ความคิดเห็นที่ 1   อันดับ 10 ฟรานซิส เบคอน(Francis Bacon) 22 มกราคม 1561-9 เมษายน 1626 เขาเป็นรัฐบุรุษ,นักปราชญ์, นักแต่งร้อยแก้วชาวอังกฤษ อีกทั้งเป็น นักคิดแบบวิทยาศาสตร์ที่พยายามค้นหาความลับของจักรวาล แต่ไม่ทันได้คำตอบเขากลับต้องมาตายเสียก่อน ที่จริงตอนที่เกิดเหตุเขาก็อายุมากแล้วนะครับ อายุตั้ง 65 ปีแล้ว คือ เมื่อ ปี 1626 วันนั้นเขานั่งรถม้าไปถนนไฮเกทซึ่งเป็นวันที่หิมะตกหนัก ความหนาวและความเงียบเหงาทำให้เขาเกิดสังเกตล้อรถเมื่อบดหิมะกระจาย เผยให้เห็นต้นหญ้าเขียวขจีข้างใต้ และเกิดความสงสัยว่าทำไมต้นหญ้าโดนหิมะปกคลุมตลอดหน้าหนาวแล้วทำไมยังเขียวและสดอยู่ได้ เบคอนจึงสันนิษฐานว่าความเย็นคงเป็นตัวการรักษาความสดนั้นไว้                เบคอนสั่งหยุดรถที่จัตุรัสพอนด์ เขาให้คนขับซื้อไก่จากชาวบ้านแถวนั้นตัวหนึ่ง จัดการเชือดไก่ถอนขนเอาเครื่องในออกหมด จากนั้นท่ามกลางความประหลาดใจของคนมุงดู เบคอนก้นลงเอาหิมะยัดใส่ในท้องไก่ พอเสร็จงานก็เอาไก่ใส่กระสอบและกวาดหิมะใส่กระสอบอีกจนเต็ม               ในขณะที่เขาจัดการไก่อยู่นั้น ทันใดนั้นเองเบคอนก็เกิดอาการสั่งสะท้านเขาล้มลงบนพื้นหิมะ เขาถูกส่งตัวไปรักษาและเสียชีวิตในสองวันต่อมา สรุปคือผลการทดลองล้มเหลว แถมคนต้นคิดก็มาตายอีก......เออ.....                มีเรื่องเล่านิดๆ หน่อยๆ หลังจากที่เบคอนตาย มีการพบวิญญาณไก่ที่เบคอนฆ่าที่ออกมาในรูปไก่ถอนขนในสวนจัตุรัสแห่งนั้นปรากฏอยู่ในแสงจันทร์ และมันยังคงสิง ณ ที่แห่งนั้นเป็นเวลานานจนถึงปัจจุบัน จากคุณ : เจ้าสมุทร เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 11:42:01

ความคิดเห็นที่ 2   อันดับ 9 ฮอเรซ เวลส์ (Horace Wells) 21 มกราคม 1815 – 24 มกราคม 1848 ทันตแพทย์แห่งอเมริกา เกิดที่รัฐเวอร์มอนท์ เขาเป็นผู้บุกเบิกเรื่องยาชา-ยาสลบ(Anesthesia)เพื่อได้นำมาใช้ในการถอนฟันโดยไม่เจ็บ เลยทีเดียวครับ เดิมเค้าเป็นหมอฟัน และหันมาสนใจเรื่องยาชาอะไรพวกนี้ สมัยนั้นก็คือแก๊วหัวเราะนั่นเอง เค้าก็หมกมุ่นอยู่กับการทดลอง จนผลที่ได้มีแต่ล้มเหลว อย่างไรก็ตามก็ทำให้เรารู้จักคำว่า คลอโรฟอร์ม(Chloroform addiction) ซึ่งเป็นยาชาชนิดหนึ่ง ซึ่งเขาได้ไปเห็นนักเคมีชื่อ Colton บริการให้ลูกค้าเสพ Nitrous Oxide หรือก๊าซหัวเราะ(เก็บเงินคนละ ยี่สิบห้าเซ็นต์) แต่แทนที่คนเสพจะเคลิ้ม จะขำ กลับอาละวาด  ขาไปเตะโต๊ะเป็นแผลใหญ่โต แต่ไม่เจ็บ เพราะในขณะที่ก๊าซกำลังออกฤทธิ์ ฮอเรซ เวลส์ เห็นเหตุการณ์นี้ โอ้...ปิ๊งไอเดียเขา เริ่มใช้ก๊าซ Nitrous Oxide เพื่อระงับความเจ็บปวดในการถอนฟัน ประกาศโฆษณา การถอนฟันโดยไม่เจ็บปวด และนำไปแสดงต่อมหาวิทยาลัย Harvard และ โรงพยาบาล Massachusetts แต่ก็เกิดเรื่องผิดพลาดจนได้ เมื่อฮอเรซ เวลส์ ไม่สามารถควบคุมปริมาณก๊าซ Nitrous Oxide ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ผู้ป่วยตื่นขึ้นระหว่างถอนฟัน ร้องโหวกเหวก ฮอเรซ เวลส์อับอายขายหน้าต่อธารกำนัล อย่างมาก จนเป็นคนล้มเหลวในชีวิต ต่อมาในปี 1848 ฮอเรซ เวลส์ กำลังทดลองเรื่องคลอโรฟอร์ม (Chloroform addiction) เขาทดลองกับตัวเอง จนเป็นคนติดคลอโรฟอร์ม เขาโมโหร้ายสาดกรดใส่หน้าหญิงโสเภณี สาวสองคน ศาลตัดสินว่าป่วยทางจิต เองก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ก็เลยตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยการเสพคลอโรฟอร์ม และที่แย่กว่านั้น คือ ผู้ป่วยคนที่ร้องโหวกเหวกในตอนที่เขาสาธิตนั้น สารภาพว่าที่จริงเขาแล้วมิได้เจ็บปวด แต่ตกใจที่ตื่นมาระหว่างการถอนฟัน และจำความเจ็บปวดของครั้งก่อนๆมามากกว่า จากคุณ : เจ้าสมุทร เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 11:43:24

ความคิดเห็นที่ 3   อันดับ 8 ทิโค บราห์ (Tycho Brahe) 14 ธันวาคม ค.ศ. 1546 –  วันที่ 24 ตุลาคม 1601 เป็นนักดาราศาสตร์เดนมาร์กที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในสมัยก่อน  ตลอดช่วงชีวิตของทิโค เขาได้ประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือวัดทางดาราศาสตร์ขึ้นมากมาย เครื่องมือเหล่านั้นมีความแม่นยำในการวัดสูงมาก  ถึงแม้ว่าเครื่องมือวัดเหล่านั้นจะมีขนาดใหญ่มากก็ตาม และเขาเป็นเจ้าของทฤษฏีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นก ฎการ เคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ในสุริยจักรวาล,แรงดึงดูดของโลกอีกด้วย ทิโค บราห์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 1601  ก่อนหน้านั้นนั้นเขามีปัญหาเรื่องกระเพาะปัสสาวะที่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ วันหนึ่งในงานเลี้ยง เขาเกิดปวดฉี่ในระหว่างรับประทานอาหารขึ้นมา ด้วยความที่เขามีมารยาทและเกรงใจบรรดาแขกในงาน เขาเลยกลั่นฉี่และทนนั่งต่อไป  จนเป็นเหตุทำให้เขาเกิดอาการฉี่ไม่ออก เขาทรมานถึง 11 วัน ก่อนที่กระเพาะปัสสาวะจะแตกและตาย แต่กระนั้นการตายของเขาก็ยังคงสัปสนถึงปัจจุบัน เพราะว่ามีหลายทฤษฏีที่มีข้อสันนิษฐานเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเพราะ พิษปรอท หรืออาการ Hyponatremia หรือโรคเส้นโลหิตกันแน่?? จากคุณ : เจ้าสมุทร เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 11:45:58

