ความคิดเห็นที่ 1 ผมสงสัย ว่า รถ อาหมอ ตอนเป็น ชื่ออาหมอ กับตอนเป็นชื่อผม ลมยางมันอาจจะไม่เท่ากันนะครับ ฮี่ๆๆ ปล. ย้อเย่นฮับ จากคุณ : Humandroy เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 14:15:37

ความคิดเห็นที่ 2 ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองครับ 555 ลมยางเป็นไงไม่รู้ แต่ทำรถหมอถลอกผมลมจับแน่ จากคุณ : สมบัติดี เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 14:41:24

ความคิดเห็นที่ 3   ดูไม่ได้แล้ว จากคุณ : ลิงจุ่น เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 15:45:07

ความคิดเห็นที่ 4 กระทู้พังแล้วครับ จากคุณ : ซิมเปิ้ลแมน เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 15:48:33

ความคิดเห็นที่ 5 ยังเข้าได้อยู่น่ะครับ เป็นการทดลองที่ดีมาก ๆ ครับ จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 16:13:33

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณครับคุณหมอ รถหล่อมากๆ เห็นแม็กซ์ก็ลมจับแล้วผม (Brabus) ผมก็แอบสงสัยเหมือนกันเรื่องนี้ แต่ยังไงโครงสร้างวงกลม (แถมเป็นรูปโดนัทอีก) ก็กระจายแรงดันได้อยู่ดี จากคุณ : Steyr Commando เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 16:17:15

ความคิดเห็นที่ 7   PV = nRT ถ้าจะให้แรงดันเพิ่มขึ้น 1/30 ปริมาตรก็ต้องลดลงประมาณ 1/30 ด้วยมั้งคับ... จากคุณ : Catwater เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 17:33:20 A:180.183.120.195 X: TicketID:258544

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นรูปรถแล้วจะเป็นลมค่ะ เอิ๊กๆๆๆๆ จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 17:40:18

ความคิดเห็นที่ 9 ตอบ 7 ใช่ครับ ซึ่งกรณีนี้ แรงกดจากภายนอก ไม่ได้ทำให้ยางบีบตัวลดลง แต่ว่ามันแค่เปลี่ยนรูปทรงยางไปเพื่อกระจายแรงกดลงมาไปบนพื้น ปริมาตรก๊าซภายในของยาง ยังคงเท่าเดิม อุณหภูมิก็เท่าเดิม ดังนั้น P จึงเท่าเดิม ปล.รูปรถประกอบไม่เกี่ยวกับ การทดลองห้ามเอามาเบี่ยงประเด็น เด๋วโดนข้อหา (ไม่ค่อยจะ)รวยอย่างเดียว ไม่พอต้อง  โคตร.... ด้วย อีก กระทง จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 18:14:10

ความคิดเห็นที่ 10 ...    จากรูป ถ้ายางไม่พองออกเลย น้ำหนักมีผลกับความดัน ครับ แต่ถ้ายางพองออก ก็จะเข้าสูตรนี้ครับ   P1V1 = P2V2 ในกรณี่ให้ อุณหภูมิคงที่ครับ   ยางไม่ได้ให้ตัวมากขนาดนั้น เพราะไม่ใช่ลูกโป่งครับ ดังนั้น น้ำหนักรถมีผลกับความดันครับ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 19:50:07

ความคิดเห็นที่ 11 ชี้ 10  คุณสองนิ้วชี้ ยางไม่ได้พองออกเลย ครับ ปริมาตรของยาง คงที่ แค่เปลี่ยนรูปทรงยาง ให้ผิวสัมผัสลงพื้นเพิ่มขึ้น เพื่อถ่ายน้ำหนักลงพื้น (กระจายแรงรับน้ำหนักของผิวยาง ) แรงมันกระทำที่ผิวนอกของยางไม่ได้อัดก๊าซเข้าไปเพิ่มใน เส้นยาง การกดลงมาแค่เปลี่ยนรูปทรงยางไป ไม่ได้บีบปริมาตรยางให้ลดลง ดังนั้น Presure ในยางจึงไม่ได้เพิ่มขึ้นตามการทดลอง ครับ ไม่ว่า โหลดนั้นจะเป็น 0 (ยกยางลอย) หรือ เพิ่ม กดลงไป 300 กว่าโล (จากน้ำหนักลงล้อ) หรือแม้ แต่เพิ่มน้ำหนักคน อีกสองคนกดลงไปเพิ่ม ก็ไม่เปลี่ยนแปลง จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 19:56:02

