ความคิดเห็นที่ 1   ใช้เรื่อง เซต เข้ามาช่วย   (มั่ง) จากคุณ : อยู่ไปก็ไร้ความหมาย เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 10:40:33

ความคิดเห็นที่ 2 เราว่าปูน เพราะไอ้เปี๊ยกน่ะเพื่อนผมมันไม่เคยโกหกใคร จากคุณ : เชื่อดิ (น้องเอยแก้มอ้วน) เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 11:08:40

ความคิดเห็นที่ 3 ใช้ตารางหาค่าความจริงอย่างที่เรียนในระดับ ม.ปลาย ก็ได้คำตอบครับว่า เปี๊ยกกับปั่นทำ ส่วนปูนเป็นผู้บริสุทธิ์ หรือจะลองคิดเป็นคำพูดประกอบ ก็ได้ดังนี้ กรณีของเปี๊ยก สมมติว่าเปี๊ยกไม่ได้ทำ แสดงว่าปูนทำและปั่นไม่ได้ทำ แต่จะทำให้คำพูดของปูนกลายเป็นจริงไปด้วย (เพราะเชื่อมด้วยคำว่า ถ้า....แล้ว ดังนั้นเมื่อประโยคแรกของปูนไม่จริง ยังไงเสียค่าความจริงก็ต้องออกมาเป้นจริงแน่ๆ) ขัดกับที่บอกว่าคนทำโกหก ดังนั้นสรุปได้แน่ๆ ว่าเปี๊ยกทำคนนึงละ กรณีของปั่น เมื่อเปี๊ยกโกหก สมมติว่าปั่นพูดจริง จะทำให้ปูนโกหก เนื่องจากจะทำให้คำพูดของปูนกลายเป็น T -> F (หรือกลับกันถ้าปั่นโกหก ปูนจะพูดจริง) แต่ถ้าปั่นพูดจริงและปูนโกหก จะทำให้คำพูดของเปี๊ยกกลายเป็นจริง แต่จากข้างบนบอกไปแล้วว่าเปี๊ยกโกหกแน่ๆ แสดงว่าที่สมมติว่าปั่นพูดจริงก็เป็นไปไม่ได้อีก แสดงว่าปั่นต้องโกหกด้วย และเหลือปูนที่พูดความจริงอยู่คนเดียว จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 11:27:35

ความคิดเห็นที่ 4 ปูนทำครับ ลองแทนค่า T กับ F ดูก็จะรู้ว่ากรณีที่เป็ฯไปได้มีแค่ปูนคนเดียวเท่านั้น ^ ^ ^ เอ๊ะหรือผมคิดผิด ช่างมันขี้เกียจคิดละรอดูเฉลยละกัน แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 53 11:34:36 แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 53 11:34:04 แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 53 11:33:57 จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 11:32:39

ความคิดเห็นที่ 5 เด็กชายเหลืองเด็กชายแดง และเด็กชายเขียว ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เ็ห็นในการ ทำร้ายประเทศไทย คุณครูปิ๊กเลยเรียกทั้งสามคนมาสอบสวน เด็กชายเหลือง: แดงเป็นคนทำครับ เขียวไม่ได้ทำ เด็กชายแดง: ถ้าเหลืองทำ แล้วเขียวก็ต้องทำด้วยครับครู เด็กชายเขียว: ผมไม่ได้ทำนะครับ แต่ต้องมีอย่างน้อยคนนึงจากเหลืองกับแดงที่เป็นคนทำแน่ๆ แล้วใครเป็นคนทำร้ายประเทศไทย ? จากคุณ : mint_la เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 11:40:52

ความคิดเห็นที่ 6 ผมเดาว่าปูนทำ จากคุณ : ปุ้ม ครับ เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 11:50:30

