ความคิดเห็นที่ 1 การต่อ N เข้ากับ G มันเป็นมาตรฐานที่เขากำหนดไว้ ทีนี้หากข้างนอกต่อผิด จุดต่อ N+G จะกลายเป็นตัวสร้างปัญหาอย่างร้ายแรงทันที คือไฟจะวิ่งมาทางเส้นสีแดงๆที่ผมลากไว้ ไปทางสายสีเขียว(สายดิน)ไปสู่โครงเครื่องไฟฟ้าโดยตรง  พิจารณาดีๆ จะเห็นว่ามันไม่ผ่านเบรกเกอร์ใดๆ ดังนั้นต่อให้มีเซพทีคัต มันก็ไม่ตัด เพราะมันไม่เห็นกระแสเส้นนี้.... และหากเห็นคนโดนไฟดูดจากกรณีนี้  อย่าคิดว่าปิด MAIN Breaker แล้วคือตัดไฟแล้วจะไม่มีกระแสไฟ   ดูดีๆ จะเห็นว่าปิดตรงเมนก็ไม่ช่วยอะไร  ไม่มีเบรกเกอร์ตัวไหนตัดไฟได้เลย  พูดง่ายๆว่าตัดไฟไม่ได้เลย ต่อให้ปิดหมดทุกตัวก็ยังมีไฟรั่วอยู่ เข้าไปช่วยก็โดนดูดอีกคนแน่นอน     แม้แต่เบรกเกอร์หน้าห้องน้ำของน้ำอุ่นก็ปิดไฟเส้นนี้ไม่ได้เพราะมันปิดแค่สายสีดำกับเทาเท่านั้น แต่ไฟนี้ไปทางสายสีเขียว....   มาทางเดียวที่จะตัดไฟได้คือไปถอดสายที่มิเตอร์ออก แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 53 03:11:53 แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 53 02:57:22 จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 02:54:16

ความคิดเห็นที่ 2 กรณีนี้หากสายดินที่ฝังลงดินทำได้ดีพอ  สิ่งที่จะเกิดคือเกิดการลัดวงจรอย่างรุนแรงตอนที่พนักงานเสียบสายคืนเข้าที่มิเตอร์  เสียบปุ๊ปจะตูมตรงนั้นเลย  ถ้าสายดินไม่ดีมากอาจจะไม่ตูมทันทีเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติแต่หลักดินที่ฝังจะร้อนจัดมากๆ อาจไฟไหม้ได้   กรณีที่เป็นข่าวไฟดูดนั้น เชื่อไหมว่าหากตอนที่ต่อไฟผิดเข้ามาถ้าตอนนั้นเครื่องทำน้ำอุ่นเขาไม่ได้ต่อสายดินมาที่ตู้เมนกลับจะปลอดภัยกว่าซะอีกเพราะไม่มีเส้นทางให้ไฟย้อนไปหา (ไม่มีเส้นสีเขียวตามภาพข้างบน)  ตอนต่อไฟเข้าผิดนั้นเครื่องไฟฟ้าทุกอย่างที่มีระบบกราวด์ต่อร่วมเข้ากับระบบไฟของบ้านจะกลายเป็นจุดอันตรายทันที ใครที่ทำไว้ถูกต้องแล้วคือต่อ N+G ไว้ และไม่เคยค้างค่าไฟก็ไม่มีใครไปปลดสายเข้า-ออก ก็จะลดโอกาสเจอต่อสายผิด    ถ้าใครชอบให้โดนตัดไฟบ่อยๆก็ระวังหน่อยหากต่อ N+G ไว้  ลองไปหาทางเขียนไว้ที่สายตรงมิเตอร์ก็ได้(บางทีสายดันสีดำเหมือนกันสองเส้น)ว่าเส้นไหน L จะได้ไม่พลาด กลับกันถ้าสมมุตไม่ได้ต่อ N+G ไว้ คือสายใครสายมัน  กรณีต่อผิดนี้จะยังไม่เกิดอันตรายแบบนี้ แต่มันก็แฝงอันตรายไว้คือเบรกเกอร์ 1 pole ทุกตัวจะกลายเป็นอยู่ฝั่งนิวทรอลทันที ทำให้ OFF แล้วยังมีแรงดันไฟอยู่ที่เครื่องไฟฟ้า สรุปงานนี้คนต่อสายเข้ามิเตอร์ผิดครับที่ต่อสลับ   จะไปโทษมาตรฐาน N+G ซะทีเดียวก็ไม่ได้ครับ จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 03:09:47

