ความคิดเห็นที่ 1 เวลา : กลางดึกของฤดูร้อนปี 2552 สถานที่ : บ้านจัดสรรบนที่ดินที่เคยเป็นที่นา ย่านชานเมือง แกร๊ก!!!!!!!! เสียงกุกกักดังมาจากหน้าระเบียงบ้าน ห่างจากจุดที่ผมนอนอยู่แค่เมตรกว่าๆปลุกผมขึ้นมาจากฝันในกลางดึกของฤดูร้อนที่แสนจะอบอ้าว ความร้อนในห้องนอนบังคับให้ผมเปิดหน้าต่างประตูทุกบาน เพื่อรับลม ผมคว้ามีดสั้นที่อยู่ใต้หมอนมากุมไว้ในมือ ตามสัญชาตญานระวังภัย พลางเพ่งมองไปที่ต้นเสียงที่หน้าระเบียงห้องนอน แสงไฟสลัวจากหลอดไฟข้างถนนสาดส่องให้ผมพบกับตัวอะไรบางอย่างที่หน้าระเบียง เจ้าตัวที่ว่าสูงประมาณ 1 ไม้บรรทัด มันกำลังมองมาทางผมอยู่พอดี ระหว่างผมกับมัน มีเพียงแค่ตาข่ายเล็กๆบางๆของมุ้งลวดเท่านั้น พลันสายตาสบสายตา ผมรู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งตัว เลือดลมแทบตีกลับ เจ้าของร่างสูง 1 ฟุตที่ว่า มี ใบหน้ารูปหัวใจ ขนาดโตกว่ากำปั้นเล็กน้อย สีขาวโพลนระบายทั่วทั้งใบหน้า จมูกกับปากหลอมรวมกัน ดูแหลมงุ้มน่าเกลียด ส่วนนัยน์ตาสีดำขลับนั้นเล่า ก็กำลังเขม่นมองมาทางผม ผี!!!!!!!! ผีหลอกจะๆ บ้า บ้าที่สุด..............ผีเผอที่ไหนกัน ชั่วอึดใจต่อมา สติสตังของผมเริ่มกลับคืนมา สวนทางกับเจ้านกแสกตัวนั้นที่ผละบินออกจากระเบียงห้องนอน โผสู่ท้องฟ้าสีดำสนิทของรัตติกาล ผมหัวเราะเบาๆกับตัวเองที่ดันทะลึ่งตกใจแทบตาย กับแค่นกแสก ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนต่อ ที่มารูป : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%81 จากคุณ : pixelchio เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 15:13:29

ความคิดเห็นที่ 2 เวลา : บ่ายแก่ๆฤดูไหนผมจำไม่ได้เสียแล้ว เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว สถานที่ : สวนมะพร้าวบ้านนอกของจังหวัดเล็กๆแห่งหนึ่ง เสียงพ่อผมเรียกให้ผมหยุดมือจากการเล่นสนุก พ่อว่าให้ตามพ่อไปดูอะไรสักอย่างที่ท้ายสวน พ่อหยุดห่างจากต้นมะพร้าวต้นหนึ่งราว 20-30 เมตร ใบยาวขนาดใหญ่ของมันถูกลมพัดหัก จนห้อยลงมาพาดกับต้นมะม่วงที่อยู่ติดกัน บนใบมะพร้าวนั้นมีนกขนาดย่อมๆเกาะอยู่ 1 ตัว แม้จะผ่านมาเกือบ 20 ปี ผมยังจำใบหน้าที่ดูน่าเกลียดน่ากลัวนั้นได้ดี “นกแสก” พ่อว่า ความกลัวตามประสาเด็ก ทำให้ผมถามพ่อไปว่า ทำไมเราไม่สอยมันลงมาซะ มันดูเหมือนกับนกผียังไงยังงั้น พ่อหัวเราะก่อนที่จะบอกว่า เราจะไปฆ่ามันทำไม ในเมื่อเจ้าตัวนี้มันเป็นนักจับหนูชั้นเซียน ปีๆหนึ่งมันสามารถฆ่าหนูได้หลายร้อยตัว ประหยัดแรงเราไปได้ตั้งเยอะ จริงๆแล้วเราเข้าใจมันผิดเพราะคำโบราณว่ากันว่า มันเป็นตัวซวย ถ้ามันมาเกาะบ้านไหนจะมีคนตาย ซึ่งเป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ ผมกับพ่อยืนมองดูอยู่จนโพล้เพล้ เจ้านกแสกตัวนั้นก็เริ่มขยับปีกก่อนที่จะบินข้ามหัวเราไป ผมมองตามมันด้วยเกรงว่ามันจะไปเกาะที่บ้านผมหรือเปล่า แน่นอนครับ ด้วยความเด็กในตอนนั้นผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่พ่อบอกเท่าใดนัก มีแต่เพียงความกลัวเท่านั้น จากคุณ : pixelchio เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 15:13:53

