ความคิดเห็นที่ 1 4 เลนเหมือนเดิมครับ แต่แคบลง กลายเป็น 4 เลนแบบเยาวราช จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 19:10:18

ความคิดเห็นที่ 2 เราว่าเค้าคงคาดหวังว่าคนจะไปขึ้นรถราง ทำให้สามารถลดจำนวนรถส่วนตัวบนถนนนั้นลงได้ค่ะ ขอเพิ่มเติมหน่อย ส่วนนึงที่กรุงเทพรถติดเพราะการวางผังเมืองไม่ดีนี่ล่ะ มีปัญหาไปถึง ขสมก. และ การคมนาคม จราจรต่างๆ ทำให้ยังไงๆก็มีรถส่วนตัวออกมาไม่หยุด =( จากคุณ : SICKHEART เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 19:11:38

ความคิดเห็นที่ 3 1**) จะลดปัญหาเรื่องรถเมล์วิ่งเข้าวิ่งออกในช่องปกติลง (อาจตัดเลนรถเมล์ออกไปได้เลย เป็นต้น) 2**) รถราง BRT จะได้สิทธิในการวิ่งผ่านแยก (ระบบไฟจราจรจะถูกเชื่อมโยงเข้ากับระบบการเดินรถ BRT ทำให้รถ BRT จะได้ไฟเขียวเมื่อวิ่งผ่านแยก)   ทำให้ไม่มีรถเมล์ตกค้างที่แยกมากเหมือนปกติ 3*) คนใช้รถเมล์ BRT จะสามารถคำนวณเวลาเดินทางได้ง่ายขึ้น  ใกล้เคียงกับคนที่ใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน หรือBTS 4) ถูกของคุณครับ  ถ้ารถ BRT สามารถคำนวณเวลาได้ง่าย และไม่เสียเวลาในการติดจราจร  คนก็จะขึ้นรถ BRT มากขึ้น อาจจะทำให้รถยนต์ลดไปบ้าง จากคุณ : ปัจจุบันคนหลังเขา (อดีด...) (คนไทยในลอนดอน) เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 19:12:55

ความคิดเห็นที่ 4 ลดการใช้ รถยนต์ ส่วนตัวค่ะ อาจจะน้อย แต่สำคัญคือเป็นทางเลือกให้สำหรับ ผู้ที่ไม่มีรถด้วย อย่าคิดว่า คนกทม มีรถใช้กันทุกคนสิค่ะ คนไม่มีรถเนี้ยะมากกว่าคนมีรถอีกนะ จากคุณ : น้ำตาลเปรี้ยว vs มะนาวหวาน เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 19:13:12