ความคิดเห็นที่ 3   ประเด็นก็คือ การไฟฟ้า ต้องรับผิดชอบ   เพราะ คนตาย ไม่ผิด 100% จากคุณ : FoXnews เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 03:35:53

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าบ้านต่อสายกราวด้วยขนาดสายและหลักดินกราวถูกต้อง ถ้าช่างไฟฟ้าต่อสายกลับเข้าบ้านเราLกับ N จะลัดวงจรทันที ฟิวที่เสาไฟจะขาด ทุกคนในบ้านปลอดภัยครับ ที่มีคนตายเพราะไม่ได้ต่อสายดินหรือขนาดสายดินเล็กเกินไปมากกว่า พอต่อสายไฟเข้าบ้านกลับขั้ว สายดินจะไหม้ขาดทันที คนก็อาจจะถูกไฟดูดตายได้เพราะไม่มีสายกราวแล้ว จากคุณ : joe (aircraftdesigner) เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 06:43:19

ความคิดเห็นที่ 5 และมันเกี่ยวอะไรกับ LV ละครับเนี่ย จากคุณ : Shinemon คุง เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 08:02:19

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นหัวกระทู้ นึกในใจเลย "ต้องเป็นความต้องการของสามีเป็นแน่แท้" จากคุณ : haman_zaa เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 08:09:39

ความคิดเห็นที่ 7 เหมือนที่ผมเคยเอามาเล่าให้ฟัง นั่น 2 คน โดนไฟดูดอย่างแรงทั้งคู่ ล้มโดนเศษอะไรบาด เลือดสาดเต็มบ้าน ( ลากออกมาจากห้องน้ำ ) แทบจะเสียชีวิตทั้งคู่ นั่นโครงการบ้านผิด  ช่างไฟหมู่บ้านต่อสลับ เซพทีคัท ไม่ผิด แต่ ก็ร่วมชดใช้ รอดมาได้เป็นบุญหนักหนา ครับ จากคุณ : ทุ่มเท เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 09:37:27

ความคิดเห็นที่ 8 เคยเห็นกราวด์หลอกไหมครับ  ผู้รับเหมาขี้เกียจตอกกราวด์เลยไปดึงสายนิวทรอลมาทำกราวด์ ทีนี้พอใช้มิเตอร์วัด มันก็เลย  0 V เราก็เลยนึกว่ากราวด์ดีมาก(จริงๆแล้วมันก็คือเส้นเดียวกันนั่นเอง) แต่เอาเข้าจริงกลายเป็นว่าไม่มีกราวด์เลย  กรณีในข่าวคงเป็นเช่นนี้ เพราะถ้าดึงนิวทรอลมาทำกราวด์ ก็จะไม่มีจุดที่สายกราวด์จะลงดินจริง ดังนั้นถ้าช่างไฟมาสลับสาย มันจึงยังไม่ช็อตเพราะยังไม่มีจุดไหนที่ทำให้ไฟลัดวงจรลงดินได้ มันจึงเป็น Line 2เลย โดยLine เส้นที่มาทางกราวด์ก็จะไม่มีเบรกเกอร์ตัดไฟ กราวด์นั้นส่วนมากจะเชื่อมต่อกับตัวถังของเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่เเล้ว เช่น ตัวถังของตู้เย็น ตัวถังของเครื่องซักผ้า หรือหม้อต้มของเครื่องทำน้ำอุ่น  จึงเกิดปัญหาเมื่อจะทำการช่วยเหลือผู้ถูกไฟดูดดังกล่าว จากคุณ : sanchai0045 เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 09:46:53

ความคิดเห็นที่ 9 #7 เคสนั้นคุ้นๆ นะครับ ไปหาอ่านได้ที่ห้องชายคา ... ไฟดูดเลือดสาด ว่าแต่ กรณี เอาผิดใครได้ไหมเนี่ย - -* จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 10:04:38

ความคิดเห็นที่ 10 ที่บ้านผมเป็นลักษณะแบบนี้(ยังไม่ต่อสายดิน) ถ้าต่อสายดินตามในรูป จำเป็นไหมต้องเดินสายดินในบ้านด้วย เช่นปลั๊กไฟต่างๆ จากคุณ : discover_darkside เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 10:18:34

