ความคิดเห็นที่ 1 1. วิชาสังคม 50 ข้อแรก ยังเป็นตัวเลือก 4 ข้อ เลือกตอบ 1 คำตอบเหมือนเดิม แต่ใน 50 ข้อหลัง เป็นแบบให้ตอบตัวเลือกที่มากกว่า 1 คำตอบ ซึ่งคำตอบอาจจะมี 2 , 3 , 4  คำตอบ ก็ได้ ***แต่ หากตอบถูกไม่ครบจะไม่ได้คะแนนในข้อนั้นๆ สมมติว่าข้อ 1. ตอบ A B C แต่เราตอบ A C ,  A B C D , A B D จะไม่ได้คะแนนในข้อนั้นๆต้องตอบ A B C เท่านั้นจึงจะได้คะแนน(ข้อละ 1 คะแนน) จากคุณ : Ganadores เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 16:33:31

ความคิดเห็นที่ 2 2.   วิชาภาษาอังกฤษ ในพาร์ทสุดท้ายข้อ (31-70) เป็นตัวเลือก 4 ข้อ เลือกตอบ 1 คำตอบ(ข้อละ 1 คะแนนน) จึงขอข้ามค่ะ 2.1 พาร์ทแรก ข้อ 1- 30 โดยแบ่งเป็น A B ข้อสอบจะให้ conversation มาค่ะ และให้เลือกตอบให้ถูก ทั้งสองประโยค(ประโยคAและประโยคB) ในข้อนั้นๆ เช่น ข้อ 1. Dave: Hi , .....................A.....................       Mary :  I’m fine .....................B.............................       Dave : It’s Awesome! โจทย์จะให้ช้อยในประโยค Aและ B อย่างละ 4 ตัวเลือกและให้เลือกประโยคที่เหมาะสมที่สุดที่จะใส่ ***ในการตอบต้องตอบให้ถูกทั้งสองข้อหากตอบผิดแม้แต่ข้อใดข้อหนึ่ง (A หรือ B) จะไม่ได้คะแนนข้อนั้นๆ(ข้อละ 1 คะแนน) จากคุณ : Ganadores เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 16:34:18

ความคิดเห็นที่ 3 2.2 พาร์ทที่สอง ข้อที่ 21-30 เป็นข้อสอบ Error โดยปกติแล้วจะให้หาแต่ข้อที่ผิด แต่ในครั้งนี้ผู้สอบนอกจากจะหาช้อยที่ผิด(จากA-D)แล้ว ยังต้องหาช้อยที่เป็นตัวเลือกที่ถูกต้องด้วย(จากช้อย1-4ในข้อย่อยนั้นๆ) เช่น คิดว่า ส่วน A ผิด ต้องหาส่วนถูกของ A ด้วยว่าควรแก้ A เป็นอะไร ***หากรู้ว่า A ผิด แต่แก้ A ไม่ถูกต้อง ก็จะไม่ได้คะแนนในข้อนั้นๆ(ข้อละ 1 คะแนน) จากคุณ : Ganadores เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 16:34:56

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยนะคะ เพราะแค่การนำประโยคผิดๆ มาสื่อให้คนอ่านกระทู้อ่าน มันก้อผิดไปเยอะเลยค่ะ อย่างที่เห็น น้องๆ หลานๆ มาแก้ไขประโยคในโจทย์ที่มีหลายๆ คนมาเขียนไว้ เราก็คิดว่า น่าจะเอาโจทย์และคำสั่งที่ถูกต้องไม่บิดเบือน มาลงแล้วค่อยวิเคราะห์กันใหม่ จะดีกว่าค่ะ จากคุณ : Select Star เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 16:35:00

ความคิดเห็นที่ 5 3.วิชาคณิตศาสตร์ ในข้อ 1-36 เป็นตัวเลือก 4 ข้อ เลือกตอบ 1 คำตอบ จึงขอข้ามค่ะ แต่ในข้อ 37-40  เป็นแบบเติมคำตอบ(อัตนัย) โดยเป็นเลขใน 3 หลัก และไม่มีจุดทศนิยมใดๆค่ะ จากคุณ : Ganadores เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 16:36:03

ความคิดเห็นที่ 6 4.วิชาวิทยาศาสตร์ ในข้อ 1-68 เป็นตัวเลือก 4 ข้อ เลือกตอบ 1 คำตอบ จึงขอข้ามค่ะ แต่ในข้อ 69-86 จะจัดคำถามออกเป็นชุด ชุดละ 3 ข้อย่อย *** โดยในการตอบคำถามนั้น ผู้สอบต้องตอบคำถามจากข้อย่อยในแต่ละข้อให้ถูกต้องทั้งหมด จึงจะได้คะแนนในชุดนั้นๆ (ชุดละ 2 คะแนน) จากคุณ : Ganadores เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 16:36:34

ความคิดเห็นที่ 7 5. สุขศึกษา ศิลปะ และการงานฯ เอาล่ะ ทีนี้เรามาถึงคิวที่ทุกคนให้การถกเถียงกันอย่างมาก โดยแต่ละวิชาเป็นดังนี้ 5.1 วิชาสุขศึกษา ทั้งหมด 50 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน  เป็นตัวเลือก 4 ข้อ เลือกตอบ 1 คำตอบ จึงขอข้ามค่ะ 5.2 วิชาศิลปะ ส่วนที่ 1 ข้อ 1-33 ข้อละ 2 คะแนน เป็นตัวเลือก 4 ข้อ เลือกตอบ 1 คำตอบ จึงขอข้ามค่ะ แต่ในข้อ 34-40 มีการเปลี่ยนแปลงค่ะ โดยในตอนแรกจะให้ตารางของเซทคำตอบมาค่ะ จำไม่ได้ว่ามีกี่เซท แต่น่าจะราวๆ6เซท เซทA-F แต่ละเซทมีจำนวนตัวเลือกไม่เหมือนกันค่ะ (จำตัวเลือกข้อสอบจริงๆไม่ได้ ขออภัยจริงๆ แต่รูปแบบคร่าวๆเป็นแบบนี้แน่ๆค่ะ) เช่น จากคุณ : Ganadores เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 16:38:06

ความคิดเห็นที่ 8 ต่อมาโจทย์แต่ละข้อจะให้บทความมาและให้เราตอบคำถามให้สัมพันธ์กันค่ะ เช่น ข้อ 39 ในละครเวทีเรื่องสุดสาครในฉากที่ชีเปลือยผลักสุดสาครตกลงไปในเหว และฤาษีมาช่วยสุดสาครไว้และสอนสุดสาครว่าอย่าไว้ใจคน ควรใช้พื้นหลังสีอะไรเลือกคำตอบจากเซท D การแต่งกายของตัวละครใดถูกต้อง เลือกคำตอบจากเซท C ตามลำดับ ***ข้อสอบไม่ได้บอกว่า ต้องตอบคำตอบให้ถูกต้องทุกข้อย่อยในแต่ละข้อหรือเปล่าจึงจะได้คะแนนในข้อนั้นๆ พวกเราอย่าเพิ่งตกใจมากค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 53 17:36:14 จากคุณ : Ganadores เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 16:39:14

ความคิดเห็นที่ 9 5.3 วิชาการงานฯ ข้อ 1-26 ข้อละ1 คะแนน เป็นตัวเลือก 4 ข้อ เลือกตอบ 1 คำตอบ จึงขอข้ามค่ะ ข้อ27-30 เป็นการตอบให้สัมพันธ์กันเหมือนในวิชาศิลปะค่ะ เช่น ข้อ 27 มาลีอยากจะทำอาหารให้คุณแม่เนื่องในวันแม่ โดยคุณแม่ของเธอเกิดวันศุกร์ ชอบผลไม้ไทยที่มีเบต้าแคโรทีนสูงเพราะช่วยบำรุงสายตา มาลีจะจัดผลไม้อะไรให้คุณแม่จงเลือกคำตอบจากเซทผลไม้ จัดดอกไม้อะไรเลือกคำตอบจากเซทดอกไม้ จัดผ้าปูโต๊ะสีอะไรเลือกคำตอบจากเซทสีผ้าปูโต๊ะ ***ข้อสอบไม่ได้บอกว่า ต้องตอบคำตอบให้ถูกต้องทุกข้อย่อยในแต่ละข้อหรือเปล่าจึงจะได้คะแนนในข้อนั้นๆ พวกเราอย่าเพิ่งตกใจมากค่ะ จากคุณ : Ganadores เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 16:40:11

ความคิดเห็นที่ 10 *****ข้อสอบO-NET มีหลักเกณฑ์ในการใช้คิดคะแนน admission 30 % โดยแบ่งสัดส่วนดังนี้ - วิชาภาษาไทย 5 % - วิชาสังคม 5 % - วิชาคณิตศาสตร์ 5 % - วิชาภาษาอังกฤษ 5 % - วิชาวิทยาศาสตร์ 5 % - วิชาสุขศึกษาศิลปะและการงานฯ5 % จากคุณ : Ganadores เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 16:41:06

ความคิดเห็นที่ 11 จากเนื้อหาข้างบนมาถึงความคิดเห็นส่วนใหญ่ที่ได้รับการถกเถียงกัน และ ขออนุญาตรวบรวมข้อโต้แย้งและข้อคิดเห็นของแต่ละท่านด้วยนะคะ (ไม่ได้ให้เครดิตแต่ละท่านไว้ ขอภัยด้วยค่ะ) ข้อคิดเห็น 1. คำถามเป็นคำถามปลายเปิด แต่คำตอบเป็นคำถามปลายปิด 2. ข้อสอบให้คะแนนยากเกินไป 3. ข้อสอบไม่มีในหลักสูตรทำให้เด็กต้องพึ่งกวดวิชากันมากขึ้น 4. ข้อสอบมีคำตอบในตัวอยู่แล้ว แต่ใช้หลักการวัดจากตรรกและเหตุผลต่างๆ     5. เด็กแค่บ่นเพราะว่าทำไม่ได้ จริงๆแล้วก็เหมือนๆเดิม ขอตอบคำถามและเพิ่มข้อคิดเห็นโดยส่วนตัวของจขกท.ลงไปนะคะ 1. คำถามเป็นคำถามปลายเปิด แต่คำตอบเป็นคำถามปลายปิด - เป็นเฉพาะบางข้อเท่านั้นค่ะ แต่ก็ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ เช่น ข้อท้องแล้ว ควรทำอย่างไร 1. พักการเรียนไปคลอดลูก 2.ทำแท้ง 3. ลาออกทำงานไปเลี้ยงลูก 4. แจ้งความ (โดยส่วนตัวตอบข้อ 1. เพราะ make sense ที่สุดแล้ว และยังไงๆการเรียนก็คือสิ่งสำคัญค่ะ) 2. ข้อสอบให้คะแนนยากเกินไป - สำหรับในบางส่วนเราว่าก็เหมาะสมดี(ข้อสอบ error ถึงเราจะทำไม่ได้และฝนมั่วไปก็เถอะ) แต่บางส่วนก็ไม่เหมาะสมค่ะ เช่น ในข้อสอบสังคม การที่เราจะเอาสิ่งที่ผิดมาหักล้างสิ่งที่ถูกนั้น มันเป็นการสมควรแล้วหรือ สมมติตอบถูกมาแล้วตั้งสองตัวเลือก แต่ผิดที่ตัวเลือกท้ายตัวเลือกเดียว และจะมาลบล้างคำตอบที่ถูกข้างต้นทั้งสองเป็นการถูกแล้วเหรอ ในพาร์ทนี้ควรเป็นการหักล้างไปเป็นอย่างๆเหมือนในแกทมากกว่าค่ะ ขอยก quote ของอ.อุ๊มาค่ะ “ก็เด็กเขาได้แค่ 50 % น่ะค่ะ แล้วจะทำไมล่ะคะ ต้อง100 เหรอ ทุกคนต้องได้ 100% เหรอ” 3. ข้อสอบไม่มีในหลักสูตรทำให้เด็กต้องพึ่งกวดวิชากันมากขึ้น - จริงๆ สทศ.เขาต่อต้านระบบกวดวิชาอยู่ แต่การกระทำนี้ให้ผลตรงข้ามตรงที่ว่า การเปลี่ยนข้อสอบไปแบบนี้ เป็นข้อสอบที่แม้แต่ในหลักสูตรยังไม่มี ทำให้เด็กต้องหาที่พึ่งใหม่นอกจากหลักสูตร และที่พึ่งจะเป็นใครนอกจากกวดวิชา 4. ข้อสอบมีคำตอบในตัวอยู่แล้ว แต่ใช้หลักการวัดจากตรรกและเหตุผลต่างๆ     - เป็นแบบนั้นในบางข้อค่ะ เช่น ข้อที่ว่านิดสวย เพราะเนื้อเรื่องให้มาแบบนั้นจริงๆ แต่ในข้ออื่นๆ การแก้ไขปัญหาและวิธีการต่างๆเหล่านั้น แต่ละคนก็มีวิธีการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ข้อสอบในบางข้อจึงควรเป็นการเขียนคำตอบพร้อมอธิบายเหตุผลมากกว่าค่ะ ข้อที่ว่าจัดผ้าปูโต๊ะให้คุณแม่ก็เช่นกัน มันไม่จำเป็นว่าเกิดวันนั้นแล้วต้องชอบสีนั้นนี่หว่า แต่โจทย์จะบังคับให้ตอบแบบนั้นค่ะ เป็น keyword และหากสังเกตจะมีkeyword อยู่แล้วในหลายๆข้อ แต่ keyword ส่วนใหญ่ไม่สมเหตุสมผลและกำกวม เช่น ในข้อฮันนีมูนนี่ตอบได้หลากหลายมาก 5. เด็กแค่บ่นเพราะว่าทำไม่ได้ จริงๆแล้วก็เหมือนๆเดิม - ยอมรับค่ะ ว่าเป็นแบบนั้น(ส่วนหนึ่ง) จริงๆมีมากกว่านี้ค่ะ จะขอออกความเห็นส่วนตัวในเรปถัดไป จากคุณ : Ganadores เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 16:42:08

