ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าจะบังคับทำจริงๆ ก็ทำได้ครับผม แต่มีค่าใช้จ่ายสูงหน่อย (ค่าตรวจ DNA ต่อคนนี่ก็หลายเงินอยู่ ประมาณ 4000-5000 บาทต่อ 1 บุคคล ถ้าคูณด้วย 63 ล้านคนก็เป็น 3.15 แสนล้านบาท อย่างไรก็ดีหากรัฐทำเองค่าใช้จ่ายอาจจะถูกลงเหลือซัก 2 แสนล้านบาท)และคงจะใช้เวลาหลายปีหรืออาจจะเป็นสิบๆปี กว่าจะทำได้ครอบคลุมประชากรทั้งหมดครับ แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 53 09:42:31 จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 09:42:13

ความคิดเห็นที่ 2   ถ้าจะเริ่มทำก็ดีครับ แต่รัฐบาลไทย+คนไทย+NGO ไทย ไม่รู้จะไปรอดไหม จากคุณ : anonymous coward เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 09:47:26

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นด้วยครับถ้ามันจะทำให้จิตใจคนไทยมี หิริโอตปะ มั้ง  ขอบคุณ... จากคุณ : NRT (NONRETURN) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 09:49:29

ความคิดเห็นที่ 4 . แพงโคตร   ผมมีเพื่อนของเพื่อนอีกทีรู้จักคนหนึ่งเขาทำงานด้านนี้อยู่ครับ เป็นชาวต่างชาติครับ เขากำลังรวบรวม DNA ของหลายๆ ชาติอยู่ครับ ตอนเหตุการณ์ ซีนามิ เขาก็มาครับ แต่เขาบอกว่าใช้เงินจำนวนมาก เป็นองค์กรหนึ่งครับที่ำกำลังทำการรวบรวม DNA ของหลายๆ ชาติ เพื่อลำดับไปจุดรวมกันของต้นกำเนิดของมนุษย์ . จากคุณ : เรียกข้าว่า่วีระบุรุษ (Thai_DeSeRT) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:09:49

ความคิดเห็นที่ 5 ทำได้ครับ แต่แพงมากอยู่ อาจจะทำโดยการเก็บ DNA ตั้งแต่แรกเกิดเข้าข้อมูลทะเบียนราษฎ์พร้อมตอนแจ้งเกิดเลย กับตอนทำบัตรประชาชน หรือต่อบัตรประชาชน ผ่านไปสัก 20 ปีน่าจะครอบคลุมประชากรทั้งหมด แต่มันแพงมาก จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:15:47

ความคิดเห็นที่ 6 จะเอาเงินที่ไหน ? และผมก็ไม่คิดว่าผู้บริหารบ้านเมืองจะมีความคิดฉลาดๆ แบบนี้ด้วย จากคุณ : axquest เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:29:57

ความคิดเห็นที่ 7 เคยอ่านมาจากเวปอื่นนะครับว่าปัจจุบันเราให้ความสำคัญกับหลักฐานอย่าง DNA มากจนเกินไป เพราะความแม่นยำในการระบุตัวบุคคลด้วยDNAนั้นก็ขึ้นอยู่กับระบบการจัดเก็บข้อมูลด้วย ไม่ใช่ว่าได้DNAมาแล้วจะระบุตัวเป็นคนๆได้แบบแม่นๆเสมอไปนะครับ ถ้าจำไม่ผิดละก็ เค้าบอกว่าระบบของออสเตรเลียแย่เอามากๆทีเดียวละครับ ที่นี้ถ้าเราจะมาทำระบบนี้ที่เมืองไทยมันก็คงจะดีอยู่ แต่คงจะยากตรงที่จะรวมรวบข้อมูลทั้ง 60กว่าล้านคนแล้วมาจัดเรียงอย่างมีระบบนะผมว่า จากคุณ : LivingMachine เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:33:53

ความคิดเห็นที่ 8   เก็บเอาไปทำอะไรบ้างครับ แล้วถ้าใช้เงินประมาณ 2 แสนล้านแล้ว เราจะเอา DNA ไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง ได้คุ้มเสียหรือเปล่าครับ ? จากคุณ : isunsunsun (QuickSun) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:43:30

ความคิดเห็นที่ 9 DNA โครโมโซมคู่ไหน? ตำแหน่งไหน? ยาวเท่าไหร่? มาตรฐานอยู่ที่ไหน? ทำเพื่อสิ่งใด เพื่อระบุเอกลักษณ์บุคคลอย่างเดียว? จากคุณ : Poon (Kidakorn_Poon) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:55:28

ความคิดเห็นที่ 10 ในทางทฤษฎีแล้วการเก็บ DNA ของประชาชนทุกคนมันมีประโยชน์มากครับ แต่เกรงว่าพอในภาคปฏิบัติมันจะเ)็นแบบ Smartcard น่ะสิ จากคุณ : wsteven เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:56:23

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นไปได้ครับ แต่ประวัติศาตร์แสดงให้เห็นถึงแต่พวกเผด็จการที่ทำ (เยอรมันตะวันออก เก็บน้ำลายประชากรไป 6 ล้านคน) จากคุณ : TierraMan เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:59:16