ความคิดเห็นที่ 12   ^ งงอะไรรึป่าวคับ... -_-" เขียนแรงกระทำต่อล้อดีๆคับ ลัอรถไม่ใช่ขวดปากปิด แรงกระทำมันไม่เหมือนกัน เมื่ออุณหภูมิคงที่ P1V1 = P2V2 ถูกแล้วแต่เมื่อปริมาตรคงที่ V1 = V2 อีก มันก็จะได้ P1 = P2 ไปด้วย (อุณหภูมิคงที่ + ปริมาตรคงที่) แล้วถ้ายางไม่พองออกเลย (V1 = V2) แล้วน้ำหนักจะมีผลต่อความดันได้ไง??? คิดแบบเทอร์โมก่อนคับอย่าเพิ่งไปคิดแตกแรง free body diagram ของล้อรถกับขวดปากปิดมันไม่ตรงกันคับอย่าคิดแบบขวดแล้วมาสรุปเป็นล้อ... จากคุณ : Catwater เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 20:05:35 A:114.128.105.201 X: TicketID:258544

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าจะวาดรูป ยางรถตอนมีโหลด จะใกล้เคียงกับที่วาดนี่(วาดด้วยเม้าซ์น่าเกลียดค่อดๆ อิๆ) ด้านซ้าย น้ำหนักกด 500 ปอนด์ ถ้าลมยางภายในแรงดัน 50 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว แรงที่กดลงพื้น และ โดนต้านกลับก็คือ 500 ปอนด์เช่นกัน พื้นที่ยางที่สัมผัสพื้นก็คือ 10 ตารางนิ้ว ส่วนด้านขวา ถ้าเพิ่มน้ำหนักกดเป็น 1000 ปอนด์ แรงดันภายในมันยังคง 50 ปอนด์เท่าเดิม แต่ Foot Print หรือ หน้าสัมผัสยางกับพื้นจะเพิ่มเป็น 20 ตารางนิ้ว เพื่อให้กระจายรับแรงได้ 1000 ปอนด์ ตามแรงกด ตรงกันข้าม ถ้าไม่มีแรงกดเลยหรือแค่วางยางปล่าวแตะพื้นหน้าสัมผัสของยางก็จะเหลือแค่นิดเดียว คือยางเกือบกลม นั่นเอง จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 20:05:52

ความคิดเห็นที่ 14 คาดว่า ความเห็น 12 คงชี้ คุณ สองนิ้วเหมือนผม พอดีผมพิมพ์แทรกไป เลยเด๋ว มาอ่านจะงงกัน อิๆ จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 20:08:10

ความคิดเห็นที่ 15 ...    อ้าว....จริงด้วย อุตสาห์ยกสูตรมาเอง งงซะเอง ใช่ครับ ความดันไม่ เปลี่ยนครับ เพราะ v1=v2 แล้ว p มันจะเปลี่ยนได้อย่างไร(เกาหัว)                                                                                          ++ แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 53 20:19:33 จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 20:18:30

ความคิดเห็นที่ 16 ...    ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วกลับมางงอีกรอบหนึ่ง         แล้วถ้ารถแบกน้ำหนักสัก 100 ตัน ยางก็ต้องแตกแน่นอน แล้วมันแตกด้วยแรงอะไรล่ะ หรือ P=F/A เอ่อ....เลยมึนเข้าไปใหญ่เลยที่นี้                                                                                            ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 21:08:13