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าคนทำมีคนเดียว ปูนเป็นคนทำแน่ๆ ถ้าคนทำมีมากกว่า 1 คน เป็นไปได้ 2 กรณีคือ เปี๊ยกกับปั่น และเปี๊ยกกับปูน ซึ่งถ้ามีคนทำมากกว่า 1 คนจะทำให้เป็นโจทย์ที่หาคำตอบไม่ได้ ถ้าเป็นโจทย์สำหรับสอบก็ต้องตอบว่าปูนทำ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงก็ไม่รู้ว่าใครทำ เพราะจากคำว่า"ปูนเป็นคนทำครับ ปั่นไม่ได้ทำ" ไม่รู้ว่าเปี๋ยกพูดความจริงทั้งหมด หรือพูดความจริงแค่ครึ่งเดียว โจทย์ของคุณ mint_la ก็หาคำตอบไม่ได้อยู่ดี เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ไม่รู้ว่า เหลืองพูดจริงทั้งหมด หรือพูดจริงแค่ครึ่งเดียว แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 53 11:59:42 จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 11:56:44

ความคิดเห็นที่ 8 ^ ^ สำหรับโจทย์ในหัวกระทู้ ให้ถืิิอว่าการ "พูดโกหก" คือการที่ค่าความจริงโดยรวมของข้อความทั้งประโยคออกมาเป็นเท็จก็แล้วกันครับ อืมม... ผมว่าปัญหาน่าจะมีคำตอบนะครับ V V แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 53 12:16:33 แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 53 12:06:40 จากคุณ : Accenda เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 12:03:23

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ^ ^ ก็หาไม่ไดอยู่ดีนี่ครับ หากไม่ระบุว่ามีคนทำกี่คน ถ้าระบุว่า 1 = ปูนทำ ถ้าระบุว่า 2 = เปี๊ยกกับปั่นทำ จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 12:09:40

ความคิดเห็นที่ 10 ให้ ปูนทำ  =p ปั่นทำ =q เปี๊ยกทำ =r เด็กชายเปี๊ยก: ปูนเป็นคนทำครับ ปั่นไม่ได้ทำ == p & ~q เด็ก ชายปูน: ถ้าเปี๊ยกทำ แล้วปั่นก็ต้องทำด้วยครับครู == r ==>q เด็กชายปั่น: ผมไม่ได้ทำนะครับ ==  ~q ต้องมีคนหนึ่งทำ แสดงว่า p,q,r ต้อง T 1อัน F 2อัน เด็กคนหนึ่งพูดเท็จ อีกสองพูดจริง แสดงว่า  p & ~q,   r ==>q, ~q ต้อง T 2อัน F 1อัน ============================ ถ้า q == F     p,r ต้องถูกอันผิดอัน จะได้ เด็กชายปั่น: ผมไม่ได้ทำนะครับ ==  ~q ==T p & ~q, r ==>q  ต้องถูกอันผิดอัน ถ้า p ==T, r ต้อง ==F   (p,r ต้องถูกอันผิดอัน) p & ~q == T r==>q == T ซึ่งไม่ตรงเงื่อนไข ( p & ~q, r ==>q  ต้องถูกอันผิดอัน) ถ้า p==F, r ต้อง == T   (p,r ต้องถูกอันผิดอัน) p & ~q == F r==>q == F ซึ่งไม่ตรงเงื่อนไข ( p & ~q, r ==>q  ต้องถูกอันผิดอัน) ========================================= ถ้า q == T จะได้ ----------------------------------------------------- เด็กชายปั่น: ผมไม่ได้ทำนะครับ ==  ~q ==F p,r ต้องผิดทั้งคู่ p & ~q, r ==>q  ต้องถูกทั้งคู่ ซึ่งไม่จริง ------------------------------------------------------------------------ ทำไมผมทำแล้วไม่มีคำคอบล่ะ ----------------แก้ไข---------------------- อ๋อเข้าใจละ มีคนทำมากกว่าหนึ่ง ผมดันคิดว่าโจทย์บอกว่ามีคนเดียวที่ทำ แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 53 13:33:52 จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 13:27:43

