PANTIP.COM : X8856176 ประสิทธิภาพและผลการทำงานของคนสองประเภท "ผู้ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง" กับ "ผู้ที่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง" [วิทยาศาสตร์]

ความคิดเห็นที่ 31

เชื่อว่ามีพระเจ้า กับ เชื่อในพระเจ้า ต่างกันอย่างสิ้นเชิงคนละความหมาย

เชื่อว่าีมีพระเจ้า เช่น คนทั่ว ๆ ไปที่เชื่อว่า อาจจะหรือน่าจะมีพระเจ้าผู้สร้าง เป็นความเชื่อหลักลอย
คือพร้อมจะเชื่อว่ามีพระเจ้า หรือไม่มีพระเจ้าได้ตลอดเวลา จริง ๆ แบบนี้ไม่เรียกว่าเชื่อพระเจ้า
แต่เป็นการคิดเกี่ยวกับพระเจ้ามากกว่า

เชื่อในพระเจ้า คือคนที่รู้ว่าพระเจ้าทรงดำรงอยู่ มีตัวตน เป็นผู้สร้างแท้จริง ไม่ได้สงสัยลังเล หรือเชื่อ
อย่างอื่นผสมไปด้วย เช่น เชื่อวิวัฒนาการผสมกับว่าน่าจะมีพระเจ้าผสมโรงสร้างด้วยแบบนั้น แต่เชื่อ
ว่าพระเจ้าทรงดำรงและเป็นผู้สร้าง พิพากษา และอื่น ๆ ในแบบนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้เชื่อแท้จริง

แ่่ต่สรุปแล้ว จากทั้งที่เชื่อและไม่เชื่อ ก็คือพระเจ้าดำรงอยู่ มนุษย์ไม่ได้สงสัยในการมีีอยู่ของพระเจ้า
ปัญหาจริง ๆ คือมนุษย์ไม่ได้รู้จักพระเจ้า คือไ่ม่ได้รู้จักพระเจ้าเหมือนที่รู้จักบุคคลสักคนหนึ่ง คือพระเจ้าในที่นี่คือบุคคล ถ้าจะบอกว่าพระเจ้าคือกฎธรรมชาติ ก็ต้องบอกว่ากฎธรรมชาติไม่ควรจะว่า
พระเจ้าคือกฎธรรมชาติ ควรจะแยกคำที่ใช้ คือมนุษย์รู้จักกฎธรรมชาติแต่ไม่รู้จักพระเจ้าที่สร้างกฎหรือให้ทุกสิ่งเกิดมาตามกฎนั้น
ต้องกล่าวเช่นนี้จึงจะถูกและไม่สับสน เราไ่ม่ควรจะเปลี่ยนพระเจ้าเป็นกฎธรรมชาติ และไม่ควรเปลี่ยนกฎธรรมชาติเป็นพระเจ้า เพราะเราก็รู้อยู่แ้ล้วว่าควรใช้คำเช่นใดแยกกันอยู่แล้ว

