ความคิดเห็นที่ 1 มีคนบอกว่า ที่ออสเตรเลีย ค่าแรงขั้นต่ำสุด (แม้จะแค่ล้างจาน) = ชั่วโมงละ 15 เหรียญ (ประมาณ 375 บาทไทย แต่บ้านเราบางคนทำทั้งวันยังได้ไม่ถึง) ยิ่งเป็นงานที่ใช้แรงงาน เช่นก่อสร้าง ทำถนนยิ่งได้เยอะ 25 ขึ้นไป (นั่งออฟฟิชแอร์เย็นๆได้ต่ำกว่าพวกใช้แรงงาน) เนื้อหมู กก. ละ 5 เหรียญ น้ำมันลิตรละ 1 เหรียญกว่าๆได้มั้ง รถยนต์ราคาถูกกว่าไทย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิค ถูกกว่าไทยนิดหน่อย นี่คือสภาพของสังคม ในประเทศที่พัฒนาแล้ว (รอผู้รู้จริง มาตอบอีกที) จากคุณ : (-_-") เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 12:24:12

ความคิดเห็นที่ 2 เมืองไทย แค่คุณได้รับการศึกษาราคาถูกๆเหมือนตอนนี้ ก็เลื่อนฐานะได้แล้วครับ เพราะการเลื่อนฐานะ ที่ง่ายดายที่สุดคือยกระดับการศึกษาของตนเอง ต้นทุนก็ถูกที่สุด สำหรับเมืองไทยอ่ะนะ เมืองนอก ที่ไม่ใช่รัฐสวัสดิการอย่างแสกนน่ะนะ ดูจะเลื่อนยากกว่าอีก ต้องอาศัยความสามารถส่วนตัวแบบ น้องๆรุ่นคุณปู่เสื่อผืนหมอนใบ เพื่อสร้างฐานะของตัวเองเลย  เพราะว่าค่าเรียนมหาวิทยาลัยแพงมากกกกกกก กอไก่หมดโลก จากคุณ : perspeceviT เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 12:26:10

ความคิดเห็นที่ 3 จากคห 1 และ 2 สรุปว่า เมืองนอกเลื่อนสถานะยากกว่าไทย แต่พลงเมืองเขาไม่ค่อยแตกต่างกันเรื่องสถานะ จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 12:34:05

ความคิดเห็นที่ 4   ถ้าเป็นที่อเมริกาผมมองว่าระบบค่าแรงและสวัสดิการทำให้คนทุกคนสามารถอยู่ได้อย่างสบายมีปัจจัย 4 พร้อมเพียงรวมถึงรถอีกซักคันถ้าคุณไม่เป็นคนขี้เกียจ แต่ก็ยังห่างไกลกับคำจำกัดความคำว่ารวย ที่เราคิดว่าฝรั่งรวยก็เพราะค่าเงินของเขามากกว่าของเราเท่านั้นเอง จากคุณ : คามิยามะมาเยือน!!! เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 12:37:02

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนเรียนป.โท มีอ.เศรษฐศาสตร์ท่านหนึ่งเคยตั้งข้อสงสัยว่า อเมริกาเนี่ยคนจบป.ตรี ทำงานแค่ไม่กี่ปี ก็มีบ้านมีรถเป็นของตัวเองแล้ว แต่คนไทยจบป.ตรี ส่วนใหญ่กว่าจะมีบ้านซักหลังทำงานกันเป็นสิบปี แถมยังได้แค่ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโด มันต้องมีอะไรผิดปกติซักอย่างระหว่างราคาบ้าน กับค่าแรง จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 12:42:01

ความคิดเห็นที่ 6   ผมว่าประเทศไหนก็เหมาะสมแล้วกับวัฒนธรรมปัจจัยของตน สังคมหนึ่ง ๆ ก็มีความพอดีในตัวเองครับ อยู่ที่เราจะปรับตัวได้หรือเปล่า จากคุณ : AVSystem เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 12:46:00

ความคิดเห็นที่ 7   อยู่ที่ไหนก็รวยได้ครับ ถ้ามี วิศัยทัศน์พอ ไม่เกี่ยวกับเมืองไทยเมืองนอก ปล. ที่เราดูว่าคนมาจากนอกดูแล้วจะรวย คือ เค้าได้ TAX Refund แล้วเอามาเที่ยวหนะครับ เงินเก็บไม่มีหรอกครับ ภาษีหักเก็บเรียบ VAT BRITAIN 24% มั้ง ตามด้วย ภาษีจิปาถะ อย่างอเมริกา เค้ายังบอกเลยครับว่า ไม่มีอะไรแน่นอน ไปกว่า Death and Taxes จ่ายกันอาน เอาที่ไหนมารวย จากคุณ : CitizenShip เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 12:48:09

ความคิดเห็นที่ 8 ประเทศเขาคนไม่ได้โดนดองด้วยผู้มีสี ตระกูลใหญ่ หรือนักการเมืองครับ จากคุณ : axquest เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 12:52:47

ความคิดเห็นที่ 9   แล้วแต่คน จากคุณ : ลูกชายคนที่7ของลูกชายคนที่7 เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 12:53:06

