ความคิดเห็นที่ 1 หายากครับ คนแบบท่านเซียน จากคุณ : P.Virie เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 22:16:53

ความคิดเห็นที่ 2 ครูเข้ามา บอกเปิดหนังสืออ่าน ทำโจทย์ 10 ข้อมาส่งท้าย ชม. ครูก็นั่งเฤเฉยๆ เป็นครูอาชีพนี้ก็ง่ายดีนะ จากคุณ : คนรักแมวมาก เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 22:43:44

ความคิดเห็นที่ 3 สมัยผมเรียนคณิตศาสตร์  (เมื่อประมาณ 4-5ปีที่แล้ว) เข้าห้องเรียนหลับ / พอตื่น แซวอาจารย์ แซวไปถึงลูกสาวท่าน (อายุ 6ขวบ) การบ้าน อารมณ์ดี ลอกเพื่อน / อารมณ์ไม่ดี มอบหมาย บังคับ ข่มขู่ ขืนใจ ให้เพื่อนทำให้ พอตอนสอบ   รอฟิ่น  /  ได้เกรด  4  ทุกปี   // อภิปัญญาชน อย่างผมในห้องเรียนมี ประมาณ 70% โดยเฉพาะ ผู้ชาย.. ดังนั้นเพื่อไม่ให้มีนักเรียนแย่ๆอย่างผม.... ผมว่าคิดหาวิธีทำยังไง  ให้นักเรียนสนใจที่จะเรียนคณิต อย่างตั้งใจ จริงๆจังๆ   ดีกว่าเอาเวลาไปคิดว่า จะสอนเรื่องอะไร  เก็บคะแนนยังไง ดีกว่าครับ... จากคุณ : สหายกุนเชียง เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 22:53:51

ความคิดเห็นที่ 4   สำหรับเราคำเดียว "นรก" จากคุณ : moonlightspirit เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 23:04:03

ความคิดเห็นที่ 5 เนื้อหาที่สอนสอน ปวช ปวส ไม่ยากนัก ที่ยากคือ นักเรียน มีทักษะทางคณิตศาสตร์ น้อยมาก หลายคน ท่องสูตรคูณ ไม่ถึงแม่ 12 หลายคนเทียบบัญญัตไตรยางค์ไม่ได้ หลายคน ไม่ชอบที่จะเรียนคณิตศาสตร์ ยากมากครับ คงต้องเริ่ม ที่การ คูณ การหาร และ ต้องอธิบายความว่า ทำไม จึงนำมาคูณ ทำไมจึงนำมาหาร ต้องเริ่มที่ระดับ ม.1 ก่อนกระมัง 80 % ของนักเรียน ระดับนี้ ไม่สามารถ ตอบ คำตอบ ของคำถาม ข้อนี้ได้ "พ่อค้า ตั้งราคาสินค้าสูงกว่าทุน  20 %  ถ้าเขาลดราราลงมา  8 บาท จะทำให้พ่อค้าขาดทุน 5 % ถ้าเราซื้อของมา   25  ชิ้น แล้ว ได้ลดราคา 10 % เราจะต้องจ่ายเงินไปเท่าใด" (ตอบ 864 บาท) จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 23:04:39

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้ามีเวลา ควรลง วิชาชีพครู ของเรียน มสธ ด้วย ไม่ยากครับ เรียน 6 วิชา ปีเดียว เท่านั้น เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย อ่านหนังสือแล้วไปสอบ ข้อสอบไม่ยากครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 23:06:24