ความคิดเห็นที่ 12 *** มาตรฐานอยู่ที่ไหน? จริงๆแล้วคนสอบข้อสอบโอเน็ตจะไม่เคืองขนาดนี้ค่ะ ถึงข้อสอบมันจะงี่เง่าก็ตาม เพราะถึงจะยากจะงี่เง่าจะง่ายยังไง คะแนนมันก็ดาวน์ลง อัพขึ้น ทั้งประเทศตามข้อสอบอยู่แล้วล่ะค่ะ แฟร์ๆ แต่ที่มันแย่ก็เพราะว่า - ผลคะแนนออกมา น่าจะลดจากปีก่อนๆอยู่เยอะ เพราะมีมาตรฐานไม่เท่ากัน โดยมีตัวฉุดสำคัญคือ สังคม อังกฤษ และวิชาสุขศิลปะการงาน - ต่อเนื่องมาจากการลดอันนั้น ผลคะแนนโอเน็ตจากรุ่นพี่ปีก่อนๆจะสูงกว่าพวกเราอยู่มาก ****เพราะไม่ใช่ข้อสอบรูปแบบเดียวกัน และที่สำคัญไม่ได้เอาศิลปะการงานสุขศึกษาไปรวมกับคะแนนนั้นๆด้วย! - ข้อสอบ O-NETกำหนดให้สอบได้แค่ครั้งเดียวในชีวิต และนำไปคิด - จากข้างต้นลองคิดดูว่าถ้ารุ่นพี่ซิ่วแล้วจะเกิดอะไรขึ้น... - เราจะเอาไปซิ่วก็ไม่ได้อีก เพราะปีหน้าเขาจะรู้ตัวแล้ว เผลอๆจะเอาข้อสอบกลับไปเป็นแบบเดิมเพราะความงี่เง่าครั้งนี้ - ผล:รุ่นเราซวยทั้งขึ้นทั้งล่อง วิธีแก้ : การจะให้เด็กซิ่วปีนี้มาสอบโอเน็ตใหม่ก็ไม่ทัน ไม่ให้ซิ่วก็ไม่ได้ ดังนั้นคงต้องปล่อยไปก่อนหรืออย่างมากก็ให้เอาข้อสอบสุขการงานของปีที่แล้วเอาไปคิดคะแนนด้วย ส่วนเด็กรุ่นนี้จัดสอบ O-NET ให้อีกครั้งในปีหน้าถ้าจะซิ่ว ในกรณีที่เปลี่ยนข้อสอบไปเป็นแบบเดิม จากคุณ : Ganadores เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 16:44:16

ความคิดเห็นที่ 13 จบแล้วค่ะ ขอบคุณที่ตามอ่านมาซะยืดยาวขนาดนี้ พิมพ์ในเวิร์ดแล้วมาก็อปเพสเอา ที่อยากตั้งกระทู้เพราะคิดว่าอยากรวบรวมอะไรให้ละเอียดๆ ซักกระทู้ ถ้าพิมพ์ผิดหรือข้อมูลผิดยังไงขออภัยด้วยค่ะ จากคุณ : Ganadores เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 16:47:02

ความคิดเห็นที่ 14 สนับสนุนให้ผู้ใหญ่ทุกคนเห็นตัวข้อสอบครับ เพราะผมบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ตั้งหน้าโจมตีข้อสอบ อยากให้เห็นกันไปเลย ถ้าเห็นแล้วได้ผลออกมาว่ามันดี ใช้ได้ ผมจะไปขอโทษ สทศ. ที่หน้ากระทรวง และไปไหว้คุณอุทุมพรครับ จากคุณ : โลโซแมน เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 16:57:48

ความคิดเห็นที่ 15   http://www.dek-d.com/board/view.php?id จากคุณ : หนูไม่มีloginค่ะ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 17:14:47 A:58.9.150.124 X: TicketID:254574

ความคิดเห็นที่ 16   ^ ช่วยพวกเราด้วย!!! T_T จากคุณ : หนูไม่มีloginค่ะ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 17:16:03 A:58.9.150.124 X: TicketID:254574

ความคิดเห็นที่ 17   คห.15 ลิงค์ผิดค่ะ ขอโทษค่ะ -*- http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1603432 จากคุณ : หนูไม่มีloginค่ะ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 17:16:58 A:58.9.150.124 X: TicketID:254574

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ป.ล. คุณ โลโซแมน ใจเย็นๆก่อนครับ รอดูข้อสอบก่อนเนาะ จากคุณ : Yttrium เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 17:17:12

ความคิดเห็นที่ 19 น้องเขียนดีมากครับ ลำดับเรื่องได้ดี เห็นเด็กดีเรียกร้องจะออกรายการทีวี ขอเตือนให้ทำการบ้านให้ดี วางแผนตอบคำถามให้ชัดเจน เน้นเหตุผลและการลำดับความ จะชี้ประเด็นให้คนนอกเห็นได้ชัดแค่ไหนก็อยู่ตรงนี้ เป็นไปได้ ร่างสคริืปต์คำถามคำตอบล่วงหน้าเลย เดาไว้ก่อนว่าเขาจะตอบอะไร เราจะถามอะไร เราจะชี้ประเด็นไหน จะช่วยได้เยอะ จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 17:30:54

ความคิดเห็นที่ 20 #18 โลโซแมนเป็นคนสอบครับ เขาเห็นมาก่อนเราแล้วแหละ จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 17:31:24

ความคิดเห็นที่ 21 โหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ จากคุณ : 0vvaynar0 เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 17:41:01

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นบางอันแล้วนึกถึง K-type จากคุณ : KL เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 17:43:16

ความคิดเห็นที่ 23 #20 หมายถึงรอให้หลายๆคนได้รอเห็นข้อสอบก่อนครับ ข้อสอบที่อยู่ตรงหน้า ณ ชั่วโมงที่ทำข้อสอบ อาจจะไม่ ok สำหรับเรา แต่ถ้าเอามาดูกันให้ดีๆอีกที มันอาจมีอะไรมากกว่า ที่เราเข้าใจครับ จากคุณ : Yttrium เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 17:54:20

ความคิดเห็นที่ 24 อยากเห็นข้อสอบจริงๆ และอยากทำข้อสอบบ้างแต่คงไม่ได้ความรู้สึกแบบน้องๆ เอาเป็นว่า รอดูข้อสอบก่อนดีกว่าสำหรับคนที่ยังไม่เห็น (กลัวว่าจะเนียน ไม่ยอมให้ดูแก๊ง์นี้เนียนขั้นเทพ) จากคุณ : Adspae เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 17:59:56

ความคิดเห็นที่ 25   เพิ่งตั้งกระทู้ชมไปไม่กี่ัวันก่อนเอง เอาซะแล้วว จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 18:03:55 A:124.121.49.101 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 26 อยากให้ผู้บริหาร ที่ดูแลเรื่องนี้ลองมาสอบจริงๆ ดูซิว่าเจออย่างนี้ไป จะตอบได้ซักกี่คะแนน ผมอ่านดูหลายกระทู้ยังงงเลย ว่ามันถามไปได้ไง คำถาม ยีราฟใส่ตู้เย็นยัง make sense กว่าอีก จากคุณ : SCKP เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 18:11:04

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณ panote_saechiew ค่ะ เห็นว่าเด็กดีร้องเรียนกันอยู่ จะพยายามติดต่อด้านข้อมูลไปกับเมมเบอร์ในเด็กดีต่อค่ะ ขอบคุณมาก จากคุณ : Ganadores เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 18:13:50

ความคิดเห็นที่ 28 โหวตโลด.. ไปสู่สุขคติเถิด .. อุทุมพร จากคุณ : Case Closed เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 18:16:33

ความคิดเห็นที่ 29 บอกตรงๆว่าระบบการสอบแบบใหม่นี่ผมไม่ค่อยชอบใจเลย โดยเฉพาะการสอบที่สอบได้ครั้งเดียวในชีวิตเนี่ย คนคิดบ้าไปแล้วหรือไง เหตุผลง่ายๆ นักเรียนบางคนอาจจะเรียนรู้ได้ช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน ในปีแรกอาจจะได้คะแนนน้อย แต่หากมีความมุมานะ ไม่ย่อท้อ ปีต่อมาเขาอาจจะทำคะแนนได้ดี และมีศักยภาพที่จะเรียนในสาขาที่ตนอยากเรียนได้ การสอบได้เพียงครั้งเดียวเป็นเหมือนการตัดสินเด็กว่าคุณไม่มีทางพัฒนาขึ้นได้ กับเวลาแค่ปีหรือสองปี ที่นักเรียนยอมแลกกับสาขาวิชาที่ดีกว่า ถูกใจกว่า ไม่มีนัยสำคัญต่อชีวิตเลย เพราะเขาต้องอยู่กับมันไปอีกเป้นสิบๆปี นี่เป็นการตัดโอกาสของอนาคตของชาติเป็นอย่างมาก สิ่งนี้สะท้อนถึงความคิดของผู้กำหนดสิ่งต่างๆเหล่านี้ ว่า เป็นการทำโดยเห็นเด็กเป้นเครื่องทดลอง ไม่มีการคิดอย่างรอบคอบ ไม่รู้ว่าขึ้นไปมีอำนาจถึงจุดนั้นได้อย่างไร ทำให้ผมไม่แปลกใจเลยหากจะมีข้อสอบออกมาในลักษณะดังกล่าวนี้ เรื่องเรียนพิเศษเป้นอีกเรื่องที่รังเกียจกันจัง ความเห้นผมนั้น ผมเชื่อว่านักเรียนจะทำอะไรก็ได้เถอะ ขอให้มีศักยภาพที่จะเข้าเรียนในสาขาวิชานั้นๆได้เป้นพอ จะเรียนพิเศษสักร้อยที่ หรือไม่เรียนเลย อ่านหนังสืออยุ่บ้านก็ตามแต่คนต้องการ ดังนั้นข้อสอบควรออกเป้นกลางอยู่ในหลักสูตร ขณะเดียวกันต้องพัฒนาการเรียนการสอนในดรงเรียนให้ทัดเทียมกับกวดวิชาข้างนอกนั้นมันก็จบเรื่อง ถ้าคุณพัฒนาไม่ได้ก้ต้องยอรับ ไม่ใช่ออกข้อสอบแบบออกทะเลไปแบบนี้ ดีจริงๆเลยที่ผมไม่ต้องยุ่งกับระบบสอบเข้าพวกนี้ ปล. เรื่องท้องนี่ ถ้าเลือกจะลาพักไปคลิอด ครั้นกลับมาเรียน ลูกจะเป็นภาระเมื่อมีภาระทั้งการเลี้ยงลูกและการเงิน เรียนต่อไปคงไม่ไหว ต้องลาออกมาทำงานหาเลี้ยงลูก ถ้าแจ้งความว่าถูกข่มขืนอย่างที่นิยมทำกัน จะได้ทำแท้งได้อย่างถูกกฎหมาย ผ่านไป5-6ปี ย้ายบ้านย้ายถิ่นไป เด่วเรื่องก็เงียบหายไปเอง ถ้าคิดให้รอบคอบแล้วจะตอบข้อไหนล่ะครับ เอาตามหลักการเป๊ะ ก็ข้อ1 แต่ถ้าจะเอาตามชีวิตจริงเหมือนอย่างที่ข้อสอบอยากออกมาดีนักก้ข้อ4นั้นแหละ ทำกันทั้งบ้านทั้งเมืองครับ ปล.2 อยากรุ้ว่าจะจัดโต๊ะฮันนีมูนอย่างไร อย่าลืมดูเชื้อชาติของชาวต่างประเทศด้วยนะครับ อาจารย์ผมที่เป็นชาวต่างชาติเค้าฝากบอกมา จากคุณ : The Omens เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 18:36:04

ความคิดเห็นที่ 30 อาจจะใจร้อนจนดูก้าวร้าวไปหน่อย ขออภัยด้วยนะครับ อยากให้พี่ๆแนะนำกรณีถูกเรียกไปสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้น่ะครับ แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 53 18:43:14 แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 53 19:18:55 จากคุณ : โลโซแมน เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 18:43:00

ความคิดเห็นที่ 31 เรียนเพื่อรู้ หรือ เรียนเพื่อสอบ เด็กไทย สังคมไทย เรียนเพื่อสอบ ...แค่นั้น จากคุณ : FisH DooK เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 18:45:27

ความคิดเห็นที่ 32 เห็นใจรุ่นน้องค่ะ นี่ก็แว่วๆ มาว่าจะเปลี่ยนระบบอีกแล้ว สู้ๆ นะ จากคุณ : pongpei เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 18:53:26