ความคิดเห็นที่ 4   อันดับ 7 อัตติลา หรือ อัตติลาเดอะฮั่น ( Attila the Hun) ค.ศ. 406 – ค.ศ. 453 เป็นจักรพรรดิแห่งชนฮั่นผู้ครองจักรวรรดิฮั่นระหว่าง ค.ศ. 434 ที่เป็นจักรวรรดิสร้างความหวาดหวั่นมากที่สุดให้แก่ทั้งจักรวรรดิโรมันตะวันออก และจักรวรรดิโรมันตะวันตก พระองค์ทรงรุกรานประเทศต่างๆ ด้วยวิธีการโหดร้ายจนเป็นที่สะพรึงไปทั่วยุโรป การตายของอัตติลานั้นค่อนข้างสับสน คือเมื่อ ค.ศ. 453 ในการเลี้ยงเพื่อเฉลิมฉลองการแต่งงานครั้งล่าสุดของเขากับสตรีสาวสวยอิลดิโค เขาดื่มน้ำจัณฑ์(เหล้า) เป็นจำนานมาก พอมาถึงห้องหออัตติลามีอาการตกเลือดกำเดาออกทางจมูกเป็นอย่างมาก และสำลักจนสิ้นพระชนม์(นอนจมกองเลือดตาย) มีทฤษฎีหนึ่งที่จะสันนิษฐานการตายของเขา บ้างก็ว่าพระองค์ทรงประชวรด้วยเลือดออกภายใน ด้วยอาการที่เรียกว่า หลอดเลือดขอดในหลอดอาหาร (esophageal varices) เมื่อหลอดเลือดขยายตัวในบริเวณตอนล่างของหลอดอาหารแตกที่ทำให้เสียชีวิตจากการเสียเลือด ส่วนอีกทฤษฎีหนึ่งที่บันทึกราว 80 ปีหลังจากการเสด็จสวรรคตโดยนักบันทึกประวัติศาสตร์โรมันกล่าวว่า “อัตติลากษัตริย์ของชนฮั่นและผู้ทำลายเมืองต่างๆ ในยุโรป ทรงถูกแทงโดยมีดของพระมเหสี จากคุณ : เจ้าสมุทร เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 11:48:55

ความคิดเห็นที่ 5   อันดับ 6 คลาวดิอุส (Claudius) 1 สิงหา 10 BC - วันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 54 จักรพรรดิ แห่งโรมันซึ่งเป็นพระญาติของเนโร เขาหวาดกลัวเรื่องการวางยาพิษมาก โดยเฉพาะยาพิษที่มากับอาหาร ดังนั้นคลอดิอุส มักมีนักชิมส่วนตัวอยู่ข้างตัวตลอดเวลา คอยทำหน้าที่กินอาหารและดื่มเครื่องดื่มทุกอย่างทีละนิดทีละน้อยเพื่อมั่นใจว่าไม่มียาพิษในอาหาร ซึ่งก่อนชิมอาหารทุกมื้อ เขาจึงคอยดูคนรับใช้ของเขาชิมอาหารเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ จากนั้นก็รอไป...หนึ่งชั่วโมงเต็ม เพื่อมั่นใจว่าไม่มีพิษในอาหารของเขาจริงๆ แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้แม่ของเนโรที่ชื่ออกริบปิน่าต้องกังวล หล่อนต้องการให้เนโรเป็นจักรพรรดิ  หล่อนจึงวางแผนลอบสังหารคลาวดิอุส โดยหล่อนวางแผนซื้อตัวคนรับใช้ชิมอาหารของคอลอดิอุสเอาไว้ และวันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 54 เป็นวันวางแผนฆ่าคลาวดิอุส อย่างแยบยล ครั้งแรกพวกเขานำเห็ดฉ่ำๆ นุ่มๆ ซึ่งเป็นอาหารจานโปรดของคลาวดิอุส มาเสริฟ์ โดยวางยาพิษชนิดอ่อนๆ ไม่ถึงกับตายลงในเห็ด ซึ่งก่อนหน้านั้นอกริบปิน่าได้ติดสินบนคนรับใช้ชิมอาหารให้เล่นละครแห่งความตาย โดยวางแผนว่าหลังจากที่ฮาโลตัสกินเห็ดนี้แรกๆ ต้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  และเมื่อพระองค์เสวยอย่างเอร็ดอร่อยจนเกือบหมด ก็ให้คนรับใช้ชิมอาหารดิ้นทุรนทุรายเสมือนกับว่าเหมือนโดนยาพิษเข้าไป ซึ่งมันจะทำให้คลาวดิอุสเชื่อว่าตนเองกินยาพิษแบบคนรับใช้ชิมอาหารเข้าไปด้วย  ด้วยความกลัวเรื่องยาพิษของสมอง ไม่นานนักพระองค์ก็รู้สึกตัวว่าอาการไม่ดี และดิ้นรนทุรายทั้งๆ ที่พิษที่พระองค์โดนเป็นพิษอ่อนๆ ไม่ถึงตาย พระนางเห็นพระสาวมีเป็นเช่นนี้ จึงเรียกแพทย์ซีโนเฟนมาช่วยดูอาการ และแพทย์คนนี้ก็เป็นหนึ่งในส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ด้วย ซีโนโฟนทำเป็นช่วยล้างกระเพาะให้พระองค์ แต่จริงๆ แล้วกลับเอาขนนกอาบยาพิษร้ายแรงกวาดพระศอ ส่งผลให้พระจักรพรรดิชักดิ้นชักงอสิ้นพระชนม์อย่างทุรนทุรายในทันที และเมื่อจักรพรรดิคลาวดิอุส ถูกลอบฆ่า จนเสียชีวิต เนโรจึงได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิปกครองจักรวรรดิโรมันในเวลาต่อมา (อย่างนี้ต้องเรียกว่า อุปทาน) จากคุณ : เจ้าสมุทร เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 11:56:46

ความคิดเห็นที่ 6   ปาดดดดดดดด จากคุณ : bell4210 (the world is beautiful) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 11:57:03