ความคิดเห็นที่ 10 รายได้มากก็จ่ายภาษีมาก บางประเทศภาษี40%เลยนะเธอว์..แต่ก็นั่นแหละ สวัสดิการณ์อะไรมันก็ดีกว่า ถนนหนทางก็มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย คือถ้าขยันยังไงก็ไม่อดตาย   ในขณะที่บ้านเราภาษีเลี่ยงได้ จ่ายน้อย รายได้น้อยก้ไม่ต้องจ่ายแต่ป่วยมาก็นอนรอความตายอย่างเดียว ขยันไปค่าแรงวันนึงก็ยังเท่ากับ ชม. นึงในประเทศพัฒนาแล้ว โอกาสลืมตาอ้าปากเป็นชนชั้นกลางค่อนข้างน้อย.. จากคุณ : tenno เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 13:04:28

ความคิดเห็นที่ 11 ต่างประเทศ การเลื่อนระดับสัมมาอาชีพยากมากๆครับ อย่างที่คุณบอกว่าล้างจานได้ชั่วโมงละ 15 เหรียญ ดูเหมือนจะมาก แต่ก็อยู่แค่นั้นนั่นแหละครับ จะผันตัวเองมาเป็นนายจ้าง ยากมากๆครับ จะเปิดร้านขายอาหารข้างถนนก็ไม่ได้ รึจะเปิดธูรกิจเป็นของตัวเอง เขาก็มีระบบการขออนุญาตที่คัดกรองกันหนักมากๆ จะเปิดอู่ซ่อมรถ ก็ต้องสอบใบอนุญาต ถ้าในเขตนั้นมีอู่ซ่อมรถแล้ว ก็จะถูกบังคับว่าห้ามเปิด ไม่งันจะไปแย่งลูกค้าเจ้าแรกเขา ก็ต้องแอบเปิด แล้วรับลูกค้ามาแอบซ่อมเอา จากคุณ : ปูม้า (ปูม้า_16) เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 13:04:38

ความคิดเห็นที่ 12 นี้คือความต่างของประเทศเจริญแล้ว ก้บประเทศที่ยังไม่เจริญ (ไม่ใช่มีแต่ตึกสูงๆ ห้างเยอะๆ แล้วบอกว่าเจริญ) จากคุณ : yabeer เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 13:06:00

ความคิดเห็นที่ 13 ต่างประเทศ พวกไร้บ้านก็เยอะแยะไป   รวยจนวัดที่ไหนอะครับ ผมว่าวัดที่ดัชนีความสุข ประเทศไทยก็ไม่ได้แย่ไปซักเท่าไหร่นะครับ แม้จะวุ่นวายบ้าง อะไรบ้างกับปัญหาการเมือง แต่โดยรวมแล้วก็โอเค อยู่ประเทศไทยไม่มีวันอดตายหรอกพี่น้อง จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 13:06:22

ความคิดเห็นที่ 14 เท่าที่รู้มาค่าแรงขั้นต่ำเทียบกับค่าครองชีพแล้วเยอะกว่าเมืองไทยจริงค่ะ  แต่...คุณภาพของคนงานก็มากกว่าอย่างเทียบไม่ติดด้วย  พนักงานเมืองนอกใช้1คน ไทยต้องใช้3คน ถึงทำงานเดียวกันได้ -_-'  ไม่แปลกที่ค่าแรงเราจะน้อยถ้าเทียบกับค่าครองชีพค่ะ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 13:09:00

ความคิดเห็นที่ 15 ในเมืองไทยทำงานบริษัททั่วไป เงินเดือนขึ้นปีละ 4-5% แต่ก๋วยเตี๋ยวขึ้นทีละ 5 บาทต่อชาม ค่ารถ ของใช้ต่างๆ (อุปโภค-บริโภค) ขึ้นราคาด้วยเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่า ตามกันไม่ทันค่ะ ยิ่งทำงานยิ่งจนลงถ้าไม่ได้เปลี่ยนตำแหน่ง หรือเปลี่ยนงานให้อัพขึ้น (อย่างกับงานหาง่ายเนอะ) จากคุณ : pyramidas เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 13:28:01

ความคิดเห็นที่ 16 มันขึ้นอยู่กับ Income Distribution ประเทศที่มีระบบในการผันทรัพยากรจากคนรวยลงมาหาคนที่ด้อยโอกาสกว่ามันก็ทำให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่ระบบมันก็ต้องมีความสมดุล ถ้าทำมากเกินไปก็จะเป็นเหมือนคอมมิวนิสต์ ที่ยึดทรัพย์นายทุนมาแจกจ่าย ดังนั้นระบบที่ดีควรจะมีความสมดุล มีเงินมากจ่าย(เป็นอัตราส่วน) มาก มีเงินน้อยจ่ายน้อยหรือไม่ต้องจ่าย หรือได้รับเงินสนับสนุน จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 14:14:00

