ความคิดเห็นที่ 11 |
พระ ว. วชิรเมธี เคยพูดไว้ว่า "ยังมีคนบางคนที่แม้แต่พระพุทธเจ้ายังต้องหันหลังให้" หากฝ่ายหนึ่งสร้างแต่อีกฝ่ายยังคงเป็นผู้ทำลาย ก็อยากที่คำว่า "สงบ" จะเกิดขึ้นแม้แต่โลกเราทุกวันนี้ยังไม่มีคำว่า "สงบ" เกิดขึ้นอย่างแท้จริง
มีสว่างก็ต้องมีมืด หากแสงสว่างส่องเข้าไปในความมืดได้นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแต่ยังมีความมืดที่แสงสว่างยังไม่สามารถส่องไปถึงได้ ดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงมาหลายล้านปี ยังมีจุดดำมืดแค่จุดเล็กๆกระจัดกระจายไปทั่วพื้นผิว แต่จุดดำมืดเล็กนั่นล่ะที่สามารถจะกลืนกินดวงอาทิตย์ให้มืดลงไร้ซึ่งแสงสว่าง แล้วเราจะหยุดมันได้รึเปล่า
พระพุทธเจ้าตรัสกับองค์คุลีมาลว่า "เราหยุดแล้ว แล้วท่านล่ะหยุดหรือยัง"
หากต่างฝ่ายยังคงไม่ยอมรับในการกระทำของตนเอง มองคนอื่นด้วยความอคติแล้วมันจะเกิดประโยชน์อะไร ลองมองย้อนมาดูตัวเราๆเคยไม่ชอบหน้าใครเพราะความรู้สึกที่ไม่ถูกชะตา ไม่เกี่ยวกับนิสัยใจคอ เป็นกันบ้างรึเปล่าล่ะ เพราะต่อให้คนๆนั้นดีอย่างไร ก็ยังคงมีคนไม่ชอบอยู่ดีเพราะมันพื้นฐานของความรู้สึกมนุษย์
ผมยังเคยเจอคนในพันทิปพิมพ์เหตุผลที่ไม่ชอบฝ่ายหนึ่ง เพียงเพราะไม่ถูกชะตากับผู้นำอีกฝ่ายเลยไปเข้าข้างอีกฝ่าย ผมขอถามหน่อยสิว่า "เหตุผลแค่นี้มันเพียงพอแล้วหรือที่จะเลือกไม่ชอบกัน"
ถ้าจะแก้ปัญหาก็ต้องไปแก้ที่ต้นเหตุ แต่ต้นเหตุคืออะไรล่ะ ใครจะตอบได้มั้ยล่ะ? ยังดีที่มีคนเข้าใจว่าสิ่งนี้มันเริ่มมาตั้งแต่ปี 2476 ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดแต่มันถูกปล่อยปะละเลยมานานมาก จนขาดการเยียวยาและการพัฒนาสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มี new generation แต่ถูกปลูกฝังพฤติกรรมเหมือนที่ old generation สร้างมามันจะช่วยอะไรได้
เมื่อไหร่ที่เรามองเห็นการโกง คอร์รัปชั่น เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เป็นสิ่งที่ผิด ผมคิดว่าอะไรหลายๆอย่างก็คงจะดีขึ้น
ปล. อยากพิมพ์มากกว่านี้แต่กลัวจะดราม่าซะก่อน
จากคุณ |
:
เสร่อแมนน์
|
เขียนเมื่อ |
:
21 พ.ค. 53 16:01:27
|
|
|
|