ความคิดเห็นที่ 5 |
ก่อนอื่น เปิดฝากระโปรงรถ หรือที่อื่นใดที่เป็นที่ติดตั้งแบตเตอร์รีของรถยนต์เสียก่อนครับ...
สังเกตสายสั้นๆ ที่เชื่อมจากขั้วหนึ่งของแบตไปลงที่ตัวถังรถ สังเกตเครื่องหมายบนขั้วแบต ปกติแล้วรถในไทยจะเป็นขั้วลบ นั่นหมายความว่าระบบรถยนต์ดังกล่าวเป็นแบบกราวนด์ลบ...
ดังนั้นขั้วสายส่วนมากที่ปรากฏในรถยนต์ มักจะเป็นขั้วบวกครับ เพราะการเชื่อมต่อสายต่างๆ ในส่วนขั้วลบ มักจะทำเป็นสายสั้นๆ จากอุปกรณ์ดังกล่าว เชื่อมลงตัวถังเลย... (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูให้ดีด้วยนะครับว่าเป็นเช่นนี้รึเปล่า)
อนึ่ง การที่จะใช้หลอดไฟ หรือสิ่งใด ตรวจสอบว่าขั้วสายไฟที่สงสัย เป็นขั้วบวกหรือลบนั้น ต้องมีความระมัดระวังดังต่อไปนี้ครับ
1) ระวังเรื่องกระแสที่ไหลผ่านสิ่งที่เรานำมาตรวจสอบว่าไม่เกินไปกว่าตรงจุดนั้นสามารถรับได้ เช่น คุณอาจจะเอาหลอดไฟ 12 v ขนาดเล็กมาตรวจสอบสายไฟได้ แต่ไม่ควรเอาหลอดฮาโลเจนที่ิกินไฟมากๆ มาตรวจสอบ
2) สายดังกล่าวอาจจะต่อผ่านวงจรสวิทช์อยู่ นั่นหมายถึง ในเวลานั้น อาจจะไม่มีไฟ แต่ถ้าวงจรสวิทช์ดังกล่าวทำงาน ก็จะมีไฟเข้ามาเลี้ยงขั้วดังกล่าวต่อไปได้... เราจึงต้องรู้ให้แน่ชัดก่อนว่า สายเส้นนั้นปกติแล้วเชื่อมไปยังวงจรส่วนใด หรือมีหน้าที่การทำงานใด... เพื่อที่เราจะได้รู้กระแสสูงสุดที่จะผ่านได้ และรู้ว่าเราจะต้องสั่งการรถยนต์อย่างไร เพื่อจะทำให้วงจรดังกลา่วทำงาน (เช่น เป็นสายไฟที่ต่อเข้าชุดไฟเบรคไฟเลี้ยว เราก็ต้องบิดกุญแจรถเพื่อให้ระบบไฟทำงาน แล้วเหยียบเบรค แล้วทดสอบสายไฟเบรคในขณะนั้นว่ามีไฟเข้ามาหรือไม่ต่อไป เป็นต้น)
ปล. ช่างประจำรถผม เป็นช่างอายุมาก อุปกรณ์อันหนึ่งที่เขามีติดตัวเวลาซ่อม ก็คือหลอดไฟหรี่ดวงหนึ่ง ที่บัดกรีสายไฟออกมาสองเส้น เส้นหนึ่งมีปลายเป็นขั้วหนีบ เอาไว้หนีบกับตัวถังรถ อีกด้านเป็นสายปอกเปลือยตรงปลาย เอาไว้จิ้มตรวจสอบ...
แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 53 13:27:44
จากคุณ |
:
ปัจจุบันคนหลังเขา (อดีด...) (คนไทยในลอนดอน)
|
เขียนเมื่อ |
:
วันแรงงาน 53 13:25:58
|
|
|
|