ความคิดเห็นที่ 1 ยาก อย่างเช่น ถ้าเสนอให้โลกใบนี้ เลิกการใช้ แดนดิน แบ่งเขตการปกครอง ได้มั๊ย (มันเป็นไปไม่ได้ใช่มั๊ย) ในบัตรประจำตัว เลิกการกำหนดสัญชาติและเชื้อชาติได้มั๊ย คงต้องให้ศึกษาศาสนา มากกว่านี้ จัดให้มี รร นานาชาติ มากกว่านี้ และจับต้องได้มากขึ้น ให้อ่านบทความบทวิเคราะห์ของผู้อื่นมากขึ้น ฯลฯ จากคุณ : labor_pu เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 06:17:31

ความคิดเห็นที่ 2 บางทีการที่คนเราไม่สามารถยอมรับความเห็นต่างได้อาจเพราะไม่เคยชินกับการที่ได้เรียนรู้สิ่งที่ไม่คุ้นเคย หรือสิ่งที่มีความแตกต่างหลากหลาย หากลองนึกถึงคนที่สามารถยอมรับความแตกต่างได้อย่างเป็นรูปธรรม ผมคิดถึงพวกที่ได้ท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง เช่น พิธีกรรายการ โลนนี่เพลนเน็ต (ใช่ปล่าวหว่าที่เค้าเที่ยวทั่วทวีปแบบกึ่งๆสะพายเป้) เห็นว่าเค้าสามารถยอมรับความแตกต่างทางชนชาติ ภาษา วัฒนธรรมได้อย่างกลมกลืน นั่นเพราะการได้เห็นความแตกต่างมามาก เห็นคนที่คิดและใช้ชีวิตไม่เหมือนเรามามาก จึงได้เรียนรู้ที่จะยอมรับความแตกต่าง โดยไม่จำเป็นต้องเสียความเป็นตัวเองไป สรุปแล้วผมว่าการที่จะทำให้คนเรายอมรับความต่าง ก็คือการได้ลองรับรู้สิ่งที่แตกต่างอยู่เสมอ จนรู้สึกว่าความแตกต่างเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ต้องถึงกับไปเที่ยวรอบโลกกันหรอกครับ แค่การอ่านหนังสือก็เลือกหนังสือที่หลากหลาย วรรณกรรมดีต่างๆ หลากหลายเนื้อหา ไอ้หนังสือที่เคยอ่านมันอยู่ตลอดเวลาจนหลงเชื่องมงาย ก็เพลาๆลงบ้าง เปิดใจรับสิ่งใหม่บ้าง บางความเชื่อบางความคิดที่เราตั้งมั่นในใจแล้ว ก็จะได้ตรวจสอบมันบ้าง เพราะคนเรามันก็คิดผิดกันได้เชื่อผิดกันได้ จะได้ไม่ต้องเลือกรักอะไรอย่างสุดโต่ง เห็นความเห็นอื่นไร้ค่ากันจนเกินไป จากคุณ : Nosfaratu Zord เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 06:54:14

ความคิดเห็นที่ 3   ไม่ต้องทำอไร พระพุทธก็ยอมแพ้มาแล้ว ปล่อยให้สัตว์โลกมันเป็นไปตามกรรม ขนาดว่าการยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน เป็นทางออกที่ดีที่สุด คนก็ยังไม่เชื่อ แล้วแบบนี้มันจะไม่ฆ่ากันได้ไง ๆ ๆ จากคุณ : ครันหลง เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 07:08:10 A:118.172.30.109 X: TicketID:249000

ความคิดเห็นที่ 4   เปิดใจให้กว้าง แค่นั้นละครับ จากคุณ : CitizenShip เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 07:10:37

ความคิดเห็นที่ 5 เค้าก็ชอบเรียนรู้อยู่เหมือนกัน แต่จะประทับใจแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับเขา อาจจะยอมรับยากเพราะเติบโตขึ้นมา ด้วยสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมของเขา ถ้าไม่มีเหตุการณ์ต้องเผชิญหน้าอะไรกัน ก็ไม่เห็นว่าจะต้องเป็นห่วงอะไร จากคุณ : ของเล่นใหม่ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 07:30:35