ความคิดเห็นที่ 7   อันดับ 5 ดอน คาร์โลส(Don Carlos) ปี ค.ศ.1548 - ค.ศ.1568 เป็นพระโอรสของพระเจ้าฟิลิปป์ที่ 2 แห่งสเปน (Philippe II of Spain) ผู้มีสิทธิครองบังลังก์ต่อจากพระบิดา แต่เพราะดอน คาร์โลสมีอาการวิกลจริต พระบิดาเลยสั่งเขาขังในป้อมอัลคาซาร์โดยมีทหารยามควบคุมอย่างแน่นหนา   ในฤดูร้อนของปี ค.ศ.1568 เป็นช่วงที่สุดแสนจะทรมานยิ่งสำหรับเจ้าชายหนุ่มที่กักขังในหอคอยที่แทบไม่มีหน้าต่าง ท่ามกลางความร้อนที่แผดเผาและอบอ้าวของแสงแดดสเปน ดอน คาร์โลสทรงให้นำน้ำเย็นและก้อนน้ำแข็งเข้ามาราดรดพื้นห้องให้เย็นลง พระองค์โปรดเสวยแต่ผลไม้ไปหลายวันเพราะความร้อนทำให้ทรงเบื่ออาหาร แต่ในที่สุดก็ทรงหิวโหยจนทานทน จึงขอให้ส่งอาหารพวกเนื้อและแป้งมาเสวยบ้าง ทางห้องเครื่อง จึงได้ทำพายขนาดใหญ่ที่ยัดไส้ด้วยไก่งวง 4 ตัวและปรุงรสด้วยเครื่องเทศรสจัดที่สุด(อยากรู้ว่าดอน คาณ์โลสหรือเป็นคนสั่งหรือว่าพ่อครัวทำอาหารนี้ตามใจชอบหว่า) แน่นอนว่าเจ้าชายเสวยพายยักษก้อนนั้นจนหมดเกลี้ยง เครื่องเทศรสจัดทำให้ทรงกระหายน้ำอย่างยิ่งจึงได้เสวยและดื่มน้ำเย็นจัดหลายสิบลิตรอย่างไม่บันยะบันยังทำให้ร่างกายของพระองค์ที่อ่อนแออยู่แล้วยิ่งทรงทรุดหนักลงไปอีก พระองค์เริ่มประชวรหนักตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ.1568 และสิ้นพระชนม์ลงอย่างทุกข์ทรมานในอีก 5 วันต่อมาโดนมิได้เห็นพระพักตร์พระบิดาครั้งสุดท้ายตามที่ร้องขอ สรุปคือดอน คาร์โลสจบพระชนม์ชีพลงเพราะเสวยจนเกินขนาดนั้นเอง จากคุณ : เจ้าสมุทร เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:01:51

ความคิดเห็นที่ 8   อันดับ 4 สมเด็จพระราชาธิบดีอดอล์ฟ เฟรดเดอร์ริค(King Adolf Frederick of Sweden) 14 พฤษภาคม 1710 – 12 กุมภาพันธ์ 1771 ทรงเป็นกษัตริย์ปกครองสวีเดนตั้งแต่ 1751-1771 มีอำนาจทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นที่สภาสูง ความจริงในเว็บเขียนว่าเขากินพุดดิ้งเกินขนาดนั้นแต่นั้นก็ไม่ทั้งหมด เพราะพระเจ้าเฟรดเดอร์ริคนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นคนกินจุและหัวแข็งมาก ใครเตือนอะไรก็ไม่ฟัง ซึ่ง 12 กุมภาพันธ์ 1771 ในพระยาหารมื้อกลางวัน พระเจ้าเฟรดเดอร์ริคในตอนนั้นมีอายุมากแล้วได้เสวยอาหารหรูต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป้นกุ้งก้ามกลาม, ไข่ปลาคาเวียร์,กะหล่ำปลีดอง (ของเยอรมัน),,เนื้อปลารมควัน ตามด้วยเหล้าเชมเปญ ต่อด้วยของหวานผลไม้และขนมหวานจานโปรดของเขาคือพุดดิ้งกับขนมปังนุ่มๆ กับนมร้อนหนึ่งชาม ซึ่งพระองค์เสวยของหวานชุดนั้นถึง 14 ชุด และนั้นเป็นสาเหตุให้พระองค์สิ้นพระชนม์ เพราะปัญหาในระบบทางเดินอาหารในวันนั้นเอง จากคุณ : เจ้าสมุทร เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:05:28

ความคิดเห็นที่ 9   อันดับ 3 อิเซโดล่า  ดันแคน (Isadora Duncan) (27 พฤษภาคม 1877 – 14 กันยายน 1927) รู้จักกันเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งของการเต้นรำสมัยใหม่ ที่พัฒนามาจากฟรีแดนซ์ เธอเกิดในซานฟรานซิสโก  แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในครอบครัวที่หย่าร้างและเธอก็ต่อสู้ชีวิตเรื่อยมาจนกระทั้งมีชื่อเสียงในที่สุด การตายของเธอค่อนข้างจะแปลกนิดๆ หน่อย คือเธอเสียชีวิตเพราะถูกรัดคอและคอหักตาย  เนื่องจากผ้าพันคอที่ยาวเฟื้อยของเธอเกิดไปเกี่ยวกับล้อรถบนถนนในขณะที่เธอกำลังเดินทางในเมืองนิวยอร์ก คนที่เห็นเหตุการณ์ในวันนี้ได้บรรยายไว้ว่า “ในเวลานั้นรถยนต์คนหนึ่งที่กำลังวิ่งบนถนนด้วยความเร็วสูง และไม่รู้เพราะอะไรผ้าพันคอผ้าไหมยาวๆ ของเธอเกิดเกี่ยวม้วนรอบล้อรถคนนั้นพอดี และด้วยพลังมหาศาล มันลากเธอทั้งร่างไปกับรถ ไปตามท้องถนนที่เต็มไปด้วยก้อนหินเล็กๆ เธอถุกลากไปหลายหลาก่อนที่รถคนนั้นจะรู้สึกตัวและหยุดลง ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างตกใจและตื่นตะหนก เธอส่งไปแพทย์รักษาตัวในทันที หากแต่มันสายไปเสียแล้ว เธอคอหักและตายทันที” จากคุณ : เจ้าสมุทร เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:07:40

ความคิดเห็นที่ 10   อีกรูป (รูปเล็กไปหน่อย) จากคุณ : เจ้าสมุทร เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:09:14

ความคิดเห็นที่ 11   อันดับ 2 คริสติน (Christine Chubbuck) 24 สิงหาคม 1944- 15 กรกฎาคม 1974 เป็นนักประกาศข่าวและคนรายงานข่าวทางทีวี  เธอฆ่าตัวตายในขณะถ่ายทอดสดทางทีวี WXLT-TV ในเมือง Sarasota รัฐฟลอริด้า ในช่วงเช้าเมื่อ 15 กรกฎาคม 1974 ในขณะที่ทีวีกำลังถ่ายทอดสด ในขณะที่คริสตันอ่านข่าวเนื้อหาเกี่ยวกับเนื้อวัวและภัตตาคารอะไรสักอย่างอยู่นั้น(ด้วยสีหน้าที่เป็นปกติ) เธอก็พูดต่อหน้ากล้องว่า “In keeping with Channel 40’s policy of bringing you the latest in blood and guts, and in living color, you are going to see another first: an attempted suicide.” จากนั้นเธอก็ดึงปืนออกจากใต้โต๊ะ และเอาปืนจ่อหัวและลั่นไกปืน เธอล้มลงไปข้างหน้าคริสตินตายทันที ต่อหน้าผู้คนที่ตกตะลึงไม่หายทั้งคนชมและทีมงาน จากคุณ : เจ้าสมุทร เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:15:46

