ความคิดเห็นที่ 1   น้ำกลั่นคือน้ำบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซนต์ครับ ตามหลักการทางเคมี ไม่มีสิ่งใดเจือปน ยกเว้นภาชนะปนเปื้อน รอท่านต่อไปเติมให้เต็มครับ จากคุณ : หนุ่มเทคนิค เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 12:00:27

ความคิดเห็นที่ 2   แล้วแต่มุมมอง ถ้าวัดที่การกำจัดอนุภาค  แบคทีเรีย ฝุ่น  metal ก็ให้การกลั่น แต่การกลั่นกำจัด anion ต่างๆไม่ได้  organometal สารละลายorganic มันจะกลั่นรวมมากลั่นน้ำด้วย หรือจะให้น้ำ DI  ก็เป็นกรดสูงบริโภคไม่ได้ แล้วแต่การใช้งานละกัน จากคุณ : ลูกกบในบึงกว้าง เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 12:05:03

ความคิดเห็นที่ 3   ไม่ได้ใช้บริโภคคร้าบ แต่อยากจะได้น้ำที่ปราศจากสิ่งเจือปนที่สุดครับ จากคุณ : Phoenix032 เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 12:23:07

ความคิดเห็นที่ 4   ต้องขอถามจุดประสงค์การใช้งานก่อนนะครับว่าใช้เพื่ออะไรครับ??? สำหรับสารที่ระเหยง่าย จุดเดือดต่ำก็เห็นจะเป็นพวก Trihalomethane นี่ล่ะครับ จากคุณ : sivpeer เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 12:39:11

ความคิดเห็นที่ 5   เมื่อผ่าน RO แล้วก็ต้องนำน้ำไปผ่านกระบวนการที่เรียกว่า EDI ครับ คือการใช้ประจุไฟฟ้า ทำให้น้ำบริสุทธ์ ปราศจากเกลือแร่ แร่ธาตุต่างๆ จนได้น้ำบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซนต์ครับ  ไม่มีคุณค่าอะไรเลย เพราะบริสุทธิ์เกินไป ที่ผมทำอยู่ เอาน้ำไปใช้ในโรงไฟฟ้า ใช้น้ำบริสุทธิ์ ไปต้ม ได้ไอนำอิ่มตัว นำมาปั่นกังหัน ผลิตกระแสไฟฟ้าครับ นอกจากนั้นก็แล้วก็ต้องเติมสารเคมี อีกเยอะแยะเลย ฮ่าๆ เผอิญไม่ได้เรียนมา เอิ้กกก รอท่านต่อไปครับ แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 53 12:58:36 แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 53 12:43:32 จากคุณ : pooissac เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 12:42:33

ความคิดเห็นที่ 6   น้ำ RO นี่โรงพยาบาลก็ใช้ครับ เอาไปเป้นส่วนผสมกับน้ำยาฟอกเลือด ที่ใช้ในหน่วยไตเทียมด้วยครับ จากคุณ : Koraja เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 12:53:39

ความคิดเห็นที่ 7   วัตถุประสงค์คือใช้แทนน้ำฝนในการปลูกต้นไม้(กึ่ง ๆ ไม้น้ำ)ครับ น้ำที่ยังมีแร่ธาตุอยู่เยอะ ทำให้ตะไคร่ขึ้นง่ายและเร็ว เนื่องจากเป็นสารอหาร รวมทั้งพืชบางชนิดค่อนข้างจะปฏิเสธแร่ธาตุเหล่านั้น หลัก ๆ เลยก็คือคลอรีนครับ จากคุณ : Phoenix032 เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 13:19:45

ความคิดเห็นที่ 8   ที่เจ้าของกระทู้ถาม ไม่แน่ใจว่า 0.0001 ไมครอนนี่มันเทียบเป็นกี่ดาลตัน อย่างอาร์โอดีๆ สามารถกรองพวกโมเลกุลของมลทินขนาดประมาณไม่เกิน 100 ดาลตัน อันได้แก่พวกโมเลกุลเล็กๆ ขนาดเกลือ NaCl (นี่ล่ะที่ไม่แน่ใจว่าเทียบเป็นประมาณกี่ไมครอน เจ้าของกระทู้ไปหาเองแล้วกัน) ส่วนน้ำกลั่น ไม่สามารถกำจัดมลทินของสารอินทรีย์ระเหยที่มีจุดเดือดต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียสได้ เพราะพวกนี้จะระเหยก่อนน้ำ และไปควบแน่นละลายกลับลงไปอยู่ในน้ำอีกครังหนึ่ง และหากนับว่า H+ เป็นมลทิน ในน้ำกลั่นก็นับว่ามีมลทิน เพราะในการต้มน้ำนั้นจะไล่ก๊าซออกไปจนหมด พอน้ำกลั่นตัวอีกที ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่ละลายน้ำได้ดีกว่าก๊าซอื่นๆ จะละลายน้ำมาก่อนเพื่อน และเปลี่ยนรูปเป็นกรดคาร์บอนิก ทำให้น้ำที่ต้มเสร็จใหม่ๆ จะมีความเป็นกรดเล็กน้อย จากคุณ : vandyman เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 13:23:31