ความคิดเห็นที่ 33 ขอสั้นๆ ผู้ใหญ่บอกเด็กไทยโง่ขึ้น ผมว่าไม่ใช่หรอก เพราะเดกไทยยังรู้เลยว่้าGT200มันหลอกลวงใช้ไม่ได้ ผู้ใหญ่ต่างหากที่โง่ขึ้น ขนาดออกข้อสอบทุเรศอย่างนี้ แล้วยังคิดว่า(เอ๊ะ!!หรือไม่คิดแต่กลัวเสียหน้า)ว่าgt200ใช้ได้ผล อยากจับ สส. สว. คณะมรต. ทุกคนที่ทำงานในกระทรวงศึกษาธิการมาทำดูสิ ดูสิว่าทำแล้วจะเป็นยังไง ผมว่าคะแนนคงไม่ถึงครึ่งของเด็กไทยด้วย แล้วก็จะดริฟว่า ก็แก่แล้วความรู้ก็เลยสู้เด็กไม่ได้ (คงเข้าใจว่าผมจะสื่ออะไร) จากคุณ : ... (darkness2) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 18:55:39

ความคิดเห็นที่ 34 คุณโลโซแมน ถ้าถูกเรียกไปสัมภาษณ์ ลองอ่านความเห้นที่ 11 ดุครับ ผมว่า ให้ข้อคิดได้ดี เห้นด้วยในหลายประการเลย ประการแรก ต้องถามถึงเกณฑ์คะแนนก่อนนะครับ ประการที่2 ต้องตัดความคิดที่คุณคิดว่าทำไม่ได้ออกไปซะ เรื่องเหตุผลเข้าข้างตัวเองจะทำให้มีน้ำหนักของความเห้นน้อยลงมาก หาข้อมูลดีๆ บางทีบางข้ออาจจะอยุ่ในหลักสูตรดังนั้นอย่าไปแตะข้อเหล่านั้น เช่น ข้อสอบที่มีการให้คะแนนยากขึ้น คุณต้องตอบA Bให้ถูก จึงจะได้คะแนน ทั้งนี้ มีข้อที่ถูกที่สุดอยุ่ เพียงแต่เหมือนเป้นการเพิ่มตัวเลือกทำให้เดายากขึ้นเท่านั้นเอง ถ้คุณไม่รุ้จริงโอกาสเดาถูกจะน้อยลง พยายามทำให้เห็นว่าคุณไม่มีอคติกับข้อสอบเพราะทำไม่ได้เอง ประการที่3 พยายามเน้นข้อที่มีคำตอบที่เป็นไปได้หลายทาง โดยไม่ใช้เหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผล อันเนื่องจากเราคิดผิด หรือทำไม่ได้ เช่น ข้อฮันนีมูน เป็นต้น ประการที่4 ข้อสอบที่ไม่มีในหลักสูตร อันนี้สำคัญ เพราะเป็นส่วนหนึ่งในการสอบที่ต้องการวัดความรู้พื้นฐาน นเมื่อมันคือความรุ้พื้นฐานต้องมีในหลักสุตร แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ ปล. หากได้ให้ความเห้นในรายการจริง ฝากถามเรื่องสอบได้ครั้งเดียวแทนผมด้วยนะ ตามความเห้นข้างบนนั่นแหละครับ จากคุณ : The Omens เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 19:12:10

ความคิดเห็นที่ 35 โหวตให้ทราบทั่วกันครับ จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 19:15:28

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณพี่มาก ๆ เลย หนูจะสอบปีหน้าแล้ว ' จากคุณ : "GOLFiio" เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 19:16:25

ความคิดเห็นที่ 37 ตัวข้อสอบก็ดูสร้างสรรค์ดี แต่การประเมินผลไม่ผ่านอย่างแรง แบบนี้ ในแต่ละข้อ ควรเต็มซัก3-5คะแนน แต่ละข้อคะแนนเต็มไม่เท่ากัน แต่ละช๊อยส์อาจจะได้คะแนนไม่เท่ากัน หรืออาจจะมีข้อถูก 2 -3 ข้อก็ได้ ตอบแปลก common sense หน่อย อาจได้แต้มเดียว ตอบ nonsense จริงๆ ถึงได้0 จากคุณ : es_ciro เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 19:20:35

ความคิดเห็นที่ 38   #33 เขาต้องได้เยอะสิครับ เพราะมันเป็น"แค่"ความรู้รอบตัวเพื่อดำเนินชีวิตในสังคม เด็กๆต้องทำได้สิ ไม่งั้นแปลว่าไม่พร้อมเรียนต่อ ดังนั้น ถ้าเขาทำไม่ได้ก็ไม่พร้อมทำงานต่อเหมือนกัน (ผมว่าให้สอบทุกกระทรวงเลยดีกว่า 4เหล่าด้วย) จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 19:20:57 A:124.121.49.101 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 39 มันผิดตั้งแต่คุณเอาเวลาทำข้อสอบ O-Net ไม่กี่ชั่วโมง มาตัดสินอนาคตของเด็กทั้งชีวิตแล้วแหล่ะ จากคุณ : DOLครับ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 19:21:26

ความคิดเห็นที่ 40 . . . ก็เกินไป อ่านคำสั่งยังปวดตับเลยครับ ผมผ่านแอดมิชชั่นรุ่นแรกมาแล้ว เจอแบบใหม่นี้ เห็นใจเด็กๆเลยครับ จากคุณ : okaunkung เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 19:24:12

ความคิดเห็นที่ 41   http://www.pm.go.th/connect/10686 จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 19:27:22 A:124.121.49.101 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 42 เห็นแบบนี้แล้วคิดถึง "เอนทรานซ์"  ผมว่าคลาสสิคมากๆ มหาวิทยาลัย ต้อง Ent' จิ...หุหุ จากคุณ : คุณเสือเคี้ยวยาก เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 20:00:23

ความคิดเห็นที่ 43 ผมคนนึงครับที่ได้สัมผัสข้อสอบจริงมา ในข้อสอบ วิทย์ คณิทย์ ไทย อังกฤษ ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เป็นข้อสอบที่ดีอยู่แล้ว แต่สังคมกับการงานอาชีพและเทคโนโลยี ผมเห็นว่ามันเป็นข้อสอบที่ไม่มีมาตรฐานเลย วัดแค่คนที่รู้ทั้งหมด (ซึ่งแน่นอน รู้ทั้งหมดมันก็ดีนะ) แต่คนกลางๆจะถูกตบลงไปอยู่กับคนที่ไม่รู้อะไรเลย ซึ่งอ่านหนังสือ กับไม่อ่าน ค่าก็เท่าๆกัน ยิ่งการงานนี่ไม่ใช่แค่รูปแบบคำตอบที่ดูไม่เข้าท่า คำถามยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ make sence หลายข้อเลย มีข้อซ่อมสายไฟขาด ผมซ่อมเป็น ผมก็วงๆภาพไว้ว่าใช้อันนี้นะๆ ซึ่งถ้าผมทำจริงๆสำเร็จแน่....แต่ขอโทษเถอะ ในช้อยส์ไม่มีคำตอบให้ผม ผมไม่รู้ข้อสอบจะวัดอะไรของมัน? วัดดวงหรืออย่างไร? แล้วเอาไปคิดคะแนน ตอนทำข้อสอบ ผมก็ยิ้มๆ ในใจคิดว่าไม่เป็นไร สามแสนคนก็สอบเหมือนเรา ถ้าคะแนนออกมาต่ำ ซิ่วสบายแฮ จากคุณ : เครื่องวัดความสวย เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 20:01:07

ความคิดเห็นที่ 44 เราว่าสังคม  กับ  การงานมีปัญหามาก สังคม  100  ข้อ  มีแบบฝนปกติ  50  ข้อ และมีคำตอบมากกว่าหนึ่งข้อ  อีก  50  ข้อ พาร์ทนี้อย่างที่หลายคนบอกไป  คือ  มันสามารถคัดได้แค่คนที่เก่งมากๆ เก่งเทพๆ  แต่คนที่กลางๆ  และคนที่ไม่ได้ ไม่ต่างกันเลย  เพราะเราต้องตอบให้ครบทุกข้อที่ถูก เด็กที่เข้ามามั่ว  สมมติเค้าฝนรวด  4  ข้อ กับคนที่พอทำได้  มั่นใจสองข้อ  อีกข้อไม่แน่ใจ  เค้าฝน  2  ข้อ ออกมาค่าเท่ากัน  คือศูนย์คะแนน ซึ่ง  ..  แย่นะ  คัดอะไรไม่ได้เลย  นอกจากคนที่เก่งมากๆเท่านั้น การงาน ด้วยตัววิชามันด้วย  ที่ข้อสอบจะออกแนวศีลธรรม  ตามความคิดเห็น แต่ด้วยความที่มันปลายเปิด  แต่ช้อยส์ไม่สามารถฟันธงลงไปได้ ว่าต้องเป็นข้อไหนทำให้หลายคนเครียด รวมทั้งความรู้เฉพาะ  ที่ผู้ใหญ่หลายคนมองว่า  มันควรจะอยู่ที่ความเฉลียวนะ เด็กไทยควรจะมีความรู้รอบตัวนะ อันนี้  เราก็ไม่ทราบจริงๆ  คือ  เราว่าเด็กไทยไม่ใช่ไม่มีความรู้รอบตัวนะ แต่ความรู้รอบตัวมันก็น่าจะขึ้นอยู่กับบุคคลอีกนั่นแหละ อย่างข้อพวกเครื่องดนตรียากๆ พูดตรงๆคือ  รู้ว่ามันเป็นเครื่องดนตรี  เราว่ามันก็น่าจะพอ สำหรับคนทั่วไป เหมือนรู้ว่า  เมเจอร์  ไมเนอร์  คือสเกลนะ  มันก็น่าจะพอนะ สำหรับคนที่ไม่ได้จะเป็นนักดนตรี เราไม่รู้แล้ว  ว่าเสกลไหนจะทำให้เพลงดูเศร้า  ดูสนุก  ดูอลังการ คือเราไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะต้องรู้เพื่อให้สมกับที่เกิดมาน่ะ จริงๆนะ ด้วยความเคารพอย่างสุดซึ้ง จากคุณ : กางเกงเลสีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 20:34:57

ความคิดเห็นที่ 45 คห  23 "ข้อสอบที่อยู่ตรงหน้า ณ ชั่วโมงที่ทำข้อสอบ อาจจะไม่ ok สำหรับเรา แต่ถ้าเอามาดูกันให้ดีๆอีกที มันอาจมีอะไรมากกว่า ที่เราเข้าใจครับ " ตกลงนี่ข้อสอบ Take Home เหรอครับ ต้องเอามานั่งเพ่งให้ดี เพ่งให้นานๆถึงจะบรรลุ ผมงงกับคุณจัง จากคุณ : Papercut เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 20:35:36

ความคิดเห็นที่ 46 ก่อนอื่น ในฐานะคนที่ไม่ใช้เด็กคนที่ไปสอบ อยากให้คนที่ไม่ได้สัมผัสข้อสอบ รอฟังข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายดีมั้ยก่อนวิพากย์ วิจารณ์ครับ ^^ เราไม่ใช้คนเข้าไปสอบ ยังไม่ใช้คนไปสัมผัสข้อสอบ เราไม่รุ้หรอก ว่าสิ่งที่ออก ๆ มา มันเป็นจริงแค่ไหน บางครั้งความจริงที่สื่อออกมาไม่หมด ก็บิดเบือนความจริงได้เหมือนกันนะครับ ประเด็นเรื่องข้อสอบ ตัวเลือกเยอะ กาถูกยาก เรื่องนี้ ผมเข้าใจว่า หลักการของข้อสอบควรจะสามารถจำแนก เด็กเก่งออกจากเด็กไม่เก่งได้ ต้องยอมรับในระดับหนึ่งว่า ข้อสอบ สี่ตัวเลือก นั้นแยกเด็กเก่งออกจากเด็กไม่เก่งได้ยาก เพราะโอกาสที่เด็กไม่เก่ง ทำข้อสอบได้ มีสูง เพราะใช้การเดา หรือการตัดตัวเลือก การที่ข้อสอบมีการพัฒนาการในรูปแบบแปลก  ๆ มันไม่ผิดครับ ส่วนเรื่อง ที่ต้องกาให้ถูกทั้ง สองคำตอบนั้น ตัวข้อสอบออกแบบมาให้สำหรับเด็กที่รู้จริง ไม่ใช้รู้แบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ มากกว่า เพราะฉะนั้นผมเลยไม่เห็นด้วยกับคำพูดครูอุ๊ที่ว่า "ก็เด็กเขาได้แค่ 50 % น่ะค่ะ แล้วจะทำไมล่ะคะ ต้อง100 เหรอ ทุกคนต้องได้ 100% เหรอ" จาก คห ที่ 11 ส่วนข้อสอบแปลก ๆ ที่เราเห็นกันนั้น ผมว่าอันนั้นเราต้องรอ คำอธิบายจากฝั่งคนออกมาครับ ว่าเขาใช้หลักตรรกะ อันใดในการออก ข้อสอบทุกข้อ โดยเนื้อหาแล้วย่อมมีจุดประสงค์ในการวัดความรู้ของเด็กในแง่มุมต่างๆ   ถ้าน้อง ๆ เห็นว่าข้อสอบมันไม่สมเหตุสมผลที่จะถาม อันนั้น พี่ว่าเราควรไปร้องเรียนให้ทางอาจารย์ มาเปิดเผยข้อมูลครับ จะมีใครเห็นด้วยกับผมมั้ย ผมว่าสิ่งที่คนออกข้อสอบพวกนี้ทำอยู่คือ พยายามไม่ให้เด็กเรียนกวดวิชา แต่ไหง เด็กยิ่งเรียนกวดวิชาเพิ่มขึ้น ==" ผมละงง จริงๆ  ให้ตายเถอะ ส่วนวิชาการงาน อาชีพ จะสอบไปทำไมฟระ ==" งงจริงๆ   เดชะบุญมากที่เกิดก่อน 555+ จากคุณ : handghost เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 20:37:19