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นไปไม่ได้ครับ ขัดแย้งกับกฏของสมมาตรในธรรมชาติครับ เช่น จำนวนเต็มบวก จะหักล้างกับจำนวนเต็มลบ     ซ้ายหักล้างขวา เห็นไหมครับขนาดสิ่งไม่มีชีวิต ยังเป็นแบบนี้ว่าอย่างสิ่งมีชีวิตเลยครับ จากคุณ : cyberjuf (cyberjuf) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 08:20:46

ความคิดเห็นที่ 7 Anti racism จากคุณ : แกงส้มไข่เจียว เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 09:23:55

ความคิดเห็นที่ 8   ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ จากคุณ : หนูงี๊ดๆ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 09:24:44 A:75.40.207.60 X: TicketID:273559

ความคิดเห็นที่ 9 ความต่างเป็นตัวเร่งวิวัฒนาการครับ  ไม่ว่าในคน หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆก้อตามที เพียงแต่คน มันมีความต่างเยอะกว่า ทั้งรูปลักษณ์ภายนอก แล้วก้อความเชื่อต่างๆ จากคุณ : ARMS STRONG เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 09:41:19

ความคิดเห็นที่ 10 . . ความแตกต่าง จะยิ่งทำให้เกิดการพัฒนาการนะคะ แต่การยอมรับความแตกต่างนี่ต่างหากที่เป็นสิ่งที่ต้องปลูกฝังกันค่ะ.. และสังคมวัฒนธรรมเรา ก็ไม่ค่อยเอื้อให้คนคิดต่างเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะเราถูกสอนกันมาแบบนี้ก็ได้นะคะ...ระบบอาวุโส ระบบคิดตามผู้นำ คิดต่างเท่ากับนอกคอก ระบบพวกนี้เหมือนจะหยั่งรากลึกในใจของเราไปน่ะค่ะ... จากคุณ : primjang เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 10:26:39

ความคิดเห็นที่ 11 มันมีแนวคิดหนึ่งที่น่าจะใช้ได้ผลครับ ถ้าเราสามารถแยกแยะสิ่งที่มองให้เป็นหลายๆ กลุ่มได้ เราก็จะยิ่ง ยอมรับความประหลาด(ความต่างจากเรา) ของเขาได้ง่ายขึ้น เช่น ถ้าเรามอง เกย์ เป็น กลุ่มเดียว ก้อนเดียว เหมือนกันไปหมด เราก็จะยอมรับเกย์ได้น้อย แต่ถ้าเรามองว่า เกย์มีหลายๆ แบบ แต่ละแบบไม่เหมือนกัน บางคน แค่อยากแต่ตัวเป็นผู้หญิงในบางเวลา บางคน แค่ชอบความแข็งแรงของผุ้ชาย บางคน แค่อยากใช้ชีวิตคู่กับคนที่เขารัก ที่เป็นเพศเดียวกัน บางคน ทำไปเพราะต้องหาเลี้ยงชีพ ยิ่งเราแยกได้ละเอียดเท่าไหร่ เราก็จะสามารถทำความเข้าใจเหตุ และ การตัดสินใจ ของเขาได้ง่ายขึ้น ในกลุ่ม การเมืองของไทย ถูกนำเสนอในรูปแบบเหมารวมแยกเป็นสองขั่วอย่างสุดโต่ง จึงมีความเกลียดชัง และไม่ยอมรับความต่างกัน เพราะมันมีความต่างกันในหลายประเด็นเกินไป ถ้าเราสอนกันให้ แยกแต่ละกลุ่มให้เป็นกลุ่มย่อยๆมากๆ เราก็จะพบว่า เขาต่างกับเราแค่บางเรื่อง แต่เหมือนกับเราในอีกหลายๆเรื่อง เราก็จะทำความเข้าใจเข้าได้มากขึ้น จากคุณ : รวมพล คนธรรมดา เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 10:54:40

