ความคิดเห็นที่ 1 1.เอามาลองดูดกันก่อน 2.กระทำการรุนแรงต่อแท่งเหล็กแท่งใดแท่งหนึ่ง (ปาลงพื้น, เอามาตีกัน, กระทืบ ฯลฯ) 3.ถ้าแรงดูดกันอ่อนลงหรือไม่ดูดแสดงว่าแท่งนั้นเป็นแม่เหล็ก 4.ถ้าไม่แตกต่างทำ 2-3 ซ้ำซักห้าสิบรอบ 5.ถ้าไม่แตกต่างก็แสดงว่าอีกแท่่งเป็นแม่เหล็ก จากคุณ : Zkizzik เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 12:07:18

ความคิดเห็นที่ 2 1. เอาเส้นผมเส้นที่ยาวๆ ผูกตรงกลางแท่งเหล็ก ห้อยไว้สักครู่ดูว่ามันหันไปทางไหน (อาจใช้เส้นผมหลายเส้น ถ้าแท่งเหล็กมันหนักถึงขนาดทำให้เส้นผมขาด) แล้วลองหมุนเส้นผมนิดนึง เขี่ยๆ ให้แท่งเหล็กขยับ แล้วรอให้หยุด ดูว่ามันชี้ทิศทางเดิมทุกครั้งหรือเปล่า ทดสอบทีละแท่ง โดยเอาอีกแท่งที่ไม่ได้ทดสอบไปไว้ห่างๆ แท่งที่เป็นแม่เหล็กควรจะชี้ทิศทางเดิม 2. เอาสองแท่งมาประกบกันไว้นานๆ แท่งที่ไม่เป็นแม่เหล็กจะถูกเหนี่ยวนำกลายเป็นแม่เหล็ก แล้วตอบว่าตอนนี้มันเป็นแม่เหล็กทั้งสองแท่ง! (แต่ถ้าสองแท่งมันไม่ดูดกันเลยตั้งแต่แรกก็ไม่ใช่แม่เหล็กทั้งสองแท่ง) จากคุณ : ผลึกความคิด เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 12:36:15

ความคิดเห็นที่ 3 1.ขูดเหล็กสองแท่งให้เกิดตะไบเหล็กจำนวนหนึ่ง แล้วเอาตะไบเหล็กมาโรยบนกระดาษที่วางทับเหล็กแต่ละอัน หากอันไหนเกิดรูปสนามแม่เหล็กก็แปลว่าอันนั้นเป็นแม่เหล็ก 2.เอาเชือกแขวนตรงกลางแท่ง อันไหนชี้ไปทิศเหนืออันนั้นเป็นแ่ม่เหล็ก 3.อันนี้ไม่ชัวร์ ช่างน้ำหนัก หากปริมารเท่ากันเหล็กน่าจะมีถพ.มากกว่าแม่เหล็ก จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 12:38:52

ความคิดเห็นที่ 4 ดูเหมือนว่าจะมีหลายวิธีน่ะครับ อยากให้อธิบายเหตุผลบทสรุปรองรับของแต่ละวิธีด้วยน่ะครับ #1 การทารุณกรรมแท่งเหล็กมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทดสอบความเป็นแม่เหล็กอย่างไรครับ ช่วยอธิบายด้วยน่ะครับ 0 คะแนน #2 ใช้เส้นผมห้อยเหล็กตรงกลาง วิธีนี้ถือว่าเยี่ยมทีเดียว แต่ขอเหตุผลอธิบายเพิ่มเติมด้วยครับว่าทำไม แม่เหล็ก กับ เหล็กธรรมดา จึงหมุนและหยุดไม่เหมือนกัน 7.5 คะแนน วิธีเอามาทำให้เป็นแม่เหล็กทั้งคู่ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าอันใดเป็นแม่เหล็ก และ อันใดเป็นเหล็กธรรมดา 0 คะแนน #3 ขูดเอาผงเหล็กมาโรย วิธีนี้ก็ใช้กันโดยทั่วไปในกรณีที่สามารถขูดผงเหล็กออกมาได้ 0 คะแนน ไม่มีเชือกน่ะครับ แล้วก็ไม่มีเข็มทิศ เมื่อเราอยู่ในห้องเราจึงไม่รู้ว่าทิศไหนคือทิศเหนือ 2 คะแนน ชั่งน้ำหนัก ไม่มีตาชั่งครับ และ เท่าที่ทราบมา ความเป็นแม่เหล็ก จะทำให้น้ำหนักต่างกัน หรือเปล่า อันนี้ คงต้องแตกประเด็น 0 คะแนน แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 53 12:59:34 จากคุณ : Santa_Baby เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 12:44:23

