 |
ความคิดเห็นที่ 41 |
|
ของออสเตรเลียก็คล้ายๆอย่างนี้ครับ แต่ผมเรียนแค่ 6 วิชา เวลาสอบเข้ามหาลัยเขาจะนับวิชาแกนหลัก (ที่รัฐผมเรียก TEE )เช่นเลข, บัญชี, แคลคูลัส เศรษฐศาสตร์ ส่วนอังกฤษ( as a second language) และ Information system ผมไม่นับ
ดังนั้นเวลากิจกรรมมีเยอะมาก เพื่อนผมรุ่นเดียวกันมีทั้งนักกีฬาระดับประเทศ นักดนตรีและนักแสดง เพราะเด็กมีคุณภาพไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กที่เข้ามหาลัยฯอันดับต้นๆเท่านั้น คนที่ตั้งใจไปทางนั้นเขาก็จะเลือกเรียนวิชาที่เขาต้องการ (Non- TEE) ซึ่งมีตั้งแต่การแสดง ดนตรี ช่างไม้ ช่างเหล็กไปจนถึงวิชาการบิน บ่ายวันศุกร์จะเป็นเวลา activities ผมเลือกตีกอล์ฟ ขำๆ เช้าวันเสาร์จะเป็นการแข่งกีฬาระหว่างโรงเรียน ร้อยละ 80 ของเด็กจะเกี่ยวข้องกับการแข่ง เพราะมีกีฬาหลายชนิด แต่ละชนิดก็มี team ABC ยังไงก็ติด ถ้าไม่ติดก็เป็นเด็กถือน้ำ กรรมการยกธง ฯลฯได้
ตอนที่ทำก็เป็นอัตนัย บวก true false หร้อมให้เหตุผล ของฝรั่งแสดงความคิดเห็น และแสดงลำดับตรรกะวิธีการคิด รู้ไม่จริงไม่มีทางตอบได้หมด เป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่า score distribution เป็นรูประฆังมากกว่าของไทย ที่คะแนนมีแต่ A กับ B ระดับกลางๆไม่มี ไม่มีทางที่เด็กจะมั่วได้ เว้นแต่ว่ารู้จริง
ตอบเรื่องวิธีการตรวจ เขามี guideline ในการตรวจอยู่ครับ เช่นว่าสมมติวิชาเลขลำดับขั้นตอนที่จะต้องทำมีอยู่ 4 ขั้น เขาอาจจะให้ขั้นละคะแนน บวกคำตอบอีกหนึ่ง เพราะฉะนั้นถ้าตัวเลขคำตอบถูก แต่ขั้นตอนไม่ถูก ตรรกะไม่ได้ ก็จะได้แค่คะแนนเดียว หรือถ้าตรรกะถูก แต่ระหว่างที่ทำขั้นตอนที่สองเผลอไปหารผิดตัว ทำให้ที่เหลือผิดหมด เขาก็จะหักไปแค่คะแนนเดียว ที่เหลือเป็นคะแนน follow through
ในกรณีที่เป็นวิชา information system อาจจะให้ลำดับขั้นตอนการขายซีดีมา แล้วให้เด็กวาด flowchart เขาก็จะติ๊กแต่ละจุดว่าจุดนี้ๆได้กี่คะแนน ว่ากันไป
วิชา Economics จะเป็น essay พร้อมกับวาดกราฟประกอบ ก็ดูแต่ละจุดว่าพูดถึงประเด็นที่ต้องการให้พูดหรือไม่ ถ้ามีก็คิดเพิ่มไปตามประเด็นที่มี วิชานี้การที่จะได้คะแนน 80%นี่หินมากๆครับ logic ทุกอย่างต้องเป๊ะ label กราฟห้ามเพี้ยน
ข้อสอบบัญชี (วิชาที่สมควรเป็นอัตนัยที่สุด) ให้รายละเอียดมาว่าทั้งปีมี transaction อะไรบ้าง แล้วให้เขียน profit&loss statement, balance sheet แล้วก็ cashflow ก็คิดไปตามตำแหน่งเอา A/R ถูกต้อง เอาไปหนึ่งคะแนน ฯลฯ ของไทยที่เคยเจอตอนเรียนป.โท ม.สีชมพู ถามว่าอันนี้ต้องลงอะไร ก.สินทรัพย์ ข. ส่วนของเจ้าของ ฯลฯ ไม่อยากจะพูดว่าข้อสอบห่วยกว่า year 12 ของออสเตรเลียอีก วัดอะไรได้มั่งก็ไม่รู้
เวลาตรวจไม่นานมากครับ สมมติผู้ตรวจคนนึงตรวจคำตอบคำถามเดียว มีไกด์ไลน์อะไรให้หมดแล้ว ตรวจคนนึงใช้เวลาไม่เกินสองนาทีหรอกครับ
วิชาเศรษฐศาสตร์ฺกับบัญชีของผมนี่เทียบเท่ากับของมหาลัยปีหนึ่ง ใครที่จะดูถูกว่าฝรั่งเรียนง่าย เรียนน้อยแค่6วิชา ผมกล้าพูดว่าไม่จริง เพราะเขาสอนให้พวกผมรู้ลึก และรู้จริง ไม่ได้สอนให้เป็นเป็ด รู้ไว้ใช่ว่าฯ
ของรัฐผมจะเอาเกรดของรร. 50% และเกรดของการสอบใหญ่ปลายปีสุดท้ายอีก 50% เสร็จแล้วจะเอาคะแนนมาเกลี่ยกันทั้งรัฐ คนที่เก่งกว่าเท่านั้นที่จะเข้ามหาลัยคณะดีๆได้ (แต่ต้องมีวิชาที่เขาต้องการด้วย) ผมไม่ได้ลงวิทยาศาสตร์ เลยไปเข้าบัญชี ส่วนคนที่ด้อยกว่าก็ไม่เป็นไร ไปเรียนปูพื้นหรือไปสายอาชีพ ทำงานอะไรอื่นๆ ก็เป็นคนที่มีคุณภาพของสังคมได้ ไม่เห็นเป็นอะไร ไม่มีใครดูถูกคนที่ไม่ได้เข้ามหาลัยว่าโง่ เพราะคนเรามีความสามารถไม่เหมือนกัน
ส่วนของมหาลัยฯ หายห่วงครับ ความยากทวีคูณ ถึงเวลาสอบต้องรู้จริงเท่านั้นถึุงจะจบ แค่ยืมซีรอกส์ชีทเพื่อน เกาะกลุ่มเพื่อนทำรายงาน ให้เพื่อนติวแนวข้อสอบ ไม่มีทางจบครับ
จากคุณ |
:
k3v1n
|
เขียนเมื่อ |
:
1 มี.ค. 53 15:35:56
|
|
|
|
 |