ความคิดเห็นที่ 1 Percy Jackson & the Olympians: The Lightning Thief หรือ เพอร์ซี่ แจ็คสันกับสายฟ้าที่หายไป ผู้แต่ง ริค ริออร์แดน ตีพิมพ์เมื่อปี 2005 เคยติดอันดับหนึ่งหนังสือขายดีของ New York Times มาแล้ว นอกจากนี้ ยังคว้ารางวัลมาครองมากมายทั้ง รางวัลหนังสือดีเด่นของ New York Times ปี 2005, รางวัลหนังสือยอดเยี่ยมแห่งปี 2005 ของทั้ง School Library Journal และ Child Magazine และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Bluebonnet Award จาก Texas Library Association ในปี 2006 ด้วย เพอร์ซี่ เด็กชายวัยรุ่นอายุราว 12 ปี เพอร์ซี่อาศัยอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยง โดยไม่เคยทราบว่าพ่อที่แท้จริงของตนเป็นใคร นอกจากจะกำพร้าพ่อ (แบบไม่ถาวร) เพอร์ซี่ยังต้องย้ายโรงเรียนบ่อยๆเนื่องจากมีอาการ Dyslexia (ความบกพร่องที่ทำให้อ่านหนังสือลำบาก) และโรค ADHD เรื่องเกิดขึ้นเมื่อเพอร์ซี่ค้นพบว่าพ่อที่แท้จริงของตนคือของเทพโพไซดอน และต้องไป้ป็นสมาชิกของค่ายฝึกพวกลูกครึ่งเทพ-มนุษย์ อีกทั้งยังเป็นผู้ต้องสงสัยขโมยสายฟ้าของเทพซีอุสอีกด้วย เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จากข้อกล่าวหาร้ายแรง และหลีกเลี่ยงสงครามระหว่างทวยเทพที่อาจเกิดขึ้น เพอร์ซี่จำต้องออกผจญภัยไปจับขโมยตัวจริงมาลงโทษให้ได้ ตลอดการเดินทางครั้งสำคัญนี้เองที่เขาต้องประมือกับเหล่าปิศาจในตำนาน และเหล่าเทพเอาแต่ใจ ความคิดเห็น/ความรู้สึกที่มีต่อหนังสือ สนุกดีค่ะ สำหรับอ่านคลายครียดเพราะมันเป็นหนังสือเด็ก-วัยรุ่นตอนต้นจริงๆ เล่มนี้เราใช้เวลาอ่าน 3 ชั่วโมงรวด หากใครชอบตำนานกรีกและโรมัน เวลาอ่านแล้วจะนึกภาพตามไปด้วย หลายคนเอาหนังสือเรื่องนี้ไปเปรียบกับ ขนเยอะ (แฮรรี่) ปั้นหม้อ (พอตเตอร์) เพราะผู้กำกับฉบับที่ทำเป็นหนังเป็นคนเดียวกัน แต่เราว่าเล่มนี้มันคือหนังสือที่เขียนเพื่อเด็กน่ะ เทียบกับแฮรรี่ แล้ว แฮรรี่ พอตเตอร์ ดูจะเป็นหนังสือเด็กที่แต่งเพื่อวัยรุ่น-ผู้ใหญ่มากกว่า (โดยเฉพาะเล่มหลังๆ) มีคนใจดีแปลบทแรกออกมาบางส่วน แต่สำนวนไม่ตรงกับในหนังสือค่ะ http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2008/11/W7258168/W7258168.html จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 01:43:29

ความคิดเห็นที่ 2 เล่มนี้เป็นเล่มแรก มีอีก 5 เล่มค่ะ แปลเป็นไทยแล้ว 4 เล่ม 1. The Lightning thief เล่มแรก 2. Sea of Monsters 3. Titan's Curse 4. Battle of the Labyrinth 5. The last Olypian เวอร์ชั่นหนังยังไม่ได้ดู แต่เท่าที่ดูคลิปคร่าวๆเนื้อหาดัดแปลงไปพอสมควร จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 01:47:53