ความคิดเห็นที่ 7 มีนะ เราเคยเรียนแบบนี้เลยตอนม.ต้น แต่เป็นของภาคภาษาอังกฤษ เราชอบครูคนนี้มากก เค้าจะมีโจทย์ยากๆมาให้ทำ แล้วก็นั่งเกือบจะเฉยๆ เล่นรูบิคของตัวเองไป 10 นาทีถ้ายังไม่มีคนทำได้ ก็จะให้คำใบ้ แล้วก็ให้ไปเรื่อยๆๆ จนสุดท้ายมันก็ออกเอง ตอนสอบนี่ได้ D กันระนาวเลย เราก็ทำไม่ทันเหมือนกัน ข้อที่เป็นวงกลมเราใส่ 14 ลงไปทุกข้อเลย โดยไม่เขียนวิธีทำด้วยนะ สอยเอมาได้แบบหวุดหวิดมาก 80 คะแนนเต็ม 100 แต่ครูไทยไม่ค่อยมีแบบนี้ จิตพิสัยนี่ เป็นตัวพลิกจากตกเป็นผ่านได้สบายๆ ยิ้มไว้ก่อนเป็นดี มองหน้าครูไว้ก่อนดีที่สุด จะให้ดีพยักหน้าตามไปด้วยจะเจ๋งมาก ครูบางคนของเราจะไม่สอนในบางบท แล้วก็ให้ไปทำรายงานมา ไม่มีรายงานนี่ ชีวิตดับเลยขอบอก รายงานคะแนนเยอะมากๆ ส่วนข้อสอบก็ไม่เท่าไหร่ ยากบ้างง่ายบ้าง แต่ไม่ค่อยมีผล คะแนนเก็บมีผลกว่า ถ้าคุณตั้งใจเรียนในห้อง ทำการบ้าน แต่บังเอิญว่าหัวไม่ดีแบบจริงจัง ก็ได้เกรด 4 มาครองได้นะ อาจจะเฉียดฉิวนิดหน่อย แต่รร.ทั่วไป รับประกันได้ ไม่ใช่สอบ 90% แน่นอน มันดูโหดเกินไป ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการสอบ การเอนทรานส์แบบใหม่ เราว่าทำให้เด็กตั้งใจเรียนมากขึ้นนะ + เรียนกวดวิชามากขึ้นด้วย เพราะต้องทำเกรด และต้องจบทุกเรื่องภายในม.6เทอมแรก เพราะสอบตรงกำลังจะเริ่มแล้ว ^^ จากคุณ : marina_rain เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 23:24:26

ความคิดเห็นที่ 8 สำหรับผม การเรียนที่ รร. มันเป็นอะไรที่ไร้สาระมาก ข้อสอบเลขผมทำย้อนหลังไปมากกว่า 10 พ.ศ. อยู่แล้ว จะสอบอยู่แล้ว มีทั้งโควต้า สอบเล็ก สอบใหญ่เยอะแยะ ถ้ามัวแต่รอให้อาจารย์มาสอนมันจะไปทันกินอะไรเค้าล่ะเนี่ย ข้างบนนี้ตั้งอยู่ในโมเดล "เรียนเพื่อสอบ" ถ้าจะเอาความรู้ อาจารย์จะต้องสอนให้ออกแนว กระตุ้นให้เด็กคิด แล้วก็ตอบ แต่น่าเสียดาย ที่ในห้องมีทั้งเด็กเก่ง และไม่เก่ง อิพวกเก่งๆ ก็ดันลุกขึ้นตอบไม่ได้ เพราะจะเด่นกว่าเขา อิพวกไม่เก่ง ก็ภาวนาให้หมดเวลาซะทีเถอะ ตรูทรมาณมากๆ ไม่อยากคิดแล้ว หัวจะระเบิด ... จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 23:29:59

ความคิดเห็นที่ 9 อยากให้คุณเซียนแห่งmath มาปฏิวัติวงการสอนคณิตศาสตร์ค่ะ เสียความรู้สึกกับวิชานี้เพราะครูที่สอนเลยค่ะ Y__Y เข้ามาพูดอะไรก็ไม่รู้ เด็กทำหน้างงเกือบหมด แล้วก็บอกให้ทำโจทย์นะ ส่วนตัวผู้สอนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ รอตรวจงาน คิดแล้วเศร้า! จากคุณ : gloomie เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 00:20:54

ความคิดเห็นที่ 10 ครูสมัยม.ปลายที่สอนแล้วเราประทับใจมาก (แม้ว่าเราจะไม่เก่งวิชาเลขเลยก็ตาม) เค้าจะบอกล่วงหน้าค่ะ ว่าให้ทำโจทย์ข้อไหนมาบ้าง แล้วก็เอามาส่ง ข้อยากๆก็จะขออาสาสมัครให้เด็กออกมาทำ แล้วเค้าก็จะแสดงวิธีทำในแบบอื่นๆให้ดูด้วย (โจทย์บางข้อมีวิธีทำหลายแบบมาก บางทีเห็นแล้วก็ทึ่งเลยค่ะ) หรือถ้าสอนโจทย์ในห้อง ก็จะให้เวลาเด็กทำห้านาทีค่ะ แล้วก็จะเรียกให้คนออกมาทำหน้าห้อง แต่ถ้าเป็นโจทย์ง่ายๆพื้นๆ ก็แค่ให้เด็กทำการบ้านส่งอย่างเดียวค่ะ เฉลยแต่คำตอบ แล้วอาจารย์จะชอบเอาโจทย์ยากๆมาให้ลองฝึกคิดกัน (พวกโจทย์โอลิมปิก สมาคมคณิตศาสตร์ ทำนองนั้นน่ะค่ะ) เหมือนเป็นของแถมท้ายคาบ นึกแล้วก็สนุกดีค่ะ เสียดายที่ไม่ค่อยมีหัวด้านคณิตศาสตร์ ไม่งั้นคงเรียนสนุกกว่านี้เยอะ จากคุณ : ~\MINKU/~ เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 00:46:20