ความคิดเห็นที่ 12 คิดอยากทำน่ะไ้ด้ แต่... ใช้งบมหาศาล ใช้เวลาเป็นปี นอกจากนี้ ยกก่อความสงสัยเรื่อง Project Human Genome คือเอามาวิเคราะห์หา DNA ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุพันธุกรรมที่ไม่ดี แล้วพยายามคัดทิ้ง หรือไม่พยายามให้เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งมันลุกล้ำสิทธิส่วนบุคคล นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องธุรกิจได้ อย่างเช่นฟลุ๊คพบว่า DNA บางคู่ทำให้คนมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งมากกว่าคนทั่วไป ธุรกิจอาจจับตรงนี้มาเป็นประเด็น เช่นการไม่รับทำรับประกันสุขภาพโรคมะเร็งแก่คนๆนี้ ได้ จากคุณ : ascertain เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 11:08:07

ความคิดเห็นที่ 13 ผลที่ได้ ไม่คุ้มกับการลงทุน (ประเทศเราจนครับ) แค่หาเงินใช้หนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไงเลย จากคุณ : QDora เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 11:13:44

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าทำได้จริงอาจเกิดปัญหาการแบ่งชนชั้นด้วย DNA เหมือนในหนังก็ได้ เวลาด่ากันก็ประมาณว่า "เชอะ...ไอ้พวกยีนส์ด้อย" หรือ "พวกผู้ดียีนส์เด่น" จากคุณ : HonLin เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 11:27:57

ความคิดเห็นที่ 15 ใช่เลยครับ นึกถึงหนัง gattaca ที่ คห.12 ลงรูปเลยครับ ในหนัง เวลาคนจะเข้าทำงานก็ต้องเดินผ่านเครื่องเจาะเลือด เช็ค DNA ว่าเป็นพนักงานของบริษัทหรือป่าว....หนังเรื่องนี้ให้แง่คิดหลายอย่างด้วย หนุกดี จากคุณ : ปฐมธง เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 11:47:31

ความคิดเห็นที่ 16 แค่หมู่เลือดก็เอาให้รอดก่อนเถอะครับ จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 12:25:54

ความคิดเห็นที่ 17 คคห12พูดน่าคิดดีครับ จากคุณ : เจ้าชายน้อย_ดื้อตาใส เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 12:40:19

ความคิดเห็นที่ 18 อีกหน่อยคนร้ายจะไปก่อเหตุที่ไหน ก็พกเส้นผมของคนอื่นเอาไปทิ้งในที่เกิดเหตุด้วยเพื่อให้สับสน แค่นี้ก็จบกัน จากคุณ : TingTing เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 12:44:04

ความคิดเห็นที่ 19 หนังน่าดู เดี๋ยวผมไปหาดูมั่งดีกว่า ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ จากคุณ : EKP เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 14:00:01

ความคิดเห็นที่ 20 ต่อไปเวลาสมัครงานจะมีระบุว่ารับเฉพาะ DNA Class A - S ผู้บริการระดับ SS เท่านั้น คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่มีสิทธิ์ที่จะเป็นคนนะครับ จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 14:05:35

ความคิดเห็นที่ 21 เป็นไปได้สิ แต่คงต้องอาศัยเวลาทำไปเรื่อยๆ หรือไม่ก็คงจะเห็นผลสมบูรณ์สำหรับคนในรุ่นถัดไป คือ พอเด็กเกิดใหม่คลอดก็ให้มีการเก็บตัวอย่างเลย ไม่เห็นจะยาก ไม่แพงอย่างที่คิด อังกฤษเค้าก็ทำมาแล้วเรื่องเก็บดีเอ็นเอเนี่ย แต่ศาลเค้าตัดสินว่ามันผิดกฎหมาย ก็เลยต้องทำลายทิ้งทั้งหมด แล้วเมืองไทยจะเก็บไว้ทำไม มีกฎหมายรองรับรึป่าว จากคุณ : WiseChocolate เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 14:12:44

ความคิดเห็นที่ 22 ก็ไม่ต้องเปิดเผยสิครับ เหมือนกับประวัติทันตกรรม.... แต่จะว่าไป เก็บประวัติทันตกรรมง่ายกว่าแฮะ จากคุณ : รักป๋าแก้มบุ๋ม เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 14:24:17

ความคิดเห็นที่ 23 เป็นไปได้น่ะ เป็นไปได้ครับ แต่คงยาก มันมีประเด็นทางสังคมเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะ ตัวอย่างเช่น งบประมาณที่จะทุ่มลงมาใช้ตรงนี้จะถือว่าคุ้มค่าหรือเปล่า ประชาชนจะยอมไหม จะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนรึเปล่า มีความเสี่ยงที่จะมีคนวงในนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในทางมิชอบรึเปล่า ฯลฯ จากคุณ : HeteroscedasticitY เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 15:17:19

ความคิดเห็นที่ 24 ็Human Genome Project..ไง  ประมาณGoogleเลย  แต่เป็นข้อมูลDNA Google ก็ทำวิจัยกับเค้าด้วย.. ประเทศไทยไม่ทำ ก็ไม่ได้มีนัยสำคัญต่อโลกเลย..ยังไงโลกมันก็มุ่งไปทางนั้นอยู่แล้ว.. จากคุณ : O-DED เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 16:44:06

ความคิดเห็นที่ 25 แค่เอาลายนิ้วมือทะเบียนราษฎร์มาsearchหาคนร้ายยังทำไม่ได้ คิดจะเก็บDNAมาใช้ไม่ต้องหวัง เก็บมาก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี จากคุณ : Megrim เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 22:05:34