ในรายละเอียด คนที่เชื่อในพระเจ้าก็จะมีชีวิตอีกแบบ คือพึ่งพาในพระเจ้าแ่ต่ไม่ได้หมายความว่าไ่ม่ทำอะไรโดยตนเอง
ก็ขึ้นกับการศึกษาเรียนรู้จากหลักคำสอน เพราะคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้านั้นจะไม่เข้าใจหลักคำสอน
และนึกไปเองว่า คนที่เชื่อในพระเจ้าต้องเป็นอย่างนั้นเพราะไม่เคยและศึกษาหลักคำสอน
เชื่อในพระเจ้าคือเชื่อในการดำรงชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า นับแต่เกิดจนสิ้นชีวิต
และไปสู่โลกหลังสิ้นชีวิต คือทุกอย่างมีคำตอบและรออยู่ ชีวิตไ่่ม่ใช่เกิดมาทำงาน หาเงินมีลูกแล้ว
แก่ตายก็จบกันแค่นี้
- เชื่อในพระเจ้าหมายถึงวิถีชีวิตที่รู้คำสั่ง และกฎที่ควรจะทำตาม เช่น กฎศีลธรรม
ต่าง ๆ ที่พระเจ้ากำหนดไว้ ซึ่งจะใช้พิพากษาผู้นั้นเืมื่อเขาตายไป และที่จะมาในอนาคต
- เื่ชื่อในพระเจ้าหมายถึง ให้ชีวิตแก่พระเจ้า คือไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แต่ให้คำสอนตามหลักการเป็นศูนย์กลาง ไม่่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตไม่ว่าจะดีหรือเลวร้ายขนาดไหน
ก็เป็นการอนุญาตจากพระเจ้า หรือเราทำเองและได้รับผลนั้นจากกฎที่พระเจ้าได้ทรงวางไว้
- เชื่อในพระเจ้าหมายถึง การพึ่งพาในพระเจ้า อันมาจากการไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางดังที่กล่าว
คือการไม่กระวนกระวายเกินเหตุในชีวิตในทุก ๆ เรื่อง เพราะชีวิตนี้ชั่วคราว วันหนึ่งทุกคนก็ต้องตาย
การใส่ใจกับชีวิตในโลกหน้ามากกว่า โลกนี้ไม่ยั่งยืน ทำทุกสิ่งอย่างดีสิ่งใดที่เกินกำลังความเข้าใจของเรา ก็ให้สิ่งนั้นอยู่ในการควบคุมของพระเจ้า
เรื่องเหล่าเป็นประสบการณ์ฝ่ายวิญญาณผสมกับการเรียนรู้เข้าใจในคำสอนหลักการ จนเห็นได้ว่า
พระเจ้าที่มองไม่เห็นนั้นได้ควบคุมทุกสิ่ง ทุกสถานการณ์ในโลกนี้อยู่ การพึ่งพาในพระเจ้าคือไว้วางใจ
ไม่ใช่ขาดความมั่นใจในตนเองแล้วก็ทำอะไรเองไม่ได้
- สาระสำคัญในคำสอน พระคัมภีร์ ไม่มีอะไรที่ไปขัดแย้งกับหลักการทางโลกรูปธรรมหรือเชิงวิทยาศาสตร์
ถ้าเราจะมองหรือคิดพระคัมภีร์ได้กล่าวเช่นใดที่เป็นไปตามวิทยาศาสตร์นั้นก็เป็นเช่นนั้นได้
เรื่องนี้ต้องเข้าใจหลักการตีความ คนที่เชื่อในพระเจ้าไม่ได้เริ่มที่เห็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
แต่เห็นการดำรงอยู่ของพระเจ้า ส่วนเรื่องการปรับข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์กับพระคัมภีร์นั้นไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาหรือขัดแย้ง
ดังนั้นประเด็นที่ว่า ผู้เชื่อในพระเจ้าไม่สามารถทำงานด้านวิทยาศาสตร์ได้อย่างดีเพราะมีขัดกับพระเจ้า หรืออาจจะมีปัญหากับความเชื่อนั้นไม่ถูกต้อง เพราะเราตั้งสมมติฐานว่าพระเจ้าไ่ม่จริงและแย้งกับวิทยาศาสตร์แต่ต้นไว้ก่อน สมมติฐานในเรื่องนี้ต่างหากที่เป็นปัญหาของคนที่ไม่เชื่อพระเจ้าในการมองเรื่องนี้
- เรื่องปัญหาชีวิต และการทำงาน ผู้เชื่อในพระเ้จ้าน่าจะมีประสิทธิภาพดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะพระเจ้า
เป็นผู้พิพากษาตัดสิน ไม่ใช่ว่าตายแล้วสูญจบกันแบบที่ผู้ไม่เชื่อพระเ้จ้าคิด ดังนั้นทุกการงานที่ทำ
ในโลกนี้ หากทำแบบชุ่ย ๆ ไม่ดี คดโกง ขี้เกียจ หรือทำไ่ม่ดีแล้ว ก็จะถูกพระเจ้าพิพากษาโทษ
ดังนั้นผู้เชื่อในพระเจ้าย่อมต้องตระหนักตัวอยู่ตลอดเวลาว่า แม้ไม่มีใครเห็น แต่พระเ้้จ้าเห็นและบันทึก
สิ่งไม่ดีที่ทำเพื่อพิพากษาลงโทษ เรื่องปัญหาชีวิตเศร้าเซ็ง ฆ่าตัวตาย หาทางออกไม่ได้ ก็ไม่ควรมี
ในผู้เืชื่อพระเจ้าเพราะรู้ว่าพระเจ้าทรงควบคุมเหตุการณ์และเป็นทางออกของทุกปัญหาอยู่ และชีวิต
ไม่ได้จบสิ้นที่ความตาย แนวคิดต่อโลกของผู้เชือในพระเจ้าจึงมีแง่บวกมากกว่าผู้ไม่เชื่อพระเจ้าที่คิดว่าตายแล้วสูญ หรือไม่มีใครกำหนดควบคุมอะไรได้ ชีวิตคือความว่างเปล่า ไม่มีผู้ใดหาทางออกให้เราได้นอกจากตัวเอง
และการมีแนวคิดแง่บวกก็จะส่งผลต่อการทำงานและชีวิตในเรื่องอื่น ๆ ได้ดีกว่า

จากคุณ : 1p2m

เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 03:22:27