ความคิดเห็นที่ 47 คิดคล้ายๆคห.29 ตรงที่เราไม่ชอบใจตรงที่เปลี่ยนระบบการสอบมันแทบจะทุกปีนี่แหละ ส่วนเรื่องข้อสอบ รอดูข้อสอบเต็มๆก่อนละกัน ข้อสอบ บางทีก็ไม่ได้อยู่แค่คำถามและคำตอบ บางทีก็ต้องดูคำสั่งและวิธีทำด้วย เห็นด้วยในแง่ที่ว่าข้อสอบชุดนี้ไม่ค่อยเหมาะกับเด็ก แต่ถ้าจะบอกว่าข้อสอบชุดนี้มันเฮงซวย ขอเห็นข้อสอบฉบับเต็มก่อนดีกว่า แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 53 20:39:11 แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 53 20:41:30 แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 53 20:45:34 จากคุณ : March comes in like a lion เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 20:38:36

ความคิดเห็นที่ 48 #45 ตอบแทนคุณ  Yttrium "ข้อสอบที่อยู่ตรงหน้า ณ ชั่วโมงที่ทำข้อสอบ อาจจะไม่ ok สำหรับเรา แต่ถ้าเอามาดูกันให้ดีๆอีกที มันอาจมีอะไรมากกว่า ที่เราเข้าใจครับ " คุณไม่เคย ทำข้อสอบแบบว่าคิดไม่ออกในห้องสอบ แล้วค่อยมานึกออกตอนสอบเสร็จหรอครับ ^^ จากคุณ : handghost เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 20:39:58

ความคิดเห็นที่ 49 ^ ^ เคยครับ แต่มันประเด็นเดียวกับเรื่องนี้หรือครับ คิดไม่ออกในห้องก็เรื่องนึง คำตอบปลายเปิดแต่ให้ตอบปลายปิดก็อีกเรื่องนึง ช่างเหอะ ก็คงเดิมๆ ให้รอดูข้อสอบอยู่ดี (ฮาดีครับ ขนาดคนสอบแล้วยังให้เค้ารอดู ดริฟกระจาย) ปล. ตอบผมหน่อย ถ้าท้องในวัยเรียนจะแก้ปัญหาอย่างไรครับ ?? ^^ จากคุณ : Papercut เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 20:48:19

ความคิดเห็นที่ 50 โห ช่างคิดได้ - -" ผมเอ็นท์ไป 12 ปีแล้ว เอ็นทรานซ์รุ่นสุดท้ายพอดี รีบเอ็นท์ตอนอายุ 16 เพื่อหนีระบบใหม่ แล้วหลังจากนั้นระบบมันก็ใหม่ขึ้นไปเรื่อยๆ (แต่เลวร้ายลงเรื่อยๆ...) ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆปีนี้ครับ จากคุณ : ชีริว เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 20:49:04

ความคิดเห็นที่ 51 ^ ^ ^ ^ เอิ่ม เรื่องท้องในวัยเรียน ผมตอบไม่ได้ เพราะผมใช้ถุงยางทุกครั้ง เฮ้ย ผมท้องไม่ได้ ไม่ช่ายแระ เรื่องนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันแหะ แต่ผมกำลังคิดว่าจุดประสงค์ของคำถาม น่าจะเป็นการวัด มุมมองของเด็กเรื่องในท้องก่อนวัยอันควร ==" แต่ผมว่ามันวัดผิดทีผิดทางนะเนี้ย มันควรเอาไปสอนเด็ก ไม่ช่ายเอาไปวัดเด็กสอบเข้ามหาลัย ประเด็นเรื่องข้อสอบสุขศึกษา ผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไรหรอกครับ ส่วนเรื่องข้อสอบ ออกจากห้องแล้วค่อยคิด อันนั้น ผมเข้าใจว่าคุณ  Yttrium น่าจะสื่อว่า บางที เด็กทำข้อสอบ แล้วไม่ทันได้คิดในบางแง่มุม แล้วถ้าออกจากห้องสอบ แล้วมาพิจารณาดี ๆอาจจะเข้าใจข้อสอบมากขึ้นก่อนเป็นได้ ปล ถ้าผมเข้าใจคุณ  Yttrium ก็ขอให้เจ้าตัวมาอธิบายด้วยเน้อ จากคุณ : handghost เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 20:54:33

ความคิดเห็นที่ 52 http://www.youtube.com/watch?v=YPxzIHb-Bi4 http://www.youtube.com/watch?v=nW0_Vt3bKz0&feature=related อ.อุ๊ กับ ... เทียบกันเอาเองละกันครับ ผมไม่ได้เข้าข้าง อ.อุ๊ แต่ ฟังจากคลิป ก็น่าจะรู้แล้วนะครับ :) จากคุณ : Mr>Robuk เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 20:57:43

ความคิดเห็นที่ 53 มาโพสคลิป จากคุณ : handghost เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 21:00:11

ความคิดเห็นที่ 54 ผมก็ พูด ถึง gatpatแทน สอบได้ 4 ครั้ง เอาครั้งดีสุด ครั้ง1 โครตง่าย ไม่มี ข้อเขียน ครั้ง 3 เลข มีข้อเขียนครึ่ง กา ครึ่ง ผมขอถาม ครั้ง 1 , 3 มันมาตรฐานเดียวกันหรอครับ ถ้าทำให้มันมาตรฐานเดียวกันไม่ได้ แล้วจะให้เสียเงินสอบทั้งหมด 4ครั้งทำไมครับ ผมละสงสัยจริงๆ จากคุณ : Mr>Robuk เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 21:00:45

ความคิดเห็นที่ 55 คลิปที่คุณ Mr>Robuk โพสมา จากคุณ : handghost เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 21:01:06

ความคิดเห็นที่ 56 คห.50 ENTRANCE รุ่นสุดท้าย คือ 12 ปีที่แล้วหรือ? ถ้านับว่า คือระบบที่เลือกคณะก่อนแล้วค่อยไปสอบก็อาจใช่ว่าคือ 12 ปีที่แล้ว แต่ระบบคำว่า ENTRANCE ยกเลิกไปแค่เมื่อ 4-5 ปีก่อนเองนี่นา..? ก่อนจะเปลี่ยนมาเรียกว่า ADMISSION (แต่หลายคนก็ยังติดกับคำเดิม "ENT") ก่อนจะวินาศสันตะโร โดนสวดยับทุกปี จากคุณ : Case Closed เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 21:04:11

ความคิดเห็นที่ 57 หลังจากนั่งดูคลิปคุณ อุทุมพร พบว่า จะบร้าหรอ อยากเปลี่ยน อยากทำอะไรก็ทำ เท่าประสบการณ์ที่ต้องสอบข้อสอบจากต่างประเทศ ทุกครั้งที่เค้าจะมีการวิจัยข้อสอบ โดยการส่งข้อสอบ test มาให้เด็กทำด้วย โดยจะไม่มีการเก็บคะแนน ผมเคยสอบ TOEFL ไปสองหน ฟังเรื่องเดิม แต่ตัวข้อสอบมีการเปลี่ยนแปลงไป ผมว่า สทศ ควรจะมีการวิจัยคะแนนที่เด็กได้ อย่างชัดเจน ==" และแจ้งผม รวมถึงพวกค่าคะแนนเฉลี่ย เปอร์เซ็นต์ไทด์ ค่าเบียงเบน ให้ชัดเจนด้วยเถอะ จากคุณ : handghost เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 21:14:10

ความคิดเห็นที่ 58 จขกท. เขียนลำดับเหตุการณ์ได้ดีมาก วิเคราะห์ได้รอบคอบ ไม่ใส่อารมณ์มากจนเกินไป ขอชื่นชม จขกท. ครับ... จากคุณ : vandalism เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 21:14:14

ความคิดเห็นที่ 59   ใครแปะคลิปยูทูปเป็นมาช่วยแปะหน่อย อ.อุ๊พูดดีจริงๆ จากคุณ : Giftpun เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 21:14:41

ความคิดเห็นที่ 60 เบื่อคำถามปลายเปิดจริงๆตั้งแต่สมัยไหนก็มีมาทุกยุกต์ โชคดีที่แก่... รอดตัว จากคุณ : บุรี เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 21:15:42

ความคิดเห็นที่ 61 *54 เห็นด้วยอ่ะ คือว่า  มาตรฐานมันอยู่  ณ  แห่งหนใด เราไม่อะไรนะ  ถ้าเค้าจะทำอย่างนี้ตั้งแต่ครั้งแรก แต่ว่าสอบสี่ครั้ง  เลข  สองครั้งแรกฝนหมด สองครั้งหลังฝนครึ่งเติมครึ่ง กับวิทย์  สามครั้งแรก  ฝนหมด ครั้งที่จะถึงนี่มีเกณฑ์คะแนนแปลกๆ  แล้วก็มีเติม แล้วยื่นคะแนนด้วยกัน? คะแนนดิบ? โอเค  คนที่เค้าเตรียมตัวเค้าทำได้  อันนี้เราไม่เถียง  จริงอยู่ แต่มันมีการได้เปรียบเสียเปรียบกันอ่ะ  มันไม่ยุติธรรมเลยนะ ทำไม  ถ้าจะเปลี่ยนไม่เปลี่ยนเป็นปีๆไปอ่ะ เศร้า จากคุณ : กางเกงเลสีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 21:24:15

ความคิดเห็นที่ 62 เด็กซิ่วก็ไม่ได้ ได้เปรียบไปซะทุกอย่างนะครับ เนื่องจาก ปีที่ใช้ Admission ที่สามปี ไม่มีการนำ ศิลปะ สุขศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี เข้าไปร่วมคิดคะแนน จึงทำให้เด็กรุ่นก่อนนั้น มั่วกันกระจาย ครึ่งชม. ก็หลับกันแล้ว คะแนนก็เลยไม่ได้มากเลย จากคุณ : Garlamare เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 21:42:59

ความคิดเห็นที่ 63 #56 เอ็นทรานซ์ระบบเก่ารุ่นสุดท้ายครับ (พิมพ์ผิด) ปีต่อมาใช้เกรดด้วย จากคุณ : ชีริว เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 21:46:53

ความคิดเห็นที่ 64 *50,56 ENTRANCEรุ่นสุดท้ายจิงๆคือน้องๆที่เข้าเรียนมหาลัยปีการศึกษา 48 อ่ะคะ (ของเรา 47 รุ่นก่อนสุดท้าย 555+) พอน้องรุ่นปีการศึกษา 49 จะเป็นระบบ admissionปีแรกนะ(น้องชายเราสอบ ตอนนั้นมึนมาก 555+) ระบบมันย่ำแย่กว่า Ent' เยอะมากๆ แล้วยิ่งมาระบบใหม่ เฮ้อ!! ไม่แปลกที่ประเทศเพื่อนบ้านเจริญกว่าจิงๆๆ จากคุณ : Yang-Ja เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 21:58:02

ความคิดเห็นที่ 65 อยากเห็นเด็กไทย ไม่ต้องสอบแข่งขันกันเอง ใครอยากเรียนเป็นอะไร ให้โอกาส ไม่ถนัดก็ไม่ต้อง ไปทำสิ่งที่ถนัด สิ่งที่อยากทำ ชีวิตจะได้มีความสุข ชีวิตจริงเก่งกันไม่กี่อย่างเท่านั้นเอง ให้เก่งและรู้จริงแล้วกัน จากคุณ : กนกคนเดิม เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 22:09:38

ความคิดเห็นที่ 66 #51 ผมต้องการจะสื่อความหมายตามนั้นเลยครับ ป.ล.จริงๆวันนี้ผมเองก็โดนหาว่าแถมาทั้งวันอยู่แล้วครับ โดนอีกนิดหน่อยคงไม่เป็นอะไรครับ ที่อยากเห็นข้อสอบ เพราะจะได้เอามาดูให้เห็นจะๆ ไปเลย ว่าดี-ไม่ดี อย่างไร ไม่ใช่ฟังมาเพียงแค่ "เขาเล่าว่า" "น้องบอกว่า" "ลูกศิษย์บอกว่า" เท่านั้นเองครับ จากคุณ : Yttrium เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 22:16:59

ความคิดเห็นที่ 67 ู^ ^ ^--------- เสริมอีกนิดนะครับ รวมไปถึง "ฉันทำแล้ว ฉันคิดว่า ข้อสอบแย่ด้วยนะครับ" จากคุณ : Yttrium เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 22:19:45

