ความคิดเห็นที่ 1 1.ปัญหาโลกจะแตกหรือไม่ พอดีไม่ได้ดูหนังเรื่อง 2012 ก็เลยไม่รู้ว่าเกิดอุบัติภัยร้ายแรงอะไรขึ้นกับโลก แต่พอได้อ่านกระทู้ X9023323 ซึ่งมีการพูดถึงเรื่องการเรียงตัวของดวงดาว(ทั้งดาวฤกษ์ และ ดาวเคราะห์)ในแนวเดียวกัน ผมก็เลยอยากจะเพิ่มเติมอะไรนิดหน่อย โดยปกติแล้วดวงดาวรอบๆโลกส่งผลกระทบกับโลกของเราหลายอย่าง แต่ในที่นี้ผมจะพูดถึงในประเด็นเดียวคือ “แรงดึงดูด”  เป็นที่ทราบกันดีว่าแรงดึงดูดก่อใหเกิดน้ำขึ้น-น้ำลง (Tide)  ซึ่งเราก็ทราบกันดีว่าถ้าแรงนี้ส่งผลมากๆก็จะทำให้น้ำขึ้นสูงจนเกิดน้ำท่วมได้  แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าแรงดึงดูดไม่เพียงแค่ทำให้ระดับน้ำเปลี่ยนแปลงเท่านั้น มันยังทำให้เปลือกโลกเปลี่ยนแปลงได้ด้วย Earth Tide ภายใต้ผิวโลกที่เป็นหินแข็งทุกคนคงทราบดีว่าเป็นชั้นของของใหลที่เรียกว่า magma ก่อนจะถึงแกนโลกที่เป็นของแข็ง   NOTE เพื่อความเข้าใจ:  พื้นแผ่นดินที่เรายืนอยู่ทุกวันนี้มันก็เหมือนกับเกาะลอยน้ำนั่นเอง  แผ่นดิน(ทั้งบนบกและใต้น้ำ)บนผิวโลกเชื่อมต่อกันแต่ไม่ได้เป็นแผ่นเดียวกันทั้งหมด มันแตกออกเป็นแผ่นย่อยๆซื่งผมขอเรียกว่า Plate ก็แล้วกัน แต่ละ plate ก็จะลอยอยู่บน magma และมีการเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต่างๆกัน จนบางทีก็ชนกันบ้าง แยกกันบ้าง เสียดสีกัน้าง (จินตนาการถึงของที่ลอยอยู้บนน้ำเดือดดูนะครับ) บริเวณที่เป็นรอยต่อของ plate เหล่านี้เองที่มักจะเป็นจุดกำเนิดของแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟต่างๆ การที่แรงดึงดูดส่งผลต่อโลกมันไม่เพียงเปลี่ยนแปลงระดับน้ำ มันยังเปลี่ยนแปลงระดับของพื้นผิวโลกได้อีกด้วย สืบเนื่องจากการเคลื่อนที่ของของใหลใต้ผิวโลกนั่นเอง  ภาวะที่ผิวโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงในแนวระดับนี้เรียกว่า earth tide ถึงแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จเกิดขึ้นในระดับเดซิเมตร แต่มีความสำคัญมากต่อการเคลื่อนตัวของเปลีอกโลก และภัยธรรมชาติบางอย่าง จากคุณ : chaos_ats เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 09:17:47

ความคิดเห็นที่ 2 รูปหาย จากคุณ : chaos_ats เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 09:20:15

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วเกี่ยวกับปัญหาโลกแตกอย่างไร สำหรับการเรียงตัวของดวงดาว แน่นอนว่าการเรียงตัวของดวงดาวจะทำให้มีแรงดึงดูดระหว่างกันและกันมากขึ้น ผลคือทำให้ plate แต่ละ plate มีการเคลื่อนตัวบีบอัดกันหรือแยกตัวออกจากกันมากขึ้น โดยความเห็นส่วนตัวแล้วโลกคงไม่แตกง่ายๆจากสาเหตุแค่นี้หรอกครับ แต่ภัยพิบัติอย่างอื่นนี่ไม่แน่  เพราะผลลัพธ์ที่ตามมาคือความน่าจะเป็นในการเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด หรือซึนามิ ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย   ส่วนจะเกิดอะไรขึ้นนั้นจริงๆนั้นไม่มีใครตอบได้ แต่ถึงรู้ก็แก้ใขอะไรไม่ได้ และคงไม่มีใครหลบพ้นนอกจากหนีไปอยู่ในอวกาศ กล่าวโดยสรุปคือปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาตินั่นแหละครับ ทำใจให้สบายดีกว่า จากคุณ : chaos_ats เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 09:28:00

