งดีๆของคุณอยู่ต่อไป ผมเองก็ไม่ได้ชื่นชมสังคมประเทศนี้ซักเท่าไหร่ แต่ยังไงก็ต้องยอมรับความเป็นจริง ว่าตอนนี้สังคมเราเป็นแบบนี้ ทัศนคติผู้บริโภคยังเป็นแบบนี้ คุณจะทำธุรกิจในประเทศนี้ คุณก็ต้องอะแดปตัวคุณเองให้อยู่รอดได้ ยกเว้นแต่คุณเปิดมูลนิธินั่นก็อีกเรื่องนึง ยังไงก็เอาใจช่วยครับ "โลกนี้ไม่มีปัญหาหรือศัตรู มีแต่ครูกับบทเรียน" จากคุณ : อิอิ เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 15:25:39 A:125.24.81.228 X: TicketID:151515

ความคิดเห็นที่ 92 เราเคยรับ update รายปี (ปี 2551)แต่ว่าสิ่งที่ไม่ชอบคือ รูปเล่มไม่ค่อยสวยค่ะ ยิ่งภาพถ่ายเอง ที่เอามาประกอบ มันไม่สวยเอาจริงๆ อย่าว่าแต่นิตยสารวิชาการแบบนี้เลย ขนาดนิตยสารบันเทิงแบบ POP ยังขาดทุนทุกปีเหมือนกัน แล้วก็หายไปโดยไม่บอกกล่าวด้วย ขนาดขึ้นราคา ชั้นยังไม่เคยบ่นเลย เห็นด้วยกับคุณความเห็นข้างบนว่า ต้องอาศัยแผนการตลาด และปรับปรุงเนื้อหาค่ะ หากไปไม่รอด โทษสังคมไม่ได้หรอกค่ะ จากคุณ : faiene เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 16:10:36

ความคิดเห็นที่ 93 ยอมรับว่าชอบ แมทครับ แต่การทำงาน ไม่ได้ใช้แมททฤษฎีมากนัก ส่วนใหญ่ จะอ่านปรัชญามากกว่า ขอส่งแรงใจให้ อยู่ได้ต่อไปครับ จากคุณ : อีคิวศูนย์ เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 21:19:40

ความคิดเห็นที่ 94 ธรรมะสมัยนี้ยังต้องปรับตัวเลย จากคุณ : thekui เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 00:14:01

ความคิดเห็นที่ 95 สนับสนุนให้ไทยมีนิตยสารดีๆต่อไปครับ ถ้าถามว่าเนื้อหาของเขานั้นดีมั้ย ตอบตรงๆว่าดีนะ แต่ว่าถ้าถามอีกว่า แล้วมันท่าทางจะขายไ้ด้มั้ย ผมก็คงต้องตอบตรงๆว่า ขายใครล่ะครับ ขายคนเรียนวิทย์ทั่วๆไป ขายนักเรียน หรือขายนักวิจัย หรือนักคณิตศาสตร์ ราคาหกสิบบาทไม่ใช่อุปสรรคที่ทำให้เด็กไม่ซื้อเลยครับ C-kid boom สมัยนี้ออกทุกอาทิตย์นะ แต่ที่ ทำให้มันขายไม่ออกก็เหมือนที่ หลายๆคนในกระทู้ได้บอกไปนะผมว่า เนื้อหามันเฉพาะจริงๆ ถ้าให้นึกครึ้มซื้อมาอ่านเล่น ยังพอว่า แต่ถ้าให้ติดตามทุกฉบับ ผมที่ไม่ได้เรียนเฉพาะทางคณิตศาสตร์มาเนี่ย บอกตรงๆจะอ่านให้เข้าใจถ่องแท้ ยากครับ ปล.อย่่าเอาไปเทียบกับต่วยตูนเลย อันนั้นมันออกแนวเชิงสารคดีทั่วไป กลุ่มเป้าหมายของเขาไ่ม่ต้องเชียวชาญเรื่องที่เขียนในนิตยสารเขา ก็อ่านเข้าใจได้ครับ เพราะ เนื้อหาเขาไม่ได้เชิงเทคนิคจนเกินไป เอาใจช่วยจริงๆครับ โดยส่วนตัว คิดว่า นิตรสารดีๆ ควรจะมีให้ผมอ่าน ฟรีตามห้องสมุดเรื่อยไปครับ แต่ถ้าห้องสมุดไม่มีแล้ว คงต้องเปลี่ยนมา เสียเงินอ่านเล่มที่ชอบเอาครับ จากคุณ : นิกส์ (nicsparin) เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 03:01:45

ความคิดเห็นที่ 96 ผมเคยหยิบ my math มาอ่านเหมือนกัน ดูๆ แล้ว เหมือนนิตยสารวิชาการที่ลงแต่งานวิจัยน่ะ เนื้อหาเฉพาะวงการนี้เท่านั้น ไม่ใช่สำหรับบุคคลทั่วไป  อ่านได้แค่บทความอาจารย์สุทัศน์เท่านั้น จากคุณ : Rarm41 เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 13:34:53