ความคิดเห็นที่ 68 อ่านแล้ว งง กับความเห็นของคนในพันทิพย์บา่งคนจากกระทู้ที่แล้วมากๆค่ะ อาจเป็นเพราะเขาไม่เห็นตัวข้อสอบจริงๆทำให้เขาคิดไปแบบอื่น อย่างนี้เด็กอีกหลายคนที่เคยเห็นข้อสอบจริงมาอ่านคงน้ำตาร่วงด้วยความเจ็บใจกันเป็นแถว ตอนนี้พูดอะไรมากไปผู้ใหญ่ก็ไม่ค่อยเชื่ออยู่ดี จะรอดูวันที่หลักฐานออกมานะคะ ว่าผู้ใหญ่ทั้งหลายจะคิดยังไง จากคุณ : RayChan เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 22:26:11

ความคิดเห็นที่ 69 ^ ^ ^ อยากเอามาให้ดูใจจะขาด แต่หมดปัญญา เพราะเขาป้องกันข้อสอบรั่วไว้แน่นหนา ที่เราเด็กๆทำได้ก็แค่จำผิดจำถูกแบบนี้ล่ะครับ แต่ขอรับประกันว่ามันไม่หลุดไปจากนี้เท่าไหร่หรอกครับ เพราะมันผ่านการรวบรวมและพิจารณามาจากเด็กๆหลายคนที่สนใจเรื่องนี้ โจทย์จริงคงไม่ได้ระบุว่านิดขี้เหร่ โจทย์จริงคงไม่ได้ถามว่าม้านิลมังกรสีอะไร มันก็โจทย์แบบเดิมๆ แค่เราไม่สามารถจำข้อความแบบเป๊ะๆทุกตัวอักษรได้ ข้อสอบจริงน่ะอยากให้ดู อยากให้เห็นไปเลย ได้แต่หวังว่าอุ...จะเอามาออกรายการด้วยนะ จากคุณ : โลโซแมน เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 22:27:13

ความคิดเห็นที่ 70 หวังว่าจะเอามาได้เหมือนกันค่ะ แต่คิดว่าเขาคงไม่กล้า เหอะๆ ตอนเราเห็นข้อความผู้ใหญ่ทั้งหลาย เรายังจะน้ำตาร่วงเลย เพราะข้อสอบบางทีโจทย์มันไม่ครบ หรือคำถามไม่ครบ คำตอบไม่ครบ บางคนบอก มันไม่แปลกนิ วัดเด็กอย่างนั้นอย่างนี้ อยากจะเอาข้อสอบจริงมากางให้ดูตรงหน้า!!! ถ้าเป็นคุณจะยอมรับได้มั้ย ข้อสอบที่สอบได้ครั้งเดียวในชีวิตแบบนี้! ขออภัยที่อาจใส่อารมณ์ไป แต่อย่างน้อยนี่ก็เป็นความอดทนสุดท้ายที่ขาดสะบั้นลงแล้วตั้งแต่สอบ GAT PAT ที่ไม่มีมาตรฐานรวมถึงค่าสอบแพง จากคุณ : RayChan เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 22:30:52

ความคิดเห็นที่ 71 ว่าแต่ จะให้แปะตัวข้อสอบใหม่อีกทีมั้ยคะ จะได้มาช่วยแปะ(ของเก่ากระทู้ที่แล้วอ่ะค่ะ) หรือเจ้าของกระทู้จะเอาของเก่ามาแปะเองคะ จากคุณ : RayChan เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 22:33:12

ความคิดเห็นที่ 72   ผมเอนท์เมื่อปี 39( 14 ปีที่แล้ว) ก็ตื่นเต้นดีครับ ถ้าไม่ติดก็ไปติวรอเอนท์ปีหน้าอีก แต่หมดแล้ว... จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้าโดนแบนรอบสอง เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 22:33:30 A:202.3.69.15 X: TicketID:183419

ความคิดเห็นที่ 73 คุณเข้าใจใหมความรู้สึกเด็กที่ออกจากห้องสอบแทบจะสลบออกมา แล้วมาเล่าให้คนที่บ้านฟัง คำตอบที่ได้รับคือ เราโง่ เราไม่มีความรู้ เราปั้นน้ำเป็นตัว พูดอะไรไม่ออก เถียงไม่ขึ้น เขาเป็นผู้ใหญ่ เขาทำได้ เราโง่ เราทำไม่ได้ น้ำตาไม่เคยร่วงมันจะร่วงเอาวันนี้ละ แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 53 22:35:15 จากคุณ : โลโซแมน เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 22:33:51

ความคิดเห็นที่ 74 *69 พี่กลัวว่า ก่อนที่หลายๆคนจะได้ดูจากรายการ อาจมีการอ้างว่าได้ทำลายข้อสอบ(หลักฐาน)ทิ้ง หลังผ่านการสอบนะค่ะ!!! O_o จากคุณ : Yang-Ja เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 22:34:04

ความคิดเห็นที่ 75 อ่านสรุปมาทั้งหมด ยังไงการสอบเอนทรานซ์สองครั้งดีที่สุด น้องชายสอบ Ad ปีนี้ กลับมาเครียดจัด เจอข้อสอบแบบนี้ น้องบอกที่อ่านไปทั้งหมดแทบจะไม่ได้ใช้เลย แล้วไหนบอกว่าจะออกตามหลักสูตร ... น้องชายเราก็เรียนเสริม O-net แต่เจอข้อสอบแบบนี้ทำเอามึนเลย จากคุณ : เฮ้อ ... (phonomenon) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 22:34:47

ความคิดเห็นที่ 76 บอกข่าวดีก่อนค่ะ ติดต่อให้ข้อมูลคุณ iamlow ที่เคลื่อนไหวทางช่อง3และ dek-d ไปแล้ว เจ้าตัวบอกว่า ทางช่อง 3จะนำเรื่องนี้เข้าที่xระชุมในวันพรุ่งนี้ค่ะ \^_^/ ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ โดยส่วนตัวเข้าใจค่ะว่าผู้ใหญ่ต้องการให้เราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหลักการบางอย่างเราก็เห็นด้วยค่ะอย่างที่ว่าแกทแพททำให้รับเด็กได้ตรงคณะมากขึ้น เป็นสิ่งที่ดีและเหก็นด้วยอย่างมากค่ะ แต่สทศ.ยังวางสัดส่วนแต่ละคณะไม่ดีนักเท่านั้นเองค่ะ และยังมีช่องโหว่ที่ว่วิชาวิทย์ยังรวม3วิชามหาเทพฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เป็นอันเดียวกันอยู่   รวมไปถึงมาตรฐานข้อสอบที่ออกแต่ละครั้งไม่เหมือนกัน - -* ส่วนเรื่องที่ว่าเปลี่ยนข้อสอบเพราะกันเด็กเดา เราก็เข้าใจค่ะ แต่ไม่เห็นด้วยกับข้อสอบสังคมพาร์ทหลังจริงๆนะ มันหักล้างมากจนเกินไปน่ะค่ะ และเพราะยังคงมีช่องโหว่อยู่เช่น ช่องโหว่ของการซิ่วบ้างเพราะการที่สอบได้ครั้งเดียวบ้าง เรียกได้ว่าหลักการและเหตุผลดีแล้วล่ะค่ะ แต่วิธีการที่พวกท่านทำยังไม่ถูกไม่ควรนัก จะเป็นยังไงต่อ คงต้องช่วยกันคิดและช่วยกันแก้ต่อไปล่ะค่ะ และเราควรจะคิดด้วยว่า จะทำยังไงให้เด็กรุ่นต่อๆไปไม่โดนอย่างเรา จะทำอย่างไรให้ผู้ใหญ่ในวันหน้าไม่กลับมางี่เง่าเหมือนผู้ใหญ่ในวันนี้ จากคุณ : Ganadores เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 22:35:11

ความคิดเห็นที่ 77 เห็นด้วยกับพี่ Yang-Ja ค่ะ คิดอยู่ว่าก่อนจะมาออกรายการ กลัวเขาตุกติก เผาทิ้งไปซะก่อน แล้วเอาข้อสอบอื่นมา เหอะๆ มันจะมีอย่างนั้นมั้ย ฮา จากคุณ : RayChan เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 22:36:26

ความคิดเห็นที่ 78 ขอโพสต์เพิ่มเติมค่ะ เรื่องออกข้อสอบผิด ออกข้อสอบมั่วมา ขอออกตัวก่อนเลยว่า สทศ.ก็ไม่ได้แย่ไปเสียทุกอย่างค่ะ เราเองเคยไปยื่นคำร้องขอดูกระดาษคำตอบเมื่อตอนสอบแกทแพทเดือนตุลาค่ะ(สอบครั้งที่ 3) และบอกตรงๆเลยว่าข้อสอบมีการฟรีให้ค่ะ หลายข้อด้วย โดยเฉพาะเลขกับ ความถนัดวิศวะ (จะว่าไปก็ควรพิจารณาข้อสอบเหมือนกันนะเนี่ย ว่าทำไมออกผิดหลายข้อ อิอิ ) (แต่ก่อนหน้านั้นครั้งที่1และครั้งที่2เขาแก้ให้ไหมเนี่ยไม่รู้นะ -.-) จากคุณ : Ganadores เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 22:42:24

ความคิดเห็นที่ 79 ใช่ๆค่ะ Ent 2 ครั้งคิดว่าดีที่สุดแล้วค่ะ เพราะไม่เสียค่าใช้จ่ายมากมายเท่าระบบใหม่ สงสารน้องๆที่ทุนทรัพย์มีจำกัด แล้วอีกอย่างมีความรู้สึกว่าข้อสอบดูจะมีมาตรฐานมากกว่า(โดยส่วนตัวนะคะ) 555+ เรื่องการเดาข้อสอบ เอ่อ คนเรามันก้อต้องเดากันบ้างใช่ป่ะคะ เพราะถ้าเราไม่รู้จิงๆยังไง ต่อให้จะให้มาเพิ่มอีกเป็นสิบๆตัวเลือก นู๋ก้อเดาเหมือนกัน ให้กำลังใจกะน้องๆทุกคนคะ^^" จากคุณ : Yang-Ja เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 22:42:35

ความคิดเห็นที่ 81 กระทู้หายด๋อยแว้ว จากคุณ : RayChan เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 00:06:01

ความคิดเห็นที่ 82 สอบแบบนี้ ถ้าไม่เมพขิงๆ ถอยไป!! จากคุณ : okaunkung เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 00:06:06

ความคิดเห็นที่ 83 ขออนุญาตลงเพิ่มละกันนะคะ เป็นข้อมูลที่สัมพันธ์กัน จากกระทู้ห้องเฉิลมไทยค่ะ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8911762/A8911762.html ความเห็นของคุณ ไว้โอกาสหน้า!!! เป็นความเห็นที่ 216 เป็นต้นไปค่ะ อาจแคปมาไม่ดีนะคะ ขออภัยมากจริงๆ ไม่มีโฟโต้ พาร์ทแรก จากคุณ : RayChan เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 00:09:38

ความคิดเห็นที่ 84 กระทู้คืนชีพแล้ว ขอบคุณเว็บมาสเตอร์จริงๆค่ะ ^^ ชาบู ชาบู จากคุณ : Ganadores เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 00:09:51

ความคิดเห็นที่ 85 จากกระทู้ห้องเฉิลมไทยค่ะ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8911762/A8911762.html ความเห็นของคุณ ไว้โอกาสหน้า!!! เป็นความเห็นที่ 216 เป็นต้นไปค่ะ อาจแคปมาไม่ดีนะคะ ขออภัยมากจริงๆ ไม่มีโฟโต้ พาร์ทสอง จากคุณ : RayChan เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 00:17:27

ความคิดเห็นที่ 86 จากกระทู้ห้องเฉลิมไทยค่ะ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8911762/A8911762.html ความเห็นของคุณ ไว้โอกาสหน้า!!! เป็นความเห็นที่ 216 เป็นต้นไปค่ะ อาจแคปมาไม่ดีนะคะ ขออภัยมากจริงๆ ไม่มีโฟโต้ พาร์ทสาม จากคุณ : RayChan เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 00:23:18

ความคิดเห็นที่ 87 จากกระทู้ห้องเฉลิมไทยค่ะ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8911762/A8911762.html ความเห็นของคุณ ไว้โอกาสหน้า!!! เป็นความเห็นที่ 216 เป็นต้นไปค่ะ อาจแคปมาไม่ดีนะคะ ขออภัยมากจริงๆ ไม่มีโฟโต้ พาร์ทสี่ จากคุณ : RayChan เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 00:32:30