ความคิดเห็นที่ 5 แม่เหล็กจะเสื่อมสภาพเมื่อเจอกับแรงกระแทกน่ะครับ รบกวนท่านอาจารย์พิจารณาคะแนนใหม่ด้วย แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 53 13:36:00 จากคุณ : Zkizzik เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 13:35:17

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าจำไม่ผิด (เรียนมานานละ) เหมือนแม่เหล็กที่มีแรงดึงดูดไม่สม่ำเสมอทั่วทั้งแท่ง แรงดึงดูดจะมีมากที่สุดที่บริเวณขั้วแม่เหล็กสองข้าง ถ้าเรานำปลายเหล็กแท่งนึก จ่อกับบริเวณปลายของเหล็กอีกแท่งในลักษณะตั้งฉากกันเหมือนตัว L แล้วลองเปลี่ยนมาจ่อบริเวณตรงกลางของเหล็กคล้ายๆตัว T ถ้าเหล็กที่ถูกจ่อเป็นแม่เหล็ก แรงดูดน่าจะน้อยลงเพราะนำมาจ่อบริเวณที่ห่างจากขั้ว แต่ถ้าจ่อตรงไหนแรงดูดก็เท่ากัน แสดงว่าเหล็กที่ถูกจ่อเป็นเหล็กธรรมดาครับ ไม่ค่อยแน่ใจว่ามันจะสังเกตแรงดึงดูดได้ชัดเจนมั้ยนะครับ บางทีมันอาจจะไม่ค่อยแตกต่างรึเปล่าไม่แน่ใจ จากคุณ : Panata เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 13:37:34

ความคิดเห็นที่ 7 #5 อืม มีเหตุผลๆ  พิจารณาปรับคะแนน ให้ 10 คะแนนครับ (แต่วิธีนี้ต้องระวังบาดเจ็บระหว่างการทดลองน่ะครับ) http://en.wikipedia.org/wiki/Magnet#Magnetization_and_demagnetization hammering or jarring เป็นเหตุให้ demagnetized ได้ จากคุณ : Santa_Baby เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 13:53:43

ความคิดเห็นที่ 8 #6 วิธีการนี้ยอดเยี่ยมมากครับ 10 คะแนน จากคุณ : Santa_Baby เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 14:00:35

ความคิดเห็นที่ 9 1. อธิบายเพิ่มจาก #2  1. แท่งแม่เหล็ก สามารถใช้เป็นเข็มทิศได้ เมื่อแขวนแท่งแม่เหล็กให้หมุนได้อิสระอยู่่ในสนามแม่เหล็กโลก มันจะหันขั้วเหนือไปทางขั้วใต้ของแม่เหล็กโลก ซึ่งอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือ  หันขั้วใต้ไปทางขั้วเหนือของแม่เหล็กโลก ซึ่งอยู่ใกล้ขั้วโลกใต้ เราไม่จำเป็นต้องรู้ว่าทางไหนทิศเหนือ ดูแค่มันหันไปทิศเดิมตลอดก็พอจะบอกได้ว่า นี่ไม่ใช่แท่งเหล็กธรรมดา แท่งเหล็กธรรมดา ไม่มีขั้วเหนือขั้วใต้ จะหันยังไงก็ได้ ไม่ชี้ทิศทางทางเดิมตลอด ถ้าขั้วแม่เหล็กมีลักษณะสมมาตร เช่น  ขั้วเหนืออยู่ที่ปลายสองข้างขั้วใต้อยู่รอบวง ก็ใช้วิธีนี้ไม่ได้ คงต้องใช้วิธีเอาแท่งเหล็กแหย่หาความแตกต่างของแรงดูดในแต่ละจุด แบบ #6 แต่ต้องทดสอบทั่วๆ แท่งเลยคงจะพอบอกได้ แท่งที่มีความแตกต่างระหว่างแต่ละจุด คือแท่งแม่เหล็ก จากคุณ : ผลึกความคิด เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 16:11:38

ความคิดเห็นที่ 10 #9 อธิบายได้เยี่ยมมากๆครับ ปรับคะแนนจาก 7.5 เป็น 10 คะแนนครับ จากคุณ : Santa_Baby เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 16:14:42