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นความจริงครับ อย่างแรก คือ Infrastructure ของเค้าดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ความปลอดภัย หรือ อินเตอร์เน็ท ยกตัวอย่างเช่น คนสองคนที่มีความสามารถเท่ากัน คนที่อยู่ที่ประเทศที่เจริญแล้ว อย่าง USA หรือ UK หรือ ยุโรป จะ Productive มากกว่า ด้วยเหตุผลง่าย ๆ เลย คือ คนที่อยู่ประเทศเหล่านั้นมีเวลามากกว่า พนักงาน (รวมทั้งนักเรียน) ที่ไทย ส่วนใหญ่ ผมว่าสัก 80% เลยล่ะ เสียเวลาเดินทางไปกลับ วันละ ประมาณ 4 ชม. ในขณะที่ต่างประเทศ เดินทางครึ่ง ชม. นี่ถือว่าไกลมากแล้วนะฮะ ประชากรเค้ามีเวลามากกว่าประชากรไทย โดยเฉลี่ยวันละ 4 ชม. ตอนที่เค้าอายุ 20 นั่นหมายถึง เค้าเรียนรู้ไปมากกว่าคนไทย 4 x 356 x 20 ชั่วโมงเลยทีเดียว แค่นี้ ก็สร้างความแตกต่างค่อนข้างเยอะแล้ว .... จากคุณ : คุณชินโซ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 15:33:58

ความคิดเห็นที่ 18 เกาหลีค่าแรงงานสำหรับกรรมกรทั่วไปสำหรับคนเกาหลีเท่านั้น ชายขั้นต่ำหกหมื่นวอน หญิง สามหมื่นวอน คนมีที่ดินไม่มีเงินลงทุนทำกิน ทำเรื่องขอทุนจากรัฐได้ บางเมืองขอได้ถึงเจ็ดสิบเปอร์เซนต์ เกษตรกรไม่มีรถไถ รัฐมีให้เช่า คนพิการขึ้นทะเบียนคนพิการ ไม่ต้องทำมาหากินไร รัฐมีเบี้ยเลี้ยงให้สบายจริง ๆ ตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ยังมีอีกเยอะ อยู่มาเจ็ดปียอมรับว่ารัฐเค้าเลี้ยงดูประชาชนดีจริง ๆ นะ จากคุณ : มุนีน้อย เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 15:34:43

ความคิดเห็นที่ 19 เนื่องจาก infrastructure ที่ค่อนข้างแย่ - ทำให้ค่าครองชีพกับเงินเดือนไม่ค่อย make sense เท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่น บ้านในกรุงเทพ ในตัวเมืองก็แพงมาก จนพนักงานจ่ายไม่ไหว ส่วนบ้านนอกเมืองก็ถูกนะ แต่ต้องเดินทางเข้ามาในเมืองใช้เวลา 2-3 ชม ซึ่งแน่นอน คุณเดินทางไปกลับวันละ 4-6 ชม. คงจะไม่บอกว่า เป้นคุณภาพชีวิตที่ดีหรอกนะ .... จากคุณ : คุณชินโซ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 15:46:23

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าคุณเก่งจริง มีวิสัยทัศน์ดี อยู่ที่ไทยก็คงสร้างเนื้อสร้างตัวได้แหละฮะ แต่ถ้าคุณย้ายไปอยู่ต่างประเทศ อาจจะรวยขึ้นสัก 10 เท่า + คุณภาพชีวิตที่ดีกว่า + ลูกมีการศึกษาที่ดีกว่า + มีเวลาว่างมากกว่า .... จากคุณ : คุณชินโซ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 15:48:17

ความคิดเห็นที่ 21 เอาที่เห็นชัดๆ มะครับ คนรวย  เอาเงินฝากธนาคาร   ดอกเบี้ย เยอะ คนจน เอาเงินฝากธนาคาร ดอกเบี้ย ต่ำ (ไปดูได้ตามธนาคาร ถ้าฝากออมทรัพย์ 1 ล้านบาท ขึ้น ดอกเบี้ยจะมากกว่า) คนรวย กู้เงิน  ดอกเบี้ยต่ำ คนจน กู้เงิน ดอกเบี้ยแพง แค่นี้ก็แย่แล้ว จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 16:01:36

ความคิดเห็นที่ 22 เพื่อนผมไปเมกา บอกว่าจะไปเรียนจบแล้วจะกลับมาทำงาน  สุดท้ายติดงานเสริฟจนไม่อยากกลับมาไทย เดือนๆนึงรายได้เค้าได้ราวๆ 150000-200000 บาทเค้าได้กรีนการ์ดแล้วตอนีน้เสียภาษีราวๆ 30% ใช้จ่ายเหลือเก็บเดือนๆนึง ราวๆ 50000-70000 บาท   ผิดก่ะเราหักโน่นนั่นนี่เหลือจ่ายเก็บแค่เดือนนึง 5000 เฮ้ออออออออออ จากคุณ : Tears เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 16:30:21

ความคิดเห็นที่ 23   การศึกษาไทย ล้มเหลว โดยสิ้นเชิง   เป็นไปได้ไง รับสมัคร 10 ตำแหน่ง คนมาสมัคร 3 พันคน  จะบ้าหรือป่าว การศึกษาไทย สอนให้คน เป็นง่อย  พอสมัครงานไม่ได้ ก็เดินหางานอยู่นั้นแหละ แทนที่ว่า คนหนึ่งจบวิศวะ คนหนึ่งจบบัญชี คนหนึ่งจบการตลาด  คนหนึ่ง จบรัฐศาสตร์  ทำไมไม่ลองรวมกลุ่มกัน แล้วตั้งบริษัทขึ้นมาเอง มีแต่คนหางาน ไม่มีคนสร้างงาน  หรือเอาแค่พึ่งตัวเองได้ แค่นี้ก็พอแล้ว "10 พ่อค้า ไม่เท่า 1 พญาธิ"   เลิกได้แล้ว ปล. ปัจจุบัน  จทกค.ขายกล้วยแขกอยู่ จากคุณ : tunsystem เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 16:41:35