ความคิดเห็นที่ 5 #### BRT ขวดเก่าเล่าใหม่ #### http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V9233039/V9233039.html ขอพูดในฐานะของคนที่บ้านอยู่พระราม 3 และไปกลับฝั่งธนบุรีบ่อยๆ และในฐานะที่ผมเป็นหนึ่งใน อีกหลายหมื่นคนที่บ้านอยู่บริเวณนี้ที่เฝ้ามองตอม่อของรถไฟฟ้าสายบางแคมาเกือบ 10 ปี โดยไร้ ซึ่งความคืบหน้าผมเฝ้าติดตาม 2 โครงการนี้ตลอดมาเพราะว่ามันมีผลกระทบต่อการเดินทางของ ผมอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่จากการเฝ้าติดตามตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีทั้งรถไฟฟ้า และ BRT กอปรกับประสบการณ์กับโครงการของรัฐบาลเกี่ยวกับระบบขนส่งในกรุงเทพมหานครและส่วนอื่น ของประเทศ ผมไม่เชื่อว่ามันจะมีอะไรใช้ได้อย่างจริงจังและถูกสร้างมาเพื่อแก้ปัญหาระบบขนส่ง- มวลชนในกรุงเทพฯและส่วนอื่นในประเทศไทยอย่างแท้จริงและจริงใจนอกไปจากผลประโยชน์ไม่ ลงตัวของนักการเมืองจนทำให้โครงการต่างๆ ล่าช้า เข้ากรุ ถูกดอง อย่างที่เห็นกันมานักต่อนัก BRT โครงการนี้ ก็ไม่ต่างอะไรไปจากโครงการของรัฐบาลประเทศไทยที่ผ่านๆ มาทั้งล่าช้า ทั้งโกง ทั้งฮั๊วประมูล งานดำเนินล่าช้า ผู้รับเหมาทิ้งงาน ฯลฯ ขนาดงานเล็กๆ แบบนี้ยังรั่วมากไม่แปลก ใจเลยที่ว่างานใหญ่ๆ อย่างแอร์พอร์ตลิ้งค์ รถไฟฟ้าทั่วกรุง โฮปเวร ลาวาลิน ฯลฯ มันถึงล่มไม่เป็น ท่าเลย เพราะที่นี่ประเทศเทย... ก่อนจะเปิดดำเนินการจริงอย่างที่ฝันเอาไว้ (ส่วนใหญ่จะฝันเปียก) ผมมีข้อสงสัยในแง่ของผู้ที่มี- ความคุ้นเคยกับพื้นที่บริเวณ ดังนี้ 1. ขอบปูนกั้นไม่ยาวสม่ำเสมอ รถมอไซค์เข้าไปแทรกท่านจะทำอย่างไร ซึ่งมันมีคนมั่วนิ่มมักง่าย เข้าไปแน่นอนอยู่แล้วตามนิสัยเสียๆ ของคนไทยที่มักง่ายไร้จิตสำนึก 2. BRT ต้องขึ้นสะพานพระราม ๓ แต่ไม่ได้กั้นช่องขวาไว้ ช่วงเช้า เที่ยง เย็น รถติดบนสะพานมาก BRT ก็ต้องไปติดด้วย เพื่ออะไร ? 3. แยกไฟแดงฝั่งอื่นเขียว แล้ว BRT จะเขียวได้อย่างไร ไปตัดไฟเขียวเขา จะบอกว่าจราจรจะคอย กดไฟเขียวให้ BRT ผมไม่เคยไว้ใจตำรวจ 4. สะพานข้ามแยกไม่มีการกั้นช่อง เกิดรถติดขึ้นมาพวกเข้าไปวิ่งในช่อง BRT ได้ รถ BRT ก็ข้าม สะพานไม่ได้ ท่านจะทำอย่างไร เป็นที่แน่ชัดอยู่แล้วว่าโครงการนี้จะไม่ได้ช่วยให้รถน้อยลงแต่อย่างใดเลย มิหนำซ้ำจะทำให้รถใน- บริเวณนี้ติดมากขึ้นอย่างไม่สามารถจะจินตนาการได้ ยังไม่รวมรถที่ลามไปติดยังส่วนอื่นๆ ใกล้ เคียงบริเวณนี้อีก เพราะ BRT ไม่ได้ถึงหน้าบ้านของคนส่วนใหญ่ อีกทั้งเส้นที่วิ่งก็มีคนน้อยอยู่แล้ว แถมยังไม่ได้ผ่านบริเวณชุมชน คนทั่วไปก็ต้องต่อรถหลายต่ออยู่แล้ว จุดจอดรถก็ไม่มี มันจะต่าง- อะไรกลับเอารถส่วนตัวมาเอง ไม่ต่างอะไรไปจากระบบรางใน กทม. ที่มีเพียงกระจุกเดียวบริเวณ ที่เป็นห้างสรรพสินค้าเอกชน เหมือนสร้างไว้เพื่อกลุ่มนายทุนโดยเฉพาะ ในขณะที่ย่านชุมชนกลับ ไม่มีการขยายเส้นทางออกไปแม้จะมีโครงการแต่ก็โดนดองดำเนินการล่าช้ามาก ขัดขากันไปมา ไม่ได้ทำสักที รถไฟฟ้าสำโรงแทบจะเลื่อนเปิดมามากกว่าเวลาที่สร้างมันเสียอีก คนสมุทรปราการ คงจะทราบและซึ้งกันดี BRT คงจะล้มเหลวไม่เป็นท่าอีกเหมือนกัน เหมือน BUS LANE ที่เคยมีแล้ว ก็ต้องเน่าไปในที่สุดเพราะรถเมล์ท่านออกป้ายปาดขวาสุด เข้าป้ายปาดจากขวาไปซ้าย รถส่วน- ตัวก็วิ่งกันหน้าตาเฉย ตำรวจท่านก็ไม่ทำอะไร งบประมาณที่ลงไปก็จะสูญสลายไปโดยเปล่าประ- โยชน์ ดีไม่ดีทิ้งไว้เป็นอุสรณ์สำหรับชนรุ่นหลังให้เอน็จอนาจใจกับความขี้โกงชั่วช้าของนักการเมือง ไทยอย่างโฮปเวรอีก ทั้งรถตู้ รถเมล์ (ร่วม) และระบบขนส่งอย่างอื่นซึ่งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของนักกินเมือง และข้าราชการระดับสูงหลายคน ถ้าหากว่ามีระบบที่ดีกว่าอย่างระบบรางและระบบ BRT เข้ามา แทนที่ทำให้ระบบกินเมืองแบบเดิมๆ ไม่สามารถหากำไรจากความลำบากของประชาชนได้อีกก็คง จะไม่มีใครยอมทุบหม้อข้าวตนเองและที่ซ้ำร้ายบังเอิญว่าเจ้าของธุรกิจพวกนี้เป็นผู้กำหนดนโยบาย ให้กับประเทศเสียด้วยสิ การบีบบังคับให้ต้องนำเข้ารถยนต์จำนวนมากจาก ตปท. เพราะความใช้ ไม่ได้ของระบบขนส่งมวลชนภายในประเทศทำให้กำไรเข้าสู่กระเป๋าผู้นำเข้าซึ่งเจ้าของกิจการเป็น นักการเมืองหลายคนจึงไม่แปลกที่ระบบรางจะโดนดอง แต่ในอักนัยหนึ่ง BRT คือสัญญาณที่ดีของก้าวแรกที่สำคัญในการพัฒนาระบบการขนส่งคนจำนวน มากเทียบเท่าระบบรางในราคาที่ถูกกว่า ถ้าไม่มีก้าวแรกย่อมไม่มีก้าวที่สองอยู่แล้ว (เฉกเช่นเดียว- กับรถไฟฟ้าที่ก้าวแรกเดินไปแล้ว 10 ปีก้าวที่สองยังไม่เดินต่อเลย และมีทีท่าว่าจะเกียร์ว่างเพราะติด กีฬาสีเท่านั้นเอง) BRT เป็นโครงการที่ดี แนวความคิดดี แต่ที่นี่ประเทศไทย อะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้ครับ ปล. โครงการ BRT ก็ไม่ต่างอะไรไปจากโครงการหาเสียงอีกโครงการหนึ่ง ผมขอปรามาสไว้ ณ ตรง นี้เลยว่าไม่ได้เรื่อง หมายถึง การดำเนินการและการจัดการไม่ใช่หมายถึงจุดมุ่งหมายโครงการไม่ดี มันก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งโครงการอัจฉริยะบ้าๆ บอๆ บวมๆ ของนักกินเมืองอีกตามเคยไม่ว่าจะเป็น จุดจอดแท๊กซี่อัจฉริยะ ป้ายจราจรอัจฉริยะ ฯลฯ ดั่งที่เราเห็นกันดีอยู่ว่าสิ้นเปลืองงบประมาณไปมาก ขนาดไหนในขณะที่มันใช้ไม่ได้กับบ้านเราแต่ก็ยังขืนจะทำ ? ในท้ายที่สุดแล้วระยะสั้นอย่างดีก็กลายเป็นช่องจราจรพิเศษสำหรับมอเตอร์ไซค์ ก็ทราบกันดีอยู่กับ- สำนึกและวินัยจราจรแบบคนไทย แน่นอนว่าต้องมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นตามมาอีกแน่นอน นอกจากนั้นต้อ งมีคนตายเพิ่มด้วยเพราะคนไทยไม่ใช้สะพานลอยเดินข้ามมันเสียฉิบรถ BRT วิ่งชนคนขณะข้ามถนน ไปขึ้นรถมีแน่นอน โครงการมันจะใช้ได้หากเดินระบบรถทั้งกรุงเทพมหานครพร้อมกัน ทำอยู่แค่กระจุกเดียวแบบรถไฟฟ้า มันก็จะมีสภาพอย่างที่เห็น เหมือนมีไว้ประดับบารมีแต่ใช้งานจริงไม่ได้ มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าใครขับรถแล้วจะไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าโครงการนี้ไม่- สามารถตอบโจทย์แก้ปัญหาที่แท้จริงของระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานครได้ ปัญหาที่แท้จริง เกิดจากอะไร ทางแก้คือตรงไหน ท่านทราบ แต่ท่านไม่ทำ เพราะอะไร ไปคิดกันเอง เพราะที่นี่ประเทศไทสวะครับ จากคุณ : axquest เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 19:15:48