ความคิดเห็นที่ 3 ชื่อหนังสือ How We Die : เราตายอย่างไร โดย   เชอร์วิน บี นูแลนด์/ วเนช สำนักพิมพ์ มูลนิธิโกมลคีมทอง พิมพ์รวมเล่ม ครั้งแรก : กันยายน 2546, 327 หน้า The 1994 NBA nonfiction winner หนังสือเล่าเรื่องราวของความตายจากประสบการณ์ของผู้เขียน นายแพทย์ Sherwin B. Nuland ในแง่มุมของหมอ เพื่อน คนในครอบครัว ทั้งในแง่วิทยาศาตร์ และความรู้สึก ความคิดเห็น/ความรู้สึกที่มีต่อหนังสือ จำได้ว่าอ่านเล่มนี้หลายรอบเมื่อนานมาแล้วจากห้องสมุดแต่ยังประทับใจทีเดียวเชียวหล่ะ สำหรับคนที่มีพื้นความรู้ด้านวิทยาศาตร์สุขภาพ จะอ่านสนุกเพราะผู้เขียนอธิบายกลไกการเปลี่ยนแปลงของร่างกายขณะที่กำลังจะตายด้วยภาษาเข้าใจง่ายค่ะ สำหรับคนที่ยังไม่เคยตาย (มีคนเคยตายแล้วอ่านกระทู้นี้ด้วย?) แต่อยากรู้อยากเห็นว่าคนกำลังจะตายจะเป็นเช่นไีร แนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้ค่ะ คำวิจารณ์เพิ่มเติม http://www.komol.com/autopage/show_page.php?t=29&s_id=5&d_id=5&page=7&start=1 แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 53 02:21:45 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 02:16:38

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณมากครับ Percy Jackson & the Olympians: The Lightning Thief  ว่าจะรอให้ออกเกือบๆครบก่อนค่อยอ่านรวดเดียว อิอิ จากคุณ : หวาก เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 04:22:36

ความคิดเห็นที่ 5 ล่ารหัสมรณะ (DIGITAL FORTRESS) ผู้แต่ง : DAN BROWN จำนวนหน้า : 523 หน้า เรื่องย่อ : ฉีกแนวจากนวนิยายที่ดำเนินเรื่องโดยโรเบริ์ต แลงดอน เป็นเรื่องในแวดวงคอมพิวเตอร์และอีเมลที่เกี่ยวเนื่องกับวงการข่าวกรองของ สหรัฐฯ ที่ยังคงเข้มข้นและลีลาการดำเนินเรื่องที่กระชับตามแบบฉบับของแดน บราวน์ เมื่อเครื่องถอดรหัสทรงประสิทธิภาพที่สามารถถอดรหัสได้ทุกชิ้นทั่วโลกของ สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติหรือ เอ็นเอสเอ ของสหรัฐฯ เผชิญหน้ากับรหัสลึกลับที่ไม่สามารถถอดได้ เอ็นเอสเอจึงต้องเรียก ซูซาน เฟล็ตเชอร์ หัวหน้าฝ่ายถอดรหัสสาวสวยผู้ปราดเปรื่องมาช่วยแก้ไข แต่สิ่งที่เธอค้นพบสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งวงการข่าวกรอง เอ็นเอสเอกำลังตกเป็นตัวประกัน มิใช่โดยการจี้หรือวางระเบิด แต่โดยรหัสชิ้นหนึ่งที่ซับซ้อนชาญฉลาดจนหากเผยแพร่ออกไปเมื่อใด ก็จะทำให้วงการข่าวกรองของสหรัฐฯ ต้องกลายเป็นอัมพาตทันที ซูซาน ซึ่งตกอยู่ในวังวนแห่งความลับและความหลอกลวง ต้องต่อสู้เพื่อรักษาหน่วยงานที่เธอศรัทธา แม้จะถูกคนรอบข้างทรยศ แต่เธอก็ต้องต่อสู้ มิใช่เพียงเพื่อประเทศชาติและชีวิตของเธอเองเท่านั้น แต่ยังเพื่อชีวิตของชายที่เธอรักอีกด้วย...   ความคิดเห็น/ความรู้สึกที่มีต่อหนังสือ เป็นหนังสือแนวสืบสวนสอบสวน(อีกแล้ว) อีกเล่มที่เขียนได้ดีและข้อมูลแน่นมาก แม้ผมจะรู้สึกว่าช่วงกลางๆจะไม่น่าติดตามเท่าไหร่ (สังเกตุได้จากผมอ่านได้ครึ่งเล่มแล้ววางไว้วันหนึ่งทั้งที่มีเวลาว่าง อิอิ) แต่ช่วงหลังสนุก และตื่นเต้นมากๆ วางไม่ลงทีเดียวหล่ะ สรุป เป็นหนังสือที่ซื้อมาอ่านแล้วไม่เสียดายเงิน เอาชื่อตา แดน บราวน์เป็นประกัน(ผมไม่เกี่ยว จากคุณ : หวาก เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 04:36:06