ความคิดเห็นที่ 4 ปาดขวา รอติดตามอ่าน เปิดกล่องรับคำถามเมื่อไรบอกด้วยนะครับ ^ ^ จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 09:34:13

ความคิดเห็นที่ 5 2. ประเด็นที่สองของผมคือปัญหาโลกร้อน หลายๆคนคงยังสงสัยกันอยู่ว่าปัจจุบันที่ออกข่าวครึกโครมกันว่าโลกร้อนขึ้นนั้นมันจริงหรือไม่  เถียงกันไปมาไม่รู้จบ ที่จริงแล้วผมว่าคำตอบมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์วัดมากกว่า - ถ้านับจากอดีตที่โลกเริ่มก่อตัวจนถึงปัจจุบัน โลกมันก็เย็นตัวลงทุกทีๆ - ถ้าเปรียบเทียบกับอดีตในรอบกลายพันหลายหมื่นปี อุณหภูมิโลกก็ยังยังคงปกติดีอยู่ มีขึ้นๆลงๆบ่างตามกาลเวลา  โลกผ่านช่วงร้อนและเย็นมาหลายรอบแล้ว เมื่อก่อนน้ำทะเลสูงกว่านี้เป็นร้อยเมตร ice age ก็มีมาหลายรอบ - ถ้าดูในรอบศตวรรษหรือทศวรรษ น่าจะสรุปได้ว่าโลกร้อนขึ้นครับ ดังที่มีบางคนตั้งข้อสงสัยว่าแล้วทำไมปีนี้ถึงมีภัยหนาวมากกว่าปกติทั้งที่โลกร้อน  อันนี้ถ้าจะให้อธิบายทั้งหมดมันคงเป็นเรื่องยาวแน่ๆ และผมก็ไม่รู้ทั้งหมดด้วย แต่ผมขอบอกว่าที่บอกว่าโลกร้อนเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่จริงแล้วควรจะพูดว่าสภาพภูมิอากาศบนโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงถี่และมีความรุนแรงมากกว่าเดิมมากกว่า อย่างเช่น หน้าหนาวก็หนาวจัด หน้าร้อนก็ร้อนกว่าเดิม ฯลฯ  เอามาหักลบเฉลี่ยกันทั้งปีแล้วปรากฏว่าอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยปีก่อนๆเลยสรุปได้ว่าโลกร้อนขึ้น ผมก็ไม่ทราบทั้งหมดว่าการที่โลกร้อนนี้จะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง การศึกษาเรื่องนี้ก็มีอยู่เรื่อยๆแต่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมดเพราะเป็นความเกี่ยวพันกันของหลายๆสาขาวิชาตั้งแต่ใต้พื้นดินถึงอวกาศ การจะทำโมเดลแสดงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกในขณะนี้นั้นผมคิดว่าคงอีกนาน จากคุณ : chaos_ats เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 09:36:38