ความคิดเห็นที่ 12   อันดับ 1  ชารอน รินะ โลพัทกา (Sharon Rina Lopatka) 20 กันยายน 1961 – 16 ตุลาคม 1996 ชารอน รินะ โลพัทกา มีอาชีพเป็นนายหน้าทางอินเตอร์เน็ตใน Hampstead, แมรี่แลนด์, อเมริกา ถูกฆาตกรรมโดยฆาตกรที่ชื่อโรเบิร์ต เฟรเดอริค  กลาส (Robert Frederick Glass)เป็นนักวิเคราะห์คอมพิวเตอร์ทางเหนือของ Carolina โดยเธอถูกทรมานและรัดคอตายเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 1996 ส่วนสาเหตุคือโรเบิร์ตปลื้มปิติเมื่อร่วมเพศกันและกัน แต่กรณีของ ชารอน รินะ โลพัทกา แปลกอยู่อย่าง เธอไม่เหมือนเหยื่อของฆาตกรรายอื่นๆ ที่ตายโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่หากเธอเป็นอาสาสมัคร หาฆาตกรเพื่อให้ฆาตกรฆ่าเธอเองเลยนะ โอ้...เหลือเชื่อ คือเธอไปตั้งกระทู้หาฆาตกรมาให้ฆ่าข่มขืนเธอเล่นๆ หน่อยเพื่อเป็นการดับกระหายฆาตกร  ไม่รู้เธอบ้าหรือใจบุญกันแน่ วันที่ 3 พฤศจิกายน 1996 ชารอนโพสข้อความหนึ่งตามเว็บต่างๆ เช่น  fetishfeet.com และ sexbondage.com. ประมาณว่า “เธอมีความหลงใหลเกี่ยวกับการทรมานและความตาย อยากหาใครสักคนมาทำแบบนี้กับฉันบ้างจัง”  หลายๆ คนที่เห็นเธอลงโฆษณาฆ่าคนที่สามารถฆ่าเธอได้ ก็นึกว่าเป็นเรื่องตลกและไม่สนใจนัก แต่หลักจากชารอนติดต่อกับหลายๆ คนอย่างจริงจังนานๆ เข้า จนกระทั้งเธอพบกลาสในตอนท้าย ที่เขาบอกว่าเขาเต็มใจที่ทำให้บรรลุความประสงค์ของเธอ ชารอนก็ตกลงกับกลาสว่า เธอยินดีให้เขาฆ่าตัวเธอ ให้เตรียมตัวนะ ว่าแล้วเธอก็บอกสามีว่าเธอไปเยี่ยมเพื่อนที่จอร์เจีย แมรี่ออกจากบ้านเดินทางจากสถานีไปแคโรไลน่าทางเหนือ ไปยังที่กลาสรออยู่ เมื่อมาถึงที่หมาย ชารอนก็พบกับกลาสและเขาใช้รถกะบะพาเธอมายังบ้านเล็กๆ ของเขาในป่า เขาจัดการข่มขืน ทรมาน และฆ่ารัดคอ ชารอน และฝังศพเธอใกล้ๆ  บ้านในหลุมตื้นๆ แห่งหนึ่งเป็นอันบรรลุความปรารถนาของชารอน เรื่องราวของชารอนถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Downloading Nancy เป็นหนังแนว พิศวาสฆาตกรรม แต่ดูเหมือนยังจะไม่เข้าไทย เพราะผมไปหากูเกิลมีแต่ชื่ออังกฤษ.....แย่จัง จากคุณ : เจ้าสมุทร เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:21:39

ความคิดเห็นที่ 13   หน้าตาฆาตกร จากคุณ : เจ้าสมุทร เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:23:08

ความคิดเห็นที่ 14   สถานที่เกิดเหตุ จากคุณ : เจ้าสมุทร เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:24:09

ความคิดเห็นที่ 15   อันดับ 0  ฟร้านซ์  (Franz Reichelt) 1879-4 กุมภาพันธ์ 1912 คลิปนี้ผมดูหลายรอบแล้วครับ ไม่รู้จะสงสารหรือฮ่าดี หรือบ้าดี เขาเป็นช่างตัดเสื้อในฝรั่งเศส และวันหนึ่งเขาก็มีความคิดแบบไดดาลุส (Daedalus) กับลูกชายอิคารุส (Icarus) ที่จะทำให้มนุษย์บินได้เหมือนนก เขาประดิษฐ์ชุดแปลกๆ เหมือนร่มชูชีพลูกผสม เขาบอกว่าชุดนี้จะทำให้ผู้สวมใส่บินได้เหมือนนก แต่คนที่ดูแล้วมันเหมือนพวกรุ่งร่ามคนบ้าหลุดจากโรงพยาบาลมากกว่า และเมื่อเห็นคนดูถูก เขาเลยสวมชุดที่ว่านี้ทดลองโดยเขาจะโดดหอไอเฟลต่อหน้าผู้คน และเขาจะใช้ชุดนี้ร่อนบินให้พวกดูถูกเขาให้ดู แต่ปรากฏว่าเมื่อมาถึงวันทดลองจริงๆ เขาก็โดดลงมาแต่ชุดนี้ไม่ยักบินอย่างที่เขาบอก ซ้ำมันยังเร่งทำให้เขาตกลงสู่พื้นบินและตายทันที เท่านั้นยังไม่พอเพราะมีคนถือกล้องบันทึกภาพของเขาไปด้วยทุกลีลา จนทำให้เราหลายๆ คนได้เห็นคลิปการตายของเขาดังกล่าว (ด้านล่าง) จากคุณ : เจ้าสมุทร เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:25:57

ความคิดเห็นที่ 16   ขอบพระคุณมากๆครับผม มีอีก 2 ท่านที่ตายอย่างประหลาด และอยากร่วมนำเสนอครับ 1. จิ้นจิ่งกง (晉景公) เป็นประมุขแคว้นจิ้นในช่วงระหว่าง 599-581 ปีก่อนคริสตกาลครับ จิ้นจิ่งกงมีชื่อเดิมว่า จีจู่ เป็นโอรสของจิ้นเฉิงกงครับ  แคว้นจิ้นในยุคของท่านก็นับว่าเข้มแข็งมาก จิ้นจิ่งกงสามารถทำสงครามเอาชนะฉู่จวงอ๋องได้ และชิงตำแหน่งประธานของเหล่าเจ้าแคว้นมาจากแคว้นฉู่ อีกทั้งยังสามารถสยบพวกหงตี (เป็นชนเผ่าป่าเถื่อนทางตะวันตกของจีน)  ขยายอำนาจไปทั่วจนแม้แต่จักรพรรดิโจวยังต้องเกรงพระทัย ในช่วงวัยชรานั้น จิ้นจิ่งกงก็ได้เรียกหมอดูคนหนึ่งมาทำนายดวงชะตาให้ครับ ซึ่งหมอดูก็ทำนายออกมาว่า จิ้นจิ่งกงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 1 วัน และไม่มีโอกาสจะได้กินอาหารเช้าในวันรุ่งขึ้นเสียด้วยซ้ำ จิ้นจิ่งกงพิโรธมาก สั่งเอาหมอดูไปขังไว้ในคุกขี้ไก่ รอรุ่งเช้าค่อยจัดการประหาร และท่านก็นั่งรออยู่ในพระราชวัง ให้เหล่าองค์รักษ์และขุนนางมาชุมนุมกันพร้อมเป็นสักขีพยานว่า หมอดูมันทำนายผิดแน่ๆ คืนนั้นทุกคนก็ถ่างตารอจนเกือบสว่างครับ เจ้าแคว้นจิ้นก็ยังทรงแข็งแรงดี ไม่มีทีท่าว่าจะถึงแก่กรรมแต่อย่างใด พอฟ้าใกล้สาง เจ้าแคว้นจิ้นก็บอกแก่เหล่าขุนนางว่า “ไอ้หมอดูคนนี้สงสัยจะเป็นไส้ศึกจากต่างเมือง มาสาปแช่งเราเป็นแน่ ไว้ฟ้าสางให้ประหารมันแล้วเอาหัวไปเสียบไว้ที่ประตูเมือง” สักพักต่อมา คนรับใช้ก็ยกน้ำข้าวต้มมาให้จิ้นจิ่งกงเสวยเป็นอาหารเช้าครับ แต่ก่อนที่จิ้นจิ่งกงจะเสวย ก็รู้สึกปวดหนัก จึงลุกไปเข้าห้องน้ำด้านหลังตำหนัก และหายตัวไปหลายชั่วยาม จนเหล่าขุนนางและคนรับใช้ผิดสังเกตและเริ่มออกตามหา จึงพบว่า จิ้นจิ่งกงตกลงไปในบ่ออาจม ระหว่างทำธุระหนัก คอหักถึงแก่กรรมไปเสียแล้ว สมดังคำทำนายของหมอดูว่า จิ้นจิ่งกงจะต้องตายในวันรุ่งขึ้น ก่อนจะได้ทันเสวยอาหารเช้าเสียอีก.................... จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:27:46