ความคิดเห็นที่ 24 เสริม คห.1 ถ้าคิดตอนนี้ 15 AUD ประมาณ 450 บาทแล้วครับ - -" วันนึง(หลังหักภาษี สมมุติว่าต่างด้าว) ก็จะได้ประมาณ 2556 บาท ของไทยถ้าขั้นต่ำก็ไม่เสียภาษี 206 บาท ต่างกันประมาณ 12 เท่า ถ้าใช้ดัชนีมาม่าเป็นตัวคิด (ผมตั้งเองนะ) จะพบว่ามาม่าที่นี่ราคา 0.5 AUD = 15 บาท ต่างกันเพียง 3 เท่า เท่ากับว่าเงินเก็บของ non-skilled labour ที่นี่ รวยกว่าเรา 4 เท่าในทุก ๆ วันครับ จากคุณ : Shinemon คุง เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 17:18:12

ความคิดเห็นที่ 25 ทั้งนี้ดัชนีมาม่า อาจจะไม่ใช่ดัชนีที่ดีนักนะครับ และอีกอย่างความแตกต่างของรายได้ งานออฟฟิศกับงานแบบนี้ไม่มากเท่าที่ประเทศไทยครับ ถ้าลองใช้ดัชนีอื่นเปรียบเทียบดูบ้าง ความแตกต่างจะน้อยลง เช่น ดัชนีค่ารถเมล์แอร์ ของไทยสูงสุด (ถ้าจำไม่ผิด) 22 บาท ที่นี่ 149 บาท ต่างกันถึง 6.7 เท่า แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังน้อยกว่าความต่างของค่าแรงอยู่ดี สรุปแล้วยังไงฝรั่งก็มีเงินเยอะกว่าเราอ่ะครับ - -" จากคุณ : Shinemon คุง เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 17:28:48

ความคิดเห็นที่ 26 ^ ^ ป้าด 1 เหรียญ = 30 บาทแล้วเหรอครับ =_= ของผมเอามั่ง ดรรชณี เนื้อหมู, น้ำมัน เขาทำงาน 1 ชม. ซื้อหมูได้ 3 กก. หรือเติมน้ำมันได้ 10 ลิตร แต่บ้านเราต้องทำงานเป็นวัน จากคุณ : (-_-") เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 17:30:04

ความคิดเห็นที่ 27 ผมมองว่าปัญหาสำคัญมีอยู่ 2 อย่างคือ ความล้มเหลวของระบบการศึกษาและ การพัฒนาระบบ infrastructure ซึ่งปัญหาอย่างที่สองนี้มีสาเหตุเกิดจาก การคอรัปชันเป็นส่วนใหญ่ทำให้การพัฒนามีความล่าช้าและขาดประสิทธิภาพ ซึ่งปัญหาทั้งสองจะถูกกำกับโดยนโยบายของรัฐ หากปัญหาทั้งสองได้รับการแก้ไขไปในทางที่ดีขึ้น รับรองความเป็นอยู่ก้าวหน้า กว่าที่เป็นอยู่แน่ การศึกษาคือการพัฒนาบุคคลกรให้มีประสิทธิภาพ ส่วนระบบ infrastructure เป็นการอำนวยความสะดวกให้เกิดการค้า เมื่อการค้าเพิ่ม มากขึ้น ทำให้มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ จากคุณ : poobas เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 17:37:50

ความคิดเห็นที่ 28 เถียงค่ะ! ออสเตรเลีย งานเสิร์ฟ หรือ ล้างจาน ได้ $15/h นี่หายากมากค่ะ ที่ทำอยู่ (part time) ชม.ละ $8 (ร้านไทยค่ะ 8-9$) T^T  เสิร์ฟ+ทำความสะอาด(บ้าง) อาทิตย์นึง ทำได้ 20hs (visaนักศึกษา) เดือนนึงตีหยาบๆ $660 (รวมทิป) ค่าเดินทาง ซื้อตั๋วเดือน (melbourne) $109.60 ค่าที่พัก $140/w ไม่รวม bill ค่าอาหาร ยังไม่ได้คิด . . . . . คิดว่าสร้างตัวไม่ได้ค่ะ ต้องพึ่งพาที่บ้านต่อไป แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 53 18:44:58 จากคุณ : Restless Heart Syndrome เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:43:13

ความคิดเห็นที่ 29 อีกประการหนึ่งก็คือ เมืองนอกเค้ามีกฎหมายที่คุ้มครองทรัพย์สินปัญญาดีกว่าบ้าน ฉะนั้น ถ้าใครก็ตามที่สามารถคิดอะไรดีๆ ได้ ก็สามารถรวยได้ ต่างจากบ้านเรา แผ่นก๊อบ แผ่นผี ซีดีเถื่อนเพียบ ความรู้ก็ลอกๆ กันมา จากคุณ : นายสาระแน เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 19:04:35