ความคิดเห็นที่ 88 คนที่บอกว่าข้อสอบทำให้ได้คิด ใช้ความรู้กว้างขวาง ได้วิเคราะห์ ก็รบกวนคิดอีกทีด้วยนะครับ ว่าเด็กมันเรียนมายังไง ถ้าจะพัฒนาให้ก้าวหน้า ก็ต้องทำให้โรงเรียน การสอน มันก้าวหน้าก่อน ไม่ใช่เอาเด็กที่อยู่ในโลกเก่า มาเจอข้อสอบก้าวหน้าล้ำยุคที่แสนจะน่าภาคภูมิใจของท่าน การสอบครั้งเดียวจะเปลี่ยนแปลงชีวิตคนคนหนึ่งให้ก้าวหน้า ก้าวกระโดดเลยหรือ? ทำไมไม่เตรียมความพร้อมให้เค้าก่อนล่ะ? คุณภาพของคนที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยจะดีขึ้นจริงหรือ แล้วทำไมมหาวิทยาลัยถึงต้องเปิดรับตรงมากขึ้น? คนที่มันได้เรียนมาตรงจุด อยู่ในที่ที่พอดี มันก็ทำได้ เด็กที่มันไม่ได้รับจุดนี้มา มันก็ทำไม่ได้ แล้วใครผิด เด็กผิด? เด็กกลุ่มนี้ไม่แกร่งเอง มันอยู่ไม่ถูกที่ ไม่ถูกจังหวะ ก็ไม่ควรจะได้เรียนต่อ ใช่มั้ย? เพราะดูหลายๆ คนเหมือนจะบอกว่า คนทำได้ก็มี แต่มีคนทำไม่ได้มาโวยวาย ปีต่อๆไป การเรียนพิเศษมันก็ไม่ได้ลดลงหรอก แต่มันจะเพิ่มขึ้น เพื่อมาเก็งข้อสอบพิศดารพวกนี้ จากคุณ : atheist เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 00:33:33

ความคิดเห็นที่ 89 จากกระทู้ห้องเฉลิมไทยค่ะ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8911762/A8911762.html ความเห็นของคุณ ไว้โอกาสหน้า!!! เป็นความเห็นที่ 216 เป็นต้นไปค่ะ อาจแคปมาไม่ดีนะคะ ขออภัยมากจริงๆ ไม่มีโฟโต้ พาร์ทห้า สุดท้ายแล้ว โฮกกก จากคุณ : RayChan เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 00:37:07

ความคิดเห็นที่ 90   คือถ้าโจทย์มาแบนี้จริง คนออกโคตรเป็นนายเบื้อกเลย ตัวอย่าง ข้อร้านอาหาร เอาจริงๆนักการตลาดอย่างผมขอถามว่า ลูกค้าคือใคร positioning ร้านเป็นแบบไหน ดูเรื่อง 4P ด้วย เรื่อง สถาวะตลาดด้วย เช่นคู่แข่งเค้าทำไงกัน บราๆๆ กิจการร้านอาหารอาจไม่ต้องดูละเอียดทุกส่วน แต่หลักการมันเหมิอนกันคือถ้าจะนำเสนออะไรในธุรกิจ คุณต้องรู้ก่อนว่าทำอะไร เพื่อใคร แล้วชาวบ้านเค้าไปถึงไหนกันแล้ว ดังนั้นคำตอบข้อนี้คือ ไม่รู้จนกว่าจะได้รับข้อมูลที่สำคัญข้างต้นเพื่อวิเคราะห์!!! ---- ข้อเทนนิส ไม่รู้โจทย์บิดเบือนมั้ยเรื่องการวอลเลย์ แต่ถ้าเป็นดังนั้นคนเล่นเทนนิสอย่างผมโคตรหงุดหงิด เพราะการวอลเลย์มัทำได้ทุกข้อเลย แต่ว่าถ้าถามว่าควรวอลเลย์แบบไหนคำตอบคือไอ้ควรนี่แปลว่าอะไร การวอลเลย์มันเลือกได้เหรอ เพราะคู่ต่อสู้มันเป็นคนบังคับเราว่าจะส่งบอลแบบไหนมาให้เล่น เราซึ่งอยู่หน้าเน็ตไม่ได้เลือกครับ แต่ถ้าถามว่าวอลเลย์แบบไหนง่ายก็ตอบยากอีก เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับฝีมือและปัจจัยอื่นๆ ลูกลอยโด่งก็ตบลงมาง่าย แต่ถ้าลงลึกก็ยากละ ลูกสูงกว่าเน็ตโดยปกติน่าจะง่ายสุดใน 4 ข้อ แต่ถ้ายิงห่างตัวและเร็วเฟดก็เฟดเหอะ คือถ้าคำถามมาสั้นๆแบบนี้จะตอบว่าควรหรือง่ายก็ไม่มีคำตอบที่ชัด คนตั้งคำถามเหมือนอาจารย์สอนบาสมัธยมผมรึเปล่า สอนบาสแต่ไม่เคยเล่นเป็น จากคุณ : kaka เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 01:19:20 A:58.64.91.25 X: TicketID:253598

ความคิดเห็นที่ 91 รู้สึกโชคดีที่ได้ ent รุ่นสุดท้าย (ปี 48) จากคุณ : Dequardo เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 01:29:35

ความคิดเห็นที่ 92   ทั้งนี้จุดประสงค์ให้เด็กทำข้อสอบ apply มากกว่าท่องจำเป็นสิ่งที่ดีมากๆๆๆครับ แต่คนออกข้อสอบต้องเป็นผู้เป็นคน และออกข้อสอบที่ไม่นำไปสู่การเถียงได้ เช่นข้อสอบวัดแววความเป็นครู อันนั้นเป็นตัวอย่างที่ดีครับ จากคุณ : kaka เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 01:33:26 A:58.64.91.25 X: TicketID:253598

ความคิดเห็นที่ 93 ....... จากคุณ : โลโซแมน เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 01:46:20

ความคิดเห็นที่ 94 เห็นข้อสอบแล้วอึ้ง และงง ถ้าข้อภูเขามีกี่ลูกนั่น ยังไม่เท่าไร่ คงอยากจะให้กะเอา ข้อชีเปลือยก็อาจจะมีหลักการอะไรซักอย่าง ปูโต๊ะก็อาจจะมีอยู่ในหนังสือที่ไหนซักเล่ม แต่ ข้อทำแท้งนี่มันยังไงกัน ไม่ไหวๆ   ที่จริงมีคนคอมเมนต์ว่า  เค้าอาจจะคนที่มีความรู้รอบตัวมากๆตอบได้ ในกระทู้ที่ด๋อยซักกระทู้ แต่ ถ้าแบบนั้นทำไมไม่ออกให้มันกระจ่างๆกันไปเลย จะออก ดวงจันทร์ห่างโลกกี่ปีแสง หรือ อุทุมพร นามสกุลอะไรก็ออกไปสิ มาออกคลุมเครือแบบนี้ ไม่ไหว  ข้อสอบไฟนอลที่โรงเรียนก็เหมือนกันสุขศึกษานี่สุดๆ ยอดเยี่ม ต้องทำความรู้จักกับครูสอนเป็นการส่วนตัวหรือเปล่า ถึงจะได้รู้หลักการในการกำเนินชีวิตของเขา แต่ดีนะที่ไม่ได้สอบปีนี้ ดีใจที่สุดเลย :D จากคุณ : yongiee เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 04:08:46

ความคิดเห็นที่ 95 -*- อีกหน่อย สูงสุดจะคืนสู่สามัญครับ สมัยท่านพ่อท่านแม่พี่ก็วิ่งสอบตามมหาลัยที่ท่านหวัง สมัยนั้นยังขึ้นรถเมล์หวานเย็นวิ่งข้ามจังหวัดอยู่เลย จนเวลาผ่านไปกว่า 50 ปี ทุกวันนี้หลายมหา'ลัยก็กลับสู้ระบบเดิม คือ สอบเข้ารับตรง ใครอยากเข้าคณะไหน มหา'ลัยไหน ก็วิ่งไปสอบเอาเอง สมัยพี่ ('47) ยังพอสบายอยู่ สอบ Ent' + GPAX + PR GPAX พี่ก็ 2.75 นะ แต่ดันอยู่ ร.ร. มหิดลฯ PR เลยเหลือ 0.25 -*- จุดประสงค์ของ GPAX คือ ให้เด็กขยันเรียนในห้องเรียนทำเกรดในโรงเรียนให้ดี แก้ไขปัญหาเด็กไม่เรียนในห้อง มุ่งกวดวิชาสอบ Ent' อย่างเดียว ผล-เด็กนอกจากกวดวิชา Ent'Course แล้ว ยังกวดวิชาเตรียม ม.4-5-6 สอนเนื้อหา ม.4-5-6 แถมมี สรุปเนื้อหา ม.4-5-6 แล้วก็ยังมี Course เตรียม Ent' ไม่พอ ยังมี สรุปแนวข้อสอบพิชิต Ent' อีกตะหาก คะแนนเก็บก็มีแค่สอบ เด็กติวมาก็ย่อมสอบได้เป็นธรรมดา แถมโรงเรียนบางที่ ยัดเนื้อหา ม.6ให้เหลือเทอมเดียว เพื่อให้อีกเทอมเด็กไปกวดวิชา เปิดช่องกันเห็นๆ เพราะสุดท้าย โรงเรียนไหนมีเด็กสอบติดคณะดังเยอะๆ แสดงว่าโรงเรียนนั้นมีคุณภาพ ทั้งๆที่เด็กแม่มก็ไปกวดวิชามา โรงเรียนแค่ให้ที่พึ่งพิงและวุฒิเท่านั้น โรงเรียนดัง เด็กเยอะ เงินหมุน แป๊ะเจี๊ยะ ค่าบำรุงการศึกษา โอ้ว ธุรกิจทั้งนั้น นี่คือค่านิยมของการศึกษาไทยที่หมักหมมมาเป็นเวลานาน แต่หลังจากนั้นน้องพี่เจอระบบ Admission ดีที่เครื่องข่ายมันเยอะ (Eduzone) เลยพอรอดมาได้ พี่ก็คุยกับน้องแล้วนะว่าต่อไปมหา'ลัยจะไม่เชื่อถือระบบคัดเลือกส่วนกลาง เพราะระบบไม่มีความแน่นอนและการวัดผลไม่มีมาตรฐาน สู้ๆครับ แต่ยังไงพี่ขอฝากว่ามหา'ลัยไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเป็นผู้ใหญ่ เด็กจุฬาไม่จำเป็นต้องประสบความสำเร็จ เด็กช่างไม่จำเป็นว่าจะเป็น( ^o^ )เสมอไป ระบบการศึกษาไทยทำร้ายเรามามากแล้วครับ อย่าให้มันทำลายชีวิตเราไปด้วย ตอบ #93 ครับ ทุกวันนี้แยกผ้าสีผ้าขาวก็บุญแล้วครับ 555+ เอาผ้าใส่ถัง ใส่ผงซักผอกที่ช่องผงซักผอก ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มที่ช่องน้ำยาปรับผ้านุ่ม กดปุ่มทำงาน ... นั่งดอทเอซัก 2 เกมส์ ผ้าแห้งพร้อมตาก ps ทำใจครับ หลักสูตรที่เรียนกันอยู่ทุกวันมันปรับปรุงสุดท้ายเมื่อไหร่ก็ไม่รุ ps2 น้ำยาคือน้ำยาอะไรครับ น้ำยาซักผ้า ซักแห้ง หรือปรับผ้านุ่มก็ไม่รู้ ps3 ล้างน้ำ ยิ่งล้างหลายครั้งผ้ายิ่งสะอาด ดังนั้นไม่ตายตัวครับ ps4 มาบ่นให้ฟังว่าปัญหามันมีมานาน เหนื่อยหน่อยนะน้อง เป็นกำลังใจให้น้องทุกคนครับ แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 53 04:16:52 จากคุณ : Choco`Browny (guta_me) เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 04:15:38

ความคิดเห็นที่ 96 ใครที่พูดลอยๆ ว่าเห็นด้วย หรือบอกว่าดีแล้วเป็นวิธีใหม่นี่  ก็ขอให้ลูกๆพวกคุณต้องมาเจอแบบนี้มั่งละกัน ขนาดรุ่นผมตอนนั้น เปลี่ยนจาก GPA5% เป็น 15%  โดยไม่บอกล่วงหน้า ตอนนั้นยังเครียดกันแทบตาย เข้าทำนอง ไม่เจอกับตัวไม่รู้ จากคุณ : m_icehoc เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 07:16:38