ความคิดเห็นที่ 6 สไนเปอร์ นักรบผู้ปิดทองหลังพระ   ผู้แต่ง : บัว สีน้ำเงิน จำนวนหน้า : จำไม่ได้ครับพอดีตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่บ้าน ข้อมูลในเน็ตก็ไม่มีจำนวนหน้า เป็นหนังสือพ๊อกเก็ตบุ๊ค 2 เล่ม เท่าที่ทราบตีพิมพ์เพียง 1000เล่ม(ชุด) เท่านั้น เรื่องย่อ : เป็นรวมเล่มภาคแรกของนิยายที่ลงในนิตยสารอาวุชปิน เรื่องราวของสไนเปอร์มือหนึ่งของไทย กับหน่วยงานพิเศษลับสุดยอด "ฉ.ก. 99" เหมาะสำหรับคนที่ชอบอ่านเรื่องเกี่ยวกับ อาวุชปืนและการทำงานของสไนเปอร์ ความคิดเห็น : อ่านสนุกครับสำหรับคนที่ชอบเรื่องอาวุชและสงคราม เนื้อเรื่องก็เป็นแนวกึ่งวิชาการกึ่งนิยาย ของสไนเปอร์ที่เก่งโครตๆ ผมว่าเหนือกว่าพระเอก ในเรื่อง shooter เสียอีก การปฏิบัติการก็ในบ้านเราและประเทศเพื่อบ้านนี่แหละ เล่มนี้เป็นหนังสือที่ผมหยิบมาอ่านทุกครั้งที่ไม่รู้จะอ่านหนังสืออะไร จนจำไม่ได้แล้วว่าอ่านไปกี่จบ นี่ก็รอรวมเล่มภาค2กับ3 มาเกือบสามปีแล้วไม่รู้เมื่อไหรจะออกซักที T-T จากคุณ : หวาก เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 05:01:11

ความคิดเห็นที่ 7 #5 ใครเป้นโปรแกรมเมอร์หรือเขียนโปรแกรมเป็น ขอแนะนำใ้ห้ข้ามๆไปซะ เพราะคุณจะรู้หมดว่าบราวน์ เอาแพะกับแกะตัวไหนมาชนกันตรงไหนบ้าง เป็นหนังสือแดน บราวน์ ที่อ่านแ้้ล้วหงุดหงิด มากกกกกกก จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 09:12:51