ความคิดเห็นที่ 17   ชี้ #10 แหล่ะคับ ส่วน free body diagram ตามคุณหมอเจเลยคับ... #16 ถ้าแบกน้ำหนัก 100 ตันยางคงเสียรูปไปแล้วน่ะคับ คงไม่สามารถรับแรงกดเท่านั้นด้วยยางขนาดนั้นได้ ถ้าลองคิดๆดู ลมยาง 30 psi เท่ากับ 206.8 kN/m^2 ของบรรทุก 100 ตันมีน้ำหนักเท่ากับ 981 kN ซึ่งจะเห็นว่าถ้าจะใช้ยางที่มีลมยาง 30 psi บรรทุก 100 ตัน ยางจะต้องมีพื้นที่รับแรงเท่ากับ 981 / 206.8 = 4.7 m^2 ซึ่งก็แน่นอนว่ายางรถยนต์ไม่ได้มีพื้นที่มากขนาดนั้น นั่นก็คือถ้าจะนำยางรถยนต์สูบลมยาง 30 psi ไปบรรทุก 100 ตัน ยางมันจะพยายามแผ่ตัวออกไปให้ได้พื้นที่รับแรง 5 ตารางจนยางแตกน่ะคับ... จากคุณ : Catwater เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 22:28:08 A:114.128.105.201 X: TicketID:258544

ความคิดเห็นที่ 18 ลองคำนวณ (คร่าวๆ)  จากรถส่วนตัวที่ใช้ ได้ปริมาตรของอากาศในยาง   28 ลิตร ประมาณการ เมื่อยางรับน้ำหนัก รถเปล่า ล้อละ 300 กก. ที่ความดัน 30 PSI พื้นที่ของยางส่วนที่สัมผัสถนน เพื่อรับน้ำหนัก  = 150 cm2 ถ้าเพิ่มให้รับ นน. เพิ่มเท่าตัว คือ โหลดเพิ่ม 300 กก.   รวมเป็น 600 กก. พื้นที่ของยางส่วนที่สัมผัสถนน เพื่อรับน้ำหนัก เพิ่มเป็น  = 300 cm2 หน้ายางยุบตัว  ประมาณ 7 มม (ถ้ายางส่วนอื่น ไม่ขยายตัวเลย) ปริมาตรอากาศจะลดลงราว  140 cc ความดันอากาศ จะเพิ่มจาก  30 PSI   เป็น  30.15  PSI ***ซึ่งไม่มีนัยสำคัญ*** และไม่สามารถวัดได้ด้วย เกจ์วัดลมยางธรรมดา อีกทั้ง   ความจริง ยางส่วนอื่นจะขยายตัวเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงจริง จึงน้อยกว่านี้ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 53 00:06:38 แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 53 23:21:03 จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 23:14:14

ความคิดเห็นที่ 19 ชี้ 18 ยางยุบตัวลง แต่แก้มยางมันก็ป่องแป้นออก อ่ะครับ ปริมาตรอากาศในยางคงไม่ลดลง อ่ะครับ จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 23:40:57

ความคิดเห็นที่ 20 คห 19 ประเด็น ปริมาตรคงที่  เป็นข้อหลัก ที่ต้องทำความเข้าใจ และเข้าใจยากที่สุด (แต่ทดลองไม่ยาก   ถ้าเลียนแบบวิธีของ อาร์คีมีดิส    เอาน้ำใส่ให้เต็มยาง  แล้วโหลดดู    ถ้าปริมาตรเปลี่ยนแปลง  เราก็ควรเห็นน้ำ ไหลเข้า หรือออกมา) ยาง มันมีทรง เป็นรูปกลม ยางคงรูปอยู่ได้  ด้วยความดันลมในยาง ดันให้ใยเหล็ก ตึงเต็มที่ เมื่อยางเปลี่ยนรูป ไปจากทรงกลม ปริมาตรจะน้อยกว่า   (เราสามารถคำนวณดูได้) จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 00:03:58

