ความคิดเห็นที่ 8 |
...
อันที่จริงแล้วในประเทศจีนสมัยก่อน "วิชามวยกังฟู" จะมีการแบ่งเป็น2ประเภทใหญ่ๆคือ "มวยเหนือ" และ "มวยใต้" ครับ ซึ่งทั้งเหนือและใต้ก็จะมีสายมวยที่แตกย่อยลงไปอีกมากมายเพียงแต่จะมีหลักวิชาพื้นฐานที่เหมือนๆกัน
โดย "มวยเหนือ" นั้นจะใช้ความแข็งแกร่งเน้นนำความรวดเร็วเพื่อเข้าสยบคู่ต่อสู้ครับ กล่าวคือแม้จะออกหมัดเท้าไม่มากมายแพรวพราวเท่ามวยใต้ ทว่าแต่ล่ะหมัดนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความแข็งแกร่ง ซึ่งมวยเหนืออันเป็นที่รู้จักแลโด่งดังไปทั่วโลกก็คือวิชากังฟูแขนงต่างๆของ "วัดเส้าหลิน" ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นสถานที่ก่อกำเนิดของมวยเหนือหลายๆสาย แม้กระทั่งวิชา "ฝ่าเท้าไร้เงา" ของยอดปรมาจารย์ "หวยเฟยหง" เองก็เป็นการดัดแปลงมาจากวิชาของมวยฝ่ายเหนือนั่นเองครับ
ส่วน "มวยใต้" นั้นจะใช้หลักความรวดเร็วเน้นนำความแข็งแกร่ง กล่าวคืออาศัยการออกท่วงท่าหมัดเท้าที่รวดเร็วเป็นชุดๆเข้าสยบคู่ต่อสู้ โดยแม้ว่าแต่ละท่วงท่าจะไม่แข็งแกร่งดุดันเท่ามวยเหนือ แต่สิ่งที่มาทดแทนกันคือจำนวนหมัดเท้าที่ใช้ในแต่ละท่าจะมากกว่ามวยเหนือ โดยมวย "หย่งชุน"(หยวงชุน)ที่อาจารย์ยิปมันใช้ในภาพยนต์เป็นสาขาหนึ่งของมวยใต้ครับ
ส่วน "บรู๊ซลี" ที่เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ยิปมันนั้น กลับไม่สามารถสำเร็จวิชา "มวยหย่งชุน" จนครบหลักสูตรครับ เนื่องจากมีเรื่องเล่าว่า "อาจารย์ยิปมัน" ไม่ชอบในนิสัยโผงผางของเขาที่มักนำวิชามวยไปใช้ในการทะเลาะวิวาท จึงทำให้ยิปมันกั๊กเคล็ดลับวิชาสำคัญๆของ "มวยหย่งชุน" ไว้และถ่ายทอดให้แต่ท่วงท่าพื้นฐานธรรมดาๆเท่านั้น บรู๊ซลีจึงหันไปศึกษาวิชาการต่อสู้แขนงต่างๆเพิ่มเติมแทน และนำวิชาเหล่านั้นมาดัดแปลงหลอมหลวมเข้าด้วยกันจนก่อกำเนิดเป็นศิลปะต่อสู้แขนงใหม่ "จีทคุโด้" นั่นเองครับ
(May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน
แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 53 17:40:35
จากคุณ |
:
เจไดหนุ่ม
|
เขียนเมื่อ |
:
26 พ.ค. 53 17:36:45
|
|
|
|