ความคิดเห็นที่ 30 ประเทศที่เจริญแล้ว จะมีแต่ชนชั้นกลางขึ้นไป นั่นคือ ถึงคุณทำงานแรงงานระดับล่างสุด คุณก็มีพออยู่พอกินอย่างแท้จริง แม้ไม่หรูหรา แต่ปัจจัย4ก็ครบ คุณภาพชีวิตที่ดีกว่าชนชั้นกลางบ้านเราเสียอีก และถ้าคุณขยัน เรียนสูง รายได้คุณก็จะมากขึ้นจนคุณสามารถฟุ่มเฟือยในชีวิตได้บ้าง ในระดับที่ต้องเป็นเจ้าของกิจการในเมืองไทย ถึุงจะฟุ่มเฟือยได้เท่าชนชั้่นกลางค่อนบนบ้านเขา ส่วนเก่งจัด ก็มีโอกาสรวยมาก รวยจริงๆ โดยไม่ต้องไปผูกขาดหรือหลอกคนแบบบ้านเรา สิ่งที่เขาแตกต่างกับบ้านเราคือ การยอมรับในความเป็นมนุษย์ครับ แน่นอนข้อเสียเขาก็มี แต่โดยรวมแล้วเขาก็ทำได้ดีกว่าเรา แล้วทำไมเราจะไม่คิดพัฒนาตามเขาบ้างล่ะ? จะให้ยากจนดักดาน คนจนแทบอดตายไปเรื่อยๆทั้งปีทั้งชาติ โดยอ้างว่า วัฒนธรรมไทยเป็นแบบนี้ คนไทยก็แบบนี้ ไม่มีวันฉลาดเจริญมาได้ ต้องกดไว้ตลอดกาลงั้นหรือ? จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 19:51:40

ความคิดเห็นที่ 31 ไอ้จูนมันได้ทุนเรียนเอก จะไหวไมเนี้ยะ กลุ้มแทนมัน แต่ผมกำลังหาทุนเรียนที่ สวีเดน อิอิ  ใครแนะนำได้ หลังไมค์เลย เอาง่ายๆนี่แหละ จากคุณ : หัวปลาทู เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 19:54:23

ความคิดเห็นที่ 32 มีแต่คนเก่ง ๆ ทั้งนั้นที่เข้ามาตอบ จากคุณ : thanon_d เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 20:37:58

ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน จบปริญาตรีใหม่ๆ เงินเดือนประมาณ 8,000 บาท ปัจจุบัน จบปริญาตรีใหม่ๆ เงินเดือนก็ 8,000 บาท ผมว่ามันมีอะไรผิดปกติแน่ๆ จากคุณ : kunzwut เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 21:03:02

ความคิดเห็นที่ 34 "เพื่อนผมไปเมกา บอกว่าจะไปเรียนจบแล้วจะกลับมาทำงาน  สุดท้ายติดงานเสริฟจนไม่อยากกลับมาไทย เดือนๆนึงรายได้เค้าได้ราวๆ 150000-200000 บาทเค้าได้กรีนการ์ดแล้วตอนีน้เสียภาษีราวๆ 30% ใช้จ่ายเหลือเก็บเดือนๆนึง ราวๆ 50000-70000 บาท" เพื่อนโม้แล้วมั้งครับ รายได้ 150,000-200,000 บาทนี่เท่ากับ USD 4,400-5,900 โดยประมาณ สมมุติว่าทำงาน 30 วัน/เดือน ไม่มีพัก รายได้ต่อวันเฉลี่ยคือ USD 147-174/day เลยทีเดียว (ถ้าทำได้จริงนี่ นักเสริฟมือทอง ได้ tips ทีเป็นกอบเป็นกำ) แต่เท่าที่ผมเห็นตอนนี้ มีแต่ร้านบ่นว่าช่วงนี้กิจการ slow กันถ้วนหน้า เพราะเศรษฐกิจของที่นี่ยังไม่พื้นตัว ทำให้คนที่นี่ลดการออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ทำให้ตัวเลขที่คุณยกมามันดูเกินจริง (ยกเว้น ร้านที่ทำอยู่ในแถบคนมีอันจะกินมากๆ อย่าง Beverly hills อะไรแบบนั้น) จากคุณ : Chanin.U เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 21:17:14

ความคิดเห็นที่ 35 #28 มีคนรู้จักบอกว่าเขาไปทำงานร้านอาหารได้ 12$ เพราะเป็นคนไทย(ไปเรียน) แต่ถ้าเป็นคนของประเทศเขาจะได้ 15$ เป็นขั้นต่ำของกฏหมาย ไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่าครับ แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 53 21:55:45 จากคุณ : (-_-") เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 21:54:59