ความคิดเห็นที่ 11 #10 คุณ Ao+ ครับ ประโยคที่ปั่นพูดมีมากกว่า "ผมไม่ได้ทำ" นะครับ แต่ไม่ว่าในที่สุดจะมีคนทำกี่คน ผมยังยืนยันว่าปัญหานี้มีคำตอบภายใต้เงื่อนไขที่ให้มานะครับ  :) จากคุณ : Accenda เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 13:58:30

ความคิดเห็นที่ 12   อ้ายปื๊ด ชัวร์ๆ เป็นคนทำ จากคุณ : ปื๊ดมาเอง เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 21:04:44 A:111.84.20.131 X: TicketID:215661

ความคิดเห็นที่ 13 ลองทำเป็นตารางให้ดูครับ P เปี๊ยกบริสุทธิ์ Q ปูนบริสุทธิ์ R ปั่นบริสุทธิ์ ดังนั้น เปี๊ยกบอกว่า ~Q^R ปูน ~P->~R ปั่น R^(~Pv~Q) กรณีที่จะใช้ได้คือ กรณีที่ค่าความจริงของ P Q R ตรงกับค่าความจริงของประโยคที่แต่ละคนพูดทุกคน (เพราะโจทย์บอกว่าคนทำโกหก คนบริสุทธิ์พูดจริง)                       P           Q                R P   Q    R     ~Q^R    ~P->~R    R^(~Pv~Q) --------------------------------------------------- T   T    T          F           T                F T   T    F          F           T                F T   F    T          T           T                T T   F    F          F           T                 F F   T    T          F           F                 T F   T    F          F           T                 F F   F    T          T           F                 T F   F    F          F            T                F จะเห็นว่ามีกรณีเดียวคือ P กับ R เป็น F และ Q เป็น T เท่านั้น ที่ค่าความจริงของแต่ละประโยคที่แต่ละคนพูด จะเท่ากับค่าความจริงของเหตุการณ์จริง จึงสรุปได้ว่า เปี๊ยกกับปั่นโกหก ส่วนปูนพูดความจริง จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 23:00:30

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณคุณเกียรตินำจาก #3 และ #13 ที่กล่าวนั้นถูกต้องสมบูรณ์ทุกประการแล้วครับ :) เครดิต: แนวคิดจากเอกสารประกอบการสอนวิชา Mathematical Logic โดย Stephen Simpson (Penn State) หน้า 8-9 แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 53 23:23:13 จากคุณ : Accenda เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 23:21:24

ความคิดเห็นที่ 15 ^ ^ ^ ผมสงสัยกรณีที่ เปี๊ยกกับปั่นบริสุทธิ์ แต่ปูนเป็นคนทำน่ะครับ คุณบอกว่า เปี๊ยกและปั่นเป็น T อันนี้โอเึค แต่ปูนเป็น T ได้ยังไงครับ ในเมื่อปูนบอกว่า "ถ้าเปี๊ยกทำ ปั่นก็ต้องทำ" ซึ่งความจริงของกรณีนี้ก็คือ ทั้งเปี๊ยกและปั่นไม่ได้ทำ ถ้าคิดตามปกติก็คือโกหกอยู่แล้ว แต่คุณกลับตีค่าเป็น T ด้วยสูตร ~P-->~R = T แต่ในความเป็นจริง คำว่า"ถ้าเปี๊ยกทำ ปั่นก็ต้องทำ" ไม่ได้แปลว่า "ถ้าเปี๊ยกไม่ทำ ปั่นก็ต้องไม่ทำ" นี่ครับ ไม่ได้จะเอาชนะนะครับ แต่ผมสงสัยเพราะความจริงมันไม่ได้ตรงเป๊ะตามสูตรคณิตศาสตร์น่ะครับ จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 23:41:22