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้ามันเป็นความจริง ก็จะดีมาก เพราะอยู่ใกล้ที่ทำงาน ไปมาสะดวก รถไม่ติด จากคุณ : น้าวัชร-จัดให้ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 19:20:32

ความคิดเห็นที่ 7   โดยส่วนตัว ผมเห็นว่า รถจะยิ่งติดมากขึ้น รถ BRT เป็นโครงการหาเสียงของนักการเมือง แสดงถึงสติปัญญาของนักการเมืองไทยและประชาชนชาวไทยได้อย่างดี จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 19:20:38 A:58.9.155.55 X: TicketID:117365

ความคิดเห็นที่ 8 หลักการของขนส่งมวลชน ทุกอย่าง เน้นการบรรทุกคนจำนวนมาก ทำให้ ลดจำนวน รถยนต์ส่วนตัวที่จะวิ่งบนพื้นที่ถนน คิดง่ายๆ รถรางที่ บรรทุกคนได้ 100 คน ใช้พื้นที่บนถนน น้อยกว่ารถยนต์ส่วนตัวที่ นั่งเต็มที่กัน 4 คน 25 คัน มากทีเดียว จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 19:22:11

ความคิดเห็นที่ 9   หาเรื่องดึงคนมากรุงเทพเพิี่่่มขึ้นครับ 5555 จากคุณ : บ้า เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 19:26:17 A:192.168.1.106 X:58.11.98.214 TicketID:269835

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ #7 สติปัญญาของคุณด้วยนิ ก็คุณบอกว่าคนไทย ? จากคุณ : AIScript เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 19:30:05

ความคิดเห็นที่ 11   เลน BRT จะโล่งกว่ารถเมล์ และเลนอื่นๆ ทำให้วิ่งได้เร็วกว่า  ทำให้ดึงคนมาใช้บริการ BRT ได้มาก  ลดคนใช้รถส่วนตัวลง เพราะรถติด ขับไปเองช้ากว่า จากคุณ : AIM-9X เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 19:48:17

ความคิดเห็นที่ 12 BRT เป็น Project วัดใจครับ จากคุณ : LogiEng เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 20:13:07

ความคิดเห็นที่ 13 #5 จ๋า บรรทัดสุดท้ายพิมพ์ผิดหรือยังไงเอ่ย? แบบว่า...สะดุดตา เฮ้ย! ลืมๆ ลืมตอบ ขออ้างอิงจากคุณคนไทยในลอนดอนนะครับ ข้อ 1 เนี่ยน่าจะเป็นข้อดีที่เด่นชัดเลยล่ะครับ เพราะการที่รถเมล์ต้องวิ่งตัดไปตัดมา มันเหมือนมีเศษไม้ชิ้นใหญ่ขวางรางระบายน้ำยังไงยังงั้น แต่ข้อ 2 นี่อาจจะแปร่งๆ หน่อย คือ flow ของ BRT จะไหลลื่นแต่นั่นจะทำให้ flow ของถนนอื่นๆ ที่มาตัดติดขัดมากขึ้น เหมือนถนนตัดรางรถไฟล่ะมั้งครับ ข้อ 3 และข้อ 4 ยังเห็นไม่ค่อยชัดเจน ต้องรอดูไปก่อน แต่ถ้าวันนึง BRT เกิดฮิตติดตลาดขึ้นมาก็คงนำมาซึ่งปัญหาใหม่ๆ อยู่ดี คือ ผู้โดยสารจะต้องมาออรอกันที่ถนนสายนี้ แต่พวกเขามากันยังไงล่ะ? ก็คงต้องมีรถมาส่งอยู่ดี ซึ่งกะยิ่งทำให้ปัญหาจากข้อ 2 ใหญ่่โตขึ้นไปอีก นี่ผมคิดอย่างเป็นกลางเลยนะ บ้านอยู่อีกฝั่งนึง เลยไม่ได้รับผลบวกลบเท่าไหร่ แต่ถ้าจู่ๆ เมืองหลวงมี BRT ถักทอครอบคลุมเป็นเครือข่าย นั่นคงจะดีไม่น้อยเลยล่ะ (แต่...กว่าจะถึงขั้นนั้น คงลำบากอีกนาน) แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 53 20:42:30 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 53 20:39:58 จากคุณ : ไม่ได้จ้องจับผิดนะ (จันทร์เย็น) เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 20:28:39

ความคิดเห็นที่ 14 เพราะที่นี่ประเทศไทสวะครับ จากคุณ : axquest   ----------------------------------------------- ประเทศนี้มันแย่นักท่านก็ ไปอยู่ที่อื่นสิครับ จากคุณ : Toh loneliness เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 20:30:49

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นทางเลือกให้คนไม่มีรถค่ะ ส่วนตัวแล้วขับรถและบ้านอยู่แถวนี้ ก็รู้สึกว่าขับไม่สะดวกเหมือนเมื่อก่อนแต่ว่าก็ต้องเสียสละเพื่อส่วนรวมบ้าง รัฐบาลไม่ได้สร้างถนนมาให้ดิฉันใช้คนเดียวนี่คะ จากคุณ : M-M-C-L เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 20:36:05

ความคิดเห็นที่ 16 ขอความรู้คร๊าบบบบบบบบบ ไม่ต้องเถียงกาน ไม่ต้องกระแหนะกระแหนกันนะคร๊าบบบบบบบบบบบ จากคุณ : ซึน จืน หมึน เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 20:36:29

ความคิดเห็นที่ 17 สงสัยอย่างนึง BRT Laneบนสะพานกรุงเทพฯเนี่ย มันจะจัดระเบียบจราจรยังไง เบียดขึ้นไป 1 เลนโดยเหลือแค่เลนเดียวไม่ยิ่งมีปัญหาจราจรหรอ จากคุณ : doxday เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 20:43:43

ความคิดเห็นที่ 18 รอมันพอควรแล้วครับ ถ้าสามารถจัดการจราจรให้ BRT วิ่งโดยไม่ติด ผมว่ามันช่วยได้ครับ คนจะหันไปใช้มากขึ้น จากคุณ : MAX เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 20:45:52