ความคิดเห็นที่ 36   34 คงโม้จริงครับ นอกจากอยู่ร้านดังจริงแถวอีสต์โคสท์ที่ฝรั่งรวยๆชอบโทรจองโต๊ะแล้วถีบหนัก ตอนนี้โอบามาเพิ่งผ่านกฎหมายประกันสุขภาพครับ สส.รีพับลิกันด่าเละ ว่าไม่มีงบประมาณและไปไม่รอด คนจนๆเมกันก่อนกฎหมายนี้ ถ้าไม่มีเงินซื้อประกันสุขภาพ ป่วยทีก็ตายครับ ไม่มีหมอมารักษาจริงๆหรอกครับ เพราะไม่รู้เก็บตังค์กับใคร ค่ารักษาที่นั่นมันมหาโหดด้วย ถึงมีกฎจริยธรรมหมอว่าต้องช่วยรักษา ของจริงเอาคนไม่มีอินชัวรันช์เข็นเตียงเข้ามาพงาบๆ พี่แกล้งปล่อยให้ตายครับ น้าผมอายุ60เจออินชัวรันซ์สุขภาพไปเดือนละสองร้อยกว่าเหรียญ แต่ที่ดีก็มีคือคนเมกันเกษียณแล้วรัดบานจ่ายบำนาญให้ น้าผมอีกคนเป็นลูกจ้างชั่วคราวจ่ายภาษีขั้นต่ำมาทั้งชีวิต เกษียณแล้วได้เดือนละ2000 U$ แต่ตอนนี้ฝันลมแล้งไปก่อน เพราะรัดบานไม่มีตังค์เลื่อนจ่ายบำนาญเป็นอายุ 65 ปี แกก็กะว่าเกษียณแล้วกลับมาใช้บำนาญเมืองไทย เพราะอยู่ที่นั่นรายได้เท่านี้คงพอๆกับขอทาน อยู่ลำบาก ส่วนคนที่เทียบออสเตรเลียกับบ้านเรานี่ฝันลมๆแล้งๆจริงๆครับ ออสเตรเลียขนาดประเทศใหญ่กว่าเราเกือบ20 เท่า แต่ประชากรน้อยกว่าเรา4เท่า มีทรัพยากรมหาศาล ส่งออกแร่เหล็ก อลูมินัม และสินแร่มีราคาหลายอย่างติดอันดับโลกทั้งนั้น ไม่ที่หนึ่งก็ที่3 แถมยังมีน้ำมันมากมายถึงขั้นส่งออก ถ้าคนออสเตรเลียกินเนื้อแกะอย่างเดียว ไม่ได้ส่งออก คงท้องแตกตายครับ เพราะของกินเยอะกว่าคนกิน คนออสตกลาน ไม่มีงานทำ รัดบานยังจ่ายเงินรับเลี้ยงอยู่เฉยๆ ยังไปเอาเงินจากรัดบานได้ คนไทยอยากเป็นแบบนั้น ถามหน่อยจะเอาเงินจากไหน ปลูกข้าวเหรอ ไม่พอหรอกขนาดคนญี่ปุ่นยังพยายามไปโรบินฮู้ดเปลี่ยนสัญชาติเป็นออสเตรเลียเลย ญี่ปุ่นไม่ต่างอะไรจากบ้านเรา คนจบใหม่ เงินเดือน9หมื่นถึงแสนสอง แต่บ้านเล็กๆในโตเกียวหลังละ25ล้าน ทำงานผ่อนกันจนตาย ไม่รู้จะหมดรึป่าว ก็ต้องไปหาเช่าหาซื้อบ้านนอกเมืองไกลๆ นั่งรถไฟเป็นร้อยโลเข้ามาทำงาน มีอย่างเดียวที่บ้านเราเน่ากว่าเค้าแน่ๆ คือการคอร์รัปชั่นของนักการเมือง ข้าราชการทั้งหลาย จากคุณ : x เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:05:24 A:210.246.64.87 X: TicketID:052378

ความคิดเห็นที่ 37 ตอนเรียนจบ เงินเดือนปริญญาตรีสายวิทย์ งานโรงงาน start 10,000.- ปัจจุบัน 9,500.- ค่าเช่าหอนั้น ห้องขนาดเดียวกัน เริ่มต้น 1,500.- ปัจจุบัน 2,500.- .....ทำไมมันสวนทางกันจังเลย ?! ราชการ สายวิทย์ตำแหน่งนักวิชาการ บรรจุ 7,500.- ทำงานประมาณ 5 ปีเงินเดือนถึงจะแตะ 10,000.- ข้าราชการปริญญาตรีเงินเดือนเริ่มต้น น้อยกว่าพนักงานราชการเสียอีก จากคุณ : Pride เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:15:18

ความคิดเห็นที่ 38 ติดเสิร์ฟแล้วได้ใบเขียวนี่ เรื่องมันกี่ปีมาแล้วหว่า ทุกวันนี้นี่ พวกฮู๊ดนี่เผ่นหัวซุกหัวซุนกันกระจาย จากคุณ : กะลุ๊ดกุ๊ดซันเดย์ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:29:11

ความคิดเห็นที่ 39 แต่ที่แน่ๆ บ้านเมืองเขาไม่เห่อวุฒิครับ  ฝรั่งที่รู้จักทำงานเกี่ยวกับโรงงานไฟฟ้านิวเคลีย์ ไม่ได้จบโท เอก นะครับจบแค่ community college ด้านฟิสิกส์ เทียบกับปวส.บ้านเรานะครับ ทำงานได้ ชั่วโมงละ 30  พยาบาลจบแล้วสอบไลเซ่นผ่านหางานได้ไม่ยากเพราะที่อเมริกาพยาบาลขาดแคลน เริ่มชั่วโมงละ 20 กว่าๆ  จบ ม.6 ก็หางานได้ครับ พนักงานออฟฟิศทั่วๆไป พนักงานธนาคารพวก teller พนักงานโรงแรม ก็ทำได้ครับ แต่ถ้าเขาจะเลื่อนตำแหน่งอะไรประมาณนี้เขาถึงไปลงเรียนต่อให้ได้วุฒิเพิ่ม  แต่เมืองไทย ยังไงก็ต้องเรียนๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : คุณหลอกดาว เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 23:21:25