ความคิดเห็นที่ 9   ถ้าใช้ปลูกต้นไม้น้ำแบบที่บอก ก็เลิกพูดถึงการเอาน้ำเหล่านี้มาใช้ครับ เพราะต้นเหตุสำคัญของตะไคร่น้ำคือไนเตรตกับฟอสเฟต ดังนั้นต่อให้ใช้น้ำสะอาดแค่ไหน พอเติมปุ๋ยลงไป น้ำก็เป็นมีมลทินทันที จากคุณ : vandyman เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 13:25:32

ความคิดเห็นที่ 10   จะว่าไปผมก็ไม่มั่นใจว่ามันบริสุทธิ์แค่ไหน แต่ที่เน้นพืชจำพวกกินแมลง(และยังอยู่ในน้ำ) ไม่ได้ใช้ปุ๋ยครับ วัสดุปลูกส่วนใหญ่ก็คือทราย และไม่เติมปุ๋ยใด ๆ เพราะพืชจะตายเมื่อได้รับปริมาณมากด้วยครับ จากคุณ : Phoenix032 เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 13:38:42

ความคิดเห็นที่ 11   ไม่แนะนำครับ...เพราะ Osmolarity pH gas solubility และสมดุลแร่ธาตุจะทำลายต้นไม้น้ำครับ ถ้าไม้น้ำทนได้ พอเติมลงไปในบ่อเพาะก็กลายเป็นน้ำธรรมดาอยู่ดี... น้ำฝนถ้าสมัยก่อนนี่ก็ใกล้เคียงน้ำกลั่นแล้วครับ...สมัยนี้ก็สกปรกขึ้นบ้าง แนะนำแค่ Micro filtration พอครับ จากคุณ : sivpeer เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 14:28:26

ความคิดเห็นที่ 12   #11 คือไม่แนะนำ RO ใช่มั้ยครับ วัตถุประสงค์ผมถ้าพูดถึงน้ำจริง ๆ คือไม่อยากได้แร่ธาตุอะไรเจือปน หรือให้น้อยที่สุด + pH ราว ๆ 6.0+- นิดหน่อย ครับ จากคุณ : Phoenix032 เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 14:39:35

ความคิดเห็นที่ 13   ไม่แนะนำครับ... อันที่จริงการมีชีวิตอยู่ได้ของสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง ยังไงก็ต้องการธาตุต่างๆอยู่แล้ว ปุ๋ยที่เขาไม่ใส่ธาตุบางอย่างลงไปเพราะมันพบได้ง่ายต่ามธรรมชาติครับ ถ้าต้องการน้ำที่บริสุทธิ์ในระดับการปลูกไม้น้ำเพื่อขัดปัญหาการมีตะไคร่น้ำ ผมแนะนำ 2 อย่างครับ 1. วัสดุการปลูกไม้น้ำ "ทุกชนิด" จะต้องผ่านการกำจัดเซลล์พืชที่มีอยู่บนพื้นผิว เช่นด้วยการต้ม ลวกน้ำเดือด แล้วตากแดดจนแห้งจัดๆ หรือออบแห้งด้วยความร้อนจะดีมาก 2. น้ำที่ใช้เลี้ยงไม้น้ำ ควรผ่านกระบวนการกำจัดเซลล์ต้นตอ หรือสิ่งมีชีวิตเล็กๆก่อน เช่นใช้เครื่องกรองระดับ Micro filtration หรือ Ultra filtration ที่มี UV module นอกจากนี้การนำไปต้มผ่านความร้อนด้วยภาชนะที่ผ่านการล้างด้วยน้ำที่กรองจากแหล่งเดียวกันก็สามารถช่วยได้ "มาก" ครับ จากนั้นนำน้ำไปพักในภาชนะที่ล้างด้วยน้ำที่ผ่านกระบวนการเช่นกันครับ เพื่อให้เกิดการตรึงก๊าซที่เสียไปจากการเดือดกลับมาบางส่วนครับ การใช้ Aerator ก็ช่วยได้ครับและแน่นอน...ส่วนสัมผัสกับน้ำ ต้องผ่านกระบวนการกำจัดเซลล์ต้นตอครับ... อาจดูเวอร์ไป แต่ยังไงก็ถูกกว่า และเป็นผลดีกว่าการซื้อเครื่อง RO มาใช่ เพราะต้องมี Maintainance ที่ละเอียดกว่า บ่อยกว่า และแน่นอน แพงกว่าครับ ส่วนการกลั่นโดยใช้แสงแดด อันนี้ก็พอได้ครับ ประหยัดดี แต่มันจะได้น้ำทันใช้หรือเปล่าครับ... ไม่ทราบว่าเลี้ยงใน Scale เพาะเพื่อหย่อนใจ หรือเพาะขายครับ? แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 53 16:40:26 จากคุณ : sivpeer เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 16:34:04