ความคิดเห็นที่ 8 ชื่อหนังสือ:  Winter World: the Ingenuity of Animal Survival ผู้แต่ง/ผู้แปล: Bernd Henrich สำนักพิมพ์: Harper Perennial จำนวนหน้า:  400 หน้า เนื้อหา/เรื่องย่อ: ฤดูหนาว...ฤดูที่โหดร้ายสำหรับสิ่งมีชีวิตหลายชนิด ไม่มีอาหารและความอบอุ่นหลงเหลืออยู่บนพื้นหิมะสีขาวเย็นยะเยือก สัตว์ชนิดต่างๆ จึงมีกลวิธีต่างๆ ในการป้องกันหรือลดความโหดร้ายของเหมันตฤดูนี้ลง   Bernd Henrich จะพาเราไปสัมผัสและเรียนวิธีการอยู่รอดที่น่าอัศจรรย์ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ เช่น แมลง ค้างคาว เต่า กบ และนกเป็นต้น พร้อมกับสอดแทรกมุมมอง ความคิด และความทรงจำของนักวิทย์ที่แสนอบอุ่นในฤดูที่หนาวเหน็บนี้ ความคิดเห็น/ความรู้สึกที่มีต่อหนังสือ เราหลายคนคงรู้ว่า ในฤดูหนาวกบจะจำศีล แต่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ เช่น หนอนผีเสื้อ แตน แมลงเต่าทอง ปลา กระรอก ค้างคาว หรือนกล่ะ? วิธีการอยู่รอดในฤดูหนาวของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดก็แตกต่างกันไปครับ เราจะได้เรียนรู้ถึงวิธีการ และที่สำคัญคือความคิดของนักวิทย์ต่อโลกรอบตัว และวิธีการหาคำตอบของความสงสัยที่เกิดขึ้นกับ Bernd Henrich ครับ หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตผ่านประสบการณ์ มุมมอง และข้อคิดของผู้แต่งได้อย่างลงตัว หลายครั้งผมเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับข้อความ และชื่นชอบกับแนวคิดของเขาครับ เช่น จากหน้า 217-8: "One of my fondest childhood memories is of the bats on summer evenings...I saw bats zigzagging around the barn in the evening...I don't see them much now and I miss them. My father is a bat enthusiast (in addition to his passion for ichneumon wasps [แตนเบียนกลุ่มหนึ่ง] and his interest in birds not to mention his pet Bulgarian weasel), and on some evenings we went out to hunt them with his shotgun. My mother, his preparator on many expeditions, skinned and stuffed them. Each species had its own flight signature in the way it fluttered or zigzaged, and habitat where it could be found...His collection of perhaps two dozen species, which displayed in glass-covered cases, ended up at the Bates Museum...When I  last saw those bats there in 1999, I was sadden. Not because we had killed them--their deaths, of course, brought us awarness and possibly knowledge. Rather, I was sad for the deep ignorance of those who have never seen, handled or learned to appreciated bats, which is in part responsible for their population crashes all over the continent. Almost nobody sets out to do deliberate harm. Most evils happen inadvertently, through not knowing and uninformed notions."   หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือวิชาการจ๋าแบบของ Sean B. Carroll วิธีการเขียนและคำศัพท์ก็เข้าใจได้ง่ายและไม่ยากครับ อีกอย่างที่ดึงดูดใจให้อ่านคือ ภาพประกอบหนังสือ ... ผมชอบภาพวาดแนวนี้มากครับ มันดูเข้ากันดีกับชื่อหนังสือและเรื่องราว หนังสือเล่มนี้มีหนังสือภาคต่อเช่นกันคือ Summer World: A Season of Bounty  แต่ผมยังไม่มีโอกาสซื้อมาอ่านแล้ว แต่ตั้งใจไว้แล้วว่า...จะซื้อมาอ่านอย่างแน่นอน (วันไหนสักวัน เมื่อฉันมีตังค์ 555) แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 53 09:32:44 แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 53 10:03:46 จากคุณ : Due_n เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 09:28:23

ความคิดเห็นที่ 9   ควักหนังสือประจำตัวออกมา  เล่มนี้Reviewได้เป่าครูลูกใจจัง ,,, จากคุณ : หล่อ 3 มิติ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 10:02:15

ความคิดเห็นที่ 10 แวะมาให้กีบอย่างเดียวนะ ตะเอ๊งงง จากคุณ : มูจาฮีดิน เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 10:24:44