ความคิดเห็นที่ 11 จะเข้ามาตอบแบบ #6 ^ ^ ^ แต่ถ้าพูดแบบนี้อาจจะไม่มีประโยชน์อะไรเพิ่มขึ้น เลยคิดอีกวิธีมา แต่วิธีที่คิดนั่นใช้ได้กับแม่เหล็กที่หักง่ายๆเท่านั้น วิธีก็คือ 1.ขว้างเหล็กท่อนใดท่อนนึงลงพื้น ให้มันหัก 2.พอมันหักแล้ว เราลองเอามันมาประกบให้เหมือนเดิม ถ้ามันดูดกันแสดงว่ามันเป็นแม่เหล็ก ถ้าไม่ดูดแสดงว่าเป็นเหล็กธรรมดา เหตุผล: (ตามรูป) แม่เหล็กจะมีคุณสมบัติถ้ามันหัก ส่วนที่หักจะมีขั้วตรงข้ามกัน ป.ล.แท่งแม่เหล็กโรงเรียนผมทำตกทีนึงก็หักแล้ว ^^ จากคุณ : jesus_god เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 17:56:31

ความคิดเห็นที่ 12 1.จับเหล็ก-แม่เหล็ก ขยับเข้าออกด้วยความเร็วสูง 2. ถ้ารู้สึกว่าถูกไฟช๊อตจากชิ้นไหน แปลว่าเป็นเหล็ก เหตุผล ชิ้นที่เป็นเหล็ก เมื่อถูกสนามแม่เหล็กวิ่งผ่านจะเหนี่ยวนำให้เกิดไฟฟ้าขึ้น จากคุณ : ปลายทางของลูกผู้ชายที่พ่ายแพ้ เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 18:44:06

ความคิดเห็นที่ 13 มีเฉลยครับ ตาม # 6  ครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 19:46:52

ความคิดเห็นที่ 14   ตาม #6 ถ้าเป็นแม่เหล็กกำลังน้อยๆเราจะแทบไม่รู้เลย ส่วนข้อผูกเชือกผูกผมให้ชี้ทิศ นั่นแปลว่าเราเอาตัวแปรอื่นเข้าไปในห้องนั้นถือว่าใช้ได้เหรอครับ งั้นผมเอา เหล็กเปล่าๆ เข้าไปก็ไม่ผิดสินะ รับรองรู้100% จากคุณ : คนผ่านมาครับ เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 20:05:26 A:192.168.0.240 X:61.7.134.62 TicketID:209557

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมสนุกกันครับ อย่าซีเรียสกับเรื่องคะแนนครับ มันเป็นเพียงสิ่งสมมติ สรุปวิธีก็มี 1. #6 2. ผูกเชือกหรือผูกอะไรห้อยให้หมุนโดยอิสระแล้วอาศัยแรงแม่เหล็กโลก หลักการแบบเข็มทิศ 3. ทำให้หมดความเป็นแม่เหล็ก(ทำได้หลักๆสามแบบ คือ ให้ความร้อน ทุบ หรือ เอาไปวางในสนามแม่เหล็กแล้วค่อยๆปรับลด) 4. ทำให้หักกลาง 5. โรงผงเหล็ก จากคุณ : Santa_Baby เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 53 20:25:13

ความคิดเห็นที่ 16 เอาแม่เหล็กผูกด้วยเส้นผม แล้วเอาไฟห้อยใกล้ๆสายไฟในห้อง เบิดสวิสไฟพอมีกระแสไหล กระแสinrushจะทำให้แม่เหล็กแกว่ง เพราะกระแสไฟไหลจะเกิดสนามแม่เหล็กจากสายไฟตามหลักการของฟาราเด เอาแม่เหล็กไปใกล้ๆจอCRTคอมพิวเตอร์ในห้อง สนามแม่เหล็กจะทำให้ภาพเบี้ยวและสีเปลี่ยนไป จากคุณ : Joe (aircraftdesigner) เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 53 01:41:57

ความคิดเห็นที่ 17 #11 ผมว่า ชิ้นส่วนของแม่เหล็กที่แตกหักเอง มันน่าจะหักตามแนวที่มีแรงผลักกันมากกว่า เวลาเอามาประกบกันให้เหมือนเดิม รอยแตกมันน่าจะผลักกัน จากคุณ : ผลึกความคิด เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 53 13:14:22

ความคิดเห็นที่ 18   เอา ด้านนึงของอันหนึ่ง ไปติดกับ ตรงกลางของอีกอันหนึ่ง ถ้าควํ่าแล้วหลุด แสดงว่า อันที่เอาด้านไปต่อไม่ใช่แม่เหล็ก เพราะแม่เหล็กนั้น ตรงกลาง ของแท่ง จะเป็นจุดที่เส้นแรงแม่เหล็กตัดกัน มีกำลังน้อยที่สุด จากคุณ : W-Soul (W-Soul) เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 53 19:59:40