ความคิดเห็นที่ 16 #15 ขอลองช่วยขยายความประเด็นที่คุณผมไม่ใช่คนดีฯ ชี้ให้มองนะครับ ในที่นั้นน่าจะหมายถึงบรรทัดที่ 3 ของตารางค่าความจริงใน #14 ใช่ไหมครับ ซึ่งเป็นกรณีที่เปี๊ยกกับปั่นบริสุทธิ์ทั้งคู่ นั่นคือ P เป็น T และ R เป็น T พิจารณาประโยค "ถ้าเปี๊ยกทำ ปั่นก็ต้องทำ" ซึ่งคือประโยค ~P -> ~R ซึ่งในที่นี้ ~P เป็น F และ ~R เป็น F ดังนั้น ~P -> ~R เป็นจริง แน่นอนว่า "ถ้าเปี๊ยกทำ ปั่นก็ต้องทำ" ไม่ได้แปลว่า "ถ้าเปี๊ยกไม่ทำ ปั่นก็ต้องไม่ทำ" ดังนั้นประเด็นที่น่าสงสัยซึ่งคุณผมไม่ใช่คนดีฯ ชี้ให้มองนั้นจะอธิบายได้อย่างไร? ผมอธิบายแบบนี้ได้ไหมครับ คือในที่นี้เราตั้งไว้ตายตัวแล้วว่า P คือประพจน์ "เปี๊ยกบริสุทธิ์" ดังนั้น ประพจน์ ~P จึงหมายถึง "เปี๊ยกไม่บริสุทธิ์" (คือเปี๊ยกเป็นคนทำ) เสมอ ผมไม่แน่ใจว่าตอนที่ผมไม่ใช่คนดีฯ ดูตารางบรรทัดที่สาม อาจเผลอไป เปลี่ยนความหมายของประพจน์ ~P เป็นว่า ~P คือประพจน์ "เปี๊ยกไม่ได้ทำ" ซึ่งการตีความดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะเรา fix ไว้แล้วว่า P คือ "เปี๊ยกบริสุทธิ์" เพราะฉะนั้นไม่ว่ายังไง ~P จะหมายถึง "เปี๊ยกเป็นคนทำ" เสมอครับ ไม่ทราบผมเข้าใจประเด็นที่คุณผมไม่ใช่คนดีฯ พูดถึงถูกหรือเปล่าครับ ถ้ายังเข้าใจไม่ถูกก็ต้องขออภัยด้วยครับ : ) จากคุณ : Accenda เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 00:28:52

ความคิดเห็นที่ 17 ููู^ ^ ^ ตรงที่คุณบอก ผมตีความผิดจริงๆด้วยครับ ถึงตีความแบบที่คุณบอก แต่ค่า Q ในบรรทัดที่ 3 มันเป็น T ได้แค่ในสูตรคณิตศาสตร์ไ่มใช่เหรอครับ "ถ้าเปี๊ยกทำแล้วปั่นก็ต้องทำ" ก็คือ F-->F มีค่าเท่ากับ T ตามหลักความจริงแล้วคำว่า "ถ้าเปี๊ยกทำปั่นก็ต้องทำ" เป็นคำพูดโกหกหากทั้งสองคนนั้นบริสุทธิ์ ไม่ใช่เหรอครับ หรือสามารถมองได้ว่าคำว่า "ถ้าเปี๊ยกทำปั่นก็ต้องทำ" เป็นการพูดความจริง หากทั้งสองคนบริสุทธิ์ครับ ถ้าใช่ขอคำอธิบายเพิ่มเติมตรงประโยคนี้ด้วยนะครับ ปล.เป็นเรื่องที่อ่านยากพิมพ์ยากจริงๆ ทั้งตอนอ่านทั้งตอนพิมพ์ต้องคิดทุกช็อตเลยแฮะ ^ ^ จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 01:21:56