ความคิดเห็นที่ 11 รายชื่อหนังสือที่ข้าพเจ้ามุ่งหวังจะตามอ่านยาวเป็นหางว่าวแล้วสหายเอย.. จากคุณ : Disco de vinilo เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 10:39:23

ความคิดเห็นที่ 12 ชื่อหนังสือ : สงครามรัก อำนาจราชบัลลังก์ (The Other Boleyn Girl) ผู้แต่ง : PHILIPPA GREGORY ผู้แปล : มณฑารัตน์ ทรงเผ่า จัดพิมพ์โดย : สนพ.มติชน จำนวนหน้า : 760 หน้า เนื้อหา เป็นนิยายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของอังกฤษในยุคที่พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ยังเป็นหนุ่ม และเจ้าชู้สุดๆ  ทั้งๆที่ก็มีพระมเหสีและลูกแล้ว ก็คือพระนางแคทเธอรีน และเจ้าฟ้าหญิงแม่รี่ ซึ่งในสมัยนั้น ราชวงศ์อังกฤษยังเป็นคาธอลิก  ต้องมีสามี/ภรรยาคนเดียว และห้ามหย่า ส่วนตระกูลโบลีนซึ่งเป็นขุนนางชั้นสูงก็พยายามจะใช้ความเจ้าชู้ของพระเจ้าเฮนรี่เป็นหนทางแห่งอำนาจ โดยการใช้แอน และแมรี่เป็นเครื่องมือ  โดยให้เป็นสนมของพระเจ้าเฮนรี่ และแอนเองก็ได้เป็นมากกว่าที่ทุกคนคาดการณ์ไว้ เมื่อพระเจ้าเฮนรี่ถึงกับยอมหย่ากับแคทเธอรีน จนเกิดการปฏิรูปศาสนาขึ้น   เล่าแค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวหมดสนุก ความคิดเห็น/ความรู้สึกที่มีต่อหนังสือ คิดว่าเป็นนิยายที่สนุกมาก ตอนแรกๆอาจจะเนือยๆ แต่พออ่านไปรู้สึกว่าวางไม่ลง - เทียบกับหนัง หนังก็สร้างจากหนัังสือเล่มนี้แต่ดัดแปลงไปบ้างค่ะ  หนังสือจะให้มุมมอง และมิติของตัวละครมากกว่า  ชอบมากกว่าหนังค่ะ - เทียบกับ ซีรียส์ The Tudors ซีรียส์จะให้รายละเอียดมากกว่า และมีเนื้่อหาบางอย่างที่ไม่ตรงกันค่ะ แต่ระดับความสนุกพอๆกันเลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 53 18:39:59 จากคุณ : Bear Waldorf เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 10:43:42