ความคิดเห็นที่ 12   ^ ^ หมายถึงพยายามแยกกลุ่มย่อยในความต่าง เพื่อหาความเหมือนหรอคะ เจ๋งดีอะ จากคุณ : หนูงี๊ดๆ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 10:58:58 A:75.40.207.60 X: TicketID:273559

ความคิดเห็นที่ 13 ขอแนะนำเจ้าของกระทู้ ลองอ่าน น่าสนใจ และเขียนได้สนุกมาก ไม่แน่ใจว่ามีแปลเป็นภาษาไทยหรือเปล่า End of History -Francis Fukuyama Clash of Civilizations Identity and Violence-Amartya Sen จากคุณ : หัวหอมกะซาวครีม เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 11:00:16

ความคิดเห็นที่ 14 อีกอย่าง ก็ลองศึกษา ไกรวัลยธรรม ซึ่งพ้องกับ #11 ความคิดนี้ ก็พ้องกับสิ่งที่ อมาตยา เซน เสนอเหมือนกัน เมื่อเราเห็นสิ่งหนึ่งในทุกสิ่ง และทุกสิ่งในสิ่งเดียว ก็จะำพบว่าไม่มีเส้นแบ่งแยกที่แท้จริง เราจะเห็นว่าทุกคน ทุกชาติ  ทุกศาสนา ทุกสังคม เหมือนกัน มากกว่าต่างกัน ถ้าขอบเขตเป็นสิ่งสมมติ ก็ไม่มีเรา ถ้าไม่มีเรา ก็ไม่มี เขา ถ้าไม่มีเรา ไม่มี เขา ก็ไม่มี พวกเรา หรือ พวกเขา มีแึค่ทุกๆ คน ที่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่ากัน ไม่เหมือนกัน แต่ไม่ต่างกัน แนวคิดนี้เป็นหลักสำคัญของ ทั้ง Liberalism และ Internaltionalism ซึ่งมีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ หากแนวทางนี้พัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เราก็คงจะได้เห็นสังคมที่ประนีประนอมกัน ในอนาคตอันใกล้ เริ่มจากประเทศที่พัฒนาแล้วก่อน ที่จริงความด้อยถอยของการประนีประนอม สังคมสมานฉันท์ มีขึ้นชัดเจนเพียงสมัยการก่อตั้งรัฐเอกราช โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐชาติ ในสมัยจักรวรรดินิยม รัฐหลายรัฐสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปรองดอง (Cosmopolitanism) หรืออย่างน้อยก็ไม่มีปัญหามากนัก เนื่องจากทุกเชื้อชาติ มีส่วนร่วม ในการปกครองตนเอง และเล็งเห็นถึงความสำคัญของวัฒนธรรมที่มีร่วมกัน ดังที่เห็นในจักรวรรดิ จีน เปอร์เซีย ออตโตมัน หรือ แม้กระทั้งกรีก และโรมัน ในส่วนยุโรป แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 53 11:27:16 จากคุณ : หัวหอมกะซาวครีม เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 11:03:00

ความคิดเห็นที่ 15 จากความเห็นที่ 11 ผมจึงเชื่อว่า ถ้าจะให้เกิดผลเป็นการยอมรับความคิดที่แตกต่าง ไม่น่าจะใช่การเปิดหลักสูตร สอนเด็กๆ แต่น่าจะเปิดหลักสูตร สอนสื่อสารมวลชน มากกว่า ว่าอย่าเล่นกับไฟ จากคุณ : รวมพล คนธรรมดา เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 11:15:34