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นเรื่องที่น่ากลัวและน่าเศร้า ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร คงไม่มีใครให้เกิดแบบนั้น เพราะนี่เป็นเรื่องถึงแกชีวิตทั้งคนถูกระทำและคนกระทำ คงขำไม่ออกหากเจอเข้ากับใคร จากคุณ : nnittayo เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 10:23:51

ความคิดเห็นที่ 12 ผมขอเรียนถามคุณ Ph และท่านอื่น ๆ ด้วยครับ ว่า ,,ในภาพ คห.1 นั้น หากมีการต่อหลักดินอย่างดี แล้วไฟจะยังไปดูดคนในบ้านได้หรือไม่ครับ เพราะไฟฟ้าน่าจะลงหลักดินได้ดีกว่า ดีกว่าไปไหลผ่านร่างกายคนในบ้าน ที่ยืนอยู่บนพื้น (ปูน กระเบื้อง ปาเก้ร์) ในบ้าน และขอถามคุณ Joe เพิ่มเติมว่า หากเราต่อหลักดินอย่างดี ถูกต้อง ,,แต่ช่างต่อสาย L-N สลับกัน กระแสจะสูงขนาดเหมือนกับลัดวงจรเลย จน fuse ที่เสาไฟขาดเลยหรือครับ ผมนึกว่าแค่ไฟฟ้าไหลลง ground จำนวนมากแค่นั้น แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 53 10:37:51 จากคุณ : James Cook ในร่าง AVATAR (ลู่) เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 10:34:29

ความคิดเห็นที่ 13 น่ากลัวมากค่ะ แฟนเราเป็นช่างไฟ เดี๋ยวเอาให้เค้าอ่านจะได้ระวังมากขึ้น ปล.กระทู้นี้ค่อนข้างจะน่าเศร้านะคะ อย่าล้อกันเล่นเรื่องนี้เลย - - จากคุณ : pojako เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 10:40:49

ความคิดเห็นที่ 14 ขอถามจากคนไม่รู้เรื่องวิศวกรรมไฟฟ้าครับ มาตรฐานที่ต้องให้ N-G มีเหตุผลยังไงเหรอครับ? จากคุณ : Pomzazed เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 10:49:27

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่เข้าใจ ทำไมต้องต่อแบบนั้น บ้านผมทั้ง L และ N จะต้องผ่าน main braker ก่อนครับ และจะแยกผ่าน braker 2 ploe อีกครั้งไปยังจุดต่างๆ (ทำเอง) ส่วนสาย G แยกต่างหากครับ จากคุณ : BMT830 เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 11:35:46

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้่าต่อสายกราวกับหลักลงดินถูกต้อง ถ้่าต่อสายไฟเข้ามิเตอร์กลับขั้ว กระแสจะไหลลงดินสูงมากๆจนฟิวที่เสาไฟฟ้าขาดครับ ลองดูก็ได้ครับ ต่อกลับขั้วที่สายไฟเข้ามิเตอร์ที่หน้าบ้านเรา แต่ต่อผ่านฟิวสัก๒๐แอมก็ได้ ฟิว๒๐แอมจะขาดทันที วิธีนี้เป็นวิธีจะตรวจระบบสายกราว ว่าช่างต่อถูกต้องและปลอดภัยหรือไม่ จากคุณ : joe (aircraftdesigner) เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 11:44:28

ความคิดเห็นที่ 17 #8 นั่นบ้านผมครับ ต่อแบบนั้นเลย เพิ่งมาสังเกตอะ ว่าไม่มีสายดิน อุเหม่  ไม่งั้นจะลากผู้รับเหมามาเสียบประจานที่เสาไฟฟ้าหน้าบ้านสะหน่อย จากคุณ : NaCl เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 11:45:22

ความคิดเห็นที่ 18 บ้านผมเก่าแล้ว ไม่มีระบบสายกราวด์ในบ้าน อยากได้กราวด์จุดไหน ต้องต่อต่างหากเอาเอง เครื่องซักผ้า เครื่องทำน้ำร้อน ผมซื้อแท่งกราวด์มาต่อเอง จุดละ 1 อัน ของใครของมันไปเลย แบบนี้จะมีผลเสียอะไรไหมครับ? จากคุณ : ปลายทางของลูกผู้ชายที่พ่ายแพ้ เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 12:12:40