ความคิดเห็นที่ 18 #17 อืมม์ ที่คุณผมไม่ใช่คนดีฯ พูดมาก็น่าคิดนะครับ การพูดว่า "ถ้าเปี๊ยกทำแล้วปั่นก็ต้องทำ" อาจทำให้ฟังแ้ล้ว "รู้สึก" ว่าสองคนนี้น่าสงสัย แต่ถ้าจะว่ากันด้วย "เหตุผล" แล้ว ประเด็นสำคัญก็คือ ตกลงเปี๊ยกทำหรือเปล่าล่ะ? ซึ่งในกรณีที่ทั้งเปี๊ยกและปั่นไม่ได้ทำ เราก็ไปว่าอะไรสองคนนี้ไม่ได้ และประโยค "ถ้าเปี๊ยกทำแล้วปั่นก็ต้องทำ" ก็ยังมีค่าความจริงเป็นจริง เราไปกล่าวหาไม่ได้ด้วยว่าคนพูดโกหก (แค่อาจฟังดู "มีเลศนัย" นิดหน่อยเท่านั้น) ตามหลักตรรกศาสตร์ การพูดว่า "ถ้าเปี๊ยกทำแล้วปั่นก็ต้องทำ" เป็นการโกหกก็ต่อเมื่อ เปี๊ยกทำ แต่ปั่นไม่ได้ทำด้วย ถ้าเป็นกรณีอื่นๆ ถือว่าไม่ไ้ด้เป็นการโกหกครับ แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 02:22:35 แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 02:21:28 แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 02:18:30 แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 02:02:02 แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 01:59:43 แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 01:56:31 จากคุณ : Accenda เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 01:48:46

ความคิดเห็นที่ 19 ^ สถานการณ์ที่เป็นไปได้ก็คือ ประมาณว่าปั่นเป็นลูกพี่ของเปี๊ยก เป็นคนเอาแป้งเปียกมา แล้วให้เปี๊ยกเป็นคนไปทา ดังนั้นถ้าเปี๊ยกทำตามที่ปั่นบอก ปั่นก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่ถ้าเปี๊ยกไม่ได้ทำ ก็ไม่แน่ว่าปั่นจะทำหรือไม่ทำ อาจจะเป็นไปได้ทั้งนั้น ปั่นอาจจะไม่ไว้ใจลูกน้องเลยจัดการเอง หรือมี "มือที่สาม" อย่างปูนเป็นคนทำก็ได้ จริงไหมครับ จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 04:19:52

ความคิดเห็นที่ 20 ^ ^ ^ ลองมานึกดูอีกที ถ้ากรณีแบบที่คุณพูดก็เป็นไปได้แฮะ ผมเข้าใจละ แต่ผมติดใจอยู่อีกกรณีนึงครับ สมมติเปี๊ยกกับปั่นเป็นเพื่อนสนิทกัน ปูนรู้แค่ว่าทั้งสองคนสนิทกันทำอะไรทำด้วยกัน ดังนั้นเรื่องเปี๊ยกทำหรือไม่ทำ ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะต้องนำมาคิดว่าปูนพูดจริงหรือไม่ เพราะปูนไม่ได้พูดถึง ถ้าเปี๊ยกทำปั่นก็ต้องทำ = T (ปูนพูดจริงเท่าที่ตนรู้) ถ้าเปี๊ยกไม่ทำปั่นก็ต้องไม่ทำ = T (ปูนพูดจริงเท่าที่ตนรู้) ถ้าเปี๊ยกทำปั่นก็ต้องไม่ทำ = F (ปูนโกหกทั้งๆที่รู้ว่าทั้งคู่ตัวติดกัน) 3 กรณีนี้โอเคเคลียร์ ตรรกศาสตร์กับเรื่องจริงให้ค่าเหมือนกัน ถ้าเปี๊ยกไม่ทำปั่นก็ต้องทำ = ? (โกหกหรือพูดจริง???) แต่กรณีนี้ผมว่ามันยังงงๆ ถ้าคิดตามตรรกศาสตร์ก็ต้องตอบ T แต่ถ้าตามความเป็นจริงแล้ว มันควรจะ F ไม่ใช่เหรอ หรือไม่ก็สรุปไม่ได้ ปล.ปัญหานี้มาคิดจริงๆจัง รู้สึกช่วยลับสมองได้เยอะเลย ^ ^ จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 09:35:38