ความคิดเห็นที่ 21 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 09:38:19

ความคิดเห็นที่ 22 ผมเข้าใจที่ คุณ  sb*star  พูดมาแล้วครับ ทีนี้ ที่เราไม่รู้คือ "ยางรถ" แม้นเปลี่ยนรูปไปแล้ว ปริมาตร จะลด หรือจะเพิ่ม หรือ ไม่ลด และ ไม่เพิ่ม ถ้าปริมาตร คงที่ ความดัน จะคงที่ การอธิบายว่า 1. ยางกลม (แบบขนมโดนัท) จะมีปริมาตรมากที่สุด 2. เมื่อยางเปลี่ยนรูปไปจาก กลม เป็นแบน ในบางจุด ปริมาตร ย่อม ลดลง จาก 1 + 2 ผลคือ  ความดันเพิ่มขึ้น นี่เป็นการ เช็ค ตาม logic นะครับ ทีนี้ มันอาจไม่เป็น แบบข้อ 1 กะข้อ 2 ที่คิดมาเป๊ะๆ  ก็ได้ ------------------------------------------------------- แนวคิดการเอายาง วัดปริมาตร ในน้ำ แบบอาคีมีดีส นั้น เป็นแนวคิดที่ดีมาก อีกอย่างถ้า เรามี micro pressure meter คงจะดีไม่น้อย แต่เรา ต้องทดลองในห้อง ควบคุมอุณหภูมิ ที่ผม คิดคือ หาเพื่อนที่เป็น เจ้าของโรงงานที่มีห้องเย็น หรือไปคุย กับเจ้าของห้องเย็นใหญ่ ว่า เนี่ยพวกบ้าวิทยาศาสตร์ กำลังถกกันว่า ยางจะมี ความดันลมเปลี่ยนไปหรือไม่ ขออนุญาตใช้ห้อง นี้สัก 1 - 2 ตารางเมตร เป็นเวลา 24 ชั่วโมงได้ป่าว ------------------------------------------------- วิธีการทดลอง แบบลูกทุ่งของผมคือ 1. ใช้รถ โฟลคลิฟท์ ที่มีล้อยาง 1.1 ขับรถเข้าไปจอดในห้องแช่แข็ง 12 ชั่วโมง 1.2 วัดลมยาง ให้เท่า กันทั้ง 4 ล้อ 2.  หลังจากนั้น ใช้รถยกของในห้องนั้นแหละ เอาสัก 1 ตัน 2.1 วัดลมยาง 2.2 ให้รถยกของ แช่ไว้สัก 1 ชั่วโมง แล้ววัดอีกที เราน่าจะเห็นอะไรที่แตกต่าง หรือไม่แตกต่างเลยก็ได้ ------------------------------------------ ที่ต้อง ใช้ห้องเย็น เพราะ เราควบคุมอุณหภูมิได้ ที่ต้อง ยกไว้ 1 ชม. เพราะ ถ้ามีความร้อนในระบบ ก็เชื่อว่า 1 ชั่วโมงผ่านไป ทุกอย่าง น่าจะถูกแช่เย็นไปซะแล้ว ถ้าไม่พอ ต้องเพิ่ม เป็น 10 ชั่วโมง ขณะที่ ยกของ ระบบ ไฮดรอกลิค อาจจะเสื่อม เราคงต้องหาอะไรมาค้ำยันสักนิด พอครบ 8 ชั่วโมง ก้อค่อยๆ เอา ไม้ค้ำยันออก แล้ว วัดดู อย่างนี้ น่าจะพอเชื่อถือได้ ---------------------------------------- ปัญหา อยู่ที่ เรา ไม่มี micro pressure meter จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 09:48:39

ความคิดเห็นที่ 23 ตอบคุณ SB star อีกครั้ง ตอนมีน้ำหนักโหลด นั่น ยางเปลี่ยนจากรูปทรงกลม ลงมาแก้มยาเตี้ยลงหาพื้นจริง แต่ส่วนของแก้มยาง ด้านล่าง มันจะป่องออกชดเชย ครับ ทำให้ปริมาตรคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง แรงดันถึงคงที่ ถ้ามองจากโหลดอย่างที่ว่าจะเห็นน้อย แต่ถ้าเทียบจากตอนยกลอย กับทิ้งน้ำหนักรถลง(ซึ่งเพิ่มโหลดมากๆ) จะเห็นความแตกต่างได้ชัดกว่า โดยเฉพาะพวกยางซีรีย์สูงแก้มสูงๆ จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 09:50:54

ความคิดเห็นที่ 24 นั่นแหละครับ ผมกำลัง จะบอก อย่างที่หมอ J ว่ามา คือ ยาง เมื่อรับ load จะมีแก้มตรงส่วนโป่งเพิ่มขึ้น ชดเชย  กับส่วนที่แบนลง  ทำให้ปริมาตรคงที่ ทีนี้ ก้อถกกันครับ ว่า มันจะโป่ง มากกว่าแบน หรือ แบนมากกว่าโป่ง ถ้าโป่งออก กะ แบนลง ด้วยปริมาตรที่เท่ากัน ก็ไม่ต้องถกกันต่อแล้วครับ หากไม่เป็นดังว่า คงต้องพิสูจน์ แล้วหละ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 10:00:58