ความคิดเห็นที่ 19   ด้วยความประมาททำไห้นตายได้เลยนะครับ นึกถึงตำรวจคนนึงที่ไม่ต่อสายดินแล้วโทษว่าเป็นเพราะเครื่องทำน้ำร้อนจากจีนเลย โรงแรมที่ผมไปวางระบบคอมพิวเตอร์ การไฟฟ้าก็ต่อมาผิดครับ ช่างไฟของโรงแรมเขาก็แก้(แถวๆๆช่องนนทรี) เรื่องแบบนี้ต้องระวังไห้มากครับ บางคนถึงกับยอมเลี้ยงเหล้าช่างไฟที่บ้านเพื่อให้เขามาดูการเดินไฟภายในบ้านให้เลย จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 12:36:15

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าจะต่อสายดินให้ถูกต้องต้องต่อยังไงครับ จากคุณ : เดอะหลอน เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 13:33:28

ความคิดเห็นที่ 21 เรื่องไฟฟ้าผมไม่เคยเชื่อใคร ไขควงวัดไฟติดกระเป๋าเสื้อเสมอ วัดทุกสายก่อนทำงาน ถ้าเป็นผมๆจะจี้ดูก่อนสับคัทเอาท์ครั้งแรกก็จะรู้ก่อน เพราะคนกฟน.ก็คือคนที่อาจทำผิดพลาดได้ จากคุณ : Cyber Sage เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 13:40:52

ความคิดเห็นที่ 22   ^ รอบคอบดีครับ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 13:53:07

ความคิดเห็นที่ 23   แล้วทำไมเราไม่ต่อ  N-G  หลัง  fuse หรือ breaker ครับ? จากคุณ : Spirited Away เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 15:08:04

ความคิดเห็นที่ 24 คห.10   ถ้าต่อสายดินเข้าไปที่แผงคัตเอ้าท์ตามที่ถามแล้ว  ต้องต่อสายออกไปตามปลั๊กต่างๆด้วยครับถึงจะป้องกันไฟรั่วได้  เช่นคอมพิวเตอร์ ตู้เย็น พวกนี้ถ้ายังเสียบปลั๊กแค่ 2 ขาเท่ากับว่ายังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากสายดินที่ต่อไว้ จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 15:26:21

ความคิดเห็นที่ 25 คห.12  ถ้าต่อหลักดินดีจริง ฝังลึกจริง  ผลคือมันลัดวงจรรุนแรง (เหมือนกับการเอาสาย L ไปลัดวงจรกับ N ทีเดียว) ถ้าลัดวงจรรุนแรงขนาดนั้นถ้ามีฟิวส์(ที่ไม่ได้อยู่ในบ้าน)ที่ไหนสักแห่งมันต้องขาดครับ      เรื่องอันตรายกับคนหากไม่มีการตัดวงจรจากฟิวส์ใดๆเลย  คนในบ้านจะปลอดภัยก็ต่อเมื่อสายดินสามารถดึงแรงดันสายL จาก 220V ลงจนเป็น 0V. ได้   ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายนักกับกระแสไฟฟ้ามหาศาลที่มาจากสาย L สุดท้ายถ้าไม่มีฟิวส์เลยสายไฟที่ไหนสักแห่งต้องระเบิดขาดวงจรออกไป ถ้าโชคดีก็อาจจะขาดตรงตำแหน่งที่เหมาะสม  และมันเป็นไปไม่ได้ที่กราวด์ในบ้านจะปลอดภัยโดยที่ไฟในบ้านยังติดอยู่ได้  เพราะแรงดัน L มันเท่ากับสาย G   ดังนั้นถ้าไฟในบ้านติดอยู่แสดงว่าสาย G ยังมีแรงดันไฟฟ้าสูงอยู่แน่นอน แต่ถ้าไฟมันแค่ไหลลงกราวด์เฉยๆ ได้เรื่อยๆ เท่ากับว่ากระแสไม่รุนแรง กรณีนี้แสดงว่าหลักดินที่ฝังไว้ไม่ดีพอจึงมีแค่กระแสไหลผ่านจำนวนหนึ่งไหลทิ้งลงกราวด์ไป กรณีนี้แรงดันสาย L จะยังเป็น 220 ตามปกติ และแรงดันกราวด์ทั้งบ้านก็ 220 เช่นกัน... แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 53 15:57:18 แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 53 15:51:58 จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 15:37:17