ความคิดเห็นที่ 14   เครื่องกรองระดับที่กล่าวมา ปราศจากคลอรีนกับไนเตรตและฟอสเฟตแล้วใช่มั้ยครับ ระดับหย่อนใจ แต่จริงจังครับ ^^ แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 53 18:07:27 จากคุณ : Phoenix032 เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 18:06:59

ความคิดเห็นที่ 15   ใช้ RO ก็พอถ้าจะใช้ในการปลูกพืช เพราะมลทินที่ออกจาก RO มันแค่ 20 ppm ในราคาย่อมเยา เทียบกับน้ำประปาที่ช่วง 200-600 ppm ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ราคาการผลิตน้ำ Deionized เต็มระบบ ของ RO + Mixbed ค่าใช้จ่ายดำเนินการอยู่ที่ + 30 บาท/ลบม ที่มลทินไม่เกิน 2 ppm แต่ถ้ากลั่น สมมุติใช้ก๊าซธรรมชาติเลยละกัน ถูกที่สุดก็ไม่ต่ำกว่า 1000 บาท/ลบม ยังไม่รวมค่าปั๊ม และตัวควบแน่น ปรกติถ้าจะใช้น้ำกลั่นก็มักจะใช้ในกรณีปริมาณน้อยๆเท่านั้นนะครับ น้ำกลั่นเติมแบตเตอรี่สมัยนี้ยังไม่ใช้วิธีการกลั่นเลย แถมน้ำกลั่นถ้าเก็บในภาชนะโลหะ สมมุติสแตนเลส เก็บไว้ 2 วันค่ามลทินก็ขึ้นมาที่ 4 ppm อยู่ดีจากการละลายของเหล็กน่ะครับ เพิ่มเติม: กำจัดคลอรีน ถ้าอย่างไรก็ติด Activated Carbon ไว้สักตัวสิครับ ตัว RO ขนาดเล็กสำหรับใช้ในบ้านผมก็เข้าใจว่ามีขายอยู่นะครับ แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 53 18:25:17 จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 18:22:16

ความคิดเห็นที่ 16   ไม่ครับ... แต่แทนที่จะเลือกกำจัดแร่ธาตุ ผมว่ากำจัดที่มาของตะไคร่ดีกว่าไหมครับ... ...การให้ความร้อนและการพักน้ำเป็นการกำจัดคลอรีนครับ... เพราะถ้าพืชน้ำถูกดึงแร่ธาตุออกจากรากหรือส่วนอื่นๆ พืชจะมีชีวิตอยู่ได้หรือครับ จากคุณ : sivpeer เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 19:36:40

ความคิดเห็นที่ 17   ผมคิดว่า ถ้าน้ำมีธาตุอาหารอยู่ อย่างไรก็ตามภายหลังตะไคร่ก็มาครับ อันนั้นควบคุมยากกว่า ต้นไม้ที่ผมปลูกต้องการธาตุอาหารน้อยมาก ๆ ครับ ผมบอกไม้น้ำไป แต่จริง ๆ คือพวกที่ขึ้นบนที่แฉะ ๆ พื้นทรายทำนองนี้ครับ ซึ่งบางครั้งตะไคร่ขึ้นคลุมผิววัสดุปลูก ทำให้ลำต้นเน่าง่าย ๆ เรื่องหาอาหารไม่ต้องห่วงครับ พืชกินแมลง หยาดน้ำค้าง กาบหอยแครง ฯลฯ มันหากินเองครับ จากคุณ : Phoenix032 เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 19:47:09

ความคิดเห็นที่ 18   ต้องเอาไปตีบวกก่อน จากคุณ : RO 555 (meddy hao) เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 19:55:24