ความคิดเห็นที่ 19   มันไม่สะดวกตรง ต้องข้ามสะพานลอยก่อน ถึงจะได้ขึ้น อย่าลืมว่าคนไทยเป็นคนขี้เกียจ ถ้ามันไม่เร็วเทพอย่าง BTS, MRT จริงๆ ยอมขึ้นรถเมล์ 8 บาทดีกว่า ถ้าโชคดีบางเส้นทาง รถวิ่งฉิวไม่ติดไฟแดงเลย แถมเวลาขึ้นลงรถ ก็ไม่ต้องข้ามสะพานลอย ไปๆ มาๆ อีก จากคุณ : lastman เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 20:55:24 A:58.9.18.242 X: TicketID:197895

ความคิดเห็นที่ 20 ระบบขนส่งมวลชนส่วนใหญ่เน้นทำเพื่อการลดการใช้รถบนท้องถนนครับ รถไฟฟ้าหนึ่งขบวน รถเมล์หนึ่งคัน หรือว่ารถแบบอื่น ออกแบบมาเพื่อให้จุผู้โดยสารให้ได้จำนวนมากต่อการวิ่งหนึ่งครั้ง นี่คือแนวคิดครับ ... สรุปคือ ลดจำนวนรถบนถนนให้ได้มากที่สุดครับ แต่ในความเป็นจริง .. ผู้ใช้บริการรถสาธารณะส่วนใหญ่ ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวมาวิ่งบนถนนอยู่แล้ว จึงไม่ช่วยลดปัญหาจำนวนรถบนท้องถนนเท่าที่ควร... ซึ่งถ้าจะต้องลดจำนวนรถบนท้องถนนนั้นจะต้อง ให้ผู้ที่มีรถยนต์และใช้รถยนต์อยู่แล้วนั้นหันมาใช้บริการรถสาธารณะให้มากที่สุด(เท่าที่จะทำได้) ซึ่งมันก็โคตรยากครับ คนที่มีรถอยู่แล้ว ถ้าน้ำมันและแก๊สไม่แพงจนไม่เงินไปเติม รถมันไม่ติดมหากาฬแยกละชม.จริงๆ ผมพูดได้เลยว่า มีไม่เยอะหรอกครับ ที่หันเหไปใช้บริการรถสาธารณะครับ อ่อ.... มองมุมต่าง.... ถ้ารถ BRT มันได้สิทธิพิเศษ วิ่งไหลลื่นกว่าเลนอื่นๆ แต่มันทำให้รถเลนอื่นๆติดแหง่ก นั่นคือความต้องการที่แท้จริงของคนวางแผนครับ ให้รถมันติดกว่าเดิมมากๆ คนที่มีรถจะได้จอดรถไว้บ้านแล้วสะพายกระเป๋าไปขึ้น BRT ครับ แหม.. โคตรล้ำลึกครับ... จากคุณ : สสารนิยม เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 20:56:15

ความคิดเห็นที่ 21   ถ้าตัดรถเมย์ธรรมดาในเส้นนั้นไปด้วย ผมคิดว่าจะช่วยได้มากเพราะ หลายๆครั้ง รถมันติดตรงรถเมย์จอดรับส่่งผู็้โดยสาร วิ่งสลับช่องทางไปๆมาๆ เบรกๆ รถที่ตามมากก็ต้องหยุดๆ วิ่งๆ เสียเวลามั้ยละ รอดูผลกันครับ จากคุณ : sevensunday เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 21:14:17