ความคิดเห็นที่ 26 การต่อ N-G เข้าหากันมันก็มีข้อดีอยู่ คือ หากสมมุตไฟตู้เย็นรั่ว เช่นสาย L โดนหนูกัดจนมาสัมผัสโดนโครงตู้เย็น... แบบนี้จะทำให้เกิดการลัดวงจรโดยสมบูรณ์แบบเพราะกระแสจะวิ่งทางสายสีเขียวกลับไปที่ตู้เมนและวิ่งไปสู่สาย N ในที่สุด  เสมือนว่าลัดวงจรระหว่าง L กับ N  ทำให้กระแสในวงจรพุ่งสูงขึ้นมากจนพอที่จะทริปเบรกเกอร์ในวงจรนั้น   ถ้าไม่ได้ต่อกราวด์เข้า N ไว้ กระแสก็จะต้องวิ่งลงหลักดินแทน   แต่ในสภาวะปกติไฟมันไม่ได้รั่วเต็ม 100% แบบนี้   สายดินจะทำงานได้สบายโดยคนไม่โดนดูด(กับกระแสรั่วเล็กน้อยตามปกติ)  แต่กรณีเลวร้ายสุดที่สาย L เกิดมาสัมผัสโครงโดยตรงหากดินแห้งหรือนำกระแสได้ไม่ดีพอกระแสก็ไหลลงดินน้อยจนอาจต่ำกว่าจุดทริปของเบรกเกอร์ในวงจรนั้นๆ ทำให้ไฟยังคงจ่ายอยู่รอคนมาสัมผัสและโดนไฟดูด และการต่อ N-G ยังช่วยให้ปลอดภัยมากขึ้นหากฟ้าผ่าลงสายด้านนอกด้วย เพราะแรงดันสายคู่นี้ในเครื่องไฟฟ้าจะถูกบังคับไว้ให้เท่ากัน แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 53 16:00:10 แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 53 15:47:43 จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 15:43:47

ความคิดเห็นที่ 27   อยากให้วิศวกรไฟฟ้ามาตอบหน่อยว่า ข้อแตกต่างระหว่าง GกับNต้องร่วมหรือแยกกันเพราะเหตุใด จากคุณ : อาร์ตี้ เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 16:18:35 A:124.122.160.29 X: TicketID:274053

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณ คุณ Ph ครับ เรื่องกระแสขนาดใหญ่ที่ลง ground จนฟิวส์ขาด เป็นความรู้ใหม่สำหรับผมเลย ผมเข้าใจมาตลอดว่า กระแสลง ground ที่ตอกดี ๆ นั้น ไม่น่าจะถึง 1 แอมป์ด้วยซ้ำ ขอบคุณที่อธิบายให้ครับ จากคุณ : James Cook ในร่าง AVATAR (ลู่) เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 16:39:18

ความคิดเห็นที่ 29 ground มันต้องแยกสิ จะไปต่อร่วมกันทำไม สาย Nutral ของการไฟฟ้ามันก็ต่อลง earth อยู่แล้ว ดูสายไฟแรงสูงสิ เขาจะเดินไฟแค่ 3 เส้น 3 เฟส เท่านั้น จากคุณ : .eAT เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 18:24:32

ความคิดเห็นที่ 30 เรื่อง ground หลอกเนี่ย  มีอยู่เยอะครับ หลาย ๆครั้ง  เวลาไปติดตั้งเครื่องตามโรงพยาบาลต่าง ๆ แล้วเห็นว่ามีปลั๊ก 3 รู  แล้วแจ้งว่ามีสายดิน เจอมาเยอะแล้ว  ที่พอเอามิเตอร์ไปจิ้ม  ปรากฎว่าไม่จริง เล่นเอาเครื่องมือรวนกันมา  แบบหาสาเหตุไม่เจอเยอะแยะไปครับ  หลัง ๆ เลิกไว้ใจเลย จากคุณ : specimen เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 20:37:57

ความคิดเห็นที่ 31 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 22:06:40

ความคิดเห็นที่ 32   บ้านผม ไม่มีกราวใดๆทั้งสิ้น แต่มีเครื่องตัดไฟ กะคัทเอ้าท์ ถ้าไฟเกิน ไฟช็อต มันจะตัดทันที จากคุณ : lastman เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 22:34:06 A:58.9.15.58 X: TicketID:252531

ความคิดเห็นที่ 33 คห.6 นี่ ความคิด... จากคุณ : ZU_RJ เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 23:39:12