ความคิดเห็นที่ 21   ผมสงสัยเรื่องเดียวกับคุณ "ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา" ขอแตกประเด็นนะครับ เผื่อจะได้มีคนมาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9078246/X9078246.html ความจริงผมกดแตกประเด็นแล้วแต่มันไม่ขึ้นในกระทู้นี้ครับเป็น(ผมกดพรีวิวก่อน(เกี่ยวรึเปล่าไม่รู้)) จากคุณ : สงสัยครับ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 11:46:46 A:125.25.132.117 X: TicketID:258388

ความคิดเห็นที่ 22   ผมคิดมาได้ออกมาปูนทำน่ะครับ แหะๆ ไม่ได้ใช้ตรรกศาสตร์แบบคณิตศาสตร์ช่วยด้วย แต่คิดออกมาโยงไปเรื่อยน่ะครับ ซึ่งผมคิดว่า keyword น่าจะอยู่ที่ปั่นนะครับ ซึ่งปั่นบอกว่า "ผมไม่ได้ทำนะครับ แต่ต้องมีอย่างน้อยคนนึงจากเปี๊ยกกับปูนที่เป็นคนทำแน่ๆ" หมายความว่า ถ้าปั่นเป็นคนทำ อีก 2 คนจะไม่เป็นคนทำ แต่ถ้าปั่นไม่ได้เป็นคนทำ อย่างน้อย 1 คนนั้นต้องทำอย่างแน่นอน ทีนี้ผมลองสมมุติว่า ให้ปั่นเป็นคนบริสุทธิ์ แล้วไปดูที่คำพูดเปี๊ยก "ปูนเป็นคนทำครับ ปั่นไม่ได้ทำ" ดูเฉพาะคำข้างหลังก็แสดงให้เห็นว่า เปี๊ยกพูดจริง ดังนั้นคำข้างหน้าของเปี๊ยกต้องจริงด้วย ผมจึงคิดได้ว่า เปี๊ยกกับปั่นเป็นผู้บริสุทธิ์น่ะครับ ส่วนปูนเป็นคนทำ อีกกรณีหนึ่งคือ ปั่นเป็นคนทำ ตามที่บอกไปแล้วว่าถ้าปั่นเป็นคนทำ อีกสองคนจะบริสุทธิ์ ซึ่งจะไปขัดกับคำพูดของเปี๊ยกว่าปั่นไม่ได้ทำครับ ดังนั้น ในความคิดของผมนั้น ปูนเป็นคนทำครับ ปล.ผมคิดในกรณีที่โจทย์ให้มาว่าถ้าใครทำผิด จะต้องโกหก หมายถึงโกหกทุกอย่างที่พูดนะครับ จากคุณ : เดามั่วๆเอาครับ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 12:17:07 A:125.27.201.131 X: TicketID:190702

ความคิดเห็นที่ 23 ตอนแรกผมก็คิดว่าปูนทำ เพราะคิดว่า การที่เปี๊ยกทำ และการที่ปั่นทำ เป็นเหตุการณ์ที่เป็นอิสระต่อกัน ดังนั้นการที่บอกว่า"ถ้าเปี๊ยกทำ แล้วปั่นก็ต้องทำด้วยครับครู" น่าจะเป็นเท็จ เพราะมันไม่น่าเกี่ยวกัน เหมือนกับพูดว่า ถ้าน้ำทะเลเค็ม ดวงอาทิตย์ก็ต้องขึ้นทางทิศตะวันออก ถึงจะเป็นความจริงทั้งคู่ แต่พอเอามาพูดต่อกันแล้วเหมือนจะไม่จริง นี่ขนาด จขกท บอกว่า ตรรกศาสตร์ง่าย ๆ นะนี่ T_T จากคุณ : เพื่อนไอ้เปี๊ยก (น้องเอยแก้มอ้วน) เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 12:55:40