ความคิดเห็นที่ 22 ระบบขนส่งมวลชนที่ดี  จะต้องมีระบบเป็นโครงข่ายที่ประชาชนสามารถเดินทางได้โดยสามารถละทิ้งรถยนต์เอาไว้ที่ด้านนอกเมือง หรือไม่ใช่เลยก็ได้... ในอังกฤษ  ระบบขนส่งมวลชนจะเป็นโครงข่ายครอบคลุมลอนดอนไปจนถึงด้านนอกเมือง  และรอบๆ จะมีสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟไปรอบทิศ   และที่สถานีรถไฟหลายแห่งในต่างเมือง จะมีที่จอดรถไว้ให้  ยิ่งเมืองไหนใหญ่หน่อย ที่จอดรถก็จะใหญ่ตาม  ทำให้คนต่างเมือง สามารถขับรถไปจอดไว้ที่สถานีรถไฟ(และจ่ายค่าจอดรถรายวัน) จากนั้นก็เดินทางด้วยรถไฟเข้ามาในลอนดอน เพื่อต่อรถไฟใต้ดินต่อไป รถไฟธรรมดา และรถไฟใต้ดิน  สามารถใช้ตั๋วร่วมได้ (และยังมีตั๋วร่วมใช้กับรถเมล์ได้อีก) ดังนั้นอย่างตอนผมอยู่ที่อังกฤษ ผมอาจจะซื้อตั๋ววัน หรือตั๋วสุดสัปดาห์  เพื่อเดินทางจากต่างเมืองเข้ามาในลอนดอน และเดินทางทั่วในลอนดอนโดยเสียค่าโดยสารเพียงครั้งเดียว เมืองไทยยังมีปัญหาหลายอย่าง ดังเช่น 1) ระบบขนส่งรองของไทยยังมีปัญหา  นั่นคือระบบรถไฟต่างเมือง ยังไม่ทั่วถึง และคุณภาพยังต่ำ (ที่อังกฤษเขาวิ่งกันร้อยกว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมง  ความเร็วสูงสุดประมาณ 90 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือประมาณ 140กว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมง) และระบบรางเป็นรางคู่เกือบทั้งประเทศ  ในจุดที่มีคนใช้มากจะเป็นสี่ราง  (รางเร็วสองราง และรางปกติสองราง) 2) โครงข่ายในเมืองหลวง ยังไม่ครอบคลุมเพียงพอ  ทำให้ยังไม่น่าใช้เท่าที่ควร (แต่ในอนาคตก็กำลังดีขึ้นเรื่อยๆ) และจุดจอดแล้วจร  ก็ยังไม่ครอบคลุมทั่วถึง 3) ระบบตั๋วยังไม่มีการสนับสนุนให้ใช้ตั๋วแบบเหมาจ่ายอย่างกว้างขวาง  นั่นคือจ่ายครั้งเดียวเดินทางได้ทั้่งวัน    (และมีตั๋วเดือน หรือตั๋วสัปดาห์สำหรับคนที่เดินทางบ่อย และนักเรียนนักศึกษา ก็จะมีราคาพิเศษ) (อันนี้ไม่รวมการ์ดแบบหักเงินทุกครั้งเมื่อผ่านเครื่อง  ซึ่งแตกต่างไปจากการเหมาจ่าย ซึ่งจ่ายครั้งเดียวเิดินทางได้ไม่จำกัดเที่ยว)  และยังไม่สามารถใช้ได้ครอบคลุมทั่วถึงจริงๆ  เช่น ตั๋วใบเดียวควรใช้ได้ทั้งรถเมล์ทุกสาย  เรือทุกสาย รถไฟทุึกระบบ  และเหมาจ่ายเดินทางได้ไม่จำกัด     ในทางปฏิบัติ  เราสามารถควบคุมการจำกัดการใช้งานตั๋วร่วมแบบเหมาจ่ายด้วยการกำหนดช่วงเวลาใช้  เช่น ใช้ได้ภายในหนึ่งวัน  หนึี่งสัปดาห์ ฯลฯ  และกำหนดโซนการใช้งาน  (เช่นที่อังกฤษจะแบ่งโซนในตัวเมืองหลวงเป็นหลายโซน  ถ้าเราซื้อเฉพาะโซนใน  ก็ถูกหน่อย แต่จะเดินทางได้เฉพาะในตัวเมืองชั้นใน เป็นต้น) ส่วนการรวมค่ารถไฟต่างจังหวัด ก็เป็นการเดินทางเฉพาะไปกลับ (ไปหนึ่งครั้ง กลับหนึ่งครั้ง  แต่ราคาจะรวมค่าตั๋วเดินทางในตัวเมืองที่เดินทางไม่จำกัดเที่ยวไปด้วยเลย) ในกรณีนี้  สังเกตว่ามีข่าวในการพยายามจัดทำตั๋วร่วมและอื่นๆ ขึ้นมาแล้ว  หวังว่าสามารถจะทำต่อไปให้เป็นระบบได้ดีมากขึ้นในอนาคต ===================================== ปล.  ถึงแม้ในความเห็นด้านบน ผมจะให้ความเห็นเชิงบวกต่อ BRT แต่ความเห็นส่วนตัวแล้ว  ผมไม่ค่อยจะเห็นด้วยต่อการนำเอา BRT มาใช้งาน  ทั้งนี้เพราะยังมีจุดตัดกับจราจรปกติอยู่  เช่นเีดียวกับรถไฟธรรมดาของไทยเรา   ระบบขนส่งมวลชนที่ดี   จะต้องไม่มีจุดตัดใดๆ กับการจราจรปกติครับ  หรือถ้าจะมี  ก็ต้องโน่น... ที่ต่างจังหวัดที่มีรถวิ่งผ่านน้อยๆ  ไม่ใช่จุดตัดกันทุกแห่งในใจกลางเมือง   ทั้งนี้เพราะการระบายรถจะทำได้ยากลำบาก  และทำให้รถไฟหรือแม้แต่ BRT อาจจะต้องหยุดรอรถที่ค้างอยู่กลางสี่แยก...(ถ้าเป็นต่างประเทศ  ไปค้างกันแบบนี้คงเจอปรับ... แต่ประเทศไทยเราไม่มีการปรับกันในกรณีนี้) BRT ในความเห็นของผม  (และเท่าที่ได้ยินได้ฟังจากการนำเสนอของกทม.ในทีวีนานมาแล้ว)  เป็นเพียงระบบรองในสถานที่ที่ไม่คุ้มค่าต่อการสร้างรถไฟฟ้า   ในความเห็นของผมแล้ว  ในอนาคต เมื่อพบว่าบริเวณดังกล่าวมีการใช้งานมากพอ  ก็ควรจะเปลี่ยนระบบเป็นรถไฟลอยฟ้า หรือรถไฟใต้ดินต่อไป.. ดังนั้นระบบ BRT ควรเป็นระบบชั่วคราวเท่านั้นในความเห็นผมครับ... แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 53 21:39:52 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 53 21:37:53 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 53 21:18:25 จากคุณ : ปัจจุบันคนหลังเขา (อดีต...) (คนไทยในลอนดอน) เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 21:15:27

ความคิดเห็นที่ 23   กลัวมันจะติดไฟแดงครับ เพราะปกติไฟเขียวรถยังติดคาไฟแดงอยู่เลย จากคุณ : Lind L Taylor เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 21:18:21

ความคิดเห็นที่ 24   รถติดกันบรรไล ละครับเพราะทุกคนไม่ได้เดินทางไกลทั้งหมด เลนอื่นติดระเนระนาด ไครว่างๆๆ6โมงเช้า มาลองวิ่งรถจากเซ็นทรัลพระราม3 ไป รถไฟฟ้า ช่องนนทรีดู ช่วงเหตุการณ์ปรกตินะครับ ไม่ไช่ตอนนี้ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 21:21:28

ความคิดเห็นที่ 25 BRT จะสามารถไปเชื่อมต่อกับ BTS ที่สถานีช่องนนทรีได้ด้วยนะครับ เสียดายที่ไม่ผ่านแถวบ้านผม อยากให้มีแถวนี้จริงๆ คนที่ใช้รถส่วนตัว ต้องยอมรับว่าน่าจะรถติดเพิ่มขึ้น แต่ก็เพื่อให้ระบบ ขนส่งมวลชน ที่ให้บริการคนจำนวนมาก ได้รับความสะดวกขึ้น และมี คนนิยมใช้มากขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้จำนวนรถส่วนตัวลดลง จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 21:35:10

ความคิดเห็นที่ 26 มันช่วยให้รถติด เพื่อบีบให้คนใช้รถส่วนตัวไปขึ้นรถเมล์ จากคุณ : โลหการ4 เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 21:49:32

ความคิดเห็นที่ 27 จริงๆมันติดมาก่อนถึงถนนเส้นนี้แล้ว จากราชพฤกษ์ก็ตั้งแต่กำนันแม้นเลย เพชรเกษมก็ติดตั้งแต่ก่อน สาย 2 อีก คนจากนอกเมืองเข้าไปทำงานในเมืองเยอะ มีรถไปสาทรบ้าง แต่มาเส้นนี้ก็เยอะ ถ้าคนที่อยู่ไกลออกไปจะใช้ BRT จะจอดรถที่ไหน BRT น่าจะลดจำนวนรถส่วนตัวของคนที่อยู่แถวนั้นมากกว่า รถที่มาจากชานเมืองเยอะอยู่ดี ผมอยากได้รถไฟใต้ดินแบบลอนดอนนะ เป็นโชนๆ จากนอกเมืองเข้ามาในตัวเมืองก็มีหลายสาย เดินทางง่ายดี แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 53 22:02:26 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 53 22:01:27 จากคุณ : installation เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 21:56:19