ความคิดเห็นที่ 19 #17 ตอบคุณผลึกความคิดครับ คาดว่าในชีวิตจริงคนเราส่วนใหญ่จะเจอแต่แม่เหล็กตามลำโพงที่สีดำๆ มากกว่าแม่เหล็กที่ทาสีแดงกับสีน้ำเงินหน่ะครับ ซึ่งแม่เหล็กตามลำโพง จะมีการแบ่งขั้วตามรูปข้างล่าง ดังนั้นถ้ามันหัก แล้วเอารอยต่อมาต่อกัน มันก็จะผลักกันแบบที่คุณผลึกความคิดว่าไว้ครับ แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 53 22:42:06 จากคุณ : jesus_god เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 53 22:39:28

ความคิดเห็นที่ 20 รู้สึกว่ารูปผิดถ้าพิจารณาถึงข้างใน เดี๋ยวไปวาดรูปใหม่ครับ แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 53 23:37:07 แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 53 23:14:07 จากคุณ : jesus_god เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 53 22:43:56

ความคิดเห็นที่ 21 แม่เหล็กแบบ1 (แบบที่ทาสีแดงน้ำเงินตรงปลาย) ภายในก็เหมือนมีแม่เหล็กอันเล็กๆอยู่ ให้Nเป็นขั้วเหนือ ให้Sเป็นขั้วใต้ จะได้ว่าภายในแม่เหล็กมีการเรียงแบบนี้ NSNSNSNSNSNSNSNSNSNSNSNS NSNSNSNSNSNSNSNSNSNSNSNS NSNSNSNSNSNSNSNSNSNSNSNS NSNSNSNSNSNSNSNSNSNSNSNS สังเกตว่า S กับ N มันจะหักล้างกัน ดังนั้นมันเลยแสดงขั้วเฉพาะตรงปลาย ถ้าเราทำมันแตกตามแนวดิ่งมันก็จะเกิดขั้วใหม่ที่ปลายรอยต่อ เพราะว่าภายใน S กับ N มันจะหักล้างกัน เลยแสดงขั้วตรงปลาย อารมณ์ประมาณนี้ NSNSNSNSNS          NSNSNSNSNSNSNS NSNSNSNSNSNS          NSNSNSNSNSNS NSNSNSNS          NSNSNSNSNSNSNSNS NSNSNSNSNS          NSNSNSNSNSNSNS ฉะนั้นถ้าเราเอามันมาต่อกันมันก็จะดูดกัน -------------------------------------------------------- แม่เหล็กแบบ2 (แบบที่พบในลำโพงที่มันเป็นวงๆดำๆ) ดูดีๆมันก็คือแบบ1 แต่หมุน 90 องศานั่นเอง ดังนั้นภายในแม่เหล็กมีการเรียงแบบนี้ NNNNNNNNNNNNNNNNNNNNNNN SSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSS NNNNNNNNNNNNNNNNNNNNNNN SSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSS ถ้าเราทำมันแตกตามแนวดิ่ง NNNNNNNNNNNN          NNNNNNNNNNN SSSSS           SSSSSSSSSSSSSSSSSSSSS NNNNNNNNNNNNNNNN          NNNNNNN SSSSSSSSSSSSSSSSSS           SSSSSSSS ฉะนั้นถ้าเราเอามันมาต่อกันมันก็จะผลักกัน --------------------------------------------------------- แล้วถ้าผ่าตามแนวนอนหล่ะ ผลลัพธ์ก็สลับกันนั่นเอง ป.ล. ขออภัยถ้าใช้ศัพท์ไม่ถูกต้อง จากคุณ : jesus_god เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 53 23:39:03

ความคิดเห็นที่ 22 เข้าใจแล้วครับ เรื่องแม่เหล็กลำโพง   ขอบคุณ คุณ jesus_god ทีนี้เรื่องแม่เหล็กแท่ง ที่มีขั้วที่ปลายสองข้าง โครงสร้างข้างในมันอาจไม่ได้เรียงตัวในแนวเดียวกันหมด เช่น ส่วนใหญ่เรียงทิศทางเดียวกับแท่งแม่เหล็ก  บางส่วนเฉียง  บางส่วนย้อนศร ส่วนที่มันกลับขั้วน่าจะเปราะกว่าส่วนอื่น เวลามันหัก มันก็น่าจะไปหักตรงนั้น เวลาขว้างแม่เหล็กแท่งลงพื้น มันคงไม่หักตรงๆ ตามขวาง  แต่อาจจะหักตามยาวหรือเฉียงๆ ตามส่วนที่มีแรงผลักภายใน จากคุณ : ผลึกความคิด เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 17:29:55