ความคิดเห็นที่ 24   เงื่อนไขซ่อนเร้น1 : โจทย์ไม่กำหนดว่ากี่คนทำ เงื่อนไขซ่อนเร้น2 : ใครโกหก(F)ถือว่าเป็นคนทำ เงื่อนไขซ่อนเร้น3 : ใครไม่โกหก(T) เป็นคนไม่ทำ ประเด็นสงสัย : คือว่าเปี้ยกพูดว่า "ปูนทำ ปั่นไม่ได้ทำ" นี่ใช้ "และ" หรือ "หรือ" เชื่อมสองวรรคนี้ หรืออิสระต่อกัน ใน คห ผม ผมคิดว่ามันเป็นอิสระนะ ของผมกำหนดว่าอิสระแล้วกัน เครื่องหมายที่ผมใช้ ผมใช้เครื่องหมาย / แทนการอิสระนะครับ /+ แทนเงื่อนไขซ้อนเร้นที่ต้องเพื่ม (คนโกหกทำ คนไม่โกหกทำ) ___________________________________________________________ จากโจทย์ กำหนดเงื่อนไขทั้งหมดได้ว่า เปี้ยก: ปูนทำ / ปั่นไม่ทำ /+ เปี้ยกไม่ทำ(เพราะพูดจริง) ~เปี้ยก: ปูนไม่ทำ / ปั่นทำ /+ เปี้ยกทำ (เพราะโกหก) ปูน: (ถ้าเปี้ยกทำ ปั่นก็ทำ <=>เปี้ยกไม่ทำ หรือ ปั่นทำ) /+ ปูนไม่ทำ (เพราะพูดจริง) ~ปูน: เปี้ยกทำ และ ปั่นไม่ทำ /+ ปูนทำ (เพราะโกหก) ปั่น: ปั่นไม่ทำ และ(แต่) มากกว่าเท่ากับ 1 คนระหว่างเปียกปูนทำ ~ปั่น: ปั่นทำ หรือ (น้อยกว่า 1 (ได้ 0) ระหว่างเปียกปูนทำ<=>เปียกกับปูนไม่ได้ทำ ) ___________________________________________________________ คู่ข้อวามที่ผมก้ามปูนั่นคือส่วนที่ขัดแย้งกัน ใช้ตารางค่าความจริง เรียงลำดับ (เปี้ยก ปูีน ปั่น) TTT (ตัดออกทันทีเพราะต้องมีคนทำผิด) TTF เปี้ยก: [[ปูนทำ]] / ปั่นไม่ทำ /+ เปี้ยกไม่ทำ ปูน: เปี้ยกไม่ทำ หรือ ปั่นทำ/+ [[ปูนไม่ทำ]] ~ปั่น: ปั่นทำ หรือ เปี้ยกกับปูนไม่ได้ทำ TFT เปี้ยก: ปูนทำ / ปั่นไม่ทำ /+ [[เปี้ยกไม่ทำ]] ~ปูน: [[เปี้ยกทำ]] และ ปั่นไม่ทำ /+ ปูนทำ ปั่น: ปั่นไม่ทำ และ มากกว่าเท่ากับ 1 คนระหว่างเปียกปูนทำ TFF เปี้ยก: ปูนทำ / ปั่นไม่ทำ /+ [[เปี้ยกไม่ทำ]] ~ปูน: [[เปี้ยกทำ]] และ ปั่นไม่ทำ /+ ปูนทำ ~ปั่น: ปั่นทำ หรือ เปี้ยกกับปูนไม่ได้ทำ FTT ~เปี้ยก: ปูนไม่ทำ / [[ปั่นทำ]]/+ เปี้ยกทำ ปูน: เปี้ยกไม่ทำ หรือ ปั่นทำ/+ ปูนไม่ทำ ปั่น: [[ปั่นไม่ทำ]] และ มากกว่าเท่ากับ 1 คนระหว่างเปียกปูนทำ ****FTF**** ~เปี้ยก: ปูนไม่ทำ / ปั่นทำ /+ เปี้ยกทำ ปูน: เปี้ยกไม่ทำ หรือ ปั่นทำ/+ ปูนไม่ทำ ~ปั่น: ปั่นทำ หรือ เปี้ยกกับปูนไม่ได้ทำ ****สอดคล้อง**** FFT ~เปี้ยก: [[ปูนไม่ทำ]] / ปั่นทำ /+ เปี้ยกทำ ~ปูน: เปี้ยกทำ และ ปั่นไม่ทำ /+ [[ปูนทำ]] ปั่น: ปั่นไม่ทำ และ มากกว่าเท่ากับ 1 คนระหว่างเปียกปูนทำ FFF ~เปี้ยก: [[ปูนไม่ทำ]] / ปั่นทำ /+ เปี้ยกทำ ~ปูน: เปี้ยกทำ และ ปั่นไม่ทำ /+ [[ปูนทำ ]] ~ปั่น : ปั่นทำ หรือ เปี้ยกกับปูนไม่ได้ทำ สรุปผมตอบว่า ปูนไม่ทำ เปี้ยกปั่นทำ ปล1 เห็นตรงไหนผมคิดผิด รบกวนช่วยแจ้งด้วยนะครับ ขอบคุณ ปล2 ผมอาจจะเขียนไม่รุ้เรื่อง แต่พยามยามสุดแล้วครับ จากคุณ : loading เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 10:22:43 A:118.174.1.234 X: TicketID:117878