ความคิดเห็นที่ 28 สมัยก่อนมีรถราง ปัจจุบันมีBRT........ตกลงฉลาดขึ้นหรือ........ จากคุณ : ไหปลาร้า เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 22:00:10

ความคิดเห็นที่ 29 ผมกลัวจุดตัดไฟแดงจัง .. จุดตัดในกรุงเทพฯ เอาอย่างรถไฟต้องหยุดรอเลย .. อะไรกับ BRT .. ผมว่าไม่เกิน 1 เดือน BRT ติดไฟแดงเหมือนกันครับ อย่าลืม จุดตัดมันไม่ได้สำหรับรถวิ่งตัดกันตรง ๆ อย่าลืมรถเลี้ยวขวานะครับ แล้วมี BRT เข้ามาอีก ผมว่ามันจะทำให้จังหวะไฟเยอะขึ้นโดยไม่จำเป็น จากคุณ : เตยทะเล เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 22:32:05

ความคิดเห็นที่ 30 นอกจากไฟแดง ยังมี U-Turn ด้วยครับ ว่าจะแก้ปัญหากันแบบไหน จากคุณ : MAX เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 22:49:56

ความคิดเห็นที่ 31 สิ่งสำคัญที่เขาลืมนำไปเป็นตัวแปร คือ(นิสัย)ผู้ใช้บริการมั้ง? ตอนนี้ก็คงต้องรอเปิดใช้จริงๆซักพัก ใช่ใหมครับ ถึงจะพิสูจน์ว่า แนวคิดที่เป็นความฝันลางๆนั้น เราจะทำตามนโยบายอันสวยหรูได้ใหม จะเปลี่ยนชีวิตคน กทม หรือ คนไทย ได้แค่ใหน? จากคุณ : ซึน จืน หมึน เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 22:53:52

ความคิดเห็นที่ 32 ผมทำงานแถวพระราม 3 พอดี เห็นว่ามีกฎหมายสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล ถ้าจะวิ่งเลน BRT ต้องนั่ง 3 คนขึ้นไปนะครับ ก็...เดี๋ยวรอดูสันดานคนไทย จากคุณ : Zew เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 23:15:00

ความคิดเห็นที่ 33 การสร้างระบบขนส่งสาธารณะทั้งหลายทั้งปวง ก็เพื่อความหวังว่าจะลดปริมาณรถบนท้องถนนลงครับ ไม่ต้องมากหรอก แค่ 10-20% การจราจรในกรุงเทพก็ดีขึ้นพอสมควรแล้ว จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 23:43:08

ความคิดเห็นที่ 34 วันนี้เห็นเต็มๆ ตา มอไซค์ไปวิ่งเล่นในเลน BRT เลย เหอะๆๆๆ จากคุณ : เจ้าอ้วน (WhiteOrca) เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 00:19:40

ความคิดเห็นที่ 35   ผมว่าสุดท้ายคงหยุดรอเหมือนกันคับ ยังไงก็เร็วกว่ารถส่วนตัว เพราะไปถึง แถวหน้าเลย ไม่ต้องรอติดไฟแดงหลายรอบ เร็วเหมือนขี่มอเตอร์ไซน์ จากคุณ : sevensunday เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 00:38:35

ความคิดเห็นที่ 36 ขอตอบแบบมองมุมกลับเล็กน้อยนะครับ คือ BRT เนี่ยมันมีที่มาจาก.....การกำหนดเขตห้ามรถส่วนตัวผ่านครับ!!! อ่ะอาจจะงง ผมจะขยายความให้อ่านนะครับ คิดตามแบบใจเย็นๆ นิดนะครับ คือทุกวันนี้ กทม.และโดยรอบมีรถส่วนบุคคลวิ่งอยู่บนท้องถนนใน ชม.เร่งด่วน จำนวนมหาศาล ดังนั้นถ้าจะให้รถบริการสาธารณะสามารถวิ่งโดยกำหนดเวลาเดินทางได้นั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ ทีนี้ถ้าคิดใหม่นะครับ..... ให้มีแต่รถสาธารณะวิ่งบนถนนได้เท่านั้น เช่น รถเมล์ แท็กซี่ รถฉุกเฉิน รถรับส่งนักเรียน ฯลฯ ปริมาณรถใน กทม.และโดยรอบ ก็จะหายไปมากกว่า 90% (หรือเฉพาะเขตชั้นในวงแหวนรอบกลางก็ได้ครับ..สมมติเป็นตัวอย่างให้จินตนาการตาม) จะเกิดอะไรขึ้น??? รถเมล์ก็จะวิ่งได้เร็วขึ้นไงครับ คิดง่ายๆ ระยะทางวิ่ง สายละ 40 กม. (ไป-กลับ) แต่ละสายมีรถ 30 คัน คิดว่า ณ เวลาใดเวลาหนึ่งรถสายนั้นจะจอดพักที่อู่ต้นทาง-ปลายทาง อย่างละ 5 คัน สรุปเหลือรถวิ่ง 20 คัน บนถนนระยะทาง 40 กม. รถแต่ละคันจะห่างกันเฉลี่ย 2 กม. เมื่อรถบนถนนมีน้อย=รถไม่ติดขัด รถเมล์ 1 คันก็น่าจะวิ่งได้ที่ความเร็วเฉลี่ย 30 กม./ชม. (คิดเวลาจอดป้าย) แสดงว่าโดยเฉลี่ยทุกๆ 4 นาที รถเมล์สายเดียวกันจะจอดรับคนที่ป้าย 1คัน (ลองคิดด้วยสัดส่วนอื่นก็ได้นะครับนี่แค่ตัวอย่าง) จะเห็นได้ว่า รถเมล์/รถโดยสารสาธารณะ มันก็จะไม่ต่างจาก BTS หรือMRT แล้วใช่ไหมครับ??? BRT จึงแก้ไขการที่ไม่สามารถออก กม. ได้ ด้วยการทำเลนเฉพาะของตนเองขึ้นมาแทนไงครับ ซึ่งก่อนหน้านี้มันก็คือ Buslane นั่นล่ะเพียงแต่ต่างกันตรงที่ ชิดขวาแทนซ้ายเพื่อตัดปัญหารถจอดรถเข้าซอย (แต่ก็จะเจอปัญหาการกลับรถของรถคันอื่นๆแทน) และซื้อรถใหม่มาวิ่งเพื่อลดข้อด้อย ของ รถเมล์ชิดขวาของถนนลาดพร้าวครับ หากมีความคิดห้ามรถส่วนตัวไม่ไห้วิ่งในเขต กทม.แล้ว อย่าว่าแต่จะซื้อรถเมล์ 4000 คันเลยครับ 10000 คันก็ให้ซื้อ เพราะรายได้ทันแน่นอนมาก ลงทุนต่ำที่สุด ใช้เวลาน้อยที่สุดไม่เกิน 2 ปี ก็สำเร็จแล้วครับ แต่ข้อเสียคือ...... คนมีรถจะเดือดร้อนมากเพราะสบายกันจนเคยตัว ไม่เคยชินกับการใช้ของสาธารณะร่วมกัน บริษัทขายรถไม่ยอมแน่นอน เงินทั้งนั้นที่จะเสียไป (อาจจะมีข้ออ้างอื่นๆ สารพัด) การห้ามรถวิ่งอาจจะทำเฉพาะช่วงเวลาเร่งรีบก็ได้ครับ...ขึ้นกับการประยุกต์ใช้ ปล. ยังไงพรุ่งนี้ผมจะกลับมาอ่าน คคห. ท่านอื่นๆ ต่อครับ จากคุณ : ผีเพื่อนหงส์ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 01:11:23