ความคิดเห็นที่ 34 เคยเจอมาแล้ว  สร้างบ้านใหม่ก่อนเปลี่ยนไฟเป็น 15 A  ไฟที่ตู้รวมไม่เคยดูด   พอเปลี่ยนเป็น 15 A  ค่าไฟเพิ่มขึ้นมาก  ไปจับตู้มันดูดเลย   ไปแถวที่ฝังหลักดิน บริเวณนั้นร้อน เรามีความรู้เรื่องนี้ค่อนข้างมากแต่ไม่อยากยุ่ง ตามไฟฟ้ามาเขาบอกช่างไฟเราต่อไฟผิด ให้ช่างไฟเรามาแก้  เราบอกตามที่บอกข้างต้น ก็ยืนยันว่าช่างไฟเราต่อไฟผิด  เรารำคาญตามช่างไฟเรามาแก้สลับสายที่เข้าตู้เมน  ช่างไฟเราบอกไฟฟ้ามันมั่ว   เราก็ว่าจริง  ไฟฟ้าที่เราว่านะไฟฟ้า อ.เมืองลำปางครับ จากคุณ : ต้องผ่านไปให้ได้ เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 53 00:07:46

ความคิดเห็นที่ 35   หรือว่าจะเป็นอย่างนี้ วิเคราะห์ ตามหลัก วิศวะกะ ไม่ใช่ วิศวะกร การไฟฟ้า กลัวว่า ถ้า นิวตรอนที่ระบบส่งขาดแล้วไฟก็จะเกิน เป็น 380 V เครื่องใช้ไฟฟ้าบ้านประชาชนก็จะ พังหมด ก็เลยกำหนดว่า ถ้าบ้านสร้างใหม่ จะขอไฟ ต้องมีระบบกราวด์ รวมกัน ระหว่าง   E + N คือถ้าต่อกราวด์ แบบนี้แล้ว ก็ใช้ประโยชน์ได้ ทั้ง 2 อย่างคือ    1  ถ้า สาย นิวตรอน ขาด ไฟ ก็จะไม่เกิน วัดได้ 220 v เพราะ ยังไงก็ลง     ดินอยู่แล้ว  2  ยังได้ประโยชน์ จาก การป้องกันไฟดูด เหมือนเดิม  3  ถ้าแก้ปัญหาที่ตรงนี้ ก็จะแก้ง่ายกว่า เพราะไม่รู้ว่าสาย นิวตรอน จะ  ขาด  อีกเมือไร ถ้าต่อ E แบบแยก ไม่รวม N ด้วย ก็จะป้องกันไฟดูดได้อย่างเดียว ถ้า นิวตรอนขาด ไฟก็จะเกิน เป็น 380 V ทำความเสียหายให้เครื่องใช้ไฟฟ้า ได้ และการไฟฟ้า ก็ต้องจ่ายค่าเสียหายให้ จากคุณ : สำราญ บานบุรี เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 53 16:12:59

ความคิดเห็นที่ 36   กฟน.ต่อสายไฟผิด  เผลอสลับสาย  L-N ที่หน้าบ้าน แล้วชอร์ต คนตาย ผมว่าเกิดจากการที่บ้าน ไม่ได้ ตอกหลักดิน  หรือ สายที่ต่อไป หลักดิน ขาด  หรือ ต่อทุกอย่างครบ แต่ ค่าความต้านทานไม่ได้ จากคุณ : สำราญ บานบุรี เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 53 16:32:27

ความคิดเห็นที่ 37   N  บ้านข้างๆ ขาด ไฟฟ้าก็ไหล ลง G จาบ้านข้างๆ  เข้าตัวเราขณะอาบน้ำ ผ่าน G-N ของเรา ก็ได้เช่นกัน แบบนี้ โดนดูดอยู่ดี  เพราะบางที  G ของเพื่อนบ้าน มันไกลจาก G ของการไฟฟ้า มันเลยไฟลผ่านคนที่กำลังอาบน้ำ(ความต้านทานต่ำมากๆ) ไปยังเครื่องทำน้ำอุ่น  กลับไปที่  G-N แล้วผ่าน  N ออกไปการไฟฟ้า โดนดูดแน่นอน จากคุณ : Spirited Away เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 53 23:33:42