ความคิดเห็นที่ 3 หลังจากที่นกแสกมาเกาะที่หน้าระเบียงห้องนอน ไม่กี่วันต่อมา ผมก็ถึงแก่ความตาย................... ไม่ใช่แล้ว วู้ จะเอาฮาไปไหน หลังจากนั้นไม่กี่วัน ผมกลับจากงานประจำเวลาประมาณ 2-3 ทุ่ม ขณะที่ผมเลี้ยวรถจากถนนสายหลังเข้าสู่หมู่บ้าน ผมก็ต้องเหยียบเบรกจนตัวโก่ง บนถนนข้างหน้าห่างออกไปไม่กี่เมตร แสงไฟจากรถส่องให้ผมเห็นงูกำลังเลื้อยข้ามถนนอยู่ ข้างๆงูตัวนั้นมีนกแสก ไม่รู้ว่าเป็นตัวเดียวกับที่ผมเจอที่ระเบียงห้องหรือเปล่า มันกำลังยืนมองงูเลื้อย เหมือนเด็กมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมก็สงสัยไม่แพ้มันหรอก ทำไมมันไม่โฉบไปกินซะเลย ลงมายืนดูแบบนี้ออกจะอันตรายเกินไปสำหรับสัตว์ปีก แต่ก่อนที่ผมจะสงสัยอะไรไปมากกว่านั้น มันก็ผละจากงู แล้วโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า อีกตามเคย พอกลับมาถึงบ้าน ผมก็ลงมือทำลายความสงสัยของตัวเอง ด้วยการควานหาข้อมูลของนกแสก ผลการค้นด้วย google แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้จะเข้าสู่โลกยุคดิจิตอลแล้ว เรายังอุตส่าห์เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติที่ไม่สามารถอธิบายได้ ผลของการค้นหาด้วย google ส่วนใหญ่จึงมีหน้าตาแบบนี้ “ผวา! อาถรรพณ์นกแสกดับ100ศพ” “นกแสก Barn Owl นกแสกร้อง นกผี ทูตแห่งความตาย” “ประสบการณ์ผี อาถรรพ์นกแสก” ขออนุญาตถอนใจ เฮ้อออออออออออออออออ ทุกวันนี้ ท่ามกลางสังคมที่เราพยายามพัฒนาไปสู่ความเป็นสังคมวิทยาศาสตร์ เชื่อในเหตุและผล แต่กระจกหลายๆบานก็สะท้อนความคิดความอ่านของสังคมบ้านเราได้เป็นอย่างดี จากคุณ : pixelchio เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 15:14:12