ความคิดเห็นที่ 40 อย่าชื่นชมต่างประเทศแบบคนที่ขี่ม้าชมเมือง ประเทศอื่นที่มีความเป็นอยู่ขั้นพื้นฐานดีกว่าไทย เบื้องหลังสิ่งสวยงามที่คนต่างชาติมองผ่านๆ มันมีอะไรอีกเยอะ งานสายวิชาชีพของที่เมกา รายได้ค่อนข้างดี เพราะเค้าลงทุนเรียนเอง ดังนั้นคนที่ต้องจ่ายเงินเรียนเองแพงๆ เนี่ย เค้าจะคิดคำนวนให้รอบคอบว่าเรียนแล้วจะออกมาทำรายได้มากกว่าที่ต้องเสียเงิน เสียเวลาเรียนไป ไม่ใช่สักแต่ว่าเรียนๆ ให้จบมีปริญญาแปะฝาบ้านอย่างในบางประเทศ ส่วนงานเสิร์ฟในเมกาเนี่ย คนส่วนนึงมักจะโม้เรื่องรายได้ความเป็นอยู่มากกว่าความเป็นจริง เอาแต่สิ่งดีๆ มาพูดกัน ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงมันมีเรื่องมากมายสารพัดให้เครียด ถ้างานมันง่าย รายได้ดี ชีวิตสวยหรู หลายๆ คนที่นี่คงไม่ดิ้นรนเรียนให้สูงๆ กันหรอกนะ จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 00:33:21

ความคิดเห็นที่ 41   ผมเห็นด้วยกับคห.10, 11, 28, 34, 36 นะครับ ประเทศเขาได้เงินเยอะกว่าเราจริงๆครับ ถ้าได้เงินขนาดนี้ในไทยล่ะก็ยอดไปเลย สบาย กินอะไรก็ได้ แต่อย่างอเมริกาข้าวจานละหลายร้อยนะครับ ทั้งภาษี อะไรต่อมิอะไร อยู่อย่างคนจนเลยล่ะคับ ถึงจะส่งเงินกลับบ้านได้ (อ่านมาจากหนังสือที่เขาแนะนำการไปทำงานใน USA (จำชื่อไม่ได้ แหะๆ) ที่เก็บเงินได้ 1,000,000 บาทในหนึ่งปีน่ะครับ) ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะปลอดภัยนะครับ เขาเตือนกันเสมอๆ คนไทยอย่าไปอยู่ผิดถิ่น อาจตายได้!! (ย่าน Brooklyn ใน New York) ก็คือจะบอกว่ามันเงินที่เห็นได้มาเยอะๆ มันก็ "ไม่ได้" ได้มาง่ายๆนะครับ ลำบากนะครับ ต้องทำงานที่เรียกว่าเป็นงานต่ำ รองมือรองตีน (คนไทยในไทยเองยังไม่อยากทำเลย ให้แรงงานต่างด้าวมาทำ) ปล. ก็มีบางคนที่ทำงานในระดับสูงๆนะครับ มีผู้หญิงไทยที่เป็นนายหน้าขายบ้านใน USA มือหนึ่งเลยทีเดียว (ขออภัยอีกครั้ง ผมจำไม่ได้จริง) จากคุณ : สันกำแพง เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 00:51:55 A:10.42.17.174 X:202.28.180.202 TicketID:143742

ความคิดเห็นที่ 42   อ่า ผมหาผู้หญิงที่ผมหากล่าวอ้างไม่เจอครับ เลยหาอีกคนมาแทน แหะๆ "หญิงไทยผู้ทรงอิทธิพลในอเมริกา" นางนุชนาถ มัลลัส (ดี) / (Mrs. Dee Mallas) ผู้ก่อตั้งธนาคารเอเชียแห่งแรกของรัฐเนวาดา ใช้ชื่อว่า “First Asian Bank ” จาก http://www.baanmaha.com/community/thread27131.html จากคุณ : สันกำแพง เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 01:01:02 A:10.42.17.174 X:202.28.180.202 TicketID:143742

ความคิดเห็นที่ 43   คห.40 โดยส่วนตัวผมว่า "อเมริกาหรือประเทศพัฒนาโดยระบบแล้ว ให้โอกาสในการประสบความสำเร็จและยุติธรรมมากกว่าไทย" ส่วนยุติธรรมมากน้อยนั้น ไม่ทราบ เพียงแต่อาศัยประสบการณ์บอกว่ามากกว่าไทย อย่าลืมว่าปัญหาการกระจายรายได้ยังนอนแอ้งแม้งเคียงข้างกรุปัญหาทั้งหลายของไทยอยู่นะเออ ไทยกำลังพัฒนา และจะกำลังต่อไปเรื่อยๆ จากคุณ : DesservirPhilosophy เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 01:02:18