ความคิดเห็นที่ 17   ขอขอบคุณข้อมูลที่น่าสนใจจาก : Cammy http://writer.dek-d.com/dek-d/story/viewlongc.php?id=486572&chapter=148 จากคุณ : เจ้าสมุทร เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:28:58

ความคิดเห็นที่ 18   ขอบคุณสำหรับเนื้อหาครับ แต่ละรายนี่แปลกจริงๆ โดยเฉพาะอันดับ 1 จากคุณ : tumn70 เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:29:37

ความคิดเห็นที่ 19   2. ฉินหวู่อ๋อง (秦武王) ครองราชย์ระหว่าง 328-307 ปีก่อนคริสตกาล ทรงเป็นพระโอรสองค์โตของ ฉินฮุ่ยเหวินอ๋อง แห่งแคว้นฉินครับ มีพระนามเดิมว่า อิ๋งตัน ฉินหวู่อ๋อง มีพระวรกายสูงใหญ่ เก่งทั้งรำทวน ยิงธนู ขี่ม้า และเพลงกระบี่ ถือเป็นกษัตริย์นักบู๊ที่ยอดเยี่ยมพระองค์หนึ่งครับ แคว้นฉินในยุคของพระองค์ก็รุ่งเรืองด้วยแสนยานุภาพทางทหาร สามารถยกทัพรุกไล่แคว้นหาน เว่ย จ้าว และฉู่แตกพ่ายกระเจิง ยึดเอาดินแดนมาได้อย่างกว้างขวาง จนดินแดนของแคว้นฉินนั้นยื่นไปประชิดกับเขตแดนของจักรพรรดิแห่งโจว 307 ปีก่อนคริสตกาล พระองค์ก็ยกทัพเสด็จไปเยือนแคว้นโจวครับ ซึ่งจักรพรรดิโจวได้ให้การต้อนรับฉินหวู่อ๋องเยี่ยงราชอาคันตุกะจากต่างประเทศ (ในความเป็นจริงแล้ว เจ้าแคว้นฉินเป็นเพียงสามนตราชระดับโทเท่านั้น จัดเป็นข้าราชบริพารของจักรพรรดิโจว ไม่สมควรได้รับการต้อนรับเยี่ยงราชอาคันตุกะ) ฉินหวู่อ๋องทรงได้พักในพระตำหนักใหญ่ ใกล้ๆกับหอที่เก็บติ่ง 3 ขาทั้ง 9 ใบ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งพระราชอำนาจของจักรพรรดิโจวมาแต่โบราณ ช่วงหลายเดือนที่ฉินหวู่อ๋องพำนักในลั่วหยาง นครหลวงของจักรวรรดินั้นก็สุขเกษมสำราญพระราชหฤทัยเป็นอย่างดีครับ พระองค์เสด็จออกไปล่าสัตว์ และตั้งวงเล่นต่อสู้กับเหล่าขุนทหารอย่างสนุกสนาน จนวันหนึ่งพระองค์ก็ปรารถนาจะชมติ่งสามขาทั้ง 9 ใบขึ้นมา จึงรับสั่งให้ขุนนางฝ่ายพิธีการของราชสำนักโจวพาเสด็จไปชมในหอบรรพชน ระหว่างที่กำลังชมติ่งสามขาอย่างเพลิดเพลินนั้น พระองค์ก็เกิดความคิดว่า จะลองยกติ่ง 3 ขานั้นเล่นดูครับ ว่าแล้วก็หันไปร้องท้าทายแม่ทัพคนกล้าคู่ใจของพระองค์ทั้งอย่างเมิ่งเปิ่นให้มาแข่งกันยกติ่งสามขาดู เมิ่งเปิ่นก็ทดลองก่อนครับ เขาใช้สองมือประคองติ่งและออกแรงยกขึ้นได้สูงหลายนิ้ว ก่อนจะวางลง พอเห็นเมิ่งเปิ่นทำได้ ฉินอ๋องก็ทรงอยากจะลองบ้าง แต่ฉินอ๋องทรงชอบเอาชนะ ทรงดำริว่า หากลองยกติ่งขึ้นมาและแบกเดินไปซักหลายๆก้าว พระองค์ก็จะเหนือกว่าเมิ่งเปิ่น และชัยชนะจะตกเป็นของพระองค์แน่นอน ว่าแล้วพระองค์ก็ทดลองยกติ่งขึ้นมาได้สูงเท่ากับที่เมิ่งเปิ่นยกได้ครับ และแบกพระดำเนินไปได้อีก 2-3 ก้าว แต่เกิดทรงหน้ามืดและพระเพลาอ่อนแรงลง ติ่งสามขาจิงร่วงหล่นมาทับพระเพลาทั้งสองข้างหักสะบั้น ฉินอ๋องทรงทุกข์ทรมาณจากบาดแผลอีกหลายคืนกว่าจะสิ้นพระชนม์เพราะอาการบาดเจ็บนั่นเอง ส่วนเมิ่งเปิ่นที่กล้าไปรับคำท้าทายเล่นพิเรนทร์จากฉินอ๋อง ก็ถูกไทเฮาแคว้นฉินจัดการประหารไปครับผม จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:29:41

ความคิดเห็นที่ 20   ซ้ำครับ ขออภัย แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 12:30:38 จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:30:00

ความคิดเห็นที่ 21   ขอบคุณครับ รอจนจบเลย ผมว่านะ อันดับ 9 นี่ น่าตื้บไอ่คนที่ร้องจริงๆ ไม่หัดบอกแต่เเรก สงสัยโดนจ้างมาให้ทำลายชื่อเสียง(ผมเดาเอานะ) ส่วน 8 นี่ ทรมานเกิ๊น - -* ส่วนที่ 1 สมควรได้ บ้าเกิ๊น จากคุณ : รถม้า-ปาแอ่ว เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:32:15