ความคิดเห็นที่ 11 เข้ามาดู เพราะอยากรู้คำตอบเช่นกัน (อยากเป็นอาจารย์อยู่เหมือนกัน) ขอเรียนเชิญ นักเรียน นิสิต นักศึกษา และ อาจารย์คณิตศาสตร์ ที่แวะเวียนเข้ามาอ่านกระทู้นี้ ช่วยตอบด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 53 04:20:24 จากคุณ : nonlocality เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 04:08:48

ความคิดเห็นที่ 12   เด็ก ม.3 โรงเรียนในกรุงเทพ สอบผ่านคณิตศาสตร์โดยที่ไม่สามารถแก้สมการ 1 ตัวแปรไม่ได้ 3X + 4 = 5 คุณภาพนักเรียนเป็นแบบนี้ เมื่อปีที่แล้ว อธิการบดีหรือคณะบดีคณะวิศวะแห่งหนึ่งทางภาคอีสานบอกว่า ต้องสอนปรับพื้นฐานนักศึกษาปีหนึ่งวิศวะก่อนเปิดเรียน เพราะนักศึกษาจำนวนมากหาพื้นที่สามเหลี่ยมไม่ได้ จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 05:04:12 A:58.9.139.24 X: TicketID:117365

ความคิดเห็นที่ 13 ....       เดี๋วนี้ บางคนจบมา ย้ายข้างไม่เป็นครับ                                                        ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 07:18:39

ความคิดเห็นที่ 14 #10   อ่านแล้วพอจะเดาโรงเรียนได้ อยู่ใกล้จุฬาฯ ใช่มั้ย จากคุณ : 447 เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 08:34:56

ความคิดเห็นที่ 15 ครูคณิตศาสตร์ที่ผมประทับใจ ตอนชั้น ม. 4 จริงๆ พื้นฐานตั้งแต่ประถมผมค่อนข้างเรียนดี เนื่องจาก รร. ให้ทำการบ้านเยอะมากทุกวัน แต่พอเข้า ม.ต้น รร. ไม่ค่อยกวดขัน ผมก็เลยเหลวไหล ไม่ค่อยตั้งใจเรียน เกรดเตี้ยลงๆ ยังดีที่บุญเก่าทำไว้ดี สอบติด ม.ปลาย รร. วัดสุทธิ เข้ามาคาบแรก ครูไม่พูดพร่ำทำเพลง บอกให้จดตาม แล้วลงมือเขียนกระดานทฤษฎี + สูตรต่างๆ อย่างรวดเร็ว แป๊บเดียวกระดานซ้ายก็เต็ม ไปต่อกระดานขวา จากนั้นก็กลับมาลบกระดานซ้ายทันที ! ...ทั้งชั้นถึงกับอึ้ง จากนั้นมาก็เข้าสู่บรรยากาศแห่งความกดดัน ต้องตั้งหน้าตั้งตาจดมือหงิกให้ทันสปีดระดับเทพของท่านบรมครู โดยหลักๆ เกือบทุกคาบจะเป็นแบบนี้ ย้อนคิดไปแล้วผมว่าการให้นักเรียนลงมือเขียนด้วยตนเองอย่างตั้งใจ มันจะจำได้ดีกว่าอ่านจากหนังสือ จากนั้นทุกๆ อาทิตย์ ก็จะมีควิซ ประมาณ 15 - 20 ข้อ ทำเสร็จก็คุยกับเพื่อน ผมทำได้มากกว่าใคร ยิ้มแฉ่ง แต่หลังจากครูประกาศกติกา ณ วันตรวจคะแนน (ครูจะบอกคำตอบ แล้วให้สลับกันตรวจ คงตรวจเองหมดไม่ไหว) ก็ทำเอาผมตกเก้าอี้! กฏคือ ตีมือด้วยไม้เรียวตามจำนวนข้อที่ทำผิด! ขนาดผมทำได้เกือบเต็ม ยังต้องโดนฟาด แถมไม่ใช่เบาๆ มันโคตรจะเจ็บ (รร. นี้ชายล้วน อาจจะซาดิสม์ไปบ้าง) จากนั้นมาเป้าหมายสำหรับการควิซถ้าไม่อยากมือแหกมีอย่างเดียวคือ ถูกทุกข้อ! ทั้งควิซ ทั้งโจทย์เสริม สูตรต่างๆ ครูจะสั่งให้รวบรวมไว้ และเย็บเล่มส่งตอนท้ายเทอม ม. 4 ปีเดียวทำให้ผมตื่นจากความเฉื่อยแฉะเหลวไหลที่เคยเป็นตลอด ม. ต้น ทุกเทอมตลอดม. ปลาย ผมได้เกรด 4 ตลอด (แม้ว่าวิชาอื่น ยังเหลวไหล เกรดเน่าเหมือนเดิม) จากคุณ : nopy_yoyo เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 09:00:54