ความคิดเห็นที่ 4 ทว่าในราตรียังมีแสงดาวฉันท์ใด ท่ามกลางความเซ็ง ผมก็พบข่าวดีๆอยู่บ้าง “นกแสก...นักปราบหนูมือหนึ่งในสวนปาล์มน้ำมัน” ในเนื้อข่าวนั้น สรุปได้ว่า กรมวิชาการเกษตรได้ทำการวิจัย โดยการสร้างรังเทียมเพื่อชักนำนกแสกให้เข้ามาอยู่อาศัยในบริเวณสวนปาล์มน้ำมัน ทั้งนี้เพื่อช่วยในการกำจัดหนู โดยนกแสกสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ประหยัด ปลอดภัย กว่าการใช้สารเคมี ขออนุญาตตัดข่าวที่มาให้อ่านสัก 1 ย่อหน้านะครับ “ขณะ นี้มีประชากรนกแสกในพื้นที่ดังกล่าวไม่น้อย กว่า 900 ตัว จำนวน 300 รัง คาดว่าจะสามารถกำจัดหนูได้ปีละกว่า 630,000 ตัว ช่วยลดความเสียหายของผลปาล์มที่อยู่ด้านนอกของทะลายที่ถูกกัดกินมากกว่า 25% ขึ้นไป โดยมีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ประมาณ 7% จากเดิมที่พบถึง 10-20% และช่วยลดค่าใช้จ่ายค่าสารเคมีกำจัดหนูได้ถึง 1 ล้านบาทต่อหมื่นไร่ต่อปี” ที่มา : http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=5110.0 เวลา : เย็นย่ำของเดือนเมษา ไม่กี่วันหลังจากผมเจอนกแสกยืนอยู่บนถนน สถานที่ : สนามหญ้าหน้าบ้านจัดสรร ย่านชานเมือง ผมยืนรดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน ที่กำลังแกร็นเอาๆ จากการลามเลียโดยเปลวแดดหน้าร้อน พลันเสียงดัง แกว๊กๆ ก็ดังขึ้นบนฟ้า ผมมองไปตามเสียง เดาเอาเองว่าน่าจะเป็นนกแสก มันกำลังบินสวนทางกับนกหากินกลางวันทั้งหลายที่กำลังบินจากท้องนากลับรังที่อยู่บริเวณทิวไม้ริมคลอง ไม่ไกลจากนกแสกตัวใหญ่ที่บินอยู่ มีนกอะไรสักอย่างขนาดเล็กพยายามกระพือปีกถี่ๆเพื่อบินให้ทันนกตัวใหญ่ พลางส่งเสียงร้องแกว๊กๆ เหมือนจะเรียกให้เจ้าตัวใหญ่บินรอมันหน่อย ภาพที่ผมเดินตามพ่อ ไปดูนกแสกครั้งแรกในชีวิตเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน เหมือนจะซ้อนอยู่ด้านหลังนกแม่ลูกคู่นี้ แม่นกแสกคงจะพาลูกของมันออกไปดู ไปเรียนรู้ชีวิต เพื่อให้ลูกของมันสามารถยืนหยัดสืบสายพันธ์ อยู่บนโลกใบนี้ได้ต่อไป จากคุณ : pixelchio เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 15:14:33

ความคิดเห็นที่ 5 ข้อมูลจำเพาะของนกแสก นกแสก (Barn Owl - Tyto alba (Scopoli, 1769))  หรือ นกแฝก หรือ นกเค้าหน้าลิง จัดเป็น 1 ในสามชนิดที่อยู่ในวงศ์นกแสก (Tytonidae) ที่พบในประเทศไทย นกอีกชนิดที่พบในเมืองไทย  และเป็นญาติใกล้เคียงกับนกแสกคือ นกแสกทุ่งหญ้า (Grass Owl - Tyto capensis Jerdon, 1839) ส่วนอีกชนิดในวงศ์นกแสกคือ นกแสกแดง (Oriental Bay Owl) อยู่ในสกุล Phodilus มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Phodilus badius (Horsfield) 1821 โดย นกแสกพบทั่วประเทศ นกแสกทุ่งหญ้าพบเฉพาะพื้นที่ชุ่มน้ำบางแห่งในภาคเหนือตอนบน   และนกแสกแดงซึ่ง  ขนาดตัวเล็กที่สุดพบตามป่าดิบเกือบทุกภาคของประเทศ นกแสก มีลักษณะใบหน้าเป็นรูปหัวใจ ตาใหญ่ ตั้งอยู่ทางด้านหน้าของหัว คอสั้น ปีกยาว หางค่อนข้างสั้น ขาและนิ้วแข็งแรง นกแสกเป็นนกที่หากินในเวลากลางคืน โดยมากพบในถิ่นที่ใกล้กับชุมชนของมนุษย์ โดยจะอาศัยอยู่ตามสิ่งก่อสร้างที่มีความสงบ เช่น หลังคาโบสถ์ในวัดวาต่าง ๆ หรือบ้านร้าง, ซอกมุมตึกหรือโพรงไม้ จึงนับได้ว่าเป็นนกจำพวกนกเค้าแมวที่มีความใกล้ชิดกับมนุษย์มากที่สุด ในป่าพบตั้งแต่พื้นราบจนกระทั่งความสูง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล มักพบอยู่โดดเดี่ยว เป็นคู่ หรือเป็นครอบครัว ไม่ค่อยที่อยู่เป็นฝูงใหญ่ นกแสกออกหากินในตอนกลางคืน กลับเข้ามายังที่พักอาศัยในตอนรุ่งสาง นกแสกร้องเป็นเสียงดังกังวานโดยออกเป็นเสียง "แสก-แสก" อันเป็นที่มาของชื่อ จะได้ยินเสียงร้องเฉพาะในตอนกลางคืนเท่านั้น โดยจะร้องเพื่อเตือนนกตัวอื่นมิให้เข้ามาในอาณาเขตหาอาหารของตัวเอง อาหารหลักโดยปกติจะเป็นหนู โดยนกแสกไม่ได้เป็นนกมีนิสัยก้าวร้าวดุร้ายแต่อย่างใด ที่มา1 : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%81 ที่มา2 : http://thairaptorgroup.com/file4download/Grass%20Owl%20Ecological%20Notes%202008%20Vol2%20No1.pdf แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 53 22:52:01 จากคุณ : pixelchio เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 15:14:48