ความคิดเห็นที่ 37 ที่ผ่านมาเราแก้ปัญหาจราจรโดยเน้นที่การขนรถ ไม่ใช่ขนคน กว่าจะตั้งตัวได้ก็สายเกิน ดูได้จากงบประมาณการก่อสร้างรถไฟฟ้าและความเดือดร้อนระหว่างการก่อสร้างละกันครับ เกือบลืมครับ กรณีข้างต้นของผม การให้บริการของ รถเมล์ในปัจจุบัน ไม่นำมาพิจารณานะครับ เพราะเงื่อนไขมันไม่เหมือนกัน ถ้าทำแบบผมว่า รายได้เขาก็จะมาก การควบคุมการให้บริการมันจะดีขึ้นเองครับ จากคุณ : ผีเพื่อนหงส์ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 01:14:28

ความคิดเห็นที่ 38   แปลกใจเรื่องสถานีเรื่องนึงครับ ไครเคยไช้ สถานีของบีอาที แทนสพานลอยตรงเทกนิคกรุงเทพจะเห็นว่าทางขึ้นลง มันพังไปแล้วนะครับราวจับ แต่สพานลอยอื่นๆๆไม่พัง อย่าไปค้ำเล่นนะครับ สะแตนเลสนี่เปลาะมากมาย จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 01:51:34

ความคิดเห็นที่ 39 คนไทยลืมง่ายครับ เดี๋ยวก็กลายเป็นแบบเส้นลาดพร้าว ผมยังเห็นว่ามีสะพานลอยให้คนไปขึ้นรถตรงเลนกลางถนนอยู่เลย กี่ปีแล้วนิ จากคุณ : คุณหนึ่ง คุณสอง คุณสามขา เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 02:01:14

ความคิดเห็นที่ 40 เอาไปดู กวางโจว brt คนที่นี้รถว่า กรูไม่ให้ผ่าน 不让通 (เขียนในระบบ Romanization ได้ว่า bu rang tong) จากคุณ : bmjas เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 07:26:41

ความคิดเห็นที่ 41 2 จากคุณ : bmjas เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 07:27:08

ความคิดเห็นที่ 42 3 จากคุณ : bmjas เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 07:27:25

ความคิดเห็นที่ 43 3 จากคุณ : bmjas เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 07:27:56

ความคิดเห็นที่ 44 มันวิ่งผ่าน จุดที่รถติดที่สุดในกวางโจว ปล. ภาพก่อนการสร้าง จากคุณ : bmjas เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 07:28:40

ความคิดเห็นที่ 45   ถนนเป็นของ กทม ระเบียบจราจรเป็นของตำรวจ คุณว่าเขาประสานกันได้หรือเปล่า (ไม่เอาหลักวิชาการนะครับ) จากคุณ : สาธุ (สาธุฯ) เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 08:47:54

ความคิดเห็นที่ 46 BRT มันดีที่ทำได้เลย เพราะราคาไม่แพง อย่างในรูป 43 จะเห็นว่าโครงสร้างมันไม่แพง ไม่มีอะไร แต่ต่างกับบ้านเราที่ราคาแพงกว่า ทำเป็นโครงการใหญ่ แต่เส้นที่วิ่งมีนิดเดียว และ brt ของเมืองนอกก็เป็นเหมือนรถเมล์ทั่วไป ถ้าจะไม่ให้รถติด ก็ต้องทำให้มันทั่วกทม. ไปเลย ไม่ใช่ทำอยู่แค่จุดเดียว จากคุณ : Big BuBu เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 08:50:42

ความคิดเห็นที่ 47 ให้โอกาสเค้าหน่อย กว่าจะทำอะไรได้แต่ละอย่าง ไม่ใช่เรื่องง่ายในประเทศไทย ส่วนไอ้คนที่ชอบดูถูกประเทศไทยนัก ทำไมไม่ย้ายไปอยู่สิงค์โปร มาเลย์ หรือฮ่องกงไปเลยล่ะหืม ผมคนนึงก็เป็นคนที่ไม่ชอบหลายๆอย่างในประเทศไทย แต่อย่างน้อยก็ไม่เคยดูถูกประเทศไทยทั้งหมดแบบเหมารวมหรอกนะ จากคุณ : จับได้โดยละม่อม Return เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 09:59:04

ความคิดเห็นที่ 48 มันน่าทำ และเหมาะสม ถ้า.. มีพื้นที่ที่มากพอ ........................................ จากคุณ : bb_area เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 10:11:06

ความคิดเห็นที่ 49 โดยส่วนตัวคิดว่ามันต้องใช้ร่วมกับมาตรการอื่น เช่น การจำกัดจำนวนรถส่วนตัวที่วิ่งเข้าเส้นทาง การทำจุดจอดรถส่วนตัว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรถสะสมมากในเส้นทางที่ BRT วิ่ง จนทำให้ผู้ใช้รถส่วนตัว ต้องแหกกฎไปวิ่งในช่อง BRT จนพากันติดไปด้วยกันหมด โดยหลักแล้วคิดว่ามันควรที่จะทำทั้งกรุงเทพหรือเป็นย่าน ไม่ใช่ทำแค่เส้นเดียว เพื่อหาเสียงแต่ควรมีแผนว่าจะทำย่านไหนให้เป็น BRT ทั้งหมดเพื่อประเมินว่าดีกว่าหรือเท่าเดิม หรือแย่กว่ารถเมล์ธรรมดา ทำแค่เส้นเดียวมันวัดอะไรไม่ได้มากหรอก จากคุณ : โมน้อยกุ๊บกิ๊บ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 11:34:46