ความคิดเห็นที่ 16   ผมว่า คห.ในนี้เว่อร์ไป ขนาดผมเรียน รร.มัธยมที่ออกจะเสื่อมๆ แต่ครูคณิตศาสตร์ก็ตั้งใจสอนทุกคน จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 09:08:07 A:58.137.175.82 X: TicketID:208572

ความคิดเห็นที่ 17   #5 ผมคิดไม่ออก ให้ตายซิ จากคุณ : ice_kmitl เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 10:43:51

ความคิดเห็นที่ 18 คิดๆแล้ว ผมสงสารครูที่สอนคณิตศาสตร์ผมตอนประถมมากเลยครับ แต่ยังดีที่มากลับตัวได้เอาตอน ปวช.3 จากคุณ : ksk เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 10:45:15

ความคิดเห็นที่ 19 ... แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 53 11:16:55 จากคุณ : tonjung เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 11:04:48

ความคิดเห็นที่ 20 “The power of instruction is seldom of much efficacy except in those happy dispositions where it is almost superfluous.” Gibbon ผมไม่รู้ว่ากิบบอนพูดผิดหรือพูดถูก ถึงแม้มันพูดถูก ถ้าคุณเป็นครู ผมก็อยากให้คุณท้าทายมัน สำหรับกระทู้นี้ อยากตอบนะครับ แต่ไม่รู้จะตอบอะไรดีที่สร้างสรรค์ เพราะนอกจากผมไม่ใช่ครูแล้วผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า PR ย่อมาจากอะไร! จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 11:09:03

ความคิดเห็นที่ 21 คะแนน เก็บยังไงอันนี้ จำไม่ได้ สมัยตอนเราเรียน ม.5 ครูกลัวเด็กไม่เข้าใจม๊ากกก ถามตลอด ใครไม่เข้าใจบ้าง พอมีคนไม่เข้าใจแกก็อธิบายอยู่อย่างนั้น ไม่ดุเลย โคตรพยายาม วนเป็น 10 รอบ มีอยู่หลายครั้งเหมือนกันที่เหมือนครูจะหมดความอดทนแล้ว แต่ก็ยังพยายามอธิบาย ทั้งแบบสโลโมชั่น ทีละขั้นตอน เปลี่ยนรูปแบบก็แล้ว สุดท้ายครูก็บอกว่าให้ข้ามไปก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ครูจะพยายามหาคำอธิบายง่าย ๆ มาให้ แล้วครูก็ไม่เคยลืม มีโจทย์ยาก ๆ มาให้ทำตอนท้าย ๆ คาบ พวกข้อสอบอะไรงี้เหมือนกัน ซึ้งมาก ๆ เห็นครูพยายามมากขนาดนี้ เรากับเพื่อนไม่กล้าดื้อเลยอ่ะ ดีจนเราเกรงใจเค้าไปเอง - -* แล้วก็พอเริ่มสอนไปนาน ๆ ครูก็จะเริ่มให้นั่งจับคู่คนที่เก่ง กับคนไม่เก่ง ให้ช่วยสอนเพื่อน วิธีนี้ก็ช่วยได้เยอะ อย่างเราเงี้ย ตอนครูพูดมันทำความเข้าใจไม่ค่อยทันเพื่อน หัวช้ามาก เรียนรู้เรื่องส่วนใหญ่ก็เพราะเพื่อนนี่แหละ -..- แล้วแบบเพื่อนเก่ง ๆ ก็จะมีเทคนิคการจำ การคิดแปลก ๆ แล้วก็ไม่ได้หวงวิชา เลยรู้สึกดีมาก ๆ แล้วก็ตอนสอบกลางภาค ปลายภาคไรงี้ จะมีต่อรอง อย่างสอบได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 30 กันทั้งห้อง จะเลี้ยงขนมเค้ก ถึงของรางวัลจะไม่ดึงดูดเท่าไหร่ แต่ว่ารางวัล มันก็อยากได้ ทำให้มีเป้าหมาย อ่านหนังสือดีอ่ะ จากคุณ : Berzelius เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 11:18:32