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นไปไม่ได้ เพราะมีนามธรรมเรื่องความต่าง รูปธรรมย่อมเป็นไปเช่นนั้น มีนามธรรมเรื่องความดีความชั่ว ก็แบ่งคนออกเป็นคนดีคนชั่ว มีนามธรรมเรื่องความเก่งไม่เก่ง ก็จะแบ่งคนออกเป็นคนเก่งคนไม่เก่ง มีนามธรรมเรื่องสวยไม่สวย ก็จะแบ่งคนออกเป็นคนสวยคนไม่สวย อยากกำจัดความต่างก็ต้องกำจัดที่ต้นตอคือนามธรรมเหล่านั้น เพียงแต่จะทำได้หรือ ในเมื่อนามธรรมเหล่านี้อยู่คู่มนุษย์มานานแสนนาน แล้วหากนามธรรมเหล่านี้เป็นสัจจะของจักวาล การกำจัดมันออกไปย่อมเป็นไปไม่ได้ จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 11:24:32

ความคิดเห็นที่ 17 เป้นไปได้ยาก ผลประโยชน์ทั้งนั้น จากคุณ : วิศวเสนา เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 11:46:03

ความคิดเห็นที่ 18 เริ่มที่ตัวเราเอง   ถ้าเราทำได้คนอื่นก็ทำได้ แล้วกระแสสังคมจะเป็นพลังผลักดันคนสุดโต่งออกไปเอง.... จากคุณ : tiNgrOyArrAi เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 11:58:41

ความคิดเห็นที่ 19 ความแตกต่างเป็นแค่ข้ออ้างครับ ความขัดแย้งจริงๆเกิดจากการจัดสรรผลประโยชน์ไม่ลงตัวมากกว่าครับ จากคุณ : Sith Lord Nindle เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 12:38:05

ความคิดเห็นที่ 20 แตกต่างและขัดแย้งหรือแบ่งเป็นกลุ่มก้อนเป็นเรื่องปกติธรรมชาติ สงครามเป็นวิธีหนึ่งในการจัดสรรผลประโยชน์ตามฐานอำนาจในแต่ละกลุ่ม แต่มีวิธีอื่นที่ไม่ต้องเสียหายล่มจมกันคือการเจรจา แต่หมายถึงเจรจาจริงๆที่ไม่ใช่การออกทีวีหาเสียงเพิ่มฐานอำนาจของตน มันเกิดขึ้นตลอดเวลาอยู่แล้วตามการเปลี่ยนแปลง ประเดนไม่ใช่ว่าคน2หูเจอคน3หู เมื่อไหร่เป็นกระโดดเข้าต่อย แต่เกิดจากโนบิตะ ไม่สามารถรวบรวมกำลังกับโดเรมอน ชิซูกะ เพื่อที่จะขอแบ่งขนมจากไจแอนด์ได้ แต่ก็ยังคิดจะทำอยู่ ก็หาวิธีต่างๆนาๆมา ซึ่งโดเรมอน กับชิซูกะเองก็ไม่สนับสนุน สุดท้ายไม่ยอมพูดคุยกันดีๆ ก็ต่อยตีกัน เจ็บตัวกันถ้วนหน้า แม้แต่ชิซูกะเองก็ได้รับลูกหลงไปด้วย จริงๆแล้วถ้ารู้จักคุยกันอย่างมีเหตุผล ไจแอนด์ก็ต้องฟังเหตุผลของเพื่อนๆ เพราะไจแอนด์ถ้าจะต้องอยู่คนเดียว ก็จะไม่ใช่ไจแอนด์ สรุป ควรจะเพิ่มโดเรมอนเข้าไปในหลักสูตรมั้ย ... เพิ่มอิคิวซังเข้าไปอาจจะดีกว่า จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 16:29:57

ความคิดเห็นที่ 21   แค่คิดว่าคนอื่นก็คือมนุษย์ไม่ใช่ทาศ หรือสัวต์เลี้ยงที่ต้องคอยเชื่อฟังตน ทุกคนล้วนเป็นมนุษยเหมือน ๆ กัน แค่นี้ล่ะแก้ได้ล่ะ จากคุณ : devilamature2 ผู้ถูกล่า เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 23:44:17 A:115.87.113.202 X: TicketID:269402

ความคิดเห็นที่ 22 การยอมรับในความต่าง มิใช่ทำให้เหมือนกัน จากคุณ : KL เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 02:24:55