ความคิดเห็นที่ 1 เคยทำแบบนี้เหมือนกันค่ะ แต่ต้องปิดรู หรือช่องต่างๆให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น ช่องใต้ประตู พอผสมเสร็จ เราก็วิ่งจู๊ดออกจากห้องเลย เพราะสูดดมเป็นอันตรายค่ะ จำได้ว่าทิิ้งไว้เป็นสัปดาห์เลย กว่าที่จะกลับไปใช้อีก ทั้งนี้เราทำตามที่รุ่นพี่บอกต่อๆกันมานะคะ ไม่ได้มี reference แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 53 20:15:38 จากคุณ : แบม-เอช-วัน เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 20:14:13

ความคิดเห็นที่ 2 เคยรู้มาว่าโรงพยาบาลมีการใช้เครื่องสร้างก๊าซโอโซน แล้วเปิดให้เครื่องทำงาน โดยตั้งเวลาปิดอัตโนมัติไว้ครับ จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 20:19:08

ความคิดเห็นที่ 3 ใช้ไฟ แบบ ตู้เขี่ยเชื้อได้ป่าวครับ จากคุณ : truyanont เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 20:30:56

ความคิดเห็นที่ 4 คุณ truyanont  เรายังไม่อยากเผาห้อง lab นะ จากคุณ : shigella jung เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 20:35:40

ความคิดเห็นที่ 5 คห 4 ไม่ได้เผาห้องครับ ไฟนั้น เหมือน ไฟ ฟลูออเรสเซน ธรรมดา แต่จะเป็น หลอด UV มั้ง ไม้ได้ใช้นานแล้ว เขาจะใช้ ฆ่าเชื้อให้ตู้เขี่ยเชื้อ เห็ดครับ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 53 20:49:42 จากคุณ : truyanont เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 20:49:12

ความคิดเห็นที่ 6 ต้องขอโทษ คุณ truyanont ด้วย เข้าใจผิดคะ จากคุณ : shigella jung เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 20:53:08

ความคิดเห็นที่ 7 ผมว่า คคห. 3  ตอบไม่ชัดเจนครับ จริงๆควรบอกว่า ใช้แสง UV ในการฆ่าเชื้อ นี่พี่แก เรียกว่า ไฟ คุณ shigella jung ก็ต้องเข้าใจว่าเป็น Fire สิครับ จากคุณ : Anusorn P เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 21:05:05

ความคิดเห็นที่ 8 ควรใช้หลอกไฟ UV  เปิดขณะไม่มีคนอยู่เช่นกลางคืนทั้งคืน  แต่ควรมีพัดลมเป่าให้อากาศในห้องหมุนเวียนด้วย  เพราะ UV   ฆ่าเชื้อได้เฉพาะที่โดนแสง  ถ้าเชื้อโรคตัวไหนไม่โดนแสง   มันก็ไม่ตายครับ                   จึงควรใช้ โอโซน ช่วยด้วย    เพราะโอโซนฆ่าได้ดี    ใช้ขณะคนไม่อยู่ในห้องเหมือนกัน จากคุณ : Chi~Na nA เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 21:17:58

ความคิดเห็นที่ 9 ตู้ปลอดเชื้อใช้ แสง UV แต่ถ้าเป็นห้องขนาดใหญ๋ ก็สามารถใช้ UV ได้เช่นกันนะ ถ้ามีการติดตั้งที่ดีและปลอดภัยแต่ต้องศึกษาวิธีใช้ให้ดีด้วย แต่สมัยนี้ก็มีวิวัฒนาการใช้ นำแสงอัลตราไวโอเลต (UV) ที่จัดว่าให้พลังงานในหน่วยเล็กมากระดับนาโน เมื่อรวมเข้ากับ Nano Titanium Dioxide (TiO2) สำหรับฆ่าเชื้อในอากาศด้วย จากคุณ : unitan เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 21:22:43

ความคิดเห็นที่ 10 UV ดีกว่าครับ Ozone บางทีมันทำปฏิกิริยาอื่นที่ไม่พึงประสงค์ครับ จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 23:03:19

ความคิดเห็นที่ 11 อันตรายครับ เวลาทำต้องหาหน้ากากปิดตาและจมูก อบห้องอย่างน้อย 1 คืน หลังจากนั้นต้องเปิดห้องให้อากาศถ่ายเทออกก่อนอย่างน้อย 1 คืน จึงจะเข้าไปใช้งานได้ครับ บางแลปจะมีตัว neutralize ฤทธิ์ด้วย จากคุณ : มอนตะทาโร่ เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 23:45:15

ความคิดเห็นที่ 12 ยังไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ว่าต้องการฆ่าเชื้อระดับไหน เช่น 1. ห้องปฏิบัติการทั่วไปเหรอ ก็ใช้ UV ที่แนะนำตามด้านบนก็ได้ 2. แต่ถ้าเป็นห้องเชื้อราที่มี ไรฝุ่น แนะนำว่าให้ฟูมด้วย KMnO4 + formaldehyl ดีกว่า แต่ถ้าเป็นห้องปฏิบติการจุลินทรีย์ก่อโรคระดับ 2-3 ก็แนะนำว่า ใช้ร่วม 1+2 แต่โดยส่วนใหญ่ทำในตู้ปลอดเชื้อไม่ใช่เหรอ จากคุณ : leonaele (leonaele) เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 16:25:52

ความคิดเห็นที่ 13 #12 ถึงจะมี bio-safety cabinet ก็ต้องทำ fumigation อยู่ดีครับ แต่อยู่กับว่าจะทำถี่ขนาดไหน จากคุณ : มอนตะทาโร่ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 17:17:02

ความคิดเห็นที่ 14 เพิ่มเติมครับ UV ไม่ได้ทำการฆ่าเชื้อโดยตรงแต่ ทำให้ DNA ของจุลินทรีย์ ผิดปกติไป(Thymine diamer ละมั้ง><) ทำให้จุลินทรีย์สืบพันธุ์ ไม่ได้ครับ ปล.ใช่ UV+TiO2 อันนี้ ผมว่า ดีนักแล ไฮดรอกซิลแรดิคลอซะอย่าาง น้องแบคก็เหอะ ไม่เหลือ เอิ้กๆ จากคุณ : BlueHouse~ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 53 06:14:35