ความคิดเห็นที่ 22 ลบๆๆๆ คิดผิด อายเค้า แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 53 11:32:50 จากคุณ : CrazyGenius เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 11:21:31

ความคิดเห็นที่ 23 ครูที่สอนเลข คือ ครูที่ผมสนิทที่สุด ทุกวันนี้ยังคิดถึงท่านอยู่เลย ถ้าผมเป็นครูสอนเลข ผมจะ 1. สอนตามหลักสูตร 15 นาที 2. ให้การบ้านไปทำ คนละข้อ ไม่เหมือนกัน 3. เวลาที่เหลือ ผมจะนั่งโม้ แล้วก็เอาโจทย์แปลกๆ ที่เกี่ยวข้องหรือใช้วิธีการในเนื้อหาของชั่วโมงนั้นมานั่งคุยกับเด็กๆ จากคุณ : Santa_Baby เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 15:22:26

ความคิดเห็นที่ 24 ครูสอนคณิตศาสตร์เป็นอาชีพนึงที่ผมอยากจะปรับความเข้าใจด้วยมากที่สุด อาจจะว่่าได้ว่่าผมเป็นคนนึงที่ประสบความล้มเหลวที่สุดในวิชานี้ตั้งแต่เด็กจนจบมหาลัย เป็นวิชาที่ได้เกรด 4 นับครั้งได้เลย สอบตกหรือได้ F ก็ยังมี จนต้องซิ่วเพราะ calulus ไปไม่รอด จนถึงทุกวันนี้ผมไม่เคยหันหลังกลับไปหาวิชานี้อีกเลย เพราะมันเป็นเหมือนฝันร้าย ในชีวิตการทำงาน อาจจะมีบ้างที่ต้องใช้เรื่องสถิติ ความน่าจะเป็น แต่ส่วนใหญ่ก็อยู่บนเครื่องหมาย บวกลบคูณหาร ยกกำลัง ไม่มีอะไรมากมายไปกว่านั้น ผมหวังลึกๆ ว่าวันนึงผมอยากกลับไปมีความสุขกับวิชานี้ เหมือนที่ผมมีกับวิชาอื่น ๆ แต่ก็ยังไม่รู้จะทำยังไง อยากจะแนะนำนิดนึงครับ คุณครูคณิตศาสตร์ทั้งหลาย อย่าเอาแต่เขียนกระดานแล้วทำโจทย์อย่่างเดียวครับ ในห้องของท่าน อาจจะมีเด็กโง่ ๆ (อย่างผม) อยากจะให้ท่านเสียเวลาอธิบายที่ีมาที่ไป ความเป็นมาและการใช้ประโยชน์ของทฤษฏีทางคณิตศาสตร์ที่ท่านกำลังสอนอยู่ คำถามมันเกิดขึ้นในใจของผมเสมอ "เรียนไอ้นี่เอาไปทำมาหากินอะไรได้ฟระ" จริง ๆ นะครับ ผมเรียน calculus ไปสองตัวตอนอยู่มหาลัย โดยที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร และใช้ทำอะไรในชีวิตจริงครับ (ตอนนี้ก็ยังรู้สึกอย่างงั้นอยู่) รบกวนคุณครูทั้งหลายช่วยชี้แนะด้วยครับ จากคุณ : เตยทะเล เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 16:09:00

ความคิดเห็นที่ 25   จากความเห็นที่ 5 ต้องซื้อของมา 5 ชิ้นป่าวครับ ถึงจะตอบ 864 บาท ผมลองคิดดูอะ ว่าคิดถูกป่าวหุหุ จากคุณ : VRAY_SKY เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 17:16:31

ความคิดเห็นที่ 26 ชอบวิชาคณิตศาสตร์ครับ ตอนเรียนเลยไม่มีปัญหาอะไร จากคุณ : คุณหลอกดาว เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 17:26:45