ความคิดเห็นที่ 6 แต่อย่างน้อนตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าสาเหตุหนึ่งของโลกร้อนนั้นเกิดจากก็าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 นั่นเอง  สิ่งนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นสาเหตุหลักของโลกร้อนเลยก็ว่าได้  ในอดีตมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ปรากฏการณ์ green house effect เนื่องจาก co2โด่งดังมาก  ตอนนี้ถึงแม้ว่าเรื่องโลกร้อนจะมาบูมแทนแต่ผมคิดว่าสิ่งที่เราควรจะคำนึงถึงมากที่สุดคือ co2 มากกว่า  ปัจจุบัน co2 ได้ถูกปล่อยสู่บรรยากาศมากขึ้นเรื่อยๆและ green house effect ก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ co2 ไม่ได้ส่งผลต่อชั้นบรรยากาศเท่านั้น มันยังผสมกับน้ำทะเลและทำให้ความเป็นกรดด่างเปลี่ยนแปลง  โดยปกแล้วน้ำทะเลเป็นสารที่ buffer ได้ดี หมายความว่าส่วนประกอบทางเคมีค่อนข้างคงที่ถึงจะรับ co2 เข้าไปก็สามารถปรับสภาพสารประกอบให้คงที่ได้จากตกตะกอน co2  แต่การที่คนเราผลิต co2 มากเกินไปจึงทำไห้ทะเลปรับสภาพไม่ทัน (ช่างทำไปได้ T_T) ทำให้ความเป็นด่างลดลง(หรือ กรดไม่แน่ใจ) ซึ่งเกิดผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตในน้ำอย่างมากจนกวิทยาศาสตร์บางคนเป็นห่วงมากกว่าโลกร้อนอีก สำหรับปัญหานี้เราๆท่านๆไม่ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมเหมือนปัญหาแรกครับ ทุกคนช่วยกันป้องกันได้ด้วยการทำอะไรก็ได้ที่ช่วยลดการปล่อย co2 สู่บรรยากาศ ปล. ไม่ต้องรักโลกมากขนาดหยุดหายใจนะครับ จากคุณ : chaos_ats เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 09:41:55

ความคิดเห็นที่ 7 3. น้ำโขงหายไปไหน (น้ำลดจีนผุด เอ๊ะ หรือว่ามุด) ผมก็ไม่ทราบนะครับว่าทำไมปีนี้น้ำในแม่น้ำโขงถึงได้ลดลงมากในรอบหลาย 10 ปี  เห็นหลายท่านพูดว่าอาจเนื่องมาจากเขื่อนในประเทศจีน  ในความคิดเห็นส่วนตัวผมเองก็คิดว่าจีนมีส่วนครับ คิดง่ายๆ ถ้าปริมาณน้ำมีตามปกติ เขื่อนที่จีนก็จะเก็บกักน้ำไว้บางส่วนเท่าที่พอใช้ จะเอาไปใช้ในเกษตรกรรมหรือปั่นไฟก็ว่ากันไป  ที่เหลือก็ปล่อยลงมาด้านใต้น้ำตามปกติ แล้วน้ำมาน้อยจะเกิดอะไรขึ้น ปกติฤดูแล้งน้ำก็มาน้อยและจีนก็ขาดแคลนอยู่แล้ว ในเมื่อตอนนี่มีเขื่อนมีหรือจีนจะไม่กักเก็บน้ำไว้ให้คนของตัวเองใช้ก่อน อย่างน้อยมันก็ต้องมีมากพอที่จะทำไห้คนจีนไม่ออกมาแย่งน้ำกันเอง (ไม่งั้นรัฐแย่แน่เอาเงินมาสร้างเขื่อนตั้งเยอะ)  ประเด็นที่ว่าน้ำในประเทศจีนมีแค่ไม่กี่% ของแม่น้ำโขง  แต่ถึงแม่จะไม่กี่% แต่ก็เป็นต้นน้ำสำคัญนะครับเรื่องนี้ผมไม่มีความเห็นครับเพราะไม่รู้ว่าต้นน้ำของแม่น้ำโขงมาจากทางไหนบ้าง ทางแก้ อันนี้ไม่ทราบ แต่ถ้าอยากรู้ว่าจีนกักเก็บน้ำจริงหรือเปล่าผมคิดว่าพิสูจน์ไม่ยาก  ทุกๆวันนี้การจะซื้อภาพถ่ายดาวเทียมจากเอกชนไม่ใช่เรื่องยาก แถมรายละเอียดก็ยังสูง  ประเทศไทยมีคนเก่งๆหลายคนด้าน photogrammetry ท่านเหล่านี้สามารถตีความจากภาพถ่ายได้เลยว่าน้ำใต้เขื่อนและเหนือเขื่อนมันต่างกันขนาดไหน ผมคิดว่าถ้าจะทำกันจริงๆอาจจะประมาณได้ด้วยซ้ำว่าจีนกักเก็บน้ำไว้มากแค่ไหน ลองมีถาพถ่ายไล่มาตั้งแต่หิมาลัยถึงไทย รับรองว่าหาสาเหตุได้แน่   4. อันนี้ของแถมไว้ถามคนอ่านครับ  ไก่กับใข่อะไรเกิดก่อนก่อนกัน? บอกตรงๆว่างงกับคำถามนี้มาหลายปี เพิ่งมาคิดได้ตอนอายุ 20 กว่าๆ คำตอบที่ผมได้คือไข่เกิดก่อนครับ ทำไมน่ะหรือ ลองคิดดูสิครับ ปล. จำได้ว่าเคยตอบใครสักคนไปแล้วใน pantip นี่แหละ คนอ่านคงจำได้ ขอบคุณที่ร่วมติดตามครับ แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 53 09:50:58 จากคุณ : chaos_ats เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 09:49:39