ความคิดเห็นที่ 97   ขออย่าประชดกันด้วยเรื่องเป็นเด็กเป็นผู้ใหญ่เลยครับ อ่านกระทู้ก่อน ผมก็รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ผมไม่ได้ติดตามมาก่อนหน้า ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นปัญหาอื่น นั่นคือ "ปัญหาเกี่ยวกับการใช้คะแนน" เห็นพูดกันแต่เรื่องข้อสอบ ผมก็ตอบแต่เรื่องข้อสอบ ตอนหลัง ๆ ของกระทู้นั้นถึงได้เริ่มคลี่คลายว่าปัญหามันไม่ใช่เรื่องข้อสอบ สังเกตจากคำตอบแรก ๆ ของผมในกระทู้นั้นได้ครับ สำหรับเรื่องเกณฑ์ที่ผิดแปลกไปจากเดิม ผมว่าก็ไม่ต่างจากการกำหนดข้อสอบเอ็นท์ในแต่ละปีหรอกมั้ง ผมไม่ทราบว่ามีการรียูสโจทย์ไหม แล้วรียูสนี่เลือกตามใจชอบหรือวัดตามเกณฑ์ทางคณิตศาสตร์ ค่าเบี่ยงเบนอะไรที่มีบางท่านยกมานั่นแหละ ผมก็จำไม่ได้แล้วด้วย ท่านใดที่เอ็นท์ระบบเก่าสุด ที่ไม่รวมพวก GPA ก็กรุณามาช่วยเล่าเท้าความด้วยนะครับ อยากเห็นตัวข้อสอบจริง ๆ เหมือนกันครับ อยากให้เปิดเผย ผิดพลาดน้อยรอดตัว ผิดพลาดมาก อาจต้องมีอะไรออกมาแก้ปัญหา สำหรับคนที่ว่าให้ทำยังทำไม่ได้ ผมว่าถ้าได้อ่านหนังสือมาก่อนสอบ ต้องทำได้บ้างแน่นอนครับ ดูจากข้อสอบในเว็บเด็กดีนะ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนวิชาภาษาไทยที่ผมได้ยกตัวอย่างไป เนื่องจากเป็นวิชาที่ผมถนัด เช่นเรื่องดนตรี เทียบกับวิชาภาษาไทย อาจจะมีร้อยกรองชนิดหนึ่งมาให้จำแนก ก็น่าจะพอได้นะครับ รู้สึกเหมือนบางคนตั้งแง่ไว้ก่อนแล้ว พอเห็นข้อสอบที่กำกวมเพียงบางข้อก็ตัดสินว่ามันไม่ดีไปเสียทั้งหมด แล้วความรู้รอบตัวนี่ ถ้าสมัยนี้วิทยาศาสตร์กับคอมพิวเตอร์อาจจะอัพเดทมากหน่อย ยกตัวอย่างวิทยาศาสตร์ก็ ดาวพลูโตกลายเป็นดาวเคราะห์แคระ สมัยผม ที่ต้องติดตามข่าวสารมาก ๆ จะเป็นวิชาสังคมศึกษากับเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นครับ คือฟังข่าวมาเยอะก็จะทำได้คล่อง มันจึงไม่แปลกที่จะเห็นเรื่องพลังงานทดแทนในข้อสอบคราวนี้ จากคุณ : บัตรผ่านขอแย้ง เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 07:50:08 A:118.172.142.54 X: TicketID:254618

ความคิดเห็นที่ 98   ผมสงสัยว่า ผู้ใหญ่บางคนในนี้ไม่เคยทำข้อสอบเหรอ หรือโรงเรียนที่ผมเคยเรียนมันต่ำกว่ามาตรฐาน เด็กสมัยนี้ครูสั่งแต่งานหรืออย่างไร เจอข้อสอบแปลก ๆ แล้วออกมาพูดเหมือนไม่เคยผ่านมาก่อนซะอย่างนั้น หรือเพราะว่ามีอินเทอร์เน็ตผสมกับอคติเลยตามน้ำกันไป หลายคนก็ผสมโรงดราม่า ทั้ง ๆ ที่เวลาสอบจริงตัวเองก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร จากคุณ : บัตรผ่านขอแย้ง เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 07:58:32 A:118.172.142.54 X: TicketID:254618

ความคิดเห็นที่ 99 "ดูจากข้อสอบในเว็บเด็กดีนะ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนวิชาภาษาไทยที่ผมได้ยกตัวอย่างไป เนื่องจากเป็นวิชาที่ผมถนัด เช่นเรื่องดนตรี เทียบกับวิชาภาษาไทย อาจจะมีร้อยกรองชนิดหนึ่งมาให้จำแนก ก็น่าจะพอได้นะครับ" ขอแย้งคุณ บัตรผ่านขอแย้ง ค่ะ เอ่อ อยากจะบอกว่าถ้าเป็นแนวภาษาไทยอย่างที่คุณว่า เราจะไม่บ่นเลยค่ะ เพราะเราถนัดไทยมาก เราไม่ได้อวดนะ เรื่องกลอนอะไรที่คุณว่าให้แยกว่าเป็นโคลง หรือ ร่าย อะไรเนี่ยค่ะ เราแยกได้ แต่มันเีทียบได้ซะที่ไหนล่ะ ภาษาไทยปีนี้ก็ไม่ได้ออกยา่ก แปลก ประหลาดอะไรอย่างงั้น ไม่มีใครประท้วงเรื่องวิชานี้กันเลยนะคะ อย่าเอาวิชาไทยกับ สุขะพละที่เป็นข้อสอบแบบนั้นมาเทียบกันค่ะ มันคนละเรื่อง =[]=" แย้งแค่คำพูดนั้นแหละค่ะ เหอะๆ ส่วนเรื่องที่ผู้ใหญ่ทั้งหลายที่นั่งบอกว่า "ก็ไม่แปลกนิ วัดความคิด" ขอพูดอีกครั้ง ถ้าเอาข้อสอบมากางให้ดูได้ จะบุกไปเอาแล้วล่ะค่ะ = =" แล้วจะให้คุณมาลองทำดู พูดแบบนี้เดี๋ยวก็หาว่าเด็กก้าวร้าว เฮ้อ เด็กไทย แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 53 08:32:16 จากคุณ : RayChan เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 08:30:03

ความคิดเห็นที่ 100 ดีใจจริงๆที่การเรียกร้องของเราๆเด็กเกรียน นักเรียนติ่ง ประสบผลสำเร็จ ไม่เหนื่อยเปล่ากันแล้ว TwT จากคุณ : โลโซแมน เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 08:50:44

ความคิดเห็นที่ 101 ขอบคุณ คุณ RayChan ที่นำข้อมูลเพิ่มเติมมาโพสต์ค่ะ เพิ่งเห็นแฮะ ว่ามีคนทำไปแล้ว ถ้าซ้ำกับคุณไว้โอกาสหน้า ก็ขอโทษด้วยค่ะ สำหรับในวิชาอื่นๆ เช่น เลข ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย สังคม วิทยาศาสตร์ จะสังเกตได้ว่าไม่ค่อยมีคนออกมาแย้งเรื่องเนื้อหาข้อสอบพวกนี้เท่าไหร่เลยค่ะ ถึงแม้ว่าวิทยาศาสตร์จะออกเกินหลักสูตรพื้นฐาน(ของสายศิลป์)ไปเกินความคาดหมาย แต่มันก็ไม่ได้มีจำนวนที่เยอะเท่าไหร่ เรากำลังวิพากษ์วิจารณ์ถึงคำถามของโจทย์ที่มีความกำกวม ความไม่สมเหตุสมผล เกณฑ์คะแนน(ในแต่ละวิชาเทียบกับปีก่อนๆ) ปัญหามากมายของแอดมิชชั่น เราคิดว่าการที่ผู้ใหญ่จะมองว่า "ก็ไม่แปลกนิ วัดความคิด" มันก็เป็นได้ค่ะ และไม่แปลกอะไรที่ผู้ใหญ่อาจจะมีความคิดเห็นแบบนี้ เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นยังไม่ได้ทำข้อสอบด้วยตนเอง ข้อสอบจริงก็ยังไม่เผยแพร่ และที่พวกเรานำมามันยังไม่ใช่ทั้งหมด สิ่งที่พวกเราพอจะทำได้คือ ค่อยๆอธิบายให้ผู้ใหญ่เข้าใจล่ะค่ะ มันอาจะยากอยู่สักหน่อย ด้วยความห่างชั้นของวัยวุฒิและประสบการณ์ แต่ก็คงต้องพยายาม เชื่อว่าผู้ใหญ่ที่ดียังมีอีกมากค่ะ ปล.เพื่อนๆสู้ๆจ้า จากคุณ : Ganadores เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 09:11:29

ความคิดเห็นที่ 102   ทำไมพอแย้งอะไร ต้องมีคนออกมาแบ่งแยกว่าอันไหนเด็กอันไหนผู้ใหญ่ด้วยนะ ทั้ง ๆ ที่ผมก็ว่าผมเป็นคนที่ไม่มีวุฒิภาวะพอจะเป็นผู้ใหญ่ เพียงแต่อายุเยอะและผ่านมาก่อน ยกเหตุผลมาคุยกันดีกว่านะครับ ถ้าจะให้ลองทำ ขอตำราวิชาต่าง ๆ ที่จะสอบมาให้อ่านล่วงหน้าด้วยนะครับ แต่ผมเรียนห่วยนะ พวกข้อสอบต่าง ๆ ก็ไม่ได้แตะมานานแล้ว ถ้าให้ผมทำคงได้อับอายกันขนานใหญ่ล่ะ หลายท่านในนี้ที่ลองทำดูก็ทำได้ ตอบได้หลายข้อ "อย่าเอาวิชาไทยกับ สุขะพละที่เป็นข้อสอบแบบนั้นมาเทียบกันค่ะ มันคนละเรื่องเรียนล่วงหน้า หรือจะไปเรียนทางเวชศาสตร์ เภสัชศาสตร์ โภชนศาสตร์ได้ จากคุณ : บัตรผ่านขอแย้ง เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 09:12:12 A:118.172.142.54 X: TicketID:254618

ความคิดเห็นที่ 103   ข้างบนโพสท์ไปแล้วย่อหน้าสุดท้ายข้อความไม่ครบนะครับ จาก 3 ย่อหน้า เหลือย่อหน้าเดียว ข้อสอบก็คือข้อสอบครับ เพียงแต่แต่ละวิชามีค่าน้ำหนักต่างกัน สุขศึกษา ช่วยเสริมวิชา ชีวะ และพวกที่จะเรียนต่อตามข้างบนได้ เวลาทำข้อสอบก็ต้องตอบตามสคริปต์ตามตัวเลือกที่มีมาให้ บางคนก็มาบอกว่าในชีวิตจริงตัวเองจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ข้อสอบเลยแย่ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้พยายามเบี่ยงเบนประเด็นกันจัง แบ่งฝ่ายผู้ใหญ่กับเด็กบ้างล่ะ หรืออยากตอบนอกเหนือขอบเขตข้อสอบบ้างล่ะ เวลาจะทำในสิ่งที่ตัวเองชอบล่ะอ้างจังว่าผู้ใหญ่ก็เคยทำมาก่อน ทีเวลาจะทำให้สิ่งที่ตัวเองรับไม่ได้ ก็มาว่าผู้ใหญ่ไม่เข้าใจตัวเอง เวลาทำข้อสอบ โจทย์บอกให้แสดงวิธีทำ ก็ไม่เห็นมีใครหาญกล้าเขียนลงไปว่า ในชีวิตจริงผมใช้สูตรกับเครื่องคิดเลข จากคุณ : บัตรผ่านขอแย้ง เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 09:22:37 A:118.172.142.54 X: TicketID:254618