ความคิดเห็นที่ 38 รูปจาก #1และ #8 การต่อแบบนี้มีผลดี สำหรับการไฟฟ้าครับ เหตุผลหนึ่งคือ            ในกรณีมีฟ้าฝ่าลงในสาย แล้วจะทำให้กระแสไฟฟ้าที่เกิดไหลผ่านจุดกราวด์ตามบ้านผู้ใช้ไฟฟ้าครับ ถ้าไม่มีจุดกราวด์ของผู้ใช้ไฟ จุดที่กระแสไฟฟ้าจะไปที่ หม้อแปลงของ การไฟฟ้า ข้อเสีย             ถ้าบ้านใดต่อแบบที่กล่าวมาแล้ว ถ้าระบบกราวด์ไม่ดี ก็จะมีผลเสียคือ สายไหม้ เครื่องใช้ไฟฟ้าพัง           กรณีต่อสายผิดมิเตอร์หน้าบ้านอาจพังได้ เพราะเหมือนการต่อลัดวงจร สายไฟ กับ กราวด์ หรืออาจจ่ายไฟเพิ่มขึ้น การแก้ไข          ถ้าเป็นระบบไฟ 3 เฟส 4 สาย การต่อแบบนั้น อาจเกิดการสลับสายน้อยกว่า การต่อแบบ 1 เฟส 2 สาย          ถ้ามีการต่อดัง #1 และ 8 มีผลเท่ากันคือเมื่อสับคัทเอาว์ทลงมา  จึงเป็นอันตรายเช่นกัน          การต่อที่ปลอดภัยเราควรแยกสาย G และ N(ระบบ)          หลังแผงสวิตท์ควรแยก N(ระบบ)  G ที่เราต่อลงดินออกต่างหาก จะทำให้ไฟที่ใช้ในบ้านมี 3 สาย คือ  L(ไฟระบบ)-N(ระบบ)-G(ต่อลงดิน)   และไม่ควรต่อ N-G เข้าด้วยกัน เหตุผลเพื่อการแยกระบบออกจากระบบใหญ่ เพื่อป้องกันเฉพาะส่วนเท่านั้น ( ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันทำไมออกแบบมาแบบที่ให้ใช้จุดกราวด์กับผู้ใช้ไฟ)         ถ้าท่านใดสังเกตุเห็น การเชื่อมเหล็กจะมีหม้อแปลงอีกหนึ่งชุดเพื่อเป็นการแยกระบบ G ออกจากระบบใหญ่เพื่อความปลอดภัย ซึ่งจะเห็นว่าคนงานสามารถจับสายนั้นได้ด้วยมือเปล่าทั้งที่ยืนบนพื้นดิน          ผมว่าควรยกเลิกการกำหนดมาตราฐานแบบที่ #1 ได้แล้ว ไม่ปลอดภัยต่อระบบบ้านที่กราวด์ไม่ได้มาตราฐาน จะส่งผลเสียมากกว่าดี ต่อผู้ใช้ไฟฟ้า จากคุณ : rsco4 เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 06:47:00