ความคิดเห็นที่ 6 จบแล้วงับ หวังว่าคงไม่ขัดคอนเซ้ปต์ห้องเฮฮา ไม่รู้จะเอาไปโพสห้องไหนจริงๆครับ จากคุณ : pixelchio เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 15:15:26

ความคิดเห็นที่ 7 ห้องเฮฮาก็ได้ครับ มาบ่อยๆนะครับ อิอิ จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 15:27:15

ความคิดเห็นที่ 8 นี่ก็นกแสกครับ ไม่ใช่ทั้งนกจับหนูและตัวซวยแต่อย่างใด แสกข้างหวีเป๋ซะด้วย หล่อเชียว ... แว่บ -*- แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 53 15:50:35 จากคุณ : Choco`Browny (guta_me) เขียนเมื่อ : วันนักประดิษฐ์ 53 15:50:12

ความคิดเห็นที่ 9 นกเสก    อืม ตาเสกเลี้ยงนกด้วยเหรอ จากคุณ : oj_nui เขียนเมื่อ : วันนักประดิษฐ์ 53 15:51:03

ความคิดเห็นที่ 10 ขอแย้งนิดหนึ่งครับ นกอีกชนิดที่พบในเมืองไทยและเป็นญาติใกล้เคียงกับนกแสก (Barn Owl - Tyto alba (Scopoli, 1769)) คือ นกแสกทุ่งหญ้า (Grass Owl - Tyto capensis Jerdon, 1839) ครับ ทั้งสองชนิดอยู่ในสกุลเดียวกัน (Tyto) ส่วนนกแสกแดง (Oriental Bay Owl) อยู่ในสกุล Phodilus มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Phodilus badius (Horsfield) 1821 แต่ทั้ง 3 ชนิดเป็นนกในวงศ์นกแสก (Tytonidae) ที่พบในประเทศไทยโดยนกแสกพบทั่วประเทศ นกแสกทุ่งหญ้าพบเฉพาะพื้นที่ชุ่มน้ำบางแห่งในภาคเหนือตอนบน และนกแสกแดงซึ่งขนาดตัวเล็กที่สุดพบตามป่าดิบเกือบทุกภาคของประเทศครับ เอกสารและรูปของนกแสกทุ่งหญ้าจาก Eco-Note ครับ http://thairaptorgroup.com/file4download/Grass%20Owl%20Ecological%20Notes%202008%20Vol2%20No1.pdf จากคุณ : 0vvaynar0 เขียนเมื่อ : วันนักประดิษฐ์ 53 15:51:34

ความคิดเห็นที่ 11 นกจิงๆ ด้วย ถ้าเล็กมากๆ ที่บ้านเรียกแมลง ไม่ซีเรียส จากคุณ : maikeet เขียนเมื่อ : วันนักประดิษฐ์ 53 16:08:51

ความคิดเห็นที่ 12 ตั้งมู้ผิดห้องแน่ๆ จากคุณ : Epinephrine เขียนเมื่อ : วันนักประดิษฐ์ 53 19:30:39

ความคิดเห็นที่ 13 มันมาอีกแล้ว จากคุณ : ป้าชื่อเห็ดโคน เขียนเมื่อ : วันนักประดิษฐ์ 53 19:38:28

ความคิดเห็นที่ 14 อ่านสนุกดีครับผม  มาเขียนบ่อยๆนะครับนะ จากคุณ : ไม้ไผ่โย่ง เขียนเมื่อ : วันนักประดิษฐ์ 53 20:02:56

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณคุณ 0vvaynar0 สำหรับข้อมูลครับ ไปแก้ที่ siamensis มาแล้วครับผม จากคุณ : pixelchio เขียนเมื่อ : วันนักประดิษฐ์ 53 22:50:47