ความคิดเห็นที่ 25 ผมขอแยกเป็นสองกรณีนะครับ กรณีแรก: เปี๊ยกไม่ได้ทำ ดังนั้นเราเชื่อที่เปี๊ยกพูดได้นั่นคือ ปูนเป็นคนทำ(ผู้ร้ายมีคนเดียว) ซึ่งสอดคล้องคำให้การของปั่น  ปัญหาคือว่า มันส่งผลให้ที่ปูนพูดไม่จริง ซึ่งก็ได้ว่า ต่อให้เปี๊ยกทำ ปั่นก็ไม่ได้โดนบังคับให้ต้องร่วมมือด้วย ดังนั้นกรณีนี้สมเหตุสมผล สรุปได้ว่าปูนทำ กรณีที่สอง: เปี๊ยกเป็นคนทำ แสดงว่าเปี๊ยกพูดโกหก จำเลยจึงสารภาพโดยไม่รู้ตัวด้วยว่า ปูนไม่ได้ทำ(แก้ต่างให้เพื่อนเองซะงั้น) แต่ปั่นนั่นแหละทำ(ร่วมมือกับเปี๊ยก) ซึ่งก็สองคล้องกับที่ปูนให้การ  ณ ตอนนี้เราได้ว่าปั่นก็ร่วมทำผิดด้วย ที่ปั่นให้การมาจึงโกหก ตอนนี้เราจึงได้ขอมูลจากปั่นเองว่า ผม(ปั่น)ทำเองครับ หรือ (เปี๊ยกกับปูนทั้งสองคนไม่มีใครทำผิดเลยครับ) ซึ่ง ประโยคในวงเล็บไม่จริง เพราะเปี๊ยกทำผิด จึงบังคับให้ได้ว่า ปั่นสารภาพแล้ว(โดยไม่รู้ตัว)ว่า ตัวเองร่วมมือกับเปี๊ยก ดังนั้นถ้าผมเป็นครูผมจะตีมันทั้งสามตัวนั่นแหละครับ โหดดี(มั่วมากๆ 55) ล้อเล่นครับ ผมเชื่อปูนครับ ดังนั้น ขอตีเปี๊ยกกับปั่นละกัน ของอย่างนี้เด็กๆคนเดียวมันไม่กล้าทำหรอกครับ มันต้องเป็นขบวนการ (คำให้การของปูนจะมีประโยชน์กรณีที่สองนี่แหละครับ บอกใบ้ครูในตัว) *** แก้ประโยคนิดนึง แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 53 05:06:59 จากคุณ : The mask of tears เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 05:03:05

ความคิดเห็นที่ 26 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 21:15:45

ความคิดเห็นที่ 27 แวะมาดู  เรื่องพวกนี้เคยเรียน แต่ลืมไปหมดแล้ว โง่เลยเรา จากคุณ : MochaCoCo เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 10:58:38