ความคิดเห็นที่ 39 ต่อตามรูปที่ 1 ถูกต้องแล้วครับ http://www.mea.or.th/apd/4/main.htm 1.จุดต่อลงดินของระบบไฟฟ้า (จุดต่อลงดินของเส้นศูนย์หรือนิวทรัล) ต้องอยู่ด้านไฟเข้าของเครื่องตัดวงจรตัวแรกของตู้เมนสวิตช์ 2.ภายในอาคารหลังเดียวกันไม่ควรมีจุดต่อลงดินมากกว่า 1 จุด 3.สายดินและสายเส้นศูนย์สามารถต่อร่วมกันได้เพียงแห่งเดียวที่จุดต่อลงดินภายในตู้เมนสวิตช์ ห้ามต่อร่วมกันในที่อื่น ๆ อีก เช่น ในแผงสวิตช์ย่อยจะต้องมีขั้วสายดินแยกจากขั้วต่อสายศูนย์ และห้ามต่อถึงกันโดยมีฉนวนคั่นระหว่างขั้วต่อสายเส้นศูนย์กับตัวตู้ซึ่งต่อกับขั้วต่อสายดิน 4.ตู้เมนสวิตช์สำหรับห้องชุดของอาคารชุดและตู้แผงสวิตช์ประจำชั้นของอาคารชุดให้ถือว่าเป็นแผงสวิตช์ย่อย ห้ามต่อสายเส้นศูนย์และสายดินร่วมกัน 5.ไม่ควรต่อโครงโลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้าลงดินโดยตรง แต่ถ้าได้ดำเนินการไปแล้วให้แก้ไขโดยมีการต่อลงดินที่ เมนสวิตย์อย่างถูกต้องแล้วเดินสายดินจากเมนสวิตช์มาต่อร่วมกับสายดินที่ใช้อยู่เดิม 6.ไม่ควรใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์ชนิด 120/240 V กับระบบไฟ 220 V เพราะพิกัด IC จะลดลงประมาณครึ่งหนึ่ง 7.การติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่ว จะเสริมการป้องกันให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เช่น กรณีที่มักจะมีน้ำท่วมขัง หรือกรณีสายดินขาด เป็นต้น และจุดต่อลงดินต้องอยู่ด้านไฟเข้าของเครื่องตัดไฟรั่วเสมอ 8.ถ้าตู้เมนสวิตช์ไม่มีขั้วต่อสายดินและขั้วต่อสายเส้นศูนย์แยกออกจากกัน เครื่องตัดไฟรั่วจะต่อใช้ได้เฉพาะวงจรย่อยเท่านั้น จะใช้ตัวเดียวป้องกันทั้งระบบไม่ได้ 9.วงจรสายดินที่ถูกต้องในสภาวะปกติจะต้องไม่มีกระแสไฟฟ้าไหล 10.ถ้าเดินสายไฟในท่อโลหะ จะต้องเดินสายดินในท่อโลหะนั้นด้วย 11.ดวงโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์ติดตั้งที่เป็นโลหะควรต่อลงดิน มิฉะนั้นต้องอยู่เกินระยะที่บุคคลทั่วไปสัมผัสไม่ถึง (สูง 2.40 เมตร หรือห่าง 1.50 เมตร ในแนวราบ) 12.ขนาดและชนิดของอุปกรณ์ระบบสายดิน ต้องเป็นไปตามมาตรฐานกฎการเดินสายและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ระบบครับ ปัญหาอยู่ที่บางครั้งความไม่รู้ของผู้รับเหมา  หรือ ช่างไฟจำเป็น ต่างๆๆ หรือความ ชุ่ยของบุคคลครับ ส่วน Case ที่เกิด ยืนยันตามที่คุณ Joe ว่าไว้ครับ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาถ้ามีการทำที่ถูกต้อง แล้วถ้ามีการลัดวงจรตัวตัดวงจรจะต้องทำงานครับ แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 53 12:21:30 แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 53 12:19:51 จากคุณ : ชิปโป เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 12:18:43

ความคิดเห็นที่ 40   เรื่องของเรื่อง เป็นแบบนี้เอง จากคุณ : ว่าแล้ว เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 22:13:23 A:124.122.79.207 X: TicketID:274349

ความคิดเห็นที่ 41 ใช้ safe t cut  อย่างเดียวไม่ได้หรอ ระบบ 2 สาย   ขนาน กันสัก 10 ตัว ป้องกันพลาด จากคุณ : แปดเทพอสูร เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 20:23:34

ความคิดเห็นที่ 42 N+G เป็นระบบป้องกันที่ดีสำหรับวงจรที่ต่อถูกต้อง (ไม่สลับ N กับ L ) แต่ปัญหาอยู่ที่วันดีคืนดี ลืมจ่ายเงินเขา ยกมิเตอร์ไป พอไปจ่ายเงินกลับต่อสลับเฟสให้เราซะงั้น   คราวนี้ยุ่งเลย ระบบป้องกันที่ดีที่สุด กลับเป็นอันตรายที่สุด เราจะป้องกันยังงัยกันดี 1. หาสีไปทำสัญญลักษณ์สาย เฟส ให้เห็นชัดๆๆๆไปเลย 2. เครื่องทำน้ำอุ่นต่อกราวนด์แยกออกจาก CB เลย มี10 เครื่อง ก้อทำสิบจุดไปเลย 3. ติด ELCB ( อาจจะไม่ได้ผล เพราะมันวัด L>N ถึงจะตัด) 4. ตรวจสอบสายต่อลงดินของเรามี ความต้านทานเป็นศูนย์หรือป่าว ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่าเป็นยังงัยครับ แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 53 10:01:21 จากคุณ : appleclubs เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 53 09:59:46

ความคิดเห็นที่ 43   - ทำ  G เพื่อ สำหรับ  N ต่างหาก - และ  G สำหรับความปลอดภัยต่างหาก แยกเป็นสองระบบเลย  จะดีกว่าไหม? จากคุณ : Spirited Away เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 17:37:27