ความคิดเห็นที่ 22   เรื่อง ของ คห 16 นี่ประหลาดจริงๆ ตกส้วมตายซะงั้น จากคุณ : ธัมมนันทิ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:55:04

ความคิดเห็นที่ 23   อันดับ 9 แปลกตรงไหน ช่วยบอกที ฆ่าตัวตายด้วยคลอโรฟอร์ม แปลกตรงไหน มันคล้ายๆกับ ฆ่าตัวตายด้วยน้ำยาขัดส้วมอะ หรือฆ่าตัวตายด้วยอีโน ยาลดกรดในกระเพราะอาหาร จริงปะ แล้วอันดับ 1 ไม่ใช่คนดังหนิหน่า เค้าเป็นคนดังหลังจากตายต่างหาก สรุปคือ คนดังตายแปลกๆ หรือ คนตายแปลกแล้วดัง งง จัดอันดับยังไงกัน บรรทัดฐานอยู่ไหน จากคุณ : เจ้าชายมีมี่ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 13:27:51

ความคิดเห็นที่ 24   คห. 23 โปรดกลับไปอ่านกรอบแรกของกระทู้ใหม่อีกครั้ง ผมพิมไว้แล้วว่า และนี้คือ 10อันดับบุคคลดังในประวัติศาสตร์ที่ตายแปลก จนไม่น่าเชื่อว่านั้นคือสาเหตุตายจริง หรือถูกแต่งเดิมสีสันในประวัติศาสตร์กันแน่ ส่วนจะมีใครบ้างนั้นไปดูกัน(อันดับ 1 ไม่ใช้คนดังในประวัติศาสตร์ แต่การตายของเธอมันบ้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา จากคุณ : เจ้าสมุทร เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 13:37:40

ความคิดเห็นที่ 25   เฮฮาหว้ากอ จากคุณ : skullman เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 13:37:46

ความคิดเห็นที่ 26   #16 หมอดูเทวดา!? จากคุณ : HunterCotarot เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 13:40:54

ความคิดเห็นที่ 27   555 อ่าน ไม่ละเอียด ขอโทษครับ จากคุณ : เจ้าชายมีมี่ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 13:41:42

ความคิดเห็นที่ 28   อ่านจบแล้วอึ้งๆ จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 13:45:00

ความคิดเห็นที่ 29   อ่ะโหวต จากคุณ : knine2five เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 14:13:09

ความคิดเห็นที่ 30   แคน...เอ้ย โหวตครับ จากคุณ : ร้อนนักรักซะเลย (tkung13) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 14:20:05

ความคิดเห็นที่ 31   อ้า...คนระดับบิ๊ก ๆ นี่ อิ่มตายกันเยอะจริง ๆ จากคุณ : saturn_eyes เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 14:23:56

ความคิดเห็นที่ 32   จาก #15 อิคารุส (Icarus) อยากบินได้เหมือนนก และ อยากไปดูดวงอาทิตย์ใกล้ๆ เลยเอาขี้ผึ้งมาติดขนอีกา ไว้ที่แขนของตัวเองจนเหมือนปีกนก ว่าแล้วก็บินขึ้นไป หาดวงอาทิยย์ ... (บินได้ด้วย) พอใกล้ดวงอาทิตย์ ความร้อนจากดวงอาทิตย์ ทำให้ขี้ผึ้งละลาย จนขนอีกาหลุดออกเกือบหมด บินต่อไม่ได้ เลยตกมาตาย... เล่าคร่าวๆนะครับ เผื่อมีคนรู้แล้ว มีคนเอามาแต่เพลงด้วย คือ วง Iron Maiden Fly ...... on your way like an Eagles. Fly ... Touch the sun... แถมให้อีกคนครับ หลี่หงวนป้า ... โอรสองค์ ที่ 4 ของพระเจ้าถังโกโจ น้องชายคนสนิทของ หลี่ซื้อหมิน (ถังไท่จงมหาราช ผู้ส่ง ถังซำจั๋งไปเอา พระไตรปิฏกที่ชมพูทวีป) หลี่หงวนป้า เก่งกล้าสามารถในการบพุ่ง ใช้ตุ้มเหล็กคู่เป็นอาวุทธ  ครั้งสุดท้ายที่ออกไป รบ ฝนตกทำให้รบไม่ได้ ทั้งๆที่ใกล้จะชนะแล้ว ด้วยความโมโห จึงขี่ม้าออกไปร้องท้า เทวดา ว่า เทวดาใยแกล้งให้ฝนตก รบพุ่งไม่ได้ ... ถ้าเทวดา เก่งจริงให้ลงมารบกับ หลี่หงวนป้าผู้นี้ เทวดา ท่านก็ตอบว่า : .... เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง หลี่หงวนป้า ก็โดนฝ้าฝ่า ตายทั้งม้าทั้งคน .... จากพงศาวดาน "ซุยถัง" แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 15:20:24 แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 14:39:54 แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 14:37:47 จากคุณ : Rockman (X-Slayer) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 14:29:47

ความคิดเห็นที่ 33   มาอ่านค่ะ จากคุณ : CherryBlossom669 เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 15:01:19

ความคิดเห็นที่ 34   ขนลุก จากคุณ : noppatoy เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 15:07:11

ความคิดเห็นที่ 35   ขอบคุณครับ น่าสนใจมากครับ ตายแปลกๆทั้งนั้น... ที่ตายแปลกๆ เมื่อปีที่แล้ว "เดวิด คาราดีน" ดาราฝรั่งที่มาตายในประเทศไทยในโรงแรม 5 ดาวนั่นแหละครับ.... ปล.. ชูชกไง ท้องแตกตาย  อิอิ ^___^ จากคุณ : TonTon1977 เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 15:09:29

ความคิดเห็นที่ 36   สงสารหมอ -_- จากคุณ : atthaphong เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 15:14:59

ความคิดเห็นที่ 37   คนดังตายประหลาด ก็เร็วๆนี้ที่เมืองไทยครับ เดวิด คาราดีน เปลือยตายในกระบวนท่าที่แปลกประหลาดมาก  เชือกรัดไอ้นั่นตาย จากคุณ : ศุศศิ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 15:30:47

ความคิดเห็นที่ 38   #15 ก็เห็นลังเลอยู่นาน ทำท่าจะกระโดดแล้วก็ชะงัก ท้ายสุดก็กระโดดลงมาตาย จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 15:54:45

ความคิดเห็นที่ 39   ^ ^ ใช่ครับ จากคุณ : ร้อนนักรักซะเลย (tkung13) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 16:42:41

ความคิดเห็นที่ 40   ผมว่าคุณ ห้างทองน่าจะติดอันดับด้วยนะครับ เพราะทุกวันนี้ ยังงงกันอยู่ว่าแกฆ่าตัวตายหรือตายเพราะเหตุใดกันแน่ จากคุณ : guyping เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 16:45:50

ความคิดเห็นที่ 41   เรื่องของคุณอันดับที่ 1 คุณชารอนอ่ะ คล้ายๆหนังเรื่อง grimm love เลย ผู้ชายคนหนึ่งที่อยากให้คนอื่นกินตัวเขาเอง เลยประกาศลงเน็ท แล้วก็ไปกินกัน....... จากคุณ : the_azazel เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 17:00:05