ความคิดเห็นที่ 27 คห.5 เป็นการแก้สมการสองตัวแปรธรรมดา - -'' ให้Xเป็นทุน Yเป็นราคาตั้ง Y = X+0.2X Y-8 = X-0.05X แก้แล้วได้ X=32 Y=38.4 อันนี้ไม่จำเป็นแต่เสริมให้ดูง่ายๆ ราคาสุดท้ายคือ Z=Y-0.1Y=0.9Y= 34.56 25Z=864 สองชั้น เด็ก ม.1 ก็คงแก้ได้แหละมั้งครับ ไม่ยาก จากคุณ : Porize เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 17:45:32

ความคิดเห็นที่ 28 ฮือออ มันเป็นอดีต มันเป็นอดีต แต่ก่อนเรียนแล้วเข้าใจง่าย คะแนนระดับเทพ ตอนนี้สิ NOOB โครตๆ จากคุณ : Sueak! เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 19:35:31

ความคิดเห็นที่ 29 ผมไม่ได้สอนคณิตศาสตร์โดยตรง ผมบอกได้เลยว่าคณิตศาสตร์สอนยาก เพราะ นักเรียน พื้นฐานต่ำมาก จะให้ทบทวน บอกได้เลยว่าไม่ไหวครับเวลาสอนน้อย  ใครมีลูกมีหลาน ช่วยดู โรงเรียนสมัยประถมหน่อย ขอดีๆ เพราะพื้นฐานเด็กสำคัญมาก เพราะเด็กบางคนท่องสูตรคูณไม่ได้ ถ้ามีลูกผมให้เรียนเอกชนอย่างเดียวอ่ะ รัฐบาลสมัยนี้ไม่กล้าเสี่ยง จากคุณ : แผ่นซีดี เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 21:42:55

ความคิดเห็นที่ 30   คห.27 ผมเอา 8 บาทไปหักจากทุน เลยพลาดไปครับ มันต้องหักจากราคาที่ตั้งไว้อ่ะ ขอบคุณที่ให้ความกระจ่างครับ จากคุณ : VRAY_SKY เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 21:58:34

ความคิดเห็นที่ 31 เคยได้ยินว่ามีการปรับปรุงการเรียนให้เป็นแบบ Visual แทนการแก้สมการ เพื่อให้เด็กจำง่าย โดยลดทอนจากภาพกราฟฟิกต่างๆ ให้เป็นรูปทรงง่ายๆ ทางด้าน Geometry แต่กลับมีผลน้อยในแง่ปฏิบัติ เพราะน้อยคนที่จะได้มีโอกาส ใช้ความรู้เมื่อเติบใหญ่ไปทำงาน ส่วนมากทำตามหนังสือคู่มือกัน เพราะการแข่งขันทางการค้า จึงไม่ได้ใช้ความรู้อย่างที่ควร หรือเรียกได้ว่า การศึกษาคณิตศาสตร์ในไทยออกแบบมาเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน มากกว่าการพัฒนาวิชาการ จากคุณ : kongp (kongp) เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 12:57:35

ความคิดเห็นที่ 32 ของผม ต้นชั่วโมงครูจะเริ่มสอนนิยามและเนื้อหาไม่ข้ามแม่แต่แค่บวกลบ หรือสูตรง่ายๆที่จำไม่ได้ก็ไม่เกิดอะไรในชีวิตพิสูจน์เองได้ แล้วก็จะหยิบโจทย์ ขึ้นมาสอนต่อตั้งแต่โจทย์ง่ายๆ แต่ยังไม่ทำให้ดูจะเขียนโจทย์ขึ้นกระดานไว้ก่อน แล้วจะทำให้ดูเป็นตัวอย่างข้อสองข้อ หลังจากนั้นจะไล่ถามนักเรียนปกติจะถามเด็กหลังห้องก่อน แล้วก็จะมีโจทย์ยากๆทิ้งไว้ซักพักให้นักเรียนคิดแล้วก็บอกวิธีทำให้ครูเขียนขึ้นกระดาน การบ้านครูมีให้ทุกวันครับเป็นชีทวันละแผ่นมีตั้งแต่โจทย์ง่ายมากๆมองตอบจนถึง โจทย์ที่นั่งมองโจทย์ทั้งชั่วโมง ส่วนการเก็บคะแนน แบ่งเป็นสองส่วนคือ สอบ กับ คะแนนเก็บ คะแนนเก็บถ้าทำชีท(ลอกมาก็ได้)และงานอื่นๆส่งครบก็จะให้คะแนนเก็บส่วนแรกไปเต็ม ดังนั้นคะแนนสอบจะเป็นตัวตัดเกรด ถ้าทำได้พอทนคะแนนก็จะส่งให้ได้เกรด 1 ผ่าน แต่ถ้าประเภท 1.5/20 ก็คงไม่ต้องคิดมาก ปล.ครูตรวจชีททุกหน้าทุกข้อทุกคน.และต้องเขียนวิธีทำละเอียดให้มาอ่านที่เขียนเองรู้เรื่องทีหลัง แต่สุดท้ายผมเห็นว่าควรสร้างทัศนคติที่ดีในวิชาคณิตศาสตร์ด้วยแค่ใจบอกไม่ชอบก็เรียนไม่รู้เรื่องแล้ว ปล.2 พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนสายวิทย์โรงเรียนแถบปริมณฑลไม่ดีเลย จากคุณ : ซาลาเปาบัวหิมะ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 21:26:02