ความคิดเห็นที่ 104 #98 พอดีผมมีแนวความคิดอย่างหนึ่งครับ แต่ผมขอออกตัวก่อนเลยว่าผมไม่ได้สอบในปีนี้จึงไม่รู้ว่าแนวโน้มข้อสอบเหล่านี้จะเป็นอย่างไร และผมไม่รู้รายละเอียดมากนักหลังการปฏิรูประบบการศึกษา (รู้สึกจะแบ่งกลุ่มวิชาพื้นฐานใหม่ อะไรนี่แหละ) แต่ค่านิยมทางการศึกษาบ้านเรา ณ ตอนนี้ยังคงไม่ต่างไปจาก 5 ปีที่ผม Entrance ก็คือ เรียนเพื่อสอบ ทำยังไงก็ได้ให้ Ent' ได้คะแนนสูงๆ หรือสอบตรงเข้าคณะดีๆ เด็กเกิดการแข่งขันเพื่อปีนไปให้สูงที่สุด "ด้วยความกดดันรอบด้านจากตัวผู้ใหญ่เอง" ผู้ใหญ่หลายคนคาดหวังในตัวเด็ก และพยายามขีดเส้นให้เดินโดยไม่ได้ดูสภาพแวดล้อมของตัวเด็กเอง พยายามกำหนดกฎเกณฑ์นู่นนี่นั่นเพราะตัวเองเห็นว่าดี แต่ไม่เคยดูไปที่เด็กเลยว่าพวกเค้ารับไหวมั้ย เด็กหลายคนทุกวันนี้เป็นแค่ Learned Machine ที่มีความรู้อัดในหัวสำหรับใช้เรียนต่อเท่านั้น เพราะการปลูกฝังของหลักสูตร ผู้ใหญ่ สังคม ที่ยกย่องคนเก่ง มากกว่าคนดี เพราะงั้น ผมจึงคิดว่าอยู่ๆจะมามีข้อสอบพวกจิตวิทยาสังคม จึงยังไม่เหมาะสม ในเมื่อไม่มีการปูพื้นฐานมาแต่เริ่มแรก เพราะเด็กหลายคนในปัจจุบันนี้เป็นพวกฉลาดแต่ในตำราภายใต้การดูแลของพ่อแม่ที่หลงดีใจว่าลูกตนเองเก่งและเป็นผู้นำ (นึกภาพต้นไม้ที่เติบโตภายใต้ไม้ค้ำยันอยู่ตลอดเวลา พอปลดไม้ค้ำยันออกมันก็จะล้ม) ตรงนี้ผ่านไปนะครับ ผมอาจจะรุนแรงไปนิด แต่ประสบการณ์ที่ผมเจอมันเยอะเหลือเกิน เช่น พวกทำดีแลกคะแนน เป็นต้น ไม่เว้นแต่ใน ร.ร.วิทยาศาสตร์อันดับต้นๆ ของไทยเรา กลับมาที่การ Ent' เบื้องต้น ผมคิดว่าการสอบ Ent' ควรจะเป็นการวัดว่าเด็กพร้อมที่จะเรียนในคณะที่เค้าสนใจหรือมหา'ลัยที่เค้าสนใจมากกว่าการวัดว่าเด็กพร้อมจะใช้ชีวิตในสังคมไหม ส่วนความรู้พื้นฐานในสังคมมันจะเกิดจากสภาพสังคม สภาพแวดล้อมของตัวเด็กเอง เพราะยังไงผมก็เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถวัดผลด้วยการทำข้อสอบแบบนี้ สรุปง่ายๆเลยครับ ข้อสอบพวกนี้ผมก็ทำได้ 60%-70% (สังคม สุขฯ) เพราะตอนเรียนผมไม่ได้อยู่ในโลกของการแก่งแย่งแข่งขันทางการศึกษา จึงมีเวลามาศึกษาเรื่องรอบตัว (จริงๆต้องบอกว่า เพราะไม่มีใครทำเรื่องพวกนี้ให้ มีเวลาไปเจอปัญหาด้วยตัวเองมากกว่า) ผมเข้าใจในมุมมองคุณบัตรผ่านฯนะครับ แต่อยากให้มองในมุมมองของเด็กด้วย เพราะเด็กแต่ละคนเติบโตมาไม่เหมือนกัน และจุดประสงค์การวัดการสอบเข้ามหาลัยน่าจะเป็นการวัดประสิทธิภาพของเด็กในการเข้าเรียนต่อเป็นสำคัญ หากมีการวัดผลในเชิงคุณภาพทางสังคมหรือความรู้รอบตัว ผมคิดว่าเรื่องพวกนี้ควรเป็นหลักการกว้างๆที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวันมากกว่า เช่น การซักผ้า ผมยอมรับว่าให้ซักแบบโบราณก็ทำได้ แต่ด้วยสมัยและเทคโนโลยี ก็ควรปรับให้เข้ากับตัวเด็กด้วย ถ้ามองในมุมผม เด็กสมัยนี้เปราะกว่ารุ่นก่อนๆเยอะครับ เพราะคนรุ่นก่อนผ่านอะไรมามาก เด็กสมัยนี้เค้าเกิดมาภายใต้ความสำเร็จรูป ทั้งการใช้ชีวิต ทั้งการศึกษา ถ้าอยากให้เด็กเราเ่ก่ง มีความคิด ก็คงต้องมองเมืองนอกแหละครับ เค้าสอนให้เด็กทำอะไรด้วยตัวเอง แต่บ้านเรามันไม่ใช่ พิมพ์ไปพิมพ์มาก็ยาวเลย น้ำทั้งนั้น... สรุปอีกที... - เด็กเห็นว่าข้อสอบไม่เป็นธรรมและกลัวว่าจะส่งผลต่อคะแนนที่จะใช้ในการยื่นเข้ามหา'ลัยจึงมาหาที่พึ่ง ผมเข้าใจครับ และเป็นกำลังใจให้ แต่ขอติว่าเรื่องพวกนี้บางเรื่องน่าสนใจและน่าเรียนรู้ แค่ว่าผมไม่เห็นด้วยกับการนำมาใส่ในข้อสอบชี้วัดแบบนี้ - อยากเห็นข้อสอบตัวเต็มครับ ผมพยายามไม่พูดถึงเนื้อหาข้อสอบเพราะยังไม่เห็น - อยากให้ทีมงานเกี่ยวข้องออกมาอธิบายถึงความคาดหวังจากการทำข้อสอบ และรูปแบบการชี้วัดในแต่ละส่วนมีความสำคัญอย่างไร ไม่อยากให้คิดแค่ว่า "ต้องยากไว้ก่อน" ps admission เค้าก็คล้ายๆเรา แต่เหมือนเค้าจะมีมาตรฐานกว่า เช่น ถ้าเราอยากเรียนต่อ เราก็ไปสอบวัดความรู้พื้นฐานกับองค์กร เช่น Collegeboard แล้วเราก็เขียน email ไปหามหาลัยพร้อมแนบผลการสอบ มหาลัยก็จะตรวจสอบข้อมูล GPA อะไรนักหนาก็ไม่รู้กับ Collegeboard แล้วเค้าก็จะส่งรายละเอียยดกลับมาหาเรา แต่เนื่องจากผมก็ไม่เคยเรียนเมืองนอกเนอะ บ้านจน เลยไม่รู้อะไรมาก [EDIT] ผมพึ่งเห็นว่ามาคนมาเพิ่มเติม ผมลืมบอกไปว่า...เด็ก >> ผู้ที่ทำข้อสอบครับ ส่วนผู้ใหญ่ คือผู้ที่นอกเหนือจากนั้น ผมอาจจะใช้คำไม่ครบคือ น่าจะแยกเป็นผู้ออกข้อสอบกับผู้ปกครองอีก แล้วก็ที่ผมออกมาพูด ไม่ได้เห็นด้วยว่าเด็กไม่ควรมีการศึกษาความรู้รอบตัว แต่ผมแค่สงสัยถึงจุดประสงค์ของผู้ออกข้อสอบและมองไม่เห็นผลการประเมินที่จะเกิดจากข้อสอบในลักษณะนี้ และส่วนหนึ่ง สงสารเด็กครับ พวกข้อสอบที่ 1 ข้อมีหลายคำตอบเี่นี่ย ยอมรับว่ามันต้องแม่นจริงๆ อาจจะป้องกันพวกดวงดีหลุดรอดไป แต่บางทีอยากให้นึกว่ายังไงก็ไม่อยากให้ใจร้ายกับเด็กมากเกินไปครับ ตราบใดที่การศึกษาไทยยังคงมีช่องว่างมากแบบนี้ ส่วนเรื่อง weight ของคะแนน ผมไม่ทราบครับ ขออภัยที่ออกมาตอบโดยไม่ศึกษาข้อมูลในส่วนนี้ แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 53 09:33:16 แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 53 09:34:31 จากคุณ : Choco`Browny (guta_me) เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 09:26:56

ความคิดเห็นที่ 105 ถ้าจะให้ลองทำ ขอตำราวิชาต่าง ๆ ที่จะสอบมาให้อ่านล่วงหน้าด้วยนะครับ ไม่มีครับ ตำรา แล้วเด็กก็ไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะสอบแบบนี้ ถ้าคุณบัตรผ่านจะทำ ขอให้อยู่ในสภาวะการณ์เดียวกันครับ จากคุณ : โลโซแมน เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 09:37:40

ความคิดเห็นที่ 106 อืม ตามที่คุณ บัตรผ่านขอแย้ง บอกว่า มันเป้นการแบ่งฝ่ายเด็กและผู้ใหญ่ ตรงนี้บอกตรงๆเลยนะคะว่า มันเป็นการยากที่เราจะมองข้ามตรงนี้ไป เพราะหลายๆคน แม้แต่คุณและเราเองลึกๆมันมีพื้นฐานความคิดมาจากตรงนี้ค่ะ ส่วนข้อสอบที่ว่าทำไมถึงอยากตอบเหนือขอบเขตข้อสอบ ในบางข้อ เกินขอบเขตก็จริงค่ะ แต่ต้องรู้ด้วยว่า อะไรทำให้พวกเขามีแนวคิดที่ว่าข้อนี้มันเกินขอบเขตนะ ข้อนี้มันกำกวมนะ ข้อนี้มันไม่ชัดเจน ไม่สมเหตุสมผล และในหลายๆข้อ มันไม่ได้เกินขอบเขตที่โจทย์ให้มาเลยค่ะ   เช่น ข้อ ฮันนีมูน ที่ตัวข้อสอบกำกวม ดิ้นได้หลายคำตอบในตัวเลือก ข้อสอบอื่นๆที่ดีในวิชาเลข และอื่นๆไม่ได้กล่าวถึง อาจเป็นฝ่ายพวกเราเองที่ผิด ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับส่วนดีของข้อสอบก็ได้ค่ะ ยอมรับว่าเราผิดในส่วนนั้นจริง ส่วนที่ว่าไม่มีใครหาญกล้าเขียนลงไปนั่น เพราะว่าเขียนลงไป ก็ได้ 0 จากคุณ : Ganadores เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 09:39:01

ความคิดเห็นที่ 107 ชุด allinone มันคืออะไรหว่า - -* จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 09:46:18

ความคิดเห็นที่ 108   ข้อสอบควรวัดความรู้ไม่ใช่ความคิด โลกเรานี้มีเรื่องไหนที่ทุกคนคิดเหมือนกันบ้าง การที่คนออกข้อสอบวัดความคิด ผมว่าผิดถนัดจริงๆ ไม่เช่นนั้นคงต้องเปลี่ยนหัวข้อคำสั่ง จากเลือกข้อที่ถูกต้อง เป็นข้อที่ถูกใจ จากคุณ : artherius เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 09:59:32

ความคิดเห็นที่ 109 วันก่อนเล่าให้พ่อฟัง เรื่องข้อสอบที่ว่าร้องเพลงเกี่ยวกับพุทธศาสนา(พ่อผมเป้นกรรมการศาสนาครับ ไม่ใช่กรรมการของวัดนะ) พ่อบอกว่าจริงๆ พระพุทธศาสนา ห้าม ห้ามดูห้ามฟัง พวกละคร พวกเพลงดังที่ร้องในศาสนาคริสต์ ดังนั้นพวกเพลงอะไรเหล่านั้นไม่เหมาะสมหมดเลย ที่จะร้องได้จริงๆ มีอย่างเดียว ซึ่งร้องกันมานานแล้วในวัด คือ สรภัญญะ หรือแหล่ ซ฿่งเป็นทำนองของบทสวดมาแต่ดั้งเดิม ประเภท โจ๊ะพรึมๆน่ะ ผิดหลัก เห้นด้วยกะครูอุ๊นะครับว่า เอนท์แบบเดิมเนี่ยดีที่สุดแล้ว ยิ่ง สอบแข่งกันเป้นปีๆยิ่งดี เพราะมาตรฐานข้อสอบแต่ละปีไม่เหมือนกัน ใครจะซิ่ว มาสอบใหม่วัดกันด้วยข้อสอบใหม่แข่งกับน้องเลย ใครเก่งกว่า ตรงกว่าก้ได้เข้าเรียน เท่านั้นเอง อยู่ที่ฦศักยภาพล้วนๆ ไม่มีการได้เปรียบเสียเปรียบ จากคุณ : The Omens เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 10:27:35

ความคิดเห็นที่ 110 อยากรู้ค่าระดับความยากง่าย  และค่าอำนาจจำแนก   ของข้อสอบอังกฤษ 16 ตัวเลือก  และข้อสอบสังคมที่มีข้อถูกมากกว่า  1  ข้อ ถ้าเด็กเข้าสอบ  1  แสนคน  ต้องมีคนตอบถูก  20,000-80,000 คน  จึงจะนับเป็นข้อสอบที่ใช้ได้ คิดเล่น ๆ ว่าค่าอำนาจจำแนกของข้อสอบสองแบบนี้  น่าจะติดลบด้วยซ้ำ  ซึ่งแปลว่าใช้ไม่ได้ ถ้าคุณบอกว่าไม่ได้ออกข้อสอบตามกระบวนการนี้   ช่วยมารื้อระบบการออกข้อสอบของครูในประเทศไทยก่อน  จะได้ใช้หลักการเดียวกัน  ในการออกข้อสอบ เด็กไม่ใช่หนูทดลอง  เขาเป็นลูกหลานของเรา  ถ้าเขาคิดไม่เป็น  สร้างสรรค์ไม่เป็น ก็ไม่ใช่ความผิดของเขา  แต่เป็นผลิตผลจากความล้มเหลวของพวกเราที่เป็นผู้ใหญ่ต่างหาก แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 53 10:42:54 จากคุณ : jedi-jaidee เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 10:42:29

ความคิดเห็นที่ 111 สำหรับข้อสอบที่เก็บผลใช้ข้ามปีได้ ความคงที่ของคะแนนจำเป็นมากในแต่ละรุ่น ปี 51 ข้อสอบวิชา A Mean 50 SD 15 กับ ปี 52 ข้อสอบวิชา A Mean 70 SD 15 ถามว่า นาย ก ได้ปี 51 70 คะแนนกับ นาย ข ได้ปี 52 70 คะแนนใึครเก่งกว่ากัน? ถ้าเราอยู่บนพื้นฐานว่าความสามารถของเด็กปีต่อปีแปรผันน้อย ต้องตอบว่า นาย ก เก่งกว่า 70 คะแนนในปี 51 เขาอยู่ถึงเปอร์เซนไทล์ที่ 91 ในขณะที่นาย ข อยู่แค่เปอร์เซนไทล์ที่ 50 การออกข้อสอบที่มีการแปรผันมาก หากไม่มีการปรับผลคะแนนข้ามปี ข้อสอบนั้นล้มเหลวในวัตถุประสงค์คัดเด็กเข้ามหาวิทยาลัยแล้วตั้งแต่ต้น ไม่ต้องดูเรื่องอื่นเลยด้วยซ้ำ จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 10:49:37

ความคิดเห็นที่ 112 นั่นสิครับ แค่ดูคำตอบ ในใจผมก็คิดว่า Alll in one มันคืออะไรวะครับ อย่างนี้จริงๆครับ ปล.ผมโดน แอดมิชั่นรุ่นแรก รุ่นที่คะแนนไม่ออก มั่ว ไม่ตรง คะแนนหาย สอบไปเหลือ 0 ชีวิตเอ็นแขวนรออยู่บนเส้นด้ายว่าจะรอคะแนนดี หรือสอบตรงดีอะครับ -*- จากคุณ : chinjungza เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 10:50:52