ความคิดเห็นที่ 97 สำหรับ Update ถึงจะขาดทุน แต่se-edจะยังอุ้มไว้อยู่ครับ มันขาดทุนมาโดยตลอดครับ แต่เนื่องจากซีเอ็ดเริ่มต้นและเติบโตมาจากหนังสือวิชาการ เลยทำตรงนี้มาตอบสังคมครับ แต่my maths นี่สิครับ ขอยกบทสัมภาษณ์มานะครับ " ทนง โชติสรยุทธ์ เบอร์หนึ่งตลาดหนังสือเมืองไทย แต่วารสารหลายเล่มที่เป็นความรู้ก็เลิกไป อย่างทักษะฯ, มิติที่ ๔   ก็ไม่เชิงหยุดไป เพียงแค่เปลี่ยนรูป ทักษะฯ  เป็นวารสารที่ให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเยาวชนและคนทั่วไป  ส่วน มิติที่ ๔ ก็ให้ด้านจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์  แต่พอทำไปถึงขั้นหนึ่ง เรื่องราวแปลก ๆ มหัศจรรย์ หรือเรื่องนิยายวิทยาศาสตร์ดี ๆ มันเริ่มน้อยลง  เราก็เลยเอาสองเล่มนี้มารวมกัน กลายเป็นนิตยสาร รู้รอบตัว  คือเป็นหนังสือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีเรื่องจินตนาการผสมในเล่มเดียวกัน  หลังจากนั้นคนอ่านของเราก็เริ่มมีอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายเราก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นวารสารชื่อ UpDATE เพื่อรองรับกลุ่มผู้อ่านที่โตขึ้นไปเรื่อยๆ   แต่ต้องยอมรับว่าวารสารด้านวิทยาศาสตร์ที่เราทำมานั้นขาดทุนโดยตลอด เพราะรายได้จากการขายไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย รายได้จากโฆษณาก็ไม่ได้มากพอ  แต่เรารู้สึกว่าถ้าเราไม่ทำ มันไม่มีใครทำต่ออีกแล้ว และเด็กไทยจะไม่มีวารสารด้านนี้อ่านเลย  มันก็เลยกลายเป็นหน้าที่ ความรับผิดชอบของเรา ที่ต้องทำให้เล่มนี้ยังคงอยู่ต่อไปให้ได้ เคยวิเคราะห์หรือไม่ว่าทำไมวารสารแนววิทยาศาสตร์ถึงขาดทุน กลุ่มเป้าหมายของเราจริง ๆ ใหญ่มาก  เด็กไทยที่อยู่ในวัยเรียนมีเป็น ๑๐ ล้านคน  อ่านแค่ ๔-๕ หมื่นเล่ม  วารสารก็อยู่รอด  แต่เราไม่สามารถเข้าถึงตัวเด็กนักเรียนได้มากเพียงพอ  เราวางขายได้เพียงแค่หมื่นกว่าเล่ม ซึ่งมันอยู่รอดไม่ได้กับการที่เราจ้างคนที่จบทางด้านวิทยาศาสตร์มาเขียนเรื่องเองด้วย เมื่อก่อนนี้เราทำวารสารให้กลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการชัดเจน อาจจะเป็นกลุ่มคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว มีกำลังซื้อ แต่พอถึงวารสารสาระความรู้สำหรับเด็ก มันเป็นการซื้อโดยผ่านผู้ใหญ่ และผู้ใหญ่อาจจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการซื้อวารสารความรู้ให้เด็กอ่าน  ที่สำคัญที่สุด ผมว่าเป็นเรื่องของโรงเรียนที่ไม่ซื้อวารสารพวกนี้เข้าห้องสมุด  ถ้าทุกโรงเรียนสั่งซื้อวารสารดีๆ เหล่านี้เข้าห้องสมุด วารสารพวกนี้เกิดได้เลย ผมเคยคุยกับผู้ใหญ่ที่อยู่ในกระทรวงศึกษาธิการว่า วารสารเล่มที่ท่านบอกว่าเป็นวารสารที่ดีมาก และเด็กควรอ่าน แต่ถึงตอนนี้มันกำลังจะต้องปิดตัว มันสวนทางกัน  ผมบอกว่า ถ้ากระทรวงศึกษาธิการออกเป็นนโยบายให้ห้องสมุดทั่วประเทศรับวารสารนี้แห่งละฉบับเท่านั้น เขาอยู่รอดได้ทันที   ถ้ารัฐเห็นว่าวารสารหรือหนังสือใดจำเป็นต่อการพัฒนาเยาวชนของเรา ต่อการเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี  รัฐต้องบอกว่าคุณทำมาสิ ผมจะซื้อคุณ ๔ หมื่นเล่ม เพียงแค่นี้อะไรก็ตามที่รัฐอยากให้เกิด มันได้เกิดทุกอย่าง  แต่ถ้ารัฐขอให้เอกชนบุกขึ้นมาเอง หาทางรอดด้วยตัวเอง เป็นไปไม่ได้ครับ  นอกจากนั้นตราบใดที่บรรณารักษ์ห้องสมุดจำนวนหนึ่งไม่เห็นความสำคัญของหนังสือแนวนี้ และยังซื้อแต่นิตยสารผู้หญิงเข้าห้องสมุดเพื่อให้ครูอ่านกัน โดยไม่ซื้อวารสารความรู้ที่จำเป็นสำหรับเด็กในโรงเรียนของตัวเองก่อน  ผมคิดว่าวารสารพวกนี้อยู่รอดยาก  ครั้นจะโฆษณาผ่านเอเจนซี ผมเชื่อว่าเอเจนซีส่วนมากไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้หาสื่อที่ดีให้แก่เจ้าของสินค้า  เขาก็จะหาแต่สื่อที่เขาคิดว่าคุ้นเคย สื่อที่เขาไม่คุ้นเคยก็เสียเปรียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวารสารสาระความรู้  เขาอาจจะคิดเองด้วยซ้ำว่าเด็กก็คงไม่อ่าน จะบอกยอดพิมพ์เท่าไหร่ก็คงไม่เชื่อ  ผลก็คือวารสารแนวนี้ก็เลยไม่ค่อยมีโฆษณา  แล้วก็ทำให้อยู่รอดไม่ได้ " อ่านเต็มๆได้ที่นี่ครับ http://www.sarakadee.com/web/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=145 จากคุณ : int.anti เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 17:59:19