ความคิดเห็นที่ 8 1.ปัญหาเรื่องโลกร้อน เคยมีกระทู้นึงบอกว่า ปริมาณ CO2 ที่คนปล่อยเพิ่มถือว่าน้อยมาก เพรา CO2 ที่ถูกปล่อยออกมามากที่สุดเกิดจากภาคเกษตรกรรม และภูเขาไฟระเบิดลูกเดียวกปล่อย Co2 ออกมามากกว่าภาคเกษตรตั้งไม่รู้กี่เท่าแล้ว มนุษย์จึงไม่น่ามีส่วนทำให้โลกร้อนขึนได้สักเท่าไร ดังนั้นการปล่อยCO2ของมนุษย์จะทำให้ทะเลปรับสภาพได้ไม่ทันจริงเหรอครับ 2. หากดาวเรียงตัวกันจริงๆ อย่างมากก็แค่เกิดแผ่นดินไหว และภูเขาไฟระเบิดมากขึ้นในช่วงเวลานั้นใช่มั้ยครับ ประเทศไทยที่ไม่มีทั้งภูเขาไฟและอัตราเกิดแผ่นดินไหวก็ต่ำมากๆ ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงแต่ประเทศที่ภูเขาไฟเยอะๆ หรือแผ่นดินไหวบ่อยๆเช่น ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น ถือเป็นโซนอันตรายถูกต้องมั้ยครับ จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 10:18:29

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องไก่ กับ ไข่ไก่ ต้องตั้งนิยามก่อนว่า จะเรียกไข่ซักฟองหนึ่ง จะเรียกจากอะไร 1. ตัวที่ออกไข่ใบนั้นออกมา 2. ตัวที่ฟักออกจากไข่ใบนั้น ถ้านิยามของไข่ คือ ข้อ 1 ดังนั้น ไก่จึงเกิดก่อน ไข่ไก่ แต่ถ้านิยามของไข่คือ ข้อ 2 ดังนั้น ไข่ไก่จึงก่อนไก่ จากคุณ : bmjas เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 12:30:45

ความคิดเห็นที่ 10   น้ำโขงหายไปไหน ผมมีคำตอบ เพราะมีคนบอกว่า ในรอบหลายสิบปี แสดงว่ามันเคยเป็นมาแล้ว นะสิ ก็เป็นแบบนี้ ไปเรื่อยๆแหละ จากคุณ : joyrisus เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 15:17:38

ความคิดเห็นที่ 11   ไก่กับไข่ ไก่ก็ต้องเกิดก่อนอยู่แล้ว เหมือนอด้มส์กะอีฟ ก็เอากันแล้วถึงเกิดลูกออกมา ต่างกันตรงที่ลูกที่เกิดมาไม่ได้เกิดเป็นไข่แต่เป็นตัวเท่านั้นเอง จากคุณ : โอเอซิสแมน เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 23:13:33