ความคิดเห็นที่ 19   ก็เห็นรุ่นน้องผม เขาก็ปลูก หม้อข้าวหม้อแกงลิงบ้าง กาบหอยแครงบ้าง อีกสองสามตัวที่ผมนึกชื่อไม่ออก ก็เห็นเอาน้ำก๊อกนั่นแหละรด ไม่เห็นมันตายเลย ผมว่า More Story ไปหน่อยนะ จากคุณ : Waterman (LN106) เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 20:29:45

ความคิดเห็นที่ 20   ^^ ต่างคนก็แตกต่างวัตถุประสงค์ครับ ผมสะสมพืชพวกนี้และดูแลให้กับรุ่นน้องที่เป็น นศ.ป.โท พฤกษศาสตร์ รวมทั้งชีวะวิทยา ลองศึกษาให้ดี จะรู้ว่ามีหลายวงศ์ หลายตระกูล หลายชนิด มากกว่าที่คุณคุ้นเคย หลายชนิดหายาก ผมก็ปลูกกึ่ง ๆ การทดลองและวิจัยไปด้วย ที่กล่าวมา มี หม้อข้าวหม้อแกงลิงผมก็ใช้น้ำประปาครับ กาบหอยแครง ถ้าคุณลองเพราะเมล็ดแล้ว ตะไคร่ขึ้น จะรู้ว่ามันแทบปิดประตูการเจริญเติบโตเลยนะ ถ้าสนใจลองเอาชื่อตระกูลไปเสิชดูนะครับ มีอีกมาก มากกว่าเพียง nepenthes(หม้อข้าวหม้อแกงฯ), dionaea (กาบหอยแครง) ครับ utricularia, drosera, genlisea ,sarracenia,pinguicula แค่บางส่วนครับ จากคุณ : Phoenix032 เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 21:20:57

ความคิดเห็นที่ 21   เอาลิ้งเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ชมนะครับ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8984855/X8984855.html http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8978312/X8978312.html จากคุณ : Phoenix032 เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 21:26:02

ความคิดเห็นที่ 22   ดูท่าตานกไฟจะหาเลี้ยงพืชเลี้ยงยากนะครับนั่น แค่ดูคร่าวๆก็น่ากลัวอยู่ทั้งเรื่องรา ความชื้น และอุณหภูมิ หารือนิดนึง คิดเอาแบบวิดสิวะ ถ้าติด Dehumidifier ช่วยลดความชื้นในโรงเลี้ยงน่าจะพอป้องกันเชื้อราได้อยู่นะครับ โดยเฉพาะช่วงกลางคืนอากาศเย็น ความชื้นกลั่นตัว ตรงนี้น่าจะเป็นส่วนสำคัญกว่าการกำจัดมลทินในน้ำที่ใช้ไปถึงระดับน้ำกลั่น แก้ไข เช็คเพิ่มดูมันก็แนะนำใช้น้ำกลั่นจริงๆด้วยแฮะ งั้นถ้าเอา RO ติดร่วมกับระบบ Resin ก็น่าจะถูกดี ได้ความสะอาดในระดับ 4 ppm ถ้าเทียบแล้วน้ำกลั่นทั่วไปก็จะประมาณนี้ ดีกว่าใช้วิธีกลั่นเอาจริงๆเพราะกลั่นมันเปลืองไฟ แล้วใช้ภาชนะโลหะ อย่างไรก็มีเหล็กละลายลงไปอยู่ดี http://www.flytrapcare.com/ แก้ไขแล้วแก้ไขอีก (ฟระ ลืมไปได้) เกี่ยวกับเรื่องเชื้อ ภาชนะเก็บน้ำถ้าเป็นไปได้ให้ติดหลอด UV ไว้ด้วยก็จะดี เท่าที่ประสบมาในโรงงาน จัดการมลทินยังไงก็แล้วแต่ภาชนะสัมผัสกับอากาศ เชื้อก็ยังเข้าไปโตได้อยู่ดี ขนาดติด ไมโครฟิลเตอร์หัวถังแล้วก็ยังเจอเชื้อเพราะมันก็เข้ามากับอากาศได้อยู่ ท้ายสุดที่ป้องกันเชื้อได้จริงๆก็คือหลอด UV นั่นแหละ เพราะเชื้อทั้งหมดมระยะการแบ่งตัวสั้น ถ้ามันไม่เข้าเกราะ และมันจะตายแม้แต่เจอ UV โดสอ่อนๆตอนแบ่งตัว จากที่เคยล้างถังทุกอาทิตย์ป้องกันเชื้อตอนนี้เก็บน้ำ Pure ไว้เป็นเดือนก็ไม่มีปัญหาเรื่องเชื้อน่ะครับ อันนี้ไม่ว่าจะใช้วิธีกลั่นหรือวิธีใดๆ ก็ควรมีหลอด UV ไว้อยู่ดีครับ แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 53 22:01:13 แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 53 21:44:21 จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 21:37:22