ความคิดเห็นที่ 44   เสริมกับคห. 39 ,40 อีกครับ ในแง่การศึกษาน่ะครับ พอดีผู้จัดการที่บริษัทพูดให้ฟัง เขาบอกว่า การศึกษาไทย ค่านิยมเรียนจบปริญญาตรีเยอะ แต่จบมาทำงานไม่ค่อยเป็น ประเทศไทยเลยไม่พัฒนา ที่สิงคโปร์อัตราคนจบปริญญาน้อยกว่าแต่เศรษฐกิจดีกว่า (ไม่ทราบจริงเท็จแค่ไหน แต่ประมาณว่าอัตราคนจบต่อประชากร และไม่ได้มองในแง่สังคมนะ) เด็กไทยสบายเกินไป พ่อแม่ส่งเรียนตลอดจนจบป.ตรี (บางคนไปต่อโท เอกอีก) แต่ตปท.เขาให้การศึกษาพื้นฐานเรียนฟรี (พ่อแม่ไม่ส่ง) พอจบแล้วก็ออกไปทำงานได้ ค่านิยมเขาแค่นี้ ถ้าเรียนต่อจะแพงมากๆๆ (พ่อแม่ก็ไม่ส่ง) เพราะฉะนั้นเด็กฝรั่งเขาจะเรียนเนี่ย เขาต้องคิดแล้วคิดอีก แล้วต้องทำงานหาเงินเองกันทุกคน (ไม่ใช่มีแต่คนต่างชาติทำนะ) เพื่อมาเรียนๆๆ เพราะฉะนั้น เงินเดือนเขาจึงสูงมากแต่ขณะเดียวกันคุณภาพก็ต้องสูงมาก (เขาบีบคั้นสูง แข่งขันสูง เอางานเนื้อๆ) ก็ประมาณนี้แหละครับ จากคุณ : สันกำแพง เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 01:11:13 A:10.42.17.174 X:202.28.180.202 TicketID:143742

ความคิดเห็นที่ 45 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 08:28:45

ความคิดเห็นที่ 46 คห. 35 ไม่แน่ใจค่ะ แต่ rate ของ overseas น่าจะน้อยกว่า local อยู่แล้ว เพื่อนเกาหลีไปทำร้านอิตาลีก็ได้ $15/h ค่ะ ออสเตรเลีย แนะนำ part time เป็นพวก cleaning ค่ะ หักลบแล้ว $20++/h p.s. แนะนำผิดห้อง แป่ววว แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 53 18:13:02 จากคุณ : Restless Heart Syndrome เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 18:12:38

ความคิดเห็นที่ 47 เสริมให้ #35 (อีกทีนะ) ที่ไปล้างจาน หรือเสิร์ฟแล้วได้ $8 นั้นก็เพราะเรายอมรับค่าแรงนี้กันเองไม่ใช่เหรอครับ จริง ๆ ตามกฎหมายจะอยู่ที่เกือบ $15 แล้วตอนนี้ แต่ต้องจ่ายผ่านระบบ ก็โดนภาษีกันไป แต่ทั้งคุณและร้าน ตกลงกันว่าจะให้เป็น cash in hand เป็น win-win solution ของทั้งคุณและร้านครับ ถ้ามีคนไปฟ้องเรื่องกฏหมายแรงงานกับร้านไทยส่วนมากล่ะก็ โดนแน่นอนครับ จากคุณ : Shinemon คุง เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 18:54:56

ความคิดเห็นที่ 48 ดิฉันไม่แน่ใจกับกฎหมายค่ะ คุณ #47 rate ของร้านเอเชีย (ไม่เฉพาะไทย) ประมาณนี้ค่ะ ดิฉันไม่ได้บ่นว่าได้เงินน้อย หรือ win-win อะไร แต่ที่แน่ๆอำนาจต่อรองมีจำกัดค่ะ (จะฟ้องร้องอะไรยังไง เค้าเอาคนประเทศเค้าก่อนค่ะ ทั้ง PR หรือ Citizen) จากคุณ : Restless Heart Syndrome เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 19:07:18

ความคิดเห็นที่ 49 จะได้มากหรือน้อย ผมว่าไม่ใช่ประเด็นนะ แต่ประเด็นก็คือ คุณล้างจานที่ตปท. กับล้างจานที่เมืองไทย คุณว่าคุณภาพชีวิตที่ไหนดีกว่ากัน? เพื่อนผมไปเยอรมัน นั่งรถเมล์ แล้วพอสุดสาย คนขับ ลงไปขับ MB(Mercedes Benz) กลับบ้านซะงั้น หรือคนเก็บขยะที่เมกา(จนท.ของเมือง) วันหยุดก็เล่นกอล์ฟที่สนามกีฬาในเขตได้ ประเด็นสำคัญที่ำผมพยายามยกไม่ใช่ว่าเขาฟุ่มเฟือยได้ แต่หมายถึงแม้่อาชีพระดับเงินเดือนล่างสุด เขาก็ยังมีคุณภาพชีวิตที่ดีตะหาก ในขณะที่บ้านเรา อาชีพระดับเงินเดือนล่างสุด ต้องอดมื้อกินมื้อ ปากกัดตีนถีบ สิ่งเหล่านี้แหละเป็นเครื่องชี้วัดว่า การกระจายรายได้ และคุณภาพชีวิตของคนในสังคมนั้่นๆ ดีแค่ไหน! จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 19:51:44

ความคิดเห็นที่ 50 #48 นั่นก็เป็นเพราะคนเข้าไปเยอะกว่างานที่มี ทำให้หลายคนยินดีทำงานที่ค่าตัวน้อยกว่าที่ควรจะเป็นไงล่ะครับ สำหรับเรื่องฟ้อง ผมหมายถึงคนนอกน่ะครับ คนทำงานจะฟ้องทุบหม้อข้าวทำไมล่ะครับ จากคุณ : Shinemon คุง เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 22:48:16