ความคิดเห็นที่ 12 เป็นความจริงที่ว่าปกติธรรมชาติก็ปล่อย co2 ออกมาสู่บรรยากาศอยู่แล้ว การเกิด co2 ตามธรรมชาตินั้นมีปริมาณมากก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าภูเขาไฟมันจะระเบิดทุกวัน การเกษตรก่อให้เกิด co2 อันนี้ไม่แน่ใจ แต่เกษตรกรรมก็เกิดจากมนุษย์อยู่ดี  เรื่องหายนะที่เกิดผมไม่ได้บอกว่ามันเกิดขึ่นฉับพลัน  ธรรมชาติของโลกมันก็เปลี่ยนแปลงด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว คนเราแค่เข้าไปช่วยเร่งปฏิกริยาเท่านั้นเอง เรื่องผลกระทบของดาวเรียงตัวนี่ผมกล่าวถึงผลกระทบจากแรงดึงดูดเท่านั้นนะครับ ผลกระทบอื่นก็ต้องพิจารณากันต่อไป ไทยอยู่ใกลแนวรอยต่อของ plate ก็จริง  แต่ก็เพราะแผ่นดินไหวนี่แหละที่ก่อให้เกิด tsunami ทำให้คนไทยเสียชีวิตไปไม่ใช้น้อย  และถ้าดูกันจริงๆแล้วไทยก็ไม่ได้ห่างแนวรอยต่อมากมายอะไรเลย  โลกเราก็กลมๆอยู่แค่นี้ เกิดอะไรขึ้นมามันก็โดนกันหมดแหละครับ เห็นหลายคนช่วยกันตอบคำถามก็ดีครับ ช่วยกันเสริมความคิด ความเห็นที่ 9 ตรงกับผมเลย กว่าผมจะคิดคำตอบได้ก็หลังจากได้รู้และเชื่อในทฤษฏีวิวัฒนาการแหละครับ เหตุผลของผมน่ะเหรอ ผมคิดว่าไข่เกิดก่อนไก่เพราะว่าในอดีตมันคงมีสัตว์อะไรสักอย่างที่ออกลูกมาเป็นไข่ เผอิญว่าใข่ใบนั้นมันเกิดวิวัฒนาการขึ้นมาแล้วก็ฟักออกมาเป็นสัตว์ที่เราเรียกว่าไก่ แต่เราจะเรียกสิ่งนั้นว่าใข่ไก่ได้หรือเปล่า อันนี้ก็แล้วแต่จะพิจารณาครับ ใข่ของไก่ เกิดหลังจากมีไก่ แต่ใข่ที่ฟักมาเป็นไก่ ไม่จำเป็นต้องมาจากไก่ ดังนั้นผมว่าใข่เกิดก่อนไก่ครับ จากคุณ : chaos_ats เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 53 08:43:56

ความคิดเห็นที่ 13 "CO2 ที่ถูกปล่อยออกมามากที่สุดเกิดจากภาคเกษตรกรรม" ? อะตอมคาร์บอนในต้นไม้ เกือบทั้งหมด มาจาก CO2 ในอากาศ ไม่ใช่หรือครับ เราปลูกพืช มันดูด CO2 เข้าไป สร้างอาหารและสร้างส่วนต่างๆ ของต้นไม้ ต้นไม้ถูกกิน ย่อยสลาย เผาไหม้ ได้ CO2 คืนมา CO2 ที่ออกมา มันจะมากกว่าที่ดูดเข้าไปได้ยังไง ไปเอา C มาจากไหน จากคุณ : ผลึกความคิด เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 53 13:11:22

ความคิดเห็นที่ 14   ถ้าจะแก้ปัญหาน้ำโขงจากจีน ในความเห็นผมนะ เราต้องสร้างประตูน้ำกั้น กั้นเป็นช่วงๆ ตลอดแนวแม่น้ำโขง ในแนวฝั่งไทย-ลาว (โดยร่วมมือกับลาว) ในเมื่อติดปัญหาด้วยการเมืองและการต่างประเทศ ไม่รู้ผมคิดถูกหรือเปล่านะ ------------------------------------ ส่วนเรื่อง CO2 คนนี่แหละปล่อย โดยเฉพาะอเมริกา ที่ปล่อยมากสุด และยังไม่ยอมลงนามสนธิสัญญาที่เกี่ยวกับโลกร้อน อ้างว่าสภาไม่ผ่าน กลัวกระทบ ศก ทุกทีแหละ แล้ว NGO อเมริกาก็มาว่างั้นว่างี้ เคยมาบอกว่าเตาถ่านทำให้โลกร้อน มูลโคทำให้โลกร้อน แล้วตัวเองหล่ะ จากคุณ : loading เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 53 21:38:32 A:125.26.110.198 X: TicketID:117878