ความคิดเห็นที่ 25 ตอบน้าพรต่อ ผมเองเชื่อว่าถ้าเติมลมยางแข็งมากๆๆๆๆๆๆ จนยางไม่สามารถยุบตัวป่องแก้มออกชดเชยกับการแบนลงเพื่อเพิ่มผิวสัมผัสกับถนน ได้แล้วล่ะก้อ แรงกดนั่นจะเริ่มกดอัดแก๊ซในยางให้มันมีปริมาตรลดลง และแรงดันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจน เกิดขีดที่มันทนทานและแตกได้ แต่ถ้าเป็นการใช้ลมยาง ที่อยู่ในขอบเขตใกล้เคียงการใช้งาน และ แม้จะเกินไป บ้างพอสมควรเหมือนการทดลองนี้  ผมเชื่อว่า วิศวกรเค้าคงคำนวนมาแล้ว ว่า ยางมันจะรับน้ำหนักได้มาก ขนาดไหน และ เปลี่ยนรูปทรง เพื่อรับน้ำหนักได้ขนาดไหน ซึ่ง ใน Range ดังกล่าว มันยังคงรับได้ สบายๆ แก้มยางเปลี่ยนรูปป่องออกรักษา ปริมาตรเดิมได้  มันจึงยังคงความดันเดิมไว้ได้ สำหรับใครอยากทราบ ตัวเลข Tyre Pressure load ของยางเป็นตัวอย่าง ลองดู ในนี้ ก็ได้ http://www.goodyear.com/rv/pdf/rv_inflation.pdf จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 12:00:06

ความคิดเห็นที่ 26 เดิมคิดว่า จะเอาน้ำเติมเข้าไปในยางฯ ลืมไปว่า ขอบยางมันซีลกับกระทะด้วยแรงดัน เติมน้ำโดยไม่มีแรงดัน ก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะลองคิดหาวิธีใหม่ดูก่อน แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 53 18:06:37 จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 17:36:52

ความคิดเห็นที่ 27 วิธีการทดสอบ น่าจะทำได้ดังนี้ ใช้ยางรถรุ่นเก่า  ที่มียางใน   (ไม่ทราบยุคนี้ยังหาได้หรือเปล่า) เติมน้ำเข้าไปในยาง(ใน) ให้เต็มที่สุด ความดันภายในยาง  จะเท่ากับ 1 บาร์ ปิดจุกยางที่รูเติมลม เติมลม(อัดอากาศเข้าไป)   อากาศจะเข้าไปได้เล็กน้อย เนื่องจากการขยายตัวของยาง เติมลม จนได้ความดันใช้งานปรกติ  เช่น 30 ,  40 PSI (ตอนวัดความดัน  น้ำอาจพุ่งออกมา ต้องระวัง) ขณะนี้ เราก็จะมียาง ที่ภายในมีปริมาตรอากาศน้อย นำไปทดสอบ วัดการเปลี่ยนแปลงแรงดัน  ตามแบบที่คุณหมอ J  เคยทำ ถ้าหากมีการหดตัวของปริมาตรจริง การเปลี่ยนแปลงของแรงดัน จะเห็นได้ชัดเจนทันที จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 23:58:54

ความคิดเห็นที่ 28 การหดตัวของปริมาตรมีแน่แต่น้อยมาก เพราะ ยางมีแรงต้านในการเปลี่ยนรูป สังเกตุได้ เมื่อ ยกน้ำหนักบรรทุกออก ยางจะคืนรูปเดิม จากคุณ : Humandroy เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 10:39:21

ความคิดเห็นที่ 29 ^ ^ชี้ 28 เรื่อง การคืนรูปออก เพราะว่า มัน Recoil ตัว ของยาง คืนจากแรงดันอากาศ  เมื่อไม่มีน้ำหนักกด ถ่ายลงพื้น แค่นั้นนี่ครับ จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 11:35:00