ความคิดเห็นที่ 42   คนนี้ก็น่าสงสารนะครับ Tommy Cooper ดาราตลกและนักมายากล หัวใจวายบนเวทีขณะกำลังแสดงอยู่ แต่ตอนทีล้มลงไปคนดูและสตาฟ ต่างก็นึกว่าปล่อยมุขอยู่ เลยไม่มีใครเข้าไปช่วย - - '' จากคุณ : GrooVe_(t -_-)t เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 18:09:43

ความคิดเห็นที่ 43   จาก ค.ห. 41 หนังเรื่องนั้นสร้างจากเรื่องจริงของArmin Meiwes ที่ไปโพสลงเน็ตว่าอยากกินคนอายุ 18-30 ปี แล้วมี Bernd Jürgen Brandes มาตอบตกลงทางเนต ทั้งสองคนเป็น bisexual แล้วสองคนนี้ก็นัดพบกัน ถ่ายวีดีโอไว้ด้วย ที่เยอรมันนี อีตา Meiwes ก็กัด และตัดอวัยวะเพศของ Brandes แล้วเอามากินดิบๆ เหยื่อก็กินของตัวเองด้วย ต่อมาพบว่ามันเหนียวไปก็เลยไปผัดกระเทียม ดันไหม้อีก ก็เลยตัดให้หมาตัวเองกิน เหยื่อก็นอนเสียเลือดอยู่นานหลายชั่วโมงจน Meiwes ฆ่าเหยื่อในที่สุดด้วยมีด ตานี่ก็เก็บเนื้อไว้กินหลายเดือน ที่จับกุมได้เพราะแกไปโพสในเนตเล่าเหตุการณ์และขออาสาสมัครกินใหม่ มีคนไปแจ้งตำรวจ ตัดสินจำคุก 8 1/2 ปี เพราะเหยื่อยินยอมเอง แต่มีการพิจารณาคดีอีกครั้งจำคุกตลอดชีวิต หลังจำคุกแกก็กลายเป็นมังสวิรัต และให้คำปรึกษาช่วยจับฆาตกรคนอื่นด้วย เหมือนเรื่อง silence of the lamp เลย แหวะ http://en.wikipedia.org/wiki/Armin_Meiwes แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 18:20:00 จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 18:19:07

ความคิดเห็นที่ 44   รูปค.ห. 43 จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 18:22:01

ความคิดเห็นที่ 45   ขอเพิ่มนิดหน่อย จาก ความคิดเห็นที่ 12     (Robert Frederick Glass)เป็นนักวิเคราะห์คอมพิวเตอร์ทางเหนือของ Carolina ********************************************** อ่านจาก Wikipedia   http://en.wikipedia.org/wiki/Sharon_Lopatka Robert Frederick Glass, a computer analyst from North Carolina. คือมาจากรัฐนอร์ท คาโรไลน่า ไม่ใช่ ทางเหนือของ Carolina ค่ะ จากคุณ : teddy bear in the box เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 19:11:16

ความคิดเห็นที่ 46   ไอ้ที่ได้ที่1เนี่ยแปลก !! แต่ไอ้ที่0 เนี่ย   :-)บ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา !!! จากคุณ : KUROKO เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 20:44:37

ความคิดเห็นที่ 47   คห. 23 ฟังไม่ได้ศัพท์ จากคุณ : หล่อลากดินต้องกินยาลดความหล่อ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 21:41:08

ความคิดเห็นที่ 48   โอ้ววว จากคุณ : tunnie555 เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 21:45:19

ความคิดเห็นที่ 49   ที่จริงอัตติลาในอันดับ 7 ไม่น่าเรียกว่าชาวฮั่น คาดว่าศัพท์ฝรั่งถอดความออกมาเพี้ยนมากกว่า เพราะคำว่า Hun นั้น แผลงมาจากชนเผ่า ฮวน ที่อยู่ทางตอนเหนือของจีน คือเผ่าหนึ่งในแถบมองโกลและรัสเซียทางใต้ จึงไม่น่าอ่านออกเสียงว่า ฮั่น ซึ่งคล้ายคลึงกับ ฮั่น Han ที่แปลว่าชาวจีน เพราะอัตติลาไม่ใช่คนจีนครับ จากคุณ : นักกวีจากเงามืด เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 22:03:17

ความคิดเห็นที่ 50   พวกคนที่กินเยอะเกินจนตายนี่แปลกดี ไม่รู้สึกเหรอว่ากินขนาดนั้นมันเยอะเกิน.... ไม่แน่นท้อง อยากอ้วก ฯลฯ เลยรึไงวุ้ย จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 22:08:12

ความคิดเห็นที่ 51   มีตำนานเล่าว่า กษัตริย์ Mithridates ที่ 6 แห่ง Pontus ได้ทำการทดลองทางพิษวิทยาแบบเฉียบพลันกับนักโทษจำนวนมากถึงกับประกาศว่า พระองค์ทรงค้นพบยาแก้พิษงูและสารพิษทุกชนิด และพระองค์ก็ทรงเสวยส่วนผสมหรือยาที่มีองค์ประกอบถึง 36 ชนิดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเสียชีวิตจากการถูกลอบวางยา ต่อมาพระองค์ถูกข้าศึกจับเป็นเชลย และพระองค์เองทรงพยายามปลงพระชนม์ตัวเองอย่างไรก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากการที่พระองค์เสวยยาแก้พิษตำหรับที่พระองค์ปรุงขึ้นเองประจำ ในที่สุดพระองค์จึงให้ผู้รับใช้ใช้ดาบแทงพระองค์ให้สิ้นพระชนม์ จากตำนานนี้เองก็เป็นที่มาของคำศัพท์ Mithridatic ซึ่งหมายถึงยาแก้พิษหรือยาป้องกันพิษที่เป็นสารผสม จากหนังสือเรียนมสธ.ค่ะ จากคุณ : ปลากัดขาว (ปลากัดขาว) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 22:25:11

ความคิดเห็นที่ 52   คห.๔๒ เศร้ามาก ๆ กระทั่งล้มไปตายคนยังหัวเราะอยู่เลย จากคุณ : i love my boss เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 23:24:06

ความคิดเห็นที่ 53   ดู คห 15 ขนาดรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่บอกตรงๆว่า ดูไปลุ้นไป สุดๆ -"- จากคุณ : ปูเทียมไก่ชุบ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 23:51:02

ความคิดเห็นที่ 54   เรื่องผีไก่ของฟรานซิส เบค่อนครับ http://www.bbc.co.uk/dna/h2g2/A14042099 จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 02:35:22

ความคิดเห็นที่ 55   เคยได้ยินที่ไหนก็ไม่ทราบ จำไม่ได้แล้ว เกิดขึ้นไม่กี่ปีก่อนนี่เอง เกี่ยวกับนักแสดงละครสัตว์หรืออะไรเนี๊ยะ เค้าเป็นคนแคระ ตัวเล็กๆ กระโดดโชว์กลางเวทีอยู่ แล้วเป็นไงมาไงไม่ทราบ กระโดดดึ๋งไปที่ฮิปโป ที่กำลังอ้าปากอยู่(ฮิปโปมันหาวไหมอ่ะ?) เข้าปากฮิปโปไปเลย คนดูก็เฮฮา เพราะนึกว่าเป็นการแสดง เฮ่อ... ฟังครั้งแรกแล้วขนลุก ตอนนี้นึกก็ขนลุก แงๆ จากคุณ : Kryta (kryta) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 08:29:32