ความคิดเห็นที่ 33 อาจารย์คณิตศาสตร์ที่ประทับใจ.... ม.1  เรียนเข้าใจ๊ เข้าใจ อาจารย์ย้ำแล้วย้ำอีก อธิบายเคลียร์ สุดยอด ม.3  อาจารย์สอนแบบเปรียบเทียบ ยกตัวอย่างแบบเห็นภาพ มีการดึงพวกหนังจีนกำลังภายในมาใช้ทำให้จำสูตรได้ง่าย ๆ สนุก ท้าทาย ม.6 อาจารย์อารมณ์ดี สอนสนุก ยกตัวอย่างใกล้ ๆ ตัว แต่แสนจะเข้าใจ และเป็นแรงบันดาลใจให้เดี๊ยนเรียนด้านนี้ด้วย ถ้า จขกท อยากเป็นครูคณิตศาสตร์ ก็ดีนะคะ เพราะครูสายนี้น้อย ยังขาดแคลนอยู่มาก ที่สำคัญ ครูคณิตศาสตร์เป็นครูที่สบายมาก ๆ (ในสายวิทยาศาสตร์ด้วยกันนะคะ) เพราะว่า ทฤษฎีอะไรต่าง ๆ แทบจะไม่มีใหม่เลย  เตรียมตัวครั้งเดียว ที่เหลือประยุกต์เอา....แต่เวลาสอน โดยส่วนตัวเดี๊ยนว่า สอนยากนะคะ มันเป็นนามธรรมอ่ะค่ะ  แต่ถ้าสอนให้เด็กเข้าใจได้  มันจะมันส์มาก ๆ เลย จากคุณ : isiss12 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:08:44

ความคิดเห็นที่ 34 ผมชอบเรียนคณิตศาสตร์เพราะรู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกมอะไรซักอย่างอยู่น่ะครับ เวลาแก้ได้จะดีใจ ลองทำให้นักเรียนรู้สึกอย่างนี้อาจทำให้นักเรียนสนใจเรียนมากขึ้นได้นะครับ พอคิดว่ากำลังเล่นเกม ก็เลยไม่ได้สนใจเท่าไหร่ว่าเรียนไปทำไม แต่บางทีก็คิดว่าอาจารย์ก็น่าจะบอกบ้างว่าเรียนไปทำอะไร เพราะถ้าไม่ตอบเด็กก็จะคิดว่าเรียนไปไม่ได้ใช้, เรียนเป็นอาจารย์ ก็จะพาลไม่อยากเรียนเอา แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 53 09:48:10 จากคุณ : Pu'Chew เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 09:44:04

ความคิดเห็นที่ 35 ตอนนี้ผมเพิ่งเริ่มสอนพิเศษได้ 1 ปี ส่ิงที่พบคือ 1 เนื้อหาบางอย่าง ครู ม.ต้น บอกนักเรียน ว่า เป็นเดี๋ยวไปเรียน ม.ปลายก็ได้ พอขึ้นมาปลาย ครูม.ปลายบอกว่า อันนี้ของมต้นเรียนมาแล้ว ไม่สอน 2 คะแนนเก็บเยอะมาก สอบปลายภาคกลางภาค มีสัดส่วนนิดเดียว ทำให้ เด็กต้องเรียนล่วงหน้า เพราะสอน แล้ว สอบท้ายชั่วโมงคนเรียนมาก่อนได้เปรียบมาก เด็กไม่ค่อยอยากทำแบบฝึกหัด โดยเฉพาะที่ยาก ๆ ครูในห้องมีอำนาจมาก บางคนใจแคบ ต้องใช้วิธีที่สอนเท่านั้น สอบมักเป็นแสดงวิธีทำ ครูบางคนเปิดสอนพอเศษ มีผลต่อการให้คะแนนเด็ก 3 เนื้อหามากกว่าที่ผมเคยเรียนตอนสมัยเอ็นทร้านซ์ บางอย่างควรไปเรียนในมหา'ลัย 4 ครุบางโรงเรียน ไม่มีความชำนาญในวิชาที่สอนโดยเฉพาะวิชาคำนวณ จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 13:33:45