ความคิดเห็นที่ 13 . . ชื่อหนังสือ:  คำสารภาพสุดท้ายของ นักโทษประหาร ผู้แต่ง/ผู้แปล:  ยุทธ บางขวาง สำนักพิมพ์:  มติชน จำนวนหน้า:  365  หน้า เนื้อหา/เรื่องย่อ   .... เป็นหนังสือที่อ้างอิงจากเรื่องจริง ของนักโทษประหาร 38 ราย ที่ผู้แต่งได้ทำหน้าที่เป็น “พี่เลี้ยง” ก่อนนำพาเขาเหล่านั้นไปสู่แดนประหาร สถานที่ซึ่งปลดปล่อยวิญญานให้หลุดพ้นจากโทษทัณฑ์ที่ได้ก่อไว้.. สมศักดิ์  พรนารายณ์  นักข่มขืนจากลุ่มน้ำโขง ที่กว่าจะสำนึกได้ว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป อาหารมื้อนั้นก็กลายเป็นมื้อสุดท้ายเสียแล้ว... พันธุ์ สายทอง ผู้ที่ฆ่าข่มขืนเด็กอายุเพียง 5 ปี หลังจากที่เพิ่งพ้นโทษออกมาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุใดที่ทำให้เขากระทำการที่โหดร้ายลงไปเช่นนั้น แต่ท้ายที่สุด หลักประหารก็ต้องรองรับร่างเพื่อพิพากษาโทษของเขา... ก่อนวิญญานจะออกจากร่าง เขาได้แต่ตะโกนซ้ำไปซ้ำมาว่า... “อย่าทำ กลัวแล้ว อย่าทำเลย กลัว” ชีพ รอดแก้ว มือปืนรับจ้าง กับคดียิงอาจารย์สาวซี 6 เพียงเพราะเกิดจากความหึงหวงของผู้จ้างวาน “นรก สวรรค์มีจริงหรือเปล่าครับ” และนั่นเป็นคำถามสุดท้ายที่เขาเอ่ยปากถาม หลวงพ่อ ผู้มาเทศนาธรรมให้ฟังก่อนเดินเข้าสู่ลานประหาร... .... ยังมีอีกหลายถ้อยคำ และหลายความรู้สึกที่ออกมาจากปากของนักโทษประหารทั้งหมดหลายชีวิตนี้ บางคนกลัวความตาย บางคนเดินเข้าไปสู่ความตายด้วยความปลงตก และหลายต้องหิ้วปีกพยุงกันเข้าไป.. ความคิดเห็น/ความรู้สึกที่มีต่อหนังสือ หนังสือเล่มนี้บอกเล่าให้ฟังในอีกแง่มุมหนึ่งของนักโทษที่ไม่มีวันได้เดินออกมาใช้ชีวิตร่วมกันกับคนอื่นอีกต่อไป สังคมพิพากษาให้เขาต้องสูญหายดับดิ้นออกไปจากสังคมนี้แล้ว ด้วยความผิดที่เขาได้ก่อไว้ และไม่ว่าความผิดนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ ความผิดนั้นร้ายแรงจนเขาสมควรถูกปลิดชีวิตไหม ใครควรจะมีสิทธิ์ตัดสินว่าใครควรจะมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ได้จริงหรือ โทษประหารยังจำเป็นอยู่ไหมในสังคมไทย คำถามเหล่านี้ หนังสือเล่มนี้อาจตอบไม่ได้ แต่ก็อยากให้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้กันดูค่ะ ความรู้สึกสุดท้ายของคนที่กำลังจะตายเป็นยังไง... แล้วบางทีบางคนอาจใช้ชีวิตกันได้ระมัดระวังมากขึ้น ไม่เผลอก้าวล้ำไปในเส้นทางที่เราไม่อาจก้าวกลับมาได้อีก . ขอให้มีความสุขกับการอ่านหนังสือที่แสนจะซีเรียสและหนักสมองเรื่องนี้ค่ะ ... จากคุณ : primjang เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 11:07:45

ความคิดเห็นที่ 14 . . คห. 8  เราติดไว้ก่อนเถอะ เราจะต้องมารีวิวหนังสือวิชาการสู้ท่านแน่แน่ ไม่วันใดก็วันหนึ่งนี่หล่ะค่ะ จากคุณ : อิจฉาตาร้อนอยากได้เล่มนี้ งอแง (primjang) เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 11:15:39

ความคิดเห็นที่ 15 #9 ฉบับปรับปรุงเนื้อหา ปี 2553 จากคุณ : จุ๊บยางเป็ดน้อย เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 13:27:16

ความคิดเห็นที่ 16 เอิ่ม พี่จุ๊บ //ตบๆๆๆ จากคุณ : ลูกไก่พองลม เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 13:29:36

ความคิดเห็นที่ 17 เอิ่มของคุงปี้แอ้ กับ คุงจุ๊บ //5555 แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 53 20:51:56 จากคุณ : iamnid เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 20:51:07

ความคิดเห็นที่ 1 [Heyha Book Review] สัปดาห์ที่ 13: 26 เม.ย.-2 พ.ค. 2553 จากคุณ : ลูกไก่พองลม เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 53 00:13:07