ความคิดเห็นที่ 23   อ๋อ..ต้องขอภัยด้วยครับ ผมเองก็ไม่ทราบว่าพืชที่ท่านคุณ Phoenix032 จะเป็นพืชลักษณะต้องการแร่ธาตุต่ำมาก...ถ้าเช่นนั้นคงต้องใช้ระบบที่มี Module ประกอบด้วย Resin และ RO ครับ โดยอาจเพิ่ม filter อย่าง microfiltration ยืดการรักษา RO membrane และเพิ่ม Activated charcoal น่าจะเริ่มได้คุณภาพที่ท่านต้องการได้ ถ้าจะเอาที่แบบน่าพึงพอใจมากก็เห็นจะเป็น Distilled - Deionized นั่นล่ะครับ ยิ่งกลั่นสองครั้งยิ่งน่าจะดีขึ้นครับ จากคุณ : sivpeer เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 21:59:16

ความคิดเห็นที่ 24   #22 เอาลิ้งนี้มาฝากคุณปลิงครับ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8936318/X8936318.html ปกติเครื่องกรอง RO มันมีไส้กรอง resin อยู่แล้วหนิครับ ? แต่เจอข้อมูลคร่าว ๆ ว่าได้ที่ 20ppm ซึ่งที่เค้าแนะนำกันในวงการพืชก็บอกว่า ไม่ควรมากกว่า 50 ppm ครับ หรือมีเครื่องที่มีไส้กรองที่ละเอียดขึ้นไปอีกครับ ? แต่ RO + DI คงไม่ไหวครับ ลงทุนค่อนข้างมาก แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 53 22:03:16 จากคุณ : Phoenix032 เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 22:02:19

ความคิดเห็นที่ 25   #23 เครื่องกรองปกติเราซื้อโมดูลมาติดเพิ่มได้เรื่อย ๆ หรอครับ ? เครื่อง Dehumidifier คงไม่จำเป็นมั้งครับ จริง ๆ ต้องการความชื้นสัมพัทธ์มากกว่า 70 ตลอดเวลาเลยครับ จากคุณ : Phoenix032 เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 22:14:27

ความคิดเห็นที่ 26   ถ้า 50 ppm RO โดดๆก็โอเคแล้วนะครับ ในท้องตลาดเครื่องกรอง RO มักประกอบด้วยชุด Carbon - Softener - RO ตัว Softener เป็น Resin ชนิดแลกเปลี่ยนความกระด้างเช่น Calcium และ Magnesium ด้วย เกลือโซเดียมแล้วผ่าน RO อีกทีหนึ่ง อาจมีอุปกรณ์ต่อคือเป็นตัวเสริมเพิ่มมลทินเพิ่อแต่งรสของน้ำไม่ให้บริสุทธิ์เกินไปครับ ส่วน Ion Exchange Resin ที่พูดถึงเวลาทำน้ำ Pure จะเป็น Cation Resin และ Anion Resin ใช้จับประจุบวกและลบ ใน Unit เล็กๆจะผสมกันแล้วเรียกว่า Mix-bed ก็มี แต่ถ้าคำแนะนำใช้น้ำที่มีมลทินไม่เกิน 50 ppm แค่ RO อย่างเดียวก็พอ สำคัญคือน้ำให้เก็บในภาชนะปลอดเชื้อ แขวนหลอด UV ไว้ด้วยก็โอเคแล้ว เรื่องโมดูล ในโรงงานก็จะซื้อมาติดตั้งเป็นชุดแยกได้ โดยทั่วไปในระดับใช้ตามบ้านผมก็ว่าน่าจะมีตัวเลือกได้มากพอนะครับ เห็นใน Pantipmarket ก็มีขายอยู่ ลองถามกับผู้ขายผมว่าน่าจะมีเครื่องที่จัดชุดได้ครบตั้งแต่กรอง Carbon ไปจนถึงถังเก็บมีหลอด UV ครับ จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 23:02:52

ความคิดเห็นที่ 27   ตามคุณ Darth Prin ว่าเลยครับ ระบบตามบ้านมักไม่ค่อยสามารถเพิ่มโมดูลได้ สิ่งที่สามารถทำได้คือการต่อสองระบบเข้าด้วยกันครับ แต่นั่นก็หมายถึงแรงดันน้ำต้องมากพอครับ จากคุณ : sivpeer เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 53 13:30:57