ความคิดเห็นที่ 14 |
แนะว่าทำเป็นบัุตร RFID ร่วมกับการใช้กล้องจับความเคลื่อนไหวบริเวณที่ตรวจบัตรครับ... (การเข้างานแทนกัน หากทำบ่อยๆ เป็นกิจวัตร และมีการแจ้งให้ฝ่ายบุคคลรับทราบ ก็ยังจะสามารถค้นหาภาพที่บันทึกจากกล้องในภายหลังได้...)
การใช้สแกนลายนิ้วมือนั้น ทำได้ครับ แต่จะมีปัญหาดังที่หลายท่านได้กล่าวมาข้างบนแล้วครับ นั่นคือ
1) กรณีหลายคนที่รับยาบางชนิด หรือทำงานหนัก ลายนิ้วมือสึก จะมีปัญหากับเครื่องครับ
2) หากจำนวนพนักงานมาก เช่นมากกว่า 500 คนขึ้นไป จะมีปัญหาเรื่องการสแกนแต่เครื่องบันทึกเป็นผู้อื่นมากขึ้นจนถึงจุดที่มีปัญหาในการจัดการมาก ซึ่งสามารถแก้ไขด้วยการกดรหัส (เช่นหลักท้ายๆ ของรหัสพนักงาน) แล้วจึงพิมพ์ลายนิ้วมือ จะช่วยลดจำนวนข้อมูลลายนิ้วมือที่จะนำมาตรวจสอบให้น้อยลง สามารถเพิ่มค่า threshold เพื่อเพิ่มความแม่นยำมากขึ้นได้ครับ...
3) กรณีพนักงานที่มือสกปรกจากน้ำมัน สี (แม้กระทั่งสีปากกาเคมี) จะทำให้การอ่านลายนิ้วมือทำได้ลำบากขึ้น และอาจส่งผลทำให้คนอื่นมีปัญหาไปด้วย ช่วงหนึ่ง ที่มีการรณรงค์ให้ใช้เจลล้างมือ พนักงานส่วนมากจะใช้เจลล้างมือล้างมือ แล้วมากดนิ้ว ทำให้คราบเจลตกค้างอยู่ที่แป้น จนทำให้การสแกนมีปัญหา ต้องมีการใช้ทิชชู่เช็ดก่อน ทำให้เสียเวลาและไม่สะดวก
4) เครื่องสแกนและแป้นพิมพ์จะมีอายุการใช้งานจำกัด หากซื้อของถูกๆ จะอยู่ได้ราวปีสองปี อุปกรณ์จะเริ่มเสื่อม ต้องเปลี่ยนใหม่เป็นระยะๆ ครับ...
5) บางครั้งอุปกรณ์สแกนลายนิ้วมือมีปัญหา เช่นจากซอฟต์แวร์ หรืออื่นๆ ทำให้อาจพบได้บ้างว่าสแกนไปแล้วแต่ไม่เข้าฐานข้อมูล (มีโอกาสพบได้แม้น้อยมากๆ) แต่นั่นก็ทำให้บุคคลนั้นมีปัญหาว่าเข้างานไม่ครบ ดังนั้นหากจะนำระบบมาใช้ จะต้องมีกระบวนการตรวจสอบย้อนหลังแก้ไขในกรณีที่เครื่องทำงานผิดพลาดด้วยครับ...
ปล. การใช้กล้องวงจรปิดช่วยสนับสนุนระบบ ก็มีปัญหาอยู่เหมือนกันนั่นคือ มีพนักงานบางคน ขับขี่มอเตอร์ไซค์มาทำงาน และเข้ามาสแกนลายนิ้วมือทั้งๆ ที่ยังไม่ถอดหมวกกันน็อค ทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าใครเป็นผู้มาสแกนลายนิ้วมือ ในกรณีนี้หากมีปัญหาในภายหลังจะไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ ดังนั้นหากจะใช้กล้องวงจรปิดเพื่อเป็นระบบแบ็คอัปดังที่ผมกล่าวมาข้างต้น ควรที่จะมีป้ายกำชับให้พนักงานถอดหมวกกันน็อคออกก่อนนะครับ...
แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 53 21:20:42
จากคุณ |
:
ปัจจุบันคนหลังเขา (อดีด...) (คนไทยในลอนดอน)
|
เขียนเมื่อ |
:
9 มิ.ย. 53 12:38:14
|
|
|
|