ความคิดเห็นที่ 50 มีเรื่องขำๆ (รึเปล่าไม่รู้) บ้านผมอยู่ใกล้กับสถานี BRT สถานีหนึ่ง เมื่อหลายปีที่แล้ว เขากำลังก่อสร้างอยู่ ก็จะมีป้ายตัวเลข Countdown เป็นกระดาษว่า อีกกี่วันเสร็จ จาก 60 วัน นับถอยหลังทีละวันๆ ผมออกไปทำงานก็นับถอยหลังไปกะเขาด้วยทุกวัน จนถึงวันที่ 3 - 2 - 1 เย้เสร็จแล้วตื่นเต้นจัง แต่ ... ป้าย Countdown มันเริ่มใหม่จาก 60 ...อ้าวไงวะ ? ไม่เป็นไร นับใหม่ก็ได้ คงเกิดการขัดข้องอะไรบางอย่าง แล้วเราก็ลุ้นจนถึงวันที่ 3 - 2 - 1 เย้เสร็จแล้วตื่นเต้นจัง แต่ ... มันก็ยังไม่เสร็จ สุดท้าย ไม่มีป้าย Countdown อีกต่อไป แล้วก็ผ่านมาหลายปี จนถึงวันที่เสร็จจนได้ ส่วนจะแก้ปัญหาการจราจรได้มั้ยนั้น ต้องลองให้โอกาสเค้าดูครับ ผมว่า จากคุณ : LedZepp เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 12:42:41

ความคิดเห็นที่ 51   ทำยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย  นานๆจะมีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้น อย่างน้อยมันกระจายทรัพยากรมนุษย์ในการใช้รถใช้ถนนได้ส่วนนึงแหละ จากคุณ : BIRTH_JA เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 18:30:53

ความคิดเห็นที่ 52 เข้ามาขำคุณ LedZepp เรื่องการ Countdown ครับ บ้านผมเองอยู่แถสพระรามสาม Countdown ไปด้วยเหมือนกันครับ เอาใจช่วยให้ BRT ช่วยลดปัญหาการจราจรให้ได้แล้วกันครับ อยากลองใช้บริการดูจัง จากคุณ : อยากเป็นตากล้อง เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 53 14:52:27

ความคิดเห็นที่ 53 มันเป็นโครงการที่เกิดในสมัยผู้ว่า อภืรักษ์ เป็นโครงการประเภทเเบบ ที่ทําอย่างไรให้ได้ให้มันเกิดเพื่อที่พรรค เเละ กลุ่มตัวเิอง ได้เงินชักเปอร์เซนท์จากมูลค่างานก่อสร้าง มันจะเจ๊ง หรือ ทําไปเเล้วรู้ว่ามีปัญหาคนพวกนี้ก็ไม่สนใจหรอกครับ ดูอย่างป้ายเเท็กซี่อัจริยะ ของผู้ว่าคนก่อนกว่า 4 ปีมาเนี่ยถามหน่อยเคยมีคนเคยไปใช้มั้ยคําตอบคือ ไม่มี  บริษัทเอกชนที่ดูเเลป้ายเเท็กซี่อัจริยะจากทาง กทม. เคยสนใจที่ปรับปรุงมั้ย? ตําตอบคือ ไม่เลยครับ  มีคนใช้น้อย เเละ ไม่เคยมีใครใช้บริการบริษัทนี้ก็ไม่สนใจหรอกครับ เพราะรายได้เค้าอยู่ที่ป้ายโฆษณา 2 ป้ายใหญ่ๆข้างถนนที่ติดริมถนน โดยที่ไม่ต้องมาเสียค่าเช่า,ค่าสัญญาที่เพิ่มขึ้นทุกๆ3-5 ปี กับทาง กทม. ลงทุนครั้งเดียวกินลืมไม่ต้องมาเสียค่าเช่าพื้นที่ เเละ ต้องไปเสนอตัวกับบริษัทอื่นๆเสนอเเบ่งผลประโยชน์กับทาง กทม........? ? ? นี่คือผลงานห่วยๆของผู้ว่าคนก่อน รถราง BRT คุณคิดเอาง่ายๆขนาด รอง บชน. ที่รับผิดชอบการจราจรในกรุงเทพ ก็รู้ปัญหาที่จะเกิดเเน่นอนเเต่พูดไม่ได้เพราะพรรค ปชป. เป็นรัฐบาล เเถมผู้ว่าฯปันจุบันก็คนพรรคนี้ เเละ อดีตผู้ว่าฯก็ยังเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เเกเลยโบ้ยปัญหานี้มาให้ 5 ส.น.ท้องที่มาเเก้ปัญหาเองเลยครับ จากคุณ : pinhead2000 เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 53 23:05:51

ความคิดเห็นที่ 54 = = ไม่เอาการเมืองนะ ธรรมชาติของ ระบบสื่อสารมวลชน เท่าที่เข้าใจ จะแสดงศักยภาพได้ ต้องผ่านช่วงที่ยอมรับไปแล้วนะครับ อาจจะซัก 5 ปี(เข้าใจว่า 5 ปีแรกของ BTS ก็คนใช้น้อยกว่าที่คิดเยอะ) แต่ถ้าถามผม มันก็ตรงตัวอยู่แล้ว เลนแคบลง Level Of Service ก็ตก ไฟสัญญาณให้ Priority กับ BRT แน่นอน flow ของรถบนถนนก็ต่ำลง  สิ่งเดียวที่จะหวังได้คือการ Mode Shift จาก รถนั่งส่วนบุคคล ไปหา BRT ซึ่ง อาจจะต้องรอช่วงเวลาการระยะเวลาการยอมรับ จากคนที่มีข่ายเข้าใช้บริการ อีกอย่างคือ เรื่อง Law Enforcement ผมว่าตำรวจเหนื่อยนะครับ แต่ก็เป็นหน้าที่ของเขา เรื่องจิตสำนึก... ไม่ต้องไปพูดถึงครับ จากคุณ : หมากระปุกลูกหมากระเป๋า เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 53 17:20:01