ความคิดเห็นที่ 36 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 53 10:04:58

ความคิดเห็นที่ 37 # 27 ครับ ขอบคุณครับ ที่กรุณา ทำมาให้ดู ------------------------------------------------- คห.5 เป็นการแก้สมการสองตัวแปรธรรมดา - -'' ให้Xเป็นทุน Yเป็นราคาตั้ง Y = X+0.2X Y-8 = X-0.05X แก้แล้วได้ X=32 Y=38.4 อันนี้ไม่จำเป็นแต่เสริมให้ดูง่ายๆ ราคาสุดท้ายคือ Z=Y-0.1Y=0.9Y= 34.56 25Z=864 สองชั้น เด็ก ม.1 ก็คงแก้ได้แหละมั้งครับ ไม่ยาก ที่ คุณ บอกมาคือ วิธีทำ ส่วนครู จะต้อง “แนะ”  วิธีคิดให้เด็ก คำถาม คือ ทำอย่างไร จึงจะ “แนะ”  วิธีคิดได้ โดยไม่บอกวิธีทำ และไม่บอกวิธีคิด  ตรงนี้ โหดมหาหินมากครับ .......................................................... มาดูวิธีทำของผม นะครับ  ผมใช้ ตัวแปรเดียว หรือไม่ต้องมีตัวแปรก้อได้ อย่างนี้ครับ   เริ่มที่ Idea ของการลดราคาซะก่อน ลดราคาสินค้ามา  8 บาท ทำให้ขาดทุน 5 % แสดงว่า ลดมา  25 %  เมื่อเทียบจากทุน เราก้อกำหนดให้ A เป็นราคาสินค้าที่ ตั้งไว้ ก่อนลดราคา เราจะได้สมการอย่างนี้ [ A/ 8 ]       =  [ 120 / 25 ] ย้ายข้างได้  A  =  [ 120 / 25 ]  x  8 แล้วซื้อมา  25 ชิ้น   เป็นเงิน  =  { [ 120 / 25 ]  x  8 } x 25 เป็นเงิน =  120 x 8 ได้ลดราคา 10 %   ดังนั้น จ่ายเงินไป  =  [120 x 8 ]  x  [ 90/100 ] ตอบ = 864  บาท จะเห็นว่า เราอาจ ใช้ ตัวแปร  A  หรือไม่ ก็ได้ การสอนคณิตศาสตร์ ที่ดี ควรพยายาม เน้นที่หลักการคิดให้ได้เสียก่อน หลังจากนั้น จึง สอนวิธีทำ หากเราต้องการใช้ ตัวแปร ควรหาทางใช้ตัวแปร ด้วย จำนวนตัวแปรที่น้อยที่สุด เช่น ใช้ตัวแปรเพียง ค่าเดียว   หรือไม่ใช้เลย  ข้อนี้ไม่ใช้ก็ได้  ใช้เทียบ บัญญัติไตรยางศ์  ก็สามารถหาคำตอบได้เช่นกัน การใช้ตัวแปร น้อยๆ  ตัว  จะช่วยได้มาก เมื่อเราไปเจอปัญหา ในวิชาฟิสิกส์ ฟิสิกส์นั้น ยิ่งมีตัวแปร น้อยเท่าใด ก็ทำให้หาคำตอบได้ง่ายขึ้นเท่านั้น จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 53 11:32:10

ความคิดเห็นที่ 38 ปวช คงจะเน้นใช้เครื่องคิดเลข ไม่ว่าแบบไหนก็ตาม ปวส น่าจะใช้คอมพิวเตอร์ ตามสายอาชีพ ในขณะที่มหาลัยก็คงจะใช้คอมพิวเตอร์  ไม่ว่าแบบไหนก็ตามด้วย จากคุณ : kongp (kongp) เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 09:11:15