ความคิดเห็นที่ 56   คนเราเมื่อถึงคราวตายยังไงก็ไม่ตาย แต่เมื่อถึงคราวตาย ไม้จิ้มฟันทิ่มเหงือกก็...ตายได้ จากคุณ : Choco-Mix เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 11:44:57

ความคิดเห็นที่ 57   อันนี้ฆ่าตัวตายประหลาดๆ Sylvia Plath (October 27, 1932 – February 11, 1963) Plath took her own life after she completely sealed the rooms between herself and her sleeping children with "wet towels and cloths." Plath then placed her head in the oven while the gas was turned on and the pilot light was not lit. The next day an inquiry ruled that her death was a suicide. แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 13:16:22 จากคุณ : Bear Waldorf เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 13:14:18

ความคิดเห็นที่ 58   อ่านอีกรอบ จากคุณ : CherryBlossom669 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 14:53:24

ความคิดเห็นที่ 59   งงอันดับ1ค่ะ วันที่ 3 พฤศจิกายน 1996 ชารอนโพสข้อความหนึ่งตามเว็บต่างๆ แต่ตายวันที่16ตุลาปี1996 ตกลงปีผิด หรือวันผิดหรือยังไงคะ จากคุณ : อูสะจัง เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 20:07:47

ความคิดเห็นที่ 60   หากไม่ถึงคราวตายวายชีวาตม์ ใครพิฆาตเท่าไหร่ไม่อาสัญ แต่ถ้าถึงคราวตายวายชีวัน ไม้จิ้มฟันแทงเหงือกยังเสื_กตาย เหมือนจะเป็น สุนทรภู่ ที่แต่งนะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน แหะๆ = = แต่เป็นกลอนที่เราชอบมาก พ่อท่องให้ฟัง ขำแทบตายแหนะ จากคุณ : เจ้าหญิงจากความมืด เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 22:43:10

ความคิดเห็นที่ 61   Hun หรือ ชาวฮั่น น่าจะเป็นเผ่าเดียวกัน กับ เผ่า ซงหนู  นะคับ เพราะหลังจาก  มหาจักรพรรดิ์ฮั่นกวงตี้  ยกทัพใหญ่ออกนอกด่านไปบำราบ มีชัยชนะครั้งใหญ่ เหนือพวกซงหนู    ทำให้มี ชาวซงหนูไม่น้อยที่อพยพ ไปทางตะวันตก ซึ่ง  ชาว ฮั่น (Hun) จะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคนเอเชียมากกว่าฝรั่งคับ แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 53 01:49:35 จากคุณ : การินช่า เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 01:48:51

ความคิดเห็นที่ 62   หลี่หงวนป้า ใน# 32 ไม่ได้ตายแปลก แต่ซวยของแท้เลย หุหุ จากคุณ : เคลิ้มสมาคม เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 10:08:46

ความคิดเห็นที่ 63   ฮามากครับ...ชอบๆ ขอบคุณครับ คนเรา...ถึงที่ตาย...แบบแปลกๆ จากคุณ : hoho เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 10:49:43 A:124.122.180.153 X: TicketID:228371

ความคิดเห็นที่ 64   น่าจะนับ นักร้องอีก 2 คนนะที่ตายแปลก คนนึงฝรั่ง ใช้หัวนิ้วโป้งตีน ลั่นไกปืนยิงตัวตาย อีกคนญี่ปุ่น แขวนคอกับลูกบิดประตูตาย จากคุณ : hanatahanata เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 12:04:47

ความคิดเห็นที่ 65   steve irwin ไม่แปลกเหรอ โดนหางปลากระเบนจิ้มคาจอ จากคุณ : หมอเถื่อน เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 12:26:36

ความคิดเห็นที่ 66   อีกคนญี่ปุ่น แขวนคอกับลูกบิดประตูตาย.. Hide?? จากคุณ : แมงป่องหางด้วน เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 14:40:04

ความคิดเห็นที่ 67   สยองมากเลยค่ะ จากคุณ : blissfully cherry blossoms เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 18:01:29

ความคิดเห็นที่ 68   ตกบ่อครี่ๆๆๆ เง้ออ คงทรมานง่ะ จากคุณ : มะเดี่ยว ณ โคราช (madyo48) เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 19:19:28

ความคิดเห็นที่ 69   อยากเห็นจัดอันดับคนดัง ที่การตายเป็นปริศนามากกว่าอ่ะ .... จากคุณ : Baritoreca เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 07:58:58

ความคิดเห็นที่ 70   ^ ^ ^ JFK คนนึงละ จากคุณ : มะเดี่ยว ณ โคราช (madyo48) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 08:42:04

ความคิดเห็นที่ 71   สงสัยเหมือน #59 เลยครับ ว่าจะถามพอดี *-* จากคุณ : Necessary เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 17:53:53

ความคิดเห็นที่ 72   มีการตายเนื่องจากอาการประสาทแด๊ก หรือคิดมากไปเองด้วยแฮะ = =" เฮ้อ...ขอบคุณที่ตั้งกระทู้นะครับ มันเป็นบทเรียนให้ผมต้องตั้งสติให้ดีๆ อย่าให้ตัวเองต้องตายเพราะอุปทานแบบนี้ ตายอย่างนี้มันขาดทุนแย่เลย รวมถึงการทำให้ชีวิตตัวเองต้องพังฟรีๆเพราะคิดมากวิตกกังวลเกินเหตุไปเองด้วย น่าเศร้าจริงๆนะนี่... T____T จากคุณ : กลับมาแล้วคนดี เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 22:00:28

ความคิดเห็นที่ 73   หืม แต่ละคน จากคุณ : หัวใจถวายวัด เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 22:52:41

ความคิดเห็นที่ 74   อันดับ 2 ตายเหมือนในหนัง Final destination เลย ส่วนอันดับ 1 ยอมรับเลยครับ ตายแปลก (แนวจิตๆ) จริงๆ จากคุณ : tottui เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 01:23:52

ความคิดเห็นที่ 75   อันดับหนึ่งนี้ผมยกให้ฆาตกรเลยครับ.... เพราะดูจากรูปแล้วแกคงไม่มีใครมาทำแกจิงๆ.....แอบฮาครับ จากคุณ : nai_tin เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 13:51:30

ความคิดเห็นที่ 76   ขอบคุณค่ะที่เอามาฝากกัน จากคุณ : wuttisaj เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 22:55:08

ความคิดเห็นที่ 77   สงสาร  จิ้นจิ่งกง  อ่ะ ตายน่าสงสารอย่างแรง จากคุณ : nowan เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 23:56:31

ความคิดเห็นที่ 78   อันดับ 7 อัตติลา หรือ อัตติลาเดอะฮั่น ( Attila the Hun) ค.ศ. 406 – ค.ศ. 453 น่าจะเป็นพวกรัสเซียรึเปล่าครับ ใครมีข้อมูลช่วยยืนยันหน่อย แต่ไม่น่าใช่คนจีนนะ จากคุณ : Clarvoyance เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 53 07:17:41